วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดมุกดาหาร

วันนี้ (๓๐ มิ.ย. ๕๖) ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ พร้อมคณะ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางตรวจราชการพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ประธานชุมชนบ้านภูรายงานข้อมูลหมู่บ้านนำเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเยี่ยมชมวิถีชีวิตวัฒนธรรมภูไท และการท่องเที่ยวโฮมสเตย์ บ้านภู อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร โดยมี นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ส.ส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดมุกดาหาร รวมถึงข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับจำนวนมาก ในขณะที่นายกรัฐมนตรีให้ความชื่นชมในวิถีชีวิตวัฒนธรรมภูไท และการท่องเที่ยวโฮมสเตย์ ชาวภูไท บ้านภู เป็นอย่างมาก และพร้อมให้การส่งเสริมสนับสนุน หลังจากการเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้กล่าวปราศรัยและให้กำลังใจด้วยความเป็นกันเอง และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในวันเดียวกัน




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

นายกยิ่งลักษณ์ลงพื้นที่ยโสธร

ทัวร์นกขมิ้นนายกยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร ตรวจ เยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านดอนผึ่ง ต.บากเรือ อ.มหาชนะชัย ตรวจดูแหล่งน้ำห้วยลิงโจน อ.เลิงนกทา และตรวจเยียมกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี อ.เมืองยโสธร ก่อนเดินทางตรวจราชการที่จังหวัดมุกดาหาร ที่โรงสีข้าวกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านดอนผึ่ง ต.บากเรือ อ.มหาชนะชัย จังหวัดยโสธร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / นายนิวัฒนธ์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีนายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อม ส.ส พรรคเพื่อไทยจังหวัดยโสธร ประชาชนทั่วไปและคนเสื้อแดงให้การต้อนรับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อมาตรวจเยี่ยมและให้ กำลังใจพี่น้องเกษตรกรชาวนา โดยเฉพาะการผลิตข้าวอินทรีย์ที่สามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้ และตนพร้อมที่จะสนับสนุนงบประมาณในการขยายขนาดโรงสีให้สามารถผลิตได้วันละ มากๆ และส่งเสริมการผลิตจำหน่าย หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมโรงสีข้าวแล้วได้ทักทายกลุ่มเกษตรกรชาวนาและคนเสื้อแดง พร้อมกล่าวปราศรัยให้กำลังใจ จากนั้นได้เดินทางไปที่ อ.เลิงนกทาเพื่อตรวจดูแหล่งน้ำห้วยลิงโจน เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการขุดลอก พร้อมเข้าตรวจเยี่ยมกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี อ.เมืองยโสธร ก่อนที่จะเดินทางไปราชการจังหวัดมุกดาหารต่อไป

จังหวัดร้อยเอ็ดให้การต้อนรับนายรัฐมนตรีอย่างอบอุ่นก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรทำนาที่จังหวัดยโสธร

วันนี้ (30 มิ.ย. 56) เวลา 10.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางจากท่าอากาศยาน กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงท่าอากาศยานร้อยเอ็ด โดยมีนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มพลังมวลชน ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยมีกลุ่ม นปช.กว่า 30 คน ถือป้ายให้การต้อนรับด้เวย จากนั้น คณะของนายกรัฐมนตรีได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดยโสธรเพื่อตรวจเยี่ยมกระบวนการผลิต การแปรรูป และการตลาดของข้าวหอมมะลิอินทรีย์ กลุ่มเกษตรกรทำนาบ้านบากเรือ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร และจังหวัดมุกดาหาร ต่อไป


วิมล เร่งศึก/ข่าว
คมกฤช/ภาพ กมลพร
คำนึง/บก.ข่าว

จังหวัดร้อยเอ็ดอบรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป (เทศกาลเข้าพรรษา) ประจำปี 2556

นายพศิน โกมลวิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีปิดโครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป (เทศกาลเข้าพรรษา) ประจำปี 2556 ณ ศาลาการเปรียญวัดบูรพาภิราม (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกล่าวให้ผู้เข้าร่วมโครงการนำความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม


 
วิมล เร่งศึก/ข่าว
คมกฤช /ภาพ

กมลพร คำนึง/บก.ข่าว

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จังหวัดอุดรธานีจัดเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย 29 และ 30 มิ.ย. นี้

จังหวัดอุดรธานี จัดเวทีประชาเสวนา "หาทางออกประเทศไทย” ดึงภาคประชาชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน พระสงฆ์ นักศึกษา ร่วมพูดคุยหารือแนวทางสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ ในวันที่ 29 และ 30 มิถุนายน 2556 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี

วันนี้ (29 มิ.ย. 56 ) ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ดร.ณัติเทพ พิทักษานุรักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี เป็นประธานเปิดเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” โดยมีนายทองดี มนิสสาร นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ พันตำรวจโทสุรทิน พิมานเมฆินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี นายธนิต แสงพันธ์ พัฒนาการจังหวัดอุดรธานี ผู้แทนภาคการเมือง ภาคประชาชน หน่วยงานราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ ผู้นำทางความคิด ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา สื่อมวลชน และผู้สนใจร่วมเวทีจำนวนกว่า 1,000 คน

ทั้งนี้สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2555 อนุมัติโครงการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย พูดจาหาทางออกประเทศไทย ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป.ในประเด็นการส่งเสริมให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมได้เข้า ใจถึงสาเหตุแห่งความขัดแย้ง และแนวทางในการสร้างความปรองดอง เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก โดยกำหนดจัดเวที 108 เวทีทั่วประเทศ และใช้เขตเลือกตั้งเป็นตัวกำหนดจำนวนเวที จังหวัดที่มี 1 เขตเลือกตั้ง จัดเวที 1 ครั้ง จำนวนผู้ร่วมเวที จำนวน 300 คน จังหวัดที่มี 2-4 เขตเลือกตั้ง จัดเวที 1 ครั้ง 400-1,000 คน (จำนวน 200 คนต่อเขตเลือกตั้ง) จังหวัดที่มี 6-10 เขตเลือกตั้ง จัดเวที 2 ครั้ง และจังหวัดที่มี 11-15 เขตเลือกตั้ง จัดเวที 3 ครั้ง

จังหวัดอุดรธานี มีเขตเลือกตั้ง 9 เขต ดำเนินการจัดเวที 2 ครั้ง ณ โดยครั้งแรกจัดในวันที่ 29 มิถุนายน 2559 กลุ่มเป้าหมาย 983 คน ครั้งที่ 2 จัดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 กลุ่มเป้าหมาย 817 คน

สำหรับรูปแบบการจัดเวทีครั้งนี้เป็นการพูดคุยหาทางออกร่วมกันระหว่าง วิทยากรกระบวนการ อาทิ (ผศ.ดร.สุขุมวิทย์ ไสยโสภณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ,ผศ.ดร.กฤษฎา ณ หนองคาย มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ,ผศ.ดร.กิตติยาภรณ์ โชคสวัสดิ์ภิญโญ , อาจารย์ณัฎฐานุช เมฆรา ,อาจารย์พงศธร แสงสี ,อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ,อาจารย์มัทนียา กายแก้ว, อาจารย์สอนประจันทร์ เสียงเย็น ,อาจารย์ณัฎฐนันธ์ สุวรรณวงษ์ และนายสำเนียง เดชศร ประธานเครือข่ายผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนจังหวัด ) และผู้เข้าร่วมเวที เพื่อแลกเปลี่ยน และรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนนำสู่ข้อเสนอหาทางออกประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการปรองดอง ที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจร่วมกันของสังคม พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบ อิสระ ในประเด็นการหาทางออกประเทศไทย และหาข้อเสนอสร้างสรรค์ในการยุติความขัดแย้ง โดยทุกความเห็น ข้อเสนอที่สร้างสรรค์ จะนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม




ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

สพล.อุดรจัดมหกรรมกีฬาต้านยาเสพติด

สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตอุดรธานี จัดมหกรรมกีฬาต่อต้านยาเสพติด "IPE ANTI DRUG” โครงการป้องกันปัญหายาเสพติดผ่านกิจกรรมการออกกำลังกายกีฬาและนันทนาการ ส่งเสริมให้เยาวชนเล่นกีฬาห่างไกลยาเสพติด

วันนี้ (29 มิ.ย. 56) ที่โรงยิมเนเซียม 2 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตอุดรธานี นายพรชัย สินธุประสิทธิ์ รองอธิการบดี เป็นประธานเปิดมหกรรมกีฬาต่อต้านยาเสพติด "IPE ANTI DRUG” และเปิดนิทรรศการ โครงการป้องกันปัญหายาเสพติดผ่านกิจกรรมการออกกำลังกายกีฬาและนันทนาการ โดยมีคณะผู้บริหาร ครูอาจารย์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

นายประพนธ์ พูลลาภ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ สพล.อุดรธานี กล่าวว่า มหกรรมกีฬาต่อต้านยาเสพติด "IPE ANTI DRUG” โครงการป้องกันปัญหายาเสพติดผ่านกิจกรรมการออกกำลังกายกีฬาและนันทนาการ เป็นการสนองนโยบายของสถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตอุดรธานีจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยห่าง ไกลจากสิ่งเสพติดทั้งหลาย ให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของยาเสพติดที่จะได้หลีกเลี่ยงอย่างปลอดภัย และช่วยกันรณรงค์ป้องกันให้สถานศึกษา สังคมและประเทศชาติปลอดจากปัญหายาเสพติดให้โทษอย่างถาวรและยั่งยืน เพื่อให้เยาวชนนักเรียนนักศึกษา ได้ใช้การกีฬาสร้างความสัมพันธ์ต่อต้านยาเสพติดและมีความรักปองดองสมานฉันท์ ในหมู่คณะ

โดยมีเยาวชนนักเรียนนักศึกษาจากโรงเรียนสตรีราชินูทิศ โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร โรงเรียนกุมภวาปี และโรงเรียนบ้านหมากแข้ง เข้าร่วมกิจกรรม กีฬาที่จัดแข่งขันมี 4 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย แชร์บอล เซปักตะกร้อ แชร์บอล และเทเบิลเทนนิส นายพรชัย สินธุประสิทธิ์ รองอธิการบดีสพล.อุดรธานี กล่าวว่า สภาพปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับว่าเป็นปัญหาสำคัญยิ่งของประเทศชาติ ถือเป็นวาระแห่งชาติ ฉะนั้นเราคนไทยทุกคนต้องตระหนักและช่วยกันรณรงค์ป้องกันให้ยาเสพติดหมดไปจาก สังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนในหมู่นักเรียน นักศึกษา จะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เพราะเราก็รู้ถึงโทษและพิษภัยว่าร้ายกาจเพียงใด ขอให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา หันมาเล่นกีฬาและออกกำลังกายให้เป็นนิสัยอยู่เป็นประจำ



เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อด.

มท.1 ปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุดรธานี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมคณะทำงานจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยจังหวัดอุดรธานี และเยี่ยมชมการจัดงาน OTOP ภูมิภาค ที่จังหวัดอุดรธานี

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ ( 29 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุม 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหมาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาพบคณะทำงานจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยจังหวัดอุดรธานี โดยมีนายชยพล ธิติศักดิ์ และนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ คณะทำงานฯให้การต้อบรับและสรุปภาพรวมการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย จังหวัดอุดรธานี โดยในวันนี้เป็นการจดเวทีฯโดยมีกลุ่มเป้าหมายจาก 10 อำเภอประกอบด้วย อำเภอเมือง หนองแสง ศณีธาตุ กู่แก้ว ไชยวาน วังสามหมอ หนองวัซซอ โนนสะอาด กุมภวาปี หนองหาน รวม 983 คน ในขณะที่วันพรุ่งนี้เป็นการจัดเวทีของกลุ่มเป้าหมายอีก 10 อำเภอในพื้นที่อุดรธานี คือ บ้านดุง เพ็ญ นายูง บ้านผือ ประจักษ์ศิลปาคม ทุ่งฝน พิบูลย์รักษ์ กุดจับ น้ำโสม และสร้างคอม จำนวน 817 คน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย นับเป็นมิติหนึ่งและเป็นวิถีทางหนึ่งที่ทำให้คนไทยได้ร่วมกันหาทางออก เพื่อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ ลดและยุติความขัดแย้ง เพื่อให้บ้านเมืองสว่างไม่อึมครึม เป็นการหาทิศทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศไทย โดยทุกคนมีส่วนร่วมในการร่วมกันเสนอแนะความคิดเห็นต่อผู้นำประเทศ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแต่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยขอจำกัดในเรื่องของเวลา งบประมาณ ซึ่งมาถึงจุดนี้ก็เดินทางมาครึ่งทางแล้ว ( ครั้งที่ 60 จาก 108 ครั้ง )

ในขณะที่ทำไมต้องใช้มหาวิทยาลัยราชภัฎเป็นสถานที่จัดงานนั้น มท.1 กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าการจัดงานมีความเป็นกลาง ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝายทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นข้อเสนอ แนะในประเด็นปัญหาความคัดแย้งในสังคม ตามประเด็นซึ่งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่ง ชาติ หรือ คอป. คณะกรรมการพิจารณาศึกษษแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และสถาบันพระปกเกล้าทำการวิจัยเพื่อค้นหาปัจจัยและแนวทางที่จะทำให้การสร้าง ความปรองดองแห่งชาติประสบความสำเร็จ ใน 9 ประเด็น อาทิ ความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่าง ,ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรม,ตุลาการภิวัฒน์ การแทรงแซงองค์กรอิสระ, การรัฐประหารและบทบาทของทหารในการจัดการความคัดแย้ง ,ความเหลื่อมล่ำทางเศรษฐกิจและสังคม, การขยายตัวของสื่อการเมืองและสื่อบุคคล ,การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง, สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการความขัดแย้งและสันติวิธี ,และความขัดแย้งแบบเดิมพันสูง เป็นต้น

จากนั้นนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปที่สนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เพื่อพบประคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสตรีจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และเยี่ยมชมการจัดงาน OTOP ภูมิภาคจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จาก ทั่วประเทศ กว่า 300 บูธ ระหว่างวันที่ 25มิถุนายน -1 กรกฎาคม 2556 โดยผ่านมา 4 วัน มียอดจำหน่ายสินค้ากว่า 24,388,752 บาท ในขณะที่การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 5 โดยครั้งแรกจัดที่ จังหวัดกระบี่ มียอดจำหน่าย 36,810,918 บาท, ครั้งที่ 2 จัดที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มียอดจำหน่าย44,018,218 บาท ,ครั้งที่ 3 จังหวัดกาญจนบุรี มียอดจำหน่าย 52,864,933 บาทครั้งที่ 4 จัดที่ จังหวัดนครสวรรค์ มียอดจำหน่าย 44,850,391 บาทรวมยอดการจำหน่าย 4 ครั้งที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 178,607,460 บาท




ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 

มีส่วนร่วมกับการยกย่องประกาศเกียรติคุณบุคคลดีเด่นทั่วประเทศ “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร”

นายชูศักดิ์ ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ร่วมกับมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน หน่วยงานราชการ และองค์กรต่างๆ กำหนดจัดงาน "วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร” งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรม ครั้งที่ 29 ประจำปี 2556 ในวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2556 ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้กราบทูลเชิญพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ องค์ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิฯ เสด็จทรงเป็นประธานในงาน

จังหวัดสระแก้ว จึงขอเชิญชวนหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมสับสนุการดำเนินงานของมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ฯ โดยขอความอนุเคราะห์บริจาคเงินตามแต่จะเห็นสมควร ใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้และมูลนิธิฯ จะจัดพิมพ์นามของผู้บริจาคลงในหนังสือ "วันหม่อมงานจิตต์ บุรฉัตร” ประจำปี 2556 เพื่อออกเผยแพร่ในวันงาน อีกทั้งแจกจ่ายไปในทุกจังหวัด หน่วยงานต่างๆ และห้องสมุดทั่วประเทศด้วย ทั้งนี้ ขอให้แจ้งความประสงค์ในการบริจาคเงินให้มูลนิธิฯ ทราบในวันที่ 15 กันยายน 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและบริจาคเงินได้ที่ สำนักงานจังหวัดสระแก้ว กลุ่มงานอำนวยการ โทร. 0 3742 5125 โทรสาร 0 3742 5127

ขยายระยะเวลาการยกเลิกการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดหรือนอกอาณาจักร

นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้จำทำโครงการปรับปรุงแก้ไขรายชื่อผู้ขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดและนอกอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2556 นั้น

สำนักทะเบียนกลางได้แจ้งการเปิดระบบและขยายระยะเวลาในการรับคำร้องการบันทึกข้อมูลผู้ยื่นคำขอยกเลิกการลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักรต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556

ดังนั้น หากผู้ลงทะเบียนประสงค์จะยกเลิกการลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดหรือนอกราชอาณาจักร สามารถยื่นคำขอยกเลิกการลงทะเบียนฯ ได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ดาวน์โหลดคำขอยกเลิกการลงทะเบียนฯ ได้ที่ www.ect.go.th โดยยื่นคำขอยกเลิกการลงทะเบียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0 3724 1622 ต่อ 111 และ 0 3724 1624 หรือส่งทางไปรษณีย์ ถึง...สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว รหัสไปรษณีย์ 27000

ข่าวกีฬาศรีสะเกษ - ลูกพญานาค ถูกเผา คา ดงลำดวนเพลิง

ลำดวนเพลิง ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ชนะ ลูกพญานาค หนองคาย เอฟที 2 ประตูต่อ 1

นายพินิจ  วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.56 ที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ศึกการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ประจำปี 2013 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลกที่ 2 คู่ที่ 146 เป็นการพบกันระหว่าง ลำดวนเพลิง ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน เปิดสนามศรีนครลำดวน ต้อนรับการมาเยือนของ ลูกพญานาค หนองคาย เอฟที โดยเกมส์การแข่งขันในครั้งนี้ มีแฟนบอลเจ้าบ้าน และแฟนบอลทีมเยือน เข้ามาร่วมชมเกมส์การแข่งขันอย่างคึกคัก สามารถเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ทั้งสิ้น 62,810 บาท

เริ่มเกมส์การแข่งขันในครึ่งแรก เป็น หนองคาย ทีมเยือน ที่ได้เขี่ยบอลก่อน โดยเกมส์ในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีม ต่างเปิดเกมส์บุกเข้าใส่กัน แต่เป็นทางเจ้าบ้าน ศรีสะเกษ ที่มีโอกาสครองบอลมากกว่า โดยมีโอกาสทำประตูขึ้นนำหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ และเป็นหนองคาย ทีมเยือน ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ในนาทีที่ 30 จากความผิดพลาดของนายทวารศรีสะเกษ ที่ออกมาตัดบอลผิดจังหวะ และเป็น ผู้เล่นหมายเลข 12 ของ หนองคาย BRIGHT NKEMUKAMA โหม่งบอลย้อยผ่านมือผู้ นายทวารของศรีสะเกษ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม หนองคาย เอฟที ทำประตูขึ้นนำ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ไปก่อน 1 ประตูต่อ 0

ต่อมา ศรีสะเกษ มาได้ประตูตีเสมอ จากลูกแทงบอลทะลุช่องผ่านปราการหลังของหนองคาย และเป็น ผู้เล่นหมายเลข 9 ของศรีสะเกษ จิรวัฒน์ ดาวขาว เลี้ยงบอลล็อคหลบนายทวารของหนองคาย และแบบอลเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ทำประตูตีเสมอ หนองคาย เอฟที 1 ประตูต่อ 1

ศรีสะเกษ เกือบได้ประตูขึ้นจากจังหวะยิงประตูของ ผู้เล่นหมายเลข 27 JIMMY SHOLA แต่บอลกระเด็นโดนเสาเด้งออกมา หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาในครึ่งแรก ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด เสมอ หนองคาย เอฟที 1 ประตูต่อ 1

เริ่มเกมส์ในครึ่งเวลาหลัง เป็น ศรีสะเกษ เจ้าบ้าน ที่ได้เขี่ยบอลเริ่มเกมส์ โดยตลอดเกมส์การแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีม ต่างผลัดกันเปิดเกมส์รุก เข้าใส่กัน แต่ก็ยังไม่มีทีมใด สามารถทำประตูขึ้นนำได้ จนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กองเชียร์เจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่นสนาม เมื่อผู้เล่นหมายเลข 23 ของศรีสะเกษ ปิยณัฐ โพธิ์ผา โหม่งบอลผ่านมือนายทวารของหนองคาย ทำประตูชัยให้ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ หนองคาย เอฟที ไป 2 ประตูต่อ 1 คว้า 3 แต้มในบ้านไปครองได้สำเร็จ




จิรภัทร  หมายสุข ภาพ/ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

จิตอาสาชุมชนศรีสวัสดิ์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม รณรค์กำจัดยุงลายป้องกันไข้เลือดออก

จิตอาสา นักเรียน นักศึกษา และ อสม.ในเขตชุมชนศรีสวัสดิ์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม กว่า 600 คน ร่วมเดินรณงค์แจกทรายอะเบท ตามบ้านเรือน เพื่อป้องกันกำจัดยุงลาย พาหะนำเชื้อไข้เลือดออก หลังพบว่าชุมชนศรีสวัสดิ์มีผู้ป่วยมากที่สุดในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม

(29-6-56) นายแพทย์สุนทร ยนต์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม นำจิตอาสา นักเรียน นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และอสม.ชุมชนศรีสวัสดิ์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม รวมกว่า 600 คน ร่วมกิจกรรมรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลาย ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ตามโครงการ จิตอาสา รณรงค์ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก หลังจากพบว่าในชุมชนศรีสวัสดิ์ มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม โดยมีผู้ป่วยสะสม 21 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 10-14 ปี กิจกรรม

"โครงการ จิตอาสา รณรงค์ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก " ในครั้งนี้ จัดขึ้นภายในบริเวณวัดศรีสวัสดิ์ โดยมีการจัดนิทรรศการความรู้ การป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือดออก ด้วยหลัก 5 ป 1 ข คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับปรุง ปฏิบัติ และ ขัดล้างไข่ยุงลาย การแสดงชุด ร้ายนักนะเจ้ายุงลาย และการเดินรณรงค์ แจกทรายอะเบทไปตามบ้านเรือน ชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนร่วมป้องกัน กำจัดลูกน้ำยุงลาย เพื่อลดอัตราการป่วยจากโรคไข้เลือดออก

นอกจากนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม ยังได้มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ประจำปี 2556 จำนวน 252 ทุน เป็นเงิน 700,000 บาท เพื่อสร้างขวัญ และกำลังใจการทำงานแก่บุคลากร บุตรหลาน ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลมหาสารคาม
 
 


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

คณะอนุกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายอ้อยและน้ำตาล สภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปศึกษาดูงานโรงน้ำตาล ที่จังหวัดมหาสารคาม และรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรชาวไร่อ้อย

คณะอนุกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายอ้อยและน้ำตาล สภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปศึกษาดูงานการปลูกอ้อย 100ตันต่อไร่ ของโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย  และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายอ้อยและน้ำตาลที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม

29-6-2556 ที่โรงน้ำตาลวังขนาย อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม  คณะอนุกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายอ้อยและน้ำตาล สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายประสพ บุษราคัม ที่ปรึกษาอนุกรรมการคณะอนุกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายอ้อยและน้ำตาล ได้เดินทางมาศึกษาดูงานการผลิตน้ำตาล ของโรงงานน้ำตาลวังขนาย อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และรับฟังปัญหาอุปสรรค ตลอดจนรับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหาอุปสรรคจากเกษตรกรชาวไร่ สมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดมหาสารคาม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการปรับปรุง พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาล พ.ศ.2527 ซึ่งคณะอนุกรรมการกำลังดำเนินการปรับปรุงอยู่ในขณะนี้  โดยมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามให้การต้อนรับ มีนายเฉลิม นาบุญ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงงานน้ำตาลวังขนาย อำเภอโกสุมพิสัย,สมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อย,เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโรงงานน้ำตาลวังขนาย อำเภอโกสุมพิสัย, แผนการดำเนินงานในอนาคต ตลอดจนรับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหา อุปสรรค จากเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย

นาย ประสพ บุษราคัม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อนำคณะอนุกรรมการ มาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตอ้อยและน้ำตาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะการผลิตอ้อย 100 ตันต่อไร่ ของกลุ่มโรงน้ำตาลวังขนาย นอกจากนี้ก็มารับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย โดยกฎหมายอ้อยและน้ำตาลที่จะปรับปรุงใหม่ โดยจะเปิดโอกาสให้กระทรวงเกษตรเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ต้นน้ำ  ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาดูเรื่องคุณภาพการผลิตพื้นที่กลางน้ำ และให้กระทรวงพลังงานเข้ามามีส่วนร่วมพื้นที่ปลายน้ำ  โดยกฎหมายที่จะปรับปรุงครั้งนี้ เราจะเน้นการเปิดตลาดจำหน่ายอ้อยและน้ำตาลในกลุ่ม AEC และให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สุงสุด



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เวทีพูดจาทางออกประเทศไทยที่กาฬสินธุ์ ต้องการให้สื่อเป็นกลาง และรักษาจรรยาบรรณที่เข้มงวด

ตามที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จัดเวทีการพูดจาทางออกประเทศไทย เมื่อวันที่ 15-16 มิถุนายน 2556 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,200 คน บรรยากาศการจัดกิจกรรมเป็นไปด้วยดีทุกคนให้ความสนใจ มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในลักษณะของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ และความต้องการให้ประเทศไทยเกิดความปรองดอง และลดความขัดแย้ง ซึ่งเนื้อหาสาระที่เสวนาประกอบด้วย ประชาธิปไตย ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การเลือกตั้ง ความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน กฎหมายและความยุติธรรม

นายดำรง โคตรพัฒน์ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนา สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวว่า จากการสรุปการจัดเวทีพูดจาทางออกประเทศไทย มีประเด็นที่ประชาชนผู้มาร่วมกิจกรรมเห็นว่ามีปัญหา 16 ประเด็น 56 ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาทางออกประเทศไทยทั้งสิ้น 75 แนวทาง ปัญหาที่มีประเด็กมาจากมุมมองของประชาชนมากที่สุด คือ เรื่องสื่อหรือการนำเสนอข่าวที่ถูกมองว่า สื่อถูกผู้มีอำนาจเข้าแทรกแซง บางสื่อไม่มีความเป็นกลาง เลือกข้าง สร้างความขัดแย้งให้กับสังคม การเสนอข่าวของสื่อทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบที่ไม่เหมาะสม บางครั้งทำให้เกิดความสับสน และการนำเสนอที่ขาดวิจารญาณ และจรรยาบรรณ

สำหรับแนวทางการแก้ไขนั้นประชาชนเห็นว่า ควรควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมแก่ผู้ผลิตสื่อ และผู้กระจายข่าวสาร ผู้รับผิดชอบควรมีการตรวจสอบกลั่นกรองก่อนนำเผยแพร่ มีกฎหมายปกป้องสื่อจากการแทรกแซงฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจ รณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนเปิดรับสื่อที่หลากหลาย ไม่ควรหมกมุ่นกับสิ่งที่ตนเองชอบ หรือคิดว่าไปในแนวทางที่ตนเองคิด



สุรพล คุณภักดี / ข่าว

อคส.แจ้งความเจ้าของโรงสีนพภร ข้อหายักยอกทรัพย์แล้ว

ที่จังหวัดชัยภูมิ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ปริมาณข้าวในโกดัง โรงสี ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 รอบ 2 หรือนาปรัง ของโรงสีข้าวข้าวนพภร อ.บ้านเขว้า หายไป 700 กว่าตัน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ อคส.นำหลักฐานไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสีแล้ว

โดยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 มิ.ย. 56 ที่ สภ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ได้มีนางสาวสมวลี ชมบุญ เจ้าหน้าที่บริหารงาน 5 องค์การคลังสินค้า พร้อมทนายความ และคณะซึ่งเป็นตัวแทน อคส.จากส่วนกลางที่ได้รับมอบอำนาจจาก ผู้อำนวยการ อคส. ที่เป็นคู่สัญญา นำเอกสาร เทปวีดีโอ เอกสารต่างๆ รุดเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.นันทพันธ์ เดชพลกรัง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านเขว้า ให้ดำเนินคดีกับนางนพภร รูปชัยภูมิอายุ 35 ปี เจ้าของโรงสีข้าวนพภร เลขที่ 476 หมู่ 2 ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ในข้อหายักยอกทรัพย์ไว้เป็นหลักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 รอบ 2 (นาปรัง)

โดยนางสาวสมวลี ชมบุญ เจ้าหน้าทีบริหารงาน 5 เปิดเผยว่า หลัง อคส. จากส่วนกลางได้รับรายงานจากทางจังหวัดชัยภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจพบปัญหาการทุจริตในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งพบว่ามีข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำในโครงการ ของโรงสีนพภร ใน อ.บ้านเขว้า ที่ทำข้าวหายไปจำนวนมากกว่า 14 % รวมกว่า 750 ตัน มูลค่าเบื้องต้นสูงกว่า 11 ล้านบาท ที่มีหลักฐานเข้าข่ายการกระทำความผิดยักยอกทรัพย์ ทำข้าวในโกดังกลางหายไป

ซึ่งหลังการรับแจ้งแล้ว ทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเขว้า เจ้าของคดีขอรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้งก่อนที่จะได้ออกหมายเรียกเจ้าของโรงสีแห่งนี้ มารับรับข้อกล่าวหาภายในไม่เกินสัปดาห์หน้านี้




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

อป.มช. เชิญชายไทยชาวพุทธ สมัครบวชฟรี ในโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ที่วัดสระแจง อ.ขามสระแกแสง จ.นครราชสีมา

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ได้รับรายงานจาก นายวีรยุทธ ศิริวัฒน์ สมาชิกอาสาประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช.) ประจำอำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา รายงานมาเพื่อขอเชิญชวนชายไทยชาวพุทธ สมัครบวชฟรี ในโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ที่วัดสระแจง อ.ขามสระแกแสง จ.นครราชสีมา

โครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นประธานที่ปรึกษา จัดอุปสมบทหมู่ให้กับชายไทยที่สมัครทุกปี ครั้งละ 100,000 รูป โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 8 โดยบวชฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึง 4 กรกฎาคม 2556 อบรมระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม – 4 พฤศจิกายน 2556
 
สำหรับศูนย์อบรมประจำใน 3 อำเภอ คือ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอโนนไทย อำเภอพระทองคำ กำหนดจัดที่วัดสระแจง อำเภอขามสะแกแสง รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึง 4 กรกฎาคม 2556 อบรมระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม – 4 พฤศจิกายน 2556
 

หากชายไทยท่านใดสนใจประสงค์สมัครฯ สมัครได้ ณ วัดสระแจง ที่ พระวันชัย โทร.085-366 6779 และท่านายวีรยุทธ โทร. 080 164 5287

จังหวัดนครราชสีมาเตรียมจัดงานมหกรรม สุดยอดภูมิปัญญาไทย สินค้าโอทอป และผ้าไหมโคราช

วันนี้ (28 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมสมาชิกเหล่ากาชาจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเตรียมความ พร้อมในการจัดโครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์(Road Show) สินค้าโอทอป ประจำปี 2556 ภายใต้ชื่องานมหกรรม สุดยอดภูมิปัญญาไทย สินค้าโอทอป และผ้าไหมโคราช ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กรกฏาคม 2556 นี้ ที่ห้องเอ็ม ซี ซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ จังหวัดนครราชสีมา สำหรับกิจกรรมภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้าโอทอป และผลิตภัณฑ์ไหม 3-5 ดาว กว่า 50 บูธ การจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไหม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การส่งเสริมการเจรจาธุรกิจ โดยมี จุดนัดพบเจรจาธุรกิจทางการค้า การสาธิตการผูกผ้าไหมต่อหางนกยูงจำลอง และพิธีไหว้ครูบูชากี่ไถ่ชีวีหนอนหม่อนไหม เป็นต้น
 

นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจัดงานมหกรรม สุดยอดภูมิปัญญาไทย สินค้าโอทอป และผ้าไหมโคราช จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าโอทอปที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้ง เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถการ แข่งขันในตลาดอาเซียนให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นที่ รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตามอยากเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงาน และเลือกซื้อสินค้าโอทอป และผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครราชสีมา ได้ ภายงานมหกรรม สุดยอดภูมิปัญญาไทย สินค้าโอทอป และผ้าไหมโคราช ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กรกฏาคม 2556 นี้ ที่ห้องเอ็ม ซี ซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ จังหวัดนครราชสีมา นางราตรี กล่าว

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา จัดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว ประจำปี 2556

นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อสร้างความเข้มแข็งใน ครอบครัวประจำปี 2556 ณ อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่สุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยนายกรัฐมนตรี (น.ส ยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร)ได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2555 เน้นย้ำในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ซึ่งต่างประเทศได้ให้ความ สำคัญเป็นอย่างมาก โดยมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลการดำเนินการและแก้ไขปัญหา การประชาสัมพันธ์มาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ที่รัฐบาลได้ กำหนดไว้ รวมถึงการดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมาให้สาธารณชนและต่างประเทศได้รับทราบ ว่ารัฐบาลได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังและเพื่อไม่ให้ปัญหา เหล่านี้ส่งผลทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์ในเวทีสากล นางสาววารินทร์ พักเกาะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าจังหวัดนครราชสีมา มีการจัดการวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และในปี 2556 ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดนครราชสีมา กำหนดจัดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อสร้างความแข็งแรงในครอบครัว ประจำปี2556 วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้จักและสร้างความตระหนักรู้ในการค้ามนุษย์ ให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก เยาวชน สตรี ประชาชนผู้ใช้แรงงาน แรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 250 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จำนวน 55 คน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 50 คน แรงงานในสถานประกอบการ จำนวน 50 คน นักเรียนจำนวน 100 คน กิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมการแสดง ละคร ต่อต้านการมนุษย์ จากนักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา กิจกรรมการประกวดคำขวัญ ต่อต้านการค้ามนุษย์ การบรรยายให้ความรู้เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ กิจกรรมฐานความรู้ ฐานความรู้ด้านแรงงาน ความรู้ด้านกฏหมาย ความรู้ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ ความรู้ด้านพยาบาล การให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตามแนวทาง oscc และกิจกรรมสมัชชาตั้งครรภ์ไม่พร้อม 

ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ นำทีมออกตรวจโรงสี และโกดังรับจำนำข้าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นำคณะทำงานออกตรวจสอบโรงสีและโกดังกลาง รวม ๑๒ แห่ง ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกจังหวัดตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือตามโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกันทั่วประเทศ ผลการตรวจสอบไม่พบการทุจริต ปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสารถูกต้องครบถ้วนตามบัญชี

ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในการปล่อยขบวนคณะทำงานตรวจสอบปริมาณข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือพร้อมกันทั่วประเทศในวันนี้ ซึ่งคณะทำงาน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน กระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โดยจะออกตรวจโรงสี ๖ แห่ง และโกดังกลาง ๖ แห่ง รวม ๑๒ แห่ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้กำชับให้คณะทำงานตรวจสอบอย่างละเอียด เข้มงวด โปร่งใส เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนต่อไป หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำทีมชุดปฏิบัติการออกตรวจสอบที่โกดังกลางปรีชาพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวสารที่ฝากเก็บไว้ รวม ๒ โกดัง ปริมาณข้าว ๖,๑๔๗ ตัน ( ๖๑,๔๗๑ กระสอบ) ผลการตรวจสอบมีปริมาณข้าวครบถ้วนถูกต้องตามบัญชี

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจสอบ รวม ๑๒ จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหน่วยงานหลัก และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การค้าภายใน , ธ.ก.ส. สรรพากร คลังจังหวัด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมออกตรวจสอบ และจากการตรวจโกดังกลาง ๒ แห่ง และการรายงานผลการออกตรวจของคณะทำงานฯ ไม่พบการกระทำทุจริต ปริมาณข้าวคงเหลือครบถ้วนถูกต้องตามบัญชี



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

บุรีรัมย์ จับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งที่ ๒๒

จ.บุรีรัมย์ จับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลประเพณีชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ ๒๒ ประจำปี ๒๕๕๖เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา

ที่ห้องประชุมชั้น ๒ สนามฟุตบอลไอ-โมบายสเตเดี้ยม ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เป็นประธานในการจับสลากแบ่งสาย การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจังหวัดบุรีรัมย์ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ ๒๒ ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ โดยสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดบุรีรัมย์ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนม์มายุครบ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอล และหันมาออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา ห่างไกลยาเสพติด โดยมีตัวแทนของทีม ที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน จากทั้ง ๒๓ อำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ รวม ๒๓ ทีม ร่วมในการจับสลากแบ่งสายการแข่งขันครั้งนี้ซึ่งการแข่งขันในรอบแรกมีการแบ่งสายเป็น ๘ สาย โดยสายA ถึงสาย G มีจำนวนสายละ ๓ ทีม และสาย H มีจำนวน ๒ ทีม ดังนี้ สายA อำเภอหนองกี่,พลับพลาชัย,กระสัง สายB คูเมือง,ละหานทราย,เมือง สายC โนนสุวรรณ,บ้านกรวด,โนนดินแดง สายD ปะคำ,บ้านใหม่ไชยพจน์,นาโพธิ์ สายE นางรอง,หนองหงส์,ลำปลายมาศ สายF แคนดง,ชำนิ,พุทไธสง สายG บ้านด่าน,สตึก,ห้วยราช และสายH เฉลิมพระเกียรติ ,ประโคนชัย

ทั้งนี้สำหรับการแข่งขันจะเป็นการ แข่งแบบพบกันหมด เพื่อคัดทีมที่มีคะแนนอันดับที่ ๑ และ ๒ ของแต่สายเข้าแข่งขันในรอบสอง ซึ่งจะแข่งแบบแพ้คัดออก โดยทีมที่ชนะจะได้เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ และแข่งขันเพื่อหาทีมที่ชนะเข้าสู่รองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม โดยสนามกีฬาของ โรงเรียนภัทรบพิตร กับสนามกีฬาโรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม เป็นสนามจัดการแข่งขันในรอบคัดเลือก ส่วนในรอบชิงชนะเลิศ จะใช้สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ เป็นสนามในการจัดการแข่งขัน



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

อำเภอกันทรวิชัยจัดโครงการ รวมใจภักดิ์ ปลูกต้นมเหสักข์ สักสยามมินทร์ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อำเภอกันทรวิชัยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดโครงการ รวมใจภักดิ์ ปลูกต้นมเหสักข์ สักสยามมินทร์ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและกระตุ้นให้ประชาชนได้เกิดจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีคุณธรรม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ

28-06-56 ที่บ้านหินปูน ตำบลเขวาใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดมหาสารคามจัดโครงการรวมใจภักดิ์ ปลูกต้นมเหสักข์ สักสยามมินทร์ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงานพร้อมกับมอบพันธุ์ไม้สักแก่ผู้นำชุมชน

นายแสงประทีบ บุญน้อม นายอำเภอกันทรวิชัย กล่าวว่าตามที่มูลนิธิโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหรือมูลนิธิ อพ.สธ. ได้มีแนวคิดในการจัดมหกรรมปลูกต้นมเหสักข์ สักสยามมินทร์ในชื่อโครงการ รวมใจภักดิ์ ปลูกมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนองพระราชดำริในการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุกรรมพืชของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักยั่งยืนแพร่หลายอันจะนำไปสู่การอนุรักษ์พันธุ์ไม้สักที่มีอายุยืนยาวและขนาดลำต้นใหญ่ที่สุดในโลกและต้นสักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปลูกไว้ให้คงอยู่สืบไป

ด้านนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามกล่าวในพิธีเปิดโครงการว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดำเนินการจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริและมูลนิธิอนุรักษ์พันธุกรรมพืชสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เป็นผู้ผลิตต้นกล้ามเหสักข์และสักสยามมินทร์ โดยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจำนวน 8.4 ล้านต้นเพื่อแจกจ่ายให้องค์การภายในประเทศและต่างประเทศ องค์กรและประชาชนทั่วไปให้ร่วมกันปลูกต้นสักข์สายพันธุ์ มเหสักข์และสักสยามินทร์ ระหว่าง 5 ธันวาคม 2553 ถึง 5 ธันวาคม 2557 รวมระยะเวลา 5 ปีและได้ส่งมอบต้นกล้ามเหสักข์-สักสยามินทร์ ซึ่งเป็นกล้าพระราชทานให้กับจังหวัดปลูกทั่วประเทศ จังหวัดละประมาณ 1,100 ต้น สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการนี้คือชุมชนหรือผู้รับมอบต้นกล้าไปนั้น สามารถปลูกและดูแลรักษาต้นกล้าพระราชทานให้เติบใหญ่มั่นคงเป็นร่มเงาที่ร่มรื่นและเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าของชุมชน สังคมและประเทศชาติต่อไป จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้เป็นตัวแทนมอบต้นกล้าให้กับผู้นำหมู่บ้านและร่วมกันปลูกต้นกล้าสักสายพันธุ์มเหสักข์ สักสยามมินทร์บริเวณพื้นที่ปลูกบ้านหินปูน อําเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคามต่อไป



ทัศนัย ศรีมุลตรี / ข่าว

กกต.มหาสารคาม ส่งเสริมบทบาทสตรีเพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง

กกต.มหาสารคาม จัดกิจกรรมส่งเสริมบทบาทสตรี เพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีการบรรยายให้ความรู้ การเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หวังให้กลุ่มสตรีในจังหวัดมหาสารคาม เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองมากขึ้น

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคาม กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมสตรีเพื่อการมีส่วนร่วมทางการ เมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคาม จัดขึ้นว่า จากการพิจารณาแล้วเห็นว่า องค์กรสตรีในจังหวัดมหาสารคาม ต่างมีความเข้มแข็ง และมีบทบาททางด้านสังคมเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นได้จากการที่สตรีเข้าไปมีบทบาทในการชี้นำ บริหารจัดการ ดำเนินกิจกรรม ร่วมกับหลายภาคส่วน อีกทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ต่างก็ได้มีการระบุในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิของมวลชนชาวไทยว่าหญิงและชาย ต่างมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน ซึ่งปัจจุบัน สตรีมีความรู้ ความสามารถ ไม่แพ้บุรุษทั้งหลาย ดังนั้น จึงขอฝากถึงสตรีทุกกลุ่ม ทุกองค์กร ได้เข้ามามีส่วนร่วม และมีบทบาททางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยกันให้มาก เพื่อจะได้ร่วมกันพัฒนาการเมืองการปกครองของประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า สืบไป

สำหรับกิจกรรมการส่งเสริมบทบาทสตรีเพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ครั้งนี้ นอกจากจะมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมของสตรีทางการเมืองแล้ว ยังมีการเสวนาบทบาทของสตรี ในวิชาชีพต่าง ๆ เช่น ผู้นำกลุ่มสตรี นักวิชาการสตรีด้านกฎหมาย สื่อมวลชน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน โดยมีผู้นำสตรีในชุมชน และนักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมรวม 70 คน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตร.มหาสารคาม สรุปผลตรวจสอบรับจำนำข้าว ไม่พบความผิดปกติ

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม สรุปผลการตรวจสอบจุดรับจำนำข้าว จากโรงสีที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 8 แห่ง โดยเน้นการตรวจสอบเอกสาร ขั้นตอนการรับจำนำ รวมถึงปริมาณข้าวที่เก็บไว้ในคลังเก็บข้าว เพื่อป้องกันการทุจริตสวมสิทธิ์ ทุกขั้นตอนตามนโยบายรัฐบาล ยัน ไม่พบความผิดปกติ

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม และนางมรกต เบญจวรรณ อิ่มวิเศษ หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันแถลงสรุปผลการดำเนินการตรวจสอบจุดรับจำนำข้าว จากโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ทั้ง 8 แห่ง ในจังหวัดมหาสารคาม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรที่รับผิดชอบประจำจุดรับจำนำข้าว เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และคณะกรรมการติดตามและกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด เข้าร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงาน

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ตรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบจุดรับจำนำข้าวในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม พบว่าเป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ แม้จะมีข้าวเกินบัญชี ยันไม่พบการกระทำความผิด หรือทุจริตแต่อย่างใด โดยได้เน้นการตรวจสอบเอกสาร ขั้นตอนการรับจำนำ รวมถึงปริมาณข้าวที่เก็บไว้ในคลังเก็บข้าว เพื่อป้องกันการทุจริตสวมสิทธิ์ ทุกขั้นตอนตามนโยบายรัฐบาล

สำหรับภาพรวมทั้งจังหวัดมหาสารคาม ขณะนี้ ยอดรวมตามบัญชี มีจำนวนข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้สีแปรสภาพ จำนวน 459 ตันเศษ ยอดรวมตามบัญชีข้าวสาร ที่ ค้างส่งมอบ จำนวน 6,721 ตันเศษ โดยเป็นข้าวขาว 5% 4,167 ตันเศษ และข้าวปลาย 2,554 ตันเศษ ส่วนปริมาณข้าวที่เกินบัญชี เนื่องจาก อคส.ยังไม่ได้ตัดค่าชดเชย ทั้งค่าทดสอบ ค่าขนส่ง และค่าสีแปรสภาพ ซึ่งคณะกรรมการฯระดับจังหวัดมหาสารคาม ก็จะมีการชี้แจงและเร่งทำความเข้าใจให้กับทุกฝ่ายได้รับทราบ
 



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มหาสารคาม ยังเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปสู่ภูมิภาคอื่น

ที่ประชุมคณะกรรมการ ศพส.จ.มหาสารคาม สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยมหาสารคาม ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้ค้าใช้เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปสู่ภูมิภาคอื่น ขณะเดียวกันสถิติการจับกุมมีสูงขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่เข้มงวด และปราบปรามอย่างจริงจัง

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดมหาสารคาม (ศ.พส.จ.) ประชุมร่วมกันเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยา เสพติด ประจำเดือนมิถุนายน 2556

โดยได้มีการรายงานสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัด มหาสารคาม ห้วงเดือนมิถุนายน 2555 เปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2556 พบว่ายังไม่มีแหล่ง ผลิตยาเสพติด และยังไม่พบกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในลักษณะเครือข่าย แต่ยังเป็นพื้นที่ที่กลุ่มนักค้าใช้เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปสู่ภูมิภาค อื่น และบางส่วนนำมาจำหน่ายในพื้นที่ พร้อมมีกลุ่มนักค้า กลุ่มผู้เสพ ผู้ติดยา นำยาเสพติดจากจังหวัดใกล้เคียง เข้ามาจำหน่ายในพื้นที่

ด้านการกระทำผิด พบว่า ผู้เสพ ผู้ติดยามีการกระทำผิดในสถานที่ส่วนตัว เช่น ตามหอพัก บ้านเช่า โดยมีสถิติการจับกุมที่สูงขึ้น โดยเฉพาะยาบ้า ถูกบ่งชี้ว่ามีราคาถูกลง จำนวนผู้ค้า ผู้เสพ เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวดในการปราบปราม สกัดกั้น พร้อมขอความร่วมมือในทุกหมู่บ้าน ชุมชน ร่วมแจ้งเบาะแส เพื่อนำไปสู่การจับกุม ดำเนินคดี

ขณะที่แนวโน้มของสถานการณ์ปัญหายาเสพติด เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกัน โดยในเดือนมิถุนายน 2556 จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 279 คดี ผู้ต้องหา 284 คน ซึ่งสูงขึ้นจากปี 2555 ในห้วงเวลาเดียวกัน โดยพื้นที่ที่กระทำผิดที่สำคัญ ได้แก่ อำเภอเมือง โกสุมพิสัย บรบือ กันทรวิชัย วาปีปทุม พยัคฆภูมิพิสัย เชียงยืน และกุดรัง



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ยโสธรนำ อปม.และ อพม. ลุยประชาสัมพันธ์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร นายนิรันดร์ สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในการเปิดการอบรม อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ (อปม./อพม.) เพื่อประชาสัมพันธ์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยมีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน

นายไพชยนต์ ชนะกาญจน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร กล่าวว่า การประชุมสัมมนา อปม./อพม. กับการประชาสัมพันธ์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในจังหวัดยโสธร ตลอดจนรูปแบบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและร่วมเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ป้องกัน แจ้งเบาะแสการค้ามนุษย์ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงอันตราย และมีส่วนร่วมป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์

สำหรับกิจกรรมประกอบด้วยผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วยการบรรยายพิเศษ "นโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดยโสธร” การเสวนา เรื่อง "ชาวยโสธรร่วมใจป้องกันการค้ามนุษย์” โดยมีวิทยากร จาก พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธร,ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดยโสธร และหัวหน้าบ้านพักเด็ก และครอบครัวจังหวัดยโสธรโดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 80 คน



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช    28 มิ.ย.56

จังหวัดร้อยเอ็ดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด ครั้งที่ 8/2556

จังหวัดร้อยเอ็ดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด ครั้งที่ 8/2556 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นด้วยความเรียบร้อยตามเป้าหมายของรัฐบาล วันนี้ (28 มิ.ย.56)

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูและการรับจำนำระดับจังหวัด จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่ 8/2558มีหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด โดย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 2 ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2555/56 ครั้งที่ 2 จากเป้าหมาย 14,966 ราย รับขึ้นทะเบียน 15,382 ราย คิดเป็นร้อยละ 102.78 เกินเป้าหมาย จ่ายใบรับรอง 15,062 ราย ร้อยละ 99.46 ของผลการออกใบรับรอง โดยมีโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 12 ราย เป็นของ อคส. 10 ราย และ อ.ต.ส. 2 ราย และคณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด มีมติอนุมัติให้เปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ของโรงสีในจังหวัด 21 แห่ง และจุดรับจำนำนอกพื้นของโรงสีนอกพื้นที่ 1 แห่ง รวมจุดรับจำนำทั้ง 34 แห่ง เกษตรกรนำข้าวเปลือกมารจำนำ 22,483 ราย ปริมาณรับจำนำทั้งสิ้น 110,655 ต้น เป็นข้าวสารเปลือกเจ้า 5 %



วิมล เร่งศึก/ข่าว
บุญมี เพ็งรัตน์/ภาพ
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว

หน่วยสันติบาลศรีสะเกษ จัดอบรม ปลูกฝังเยาวชนให้มีจิตสำนึก รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

วันนี้ (28 มิถุนายน 2556) ณ หอประชุมเอนกประสงค์โรงเรียนจตุรภูมิพิทยาคม บ้านแต้ ตำบลแต้ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ดร.ธนาวุฒิ พรหมธา ผู้อำนวยการโรงเรียนจตุรภูมิพิทยาคม เป็นประธานเปิดโครงการ "สร้างจิตสำนึกต่อพระมหากษัตริย์” เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึก และค่านิยมให้แก่เยาวชนมีความเคารพรักเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจัดตั้งเครือข่ายเพื่อนำไปสู่การดำเนินการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหา กษัตริย์ เสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนเครือข่ายที่ต้องการแสดงออกถึงความจงรัก ภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านภัยคุกคามต่างๆที่มีผลกระทบต่อสถาบัน และเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ ในหลวง โดยมี พันตำรวจโท โกวิทย์ อินทร์วร สารวัตรหัวหน้าหน่วยสันติบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ คณะครู-อาจารย์ และนักเรียน ให้การต้อนรับ


ดร.ธนาวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญกับความขัดแย้งที่มีจุดเริ่มต้นจากมิติทางการ เมือง ได้มีบุคคลและกลุ่มบุคคล เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการกระทำโดยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ การเขียนข้อความออกเผยแพร่เป็นหนังสือ เอกสาร แผ่นปลิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อสื่อสารทาง Internet ซึ่งสามารถเผยแพร่ในปริมาณมากและเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งทำให้ประชาชนเกิดวามสับสนในข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ การกระทำของบุคคลและกลุ่มบุคคลเห่ล่านี้มักจะอ้างอิงสถาบันให้ประชาชนหลง เชื่อ เป็นเหตุให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวจากเมืองไปสู่ชนบท เพื่อรวมตัวเป็นกลุ่มพลังมวลชนขนาดใหญ่ เข้าไปเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบหรือการกระทำใดๆที่มีผลกระทบต่อความศรัทธา เชื่อมั่นต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกอบกับนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ ในการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้น หน่วยสันติบาลศรีสะเกษ ได้มอบอุปกรณ์การกีฬาให้กับนักเรียนโรงเรียนจตุรภูมิพิทยา เพื่อใช้ในการเพิ่มทักษะทางด้านกีฬา เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และห่างไกลจากยาเสพติด

โครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนของจังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556

นายทรงยศ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว จัดโครงการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนของจังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556 ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายภายในจังหวัดสระแก้ว จำนวน 1,000 คน ในระหว่างวันที่ 6 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2556 รวม 18 วัน (เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ยกเว้นวันที่ 13 , 14 กรกฎาคม 2556 และ 10,11 สิงหาคม 2556) โดยได้จัดทำโครงการฯ เป็น 2 ศูนย์ ศูนย์ที่ 1 ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ตำบลท่าเกษม อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ศูนยที่ 2 ณ หอประชุมศานิตย์ นาคสุขศรี อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว จึงขอประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนของจังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โทร. 037-240999 ต่อ 221

ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด จ.อด. ครั้งที่ 6/2556

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดอุดรธานี จัดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 6/2556 ติดตามการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56

ที่ห้องประชุมพระพุทธบาทบัวบก ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัอุดรธานี นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 6/2556 โดยมีหน่วยงานราชการ เอกชน ผู้แทนโรงสีเข้าร่วมประชุม

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 ครั้งที่ 1 ซึ่งดำเนินการรับจำนำตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน-18 มิถุนายน 2556 จังหวัดอุดรธานี มีการออกใบรับรองเกษตรกร 111,367 ราย ผลผลิต 650,835.22 ตัน มีโรงสีเข้าร่วมโครงการ 8 ราย 10 จุดกระจายอยู่ใน 5 อำเภอ ประกอบด้วยอำเภอเมือล 5 จุด หนองหาน 2 จุด กุดจับ /บ้านดุง/เพ็ญ อำเภอละ 1 จุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2556 มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำ 45,033.182 ตันประกอบด้วย ข้าวเปลือกหอมมะลิ 16,322.403 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว 28,701.599 ตัน คิดเป็นร้อยละ 7 ของผลผลิตที่ขึ้นทะเบียน ธกส.จ่ายเงินกู่เข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกรแล้ว 18,864 ราย มูลค่า 798,629.389 บาท องค์การคลังสินค้า หรือ อคส.สั่งสีแปรสภาพข้าวแล้ว 21 ครั้ง ปริมาณข้าวเปลือกที่นำมาแปรสภาพ 45,016.265 ตัน มีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สุแปรสภาพแล้ว 27,038.406 ตัน คงเหลือค้างส่ง 66.45 ตัน เนื่องจากโรงสีบางแห่งสีแปรสภาพไม่ทันกับคำสั่งสีแปรของ อคส. อีกทั้งขณะนี้คลังสินค้ากลางปิดรมยาทำให้โรงสีไม่สามารถส่งมอบข้างสารเข้า คลังสินค้ากลางได้

ในขณะที่การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิตที่ 255/2556 ครั้งที่ 2 ซึ่งเปิดระบจำนำตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ถึง 12 มิถุนายน 2556 จังหวัดอุดรธานีออกในรับรองเกษตรกร 5,283 ราย ผลผลิต 23,659.06 ตันข้าวเปลือก มีโรงสีเข้าร่วมโครงการ 7 ราย 9 จุดในพื้นที่ 5 อำเภอ อาทิ อำเภอเมือง 4 จุด หนองหาน 2 จุด กุดจับและบ้านดุง อำเภอละ 1 จุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2556 มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำ 3,573.778 ตัน เป็นข้าวเปลือกเจ้า 418.222 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว 3,155.556 ตัน คิดเป็นร้อยละ 15 ของผลผลิต ธกส.จ่ายเงินกู้เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรแล้ว 1,180 ราย มูลค่า 57,848.440 บาท อคส.สั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกรับจำนำแล้ว 15 ครั้ง ปริมาณ 3,359.836 ตันซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นข้าวสาร 1,511.455 ตัน ปลายข้าว 436.667 ตัน ส่งมอบเข้าคลังกลางแล้ว 1162.666 ตัน คงเหลือค้างส่งมอบ 1,501.178 ตัน ซึ่งโรงสีให้เหตุผลว่ายังไม่ได้สั่งสีแปรสภาพ ข้าวเปลือกมีปริมาณน้อย และคลังสินค้ากลางปิดรมยาทำให้โรงสีไม่สามารถส่งมอบข้างสารเข้าคลังสินค้า กลางได้

จากการตรวจสอบปริมาณข้าวโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ครั้งที่ 1 (นาปี ) ข้อมูลทางบัญชี มีข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวยังไม่สั่งสีแปรสภาพ 1.694 ตัน มีข้าวค้างส่งมอบคลังสินค้ากลาง 463.379 ตันจากการตรวจสอบมีข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวยังไม่สั่งสีแปรสภาพ 40.748 ตันมากกว่า ข้อมูลทางบัญชี 39.054 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 2,305.43 เนื่องจากโรงสียังไม่ได้ดำเนินการสีแปรสภาพ ในขณะที่ ครั้งที่ 2 (นาปรัง) ข้อมูลทางบัญชี มีข้าวเปลือกเมล็ดยาวยังไม่สั่งสีแปรสภาพ189.565 ตัน และมีข้าวสารคงค้างส่งมอบคลังสินค้ากลาง 1,455.931 ตันจากการตรวจสอบมีข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวยังไม่สั่งสีแปรสภาพ 1,299.958 ตัน ข้าวสารค้างส่งมอบ 831 ตัน เนื่องจากโรงสียังไม่ได้ดำเนินการสีแปรสภาพตามคำสั่งสีแปรสภาพของ อคส.



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

สคบ.อุดรธานี เตือนร้านค้าใช้เครื่องชั่งตามที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก

คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดอุดรธานี (สคบ.อุดรธานี) เตือนร้านค้าใช้เครื่องชั่งตามที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก เทปอ่าน วันนี้ (28 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุมคำชะโนด ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายวินัย ตรงจิตพิทักษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุดรธานี ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้สคบ.อุดรธานีได้รับเรื่องร้องทุกข์ในเดือนมิถุนายน 2556 ด้านสัญญา 2 เรื่อง 2 ราย ด้านสินค้าและบริการ 2 เรื่อง 2 ราย ให้คำปรึกษาแก่ผู้บริโภค 10 เรื่อง 10 ราย

เลขานุการคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ขอฝากเตือนผู้บริโภค ที่ไปซื้อสินค้าตามตลาดสด ร้านค้าทั่วไป ที่ใช้เครื่องชั่งสปริงชนิดที่มีสองหน้าเป็นที่นิยมใช้กันมากทั้งในตลาดสด และตามแหล่งที่มีการซื้อขายสินค้าทางการเกษตร ประมง และอื่นๆ อย่างแพร่หลายเนื่องมาจากเครื่องชั่งสปริงมีข้อดีหลายประการคือ ใช้ง่าย น้ำหนักเบาสามารถยกเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก ไม่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเครื่องชั่งแบบอีเลกทรอนิกส์ และยังบำรุงรักษาง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคได้ตรวจสอบก่อนทำการชั่งสินค้า เข็มชี้แสดงน้ำหนักของสินค้าต้องเริ่มที่เลขศูนย์ (0) เสมอ เครื่องชั่งต้องวางบนพื้นราบ ไม่เอียง ส่วนผู้ขาย ห้ามใช้เครื่องชั่งที่มีเข็มชี้อัตราน้ำหนักของหน้าปัดเพียงด้านเดียว หรือใช้วัสดุอื่น/นำสีมาพ่นปิดหน้าปัดด้านหนึ่งไว้ หรือวางสินค้าของตนบังหน้าปัดหรือตั้งเครื่องชั่งมิให้ผู้ซื้อเห็นหน้าปัด ของเครื่องชั่ง ห้ามใช้เครื่องชั่งที่ตัวเครื่องทำด้วยพลาสติก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกยึดเครื่องชั่ง เครื่องชั่งต้องมีหน้าปัดและเข็มชี้อัตราน้ำหนัก 2 ด้าน และหน้าปัดทั้ง 2 ด้าน ต้องหันหน้าออกในทิศทางตรงข้าม เพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายอ่านน้ำหนักได้พร้อมกัน อย่าชั่งสินค้าที่มีน้ำหนักเกินพิกัดกำลังของเครื่องชั่ง รักษาความสะอาดบนหน้าปัดให้ผู้ใช้สามารถอ่านค่าน้ำหนักได้อย่างชัดเจน ให้ใช้ถาดชั่งที่มีหมายเลขประจำเครื่องตรงกับตัวเครื่องชั่ง ต้องนำเครื่องชั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรง เป็นประจำทุกปี เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วจะได้รับสติกเกอร์เครื่องหมายตราครุฑสีแดง ปิดบนหน้าปัดเครื่องชั่งที่ถูกต้อง ผู้ขายรายใดใช้เครื่องชั่งที่ไม่ถูกต้อง มีเจตนาชั่งน้ำหนักของสินค้าให้ขาดหายไป จะมีโทษตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



ทีมข่าวส.ปชส.อด. พัฒนเดช ยศกรกุล / ข่าว
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ภาพ

อุดรธานี เปิดดเวทีรับฟังความคิดเห็นสร้างศูนย์วัฒนธรรมอีสานตอนบน

ผู้นำชุมชนเห็นด้วยในการใช้พื้นที่สาธารณหนองแด ก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และสนามกีฬากลางจังหวัดอุดรธานี ในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผังแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่หนองแด ครั้งที่ 1
 
เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่ห้องลาวเสี่ยงเทียน โรงแรมเจริญโฮเต็ล นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและตัวแทนองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นที่มีพื้นที่รอบ ๆ ที่สาธารณะหนองแด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จำนวนกว่า ๕๐ คน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิชัย ตันธนะสฤษดิ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าโครงการศึกษาพัฒนาพื้นที่หนองแดเพื่อรองรับศูนย์วัฒนธรรมภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน และสนามกีฬากลางจังหวัดอุดรธานี และคณะฯ นำเสนอผังแม่บทฯ ภายในศูนย์ฯ จะประกอบด้วยศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมและศาสนาซึ่งเป็นหอคอยในเบื้องต้นกำหนด ความสูง ๑๓๙ เมตร ศูนย์กลางการจัดประชุมและกิจกรรมการแสดงสินค้า การประกวดต่าง ๆ ศูนย์กลางการขายสินค้า ลานกิจกรรมอเนกประสงค์ โรงละคร บริการที่พักสำหรับการประชุมและการกีฬา สนามกีฬาฟุตบอลขนาดมาตรฐาน ลานกีฬาประเภทต่าง ๆ และสวนสาธารณะ สามารถเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในระดับชาติและระดับนานา ชาติ จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ อบต.หมู่ม่น /อบต.กุดสระ /เทศบาลเมืองหนองสำโรง /และประชาชนในหมู่บ้านพื้นที่โดยรอบที่สาธารณะหนองแด ทุกคนความเห็นด้วยกับโครงการฯ แต่ได้เสนอข้อคิดเห็นให้ผู้ทำการศึกษาพิจารณาเพิ่มเติมในผังแม่บท อาทิผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม /อาชีพการประมง /แหล่งน้ำดิบผลิตประปา/การจราจรเมื่อโครงการเกิดขึ้น/และสิ่งสำคัญคือการ อำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ หรืออารยะสถาปัตย์ เป็นต้น
 
โครงการศึกษาพัฒนาพื้นที่หนองแดเพื่อรองรับศูนย์วัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียง เหนือตอนบน และสนามกีฬากลางจังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีได้นำเสนอโครงการฯในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่ จังหวัดอุดรธานี และได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการศึกษาใช้พื้นที่ที่สาธารณะหนองแด ๙๓๘ ไร่เศษในการก่อสร้าง โดยได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินการศึกษา



 

ประชุม  จตุเทน   ข่าว/พิมพ์

คณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัดกวางตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หารือเพื่อแสวงหาความร่วมมือการพัฒนาด้านการค้าท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 27 มิถุนายน 2556 ณ ห้องประชุมผู้บริหาร ชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี (หลังใหม่)ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ นายเหงวี๋ยน ดึ๊ก จิ๋น รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกวางตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกวางตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าพบหารือ เพื่อศึกษาหาข้อมูลหาความร่วมมือในการพัฒนาการค้า แลกเปลี่ยนข้อมูล ศักยภาพ ในการพัฒนาด้านการค้า การท่องเที่ยว ของจังหวัดอุบลราชธานี ในภาพรวม พร้อมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสถิติตัวเลข เกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยว สินค้า ยานพาหนะขนส่ง จากจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทยที่ผ่านจุดผ่านแดนช่องเม็กไปยังแขวงจำปาสัก และแนวโน้มในการเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้า ที่ผ่านด่านศุลกากรของไทย ไปยังประเทศสังคมนิยมเวียดนาม จังหวัดกวางตรีสาธารณรัฐสังคม ในครั้งนี้

การปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่เป็นการชั่วคราว

นางสาวทองสุข หว่างรักษาวงศ์ ผู้ประสานงานองค์การคลังสินค้าประจำจังหวัดหนองบัวลำภูได้แจ้งว่า หน่วยรับฝากข้าวเปลือกร้านขายส่งสนั่นพืชผล ได้เข้ารวมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 นั้น ทางบริษัทพิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์ จำกัด ได้เปิดจำรับจำนำนอกพื้นที่ จำนวน 2 จุด คือ 

1. สหกรณ์การเกษตรโนนสัง อ.โนนสัง 

2. ร้านขายส่งสนั่นพืชผล อ.โนนสัง 

การประชาสัมพันธ์การคัดกรองผู้รวมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) จังหวัดหนองบัวลำภู

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดหนอง บัวลำภู ขอชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการผู้ร่วม   พัฒนาชาติไทย (ผรท.) จังหวัดหนองบัวลำภู มาเพื่อทราบและประกอบข้อมูลในการประชาสัมพันธ์ ดังนี้ 1.เมื่อปี 2554 จังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)จังหวัดหนองบัวลำภูยื่นคำร้องขอเงินช่วยเหลือ จำนวน 580 ราย ได้รับเงินช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน 225,000 บาท รวม 180 ราย (ได้รับแล้ว 161 ราย,เหลือตอค้าง 19 ราย) 2.ปัจจุบันมีผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)จังหวัดหนองบัวลำภู ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือจำนวน 225,000 บาท รวม 1,113 ราย 3. กอ.รมน.จังหวัด น.ภ. จะดำเนินการคัดกรอง ดังนี้ 3.1 อำเภอเมือง วันที่ 6,7,10,11,12 มิถุนายน 2556 3.2 อำเภอโนนสัง วันที่ 14 มิถุนายน 2556 3.3 อำเภอศรีบุญเรือง วันที่ 17 มิถุนายน 2556 3.4 อำเภอนากลาง วันที่ 18-19 มิถุนายน 2556 3.5 อำเภอนาวัง วันที่ 21 มิถุนายน 2556 3.6 อำเภอสุวรรณคูหา วันที่ 24-28 มิถุนายน และ วันที่ 1-8 กรกฎาคม 2556 

รัฐบาลเดินหน้าดำเนินโครงการพัฒนาเมือง

นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่า รัฐบาลได้กำหนดให้มีการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองพื้นที่ชุมชน เพื่อเสริมสร่างวัฒนธรรมแห่งความเป็นพลเมืองในการคิด  ทำ และแก้ไขปัญหาของชุมชนภายใต้วิถีประชาธิปไตย ตลอดจนสนับสนุนให้เกินเมืองน่าอยู่ เมืองปลอดภัย เมืองแห่งสุขภาพและเมืองที่มีพื้นที่สร้างสรรค์  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเมืองในเขตเทศบาลนคร เทศบาลเมือง เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร ด้วยการเปิดกว้างให้ หมู่บ้าน/ชุมชน หรืออาคารชุด หรือกลุ่มประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมือง รวมตัวกันจัดทำโครงการเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อร่วมกันดำเนินโครงการที่จะแก้ปัญหาที่มีอยู่อย่างหลากหลายในพื้นที่เมือง หรือโครงการที่จะพัฒนาพื้นที่ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนชุมชนเมือง โดยจะมีคณะกรรมการทำหน้าที่กลั่นกรอง และอนุมัติเงินสนับสนุนให้กับโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งในและนอกพื้นที่อย่างยั่งยืน และมีกระบวนการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วม

ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวต่อไปว่า  กระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งคณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนาเมืองระดับจังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานโครงการพัฒนาเมืองจังหวัดหนองคาย  มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน ท้องถิ่นจังหวัด  เป็นคณะทำงานและเลขานุการ ทำหน้ากลั่นกรองและพิจารณาให้ความเห็นประกอบการพิจารณาโครงการที่เสนอจากชุมชนเมืองและสนับสนุนการดำเนินโครงการ

โครงการพัฒนาเมืองนี้ จะเสริมสร้างวัฒนธรรมความเป็นพลเมือง และปลูกฝังค่านิยมประชาธิปไตยให้แก่คนเมือง เริ่มเปิดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป จนถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖  ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดรับโครงการที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ ส่วนในภูมิภาคติดต่อที่สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดทุกจังหวัด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร ๑๑๑๑ และ www.ร้อยมือสร้างเมือง.com  สำหรับจังหวัดหนองคาย เสนอโครงการได้ที่สำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัด  ศาลากลางจังหวัดหนองคาย กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น  โทรศัพท์ ๐-๔๒๔๒-๒๘๖๗  ทุกวัน เวลาราชการ



วนิษา นามบุรี  /ข่าว

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธินและวางศิลาฤกษ์อาคารพิพิธภัณฑ์ทหาร

พลโทจีระ ศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางเป็นประธานเปิดอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธินและวางศิลาฤกษ์อาคาร พิพิธภัณฑ์ทหาร ที่จังหวัดทหารบกสุรินทร์

วันที่ 27 มิ.ย. 56 ที่ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ พลโทจีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารพิพิธภัณฑ์ทหารวีรวัฒน์โยธิน เพื่อเป็นอาคารเก็บรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของหน่วย รวมทั้งพระราชกรณียกิจ และงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การก่อสร้างโดยงบจัดสรรผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นอาคารสองชั้น ขนาด 21X36 เมตร มีห้องจัดแสดงนิทรรศการ จำนวน 12 ห้อง งบประมาณก่อสร้างและตกแต่งประมาณ 42 ล้านบาท

จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เป็นประธานเปิดอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน ที่บริเวณหน้าค่ายวีรวัฒน์โยธิน ซึ่งเดิมเป็นเพียงช่วงศีรษะ จนถึงกลางหน้าอก แต่เนื่องด้วยมีการที่จะสร้างตัวอนุสาวรีย์ขึ้นมาใหม่เป็นแบบยืนเต็มตัว ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2582 กองพลสุรินทร์นำโดยการนำของ พันเอก วีรวัฒน์วีรวัฒน์โยธิน (ยศในขณะนั้น) ได้นำกองพลสุรินทร์ ปฏิบัติการรบกรณีเรียกร้องดินแดนคืนจากอินโดจีนของฝรั่งเศส และได้นำกำลังเข้าตีและยึดป้อมปืนสำโรง และเมืองจงกัล (ประเทศกัมพูชา) ปฏิบัติการรบอยู่เพียง 3 วัน จึงยึดได้โดยไม่มีการสูญเสียกำลังพลแต่อย่างใด ซึ่งการปฏิบัติการ ครั้งนั้นได้นำชื่อเสียง และเกียรติประวัติมาสู่กองพลสุรินทร์เป็นอย่างยิ่ง และ เพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์แด่ พล.ต.หลวงวีรวัฒน์โยธิน” ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองพลสุรินทร์ เมื่อครั้งสงครามอินโดจีน เป็น ผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 8 และ ผู้บัญชาการจังหวัดทหารบก เป็นคนแรก ตั้งแต่ปี 2483 ทางราชการจึงขนานนามว่าค่ายทหารหน่วยนี้ว่า "ค่ายวีรวัฒน์โยธิน”

อนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน เป็นรูปหล่อลอยองค์ทำจากสัมฤทธิ์รมดำ แบบยืนเต็มองค์ สวมเครื่องแบบเต็มยศ ขนาดความสูง 1.85 เมตร ตั้งอยู่บนฐานหินแกรนิตสีดำรูป 8 เหลี่ยม สูง 1.80 เมตร อยู่บนแท่นฐานหินอ่อน โดยรอบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสดุดีและระลึกถึงวีรกรรมของพลตรีหลวงวีรวัฒน์ในอดีต ทาง กำลังพล ครอบครัวในค่ายและประชาชนทั่วไป จึงร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์แบบเต็มองค์ขึ้น




ส.ปชส.สุรินทร์ กำฃัย  วันสุข / ข่าว
อนุชา  หาญนึก / ภาพ

ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบคลังสินค้าและโกดังรับจำนำข้าวสุรินทร์ เร่งออกตรวจสอบทั้งจังหวัด

สุรินทร์จัด ชุดปฏิบัติการและคณะทำงานออกตรวจสอบคลังสินค้าและโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ รับจำนำข้าวของรัฐบาล ทั้ง 17 อำเภอ พบปริมาณและสภาพข้าวจำนำยังอยู่ปกติ ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดฯเน้นย้ำให้เฝ้าตรวจสอบการสวมสิทธิเพื่อสร้าง มั่นใจแก่เกษตรกร
 
วันที่ 27 มิ.ย.56  เวลา 08.00 น. ที่ลานหน้าสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ คณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบคลังสินค้าและโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการรับจำข้าว ปีการผลิต 2555/56 พร้อมชุดปฏิบัติการของตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ร่วมออกตรวจโกดังและโรงสีในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยมี นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานการปล่อยขบวนคณะทำงานชุดเฉพาะกิจตรวจสอบคลังสินค้าและโรงสี เพื่อออกปฏิบัติการตรวจสอบคลังโกดังข้าวและโรงสีภายในจังหวัด จำนวน 72 แห่ง โดยแบ่งสายออกปฏิบัติการเป็น 3 สาย ประกอบด้วย สายแรก ในพื้นที่ 4 อำเภอ จำนวน 37 แห่ง มีพาณิชย์จังหวัดเป็นหัวหน้าชุด สายที่ 2 ในพื้นที่ 6 อำเภอ จำนวน 20 แห่ง มีการค้าภายในเป็นหัวหน้าชุด และสายที่ 3 ในพื้นที่ 3 อำเภอ จำนวน 15 แห่ง มีเกษตรจังหวัดเป็นหัวหน้าชุด

จากนั้น นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยนายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะกรรมการฯระดับจังหวัด เดินทางไปยัง บจก.สินอุดมพืชไร่ เลขที่ 220 หมู่ 16 ต.นาบัว อ.เมืองสุรินทร์ โดยมี อคส. เป็นผู้เช่า พบว่าสภาพการเก็บข้าวและจำนวนข้าวตามหลักฐานมีความถูกต้อง มีเพียงสภาพหลังคาที่มีรอยรั่วแต่ก็สั่งการให้ซ่อมแซมแล้ว เพราะเกรงว่าข้าวถูกน้ำจากฝนจะทำให้ข้าวเสียหาย

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่ บจก.สินอุดมพืชไร่ และที่ ท่าตูม ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วก็ถือว่าเรียบร้อยดี ซึ่งเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาก็ได้ไปตรวจมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็รายงานไปว่าเรียบร้อยดี การออกตรวจอีกรอบในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจ

ซึ่งการนำคณะเจ้าหน้าที่ออกตรวจทั้งจังหวัดในวันนี้ เพื่อให้เกิดโปร่งใสและให้ได้ข้อมูลปริมาณข้าวของรัฐบาลที่ถูกต้องและครบ ถ้วน เป็นไปตามการสั่งการของ ฯพณ ฯ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งตรวจสอบคลังสินค้าข้าวและปริมาณ ข้าวเปลือกคงเหลือของโครงการรับจำนำข้าว พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ณ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ และได้เร่งให้การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจการดำเนินโครงการจำนำข้าวของ รัฐบาล โดยเฉพาะการปรับลดราคาจำนำข้าวเพื่อให้เกษตรกร และประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง และได้กำชับให้คณะทำงานโครงการรับจำนำข้าวเฝ้าระวังและตรวจสอบการสวมสิทธิ จำนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย




ทีมข่าวสำนักงานประชาสัมพันธืจังหวัดสุรินทร์

นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทั่วไป จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมรณรงค์กิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2556

วันที่ 26 มิถุนายน 2556 เวลา 18.00 น. ที่ บริเวณทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2556 โดยมีส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก การจัดงานวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2556 ได้มีการระดมพลังแผ่นดินครั้งยิ่งใหญ่ของชาวจังหวัดอุบลราชธานี ในการเข้ามามีส่วนร่วมป้องกันและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดไม่ให้หวนกลับมามีผล กระทบต่อสังคมไทย ภายใต้การนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ซึ่งกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการแสดงพลังของคนในชาติอย่างพร้อมเพรียงกันทุก พื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” เพื่อให้ประชาชน เยาวชนและทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติดและร่วมกันแก้ไขปัญหาดัง กล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้วันที่ 26 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก เป็นวันที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของการผนึกกำลังของคนในชาติเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา ยาเสพติดให้หมดไป กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมรวมพลัง "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” : การอ่านสารจากนายกรัฐมนตรีและกล่าวปฏิญาณตนประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด การนิทรรศการความรู้โทษของยาเสพติด การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับโทษและพิษภัยยาเสพติด การแสดงดนตรีจากเด็ก และเยาวชน วัยใสต้านยาเสพติด ตลอดจนร่วมกันเผาทำลายยาเสพติดทุกประเภทที่คดีสิ้นสุดแล้ว
 


จักรกฤษณ์ มาลาสาย / ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

ประชุมกรมการจังหวัดอุดรธานี ประจำเดือน มิถุนายน 2556

จังหวัดอุดรธานีจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา นายอำเภอ จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 6/2556

เช้าวันนี้ ( 27 มิ.ย. 56 ) ที่ห้องประชุมทองใหญ่ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายสาโรช แสงอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดอุดรธานี หรือ การประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา นายอำเภอ จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 6/2556 โดยมี นายชยพล ธิติศักดิ์ และนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ร่วมประชุม

โดยก่อนการประชุมเป็นการประชาสัมพันธ์บทบาทภารกิจของสำนักงานวัฒนธรรมจัง หวัอุดรธานี การจัดทำเหรียญครบรอบ 121 ปี เมืองอุดรธานี โครงการและภารกิจหลักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง และการเตรียมพร้อมกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันตระกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระพราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 28 ซึ่งกำหนดจัดงานในวันที่ 16-22 กันยายน 2556ที่จะถึงนี้ จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี มอบโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2556 สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้กับนายนิมิต ทักโลวา ราษฎรชาวอำเภอน้ำโสม ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 1 บ้านนางัว ตำบลนางัว อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี แนะนำตัวนายชาญชัย วิถีเทพ แรงงานจังหวัดอุดรธานีคนใหม่ซึ่งย้ายมาจากสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ขอนแก่น และประชุมติดตามความกว้าหน้างาน/โครงการตามนโยบายสำคัญ อาทิ การติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำปี 2556 รายงานผลการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ ลำห้วยหลวง การรับจำนำข้าวเปลือก การรายผลการดำเนินงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจังหวัดอุดรธานี การแก้ไขปัญหาความยากจนแบบบูรณาการ รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี โครงการผู้ว่าฯพาทำบุญเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา และการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านสหกรณ์ระดับ จังหวัด



ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอำนาเจริญ จัดโครงการ “PEA.-” ประชาร่วมใจลดไฟดับ

(26 มิ.ย. 56)  ที่องค์การบริหารส่วนตำบลสร้างนกทา  อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ นายวิฑูรย์  ศิริบูลย์ภักดี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานเปิดโครงการ"PEA.-” ประชาร่วมใจลดไฟดับ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอำนาเจริญ ได้จัดขึ้น เพื่อให้ตัวแทนอาสาแต่ละ อบต. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภาระหน้าที่ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า ถูกวิธีและปลอดภัย และประชาชนมีส่วนร่วมในการช่วยกันสอดส่องดูแล  รักษาระบบจำหน่าย และให้ข้อมูลสถานที่ สาเหตุการเกิดปัญหา ของระบบจำหน่ายได้อย่างรวดเร็ว  ประชาชนเกิดความพึงพอใจในการให้บริการ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลภายนอก  และยังเป็นความร่วมมืออันดีระหว่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับ อบต. ในการที่จะปรับปรุงซ่อมแซม ระบบไฟฟ้าภายในพื้นที่ที่รับผิดชอบของ อบต. ให้มีความมั่นคง ลดกระแสไฟฟ้าขัดข้องให้เหลือน้อยที่สุด

สำหรับพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ นายพัฒนะสิน  พูนเดช  ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขต 2  กล่าวว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ดำเนินโครงการ "PEA.-” ประชาร่วมใจลดไฟดับ ที่ อบต.สร้างนกทา โดยได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจด้านระบบไฟฟ้า การแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้อง และอื่นๆ ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ให้กับตัวแทนอาสาสมัคร ทั้ง 16 หมู่บ้าน รวม 64 คน  ทางด้าน นายวิฑูรย์  ศิริบูลย์ภักดี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้กล่าวขอบคุณ และชื่นชม ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับจังหวัดอำนาจเจริญ ในการคัดเลือก อบต.สร้างนกทา  อำเภอเมืองอำนาจเจริญ เข้าร่วมโครงการ"PEA.-” ประชาร่วมใจลดไฟดับ  ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ตำบลสร้างนกทา และตำบลใกล้เคียง รวมถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ

โอกาสนี้ นายพัฒนะสิน  พูนเดช  ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขต 2  ได้มอบใบประกาศนียบัตร และบัตรสมาชิก ให้กับตัวแทนอาสาสมัคร  พร้อมปล่อยขบวนรถยนต์ ร่วมกับ  นายวิฑูรย์  ศิริบูลย์ภักดี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  ลงพื้นที่สำรวจ และปฏิบัติงานจริงต่อไป




จรูญ  พิตะพันธ์ / ข่าว / ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญนำคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ตรวจปริมาณข้าวคงเหลือที่โกดังกลางและจุดรับจำนำข้าวเปลือกของจังหวัดอำนาจเจริญ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นำคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณข้าวคงเหลือ ณ โกดังกลาง และจุดรับจำนำข้าวเปลือกของจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งการตรวจสอบปรากฏว่า ปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำครั้งที่ ๒ และข้าวสารที่เก็บไว้โกดังกลางมีจำนวนครบถ้วน ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

เวลา ๐๙.๓๐ น. (วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานปล่อยแถวคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน และซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติก่อนออกพื้นที่ปฏิบัติการตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือ ขององค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรจังหวัดอำนาจเจริญ และจุดรับจำนำข้าวเปลือก รอบ ๒ (ข้าวนาปรัง) โดยมี นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี บุญยศ บุญไพศาล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมชี้แจงขั้นตอนการเข้าพื้นที่เพื่อปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการบูรณาการปฏิบัติงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส

จุดแรก นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมคณะได้เข้าทำการตรวจสอบปริมาณข้าวสารที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลถาวรค้าพืช เลขที่ ๗๙ หมู่ ๑๐ ถนนอรุณประเสริฐ ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นโกดังกลาง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคอยชี้แจง ปริมาณข้าวสารจัดเก็บอยู่ทั้งสิ้น ๕๐,๓๗๘ กระสอบ โดยแยกเป็นข้าวท่อนหอมมะลิ ๑๕,๗๔๔ กระสอบ ข้าวหอมมะลิ ๑๐๐ % ชั้น ๒ จำนวน ๒๕,๙๒๘ กระสอบ และปลายข้าวหอมมะลิ จำนวน ๘,๗๐๖ กระสอบ ซึ่งจากการตรวจนับครบถ้วนตรงกับบัญชีการควบคุมจัดเก็บของโกดัง  จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และคณะได้เดินทางไปที่โรงสีเกษตรธัญญเจริญ เลขที่ ๑๒๖ หมู่ ๑๕  ถนนอรุณประเสริฐ ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นจุดรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (นาปรัง) เพียงแห่งเดียวของจังหวัดอำนาจเจริญ ปรากฏว่ามีเกษตรกรนำข้าวจำนำตามโครงการจำนวนทั้งสิ้น ๘๐๘ ตัน ซึ่งคณะทำงานตรวจนับจำนวนข้าวที่จัดเก็บไว้พบว่ามีส่วนต่างอยู่ร้อยละ ๗.๔๔ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยปกติ ถือว่าปริมาณข้าวที่รับจำนำครบถ้วนไม่ขาดบัญชี

นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของจังหวัดอำนาจเจริญ ไม่พบเหตุผิดปกติ หรือมีปัญหาการทุจริตแต่อย่างใด และเป็นไปอย่างครบถ้วน ถูกต้อง โปร่งใส  เนื่องจากทางจังหวัดได้มีการกำชับ และซักซ้อมความเข้าใจในการทำงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์ของทางราชการอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันได้มีการติดตามดูแลการปฏิบัติงานทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด  ซึ่งหลังจากนี้ทางจังหวัดจะได้รายงานผลการตรวจสอบปริมาณข้าวให้ทางส่วนกลางรับทราบต่อไป



สุรพล  บุตรวงศ์ / ข่าว/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหาร

เวลา ๑๐.๐๐ น. (วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖) ที่ห้องประชุมพระมงคลมิ่งเมือง ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานประชุมผู้บริหารท้องถิ่นของจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และท้องถิ่นอำเภอทุกอำเภอ ทั้งนี้ เพื่อพบปะชี้แจงและทำความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติราชการและอำนาจหน้าที่ความ รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับให้เป็นในแนวทางเดียวกัน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กำชับให้ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เอาใจใส่ในการทำหน้าที่ ดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน และขอความร่วมมือจากทุกท้องถิ่นได้สนับสนุนการทำงานของจังหวัด

ในที่ประชุม นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ขอความร่วมมือจากผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่ง ให้การสนับสนุนการทำงานของจังหวัดทั้งด้านข้อมูลข่าวสาร บุคลากรและงบประมาณ ในการพัฒนาท้องถิ่นและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่างๆ   เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด นอกจากนี้ก็ขอความร่วมมือให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและเกษตรกรในอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และชุมชน เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ที่มีการปรับราคาการรับจำนำลง เนื่องจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรชาวนาเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในเจตนารมณ์ของรัฐบาล                

ในโอกาสเดียวกันนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาในส่วนภูมิภาคที่กระจายโอกาสทางการศึกษาสู่ชุมชน ได้ชี้แจงในที่ประชุมกับผู้บริหารท้องถิ่นถึงความก้าวหน้าการดำเนินงาน ของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ ทั้งด้านการพัฒนาอาคาร สถานที่ และหลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันยังขาดงบประมาณในการขับเคลื่อนการพัฒนาให้มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ เป็นมหาวิทยาลัยของชาวอำนาจเจริญอย่างแท้จริง  จึงได้ขอความร่วมมือจากผู้บริหารท้องถิ่นทุกองค์กร ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณ เพื่อทางมหาวิทยาลัยจะได้นำมาดำเนินการตามแผนงานและโครงการ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษาของจังหวัดอำนาจเจริญ ให้เกิดผลประโยชน์ต่อนักเรียน และเยาวชนของจังหวัดอำนาจเจริญ ให้มีการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ กลับมาพัฒนาบ้านเกิดให้เกิดความมั่นคง ผาสุก อย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป



สุรพล  บุตรวงศ์ / ข่าว/ภาพ