วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เปิดแล้วอย่างยิ่งใหญ่การประมูลป้ายทะเบียนเลขสวยจังหวัดบึงกาฬ

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2556) ณ ห้องประชุมเดอะวันคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกเดินทางมาเป็นประธานในพิธีการประมูลหมายเลข ทะเบียนรถ (เลขสวย) จังหวัดบึงกาฬ โดยมีนายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬกล่าวต้อนรับและนายเอกบดินทร์ จำเนียรการ ขนส่งจังหวัดบึงกาฬกล่าวรายงานการจัดงาน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลป้ายทะเบียนเลขสวยในหมวดอักษรคู่ " กก " หมวดแรกและหมวดเดียวในประเทศไทย จำนวน 301 เลขหมาย ของจังหวัดบึงกาฬในครั้งนี้ เป็นจำนวนมาก


สำนักงานขนส่งจังหวัดบึงกาฬร่วมกับกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) จัดงานประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดบึงกาฬ หมวดแรกและหมวดเดียวในเมืองไทย ในหมวดอักษรคู่ "กก” จำนวน 301 เลขหมาย ป้ายทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดบึงกาฬออกแบบเป็นลวดลายภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเป็น สัญลักษณ์ของจังหวัดบึงกาฬ ประกอบด้วยภูทอก สวนยางพารา แก่งอาฮงที่เป็นสะดือแม่น้ำโขง ซึ่งแผ่นป้ายทะเบียนทั้ง 301 หมายเลข จำนวน 602 แผ่นป้าย ผ่านการอธิษฐานจิตและเสริมศิริมงคลจากหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดบึงกาฬซึ่งจะมีการจัดประมูลป้ายทะเบียนเลขสวย 2 วันคือในวันที่ 3-4 สิงหาคม 2556 ในวันนี้หลังจากทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว กปถ. ยังได้มอบอุปกรณ์สำหรับผู้ได้รับความเสียหายทางร่างกายจากการประสบ อุบัติเหตุทางถนน 2 ราย คือนายบุญเพ็ง เหลาสุนา ได้รับมอบรถเข็ญเนื่องจากพิการขาทั้งสองข้างเดินไม่ได้และนายเสาร์ ขุนราช รับมอบขาเทียมหนึ่งข้าง และการประมูลในวันนี้หมายเลขทะเบียนเลขสวยเลขแรกที่เปิดประมูลคือ 8899 มีคนสู้ประมูลหลายรายแต่ก็ต้องจำยอมให้กับเจ้าถิ่นอย่างท่านพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งชนะการประมูลไปด้วยจำนวนเงิน 400,000 บาทนับเป็นการประเดิมการประมูลป้ายทะเบียนเลขสวยป้ายแรกได้อย่างตื่นเต้น ส่วนรายละเอียดการประมูลทั้งสองวันจะเป็นอย่างไรจะรายงานให้ทราบในคราวต่อไป

บึงกาฬจัดประชุมเพื่อเพิ่มศักยภาพสินค้า OTOP แข่งขันในตลาดอาเซียน

เมื่อวันที่ (2 สิงหาคม 2556) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมทรายเงินรีสอร์ท อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายองค์ความรู้ (KOB) จังหวัดบึงกาฬ เพื่อประเมินผลและรับรองผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และคัดเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ไปประกวดผลิตภัณฑ์ OTOP ดีเด่นระดับประเทศ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพคเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนบุรี ระหว่างวันที่ 8 – 18 สิงหาคม 2556

ผลการประชุมคณะกรรมการ KBO จังหวัดบึงกาฬมีมติในที่ประชุมคัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP เครือข่ายองค์ความรู้ (KBO)จังหวัดดีเด่น(OTOP KBO CONTES ) ได้แก่ กลุ่มจักสานบ้านหนองเดิ่นท่า หมู่ที่ 1 ตำบลหนองเดิ่น อำเภอบุ่งคล้า ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จักสานจากต้นคล้าเป็นพืชที่มีในพื้นที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำ และนอกจากนี้ยังมีการพิจารณาให้คะแนนประกวดผลิตภัณฑ์ OTOP ดีเด่นระดับจังหวัดตามประเภทผลิตภัณฑ์ 5 ประเภทกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดเลือกคือ 1. ข้าวเหม้ากระยาสาร์ท กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านห้วยไม้ซอด หมู่ที่ 5 ตำบลปากคาด อำเภอปากคาด 2.เครื่องดื่มสมุนไพรแห้ม กลุ่มสมุนไพรไทยจากแห้ม หมู่ที่ 3 ตำบลพรเจริญ อำเภอพรเจริญ 3. ผ้าขาวม้า กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองสว่างพัฒนา หมู่ที่ 13 ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง 4. ถาดผลไม้จากคล้า กลุ่มจักสานบ้านหนองเดิ่นเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลหนองเดิ่น อำเภอบุ่งคล้า 5. สบู่เหลวมะเฟือง ผู้ประกอบการสมุนไพรรัศมี หมู่ที่ 3 ตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ โดยกลุ่มที่ได้รับการคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์โอทอ๊ประดับจังหวัดจะต้องเตรียมผลิตภัณฑ์ไปประกวดผลิตภัณฑ์ OTOP ดีเด่นระดับประเทศ ในระหว่างวันที่ 8-18 สิงหาคม 2556 ณ อิมแพคเมืองทองธานี

กกต.บึงกาฬจัดกิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ดร.จรูญรัตน์ ส่งศรี กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตยตามโครงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพรรคการเมือง กับการเลือกตั้ง ประจำปี 2556 จัดโดย กกต.จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเข้าร่วมแข่งขันตอบปัญหา รวม 22 โรงเรียน ชิงเงินรางวัลสูงสุด 10,000 บาท

การจัดการแข่งตอบปัญหาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้เรื่องพรรคการเมืองและการเลือกตั้งแก่นักเรียน นิสิตนักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไปผู้สนใจได้รับทราบอย่างทั่วถึงอันจะส่งผลให้การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความยั่งยืนสืบไป ซึ่งผลการแข่งขันตอบปัญหาในครั้งนี้รางวัลชนะเลิศได้แก่ โรงเรียนเซกา ได้รับทุนการศึกษา 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนพรเจริญวิทยา ได้รับทุนการศึกษา 7,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับสอง โรงเรียนหนองแข็งวิทยาได้รับทุนการศึกษา 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รางวัลชมเชย โรงเรียนศรีวิไลวิทยา และโรงเรียนหนองยองวิทยา ได้รับทุนการศึกษาโรงเรียนละ 2,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

มหาสารคาม มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกร กว่า 100 ล้านบาท

จังหวัดมหาสารคาม มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วง ปี 2555 รวม 2 อำเภอ วงเงินช่วยเหลือกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายในการทำนาปี

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายธวัธ สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันมอบใบสำคัญรับเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วง ปี 2555 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่หอประชุมโรงเรียนมัธยมยางสีสุราช อำเภอยางสีสุราช และหอประชุมปฏิบัติธรรม พระบรมธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มขึ้นจากอัตราไร่ละ 606 บาท เป็นอัตราไร่ละ 1,113 บาท เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในเบื้องต้น และเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายในการปลูกพืชทดแทนในพื้นที่ปลูกข้าว ของเกษตรกรทั้ง 2 อำเภอ ที่ได้รับความเสียหายจากสภาวะฝนทิ้งช่วงในห้วงเดือนสิงหาคม - เดือนพฤศจิกายน 2555 โดยพื้นที่อำเภอยางสีสุราช มีเกษตรกรที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน 7 ตำบล 91 หมู่บ้าน เกษตรกรเดือดร้อน 5,428 ราย พื้นที่ปลูกข้าวได้รับความเสียหาย 48,491.25 ไร่ เป็นเงิน 53,790,761.25 บาท ส่วนพื้นที่อำเภอนาดูน มีเกษตรกรที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน 9 ตำบล 91 หมู่บ้าน เกษตรกรเดือดร้อน 4,034 ราย พื้นที่ปลูกข้าวได้รับความเสียหาย 42,164.25 ไร่ เป็นเงิน 42,928,810.25 บาท รวมช่วยเหลือเกษตรกรทั้ง 2 อำเภอ จำนวน 9,462 ราย วงเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยเกษตรกรที่เดือดร้อน จะได้รับเงินสด ผ่านเลขที่บัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร




ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

รมว.คมนาคมลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างและแผนการปรับปรุงทางหลวงเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านคมนาคม ขนส่ง รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับอาเซียน

03-08-56 ที่ห้องประชุมสำนักงานทางหลวงมหาสารคาม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างและแผนการปรับปรุงทางหลวงเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านคมนาคม ขนส่ง รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับอาเซียน ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลโครงการปรับปรุงทางหลวงหลายโครงการ มีโครงการหลักๆประกอบด้วย โครงการแรกเป็นการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 208 ช่วงตำบลท่าพระ จ.ขอนแก่น – อ. โกสุมพิสัย จ. มหาสารคาม ระยะทางทั้งหมดประมาณ 56 กม.มีเส้นทางที่ยังไม่ได้ปรับปรุงเป็น 4 ช่องจราจรรวมระยะทางประมาณ 18 กม. ค่าก่อสร้าง 640 ล้านบาท โครงการที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 2063 ช่วง อ.บรบือ – อ.วาปีปทุม ระยะทางทั้งหมดประมาณ 31กม. ช่วงเส้นทางที่ยังไม่ได้ปรับปรุงเป็น 4 ช่องจราจร รวมระยะทางประมาณ 29 กม. ค่าก่อสร้างประมาณ 1,048 ล้านบาท โครงการที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 213 ช่วง จ.มหาสารคาม อ.ยางตลาด จ. กาฬสินธุ์ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 25 กม. ช่วงเส้นทางที่ยังไม่ได้ปรับปรุงเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 9 กม. ค่าก่อสร้าง 420 ล้านบาท และมีแผนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงเป็นทางหลวง 6 ช่องจราจร ค่าก่อสร้าง 288 ล้านบาท รวมค่าก่อสร้างทั้งหมด 708 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการขยายสะพานข้ามแม่น้ำชีระหว่างบ้านดินดำกับท่าขอนยาง ที่ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ ใช้งบประมาณ133 ล้านบาท และโครงการทางหลวงหมายเลข 2040 ช่วง จ.มหาสารคาม – อ. วาปีปทุม – อ. พยัคฆภูมิพิสัยระยะทางทั้งหมดประมาณ 79 กม. ระยะทางที่ยังไม่ได้ปรับปรุงเป็น 4 ช่องจราจร รวมระยะทางประมาณ 65 ค่าก่อสร้าง 2,276 ล้านบาท จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชี ซึ่งต้องดำเนินการก่อสร้างอย่างเร่งด่วนให้ทันกับระดับน้ำที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการอย่างรวดเร็ว และคำนึงถึงความปลอดภัยของคนงานและผู้สัญจรเป็นสำคัญ ก่อนจะเข้าพบปะผู้นำชุมชนและชาวบ้านท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย พร้อมรับปากจะติดตามผลักดันงบประมาณการก่อปรับปรุงถนนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามตามลำดับความสำคัญ โครงการที่ค้างเก่าและใช้งบประมาณน้อยจะให้เจ้าหน้าที่จัดสรรงบประมาณจากส่วนอื่นๆมาดำเนินการให้เสร็จสิ้น ส่วนโครงการที่ใช้งบประมาณสูงจะต้องแบ่งดำเนินการหลายปีงบประมาณ




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว