วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อบจ.มุกดาหาร ร่วมกับโรงเรียนมุกดาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา

( 24 กพ. 57 ) เวลา 09.30 น. นางมลัยรัก ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ที่ห้องประชุมโรงเรียนมุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยมีนายวรวิทย์ สุพร ผู้อำนวยการโรงเรียนมุกดาหารนำครู และนักเรียนที่เข้าอบรมจำนวน 500 คน นางมลัยรัก ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ด้วยสภาพปัญหาสังคมปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเข้าไปในแหล่งชุมชน และสถานศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาส่วนหนึ่งเสี่ยงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา จึงได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุน โรงเรียนมุกดาหาร ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาและเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด จัดอบรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาขึ้น ณ ห้องประชุมโรงเรียนมุกดาหาร

ทั้งนี้โดยการให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษและพิษภัยของยาเสพติด ทั้งต่อตนเอง สังคม ครอบครัว และประเทศชาติ สถานการณ์ของปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อร่วมกันลดและแก้ไขปัญหาร่วมกันการรู้จักปฎิเสธและไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการชักชวนของเพื่อน ๆ หรือคนรู้จัก รวมถึงเป็นเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา หรือแจ้งเบาะแสพฤติกรรมผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ครู หรือผู้ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ไขรวมไปถึงการปราบปรามให้ลดลงหรือหมดไปในที่สุด ซึ่งผลที่ตามมาคือจะทำให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่สีขาว และไม่มียาเสพติดอย่างแท้จริงและยั่งยืนต่อไป

มุกดาหาร ประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ปี 2556

มุกดาหารประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นในระดับประเทศ และของหน่วยงานระดับจังหวัดประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ ของจังหวัดมุกดาหาร

(๒๔ ก.พ.๕๗)  นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหาร ได้ดำเนินการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี ๒๕๕๖ ในระดับประเทศ และของหน่วยงานระดับจังหวัด เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ ที่อุทิศการทำงานเพื่อประโยชน์ของทางราชการและประชาชน ตลอดจนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการและบุคคลทั่วไปในการครองตน ครองคน และครองงานที่ดี ซึ่งผลการคัดเลือกผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นในระดับประเทศ ของจังหวัดมุกดาหาร ปี ๒๕๕๖ ดังนี้

นางสาวรัชนี บรรจง นักวิชาการตรวจสอบภายในชำนาญการ หน่วยตรวจสอบภายในจังหวัดมุกดาหาร นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดมุกดาหาร สำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหาร นางสุริตา คณาดี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร

ส่วนผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นของหน่วยงานระดับจังหวัดของจังหวัดมุกดาหาร ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คือ นางพันธ์ฉวี สุขบัติ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นางหยาดทิพย์ ซีซอง ครูชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร พันตำรวจโทชัยยันต์ สอนเสียม สารวัตรฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นางสุประวีณ์ พิลาวิชชาวิชญ์ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร นายธนภูมิ มุกดาประเสริฐ นักวิชาการแรงงานปฏิบัติการ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร นายสง่า คำพันธ์ เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน สำนักงานประมงจังหวัดมุกดาหาร นางสาวนฤมล พื้นแสน นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ สำนักงานพัฒนาชุมชน นายกุนจันทร์ สิงห์สุ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และนายปรเมษฐ์ ศรีพิเมือง พนักงานช่วยเหลือคนไข้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร

บุรีรัมย์ ส่งชุดควบคุมฝูงชน 1 กองร้อยสับเปลี่ยนกำลังรักษาความเรียบร้อยม็อบ กปปส.ที่ กทม.

บุรีรัมย์ส่งชุดควบคุมฝูงชน 1 กองร้อยสับเปลี่ยนกำลังรักษาความเรียบร้อยม็อบ กปปส.ที่ กทม. ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ส่งกำลังชุดควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย สับเปลี่ยนกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กลุ่มม็อบ กปปส.ชุมนุมหลายจุดที่กรุงเทพฯ ขณะผู้การฯ ย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสากล เน้นการเจรจาไม่ใช้ความรุนแรง ลดการสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาชุมนุม (24 ก.พ.57) พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานส่งกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จำนวน 1 กองร้อย หรือจำนวน 150 นาย ที่บริเวณลานด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ออกเดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อสับเปลี่ยนกำลังในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพมหานคร ที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็น

ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. มีการชุมนุมหลายจุด โดยที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรจังหวัดก็ได้มีการจัดส่งกำลังชุดควบคุมฝูงชน ไปร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เริ่มมีการชุมนุมจนถึงขณะนี้ และขณะนี้ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรุงเทพฯ 1 กองร้อย จัดส่งไปหนุนเพิ่มอีก 1 กองร้อยรวมเป็น 2 กองร้อย หรือจำนวน 300 นาย จากที่มีทั้งหมด 4 กองร้อย ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ยังได้เน้นย้ำให้ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทุกนาย ที่จะเข้าสับเปลี่ยนกำลังในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักการเจราประนีประนอม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่จะนำไปสู่การสูญเสียทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุม

สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์

ตร.บุรีรัมย์สนธิกำลัง ชป.ปส.จู่โจมตรวจค้นทั้งในและรอบเรือนจำยึดยาบ้ายาไอซ์และมือถือจำนวนมาก

ตร.บุรีรัมย์สนธิกำลัง ชป.ปส.จู่โจมตรวจค้นทั้งในและรอบเรือนจำยึดยาบ้ายาไอซ์และมือถือจำนวนมาก ตร.บุรีรัมย์ สนธิกำลัง ชป.ปส. จู่โจมตรวจค้นเรือนจำต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน ยึดยาบ้ากว่า 5,000 เม็ด ยาไอซ์ 11 ถุง และโทรศัพท์มือถืออีก 20 เครื่อง ขณะผลการระดมกวาดล้างตามพื้นที่เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ค้าผู้เสพได้กว่า 190 คน ของกลางยาบ้ากว่า 8 พันเม็ด ของสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายรายการ ( 24 ก.พ.57) พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจาก สภ.ต่างๆ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด โดยเฉพาะชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภูธรจังหวัด (ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์) ที่ได้สนธิกำลังกับ ชป.ปส.เมืองบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่เรือนจำ เข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนกุมภาพันธ์ สามารถตรวจยึดยาบ้าจำนวน 5,007 เม็ด ยาไอซ์ 11 ถุงน้ำหนักรวม 16.31 กรัม ที่ซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ ภายในเรือนจำ และที่ซุกซ่อนไว้ด้านนอกรอบรั้วที่เรือนจำ

ทั้งนี้ยังได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือที่เครือข่ายค้ายาเสพติดพยายามจะโยนเข้าไปภายในเรือนได้อีกจำนวน 20 เครื่อง นอกจากนี้จากผลการระดมกวาดล้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต่างๆ ในห้วงวันที่ 1 – 23 กุมภาพันธ์ 2557 ยังสามารถจับกุมผู้กระทำผิดทั้งข้อหาผลิต จำหน่าย ครอบครอง และเสพยาเสพติดได้จำนวน 194 คน ยึดของกลางยาบ้า 8,185 เม็ด กัญชา ยาไอซ์ กาว และอาวุธปืนอีกหลายรายการด้วย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การสนธิกำลังหลายฝ่ายระดมกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ถือเป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังพบยาเสพติดเริ่มกลับเข้ามาระบาดในหลายพื้นที่ ในส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ก็ได้สั่งการให้ทุก สภ.ระดมกวาดล้างอย่างต่อเนื่องจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัด แต่ก็ยังพบมีการลักลอบนำมาจำหน่ายและเสพอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงกำชับให้ทุกพื้นที่ได้ระดมกวาดล้างและจับกุมอย่างเข้มข้นมากขึ้น


สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์

อบต.กระสัง ระดมแจกน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน 19 หมู่บ้านวอนของบขุดลอกแหล่งน้ำแก้แล้งถาวร

อบต.กระสังระดมแจกน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน 19 หมู่บ้านวอนของบขุดลอกแหล่งน้ำแก้แล้งถาวร อบต.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ระดมแจกน้ำช่วยชาวบ้านประสบภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคยกทั้งตำบล 19 หมู่บ้านเดือนร้อนกว่า 1,500 ครัวเรือน เผยปีนี้แล้งหนักวอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งหาทางช่วยเหลือ จัดหางบประมาณมาขุดลอกแหล่งน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งอย่างถาวร (24 ก.พ.57) นายพิศิษฐ์ ผาบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกระสัง พร้อมด้วยนาย ชเนศร์ จันไธสง ปลัด อบต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำรถบรรทุกน้ำสะอาด ออกแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ที่บ้านลำดวน หมู่ 11 ตำบลกระสัง โดยมีชาวบ้านได้นำโอ่งน้ำใส่รถเข็น และภาชนะใส่น้ำมาเข้าคิวรอรับน้ำจากทาง อบต.ที่นำน้ำมาแจกครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้เนื่องจากน้ำในสระกลางหมู่บ้านของแต่ละหมู่บ้านมีปริมาณลดลงและตื้นเขินอย่างรวดเร็ว จนบางหมู่บ้านไม่สามารถสูบขึ้นไปผลิตประปาได้ ประกอบกับน้ำฝนที่ชาวบ้านกักเก็บไว้ในโอ่ง หรือภาชนะต่างๆ เพื่อบริโภคเริ่มเหือดแห้งสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งตำบล 19 หมู่บ้าน โดยมีราษฎรได้รับผลกระทบเดือดร้อน 1,500 ครัวเรือน กว่า 7,000 คน นายพิศิษฐ์ ผาบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกระสัง กล่าวว่า ปีนี้ตำบลกระสังประสบภัยแล้งเร็ว และคาดว่าจะรุนแรงกว่าทุกปี เพราะจากการสำรวจพบว่าในเขตพื้นที่ตำบลกระสัง ได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งทั้งตำบล 19 หมู่บ้าน แต่ทาง อบต.มีรถบรรทุกน้ำเพียงคันเดียวที่ออกให้บริการแจกจ่ายน้ำ จึงต้องหมุนเวียนออกแจกจ่ายน้ำทีละหมู่บ้านเฉลี่ยวันละ 2 เที่ยว เที่ยวละ 6,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้านที่เดือดร้อน จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้ทางจังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือ หรือจัดสรรงบประมาณมาทำการขุดลอกสระน้ำกลางหมู่บ้าน ให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ผลิตประปาบริการชาวบ้านได้ตลอดทั้งปี เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ตำบลอย่างถาวร


สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์

สถาบันลูกโลกสีเขียว มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน จัดประกวดรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 16 ประจำปี 2557 หัวข้อ “วิถีพอเพียง แบ่งปัน ผูกพัน ดิน น้ำ ป่า”

นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากสถาบันลูกโลกสีเขียว มูลนิธิพลังที่ยั่งยืนว่า สถาบันลูกโลกสีเขียว มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน กำหนดจัดประกวดรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 16 ประจำปี 2557 หัวข้อ "วิธีพอเพียง แบ่งปัน ผูกพัน ดิน น้ำ ป่า” หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชนเมืองขึ้น เพื่อยกย่องเชิดชูผู้ให้การสนับสนุน และเพื่อเป็นกำลังใจแก่ บุคคล และกลุ่มบุคคลที่ทำความดีเพื่อสังคมในด้านการสร้างสรรค์และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังเป็นการเปิดเวทีส่งเสริมให้เกิดการแสวงหาแนวคิด และแนวทางใหม่ ๆ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 6 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทชุมชน ประเภทบุคคล และ ประเภทกลุ่มเยาวชน ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ส่วนอีก 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทงานเขียน ประเภทความเรียงเยาวชน และ ประเภทสื่อมวลชน กำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ซึ่งมีรางวัลการประกวด ประกอบด้วย โล่รางวัล ใบประกาศเกียริคุณ และ รางวัลเงินสดมูลค่ารวมกว่า 2,000,000 บาท แบ่งรางวัลออกเป็น ดังนี้ ประเภทชุมชน 5 รางวัล ๆ ละ 250,000 บาท ประเภทบุคคล 5 รางวัล ๆ ละ 100,000 บาท ประเภทเยาวชน 5 รางวัล ๆ ละ 50,000 บาท ประเภทงานเขียนและประเภทความเรียงเยาวชน แบ่งเป็น รางวัลดีเด่น เงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลชมเชย 20,000 บาท รางวัลดีเด่น 5,000 บาท รางวัลชมเชย 3,000 บาท ประเภทสื่อมวลชน 1 รางวัล เงินสด 100,000 บาท

ทั้งนี้จะมีการประกาศผลการตัดสินและมอบรางวัลในเดือนพฤศจิกายน 2557 โดยผลงานที่ได้รับรางวัล สถาบันลูกโลกสีเขียวและมูลนิธิพลังที่ยั่งยืนขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่เพื่อยกย่องและเป็นองค์ความรู้แก่สาธารณชนทั่วไป ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและส่งผลงานเข้าประกวด ได้ที่ สถาบันลูกโลกสีเขียว อาคาร 1 ชั้น 5 เลขที่ 555 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพ ฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2537-2146, 0-2537-1993 โทรสาร 0-2537-3829 หรือ e-mail : greenglobe42@gmail.com

สคร.5 เตือนภัย “โรคพิษสุนัขบ้า แนะผู้เลี้ยงต้องพา สุนัข แมว ไปฉีดวัคซีนทุกปี

 นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจาก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่พบได้ตลอดปี เป็นแล้วเสียชีวิตทุกราย ในประเทศไทยพบว่า สุนัขและแมวป่วยเป็นโรคมากที่สุด ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งสร้างพื้นที่ในชนบทและเขตเมืองทั่วประเทศภายให้ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า 100 เปอร์เซนต์ภายในปี 2558 เพื่อกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศภายใน พ.ศ. 2563 โดย ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉัดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขตั้งแต่อายุ 3 เดือน ขึ้นไป ขึ้นทะเบียนการเลี้ยงทุกหลังคาเรือนและทำหมัน เพื่อควบคุมจำนวนสุนัขโดยเฉพาะสุนัขจรจัด และให้เจ้าของสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคทุกปี

สคร.5 กล่าวต่อไปว่า อาการของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คือ สุนัขจะมีอารมณ์หงุดหงิด หางตก น้ำลายไหล อาจมีอาการคล้ายกระดูกหรือก้างติดคอ ซึ่งอาจทำให้เจ้าของเข้าใจผิด เอามือไปล้วงที่ปาก คลำหาก้งหรือกระดูก หากพบสุนัขมีอาการดังกล่าว ขอให้นึกถึงโรคพิษสุนัขบ้า และแยกสุนักไว้ไม่ไห้คลุกคลีกับสุนัขอื่นหรือคน และรีบแจ้ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าทีสาธารณสุข หากถูกสุนัขกัดหรือข่วน หรือเลียที่บริเวณมีบาดแผล ขอให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด และไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับบริการฉัดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

อบจ.สุรินทร์ ประชุมเตรียมการจัดงานวันข้าวหอมมะลิ และมหกรรมผ้าไหมสุรินทร์ ครั้งที่ 7

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวีดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดงานวันข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และมหกรรมผ้าไหมสุรินทร์ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 1-9 มีนาคม 2557 ณ บริเวณสวนสาธารณเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมืองสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าผลผลิตของข้าวหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์ และผ้าไหมสุรินทร์ ให้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ โดยมีกิจกรรมต่างๆเช่นการแสดงนิทรรศการเกษตรอินทรีย์ การแสดงนิทรรศการข้าสสารหอมมะลิอินทรีย์ การแสดงนิทรรศการผ้าไหม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การประกวดผ้าไหมพื้นเมืองสุรินทร์ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และการเดินแบบแฟชั่นโชว์ผ้าไหมพื้นเมืองสุรินทร์ โดยกำหนดประชุมวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์

ทั้งนี้จึงขอเชิญประชุมในวันและเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญพสกนิกรและส่วนราชการรับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

นายสอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE พระราชทานวโรกาสเสด็จ เปิดศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) และเยี่ยมชม การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดสุรินทร์ ณ โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ของการเสด็จฯ 1. เพื่อพระราชทานขวัญกำลังใจแก่เยาวชนสมาชิก TO BE NUMBER ONE และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 2. เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการ TO BE NUMBER ONE 3. เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดสุรินทร์

จังหวัดสุรินทร์ จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพสกนิกรชาวจังหวัดสุรินทร์และส่วนราชการร่วมเฝ้ารับเสด็จในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

อบจ.สุรินทร์ กำหนดจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวาย ประจำปี 2557

อบจ.สุรินทร์ กำหนดจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวาย ประจำปี 2557 31 มี.ค. นี้

นายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าจังหวัดสุรินทร์มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งผูกพันกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมืองมาอย่างยาวนานแห่งหนึ่ง คือ เขาสวาย หรือ พนมสวาย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาสวาย ในพื้นที่ตำบลนาบัวอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 20 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ติดต่อกันรอบๆ บริเวณมีเวิ้งน้ำใหญ่ มีทิวทัศน์สวยงามพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของทุกปี ต้นหมากหม้อหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ต้นอั๊ดจรู๊ก จะออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม เขาสวายมียอดเขาที่สำคัญ 3 ยอด โดยยอดเขาที่ 1 พนมเปร๊าะ หรือเขาชาย สูงประมาณ 220 เมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคล, ปราสาทหินพนมสวายพร้อมบาราย 3 ลูก และเจดีย์ศิลาแลงโบราณ จำนวน 1 องค์ ยอดเขาที่ 2 พนมสรัย หรือเขาหญิง สูงประมาณ 210 เมตร ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดพนมศิลารามและยังมีสระน้ำโบราณจำนวน 2 ลูกที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเต่าศักดิ์สิทธิ์จำนวน 2 ตัว ยอดเขาที่ 3 พนมกรอล หรือเขาคอก เป็นที่ตั้งศาลาอัฎฐมุข, ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง, สถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ดุล อตุโล และเป็นที่ตั้งศาลเจ้าแม่กวนอิม ส่วนชื่อเขาคอกนั้นได้มาจากอดีตบนเขาลูกนี้จะมีศิลาแลงวางเป็นชั้นๆ รูปทรงสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะคล้ายคอก จึงเรียกกันว่า "เขาคอก” เขาสวาย มีความสำคัญต่อชาวสุรินทร์มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล กล่าวคือ เมื่อถึงเดือนห้าของทุกปี บรรพบุรุษชาวสุรินทร์จะถือว่าเป็นงานประเพณีหยุดงาน ในภาษาเขมรเรียกว่า ตอม ภาษาลาวเรียกว่า ขลำ ภาษากวยเรียกว่า ตรัย

ซึ่งการหยุดงานจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ตอมตู๊จ ซึ่งหมายถึงวันหยุดงานเล็ก จะมีการหยุดงาน และทำงานเพียง 3 วัน นับตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 5 ช่วงที่ 2 ช่วงตอมธม หมายถึง วันหยุดงานใหญ่ จะมีการหยุดทำงานทั้งหมด 7 วัน นับแต่วันแรม 1 ค่ำถึงแรม 7 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งประเพณีการหยุดงานตามช่วงระยะเวลาดังกล่าว ชาวสุรินทร์มีความเชื่อว่าต้องหยุดการทำงานทั้งหมด หากใครไม่หยุดทำงานก็จะมีอันเป็นไป ประกอบกับในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ ดังนั้น ชาวสุรินทร์จะหยุดงานและพากันเดินทางไปขึ้นเขาสวายเพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลชีวิตต่อตนเองและครอบครัว และในปี 2549 การจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวายได้เพิ่มกิจกรรมการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสุรินทร์เคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล 9 สิ่ง้ ประกอบด้วย พระใหญ่หรือพระพุทธสุรินทรมงคล, รอยพระพุทธบาทจำลอง, อัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล, พระพุทธรูปองค์ดำ, หลวงปู่สวน, ปราสาทหินพนมสวาย, ศาลเจ้าแม่กวนอิม, เต่าหินศักดิ์สิทธิ์ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งหากกราบไหว้ครบทั้ง 9 สิ่งจะเป็นการเสริมสิริมงคลชีวิตได้เป็นอย่างดี และในทุกปีจังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนตำบลนาบัว วนอุทยานพนมสวาย และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวาย เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ซึ่งจะส่งเสริมงานประเพณีขึ้นเขาสวายให้เป็นงานประเพณีที่สำคัญและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเพณีขึ้นเขาสวายให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และในปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2557 (วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี) โดยมีกิจกรรมการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเขาพนมสวายเพื่อความเป็นสิริมงคล 9 สิ่ง พร้อมชมขบวนแห่ที่สวยงามตระการตาจากชุมชนในเขตพื้นที่ตำบลนาบัวและพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลนาบัว, ตำบลสวาย, ตำบลไพล, ตำบลประทัดบุ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์โดยนายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ จึงขอเชิญชวนชาวสุรินทร์และนักท่องเที่ยวทุกท่านได้มาเที่ยวชมงานประเพณีขึ้นเขาสวาย ประจำปี 2557 และร่วมเคาะระฆัง 1,080 ใบ บนเขาสวายเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวได้ในวันที่ 31 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณวนอุทยานพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

จ.สุรินทร์จัดงาน "มหกรรมเกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ ปี 2557” มีกลุ่มเกษตรอินทรีย์ทั่วทุกภาคนำสินค้ามาขายเป็นจำนวนมาก

นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ กำหนดวิสัยทัศน์ "เมืองเกษตรอินทรีย์ วิถีช้างไทย ผ้าไหมสุรินทร์ สู่สากล” โดยมุ่งส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรอินทรีย์ให้มีคุณภาพมาตรฐาน จึงได้กำหนดจัดงาน "มหกรรมเกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2557” ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2557 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการตลาดและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ สำหรับภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์จากทั่วประเทศ การแสดงนิทรรศการการเกษตรอินทรีย์ การเสวนา สัมมนาวิชาการ "เกษตรอินทรีย์ เมื่อเข้าสู่อาเซียน” การจัดทัวร์เกษตรอินทรีย์ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การจำหน่ายสินค้า OTOP ของดีจากทั่วทุกภาค โดยกำหนดจัดพิธีเปิดงานในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 น. โดยเรียนเชิญ นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานดังกล่าวที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานโดยทั่วกัน

พช.สุรินทร์ หนุนการจัดสวัสดิการชุมชนให้กับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ หนุนการจัดสวัสดิการชุมชนให้กับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต วันนี้(24 ก.พ) นางสาวอรษา โพธิ์ทอง พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ ได้เปิดการอบรมโครงการส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชน โดยมีสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์จากทั้ง 17 อำเภอเข้าร่วมอบรมระหว่างวันที่ 24 – 25 กุมภาพันธ์ นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตมีความรู้ ความเข้าใจในแนวคิดหลักการแนวทาง และรูปแบบกิจกรรมการจัดสวัสดิการชุมชน สามารถจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตให้มีการจัดสวัสดิการชุมชน พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการพัฒนาระบบและกลไกในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การจัดการความรู้ การอาชีพ การออม และการบริการจัดการเงินทุนของชุมชน

โดยได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตขึ้น ตั้งแต่ปี 2517 ใช้หลักการพึ่งตนเอง หลักการคุณธรรม หลักความเป็นเจ้าของและหลักการควบคุมตนเองของคนในชุมชน ให้มีการบริการจัดการในรูปแบบคณะกรรมการ สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ประชาชนรู้จักการพึ่งตนเองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักประหยัด อดออม และนำเงินสะสมรวมกันเป็นประจำสม่ำเสมอ เกิดเป็นกองทุนภายในชุมชนทำให้สมารถใช้เป็นแหล่งทุนในการสนับสนุนการประกอบอาชีพภายในหมู่บ้าน ตำบลตนเองได้ และในปัจจุบันจังหวัดสุรินทร์ มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จำนวน 581 กลุ่ม มีสมาชิก จำนวน 63,752 คน เงินสัจจะสะสมรวมกว่า 259 ล้านบาท



กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเปิดศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ที่จังหวัดสุรินทร์

ค่ำวันนี้ (24 ก.พ.2557)  ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ทรงเสด็จมาเปิดศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) และเยี่ยมชม ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดสุรินทร์ ณ โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กร มูลนิธิต่างๆ ตลอดจนพ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาร่วมรับเสด็จจำนวนมาก ทั้งนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ได้พระราชทานขวัญกำลังใจแก่เยาวชนสมาชิก TO BE NUMBER ONE และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง



กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว

ปศุสัตว์สุรินทร์ เชิญชวนคุมกำเนิดสุนัข และแมวฟรี หวังลดการแพร่ของโรคพิษสุนัขบ้า

ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ เชิญชวนประชาชนนำสุนัข และแมวคุมกำเนิดฟรี หวังลดการแพร่ของโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย นายประเสริฐ สรรเพชุดาญาณ ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้า เป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทุกปี องค์การอนามัยโลก และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ OIE ได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกประเทศ ขจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดภายในปี 2563 แต่ในสภาวะปัจจุบันยังไม่สามารถกำจัดโรคได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัข ซึ่งเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ ฉะนั้น การลดจำนวนสัตว์พาหะโดยการผ่าตัดทำหมันจึงเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทั้งในคนและในสัตว์ กรมปศุสัตว์ จึงมีนโยบายที่จะกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศไทยภายในปี 2563 จึงเชิญชวนประชาชนที่มีสุนัข และแมว ที่ประสงค์จะคุมกำเนิดด้วยวิธีการผ่าตัดทำหมันให้ไปแสดงความจำนง ขอรับบริการได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอใกล้บ้าน ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 1 เม.ย. 57 เพื่อที่จะวางแผนการดำเนินงานของโครงการต่อไป


กิติวรรณ มณีล้ำ /ข่าว 

สวท.สุรินทร์ จับมือเครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียง จัดงานวันวิทยุกระจายเสียงไทย

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุรินทร์(สวท.สุรินทร์) จับมือเครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งจังหวัด จัดงานวันวิทยุกระจายเสียงไทย ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ นางผุสดี เสริมใหม่ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ของทุกปี กำหนดให้เป็นวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ สืบเนื่องจากเป็นวันที่ประเทศไทย มีการกระจายเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ด้วยพระดำริของ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน บิดาแห่งวิทยุกระจายเสียงไทย สวท.สุรินทร์ จึงร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งสถานีวิทยุหลัก และสถานีวิทยุชุมชน ตลอดจนนักจัดรายการวิทยุจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกันจัดงาน "วันวิทยุกระจายเสียงไทย” ขึ้น ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงการกำเนิดก่อตั้งวิทยุกระจายเสียงขึ้นในประเทศไทย การแสดงให้เห็นถึงบทบาทของวิทยุกระจายเสียงที่มีต่อสังคม ตลอดจนเพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของบุคลากรวงการวิทยุกระจายเสียงในจังหวัดสุรินทร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับกิจกรรมในภาคเช้า เวลา 11.00 น. จะมีพิธีทางศาสนา ทำบุญเลี้ยงพระ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยุกระจายเสียงไทย ภาคบ่าย เริ่มเวลา 13.30 น. จัดการเสวนา " ก้าวต่อไปวิทยุกระจายเสียงไทย" จากนั้น ร่วมแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ ส่วนภาคค่ำ งานเลี้ยงสังสรรค์ "รวมพลคนรักวิทยุ เซราะเซร็น” ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนนักจัดรายการวิทยุ รวมทั้งผู้ที่อยู่ในวงการวิทยุ และผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์



กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว

จ.อำนาจเจริญ จัดงานวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ครบรอบ ๘๔ ปี

นายคัมภีร์ ฉายแสง นายกชมรมนักจัดรายการวิทยุจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ครบรอบ ๘๔ ปี ทางสมาคมนักจัดรายการวิทยุจังหวัดอำนาจเจริญ สวท.อำนาจเจริญ สนง.ปชส.อำนาจเจริญ สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดอำนาจเจริญ ภาคี เครือข่าย จึงได้จัดงานขึ้นในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ กิจกรรมประกอบด้วย ช่วงเช้าขบวนแห่รณรงค์รถยนต์จากที่ว่าการอำเภอเมืองถึงศาลากลางจังหวัด ในช่วงบ่ายมีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ ไมตรี ระหว่างหน่วยงานราชการกับสื่อมวลชน ณ สนามกีฬาจังหวัดอำนาจเจริญ ช่วงค่ำ พบปะสังสรรค์ รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ บริเวณสนามด้านหน้าอาคารสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดอำนาจเจริญ โดยนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานพิธีเปิดฯ ชมการแสดงดนตรีอันไพเราะ การแสดงเหล่าศิลปินมากมาย และพบกับนักจัดรายการทุกคลื่นในจังหวัดอำนาจเจริญ จึงขอเรียนเชิญทุกๆท่านที่เป็นแฟนคลับแต่ละคลื่นร่วมงานอย่างพร้อมเพียงกัน


สิทธิเดช นนทพรหม ข่าว

สำนักงานเกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ จัดอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี พื้นที่อำเภอพนา ตามแผนพัฒนาจังหวัด ประจำปี 2557

วันนี้ เวลา 10.00 น. ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ นายอภิชาต งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ตามแผนพัฒนาจังหวัด ประจำปี 2557 กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ประกอบกับประชาชนส่วนใหญ่ของจังหวัดกว่า ร้อยละ 80 ประกอบอาชีพทำนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยเหตุและปัจจัยเหล่านี้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงได้กำหนดทิศทางการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวหอมมะลิไว้ในยุทธศาสตร์ของจังหวัด จากสภาพการผลิตข้าวหอมมะลิของจังหวัดอำนาจเจริญที่ผ่านมา พื้นที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก เกษตรกรต้องตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ความแห้งแล้งจากฝนทิ้งช่วง เป็นต้น

ซึ่งมีผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตต่อไร่และคุณภาพของข้าวหอมมะลิลดลง เกษตรกรขาดทุน ดังนั้น จังหวัดอำนาจเจริญจึงเห็นควรส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิตามยุทธศาสตร์จังหวัด ให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วยการพัฒนาสภาพพื้นที่นา การปรับปรุง บำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะปลูกให้มากยิ่งขึ้น กระจายการผลิตในไร่นาให้มีความหลากหลายและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พัฒนาความรู้ ทักษะ ตลอดจนการเชื่อมโยงการตลาดข้าวหอมมะลิให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เกษตรกรมีรายได้มีอาชีพที่มั่นคงและพัฒนาให้จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สุดต่อไป

การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ซึ่งเป็นโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญ ปี 2557 ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับ จำนวน 250 คน ได้รับทราบถึงกระบวนการขั้นตอนในการดำเนินงานตามกิจกรรมต่างๆ ของโครงการซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงานให้ไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด อุบลราชธานี จัดกิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ประจำปี 2557

วันนี้ ( 24 ก.พ.57 ) บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาอุบลราชธานี จัดกิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ประจำปี 2557 ที่ สำนักงานบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาอุบลราชธานี ใกล้กับตลาดดอนกลาง ถนนชยางกูร อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
นายธนโชติ รัตนโกเศศ ผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาอุบลราชธานี เปิดเผยว่า กิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานในการสร้างจิตสำนึกที่ดีของผู้ใช้รถใช้ถนน รณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน จัดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี

สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ประกอบด้วย การแจกหมวกนิรภัยแก่เด็ก , การจำหน่ายหมวกนิรภัยราคาถูก เพื่อนำรายได้ทูลเกล้าฯถวายในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา , บริการเปลี่ยนหลอดไฟฟรี สำหรับรถจักรยานยนต์ , เชิญชวนประชาชนร่วมเป็นเครือข่ายแจ้งเหตุการเกิดอุบัติเหตุ และมอบของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจ ถุงใส่หมวกนิรภัยแก่ผู้ร่วมงาน

นายธนโชติ รัตนโกเศศ ยังได้กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานี เกิดอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยวันละ 2 ราย สาเหตุหลักมาจาก ขับรถด้วยอาการมึนเมา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อุบัติเหตุแต่ละครั้งทำให้เกิดการสูญเสียทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น ขอให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้ที่ร่วมใช้รถใช้ถนนให้มากที่สุด เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ติดต่อขอรับความช่วยเหลือ หรือการคุ้มครองค่าสินไหมได้ที่ สำนักงานบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาอุบลราชธานี ใกล้กับตลาดดอนกลาง ถนนชยางกูร อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น. หรือโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข
1791


กรกช ภูมี / สวท.อุบลฯ 

เผาหุ่นกำนันสุเทพที่ยโสธร

กลุ่มรักประชาธิปไตยจังหวัดยโสธร รวมตัวกันที่ศาลจังหวัดยโสธร พร้อมเผาหุ่น สุเสพ/ สมชัย/ วิชา  ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดยโสธร มีกลุ่มคนใส่เสื้อแดง อ้างเป็นชมรมรักความถูกต้องเป็นธรรมรักประชาธิปไตย จำนวนกว่า 50 คน ถือป้ายประท้วงไม่เห็นด้วยกับศาล ที่สั่งห้าม 9 ข้อ โดยมี พ.ต.อสำเนียง ลือเจียงคำ อดีดนายตำรวจ เป็นแกนนำ กลุ่มผู้ประท้วง กล่าวโจมตี ไม่พอใจคำตัดสินของศาลแพ่ง กรณีไม่ยกเลิก พรบ.ฉุกเฉิน แต่มีคำสั่ง ห้าม 9 ข้อ และไม่เห็นด้วยไม่พอใจ การทำงานขององค์กรอิสระ ปปช. กกต. กลุ่มผู้ประท้วงได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่เคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตย จากนั้นกลุ่มผู้ประท้วงได้ ลากหุ่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส/ นายสมชัย ศรีสุทธยากร กกต.ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง/ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ.และโฆษก ป.ป.ช. ไปตามถนน เมื่อไปถึงหน้าศาลากลางจังหวัดยโสธร กลุ่มผู้ประท้วง จึงได้จุดไฟเผาหุ่นทั้ง 3 คน ดังกล่าว และประกาศว่าพวกตน พร้อมจะต่อสู้กับสงครามชนชั้น ในทุกรูปแบบหากเกิดจริง จากนั้นกลุ่มผู้ประท้วงจึงได้สลายตัวกลับไป

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดอบรมหลักสูตรทักษะภาษาประเทศเพื่อนบ้านสำหรับบุคลากรภาครัฐส่วนภูมิภาคภาษาเขมร ภาษาลาว และภาษาเวียดนาม เบื้องต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรภาครัฐมีพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

วันนี้ ( 24 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมดอกจาน 3 คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นายธัชชัย สีสุวรรณ ร่วมเข้ารับการอบรม หลักสูตรทักษะภาษาประเทศเพื่อนบ้านสำหรับบุคลากรภาครัฐส่วนภูมิภาคภาษาเขมร ภาษาลาว และภาษาเวียดนาม เบื้องต้น

เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรภาครัฐมีพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจึงร่วมมือกับคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทักษะ และศักยภาพของบุคลากรภาครัฐให้พร้อมต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อให้ผู้เข้าอบรมฝึกทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ภาษาเขมร ภาษาลาว และภาษาเวียดนามระดับพื้นฐานได้

ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้เห็นความสำคัญของการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศในอาเซียนและนานาชาติ และต้องมีพื้นฐานด้านการเจรจาต่อรอง ทักษะความสามารถในการใช้ภาษา ตลอดจนความเข้าใจที่ถูกต้องในด้านวัฒนธรรม ให้แก่บุคลากรภาครัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนภูมิภาคเพื่อการเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่อาเซียนในปี พ.ศ.2558 นี้.

องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จัดแข่งขันตีเหล็กครั้งที่ 5 อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมการตีเหล็กของชนเผ่าส่วยศรีสะเกษ

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10.00 น.ที่สนามหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและวัฒนธรรมองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันการตีเหล็กครั้งที่ 5 จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีหมู่บ้านช่างตีเหล็กจากชุมชนเผ่าส่วยบ้านตะดอบและบ้านโนนแย้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ส่งทีมช่างตีเหล็กเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 9 ทีม โดยมีเงื่อนไขคือ 1 ทีม มี 5 คน ต้องตีมีดโต้ขนาดยาว 15 นิ้ง น้ำหนัก 1 กิโลกรัม มีดม๊อก ขนาดยาว 9 นิ้ว น้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม และเสียมขนาดยาว 8 นิ้ว น้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งทีมชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท รองทีมชนะเลิศอัยดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาทและรองทีมชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท การจัดแข่งขันตีเหล็กในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมการตีเหล็กของชนเผ่าส่วยศรีสะเกษ และเพื่อเป็นการส่งเสริมสร้างความสามัคคีของหมู่คณะชนเผ่าส่วยศรีสะเกษด้วย



บุญทัน ธุศรีวรรณ ข่าว/ภาพ

ตำรวจภูธรศรีสะเกษ จับยาบ้าล๊อตใหญ่ได้ของกลางร่วมครึ่งแสนเม็ด ยาไอซ์กว่า 100 กรัม พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2557)  เวลา 10.00 น. ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและพล.ต.ต.พี ระพงศ์ วงษ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรายใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 โดยตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้จับกุมนักค้ายาเสพติด 3 ราย ประกอบด้วย นายชวลิต ศรีงาม อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 52 หมู่ 1 ตำบลหนองผือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี นางสาวกนกวรรณ จันทวลี อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 53 หมู่ 4 ตำบลตาเกษ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ และนายทวีศักดิ์ สัจธรรม อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 212 หมู่ 1 ตำบลหนองผือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ยาบ้า 20 มัด ยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 140 กรัม และอาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 4 นัด และรถยนต์เก๋ง สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน กค – 2365 อำนาจเจริญ จากการขยายผลสามารถจับกุมได้เพิ่มอีกสามคน ประกอบด้วย นายพร้อมพงษ์ วิลัย อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ตำบลรุ่งระวี อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ นายดนัย เสมศรี อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 7 ตำบลดินแดง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ และนายชาติชาย วงศ์ตาดี อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 2 ตำบลกำแพง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ และรถยนต์ปิคอัพ สีบอรน หมายเลขทะเบียน กข – 5748 ศรีสะเกษ

พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 3 เน้นหนักให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น และเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.อ.สมภาร มุทาพร ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ว่ามีการลำเลียงยาบ้าล๊อตใหญ่จากอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดใช้รถยนต์ปิคอัพและรถยนต์เก๋งรวม 2 คันเป็นยานพาหนะ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาสกร สุวรรณ ณ อยุธยา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ประสานกับฝ่ายปกครองตั้งจุดสกัดที่บริเวณสี่แยกวัดกันทรารมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมี ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า,ยาไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมือง หรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.



ฉัตรชัย พรหมมาศ / ข่าว/ภาพ

จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการปลูกฝังสำนึกรักสามัคคีและเสริมสร้างความปรองดอง ประจำปี ๒๕๕๗

นายธวัชชัย ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า โครงการปลูกฝังสำนึกรักสามัคคี และเสริมสร้างความปรองดอง เป็นแผนงานในการขับเคลื่อนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการธำรงไว้ ซึ่งสถาบันหลักของชาติในระดับพื้นที่โดยการปลูกฝังและเสริมสร้างแนวคิดของผู้นำชุมชน และผู้นำเยาวชนให้เป็นแกนนำในการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการทรงงาน และแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้ หลักการมีส่วนร่วมในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งจะดำเนินการฝึกอบรมระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมโรงแรมริเวอร์ซิตี้ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป้าหมายผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบด้วย ผู้นำชุมชนจากอำเภอต่างๆ จำนวน ๔๐ คนและ ผู้นำเยาวชน จำนวน ๔๐ คน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการต่อเนื่องเป็นครั้งที่ ๓ แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๕,๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ซึ่งผู้นำชุมชนและผู้นำเยาวชนเหล่านี้ ได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งในสภาวการณ์ปัจจุบัน เป็นภาวะในการคิดต่างของประชาชนในชาติไทย จึงต้องมุ่งนำให้ผู้นำชุมชน และผู้นำเยาวชน ได้ร่วมกันคิดหาทางออกการอยู่ร่วมกันในภาวะปัจจุบันได้


สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สำนักงานประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร บริหารจัดการเงินกองทุน

นายทวีวัฒน์  ประสงค์ธรรม รักษาราชการแทนประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า กองทุนประกันสังคมเปรียบเสมือน "กระปุกออมสิน” ทำหน้าที่จัดเก็บเงินจากผู้ประกันตนที่ยังอยู่ในวัยทำงานและมีรายได้นำมาสะสมไว้ก่อน เมื่อเจ้าของเงินเกษียณจากการทำงานและไม่มีรายได้แล้ว ก็จะได้รับเงินก้อนนี้กลับคืนเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ ในระหว่างที่เงินออมยังอยู่ใน "กระปุกออมสิน” สำนักงานประกันสังคมมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำเงินออมทั้งหมดนี้ไปลงทุนเพื่อให้ได้ดอกผล เงินก้อนนี้จะได้เติบโตขึ้นเพื่อช่วยรองรับภาระการจ่ายบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพเมื่อเจ้าของเงินเกษียณจากการทำงาน ณ สิ้นปี ๒๕๕๖ กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุน จำนวนประมาณ ๑.๑ ล้านล้านบาท นับว่าเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ๙๐% ของเงินจำนวนนี้เป็นเงินออมของผู้ประกันตนจำนวน ๑๑ ล้านคน ที่สำนักงานสะสมไว้รอจ่ายเป็นสิทธิประโยชน์บำเหน็จหรือบำนาญชราภาพหลังเกษียณจากการทำงาน

ทั้งนี้ ในเงินลงทุนจำนวนกว่า ๑.๑ ล้านล้านบาท สำนักงานนำไปลงทุนมีสัดส่วน ตราสารหนี้(พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้เอกชน) ๘๘% ตราสารทุน (หุ้น) ๙% การลงทุนทางเลือก(กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน) ๑% เงินฝากธนาคารและอื่นๆ ๒% และการลงทุนทั้งหมดอยู่ภายใต้ระเบียบการลงทุนที่เคร่งครัด ซึ่งกำหนดให้ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตร มากกว่า ๖๐% ลงทุนในหุ้นและทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงได้ไม่เกิน ๔๐% ระเบียบและแผนการลงทุนต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ด) ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของเงิน ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายรัฐบาล นายจ้างและลูกจ้าฝ่ายละ ๕ คน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร เบอร์โทร๐๔๒-๖๑๒๒๘๗ หรือ๐๔๒-๖๓๐๒๗๒-๓ สายด่วน ๑๕๐๖ ในวันเวลาราชการ



สุภาวดี  อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารเตือนภัย ๖ โรคที่มากับฤดูหนาวและ ๖ โรคที่มากับฤดูร้อน

นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ฤดูหนาวในปีนี้ หลายจังหวัดของประเทศไทยโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศหนาวเย็นและเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เตือนภัย ๖ โรคที่มากับฤดูหนาว และ ๖ โรคที่มากับฤดูร้อน แก่พี่น้องประชาชนในการดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วยและการดูแลตนเองเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง เนื่องจากมีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำอยู่แล้ว โดยโรคที่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาวได้แก่ โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคอีสุกอีใส โรคอุจจาระร่วง และโรคที่พบบ่อยในฤดูร้อน โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรค ไข้ไทฟอยด์หรือ ไข้รากสาดน้อย และโรคพิษสุนัขบ้า

ขอให้ระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ และยึดหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันง่ายๆ ได้แก่ กินร้อน คือ กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลางในการกินอาหารร่วมกัน ล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วม ดื่มน้ำที่สะอาดหรือน้ำต้มสุก และให้รักษาความอบอุ่นร่างกาย ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง ๕ หมู่ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายที่มักมาพร้อมกับหน้าหนาวและหน้าร้อน




สุภาวดี  อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สถานการณ์โรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา จังหวัดมุกดาหาร ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

นายแพทย์จิณณพิพัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร มีระบบเฝ้าระวังโรคติดต่อที่สำคัญที่เข้ารับการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และมีระบบเฝ้าระวังในระดับหมู่บ้าน ชุมชน โดยมีการรายงานเหตุการณ์ผิดปกติในชุมชนโดยทีมSRRT ชายแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต ในรอบปีที่การแจ้งข่าว การสอบสวนโรคร่วมกันระหว่างทีม SRRT ชายแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต ในรอบปีที่ผ่าน (ปี ๒๕๕๖) พบการระบาดของโรคติดต่อที่สำคัญคือการระบาดของโรคไข้เลือดออก พบผู้ป่วยจำนวน ๙๙๘ ราย อัตราป่วย ๒๙๑.๐๗ ต่อแสนประชากร เสียชีวิตราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ๐.๑๐ ในปี ๒๕๕๗ จังหวัดมุกดาหาร พบโรคติดต่อที่สำคัญและพบอัตราป่วยสูงมาอย่างต่อเนื่องคือ โรคอุจจาระร่วง พบผู้ป่วยจำนวน ๖๒๙ ราย ในทุกอำเภอ แต่ไม่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน พบโรคที่เกิดการระบาดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คือการระบาดของโรคอีสุกอีใส

ซึ่งพบในกลุ่มเด็ก ๓-๑๒ ปี ในพื้นที่ ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ ที่โรงเรียนบ้านสองคอน และศูนย์เด็กเล็กบ้านสองคอน มีผู้ป่วยจำนวน ๔๐ ราย และที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองแคน ตำบลดงหลวง และตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จำนวน ๒๗ ราย (๓ มกราคม-๙ กุมภาพันธ์) และได้ดำเนินการควบคุมโรคในพื้นที่โดยให้ความรู้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และทำความสะอาดศูนย์เด็กเล็ก และเฝ้าระวังการระบาดของโรคในพื้นที่อื่น ยังไม่พบการระบาดของโรคต่อเนื่อง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างไร



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

บริษัท กลางฯ มหาสารคามจัดงานวัน RVP รักความปลอดภัยทางถนน

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจํากัดสาขามหาสารคาม จัดงานวัน RVP รักความปลอดภัยทางถนน สนองแนวคิดอุบัติเหตุลดได้ ต้องเริ่มที่ตัวเรา

24-02-57 บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจํากัดสาขามหาสารคาม ร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จัดงานวัน RVP รักความปลอดภัยทางถนน ณ บริเวณหน้าบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขามหาสารคาม ใกล้สามแยกกาฬสินธุ์ (ถนนสายมหาสารคาม-กาฬสินธุ์) อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมีกิจกรรมบริการเปลี่ยนหลอดไฟให้รถจักรยานยนต์ฟรี แจกหมวกนิรภัยสำหรับเด็กให้เด็กผู้โชคดีและร่วมลงนามสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย จัดจำหน่ายหมวกนิรภัย(86 พรรษา) ถวายแด่ในหลวง ในโครงการ "รักพ่อ รักความปลอดภัย”ในราคาพิเศษใบละ 86 บาท จำกัด 1 คน/1 ใบ โดยรายได้จากการจำหน่าย นำขึ้นทูลเกล้าฯโดยเสด็จพระราชกุศลโดยไม่หักค่าใช้จ่าย มีการลงนามเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน

ในแต่ละปี ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิจจากอุบัติเหตุมากกว่า 1600 ราย และบาดเจ็บกว่า 500,000 คน ทุก 1 ชม คนไทยจะเสียชีวิตถึง 2 ราย ปัจจัยเกิดได้ทั้งจากคน รถ สภาพถนนและสิ่งแวดล้อม และทั้ง 4 ปัจจัยมีความเชื่องโยงกัน การไม่สวมหมวกนิรภัย เมือ่เกิดอุบัติเหตุจะทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงและเฉียบพลัน นอกจากนั้น สถติการเบิกใช้สิทธิจากกรมธรรม์ประภันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 พบว่า รถจักรยานยนต์ถูกเฉี่ยวชนด้านท้าย เนื่องจากสภาพรถเก่า ไม่มีไฟท้าย ไฟเลี้ยงและถนนมีแสงสว่างไม่เพียงพอ

ดังนั้น การส่งเสริมการซ่อมบำรุงและรักษาสภาพการมองเห็นของรถให้พร้อมใช้ตลอดเวลา โดยมีช่างตรวจสภาพรถและเปลี่ยนหลอดไฟให้กับรถที่นำเข้ามารับบริการ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน สนองแนวคิด อุบัติเหตุลดได้ ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน เรามาช่วยกัน ทำให้ ถนนปลอดภัย คนไทยปลอดภัย


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

อำเภอเมืองมหาสารคาม นำร่อง อำเภอต้นแบบ ป้องกันและรักษาความพิการแต่กำเนิด

ศ.เกียรติคุณแพทย์หญิงพรสวรรค์ วสันต์ นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด (ประเทศไทย) กล่าวในการประชุมโครงการปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอำเภอต้นแบบ เพื่อป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิดในอำเภอเมืองมหาสารคาม ว่า สมาคมฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจดทะเบียนความพิการแต่กำเนิด และมีความพยายามผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) โดยจัดทำคู่มือ "5 กลุ่มโรคพิการแต่กำเนิด" ที่พบบ่อย คือ 1.อาการดาวน์ซินโดรม 2.หลอดประสาทไม่ปิด 3.โรคปากแหว่งเพดานโหว่ 4.แขนขาพิการแต่กำเนิด และ 5.กล้ามเนื้อเสื่อมพันธุกรรมดูเชน เผยแพร่ความรู้ให้ประชาชน นำร่องใน 22 จังหวัด พร้อมทั้งสร้าง "อำเภอต้นแบบ" รวม 12 อำเภอ ให้ความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดร่วมกับท้องถิ่น โรงเรียน เพื่อนำไปสู่การจดทะเบียนความพิการตั้งแต่แรกเกิด และป้องกันความพิการตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ และอำเภอเมืองมหาสารคาม เป็น 1 ใน 12 อำเภอนำร่อง พัฒนาเป็นอำเภอต้นแบบ ป้องกันและรักษาความพิการแต่กำเนิด

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรทิน นาราภิรมย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า ผู้พิการในเขตเทศบาลเมืองจากการสำรวจจำนวนประชากร ทั้งหมดราว 50,000 คน พบผู้พิการเพียง 320 คน คิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งหมายถึงระบบการดูแลรักษาตั้งแต่แรกเกิดมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองมหาสารคาม พร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อพัฒนาอำเภอเมืองมหาสารคาม ให้เป็นอำเภอนำร่อง

ทั้งนี้ ในการจัดทำฐานข้อมูลผู้พิการ จะเริ่มสำรวจตั้งแต่ อายุ 0-7 ปี หากเกิดโรค ต้องนำเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งการดำเนินการเพื่อพัฒนาอำเภอต้นแบบ ป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิด นั้น สิ่งสำคัญคือ ผู้พิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ และคนในสังคมไม่ทอดทิ้งกัน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดบึงกาฬ ให้ความสำคัญกับการปราบปรามการค้ามนุษย์

วันที่ ( 24 ก.พ. 2557) เวลา 09.30 น. นาย ชโลธร ผาโคตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ณ.โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยมี นางสำเนียง หันจางสิทธิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด บึงกาฬ ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ข้าราชการตำรวจจากทุกสถานีตำรวจ ข้าราชการครู องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นทีมสหวิชาชีพ รวม 220 คน เนืองจากจังหวัดบึงกาฬ มีความเสี่ยงต่อสถานการณ์การค้ามนุษย์ เพราะพื้นที่ 4 อำเถอ คือ อำเภอปากคาด อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า และอำเภอบึงโขงหลง ติดแม่น้ำโขงยาวกว่า 120 กิโลเมตรซึ้งเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาว มีจุดผ่อนปรน 2 แห่ง คือ อำเภอปากคาดและ อำเภอบุ่งคล้า มีด่านถาวร 1 แห่งคือ ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดบึงกาฬ เป็นด่านที่คนลาวผ่าน เข้า-ออก และอาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายอพยพของหญิงและเด็กชาวลาว เข้ามาในประเทศไทยเพื่อการเข้ามาหางานทำ หรือถูกนายหน้าหลอกลวง

จากข้อมูลรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ พบว่า จังหวัดบึงกาฬมีรีสอร์ท มากกว่า 80 แห่งร้านคาราโอเกะ 123 ร้าน สถานบันเทิง 6 แห่ง ตั้งอยู่กระจักกระจายห่างไกลชุมชน ในทุกอำเภอทั่วจังหวัด ซึ่งในจังหวัดบึงกาฬมีการค้ามนุษย์และถูกจับกุมแล้ว 5 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี กิจกรรมประกอบไปด้วย การบรรยายเรื่อง "พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ” การบรยายเรื่อง "นโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดบึงกาฬ” โดยพล.ต.ต.ดร. ชัยพร พานิชอัตรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ และมีการจัดเวทีอภิปรายจากทีมสหวิชาชีพเกี่ยวกับ "ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานแบบสหวิชาชีพประสบการณ์ในระดับพื้นที่”อีกด้วย

จัดงานครบรอบ 3 ปี การตั้งจังหวัดบึงกาฬอย่างยิ่งใหญ่

นายชโลธร ผาโคตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาจังหวัดบึงกาฬ ครบรอบ 3 ปี ทุกภาคส่วนในจังหวัดบึงกาฬ จึงได้กำหนดจัดงานวันสถาปนาจังหวัดบึงกาฬ ระหว่างวันที่ 21 – 27 มีนาคม 2557 ณ บริเวณโรงเรียนอนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ ถนนเลียบริมแม่น้ำโขง เพื่อระลึกถึงความสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันเสนอความต้องการ เพื่อจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา และร่วมเฉลิมฉลองเป็นการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ในการพัฒนาจังหวัด ตลอดจนเป็นการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่น

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า เพื่อให้การจัดงานมีความสำคัญและยิ่งใหญ่ จังหวัดจึงกำหนดให้มีกิจกรรมประกอบด้วย ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2557 ซึ่งเป็นวันแรกของการจัดงาน มีการจัดมหกรรมกีฬาการแข่งขันชกมวย 2 ฝั่งโขง ซึ่งจะมีคู่มวยประกอบด้วย มวยชิงแชมป์โลก WBC จำนวน 5 คู่ คู่สำคัญคือ การชกชิงแชมป์รุ่นเวลเตอร์เวท ระหว่าง ถิรชัย กระทิงแดงยิม กับ เบ็คโชค นาบเยฟ นักมวยชาวคาชัคสถาน การแข่งขันมวยไทย – ลาว จำนวน 6 คู่ และ มวยในจังหวัดบึงกาฬ 1 คู่ ในการนี้จะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ในช่วงของการแข่งขันมวยตั้งแต่เวลา 15.00 น. – 17.00 น. ตอนเย็นเวลาประมาณ 17.30 น. จะมีพิธีเปิดงานวันสถาปนาจังหวัดบึงกาฬประจำปี 2557 ซึ่งจังหวัดบึงกาฬได้เชิญ ผู้บริหารจาก ประเทศ สปป.ลาว พร้อมทั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มาร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าโอทอปอันมีชื่อเสียงของจังหวัดบึงกาฬ และของประเทศ สปป.ลาว รวมทั้งประเทศเวียดนาม ตลอดทั้งงานมีการแสดงบนเวทีกลางตลอดการจัดงานทั้ง 7 วัน ในวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2557 จะมีกิจกรรมสำคัญสองอย่างคือ พิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ บริเวณก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชการที่ 5 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ ตำบลท่าไคร้ อำเภอเมืองบึงกาฬ และกิจกรรมพิธีพุทธาภิเษกเหรียญสถาปนาเมืองบึงกาฬ โดยหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม เจ้าอาวาสวัดสามัคคีอุปถัมภ์ หรือ วัดภูกระแต ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์สายวิปัสสนาชื่อดังแห่งจังหวัดบึงกาฬ เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายเหรียญสถาปนาเมืองไปก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างหลายล้านบาท จึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนประชาชนชาวบึงกาฬ และ ผู้สนใจทั่วไป ร่วมงานสถาปนาจังหวัดบึงกาฬครบรอบ 3 ปี ระหว่างวันที่ 21 – 27 มีนาคม 2557 ณ โรงเรียนอนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ โดยพร้อมเพียงกัน

ชาวกัมพูชา ร่วม กับทหารพราน 26 ทอดผ้าป่ามิตรภาพไทย-กัมพูชา ณ วัดโคกกระชาย อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 26 นำเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง พ่อค้า แม่ค้า ชาวไทย ทอดผ้าป่ามิตรภาพไทย-กัมพูชา ณ วัดโคกกระชาย อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในโครงการหมู่บ้านคู่ขนานชายแดน ของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ

พันเอกทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 26 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ร่วมต้อนรับ นายฮังเมง นายอำเภอบันเตียอำปึล นายกรัย เมน รองนายอำเภอบันเตียอำปึล และ พันเอก ปิน บุนโฮน รอง ผบ.ทบ. อุดรมีชัย ที่ได้นำคณะผ้าป่ามิตรภาพไทย-กัมพูชา จากบ้านอำปึล อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย เข้ามาสมทบเพื่อสร้างศาลาการเปรียญ วัดโคกกระชาย บ้านสายโท 11 ตำบบจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 26 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกัมพูชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พ่อค้า แม่ค้า บริเวณตลาดการค้าชายแดนเพื่อมนุษยธรรมช่องสายตะกู ร่วมกันจัดตั้งกองผ้าป่าขึ้น เพื่อนำรายได้ไปบูรณะวัดโคกกระชาย ไว้สำหรับเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธในประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งได้ จัดตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารกับชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาร่วมทอดผ้าป่าในครั้งนี้

พันเอกทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 26 กล่าวว่า การจัดโครงการทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 26 และ พ่อค้า แม่ค้า ที่ทำการค้าอยู่บริเวณตลาดการค้าชายแดนเพื่อมนุษยธรรม และฝ่ายทหารของประเทศกัมพูชา โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และเป็นไปตามแนวนโยบายของกองทัพภาคที่ 2 ในเรื่องความสัมพันธ์ชายแดน ตามโครงการหมู่บ้านคู่ขนาน ชายแดนไทย-กัมพูชา และนโยบายของกองทัพบก เพื่อสานสัมพันธ์อันดีต่อกันของทั้งสองประเทศ

ตำรวจบุรีรัมย์ ส่งกำลังชุดควบคุมฝูงชน อีก ๑ กองร้อย เดินทางไปรักษาความสงบที่ กทม.

ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จัดส่งกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอีก ๑ กองร้อย เดินทางไปสนับสนุนรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพฯ โดยมีระยะเวลาปฏิบัติงาน ๑๐ วัน ขณะที่ผู้การตำรวจ สั่งห้ามนำอาวุธติดตัวไปด้วยโดยเด็ดขาด

เมื่อเวลา ๐๗.๓๐ น. วันที่ ๒๔ ก.พ. พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้เป็นประธานในการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กองร้อยที่ ๒ จำนวน ๑๕๗ นาย โดยมี พ.ต.อ.ดำรง รอดโพธิ์ทอง รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เป็นผู้บังคับกองร้อย เพื่อเดินทางเข้าไปร่วมปฏิบัติหน้าที่ ดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่ม กปปส. ที่กรุงเทพฯ

ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ได้มีการรวมพลที่บริเวณลานหน้า สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะเดินทางด้วยยานพาหนะ ที่เป็นรถบัสโดยสารรับจ้างจำนวน ๒ คัน รถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน ๓ คัน และรถกระตราโล่อีก ๑ คัน ซึ่งกำลังพลชุดนี้มีระยะเวลาปฏิบัติภารกิจรวม ๑๐ วัน

ในการนี้ พล.ต.ต.ชัยเดช ยังได้กล่าวกำชับให้กำลังพลทุกนาย ที่เดินทางไปปฎิบัติภารกิจรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ ไม่ให้นำอาวุธทุกชนิดติดตัวไปด้วย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการจัดส่งกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ไปปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่ม กปปส.แล้วทั้ง ๔ กองร้อย

บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ปลูกไม้มงคล ในอุทยานแห่งชาติทับลาน ถวายเป็นพระราชกุศลพ่อหลวง

วันนี้ (24 ก.พ.57) ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คณะผู้บริหาร พร้อมด้วยพนักงาน และครอบครัว บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด ทั้งจากส่วนกลางและสาขาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ตำบลไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ปลูกป่า ทำโป่งเทียม ครั้งที่ 3 โดยในครั้งนี้ได้ไปทำนุบำรุงพันธุ์ไม้ป่ามงคลทั้งต้นตะโก ไทร มะค่า และหว้า ที่เคยปลูกไว้เมื่อคราวจัดกิจกรรมครั้งที่ 1 ให้เจริญงอกงาม สร้างความสมบูรณ์ให้ผืนป่าแห่งนี้ต่อไป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเป็นการสร้างความสมบูรณ์ให้กับผืนป่าซึ่งได้ร่วมกันพรวนดิน รดน้ำ ให้กับต้นไม้รอบๆ บริเวณ นอกจากนี้ยังมีการรวมพลังกับชาวบ้านครอบครัววิทยุการบิน จัดทำโป่งเทียมเพื่อสร้างความสมดุลให้กับแหล่งอาหารของสัตว์ป่าด้วยการนำเอาแร่ธาตุหลายชนิดมาผสมกันในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ตามจุดต่าง ๆ หลังจากนั้นสัตว์ป่าก็จะใช้โป่งเทียมนี้เป็นแหล่งอาหาร อาทิ หมูป่า เก้ง กวาง พร้อมกันนี้ยังได้มอบทุนให้กับเจ้าหน้าที่อุทยาน เพื่อใช้เป็นทุนในการดูแลรักษาต้นไม้ในผืนป่าแห่งนี้ (ปล่อยเสียง ธีราวัลย์ ยองใย ผอ.กองบริการ วิทยุการบินฯ) สำหรับการร่วมดูแลและสร้างผืนป่าในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางด้าน CSR รวมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสามัคคี ความกลมเกลียว และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร อีกทั้งยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

นปช.ทั่วประเทศชุมนุมใหญ่ที่โคราช วางแนวทางเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตยในทุกพื้นที่

เช้าวานนี้ (23 ก.พ. 57) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณอาคารลิปตพัลลภฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งกลุ่ม นปช.ทั่วประเทศนัดรวมตัวกันชุมนุมใหญ่ ภายใต้ชื่อ นปช.ลั่นกลองรบ วางยุทธศาสตร์รับมือฝ่ายตรงข้าม โดยขณะนี้ได้มีกลุ่ม นปช.จากภาคต่างๆ ทยอยเดินทางไปร่วมชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดแกนนำ นปช.หลายคนได้เดินทางไปถึงสถานที่นัดชุมนุมแล้ว อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช., นายแพทย์เหวง โตจิราการ และเจ๋ง ดอกจิก ส่วนนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในครั้งนี้มีประเด็นในการชุมนุมคือ การร่วมกันหารือแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ต่างๆ โดยการชุมนุมของกลุ่ม นปช.มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรอบบริเวณตลอดการชุมนุม

นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า พวกเราต้องการให้แกนนำ นปช.จากทั่วประเทศมาร่วมแสดงความคิดเห็นหารือกัน และวางแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้กับเพื่อรักษาประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด โดยเน้นการดำเนินการแบบสันติวิธี ซึ่งสิ่งนี้คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของกลุ่ม นปช.ในขณะนี้ ทั้งนี้การชุมนุมวันนี้เป็นการระดมความคิดเห็นจาก นปช.ในทุกภาคทุกพื้นที่ ว่าในแต่ละพื้นที่สามารถเคลื่อนไหวในรูปแบบใดได้บ้าง และดำเนินการอย่างไรได้บ้างเพื่อให้แกนนำแต่ละพื้นที่นำไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตนเองต่อไป 

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แถลงเปิดตัวสโมสรชุดสู้ศึกดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2014

สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือ สาวทแคท ทีมในลีกดิวิชั่น 1 เปิดตัวสโมสรเพื่อสู้ศึกยามาฮ่าลีกวัน 2014 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ ที่ 21 กพ 2557 เวลา 18.00 น ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา ภายใต้ชื่องาน รวมใจเป็นหนึ่ง ไปให้ถึงไทยพรีเมียร์ลีก โดยมี ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายชยาวุธ จันทร นายวินัย วิทยานุกูล นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายประพาส รักษาทรัพย์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา พลโทธวัชชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีแฟนคลับร่วมงานเป็นจำนวนมาก ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือ สวาทแคท เป็นทีมฟุตบอลของคนโคราช และการที่ทีมจะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ร่วมใจ ของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุน โดยเฉพาะแฟนคลับ ที่คอยเป็นกำลังใจและติดตามเชียร์และคาดหวังว่า สวาทแคทจะขึ้นถึงลีกสูงสุดของประเทศไทยให้ได้

จังหวัดนครราชสีมา จัดงานมหกรรมวันนัดพบแรงงานนครราชสีมา ภายใต้ชื่องาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ 2557

วันนี้  ( 24 ก.พ. 57) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี เปิดงานมหกรรมวันนัดพบแรงงานนครราชสีมา ภายใต้ชื่องาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ 2557 โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมให้ประชากรวัยทำงาน มีงานทำ มีอาชีพ และรายได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาการว่างงานของกำลังแรงงาน การขาดแคลนแรงงานของผู้ประกอบการ ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระหรืออาชีพเสริม รวมทั้งเพื่อให้ผู้ใกล้จบการศึกษาหรือกำลังศึกษา ได้ทราบถึงแนวโน้มของตลาดแรงงานและอาชีพ ตลอดจนแนวทางการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานหรือโลกอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับงานมหกรรมวันนัดพบแรงงานนครราชสีมา ภายใต้ชื่องาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ 2557 กำหนดจัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 24-25 กพ 2557 ณ อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมคลอีสาน จ.นครราชสีมา

กิจกรรมภายในงาน การรับสมัครงานจากสถานประกอบการที่เข้าร่วมงาน จำนวน 90 แห่ง มีตำแหน่งงานว่าง กว่า 7,000 อัตรา ทั้งในตำแหน่งงานระดับหัวหน้างาน วิศวกรและสถาปนิก การบริการจัดหางานให้คนพิการ การบริการจัดหางานแบบ Part Time สำหรับนักศึกษา การให้บริการของโครงการศูนย์ตรีเทพ เพื่อการจ้างงานครบวงจร การสาธิตอาชีพอิสระ การอบรมผู้ใกล้จบการศึกษา ตามกิจกรรมอบรมแรงงานไทยเพื่อความมั่นคงในอาชีพ การออกร้านแสดงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ที่รับงานไปทำที่บ้านและสถานประกอบการผู้ว่าจ้าง การทดสอบความถนัดทางอาชีพ และภาษาอังกฤษเพื่อการสมัครงาน การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์โอทอป และนิทรรศการจากหน่วยงานกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้มีนิสิต นักศึกษา ประชาชนผู้กำลังมองหางาน ร่วมงานและสมัครงานกับสถานประกอบการ กว่า 1,000 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ห่วงสถานการณ์การชุมนุมหลัง กปปส. และ นปช. ประกาศ เผชิญหน้ากัน ย้ำม็อบชาวนา20 จว ชุมนุมอย่างถูกกฏหมายที่โคราช

วันนี้ (24 ก.พ.57)  ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงกรณีที่ชาวนาในพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดจะมาชุมชนปิดถนนบริเวณถนนมิตรภาพ บ้านโนนวัด อ.คง จ.นครราชสีมา ในวันพรุ่งนี้(25กพ57) เพื่อประท้วงรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวที่ชาวนายังไม่ได้รับเงิน ว่า เรื่องตนเองมองว่าการที่จะเรียกร้องสิทธิต่างๆนั้นสามารถทำได้แต่อยากจะฝากไปถึงประชาชนว่า อย่ากระทำผิดกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันสังคมไทยมีปัญหามากพออยู่แล้วดังนั้นอย่าไปสร้างปัญหาอื่นๆให้เกิดขึ้นมาอีกเป็นการทับซ้อนปัญหาเดิม จะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาวนา

ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แต่อาจจะติดขัดบ้างในบางประการ ทั้งนี้ไม่อยากให้มีการนำปัญหาของประชาชนมาผูกพันกับเรื่องของการเมือง อย่างไรก็ตามการแสดงออกเพื่อให้ทางหน่วยงานราชการแก้ไขปัญหา ถือว่าไม่ผิด แต่อยากให้กระทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย ในส่วนกรณีที่กลุ่ม นปช. และ กุล่ม กปปส. ประกาศที่มีการเดินหน้าชุมนุมและต่อต้านกันอย่างเต็มที่ เรื่อง ดร.วินัยฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันถือว่ามีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากไม่มีการเจรจาไม่มีคนกลางมาแก้ไขปัญหายิ่งจะทำให้ปัญหาบานปลาย โดยเฉพาะทั้ง 2 ฝ่ายต้องการที่จะเอาชนะกัน ยิ่งทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วง ดร.วินัย กล่าว

ชัยภูมิ รณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่าถึงประตูบ้าน

ชัยภูมิ จัดกิจกรรมรณรงค์ งดการจุดไฟเผาป่า และจุดไฟเผาวัชพืชในไร่นา จัดชุดประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้าน หวังดึงประชาชนทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง การจัดกิจกรรมครั้งมี มีพิธีเปิดรณรงค์อย่างเป็นทางการ ที่ บริเวณโรงเรียนบ้านนาฝาย ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา มีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิเป็นประธาน ซึ่ง คณะรัฐมนตรี มีมติให้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ให้ทุกหน่วยงานเร่งรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่า และหยุดการเผาป่า เพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกล่าว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) จึงร่วมกับอุทยานแห่งชาติต่างๆในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จัดกิจกรรมขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบของควันพิษ ที่เกิดจากไฟป่า หลังจากนี้จะดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ผ่านสื่อทุกชนิด โดยเฉพาะการจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกไปประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้าน แจกเอกสาร แผ่นพับ

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า สาเหตุการเกิดไฟป่า บ้านเมืองเรา ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือมนุษย์แทบทั้งสิ้น ทั้งจุดไฟเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ เก็บหาของป่า เผาไร่นาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก หรือทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ควันพิษที่เกิดขึ้น มีผลกทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือเกิดภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังบดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ทั้งการเดินทางทางบกและทางอากาศ ลดความสวยงามในธรรมชาติ และมีผลต่อสุขภาพเมื่อสูดหายใจเข้าไปมากๆ ดังนั้น เราจึงต้องมาร่วมมือและช่วยกันป้องกันไฟป่า เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คงความอุดมสมบูรณ์ นำประโยชน์มาให้คนเราได้ใช้อย่างยั่งยืนตลอดไป


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ธกส.ชัยภูมิ เผยตัวเลขยอดจ่ายเงินจำนำข้าวแก่เกษตรกร

เมื่อเวลา 14.00น. วันนี้ 24 ก.พ. 57 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธาน ประชุม ติดตามผลการดำเนินการ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และการจ่ายเงินตามโครงการ ปีการผลิต 2556/2557 ซึ่งได้ปิดโครงการรับจำนำเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 31,150 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 93,774 กว่าตัน คิดเป็นมูลค่า 1,575 ล้านบาทเศษ ซึ่ง ธกส.ชัยภูมิได้รับการจัดสรรงบประมาณมาในวงเงิน 495 ล้าน 4 แสน 2 หมื่น บาท คิดเป็น 30% ของวงเงินจำนำทั้งหมด

ในจำนวนนี้ มีเกษตรกรนำใบประทวน มาทำสัญญากับ ธกส.ชัยภูมิ แล้ว 28,000 ราย ปริมาณข้าว 96,570 ตัน มูลค่า 1,623 ล้านบาทเศษ

ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ธกส.ชัยภูมิ จ่ายเงินให้กับเกษตรกรตามใบประทวนที่มาทำสัญญาไปแล้ว จำนวน 5,982 ราย ปริมาณข้าว 22,983 กว่าตัน เป็นเงิน 441ล้านบาทเศษ ขณะนี้ยังทยอยจ่ายแก่เกษตรกร จนกว่าจะหมดวงเงินที่ได้รับจัดสรร คาดว่าน่าจะจ่ายหมดภายในสัปดาห์นี้


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประกาศจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปี 2557

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่า จังหวัดขอนแก่นประชุมกำหนดระเบียบวาระจังหวัดจังหวัดขอนแก่น ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปี 2557 พร้อมเชิญตัวแทนภาคราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้ปกครองท้องที่ องค์กรปกครองท้องถิ่น สถาบันการศึกษา คณะสงฆ์ คณะบุคคล กลุ่มพลังมวลชน ภาคธุรกิจเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ด้านการป้องกัน ด้านการปราบปรามและการบำบัดรักษาผู้แทนภาคีสีขาว กว่า 1,100 คน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กำหนดการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นระเบียบวาระจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ต่อเนื่องจากปี 2556 ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการจนบรรลุเป้าหมายส่งผลให้สถานการณ์การแก้ปัญหายาเสพติดสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและประชาชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินการแก้ปัญหายาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น นะดับดีมาก-มากที่สุดถึงร้อยละ 81.6

แต่อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลและปัจจัยหลายประการจึงทำให้ยาเสพติดมีการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ ผลการปฏิบัติงานตามโครงการ"จังหวัดขอนแก่น ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด” มีผลการดำเนินการ ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ ด้านการป้องกัน มีการออกกฎหมู่บ้าน ๒,๕๐๕ หมู่บ้าน/ชุมชน และประกาศเป็นหมู่บ้าน/ชุมชนสีขาว ๑,๔๓๓ หมู่บ้าน/ชุมชน ศาสนสถาน วัดสีขาว ๑,๓๒๓ วัด โบสถ์สีขาว ๓๕ แห่ง มัสยิดสีขาว ๕ แห่ง รับรองเป็นโรงเรียน/สถานศึกษาสีขาว ๑,๑๘๐ แห่งสถานประกอบกิจการ และสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มลูกจ้างอย่างต่อเนื่อง ตรวจประเมินผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ๓๘ แห่งสถานบริการสีขาวจากคณะกรรมการ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ๕๐ แห่ง ร้านคารา โอเกะ อย่างเป็นรูปธรรม และตรวจประเมินผ่านตามหลักเกณฑ์ ๔๕๘ แห่ง หอพักสีขาว ๑๖๐ แห่ง เรือนจำสีขาว ๕ แห่งโรงพักสีขาว ๒๖ แห่ง ปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญระดับพื้นที่ ดำเนินการ ๑๑๓ คน ดำเนินการ ๑,๑๗๑ คดีค้นหาจูงใจให้ผู้เสพ/ผู้ติดเข้าบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ สามารถค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด ยาเสพติดและนำเข้าสู่ระบบบำบัดทั้งหมด ระบบสมัครใจ ดำเนินการ ๒,๑๗๗ คน (ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดำเนินการ ๕,๒๗๑ คน ปี 2557มีการระดมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนแบบสมัครใจ ทั้ง 3 ด้านการป้องกัน การปราบปราม การบำบัดรักษา เน้นนวัตกรรมใหม่ ประเมินตนเององค์กรต้นแบบ

จึงให้ทุกภาคส่วนเร่งรัดแก้ปัญหาทุกกลุ่มเสี่ยง ปราบปรามผู้ค้าอย่างเด็ดขาดและบำบัดฟื้นฟูอย่างครบวงจร เพื่อไม่ให้ปัญหายาดเสพติดกระทบต่อการำรงชีวิต ระบบเศรษฐกิจ และความสงบสุขของประชาชนให้สามารถยุติการแพร่ระบาดในจังหวัดขอนแก่นได้อย่างรวดเร็ว มีการขับเคลื่อนตอลดปี เพื่อสรุปผลการดำเนินงารน 1 ปี จังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอย่างยั้งยืน เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัชมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชนสยามบรมราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดขอนแก่น

วันนี้ (24 ก.พ.2557)  นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นเฝ้ารับ - ส่ง เสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัชมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ท่าอากาศยานจังหวัดขอนแก่น ในการเสด้จไปทรงประกอบพิธียกฉัตรและทรงเจิม พระพุทธรัตนญาณวรรังษ๊ ณ วัดสว่างศรีวิชัย บ้านโนนตุ่น ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หลังพิธียกฉัตรและทรงเจิมพระพุทธรัตนญาณวรรังษีแล้วพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัชมิ์ฯ เสด็จทรงปลูกต้นสาระไม้มงคลและประทานของที่ระลึกให้กับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบทุนในการจัดสร้างพระพุทธรัตนญาณวรรังษี เสร็จแล้วได้ทรงลาพระสงฆ์และเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จตามพระอัธยาศัย ก่อนเสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท่าอากาศยานขอนแก่นและเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร

จ.กาฬสินธุ์ ห้ามนำรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณงานกาชาดเวลา 17.00-02.00 น. ของวันถัดไป

จังหวัดกาฬสินธุ์ ห้ามนำรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2557 ตลอด 10 วัน ตั้งแต่เวลา 17.00-02.00 น. ของวันถัดไป เพราะมีการจัดนิทรรศการ ร้านค้า หากมีการนำรถยนต์มาจอดในบริเวณงานอาจเกิดอันตรายได้

นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ด้วยจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กำหนดจัดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2557 รวม 10 วัน 10 คืน ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ สนามหน้าศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และสนามหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และเนื่องจากพื้นที่บริเวณจัดงานมีจำกัด คับแคบ มีการแสดงมหรสพ การแสดงนิทรรศการของส่วนราชการ เอกชน ร้านมัจฉากาชาด และร้านจำหน่ายสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการนำรถยนต์เข้า-ออก หรือนำเข้ามาจอดในบริเวณงานดังกล่าว อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการป้องกันอุบิตเหตุที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนผู้มาเที่ยวชมงาน จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงประกาศห้ามนำรถยนต์เข้ามาจอดในบริเวณงานฯ ตั้งแต่เวลา 17.00-02.00 น. ของวัดถัดไปทุกวัน และรถยนต์ที่จอดอยู่ก่อนแล้วให้นำออกจากบริเวณงานภายในเวลา 17.00 น. จนเสร็จสิ้นการจัดงาน ซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนทุกท่าน


ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว 

เกษตรกรกาฬสินธุ์ ทำนาปรังเกินแผ่นส่งน้ำเขื่อนลำปาวแก้ปัญหาด้วยการยืมนาปีมาช่วย

เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ในพื้นที่ชลประทานเขื่อนลำปาว ทำนาปรังกว่า 280,000 ไร่ เกินจากแผนส่งน้ำที่วางไว้ที่ 180,000 ไร่ ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว แก้ปัญหายืมน้ำเตรียมไว้ตกกล้านาปี มาเติมให้กับเกษตรกรทำนาปรัง ส่วนน้ำอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อผลิตน้ำประปาแก่ประชาชนได้สำรองไว้เพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้แน่นอน

นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เปิดเผยว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กำหนดส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรเพื่อทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2556/2557 ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2556 และจะหยุดส่งน้ำในวันที่ 18 เมษายน 2557 นั้น โดยปริมาณน้ำที่ส่งให้เกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทานลำปาว จำนวน 360 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ 180,000 ไร่ แต่พี่น้องเกษตรกรชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ปลูกข้าวนาปรังไปแล้วกว่า 280,000 ไร่ เกินไปจากแผนที่วางไว้ถึง 100,000 ไร่ ขณะนี้ใช้น้ำไปแล้ว 250 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือน้ำที่จะส่งให้นาปรัง 90 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในข้อเท็จจริง พื้นที่ข้าวนาปรังจะใช้น้ำไปจนถึงการเก็บเกี่ยวถึง 230 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะพื้นที่เกินมาถึง 100,000 ไร่ แสดงว่าน้ำขาดอยู่ 140 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมน้ำที่จะใช้ในฤดูนาปรังทั้งสิ้น 460 ล้านลูกบาศก์เมตร วิธีแก้ไขเขื่อนลำปาวได้วางแผนไว้ว่าจะนำน้ำที่เตรียมไว้ให้กับเกษตรกรได้ตกกล้านาปีช่วงเดือนมิถุนายน ปีการผลิต 2557/2558 มาใช้ก่อน 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังจะขาดแคลนน้ำบ้างเล็กน้อย อาจเสียหายไม่มาก และขอฝากเตือนไปยังเกษตรกร ให้ช่วยกันประหยัดน้ำ จะทำให้ฤดูการผลิตนาปรังปีนี้ไม่มีปัญหา ส่วนน้ำอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการผลิตประปา ทั้งเหนือเขื่อน ท้ายเขื่อน ได้สำรองไว้เพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้

สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวขณะนี้มีปริมาณอยู่ที่ 630 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณเก็บกักสูงสุด 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 32% ขณะเดียวกันพื้นที่นาปรังทั้ง 280,000 ไร่ ข้าวกำลังเจริญเติบโต มีความต้องน้ำอย่างต่อเนื่องจนถึงออกรวง



ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว/ภาพ

จ.กาฬสินธุ์ ประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 จำนวน 4 ราย

นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 ได้มอบหมายให้จังหวัด ดำเนินการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดตามคู่มือการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2556 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์ คณะอนุกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี พ.ศ.2556 ตามคำสั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 63/2557 ลงวันที่ 9 มกราคม 2557 ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งที่ประชุมพิจารณาคัดเลือก ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี พ.ศ.2556 จำนวน 4 ราย ดังนี้

1. นายสมานมิตร อัฐนาค ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำม่วง สังกัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์
2. นายวิศวชาติ สุวรรณราช ตำแหน่ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์ สังกัด วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์
3. น.ส.กล่อมจิตร ดอนภิรมย์ ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24
4. นางไพบูลย์ ดลเฉลิมยุทธนา ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการพิเศษ สังกัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์



ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว