วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เราคนไทย ควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อก้าวสู่อาเซียน

1. เราต้องรูจักรตนเองและเรียนรู้เพื่อนบ้าน โดยเฉพาะภูมิหลังและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ
 
2. เพิ่มทักษะการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ เพราะอาเซียนกำหนดให้เป็นภาษากลางของประชาคม
 
3. ต้องเข้าใจภาษา รู้กฎหมายทั่วไปและวัฒนธรรม ของประเทศอาเซียนที่เราจะไปทำงาน และถ้าจะไปทำธุรกิจ ต้องรู้กฎหมายเฉพาะ รวมทั้งระเบียบท้องถิ่นด้วย
 
4. ในฐานะเจ้าบ้าน เราต้องปฎิบัติต่อนักธุรกิจอาเซียนและแรงงานอาเซียน ที่มาทำงานบ้านเรา เหมือนปฎิบัติต่อคนไทยด้วยกัน
 

5. แรงงานไทยต้องพัฒนาไปเป็นแรงงานฝีมือ ให้เหนือกว่าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามา เพื่อหนีภาวะการว่างงาน


สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณ ที่จังหวัดมุกดาหาร

ที่ ห้องพลอยบอลรูม โรงแรมพลอยพาเลซ จังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นประธานเปิดการอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณ ภายใต้โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางด้านสังคมและความยากจนซึ่งจัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังโดยสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน (สพช.)เพื่อสร้างความความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางด้านสังคมและความยากจนโดยเน้นในธุรกิจการเงินนอกระบบ ให้กับบุคลากรหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนของจังหวัดมุกดาหาร ประกอบด้วย ประชาชนทั่วไป พนักงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายของ ธ.ก.ส.พนักงานของธนาคารออมสิน ผู้นำองค์กรการเงินชุมชนของธนาคารออมสิน

นางอังคนา ประยูรสิน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน (สพช.)ได้กำหนดจัดการฝึกอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างเกราะป้องกันมิให้ถูกหลอกลวงหรือถูกฉ้อโกงจากผู้ประกอบธุรกิจการเงินนอกระบบอีกต่อไป ทั้งนี้ประชาชนสามารถร้องเรียนปัญหา การเงินนอกระบบ ได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สายด่วน 1359 และทางเว็บไซต์ WWW.1359.in.th โดยตรงกับรัฐบาลกระทรวงการคลังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส/ภาพ

จังหวัดมุกดาหาร จัดสัมมนา ยุทธศาสตร์การค้าไทย ทิศทางของสินค้าเกษตรไทย (ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา) และการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ที่ห้องดุสิตา โรงแรมมุกดาหารแกรนด์โฮเทล จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร ได้จัดการสัมมนา ยุทธศาสตร์การค้าไทย ทิศทางของสินค้าเกษตรไทย (ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา) และการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)โดยมีสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดการสัมมนา พร้อมกับบรรยายพิเศษในเรื่อง การเตรียมความพร้อมของจังหวัดมุกดาหารในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการ และเกษตรกร จำนวน 200 คน เข้าร่วมสัมมนา

นายทวีศักดิ์ ชีวะสุทโธ พาณิชย์จังหวัดมุกดาหารได้กล่าวว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดการค้าเสรีในอาเซียน ให้กับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน ในการส่งเสริมการค้าการลงทุน รวมทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกรให้มีความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบสิทธิประโยชน์ทางการค้า ต่อการเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้AFTA และเตรียมความพร้อมไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)ให้ตื่นตัวถึงผลกระทบและโอกาสที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ปรับตัวและรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทุกภาคส่วนสามารถสะท้อนความคิดเห็นเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปประกอบการกำหนดทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาเชิงรุกต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส/ภาพ

จังหวัดมุกดาหารเชิญชวนทุกภาคส่วนเฝ้าระวัง ควบคุม การระบาดของโรคไข้เลือดออก

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ปัจจุบันยังคงระบาดขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ของประเทศไทย อัตราการป่วยและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยจังหวัดที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ๑๐ อันดับแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี เชียงราย กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ศรีษะเกษ เพชรบูรณ์ สงขลา ร้อยเอ็ด และลำปาง

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้จังหวัดมุกดาหารจะไม่อยู่ในกลุ่ม ๑๐ อันดับแรกที่มีการแพร่ระบาด ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และให้ความสำคัญกับสถานการณ์ระบาดของไข้เลือดออก โดยไห้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยรวมพลังเร่งรัดกำจัดลูกน้ำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขด้วยมาตรการ ๕ ป ๑ ข คือ ปิดภาชนะขังน้ำให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำ ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนใส่น้ำ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง ปฏิบัติเป็นประจำ และ ๑ ข คือขัดล้างไข่ยุงลายที่อาจติดกับภาชนะ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันตนเองในเบื้องต้น ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยกันกำจัดลกน้ำในบ้านของตนเองทุกสัปดาห์ และระมัดระวังป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน และป้องกันยุงกัดด้วยการใช้สมุนไพรตะไคร้หอมทากันยุงกัด




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารรับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นวันแรก

ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายวิษณุ เหล่ามีผล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ได้เปิดสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร เป็นวันแรกและเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดจังหวัดมุกดาหาร กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน ๔๕ วัน โดยกำหนดรับสมัครรับเลือกตั้งขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ในวันแรกของการรับสมัคร มีผู้มาสมัครรับเลือกตั้ง ๔ คน ได้แก่ นายสมประดิษฐ์ ไตรยวงศ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชน นาโปใหญ่ ที่ลาออกจากราชการมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก นางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร นางมลัยรัก ทองผา อดีตนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารและนางเรือนแก้ว ศรีหาคิม โดยผู้สมัครได้มาถึงสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง ก่อนเวลา ๐๘.๐๐ น.เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่เปิดรับสมัครในเวลา๐๘.๓๐ น.ผู้สมัครทั้ง ๔ คน ไม่สามารถตกลงหมายเลขเบอร์ของผู้สมัครได้ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ได้ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละคนจับฉลากหมายเลขที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีนายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายวิเชียร ทวีโคตร ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร นายศิริพงษ์ มุขศรี ผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยานในการจับฉลากหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร

ทั้งนี้ ผลการจับฉลากปรากฏว่า หมายเลข ๑ ได้แก่ นายสมประดิษฐ์ ไตรย์วงค์ หมายเลข ๒ ได้แก่ นางมลัยรัก ทองผา อดีตนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ที่พ้นตำแหน่งครบวาระไปเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ หมายเลข ๓ ได้แก่ นางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร และหมายเลข ๔ ได้แก่ นางเรือนแก้ว ศรีหาคิม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดากองเชียร์ของผู้สนับสนุนได้ชูป้ายให้กำลังใจ

นายวิษณุ เหล่ามีผล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่าการรับสมัครรับเลือกตั้งในวันแรก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้ให้การสนับสนุน เป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดีต่อกัน หลังจากได้เบอร์ที่ใช้ในการหาเสียงต่างก็ได้จับมือแสดงความยินดี อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำความเข้าใจกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้ให้การสนับสนุน ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้มีการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และขั้นตอนต่อไปหลังจากปิดรับสมัครในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ และมีการตรวจคุณสมบัติของผู้สมัครแล้ว จะประกาศรายชื่อผู้สมัครอย่างเป็นทางการ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

จังหวัดยโสธรมอบบรรจุภัณฑ์กลุ่มโอท็อป

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2556 ที่ห้องข้าวหอมมะลิชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานมอบบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มโอท็อปและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจำนวน 20 กลุ่ม เพื่อนำไปบรรจุสินค้าโอท็อปในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจังหวัดยโสธรได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 1,650,000 บาท



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 28 ส.ค.56

กระทรวงพลังงานสร้างความมั่นใจผู้มีรายได้น้อย มาตรการพร้อมรับมือก่อนดีเดย์ปรับราคา LPG

ก๊าซ LPG ปรับขึ้นราคา เดือนละ 50 สตางค์/กก. เริ่ม 1 กันยายน นี้ กระทรวงพลังงานเตรียมช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน เดือนละ 50 สตางค์/กก. เริ่ม 1 กันยายน นี้

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบให้ทยอยปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนขึ้นไปเดือนละ 0.50 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นต้นไป จนสะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซฯ ที่ 24.82 บาท/กก. และกำหนดเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับราคา LPG 2 กลุ่ม คือ กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย ช่วยเหลือตามการใช้จริงแต่ไม่เกิน 18 กก. ต่อ 3 เดือน และกลุ่มร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร ช่วยเหลือตามการใช้จริงไม่เกิน 150 กก.ต่อเดือน ที่ใช้ถังไม่เกินขนาดถึง 15 กก.นั้น กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างเต็มที่

ผู้ได้รับสิทธิ์ มีการขจัดทำฐานข้อมูลผู้ได้รับสิทธิ์รวมทั้งร้านค้าก๊าซฯ ที่จะเข้าร่วมเรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อย แบ่งเป็นครัวเรือนไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย/เดือน จำนวน 7,430,639 ครัวเรือน และครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ 186,822 ครัวเรือน ส่วนกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร 168,529 ร้าน โดยกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์นี้จะเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นต้นไป

ผู้มีสิทธิ์แต่ตกสำรวจ สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเขต อบต. หรือเทศบาล ส่วนร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเขต อบต. เทศบาล สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานการค้าภายในจังหวัด สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด และพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5-30 สิงหาคม 2556




ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 27 ส.ค.56

ชาวยโสธรให้การต้อนรับน้องเมย์อย่างล้นลาม

ชาวยโสธรให้การต้อนรับน้องเมย์ อย่างล้นลาม ทามกลางความปลื้มปิติยินดี ที่น้องเมย์ได้เดินทางมาเยี่ยมบ้านที่ให้กำเนิด และเป็นบ้านของบิดา   แชมป์โลกแบดมินตันหญิงเดี่ยว  ปี 2513 ที่เมืองกวางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา น้องเมย์ นางสาวรัชนก   อินทนนท์ พร้อมคณะได้เดินทางมาที่บ้านค้อใต้ ตำบลค้อเหนือ อ.เมืองยโสธร  ซึ่งเป็นบ้านของบิดาและเป็นบ้านที่ให้กำเนิดของน้องเมย์   เพื่อกราบไหว้ บรรพบุรุษ และญาติมิตร ทามกลางการให้การต้อนรับของแฟนคลับ และประชาชนชาวจังหวัดยโสธรอย่างล้นลาม กิจกรรมเริ่มด้วยการทำบุญทางศาสนา จากนั้นได้เดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง พระธาตุอานนท์ เพื่อขอพร แล้วขึ้นรถ แห่ไปตามถนนสายต่างๆในเขตเทศบาลเมืองยโสธร มีแฟนคลับและประชาชนมาเข้าแถวยืนรอ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจน้องเมย์ ตามถนน เป็นจำนวนมาก  จากนั้นได้เดินทางไปที่โรงเรียนพิทยาคม อ.เมืองยโสธร  โดยมีนายประวัติ  ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และคณะครูอาจารย์/ นักเรียน ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดให้มีพิธีบายศรีสู่ขวัญให้น้องเมย์ เพื่อเป็นศิริมงคลตามประเพณีของท้องถิ่น ด้านนายประวัติ  ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่าการจัดงานต้อนรับน้องเมย์ นางสาวรัชนก   อินทนนท์ แชมป์โลกแบดมินตันหญิงเดี่ยว  ปี 2513 ที่เมืองกวางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในครั้งนี้ เพื่อแสดงความยินดี เป็นขวัญและกำลังใจ ให้น้องเมย์คว้ามือหนึ่งของโลก แบดมินตันหญิงเดี่ยว  ให้ได้เร็วไว และในโอกาสที่น้องเมย์กำเนิดที่จังหวัดยโสธร ประชาชนชาวจังหวัดยโสธรมีความปราบปลื้มปิติยินดี จึงได้มีการบูรณาการจากหลายหน่วยงานจัดงานต้อนรับขึ้นมา  น้องเมย์ นางสาวรัชนก   อินทนนท์ ได้กล่าวทักทายและแสดงความรู้สึก กับแฟนคลับและประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมเปิดโต๊ะแจกรายเซนต์  ในการเดินทางมายโสธรในครั้งนี้น้องเมย์ได้รับเงินอัดฉีด ไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท 

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จัดอบรมนักเรียน โครงการ “ท่องโลกปิโตรเลียม” รุ่นที่ 3 ประจำปี 2556

วันนี้ (28 ส.ค.56) เวลา 10.00 น. นายศักดิ์ชัย กาญจนะวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการ "ท่องโลกปิโตรเลียม” รุ่นที่ 3 ณ โรงแรมเพชรรัชต์ การ์เด้น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 5 จากโรงเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 100 คน เข้ารับการอบรม

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลัง ร่วมกับผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียม จัดโครงการ "ท่องโลกปิโตรเลียม” รุ่นที่ 3 ประจำปี 2556 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 28 – 29 สิงหาคม 2556 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ด้านปิโตรเลียมและกิจการปิโตรเลียม โดยสร้างความเข้าใจพื้นฐานด้านพลังงาน รับรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรปิโตรเลียมและการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นตัวแทนเผยแพร่ความรู้ต่อไปยังบุคคลอื่นในสังคมได้

กิจกรรมมีการบรรยายด้าน วิชาการ และกิจกรรมฐานความรู้ด้านการปิโตรเลียมและพลังงาน และการนำเสนอผลงานเพื่อใช้เป็นแบบในการเผยแพร่ความรูความเข้าใจด้าน ปิโตรเลียม และกิจกรรมสันทนาการที่สอดแทรกความรู้เรื่องปิโตรเลียมและการใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพ



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมพร คำนึง/บก.ข่าว

28 ส.ค.56

ร้อยเอ็ด เปิดการแข่งขันวอลเลย์บอล เยาวชน “กฟภ.” (PEA) ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีและทุนการศึกษา รอบคัดเลือกตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 56  เวลา 13.30 น. นายธัชชัย  สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดจัดการแข่งขันวอลเลย์บอล เยาวชน "กฟภ.” (PEA) ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ครั้งที่ 9 (ปีที่ 29) ประจำปี 2556  ณ สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดย การดำเนินงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดร้อยเอ็ด นายสัญชัย  เลาห์ทวี  ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดร้อยเอ็ด   กล่าวว่า สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย, ห้างหุ้นส่วนจำกัด กรเดช และบริษัทในเครือ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด, โรงเรียนสตรีศึกษาร้อยเอ็ด, โรงเรียนขัติยะวงษา, โรงเรียนเทศบาลหนองหญ้าม้า กีฬาท้องถิ่น จังวหวัดร้อยเอ็ด, กองพันเสนารัษ์ที่ 6 ค่ายพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 16 ค่ายประเสริฐสงคราม, โรงเรียนบ้านโนนเมือง, คณะกรรมการผู้ตัดสินภูมิภาค จากจังหวัดต่าง ๆ และ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอล เยาวชน "กฟภ.” (PEA) ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ครั้งที่ 9 (ปีที่ 29) ประจำปี 2556 ประเภททีมชายและทีมหญิง ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีและทุนการศึกษา รอบคัดเลือกตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 25 – 31 สิงหาคม 2556 ณ โรงพลศึกษา สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด และสนามโรงพลศึกษา โรงเรียนสตรีศึกษาร้อยเอ็ด เพื่อจัดคัดเลือกไปร่วมการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึง วันที่4 พฤศจิกายน 2556 ณ อาคารวีสมหมาย จังหวัดศรีสะเกษ ประเภททีมการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ทีม ชาย/หญิง ดังนี้  ทีมชาย จำนวน  29  ทีม , ทีมหญิง จำนวน  16  ทีม รวมทั้งหมด 45 ทีม ซึ่งเป็นตัวแทนจากจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด

นายธัชชัย  สีสุวรรณ รองผู้ราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กล่าวว่าแข่งขันวอลเลย์บอล เยาวชน "กฟภ.” (PEA) ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ครั้งที่ 9 (ปีที่ 29) ประจำปี 2556 กีฬานับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชน ได้พัฒนาทางด้านสุขภาพด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและจิตใจ เป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมความมีระเบียบ วินัยและมีน้ำใจนักกีฬา สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเหมาะสม ตลอดจดใช้กิจกรรมทางด้านกีฬาเป็นเครื่องมือเป็นสื่อในการลดปัญหาสังคม และส่งเสริมให้เยาวชน ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกพื้นที่ ได้พัฒนาขีดความสามารถทางด้านกีฬาของตนเอง ต่อไป



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

จังหวัดร้อยเอ็ดมอบใบประกาศเกียรติบัตรเยาวชนดีเด่น พร้อมมอบทองคำและเงินสด รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท

วันที่ 26 ส.ค. 56   ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด ได้มีพิธีต้อนรับน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลกแบดมินตัน ประเภทหญิงเดี่ยวชาวไทย โอกาสที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านและแก้บนที่ศาลเจ้าแม่สองนาง ที่บ้านปอภารอำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของนางคำผัน สุวรรณศาลา มารดา โดยมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาในจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ พร้อมรับมอบทองคำ รวมน้ำหนักกว่า 14 บาท มูลค่าประมาณ 200,000 บาทเศษ และเงินสดอีกกว่า 300,000 บาท จากข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ยังได้มอบประกาศเกียรติบัตรเยาวชนดีเด่นจังหวัดร้อยเอ็ดให้กับน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ในฐานะเป็นเยาวชนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและจังหวัดร้อยเอ็ด และได้ชื่นชมน้องเมย์ว่าเป็นนักกีฬาที่มีความขยัน มีวินัย และมีความตั้งใจฝึกซ้อม และเป็นผู้ที่นำเอาวัฒนธรรมการไหว้ของประเทศไทยไปเผยแพร่แก่ชาวโลก นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน และขอให้น้องเมย์ ช่วยประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์” ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 นี้ด้วย



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
26 ส.ค. 56

ผู้ว่าร้อยเอ็ด นำน้องเมย์ รุดเยี่ยมบ้านเกิด ที่ บ้านปอภาร ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

ชาวบ้านปอภาร  รับน้องเมย์แชมป์โลกแบตมินตัน   กลับภูมิลำเนา อย่างสมเกียรติ และยิ่งใหญ่

วันนี้ เวลา  08.30 น. 26 สิงหาคม 2556   นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยประชาชนชาวร้อยเอ็ดร่วมต้อนรับน้องเมย์  รัชนก อินทนนท์ พร้อมด้วยครอบครัวอินทนนท์  กลับภูมิลำเนา อย่างสมเกียรติ และยิ่งใหญ่ที่บ้านปอภาร ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ห่างจากจังหวัดร้อยเอ็ด ระยะ 16 กม.  พร้อมใจขึ้นป้ายตลอดสองข้างทางต้อนรับน้องเมย์แชมป์โลกแบตมินตัน ลูกหลานชาวร้อยเอ็ด กลับเยือนภูมิลำเนาพร้อมครอบครัว รับการต้อนรับและการแสดงความยินดีจากชาวจังหวัดร้อยเอ็ด อย่างเป็นทางการ  

หลังจากที่ต้อนรับที่ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ดแล้ว   ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดนำคณะ  พร้อมด้วยครอบครัวน้องเมย์ พ่อ แม่และน้องชาย รวมทั้งแม่ปุก ผจก.สโมสรทองหยอด รวม 5 คน เดินทางจากสนามบินร้อยเอ็ด มุ่งตรงมายังบ้านเกิดน้องเมย์แชมป์โลก ที่บ้านเลขที่ 73 ม. 8 บ้านปอภาร เพื่อเยี่ยมญาติพี่น้อง จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารเช้า ซึ่งจัดรับรองที่เทศบาลตำบลปอภาร และเข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขัวญ ที่ศาลาวัดบ้านปอภาร จากนั้น นายไชยยงค์ สุริยหาร นายกเทศมนตรีตำบลปอภาร นำสักการะศาลปู่ ภายในวัด นำสักการะศาลแม่ย่าสองนาง ซึ่งหางจากหมู่บ้าน 1 กม. เพื่อแก้บน ซึ่งเป็นสถานที่ชาวตำบลปอภารทั้งตำบล มีความเชื่อศรัทธาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สักการระตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าหากประกอบกิจใดๆเมื่อมาขอพรสำเร็จทุกราย จากการที่ตรวจติดตามความพร้อมการเตรียมรับน้องเมย์แชมป์โลก ชาวบ้านปอภาร ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พบว่าที่บ้านเกิดของน้องเมย์แชมป์โลกแบตมินตัน ขวัญใจชาวไทย และทั่วโลก มีฐานะยากจนจริง โดยได้รับมอบบ้านเอื้ออาทร จากเทศบาลตำบลปอภาร สนับสนุนงบประมาณก่อสร้าง และชาวบ้านปอภาร ใช้แรงกายร่วมสร้างมอบบ้านเอื้ออาทร ให้ครอบครัวน้องเมย์อยู่อาศัยเมื่อปี 2549 ถึงแม้ว่าครอบครัวยากจน แต่ความอบอุ่นความเอื้ออาทรของชาวปอภารที่มอบให้ครอบครัวน้องเมย์มีความอบอุ่นมาก สภาพแวดล้อมภูมิทัศน์โดยรอบสะอาด ได้รับการดูแลจากเทศบาลตำบลปอภารอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้น้องเมย์ก่อนหน้านี้กลับมาภูมิลำเนาก่อนทำการแข่งขันในต่างประเทศทุกครั้ง เพื่อบนบานที่ศาลแม่ย่าสองนางประจำ ประกอบหมู่บ้านปอภารเป็นหมู่บ้านได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงดีเด่นระดับจังหวัดและ เช้าชิงระดับประเทศด้วย

หลังจากนั้นได้เดินทางไปนมัสการ พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี  หรือพระเจ้าใหญ่ของชาวร้อยเอ็ด เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร  ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่วัดบูรพา อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด  แล้วเดินทางไปที่ บึงพลาญชัยมี ชาวร้อยเอ็ด นักเรียน นักศึกษารอให้การร่วมต้อนรับ นับพันคน



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว
บุญมี เพ็งรัตน์ ภาพ
กมลพร คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
043-527117,086-2200865

โครงการปฎิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานถวายสมเด็จพระสังฆราชฯ

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดโครงการปฎิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี โดยมีนายสิทธิกร อ้วนศิริ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเลย, นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอด่านซ้าย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ 250 คน เข้าร่วมโครงการ ณ พระอุโบสถวัดป่าเนรมิตวิปัสสนา บ้านหัวนายูง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย นายสิทธิกร อ้วนศิริ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวว่า การจัดกิจกิจกรรมตามโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการสนองนโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของรัฐบาล เสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเน้นฝึกสมาธิ พัฒนาสติตามแนวพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพื้นฐานในการปฎิบัติตนและเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท อันนำไปสู่การเสริมสร้างวินัย การประพฤติตามกรอบแห่งจรรยาบรรณ และมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม เป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังแผ่นดิน และเพื่อปฎิบัติบูชาถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชันษา 100 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ที่จะถึงนี้ โดยมีพระครูภาวนาวิสุทธษภรณ์ เจ้าอาวาสวัดป่าเนรมิตวิปีสสนา เป็นพระวิทยากร

จังหวัดเลยจัดงานสดุดีวีรชน 1718

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานพิธีวางพวงมาลาสดุดีวีรชน หน่วยผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1718 ประจำปี 2556 ที่อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1718 ตำบลนาอาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย ในโอกาสอันสำคัญที่พ่อค้าประชาชน ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร นักเรียน นักศึกษา และญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อประเทศชาติทุกคนต่างสำนึกในความทรงจำอยู่เสมอว่า ในขณะที่มีภัยคุกคามต่อสันติภาพ ในบริเวณรอยต่อจังหวัดเลย อุดร และหนองคาย เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนเป็นอันตรายต่อเอกราชและอธิปไตยของชาติ ทางราชการได้จัดตั้ง หน่วยผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1718 เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาภัยคุกคาม โดยร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ จัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครผู้รักชาติ ในรูปแบบไทยอาสาป้องกันชาติติดอาวุธ ร่วมกับหน่วยผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1718 มีทั้งประชาชน อาสาสมัคร พลเรือน ตำรวจ ทหาร กลายเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ความหวงแผ่นดิน และความสามัคคีของคนในชาติอย่างแท้จริง หน่วยผสม พตท.1718 จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2517 ที่สนามบินจังหวัดเลย ตำบลนาอาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย มีภารกิจอำนวยการและบังคับการในการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ โดยดำเนินการด้านการเมืองและการทหารในพื้นที่รับผิดชอบอันเป็นรอยต่อ 3 จังหวัด คือ จังหวัดเลย อุดรธานี และหนองคาย เพราะในเวลานั้น สถานการณ์ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ดังกล่าว มีความรุนแรงจากการก่อการร้ายมาก เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนกลุ่มมวลชน ซึ่งรับผิดชอบต่อการป้องกันและรักษาความมั่นคงของพื้นที่ในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนต้องทำงานหนัก มีการผนึกกำลังอย่างหนาแน่นมีประสิทธิภาพ และมีเอกภาพทั้งทางทหาร พลเรือน ตำรวจ อาสาสมัคร ประชาชน สามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่งกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยและได้ยุบเลิกหน่วยฯเมื่อ พ.ศ.2526 รวมระยะเวลา 8 ปี 

รอง ผวจ.อุบลราชธานี เยี่ยมค่ายฝึกอบรมอาสาสมัครต้นแบบเอาชนะยาเสพติด รุ่นที่ ๔ อำเภอเขมราฐ

รอง ผวจ.อุบลราชธานี เยี่ยมค่ายฝึกอบรมอาสาสมัครต้นแบบเอาชนะยาเสพติด รุ่นที่ ๔ อำเภอเขมราฐ อุบลราชธานี : เยี่ยมให้กำลังใจเยาวชนที่เข้าร่วมฝึกอบรมอาสาสมัครต้นแบบเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน อำเภอเขมราฐ รุ่นที่ ๔ จำนวน ๓๙ คน ที่กองร้อย ตชด.๒๒๗ เขมราฐ ซึ่งใช้หลักสูตรค่ายบำบัดผู้ติดยาเสพติด โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ที่สามารถสร้างเยาวชนให้กลับเป็นคนดีของสังคมได้

เมื่อวันที่ ๒๗ ส.ค.๕๖ นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังแก่เยาวชนที่เข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการค่ายฝึกอบรมอาสาสมัครต้นแบบเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๖ ที่ค่ายตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๗ อำเภอเขมราฐ ซึ่งอำเภอเขมราฐใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมตามโครงการดังกล่าว โดยมีเยาวชนจากตำบลเขมราฐ,แก้งเหนือ,หัวนา,เจียด,ขามป้อม,นาแวง,หนองผือ,หนองสิมและตำบลหนองนกทารวม ๓๙ คน เข้าร่วมฝึกอบรม ระหว่างวันที่ ๒ – ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖

ในการฝึกอบรม นายสมมาตร สาเกตุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหว้า กล่าวว่า ใช้หลักสูตรการดำเนินในค่ายบำบัดผู้ติดยาเสพติดของโรงพยาบาลธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระยะเวลา 8 คืน 9 วัน โดยมีวิทยากรจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเขมราฐ , โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหว้า, กองร้อย ตชด 227 ,สถานีตำรวจภูธร.เขมราฐ และจากอำเภอเขมราฐ

อำเภอเขมราฐ ได้ดำเนินการฝึกอบรมเยาวชน ๔ รุ่น โดยรุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 21 – 29 กุมภาพันธ์ 255๖จำนวน 25 คน, รุ่นที่ 2 เมือวันที่ 20 – 27 มิถุนายน 2556 จำนวน 113 คน, รุ่นที่ 3 เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม– 2 สิงหาคม 2556 จำนวน 48 คนและรุ่นที่ 4 ระหว่างวันที่ 22 – 30 สิงหาคม 2556 จำนวน 39 คน รวมผู้ผ่านการฝึกอบรมทั้งหมด 225 ซึ่งสามารถสร้างพลังเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้กลับเป็นคนดีเป็นพลังสังคมที่จะร่วมเอาชนะยาเสพติดและเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนและประชาชนได้



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๘ ส.ค.๕๖

ทก.ยว.สุรนารี (เขมราฐ) ประชุมการปฏิบัติงานยุทธการ ยมนาร่มเย็น ๐๑ สกัดกั้นยาเสพติดและการทำผิดด้านความมั่นคง

อุบลราชธานี : เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติพร้อมปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข ทั้งซักซ้อมการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อให้สามารถสกัดกั้นการลักลอบค้ายาเสพติด,ไม้พะยูงและการทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ ๒๗ ส.ค.๕๖ นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการตามแผนการสกัดกั้นยาเสพติดและการกระทำผิดด้านความมั่นคงอื่น "ยมนาร่มเย็น ๐๑” ณ ที่บัญชาการทางยุทธวิธี กองกำลังสุรนารี(เขมราฐ) ซึ่งในการปฏิบัติตามยุทธการ ได้บูรณาการกำลังพลจาก กองกำลังสุนารี ปกครองอำเภอเขมราฐ นาตาล โพธิ์ไทร ตำรวจภูธรเขมราฐ นาตาล โพธิ์ไทรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง จังหวัดอุบลราชธานี (นรข) กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๗ กองร้อยทหารพรานที่ ๒๓๐๑ กรมทหารพรานที่ ๒๓ ตำรวจน้ำเขมราฐ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ด่านศุลกากรเขมราฐ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ ๑ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๗ ,สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ๙ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งมีภารกิจในการตั้งด่านตรวจ/จุดสกัด ตามเส้นทางหลัก ๖ ด่าน, การลาดตระเวนในเส้นทางรอง ๖ เส้นทาง, การซุ่มจับในพื้นที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด ๑๒ จุด,การตรวจตราควบคุมจุดขอดเรือ ๓๒ จุด,การตรวจค้นบริเวณจุดผ่านแดนถาวร/จุดผ่อนปรนการค้า ๓ จุดและการปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนและการสร้างความเชื่อมั่นภาครัฐ

โดยผลการปฏิบัติงานแบบูรณาการของที่บัญชาการทางยุทธวิธี กองกำลังสุรนารี(เขมราฐ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ – สิงหาคม ๒๕๕๖ สามารถจับกุมยาเสพติดติดได้ ๖๘ ครั้ง ได้แก่ยาบ้า จำนวน ๘๑๑,๐๓๘ เม็ด ผู้ต้องหา ๘๖ คน เป็นคนลาว ๒ คน . จับกุมยาไอซ์ จำนวน ๑๘.๗๖ กิโลกรัม, จับไม้พะยูง ๗๔ ครั้ง จำนวน ๒,๖๓๑ ท่อน ผู้ต้องหา ๒๓ คน ของกลางรถยนต์ ๕๓ คัน รถจักรยานยนต์ ๒ คัน, จับกุมการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ข้ามแดน ๗ ครั้ง จำนวน ๑๖ คัน ผู้ต้องหา ๓ คน, การลักลอบนำโคข้ามแดน ๒ ครั้ง จำนวน ๑๔ ตัวและลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ๗ ครั้ง ผู้ต้องหาชาวลาว ๕๔ คน พร้อมนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับทราบปัญหาการปฏิบัติในบางภารกิจ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คำแนะนำการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานตามยุทธการ ยมนาร่มเย็น ๐๑



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๘ ส.ค. ๕๖

รอง ผวจ.อุบลราชธานี สำรวจพื้นที่ลักลอบค้ายาบ้าและไม้พยุง ตามลำน้ำโขงและทางถนน ด้านอำเภอเขมราฐ

อุบลราชธานี : ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่องเรือตามลำน้ำโขงและเส้นทางสายโขงเจียม-เขมราฐ เพื่อสำรวจพื้นที่และจุดเสี่ยง ที่มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาและส่งออกไม้พะยุ กับประเทศเพื่อนบ้านด้านอำเภอเขมราฐ พร้อมเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ร่วมป้องกันและเฝ้าระวังตามลำน้ำโขงและทางถนนอย่างเข้มข้น

เมื่อวันที่ ๒๗ ส.ค.๕๖ นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำลังสุนารี (ทก.ยว.กล.สุรนารี เขมราฐ) ,หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) และฝ่ายปกครอง ร่วมสำรวจและตรวจตราพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและส่งออกไม้พะยุงกับประเทศเพื่อนบ้านตามลำน้ำโขง ด้านอำเภอเขมราฐ โดยสำรวจพื้นที่ตามริมฝั่งลำน้ำโขงระหว่างอำเภอเขมราฐถึงพื้นที่ตำบลนาแวง ซึ่งช่วงพื้นที่ช่วงดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีภูมประเทศเอื้ออำนวย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่ปริมาณน้ำในลำน้ำโขงท่วมสูงขึ้นสามารถใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางหรือขนส่งได้โดยสะดวก ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและเป็นพื้นที่ที่มีการลักลอบส่งออกไม้พะยุงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนทางถนนสายโขงเจียม – เขมราฐ ที่เป็นถนนตามแนวชายแดนสามารถเชื่อมต่อถึงจังหวัดมุกดาหาร มีการตั้งด่านตรวจ,จุดสกัด ได้แก่ จุดตรวจบ้านนาสะอาด,บ้านโบกม่วง อ.เขมราฐ, จุดตรวจหน้า อบต.พะลาน อ.นาตาล, จุดตรวจสามแยกป่าข่าและจุดตรวจสามแยกนาฮ่าง อ.โพธิ์ไทร นอกจากนี้ยังมีการลาดตระเวนตามเส้นทางรอง ๗ สายในพื้นที่อำเภอเขมราฐ,นาตาลและโพธิ์ไทร พร้อมนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบนโยบายและคำแนะนำให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน,ผู้นำชุมชนและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อสามารถปฏิบัติการสกัดกั้นเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและส่งออกไม้พะยุงไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๘ ส.ค. ๕๖

รอง ผวจ.อุบลราชธานี แถลงข่าวผลการจับกุมตรวจยึดไม้พยุง

อุบลราชธานี : ผลการจับกุมและตรวจยึดไม้พะยูงในพื้นที่ อำเภอเขมราฐ นาตาลและโพธิ์ไทร ช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๕๖ จับกุมได้ ๓๗ คดี ไม้ของกลาง ๕๔๖ ท่อน รถยนต์ ๒๔ คัน เลื่อยโซ่ยนต์ ๒ เครื่อง ผู้ต้องหา ๘ คน รวมมูลค่า กว่า ๕๑๓ ล้านบาท

เมื่อวันที่ ๒๗ ส.ค.๕๖ นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการแถลงข่าวการจับกุมตรวจยึดไม้พุงในพื้นที่อำเภอเขมราฐ นาตาลและโพธิ์ไทร ในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อบ.๒ (ดงคันไทร) อำเภอเขมราฐ ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ จับกุมไม้ของกลาง ๑๑๑ ท่อน ผู้ต้องหา ๓ คน รถยนต์ ๔ คัน, เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ จับกุมไม้ของกลาง ๑๐๐ ท่อน รถยนต์ ๔ คัน, เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ จับกุมไม้ของกลาง ๒๐๔ ท่อน ผู้ต้องหา ๔ คน รถยนต์ ๙ คัน เลื่อยโซ่ยนต์ ๒ เครื่อง, เดือนสิงหาคม จับกุมไม้ของกลาง ๑๓๐ ท่อน ผู้ต้องหา ๑ คน รถยนต์ ๗ คัน ทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า จำนวน ๕๑๓,๒๔๐,๐๐๐.ล้านบาท

สำหรับปัญหาการลักลอบขนไม้พยุงออกนอกประเทศ นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีขบวนการลักลอบลำเลียงโดยใช้รถยนต์ดัดแปลงบรรทุกมาจากพื้นที่แนวชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านอำเภอน้ำยืนและนาจะหลวย และนำมาพักในพื้นที่อำเภอเขมราฐ นาตาล โพธิ์ไทร ก่อนที่จะลำเลียงออกนอกประเทศโดยอาศัยช่วงฤดูฝนที่น้ำตามลำน้ำโขงท่วมสูงขึ้น ทำให้มีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการลักลอบนำออกนอกประเทศและปัจจุบันมีขบวนการค้ายาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าไม้พะยูง โดยบางส่วนมีการแลกเปลี่ยนระหว่างไม้พะยูงกับยาบ้า ซึ่งในการป้องกันและปราบรามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มีการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกับผู้นำหมู่บ้านอย่างเข้มข้น จริงจัง โดยการตั้งด่านตรวจ,จุดสกัด,ดักซุ่ม,เฝ้าระวังและสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ร่วมเฝ้าระวังและแจ้งข่าวการลักลอบค้าไม้พยุงและการทำความผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๘ ส.ค. ๕๖

ผู้แทนพระองค์ เยี่ยมกระบือถูกไฟไหม้ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้ ผู้แทนพระองค์ ตรวจเยี่ยม ดูแล อาการป่วย ของกระบือเพศเมีย ที่ถูกไฟไหม้

วันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่บ้านโคกสว่าง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวดี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้ พลตรี ปรีชา บุญอำพล ผู้ควบคุมการปฏิบัติราชการวังเทเวศร์ เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมาตรวจเยี่ยม และ ดูแลอาการป่วยของกระบือเพศเมีย ของ นายทองใส แสงสว่าง อายุ 64 ปี ที่ บ้านเลขที่ 83 หมู่ 15 บ้านโคกสว่าง ตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี หัวหน้าส่วนราชการ และ ชาวบ้าน ให้การต้อนรับ สำหรับกระบือ ตัวดังกล่าว เป็นกระบือเพศเมีย ชื่อ เจ้าน้อย ซึ่งในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.29 น. น้ำหนัก 15 กิโล แข็งแรงทั้งแม่และลูก เจ้าน้อย กระบือตัวดังกล่าว ได้ให้กำเนิด ลูกกระบือ เพศเมียสร้างความปลาบปลื้มใจ ให้แก่ครอบครัว นายทองใส ฯ และ ชาวบ้านเป็นอย่างมาก นายทองใส เล่าว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ได้เกิดเพลิงไหม้กระท่อมกลางนา ทำให้เจ้าน้อย กระบือท้องแก่ อายุ 3 ปี ซึ่งตนได้ผูกเชือกมัด เจ้าน้อยไว้กับกระท่อมกลางนา เจ้าน้อยจึงไม่สามารถออกมาได้ กว่าที่ตนและเพื่อนบ้านจะมาพบ กระท่อมก็ถูกไฟไหม้ทั้งหลัง ส่วนเจ้าน้อย มีอาการสาหัส ถูกไฟไหม้ทั้งตัว และ ในวันนี้ เป็นวันโชคดีของครอบครัวตน มี ผู้แทนพระองค์ มาเยี่ยม และ เจ้าน้อยก็ได้ให้กำเนิด ลูกกระบือ ในวันเดียวกัน อีกทั้ง พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงรับ "เจ้าน้อย ไว้ในความดูแลรักษา ทำให้เป็นที่ปลาบปลื้มใจแก่ครอบครัว และวงศ์ตระกูล อย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นวาสนาของเจ้าน้อยแท้ๆ และ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้าน นายสัตวแพทย์ อภิชาติ ภวังค์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า สำหรับอาการเบื้องต้น ของ เจ้าน้อย ขณะนี้ แผลที่ถูกไฟไหม้ ก็เริ่มตกสะเก็ดแล้ว ไม่พบ อาการติดเชื้อ หรือ อักเสบ สามารถกินหญ้าได้ปกติ โดยภาพรวม มีสุขภาพแข็งแรง และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนลูก ของเจ้าน้อย นั้น จากการตรวจเบื้องต้น พบว่า ปกติดี อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์ฯจะได้ติดตามดูแล กระบือสองแม่ลูกนี้ อย่างใกล้ชิดต่อไป พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชร กิติยาภา หลังทราบว่า เจ้าน้อย ได้ให้กำเนิด ลูกกระบือเพศเมีย ทรงพระราชทาน ชื่อ ให้กับ กระบือน้อย ว่า บารมี

กองกำลังสุรนารี ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ด้านความมั่นคง เปิดปฏิบัติการตามแผนยุทธการ สกัดกั้น ยาเสพติด และการกระทำผิดด้านความมั่นคง ภายใต้ยุทธการ “ยมนาร่มเย็น 01” เพื่อปราบปรามผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม้พะยูง ตามแนวชายแดนของจังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านทรายทอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดแผนปฏิบัติ ตามยุทธการสกัดกั้นยาเสพติดและการกระทำผิดด้านความมั่นคง ภายใต้ยุทธการ "ยมนาร่มเย็น 01” โดยมีกองกำลังสุรนารี/ ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี/ผู้แทนกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 22 / ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ปฏิบัติ ตามแผนยุทธการ ยมนาร่มเย็น 01 เข้าร่วมปฏิบัติการจำนวน 860 คน เพื่อให้การปฏิบัติตามแผนปราบปรามยาเสพติด และลักลอบค้าไม้พะยูง และการทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดน เป็นไปตามภารกิจในการลดบทบาทของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การลักลอบค้าไม้พะยูง ตลอดจนเพื่อลดระดับปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ทั้งการนำเข้า ลำเลียงในพื้นที่ตามแนวชายแดนให้ลดลง สำหรับแผนยุทธการ ยมนาร่มเย็น 01 มีหน่วยงานเข้าร่วมสนธิกำลัง จำนวน 10 หน่วยงาน ได้แก่ กองกำลังสุรนารี ปกครองอำเภอ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง ตำรวจกองร้อยเฉพาะกิจ กองร้อยทหารพราน ตำรวจน้ำ ด่านศุลกากร และชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน โดยกำหนดแผนปฏิบัติการในห้วงเดือนสิงหาคม – เดือนกันยายน 2556 โดยมีแผนปฏิบัติภารกิจ ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด การลาดตระเวน ในเส้นทางรอง การซุ่มจับในพื้นที่เสี่ยง และตรวจค้นจุดผ่านแดนถาวร นอกจากนี้ ยังจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้ประชาชนได้ทราบถึงสถานการณ์ปัญหายาเสพติด ซึ่งยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ในระดับประเทศในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังได้เข้าปฏิบัติการตามแนวชายแดนด้านลำน้ำโขง ซึ่งถูกลำดับความสำคัญเป็นพื้นที่เพ่งเล็งในการใช้เป็นช่องทาง ลักลอบการนำเข้าของยาเสพติดจากภายนอกประเทศ และพื้นที่เสี่ยงต่อการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ได้แก่ อ.เขมราฐ อ.นาตาล และ อ.โพธิ์ไทร อีกทั้ง ยังมีกระบวนการกระทำความผิดลักลอบขนไม้พะยูงออกนอกประเทศ ซึ่งนับวันทวีความรุนแรง หน่วยงานภาครัฐจะต้องเข้าปฏิบัติการ ทั้งเชิงรับและเชิงรุก ในการควบคุมพื้นที่ เพื่อจำกัดเสรีของกลุ่มขบวนการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมาย ยาเสพติดและกระทำผิดต่อความมั่นคงของประเทศต่อไป

สำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานีจัดสัมมนา “การเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” การพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารจังหวัดอุบลราชธานี-จังหวัดอำนาจเจริญ

วันที่ 26 สิงหาคม 2556 ณ ห้องอิ่มบุญ บ้านสวนโฮเทลแอนด์กอล์ฟ นายธีระผล อรุณะกสิกร ขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดการสัมมนาการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” การพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารจังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานีได้ร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ จัดขึ้น การสัมมนาผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยในครั้งนี้ เนื่องจากกรมการขนส่งทางบกเห็นว่าการขนส่งรถโดยสารประจำทางในส่วนภูมิภาค ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ช้าบริการ จึงเห็นควรให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดจัดให้มีการส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานบริการที่ดี มีความปลอดภัยจากการประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำทางในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ ทำให้ประชาชนหันมานิยมใช้บริการรถโดยสารเพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาด้านบริการและการประกอบกิจการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำทางของตนเอง ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยลาวและประเทศกัมพูชา มีการค้า การลงทุนและการเดินทางไปมาระหว่างประเทศ โดยกำลังก้าวเข้าสู่การพัฒนาภูมิภาคของประชาคมอาเชี่ยน จึงเห็นควรให้มีการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับอาเชี่ยนให้ผู้ประกอบการได้ พัฒนาธุรกิจด้านการขนส่งให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทั้งของตนเองและภาพรวมของจังหวัด การสัมมนาให้ความรู้ "การเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” ในครั้งนี้ ผู้ที่เข้ารับการสัมมนา จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น และนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาธุรกิจด้านการขนส่งรถโดยสารประจำทางของตนเองและจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดอำนาจเจริญต่อไป



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

ผวจ. อุบลราชธานี นำคณะหัวหน้าส่วนราชการเชื่อสัมพันธไมตรีกับ ผวจ.พระวิหาร กัมพูชา

อุบลราชธานี : นำคณะหัวหน้าส่วนราชการพร้อมนายอำเภอชายแดน ร่วมพบปะเชื่อมสัมพันธไมตรีพร้อมเจรจาความร่วมมือด้านการป้องกันการลักลอบตัดไม้พะยุงตามแนวชายแดน,การเปิดจุดผ่านแดนช่องอานม้า อ.น้ำยืน, การพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษา,ด้านการเกษตร,การท่องเที่ยว,การแลกเปลี่ยนสินค้าและการพัฒนาฝีมือแรงงาน

เมื่อวันที่ ๒๔ ส.ค.๕๖ นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเดินทางไปพบปะเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีและเจรจาความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยนายอม มารา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารพร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ศาลาว่าการจังหวัดพระวิหาร ซึ่งในการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดพระวิหารที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับจังหวัดอุบลราชธานี ด้านอำเภอน้ำยืนและการป้องกันการลักลอบตัดไม้พะยุงตามแนวชายแดน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร กล่าวว่าเรื่องการตัดไม้พะยุง กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ได้ออกกฎหมายที่จะยุติการค้าไม้พะยุงและมีการเฝ้าระวังจากส่วนราชการกัมพูชาไม่ให้มีการลักลอบตัดไม้พะยุงตามแนวชายแดนในราชอาณาจักรไทย ด้านการเปิดจุดผ่านแดนช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการชายแดนของทั้ง ๒ ประเทศทั้งในเรื่องความชัดเจนของแนวชายแดนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากสามารถเปิดด่านช่องออานม้าได้จะเป็นผลดีต่อทั้ง ๒ ประเทศ ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งจะได้มีการผลักดันให้สามารถเปิดทำการได้โดยเร็ว รวมทั้งการจัดงานแสดงและแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งร่วมเป็นความมือระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี,ศรีสะเกษและจังหวัดพระวิหาร ซึ่งจะได้หารือกำหนดสถานที่และช่วงเวลาการจัดงานต่อไป

ในการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าที่ผ่านมาจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษากัมพูชา ศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน ๑๐ ทุน ส่วนที่จะขอรับทุนการศึกษา เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโท ในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในสาขาเกษตรกรรมและวิศวกรรมนั้น ได้หารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีแล้ว ซึ่งเห็นด้วยที่จะให้ความช่วยเหลือแต่จะขอคัดเลือกนักศึกษาที่จะเข้ารับทุน รวมทั้งแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย ซึ่งฝ่ายกัมพูชา ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ในการคัดเลือกนักศึกษา ส่วนการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการทางการเกษตร,ปศุสัตว์ ซึ่งอาจส่งเจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำ ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพ และที่ผ่านมาได้มีการทำข้อตกลงซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรลงแบบ CONTACK FARMING กับกัมพูชา ๑๐ ข้อตกลง ซึ่งจะได้ผลักดันให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเพิ่มข้อตกลงให้มากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้ง ๒ ฝ่ายต่อไป

สำหรับด้านการท่องเที่ยว ต่างเห็นชอบที่จะให้มีการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นโบราณสถานและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาค เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว พร้อมนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานแก่ชาวกัมพูชา ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี มีสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นแหล่งฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพกว่า ๑๐๐ สาขาอาชีพและจะได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดพระวิหารต่อไป

ในท้ายที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า การที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้ให้ความร่วมมือกับจังหวัดพระวิหารในช่วงที่ผ่านมาและที่จะให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือในการพัฒนาด้านการเกษตรและการพัฒนาฝีมือแรงงานนั้น เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีและเป็นแนวทางในการที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนให้มีความใกล้เคียงกันซึ่งจะส่งผลให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ต่อไป




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๖ ส.ค.๕๖

ผวจ. อุบลราชธานี นำคณะหัวหน้าส่วนราชการเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยว ปราสาทเกาะเก ของจังหวัดพระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา

อุบลราชธานี : นำคณะหัวหน้าส่วนราชการพร้อมนายอำเภอชายแดน ร่วมพบปะเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารและเยี่ยมชมปราสาทเกาะเก สถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพระวิหาร

เมื่อวันที่ ๒๔ ส.ค.๕๖ นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเดินทางไปพบปะเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีและเจรจาความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งนายอม มารา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ได้นำคณะผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เยี่ยมชมปราสาทเกาะเก ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นโบราณสถานและกำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยประสาทเกาะเก จะมีลักษณะเป็นกลุ่มปราสาทที่มีปราสาทบริวารทั้งน้อยใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน ร่วม ๑๐๐ ปราสาท ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นป่าทึบ ประกอบด้วยปราสาทเกาะเก ปราสาทจีน และปราสาทอื่นๆ ที่สำคัญภายในบริเวณ จะมีปราสาทรูปทรงปิรามิด มีความสูง ๓๕ เมตร เดิมภายในปราสาทมีหินปั้นรูปศิวลึง แต่สูญหายไป ปัจจุบันยังเหลือรูปปั้นศิวลึง ที่อยู่ในปราสาทต่างๆ เพียง ๕ รูป และยังมีรูปปั้นศิวลึง ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีขนาดยาว ๕ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๗๐ เซนติเมตร แต่ยังถูกฝังดินไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ทั้งหมด โดยปราสาทเกาะเก แห่งนี้ เป็นสถานที่สำคัญที่ชาวกัมพูชา มีความเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มีทุกข์หรือมีอาการเจ็บป่วยบรรเทาหรือหายได้ ด้วยการบนบาล โดยนำน้ำมาหยดลงบนรูปปั้นศิวลึง แล้วนำไปกรองเพื่อดื่มหรืออาบ ก็จะสามารถบรรลุผลในสิ่งที่ตนได้บนบาล ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจตามเส้นทางการท่องเที่ยวตามถนนสายอัลลองเวงและเชื่อมไปสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ ของกัมพูชา ต่อไปได้

สำหรับไว้ปราสาทเกาะเก ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกุเลน จังหวัดพระวิหาร สามารถเดินทางตามถนนสายอัลลองเวง จากด่านชายแดน ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ไปยังจังหวัดพระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา และเมื่อถึงพื้นที่อำเภอกุเลน จะมีถนนเข้าสู่ปราสาทอีก เป็นระยะทาง ๔๕ กิโลเมตร ซึ่งปราสาทดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเอเชียและชาวยุโรป ให้ความสนใจไปท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง


พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๖ ส.ค.๕๖













บุรีรัมย์จัดงาน วันย้อนรำลึก “อนุสาวรีย์เราสู้” วีรกรรมผู้กล้าชาวบุรีรัมย์

"อนุสาวรีย์เราสู้” เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเกียรติประวัติ และสดุดีวีรกรรมประชาชน เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้ผนึกกำลังเข้าร่วมต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 56 เวลา 10.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาในวันรำลึกถึง"อนุสาวรีย์เราสู้” วีรกรรมผู้กล้าชาวบ้านโนนดินแดง บรรพบุรุษของไทยแต่อดีต ไม่ว่าหญิงหรือชาย ได้ยอมเสียสละเลือดเนื้อ ชีวิต เพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลาน จนพวกเราทุกคนได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบมา ทางหนึ่งที่แสดงออกได้ถึงการสำนึกในบุญคุณและเทิดทูนวีรกรรมดังกล่าว คือการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจดังเช่น "อนุสาวรีย์เราสู้” ที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์

ก่อนปี พ.ศ.2508 ห้วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างรุนแรง จนถึงขั้นใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหา ได้มีการยุยงปลุกปั่นราษฎรให้เลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ เพื่อต่อต้านรัฐบาลมีการสะสมกองกำลังขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีการก่อการร้ายเป็นระยะ จนเหตุการณ์ได้ถึงจุดรุนแรงที่สุดในปี พ.ศ.2521

เหตุที่ต้องก่อสร้างเส้นทางสายนี้เพราะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศด้านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยต้องตัดผ่านเขตอิทธิพลของ ผกค.ทำให้ฝ่าย ผกค.ต่อต้านขัดขวางการก่อสร้างสายนี้ทุกวิถีทาง ด้วยการวางทุ่นระเบิดอย่างหนาแน่น ดักซุ่มยิง ซุ่มโจมตีที่ตั้งกำลังทหารที่คุ้มกันการก่อสร้าง เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และ ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ทำให้ราษฎรในพื้นที่พากันรวบรวมกำลังพลต่อสู้กับ ผกค. อย่างห้าวหาญเส้นทางสายนี้จึงสำเร็จลงได้

อนุสาวรีย์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชองค์พระประมุขของชาวไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ชื่อ เราสู้ ให้เป็นชื่อของอนุสาวรีย์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯแก่วีรชนผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย อนุสาวรีย์แห่งนี้จะเป็น เครื่องเตือนใจอนุชนรุ่นหลัง ได้รับรู้ความห้าวหาญเสียสละ และถือปฏิบัติตามแบบอย่างต่อไป




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

กาชาดจังหวัดบึงกาฬสร้างเครือข่ายอาสายุวกาชาดจังหวัด

วันที่ 27-08-2556  เวลา 13.30 น. ณ หอประชุมกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดอบรม "อาสายุวกาชาด” หลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์อุปถัมภกสภากาชาดไทย ตามโครงการสร้างภาคีจิตอาสา เครือข่ายอาสายุวกาชาดจังหวัดบึงกาฬ โดยมีนางประภาศิริ สัจจชลพันธ์ นายกเหล่าการชาดจังหวัดบึงกาฬกล่าวรายงาน ซึ่งมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้ประกอบด้วยอาสายุวกาชาดซึ่งเป็นนักศึกษา กสน. ในเขตพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬจำนวน 100 คน โดยจะทำการอบรมตั้งแต่วันที่ 27 -30 สิงหาคม 2556 รวมระยะเวลา 4 วัน

การอบรมในครั้งนี้เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้ความเข้าใจ เลื่อมใส และศรัทธาในกิจการกาชาดและอาสาสมัครเข้ามาเป็นกำลังสำคัญให้กับสภากาชาดไทย โดยบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้มีความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหา หลักการ อุดมการณ์ วัตถุประสงค์ ที่ถูกต้องของยุวกาชาด มีคุณธรรมจริยธรรมและจิตสำนึกที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวมและเป็นภาคีจิตอาสาเครือข่ายของเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬต่อไป

กาชาดบึงกาฬจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาพัฒนาศักยภาพกรรมการและสมาชิกกาชาด

วันที่ 27 สิงหาคม 2556   เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ นายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพกรรมการ สมาชิก และผู้ช่วยเหลือกิจการกาชาดและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สุขภาพ ประจำปี 2556 เหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำเภอ โดยมีนางประภาศิริ สัจจชลพันธ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ กล่าวรายงาน ซึ่งมีสมาชิกเหล่ากาชาดในจังหวัดบึงกาฬมาร่วมกิจกรรมกันอย่างพร้อมเพียง

เหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬยกฐานะจากกิ่งกาชาดอำเภอบึงกาฬเป็นเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2554 ตาม พรบ. จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554 โดยมติที่ประชุมกรรมการสภากาชาดไทย ครั้งที่ 301 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 เป็นเหล่ากาชาดจังหวัดที่ 76 เหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬในฐานะตัวแทนสภากาชาดไทย ซึ่งมีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมกิจการกาชาดในพื้นที่จังหวัดได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพกรรมการ สมาชิก และผู้ช่วยเหลือกิจการกาชาดและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สุขภาพ ประจำปี 2556 เหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำเภอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดเวทีให้สมาชิกาชาดจังหวัดบึงกาฬ ได้มีโอกาสพบปะปฏิสัมพันธ์ เพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในกิจการสาธารณะกุศลของแต่ละอำเภอ ตลอดจนเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เหล่ากรรมการ สมาชิก กาชาด ในเรื่องบทบาทหน้าที่ ข้อบังคับ ระเบียบ และการปฏิบัติงาน สิ่งที่ควรรู้ และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับจาการเป็นกรรมการและสมาชิกกาชาด ตลอดทั้งให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อความแข็งแรง และเป็นกำลังสำคัญให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬต่อไป

จังหวัดบึงกาฬ จัดประชุมคณะอนุกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ด้านการสหกรณ์ระดับจังหวัด

วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖  เวลา ๐๙.๓๐ น . ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ด้านการสหกรณ์ระดับจังหวัด โดยมีนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุม

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ด้านการสหกรณ์ระดับจังหวัด กล่าวว่า เนื่องในโอกาส ครบ ๑๐๐ ปี ของการสหกรณ์ไทย และองค์การสหประชาชาติประกาศให้ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ เป็นปีสหกรณ์สากล ประกอบกับรัฐบาลเห็นความสำคัญในการใช้การสหกรณ์เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ประกาศให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ สำหรับข้อมูลพื้นฐานสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬ มีดังนี้ สหกรณ์ มีอยู่ ๔ ประเภทด้วยกันคือ ประเภทการเกษตร ประกอบด้วย ๑.กองทุนสวนยาง ๒. การเกษตร ประเภทออมทรัพย์ ,ประเภทบริการ และประเภท เครดิตยูเนี่ยน ทั้ง ๔ ประเภท มี สหกรณ์รวม ๕๘ แห่ง จำนวนสมาชิก ๘๑,๑๒๙ คน ทุนเรือนหุ้น ๑,๐๗๗,๐๐๘,๙๓๗.๐๐ บาท ทุนดำเนินการ ๒๔๓,๔๔๖,๗๖๙.๐๐ บาท โดยจังหวัดบึงกาฬ จะดำเนินการใน ๔ ยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ คือ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างและพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตชนในชาติ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ สนับสนุนและการพัฒนาการรวมกลุ่มของประชาชนด้วยวิถีการสหกรณ์ให้เป็นฐานรากสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบการผลิต การตลาด และการเงินของสหกรณ์ และยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนแผนพัฒนาการสหกรณ์ให้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งของขบวนการสหกรณ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม ในวันนี้ เป็นการพูดคุยถึงแนวทางการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ให้ประสบผลสำเร็จ โดยมีส่วนราชการ ภาคประชาชน เข้าร่วมประชุม กว่า ๔๐ หน่วยงาน



ข่าว/ส.ปชส.บึงกาฬ

จังหวัดมหาสารคาม ประกาศผลการคัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่น 8 สาขา ประจำปี 2556

จังหวัดมหาสารคาม ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่น จังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556 ทั้ง 8 สาขา เพื่อเป็นแบบอย่างในการประพฤติตัวแก่เด็กและเยาวชน พร้อมรับประกาศเกียรติคุณจากผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องในการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ จังหวัดมหาสารคาม

นายพิชัย คชพิมพ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดมหาสารคาม โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ได้มีการประกาศสรรหาและพิจารณา คัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่นจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๖ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการพิจารณาคัดเลือก ซึ่งมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนในจังหวัดมหาสารคาม ที่ได้ส่งผลงานมาเข้ารับการพิจารณา จำนวน 37 คน ใน 8 สาขา และผลการพิจารณาคัดเลือกเป็นดังนี้

สาขาการศึกษาและวิชาการ ได้แก่ นายธัญพิสิษฐ์ อุตรี โรงเรียนสารคามพิทยาคม

สาขากีฬาและนันทนาการ ได้แก่ เด็กชายศรัณญู เฉลิมชิต นักกีฬาลีลาศ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม สาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ได้แก่ นายวุฒิปรีชา ดวงสีดา โรงเรียนสารคามพิทยาคม

สาขาคุณธรรม และจริยธรรม ได้แก่ นายธนวัฒน์ เที่ยงดี โรงเรียนสารคามพิทยาคม

สาขาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ นายสรศักดิ์ ไชยเดช โรงเรียนผดุงนารี สาขาพัฒนาเยาวชน บำเพ็ญประโยชน์และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน ได้แก่ นายทศพล พรรณนาเหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม

สาขาศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ นางสาวชฏารัตน์ ลาภเจริญสวัสดิ์ โรงเรียนผดุงนารี และ

สาขาอาชีพ ได้แก่ นายอานนท์ มะหัด โรงเรียนสารคามพิทยาคม


ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนดีเด่นจังหวัดมหาสารคาม ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก จะได้เป็นแบบอย่างในการประพฤติตัวแก่เด็กและเยาวชน พร้อมเข้ารับประกาศเกียรติคุณจากผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในงานวันเยาวชนแห่งชาติ จังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556 วันที่ 12 กันยายน 2556 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

พลังงานมหาสารคาม แจงเกณฑ์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับ LPG

พลังงานจังหวัดมหาสารคาม เร่งชี้แจงแนวทางการบรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยขอความร่วมมือครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ร้านค้าหาบเร่ แผงลอยขายอาหาร ขึ้นทะเบียนใช้สิทธิ์ขอรับความช่วยเหลือ ภายใน 30 สิงหาคม นี้

นายนิคม เดชพร พลังงานจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศจะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ภาครัวเรือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556- 30 พฤศจิกายน 2557 เดือนละ 0.50 บาท ต่อกิโลกรัม และรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย ครัวเรือนรายได้น้อย ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ครัวเรือนรายได้น้อย ไม่มีไฟฟ้าใช้ และผู้ประกอบการร้านค้า หาบเร่ แผงลอยขายอาหาร ที่มีพื้นที่ร้านค้าไม่เกิน 50 ตารางเมตร ซึ่ง สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ที่ สำนักงานเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นต้นไป โดยการส่งข้อความขอใช้สิทธิ์ด้วยระบบ SMS ผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้หากตรวจรายชื่อแล้วไม่พบ ก็สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติม เพื่อขอใช้สิทธิ์ได้ที่ สำนักงานเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2556 ขณะเดียวกันร้านค้าก๊าซ LPG ในจังหวัดมหาสารคามที่มีอยู่กว่า 300 ร้านค้า สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติม พร้อมแจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้ที่สำนักงานพลังงานจังหวัดมหาสารคาม เพื่อจะได้ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนตามที่รัฐบาลกำหนด

อย่างไรก็ตาม พลังงานจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับร้านค้าก๊าซ LPG ที่มีชื่อตามประกาศ จะมีป้ายข้อความระบุ "ร้านนี้ อยู่ในโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหว (LPG) ภาคครัวเรือน” และมีรหัสร้านค้าที่ได้รับจากกระทรวงพลังงานติดไว้ที่หน้าร้าน ซึ่งหากร้านค้าก๊าซปฏิเสธการจำหน่ายอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานแผนพลังงาน สำนักงานพลังงานจังหวัดมหาสารคาม โทรศัพท์หมายเลข 043 777 720-21 ในวัน เวลา ราชการ




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯมหาสารคาม นำการบริการภาครัฐออกให้บริการประชาชนที่อำเภอยางสีสุราช

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่อำเภอยางสีสุราช นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ออกตรวจรักษาโรคแก่ประชาชน พร้อมนำการบริการจากภาครัฐตามโครงการเยี่ยมเยียนประชาชน กว่า 30 หน่วยงาน ให้บริการประชาชนที่องค์การบริหารส่วนตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ออกให้บริการตรวจรักษาโรคแก่ประชาชน พร้อมนำการบริการจากภาครัฐออกไปให้บริการประชาชนตามโครงการ เยี่ยมเยียนประชาชนจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยกำหนดใช้สถานที่บริเวณ องค์การบริหารส่วนตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม เป็นจุดให้บริการ

สำหรับโครงการเยี่ยมเยียนประชาชน ของผู้ว่าราชการ จังหวัดมหาสารคาม , เหล่ากาชาดจังหวัดและส่วนราชการต่าง ๆ ที่อำเภอยางสีสุราช ในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบพันธุ์ปลา ให้กับผู้นำชุมชน เพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะ สำหรับเป็นอาหารโปรตีนไว้บริโภค มอบถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ยากจน มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน นอกจาก นี้ยังได้นำหน่วยบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ ออกให้บริการประชาชนร่วมกับหน่วยงานอื่นรวมกว่า 30 หน่วยงาน ส่วนปัญหาในพื้นที่ของตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช ด้านการคมนาคมติดต่อกับอำเภอ และหมู่บ้านข้างเคียงยังไม่สะดวก เนื่องจากถนนเป็นดินลูกรัง สภาพถนนขรุขระ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนถนนจะชำรุดเสียหายมาก




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตร.ภูธรมหาสารคาม-ชาวอำเภอเชียงยืนปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ

ตร.ภูธรมหาสารคาม ร่วมกับสภ.เชียงยืนและประชาชน ร่วมปลูกป่า ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี ถวายแม่ของแผ่นดิน

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.ต.อ.เศกสรร สุขประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชียงยืน นำเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรเชียงยืนและประชาชน ร่วมกันปลูกต้นไม้ ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี ถวายแม่ของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 โดยใช้พื้นที่ดำเนินการบริเวณหลังสถานีตำรวจภูธรเชียงยืนสำหรับพันธ์ุกล้าที่นำมาปลูกประกอบด้วย พะยูง ยางนา แคป่า อินทนิล โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เพาะชำกล้าไม้มหาสารคาม การปลูกต้นไม้ตามโคงการประชาอาสาปลูกป่า800ล้านกล้า80พรรษามหารครั้งนี้. นอกจากจะเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ แล้ว ยังเป็นการปลูกฝังวินัยการรักษาต้นไม้ หวงแหน และพร้อมให้การดูแล เพิ่มพื้นที่สีเขียวในพ้ืนที่ต่อไป




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

คณะมนุษยศาสตร์ฯ มมส. จัดกิจกรรม“โครงการอะไหล่มนุษย์ สัญจร”

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กลุ่มสิทธิผลวีแคร์ จัดกิจกรรม "โครงการอะไหล่มนุษย์ สัญจร” ครั้งที่ 2 เพื่อให้ความรู้ในการปลูกถ่ายอวัยวะ และการบริจาคอวัยวะ

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และ กลุ่มสิทธิผลวีแคร์ จัดกิจกรรมตาม "โครงการอะไหล่มนุษย์ สัญจร ครั้งที่ 2” เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ในเรื่อง การบริจาคอวัยวะ การปลูกถ่ายอวัยวะ และภาวะสมองตาย ภายในงานได้จัดเสวนาเรื่อง "อะไหล่มนุษย์ คุณค่าของการให้จากหัวใจ” โดยมีวิทยากรจากกลุ่มสิทธิผลวีแคร์ และนายแพทย์วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ร่วมบรรยาย พร้อมด้วยนักแสดง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ (เต็งหนึ่ง) และธนิดา กาญจนวัฒน์ (จินนี่) ร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ อะไหล่มนุษย์สัญจร ครั้งที่ 2 เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างทัศนคติของการเป็น "ผู้ให้” ให้แก่กลุ่มนิสิต นักศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของผู้เผยแพร่ข้อมูล และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด ได้มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องการบริจาคและการปลูกถ่ายอวัยวะมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร. 1666 หรือที่เว็บไซต์ www.organdonate.in.th




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมหาสารคามเสนอครูโรงเรียนกันทรวิชัยเป็นตัวแทนคัดเลือก “ยอดครูผู้มีอุดมการณ์”

คณะกรรมการระดับจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกและได้เสนอนางนภาพร เดชบุรัมย์ ครูจากโรงเรียนกันทรวิชัย เป็นตัวแทนจังหวัดมหาสารคาม เข้ารับการคัดเลือกเพื่อให้ได้รับรางวัล ยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติยศครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ครั้งที่ 8 ประจำปี 2557

นายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานคณะกรรมการระดับจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในการเสนอและพิจารณาบุคลากรครูในระดับจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัด เข้ารับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล ยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติยศครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ครั้งที่ 8 ประจำปี 2557 ภาคละ 1 คน โดยมีคณะกรรมการระดับจังหวัดมหาสารคาม ที่มาจากภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันพิจารณา ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐ เช่น ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัฒนธรรมจังหวัด ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์จังหวัด ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองนักเรียน กรรมการเขตพื้นที่การศึกษา กรรมการสถานศึกษา

สำหรับจังหวัดมหาสารคาม มีบุคลากรครู ส่งประวัติและผลงานเข้ารับการคัดเลือกจำนวน 2 คน ได้แก่ นางนภาพร เดชบุรัมย์ ครูวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกันทรวิชัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 และ ส.ต.อ.อุทร ซุ้ยไกร ครูวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านนางเลิ้งโคกล่าม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 โดยผู้ส่งประวัติและผลงานดังกล่าว ได้มานำเสนอต่อหน้าคณะกรรมการ เพื่อร่วมกันพิจารณาคัดเลือก

ผลการพิจารณา จังหวัดมหาสารคาม ได้เสนอชื่อนางนภาพร เดชบุรัมย์ ครูวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกันทรวิชัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 26เป็นตัวแทนจังหวัด เข้ารับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล ยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติยศครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ครั้งที่ 8 ประจำปี 2557 ภาคละ 1 คน และกำหนดการมอบรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในวันครูแห่งชาติ วันที่ 16 มกราคม 2557




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ธ.ก.ส.มหาสารคาม เปิดโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ระยะที่ 2

ธ.ก.ส.มหาสารคาม เปิดโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ระยะที่ 2 กระตุ้นการซื้อสินค้าภาคการเกษตรผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร พร้อมปล่อยคาราวานรถบรรทุกปุ๋ย ส่งให้เกษตรกรที่ใช้บัตรสินเชื่อในการซื้อ ครอบคลุมทั้ง 13 อำเภอ

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในการเปิดโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ระยะที่ 2 "เพิ่มเอกสิทธิ์บัตร เพิ่มศักดิ์ศรี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 4 ล้านครอบครัว” โดยมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามกว่า 1600 คน ร่วมงาน พร้อมปล่อยคาราวานขบวนรถบรรทุกปุ๋ย ออกไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอที่ได้ใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรในการซื้อปุ๋ยดังกล่าว

ด้านนายมงคล พรงาม ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบัน ธ.ก.ส.มหาสารคาม ได้ดำเนินการส่งมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกรไปแล้ว 100,500 บัตร โดยมีวงเงินที่อนุมัติ 1,325 ล้านบาท มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการรวม 162 ร้าน และยังได้รับการรับรอง Q Shop แล้ว จำนวน 1 ร้านค้า ในจำนวนนี้มีเกษตรกรนำบัตรสินเชื่อฯไปซื้อปัจจัยการผลิตและน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วประมาณ 324 ล้านบาท




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตำรวจภูธรมหาสารคามเปิดค่ายสุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม สนองตอบนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ด้วยการจัดค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ใช้เวลาอบรม 20 วัน

ระยะเวลา 20 วัน ที่ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนจากการคัดกรองของอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดมหาสารคาม รวม 50 คน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง มาเข้ารับการอบรมในค่ายบำบัดที่มีชื่อว่า ค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม-8 กันยายน 2556 โดยใช้สถานที่ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เป็นสถานที่ฝึกอบรม

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ จะได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้มีบุคลิกที่สง่างาม มีวินัย มีความสามัคคี สามารถที่จะปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมให้เป็นผู้มีจิตอาสา พร้อมให้การช่วยเหลือสังคม ให้ความร่วมมือในการช่วยกันพัฒนาสังคมให้เกิดความสุข ซึ่งเมื่อเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ผ่านการอบรมครบตามหลักสูตรแล้ว จะมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มอาสาพลังแผ่นดิน ในระดับจังหวัดและอำเภอต่อไป




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ไอแบงค์เปิดสาขาจังหวัดมหาสารคาม ตอกย้ำความมั่นคงภายใต้หลักธนาคารคุณธรรม

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (I-Bank) เปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดมหาสารคาม ให้บริการด้านธุรกรรม ตอบสนองความต้องการของลูกค้าธนาคารทุกศาสนิก รวมถึงชาวมุสลิมในพื้นที่ ตอกย้ำความมั่นคงภายใต้หลักธนาคารคุณธรรม

นายธงรบ ด่านอำไพ กรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาธร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจรายย่อย ลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อร่วมเปิดที่ทำการธนาคารสาขาใหม่ จังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ร่วมพิธีเปิด

สำหรับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขามหาสารคาม เป็นสาขาลำดับที่ 110 เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2556 เป็นต้นไป ตามหลักการของศาสนาอิสลาม หรือหลักซะรีอะฮ์ ภายใต้แนวคิดธนาคารคุณธรรม ดำเนินงานด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านธุรกรรมที่หลากหลายแก่ลูกค้ารายย่อย ผู้ประกอบการSMEs ทั้งชาวไทยมุสลิมและลูกค้าทุกศาสนิก




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปฏิบัตการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรมหาสารคาม มีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง

นายปนิธิ เสมอวงษ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง รายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัด อุดรธานี ซึ่งปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรและเติมนํ้าให้กับอ่างเก็บนํ้า ต่างๆของพื้นที่จังหวัดมหาสารคามระหว่างวันที่12-18 สิงหาคม 2556 โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรจังหวัดมหาสารคามจํานวนรวม2วัน3เที่ยวบิน355 ชั่วโมง ผลการปฏิบัติการฝนหลวงทําให้มีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลางในพื้นที่การเกษตร จังหวัดมหาสารคามจํานวน1วัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ได้รับ ผลกระทบจากสภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว