วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชาวบ้านหนองแสง ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด ยื่นหนังสือขับไล่ผู้ใหญ่บ้าน

ชาวบ้านหนองแสง หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 100 คน เข้ายื่นหนังสือต่อปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองแสง โดยกล่าวหาว่าไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ โกงเงินงบต่าง ๆ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (9 กรกฎาคม 2556) ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีชาวบ้านหนองแสง หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวนกว่า 100 คน นำโดยนายสำเร็จ โพธิ์ซก ได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของนายสว่าง นระแสง ผู้ใหญ่บ้านหนองแสง หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด พร้อมชูป้าย ชาวบ้านหนองแสงไม่เอาผู้ใหญ่บ้านขี้โกง, กินสังกะสีชาวบ้าน ไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ, ไล่ออก..เปลืองงบหลวง ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ไปยื่นหนังสือต่อนายอำเภอยางตลาด เพื่อให้เร่งสอบสวนและไล่ออกโดยด่วน พร้อมนี้ได้ขอให้ทางจังหวัดเร่งสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดของผู้ใหญ่บ้าน คือ บ้านนาดี ตำบลอุ่มเม่า อำเภอยางตลาด, บ้านหนองชุมแสง ตำบลหนองแสง อำเภอหนองกุงศรี และบ้านนาทัน อำเภอคำม่วง อย่างเร่งด่วนต่อไป

ต่อมานายสันชัย จันทร์นวล ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เดินทางมารับหนังสือจากตัวแทนชาวบ้านหนองแสง พร้อมรับปากจะได้ประสานงานไปกับทางอำเภอยางตลาด อำเภอคำม่วง ให้เร่งดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนตามที่พี่น้องประชาชนได้ เรียกร้องมา แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินอย่างเต็มที่ จากนั้นชาวบ้านได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ


ดวงใจ หงษ์จันทร์ ข่าว

คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ติดตามงานโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี

วันที่ 8 กรกฎาคม 2556 คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ออกติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี และรายได้ดี ที่เทศบาลตำบลร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์

นายสมพงษ์ เปานาเรียง รองนายกเทศมนตรีตำบลร่องคำ ได้เผยว่า ตำบลร่องคำเป็นตำบลนำร่องของโครงการ 1 ใน 6 ตำบลของจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีโครงการประกอบด้วย โครงการเยาวชนสดใสห่างไกลยาเสพติด การทะเลาะวิวาท โครงการสุดยอดมาตรการทางสังคม ชุมชนมีการจัดการปัญหา สุขภาพด้วยหลักการจัดการปัญหาสุขภาพด้วยหลักการพุ่งพาตนเองของชุมชน ส่งเสริมพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของชุมชนด้วยภูมิปัญญาและการแพทย์ทางเลือก และโครงการสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่ครอบครัวและชุมชนด้วยหลุมพอเพียงและ กลุ่มอาชีพ 

สำหรับผลงานที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง ประกอบด้วย สุดยอดมาตรการทางสังคม ได้แก่ งานศพ งานบวช งานบุญปลอดเหล้า ปลอดน้ำอัดลม และปลอดการพนัน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี เมื่อไม่มีเหล้า น้ำเมาแล้ว ก็ลดการทะเลาะวิวาท ลดการยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ทำให้ครอบครัวอบอุ่น สุขภาพแข็งแรง นอกจากนั้นยังมีโครงการให้พี่น้องประชาชนปลูกพืชสมุนไพรทุกครัวเรือน สืบสานตำนานพืชผักสมุนไพร และภูมิปัญญาไทร่องคำ และยังมีเครือข่ายจิตอาสา ติดตามดูแล เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน ความดันโลหิตสูง



สุรพล คุณภักดี / ข่าว

จ.กาฬสินธุ์ เร่งพัฒนาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์แก่ประชาชน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด กาฬสินธุ์ จัดประชุมผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ประจำปี 2556 เพื่อรับทราบความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เยาวชน ประชาชนให้มากที่สุด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 กรกฎาคม 2556) ที่หอประชุมพิกุลทอง วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์ นายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวัน อาทิตย์ ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดขึ้นเพื่อรับทราบความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชนอย่างแท้จริง มีพระสงฆ์ ศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จากพื้นที่ 18 อำเภอ จำนวนกว่า 250 รูป เข้าร่วมประชุม โอกาสนี้พระครูอนุสรณ์ธรรมคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวสัมโมทนียกถาในการประชุมครั้งนี้ด้วย

นายบัญญัติ แสวงดี วัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จัดตั้งขึ้นเพื่อเปิดโอกาสแก่เด็ก เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ และรู้จักหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ถูกต้องสมควรแก่วัยของตนเองเพื่อสร้าง เด็ก เยาวชน ให้เป็นกำลังสำคัญของชาติและพุทธศาสนา และยังส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัด บ้าน และโรงเรียน ให้มีความผูกผัน ปัจจุบัน ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัดกาฬสินธุ์ มีทั้งหมด 247 ศูนย์ กลายเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชุมชนอย่างแท้จริง และในปี 2556 กรมการศาสนา มีเป้าหมายการจัดทำศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์คุณภาพโดยให้มีการ ประเมินมาตรฐานของศูนย์ มีศูนย์ฯ ต้นแบบตลอดทั้งระดมสมองของผู้บริหารศูนย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ต่อไป



ดวงใจ หงษ์จันทร์ ข่าว

ข่าวดีสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ เงินเพียงเดือน 100 บาท กับประกันสังคมกาฬสินธุ์ได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย

บ่ายวานนี้ (8 ก.ค. 56 ) ที่ห้องประชุมสำนักงานประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งที่1 ประจำปี 2556 โดยมีคณะอนุกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยส่วนราชการ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง รวม 11 คน เข้าร่วมประชุม

นางภัทรินทร์ พัฒนจักร ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่าในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีประชาชนสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แล้ว จำนวน 10,144 คน ยังถือว่าน้อย ทั้งที่ผลตอบแทนที่ได้รับมีมากมาย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนไม่ทั่วถึง จึงได้ฝากยังคณะอนุกรรมการประกันสังคมได้ช่วยอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ทำหน้าที่ในการจัดหา ดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆให้กับประชาชน และในขณะนี้ กำลังเร่งดำเนินการ เชิญชวนประชาชนเข้าเป็น ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 โดยมีหลักเกณฑ์ง่ายๆคือ เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ อายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี  จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเพียงเดือนละ 100 บาท จากนั้นรัฐบาลจ่ายสมทบให้อีก 50 บาท รวมมีเงินฝากที่ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ 150 บาท ต่อเดือน สิทธิที่จะได้รับ มีดังนี้

1. ได้รับเงินช่วยเหลือกรณีขาดรายได้เพราะต้องนอนโรงพยาบาล วันละ 200 บาท

2. ได้รับเงินทดแทน หากพิการ ทุพพลภาพ เดือนละ 500 – 1,000 บาท เป็นเวลา 15 ปี

3. กรณีเสียชีวิต ได้รับเงินค่าทำศพ 20,000 บาท

4. ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ หรือเงินเป็นก้อนเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์

สำหรับประชาชนที่สนใจจะเข้าเป็น ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ถนน กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ โทร.043- 811- 171 ทุกวันราชการ




วิภาดา รัตนโรจนา / ข่าว

กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับ ปตท.สผ. ปลูกป่าลดโลกร้อนอุทยานแห่งชาติตาดโตนจังหวัดชัยภูมิ

กองทัพภาคที่ 2 ร่วมมือกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) และอุทยานแห่งชาติตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ ปลูกป่าลดโลกร้อน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในปี 2556 เริ่มแรก 3 พันไร่ จากทั้งโครงการ 4 ปี ปลูกต้นไม้ให้ได้ 2 แสนไร่

พลตรีมารุต ลิ้มเจริญ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 ได้เป็นประธานในโครงการปลูกป่าลดโลกร้อน ที่บริเวณป่าโล้ใหญ่ อุทยานแห่งชาติตาดโตน ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่ง ปตท.สผ. ได้ร่วมกับกองทัพบก และกรมอุทยานแห่งชาติ ได้จัดโครงการลดปัญหาโลกร้อนและป้องกันอุทกภัย การพังทลายของดิน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวดินและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติควบคู่ไปกับการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ ป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี และเพื่อให้ประชาชนรู้จักคุณประโยชน์และโทษของการตัดไม้ทำลายป่า สำหรับ ปตท.สผ. มีโครงการปลูกป่าในทั่วประเทศ 2 แสนไร่ ใน 4 ปี ปลูกปีละ 5 หมื่นไร่ เริ่มนำร่องที่จังหวัดชัยภูมิ ในพื้นที่ป่าโล้ใหญ่ จำนวน 3 พันไร่ ใช้พันธุ์กล้าต้นไม้ที่เคยขึ้นอยู่เดิมจำนวน 9 ชนิด รวมประมาณ 5 หมื่นต้น ทั้งต้นไม้ ราชพฤกษ์ ยางนา พะยุง และไม้มีค่าชนิดต่าง ๆ จำนวนกว่า 4 หมื่นต้น

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ได้มอบทุนการศึกษา มอบกล้าไม้ให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการปลูกป่า 15 โรงเรียน มอบป้ายบ้านโครงการเทิดไท้องค์ราชินี ที่หน่วย บชร. 2 สร้างให้ราษฎรที่ขาดแคลนในพื้นที่ตำบลท่าหินโงม 1 หลัง ตรวจเยี่ยมหน่วยทหารที่ออกตรวจรักษาโรคผู้เจ็บป่วย ก่อนที่จะร่วมกับส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ของ ปตท.สผ. กลุ่มพลังมวลชน นักเรียนในพื้นที่ปลูกป่า สร้างฝายชลอน้ำ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ พลตรีมารุต ลิ้มเจริญ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กล่าวว่า ในการปลูกป่านั้นไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญคือพวกเราทุกคนต้องร่วมกันดูแลรักษาต้นไม้ไม่ให้ตาย และช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่ให้ใครมาลักลอบตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะไม้พยุงซึ่งจะต้องช่วยกันรักษาเอาไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินตลอดไป



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

จ.ชัยภูมิปลูกป่าประชาอาสา 800 ล้านกล้า80พรรษามหาราชินี

ชาวจังหวัดชัยภูมิ พร้อมคณะศิษยานุศิษย์ พระราชภาวนาวราจารย์ หรือหลวงพ่อพระศรี แห่งวัดผาเกิ้ง จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกันปลูกไม้มงคล 9 ชนิด ตามโครงการปลูกป่าประชาอาสา ปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานปลูกป่า โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทบาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา หน่วยวิทยบริการจังหวัดชัยภูมิ (วิทยาลัยสงฆ์) หลักกิโลเมตรที่ 7 ริมถนนสายชัยภูมิ หนองบัวแดง ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งพระราชภาวนาวราจารย์ หรือหล่อพ่อพระศรี รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ เจ้าอาวาสวัดชัยภูมิพิทักษ์(ผาเกิ้ง) ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ ให้กับป่าเสื่อมโทรม น้อมถวายเพื่อในหลวง สำหรับปีนี้ ไม้ที่ปลูกเป็นไม้มงคล 9 ชนิด ที่นิยมปลูก เป็นต้นว่าต้นราชพฤกษ์ ชัยพฤษ์ สักทอง มะค่าโมง พะยุง ทองกราว ทองหลาง ขนุน และอื่น ๆ จำนวน 4 พันต้น บนพื้นที่ในวิทยาลัยสงฆ์ 20 ไร่ เพื่อให้เป็นสวนป่าที่ร่มรื่น ให้เป็นสวนพฤกษชาติ เหมาะกับการปฎิบัติธรรม โดยได้รับความร่วมมือด้วยดีจากหน่วยงานต่างๆ ในอำเภอ รวมถึงลูกศิษย์พระราชภาวนาวราจารย์ หรือหลวงพ่อพระศรีแห่งวัดผ่าเกิ้ง และประชาชนในพื้นที่ ร่วมปลูกป่ากันเป็นจำนวนมาก

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่าโครงการปลูกป่าประชาอาสาในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ได้
ทำโครงการไป 620 ไร่ แต่จากความร่วมมือขอประชาชนในทุกพื้นที่คาดว่าจะพื้นที่ป่าไม้เพิ่มไม่น้อย กว่า 1 พันไร่ ส่วนที่จะได้รับการสนับสนุนพันธ์กล้าไม้จาก กปอ.ปลูกในพื้นที่ 6 พัน 200 ไร่ อยู่ในระหว่างเตรียมพื้นที่ ในการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่ม จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ส่วนพื้นที่ใดได้รับการผ่อนผันตามมติของคณะรับมนตรี จะมีการเร่งเจรจาทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่อเอาผืนป่าคืน ซึ่งกำลังทำอยู่ในพื้นที่อุทยานตาดโตน อ.เมืองชัยภูมิ
 



สุระพงค์  สวัสดิ์ผล /ข่าว

ตรวจความพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวท่องเที่ยวดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ลุยตรวจการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งการจราจร ที่พัก ร้านอาหาร ความสะอาด รับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียว ช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม รับนักท่องเที่ยว ที่จะหลั่งไหลไปเที่ยวชมความสวยงามของทุ่งดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วง ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ละลานตาเต็มท้องทุ่ง ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ในช่วงวันหยุดยาววันเข้าพรรษา 20-23 กรกฎาคม 2556 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไอศูรย์ สีหนาถ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ขึ้นไปสำรวจบรรยากาศ การท่องเที่ยว โดยนั่งรถบริการ จากบริเวณด่านเก็บค่าผ่านประตู ขึ้นไปบนจุดชมวิว หน้าผาสุดแผ่นดินอีสาน ทุ่งดอกกระเจียว และสวนหินล้านปี ซึ่งเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากทีสุด จากนั้นลงมาตรวจร้านจำหน่ายอาหาร ที่พักรีสอร์ท และการแก้ปัญหาการจราจร ซึ่งทุกปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวประสบปัญหา ไม่ได้รับความสะดวก บางแห่งฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ ทำให้นักท่องวเที่ยวเสียความรู้สึกกลับไป

ภายหลังการตรวจ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มีความประทับใจเพิ่มขึ้น ดอกกระเจียวก็เริ่มออกดอก ชูช่อ กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ที่พัก ร้านอาหาร ยังอยู๋ในมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ ไม่มีการเอารัดเอาปรียบนักท่องเที่ยว ส่วนเรื่องอื่นๆ ทั้งเรื่องรถติด แมลงวันรบกวน ปีนี้ได้แก้ไขเป็นที่เรียบร้อย แมลงวันถือว่ามีน้อยมาก จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว หยุดยาวเข้าพรรษา ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหน ขอเชิญที่ชัยภูมิ นอกจากทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามแล้ว ยังมีที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตน มอหินขาว ภูแลนคา ป่าปรงพันปี เป็นต้น

ด้านพ.ต.อ.ไอศูรย์ สีหนาถ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ได้เตรียมแก้ปัญหาจราจรไว้เป็นอย่างดี ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกฝ่ายคอยอำนายความสะดวกเป็นระยะ แบ่งช่องทางการจรจรให้รถสวนทางกันได้ พิเศษสำหรับปีนี้ยังจัดรถเอนกประสงค์ ดัดแปลงเป็นโรงพักเคลื่อนที่ รับแจ้งความ เวลาไม่มีคนแจ้ง ยังสามารถทำเป็นรถรับส่งนักท่องเที่ยว จากจุดจอดรถด้านล่างอุทยานฯ ไปส่งปากทางเข้าอุทยานฯ ได้อีกด้วย โดยไม่คิดค่าบริการ มีทั้งรถบรรทุก รถตู้ และรถปิคอัพ ทุกคันติดป้ายดอกกระเจียว สีสันสวยงาม เน้นหนักไปที่เด็กและคนชรา หากไม่เพียงพอยังประสานรถ อบต.บ้านไร่ เจ้าของพื้นที่ มาช่วยบริการด้วย เชื่อว่าปีนี้ ปัญหารถติด ปัญหาเดินไกล จะลดลง สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น
 


 

สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว 

ป.ป.ช.จังหวัดนครราชสีมา จัดโครงการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ป.ป.ช.จังหวัดนครราชสีมา จัดโครงการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม มุ่งหวังเสริมสร้างให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับท้องถิ่นและข้าราชการ ส่วนท้องถิ่นมีกระบวนทัศน์ และค่านิยมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง

นายพิเชษฐ์ พุ่มพันธ์ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เขตพื้นที่ 3 (นครราชสีมา) หรือ ป.ป.ช.3 กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาการขาดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความถูกต้อง ความโปร่งใส และการตรวจสอบได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์สุจริต และการคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์ของ ประเทศชาติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับจริยธรรมดำเนินการด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการเฉพาะ ซึ่งกำหนดให้มีการจัดทำประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ นอกจากจะมีการบังคับใช้ประมวลจริยธรรมแล้วสิ่งที่สังคมไทยควรหันมาให้ความ ตระหนักก็คือ การส่งเสริมจิตสำนึกด้านจริยธรรมควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ถือปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นองค์กรที่ถูกจับตามองจากสังคมไทย เนื่องจากมีการบริหารจัดการตนเอง และผู้นำท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง มีผลประโยชน์ที่ได้จากการดำเนินการบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีความเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่โดยตรง บางครั้งเกิดการผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ของบุคคลเฉพาะกลุ่ม แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกจำนวนมากที่มีการ บริหารจัดการที่ดี สร้างคุณาประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่มากมาย สำนักส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรม สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในด้านการส่งเสริมจริยธรรม จึงได้จัดทำโครงการ "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม” โดยจัดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นและฝ่ายข้าราชการประจำ เข้ารับการอบรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีจิตสำนึก ทัศนคติ และพฤติกรรมที่ดี สามารถปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำได้อย่าง เต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประเทศ ชาติต่อไป


โครงการ "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม” มุ่งหวังที่ดำเนินโครงการให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายการดำเนินงานในพื้นที่ อาทิเช่น สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด สำนักงานจังหวัด ฯลฯ ในการดำเนินโครงการ เพื่อเกิดความร่วมมือกับเครือข่ายการดำเนินงานด้านการส่งเสริมจริยธรรม ตลอดจนเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อเกิดแรงผลักดันในการขับเคลื่อนงาน ด้านจริยธรรมจากหลายองค์กร โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่ เชียงใหม่ เขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ นครราชสีมา และเขตพื้นที่ภาคใต้ ที่ ภูเก็ต

งาน “มหกรรมชาวนาไทยไป AEC” ที่นครราชสีมา

งานนี้ จัดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมา ภายในงานได้จัดกิจกรรมการบรรยายทางวิชาการในเรื่อง "เทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตข้าวเพื่อเตรียมความพร้อมชาวนา ไทยไป AEC” การออกร้านจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากข้าว สินค้าเกษตรของกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกษตรกรนำความรู้เทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิตคุณภาพ ข้าวไปประยุกต์ใช้ในแปลงนาของตนเอง และเป็นการเตรียมความพร้อมของเกษตรกรในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำหัวหน้าส่วนราชการ ออกตรวจเยี่ยมพบปะเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ตามโครงการ พบผู้ว่าหน้าเสาธง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำหัวหน้าส่วนราชการ ออกตรวจเยี่ยมพบปะเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ตามโครงการ "พบผู้ว่าหน้าเสาธง” โดยย้ำให้รู้จักฉลาดคิด - ฉลาดทำ ร่วมกันปกป้องสถาบัน และไม่ตกเป็นทาสของยาเสพติด พร้อมขอความร่วมมือสถานศึกษา สอดส่องตรวจตรานักเรียนกลุ่มเสี่ยง อย่าให้ตกเป็นเป้าการหลอกลวงชักจูงให้กระทำสิ่งผิดกฎหมาย
 

วันนี้ (9 ก.ค. 56) เวลา 07.30 น. ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด ประกอบกิจกรรมหน้าเสาธง ร่วมกับผู้บริหาร คณะครู-อาจารย์ และนักเรียน ของโรงเรียนบ้านบึงสาร ตำบลมะเริง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ตามโครงการ "พบผู้ว่าหน้าเสาธง” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนได้พบปะทำความรู้จักกับผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด พร้อมทั้งขับเคลื่อนข้อราชการและนโยบายสำคัญของจังหวัด ที่เกี่ยวเนื่องกับเด็กและเยาวชนให้ได้ทราบ โดยหวังให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกัน อาทิ การสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ,การอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ,การรักษาวินัยจราจร ,การแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ กล่าวว่า เด็กและเยาวชน เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของขบวนการค้ายาเสพติด ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกันเฝ้าระวัง และสอดส่องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเสริมสร้างความรู้-ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อและทาสของยาเสพติด สำหรับโรงเรียนบ้านบึงสาร เป็นโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 เปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียนทั้งสิ้น 541 คน และคณะครู-บุคลากร จำนวน 33 คน

จังหวัดนครราชสีมาจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการและจัดทำดัชนีตัวชีวัดการพัฒนาระดับจังหวัด

วันนี้ (9 ก.ค. 56) เวลา 09.30 น.  ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการการทบทวน แผนพัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการและจัดทำดัชนีตัวชีวัดการพัฒนาระดับจังหวัดทั้ง การประชุมดังกล่าวเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละจังหวัด ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามนโยบายในการบริหารประเทศของ รัฐบาล โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 32 อำเภอ เข้าร่วมประชุม เพื่อทบทวนยุทธศาสตร์จังหวัดให้สอดคล้องกับยุทศาสตร์ประเทศรวมถึงร่วมกันทำ ดัชนีชี้วัดการพัฒนาจังหวัด สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอยุทธศาสตร์ประเทศ ยุทธศาสตร์การเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตำแหน่งยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดและกรอบตัวชีวัดการพัฒนาจังหวัด รวมทั้งยังได้มีการประชุมระดมสมองเพื่อทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ตามกรอบแนวทางยุทธศาสตร์ประเทศ และยุทธศาสตร์อาเซียน ได้แก่ การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การสร้างโอกาสบนความเสมอภาคและเท่าเทียมของสังคม การพัฒนาจังหวัดกับการเติบโตคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการปรับสมดุล การพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ เป็นต้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบรางวัลให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่โชคดี จากการจัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานาชาติ และนิทรรศการมันสำปะหลังแห่งชาติ ปี 2556

วันนี้ (9 ก.ค. 56) เวลา11.00 น.  ที่สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล รถไถเดินตามมูลค่า 78,000 บาท ให้กับนายอาทิตย์ สุขทั่ว เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากการเข้าร่วมประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานา ชาติ และนิทรรศการมันสำปะหลังแห่งชาติ ปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.56ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยการจัดงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และสมาคมการค้าในสำปะหลัง 4 สมาคม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น

ตำรวจภูธรภาค 3 เปิดโครงการอบรมหลักสูตรครูตำรวจ D.A.R.E. รุ่นที่ 122

วันนี้ (9 ก.ค. 56) เวลา10.00 น.  ที่โรงแรมปัญจดารา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลตำรวจตรี เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ อบรมเพิ่มประสิทธิภาพครูตำรวจ D.A.R.E. รุ่นที่ 122 โดยมี เจ้าหน้าที่ในสังกัด ตำรวจภูธรภาค3 เข้ารับการอบรมจำนวนทั้งสิ้น 50 นาย


พลตำรวจตรีเติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า การอบรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจตามโครงการดังกล่าว มีความรู้ความเข้าใจ เพื่อนำไปใช้เป็นหลักการสอนนักเรียนชั้น ป.6 ในการต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มเด็กนักเรียนและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากยาเสพติด และความรุนแรง ตลอดจนสร้างสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างตำรวจ เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การอบรมครั้งนี้ มีทีมวิทยากรจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาอบรมให้ความรู้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับครูตำรวจD.A.R.E.เพื่อเตรียมความพร้อมในการลง พื้นที่ครูที่จะเข้าสอนนักเรียนในปีการศึกษา2556 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามผู้เข้ารับการอบรม จะต้องนำข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับยาเสพติดที่ถูกต้องไปถ่ายทอดสู่เด็กและ เยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด และใช้ชีวิตในแนวทางที่ถูกต้องโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ปัจจุบันยาเสพติดนับว่าได้เข้าไปในทุกที่ ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน วัด และสร้างความเสียหายในทุกด้านรวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศด้วย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการปราบปรามในทุกรูปแบบเพื่อเอาชนะ ยาเสพติด

บุรีรัมย์ประชุมเตรียมการรับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)

จังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมความพร้อมต้อนรับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ในโอกาสลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และตรวจเยี่ยมศักยภาพการพัฒนาจังหวัด และร่วมประชุม Work Shop ทบทวนยุทธศาสตร์จังหวัดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน

ที่ห้องประชุมฝ้ายคำ ศาลากลางจังหวัดบุรัมย์ ชั้น ๔ นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการต้อนรับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในโอกาสที่จะเดินทางมาตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามนโนบายของรัฐบาล และตรวจเยี่ยมศักยภาพการพัฒนาจังหวัดตามตำแหน่งทางยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัด (Positioning) ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ พร้อมด้วยคณะติดตาม อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ,นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ โดยกำหนดจะลงพื้นที่ รวม ๔ จุด ได้แก่ ปราสาทเขาพนมรุ้ง , บ้านโนนศิลา ตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง , บ้านโคกกลาง ตำบลโคกกลาง อำเภอลำปลายมาศ และบ้านหัวสะพาน ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดบุรีรัมย์ของนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ เพื่อให้จังหวัดทบทวนและปรับยุทธศาสตร์ของจังหวัดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ชาติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน ซึ่งหลังจากลงพื้นที่แล้ว ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และคณะ พร้อมผู้แทนของจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดมหาสารคาม จะร่วมประชุม Work Shop ทบทวนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคาม




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์

สำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม จัดเวทีเสวนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้านขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลลดต้นทุนการผลิตข้าว

สำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม จัดเวทีเสวนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน(อกม.) จังหวัดมหาสารคาม และบุคคลากรในสังกัด กว่า ๒,๐๐๐ คน ร่วมขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลโครงการลดต้นทุนการผลิตข้าว ให้พร้อมเดินหน้าโครงการทันที วันนี้

(09-07-56) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ๘o พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามสำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม จัดเวทีเสวนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน(อกม. )จังหวัดมหาสารคามโดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามเป็นประธาน ร่วมขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลโครงการลดต้นทุนการผลิตข้าว

อาสาสมัครเกษตร เป็นบุคคลที่นับวันจะมีความสำคัญและมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในก้านการพัฒนาการ เกษตรและการขับเคลื่อนภารกิจกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนโยบายรัฐบาล อันเนื่องมาจากการปรับลดอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ภาครัฐลง ตามนโยบายการปฏิรูประบบราชการ ในขณะที่เกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังคงต้องการความช่วยเหลือ และการบริการจากภาครัฐในด้านต่าง ๆ อย่างทั่วถึงเพื่อความมั่นคงในการประกอบอาชีพและรายได้ที่เพียงพอ อาสาสมัครเกษตรจึงมีความสำคัญที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและสนับสนุนการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งด้านการถ่ายทอดความรู้ การให้บริการ และอื่นๆ

โครงการลดต้นทุนการผลิตข้าว ที่อาสาสมัครเกษตรจะต้องเข้าใจแนวทางในการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางตาม ที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามมาตรการลดต้นทุนการผลิตข้าว ๖ ข้อ คือ ๓ ต้องทำ ประกอบด้วย ต้อง ปลูกข้าวไม่เกิน ๒ ครั้งต่อปี ต้อง ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ต้อง ทำบัญชีฟาร์ม และ ๓ ต้องลด ประกอบด้วย ลด อัตราเมล็ดพันธุ์ข้าว ลด การใช้ปุ๋ยเคมีไม่ถูกต้อง และลด การใช้สารเคมี โดยมีอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้านเข้ารวมงานกว่า ๒,๐๐๐ คน



 

                                                    ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว 

ความคืบหน้าโครงการจัดตั้งโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ ม.มหาสารคาม

โรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามเปิดบริการตรวจรักษาผู้ป่วย โดยรับผู้ป่วยนอก ปัจจุบันการก่อสร้างอาคารหลังที่ 1 ใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรองรับผู้ป่วยในจำนวน 50 เตียง ภายในสิ้นปี 2556 และจะเปิดให้บริการ 200 เตียงในอนาคต

รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 14-15 กรกฎาคม 2556 ที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะได้เดินทางมาปฏิบัติราชการที่จังหวัดมหาสารคาม นั้น มีกำหนดเดินทางมา ติดตามความคืบหน้าและความพร้อมโครงการจัดตั้งศูนย์บริการทางการแพทย์และ ศูนย์วิจัยเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (เขตพื้นที่ในเมือง) พร้อมเปิดป้ายอาคาร ซึ่งปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ มีศูนย์บริการทางการแพทย์ที่เปิดบริการตรวจรักษาผู้ป่วย โดยรับเฉพาะผู้ป่วยนอก และยังไม่มีผู้ป่วยใน ปัจจุบันกำลังได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารหลังที่ 1 ใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรองรับผู้ป่วยใน เริ่มต้นจำนวน 50 เตียง ภายในสิ้นปี 2556 และจะเปิดในบริการครบ 200 เตียงในอนาคต

ทั้งนี้ นอกจากศูนย์บริการทางการแพทย์แล้ว ยังมีศูนย์บริการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และสถานผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อเป็นสถานที่ตรวจรักษาผู้ป่วยด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์และเป็นที่ฝึก ปฏิบัติให้แก่นิสิตคณะแพทยศาสตร์ด้วย.




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตร.สภ.กุดรัง มหาสารคาม รวม 2 ผู้ต้องหาคดีลักรถจักรยานยนต์

ตำรวจ สภ.กุดรัง จังหวัดมหาสารคาม จับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีลักรถจักรยานยนต์ พร้อมของกลาง 4 คัน นำไปขายซื้อยาบ้าและสารระเหย พบประวัติผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมมาแล้วทั้ง 2 ราย อีกรายหนีทหาร 1 เดือน

พ.ต.อ.วรพล มะกล่ำทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.ต.อ.พันกฤษณ์ วิชญชีวินทร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกุดรัง พ.ต.ท.ไมตรี โปร่งจิตร สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรกุดรัง พร้อมชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรกุดรัง ร่วมแถลงผลการจับกุมนายอิสรานนท์ มาตรโค อายุ 21 ปี ชาวบ้านหนองแวง ต.หนองแวง อ.กุดรัง ในข้อหาลักรถรถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ รวม 4 คัน พร้อมจับกุมนายบุญเถิง พิมพ์อินทร์ อายุ 32 ปี ชาวบ้านโนนสวรรค์ ต.หนองแวง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม ในข้อหารับของโจร โดยนำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่ง ร.ต.อ.บัญญัติ สีด้วง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร.กุดรังดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรกุดรัง ได้จับกุมตัว นายอิสรานนท์ ใน ข้อหาสูดดมสารระเหย พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่ารถคันดังกล่าวแจ้งหายไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จากนั้นได้ขยายผลด้วยการสอบสวนนายอิสรานนท์ ที่ให้การรับสารภาพว่าได้ลักรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจากบ้านจาน เขต อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม และให้การเพิ่มเติม ว่าได้ก่อเหตุลักรถอีก จำนวน 3 เขตพื้นที่ อ.กุดรัง อ.โกสุมพิสัย และ อ.เมืองขอนแก่น และได้นำรถฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง ที่ขโมยมาจากเขตอำเภอโกสุมพิสัยนำไปขายให้กับนายบุญเถิง ในราคา 1,000 บาท โดยเงินที่ได้นำไปซื้อยาบ้าและกาวเพื่อสูดดม

ซึ่งจากประวัตินายนายอิสรานนท์เคยถูกจับในคดีอาวุธปืนและพ้นโทษมาแล้ว อีกทั้งยังถูกรับการคัดเลือกทหารกองเกินค่ายแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี และหนีทหารมา 1 เดือน มาก่อเหตุลุกรถในครั้งนี้ ส่วนนายบุญเถิง เคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้ว 1 ครั้ง .
 




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารประชุมคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับจังหวัด

วันนี้ (๙ ก.ย. ๕๖) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับจังหวัด เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จังหวัดมุกดาหารให้มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

นายกานต์ ธงศรี พัฒนาการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวถึงการดำเนินงานโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จังหวัดมุกดาหารโดยกล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินการคัดสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP เด่น จังหวัด(Provincial Star OTOP : PSO) ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๕ ผลิตภัณฑ์ เพื่อคัดสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOPเด่นจังหวัดและเพื่อประชาสัมพันธ์เพิ่มช่องทางการตลาดแก่ผลิตภัณฑ์ OTOPประกอบด้วย ตะกร้าพลาสติก ผ้าหมักโคลน เสื้อเย็บมือ ข้าวกล้องหอมนิล และผ้าไหม รวมทั้งได้สรุปผลการจัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOPสานสัมพันธ์สองแผ่นดิน เมื่อวันที่ ๑๕ –๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์จำหน่ายสินค้าสะหวันไอเทค แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ซึ่งมียอดการจำหน่าย ๑,๑๗๑,๒๓๙ บาท สินค้าโดยรวมเป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อนบ้าน ได้แก่ อาหาร ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึกและเครื่องแต่งกาย



 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ประมงจังหวัดมุกดาหารจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมเกษตรกร สู่ประชาคมอาเซียน

ที่ห้องประชุมศาลาเรารักมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่องเทคนิคการเลี้ยงปลานิลในกระชังของกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชังจังหวัด มุกดาหาร ตามโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของปลานิลแม่น้ำโขง ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดมุกดาหารได้จัดขึ้น โดยมีนายประพันธ์ ลีปายะคุณ ประมงจังหวัดมุกดาหาร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่เกษตรกรและภาคเอกชนที่มีความเกี่ยวข้อง ด้านการประมง ในการขยายตลาดสินค้าสัตว์น้ำสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย ผู้แทนภาคเอกชน เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังจังหวัดมุกดาหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประมง จังหวัดมุกดาหาร รวมทั้งสิ้น 40 คน โดยรูปแบบการสัมมนาจะเป็นการบรรยาย และการอภิปราย การระดมความคิดเห็นเพื่อวางกรอบการพัฒนาการเลี้ยงปลานิลกระชังเป็นต้น

นายประพันธ์ ลีปายะคุณ ประมงจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวว่า การสัมมนา ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของจังหวัดมุกดาหาร ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต การสร้างมาตรฐานการผลิตเพื่อการส่งออก เพื่อให้สามารถแข่งขันในกลุ่มอาเซียนได้ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวหน้า เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2558 นี้



 
พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

จังหวัดมุกดาหารประชาสัมพันธ์โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี

นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ ขอเชิญชวนทุกท่านปลูกต้นไม้ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี โดยร่วมกันปลูกต้นไม้ทั่วประเทศ และร่วมบันทึกความทรงจำกิจกรรมดีๆ ที่ท่านได้ปลูกต้นไม้ รวมเป็น ๑ ใน ๘๐๐ ล้านกล้า ถวายพระแม่ของแผ่นดิน โดยลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการและบันทึกภาพถ่ายการปลูกต้นไม้ของท่านไว้ เป็นประวัติศาสตร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและDownload ข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ กรมป่าไม้ www.forest.go.thหรือที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๕๖๑๔๒๙๒-๓ ต่อ ๕๕๔๖ และ หรือที่สายด่วนกรมป่าไม้ ๑๓๑๐ กด ๓ ในวันและเวลาราชการ




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดนครศรีธรรมราชเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศ ร่วมผลักดันพระบรมธาตุฯ สู่มรดกโลก

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO)เพื่อประกาศ ขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกโลก” ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ ในการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศล นั้น

ในการนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กำหนดให้มีการจัดหาทุนโดยการทอดผ้าป่าตั้งกองทุนพระบรมธาตุฯสู่มรดกโลก ขึ้น เพื่อนำเงินมาเข้าสู่กองทุนมรดกโลก โดยกำหนดทอดผ้าป่าพร้อมกันในวันแห่มหฺรับ วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในงานประเพณีเทศกาลบุญสารทเดือนสิบและกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี ๒๕๕๖ จึงขอเชิญชวนร่วมทอดผ้าป่าบริจาคเงินสมทบกองทุนพระบรมธาตุฯ สู่มรดกโลก และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างกว้างขวาง สำหรับผู้ที่สนใจจะร่วมบริจาคเงินสามารถโอนเงินได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ชื่อบัญชีผ้าป่ากองทุนพระบรมธาตุฯ สู่มรดกโลก บัญชีเลขที่ ๓๘๙-๐-๑๓๐๘๗-๙ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเสมียนตราจังหวัดนครศรี ธรรมราช ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ ๐๗๕-๓๕๖๕๙๗





สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร”มหกรรมรับงานสู่บ้านเพิ่มรายได้ในครัวเรือนและนัดพบแรงงาน”

นายอนันต์ กลั่นขยัน จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารโดย สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร กำหนดจัด "มหกรรมรับงานสู่บ้านเพิ่มรายได้ในครัวเรือนและนัดพบแรงงานจังหวัด มุกดาหาร”ในวันพุธ ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐–๑๖.๓๐ น.ณ ห้องแม่มูล ชั้น ๒ โรงแรมริเวอร์ซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานจัดหางานจังหัดมุกดาหาร จะดำเนินการจัดงาน "มหกรรมรับงานสู่บ้านเพิ่มรายได้ในครัวเรือนและนัดพบแรงงานจังหวัด มุกดาหาร”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านได้ รับการจ้างงาน ซึ่งทำให้เกิดรายได้ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยจัดให้สถานประกอบการได้พบกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านในคราวเดียวกันและได้ เจรจาเป็นคู่ค้ากันต่อไป กิจกรรมในงานประกอบด้วย การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของสถานประกอบการพร้อมสาธิตและฝึกปฏิบัติ การจัดแสดงผลงานของกลุ่มรับงานไปทำที่บ้านประเภทต่างๆ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มเพื่อรับงานไปทำที่บ้าน การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพและการรับสมัครงาน การจัดงานในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสดีของผู้ว่างงานหรือผู้การเปลี่ยนงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ และประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสพบผู้ประกอบการ ผู้ว่าจ้างที่ต้องการจ่ายงานนอก เพื่อเจรจาเป็นคู่ค้าในการรับงานมาทำที่บ้าน ทั้งที่เป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมของครอบครัว ซึ่งจะทำให้บรรเทาปัญหาการว่างงาน การอพยพเคลื่อนย้ายแรงงาน ตลอดจนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในท้องถิ่นจึงขอเชิญชวนผู้ที่ สนใจเข้าร่วมงาน ตามวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ หากกลุ่มอาชีพใดที่มีผลงานต้องการจะนำมาจัดแสดงให้ผู้ประกอบการได้ชม หรือจำหน่ายให้กับผู้ร่วมงาน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร ศาลากลางหลังใหม่ ชั้น ๑ ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร หมายเลขโทรทัศน์ ๐๔๒-๖๑๓๐๓๗-๘ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สกสค.ร้อยเอ็ดขอเชิญร่วมถวายผ้ากระกฐินพระราชทานประจำปี 2556

สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ดขอเชิญผู้มีจิตศรัทร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อการกุศล ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน

นางอภิรดี วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งกับประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด จะนำผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2556 ไปถวาย ณ พระอารามหลวงวัดบึงพระลานชัย (ธ) อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา 10.00 น.

จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อการกุศล ในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ โดยโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากระทรวงศึกษาธิการ ชื่อบัญชี "เงินบริจาคสมทบกฐินสำนักงาน สกสค.” บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 059-0-17626-9 โดยส่งสำเนาใบโอนไปให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 และขอเชิญข้าราชการและประชาชนทั่วไปร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ในวันดังกล่าว




วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
8 ก.ค.56

ป.ป.ช.ร้อยเอ็ด แนะประชาชนตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครกรรมการ ป.ป.จ.ภายใน 17 ก.ค. นี้

สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดให้ประชาชนตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริต ประจำจังหวัด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม นี้ ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด

นายสุกิจ บุญไชย ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งกับประชารสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ดำเนินการรับสมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด ร้อยเอ็ด ตั้งแต่วันที่วันที่ 24 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 โดยมีผู้สมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งสิ้น 50 คน

จึงขอเชิญข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไปแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ และพฤติการณ์ของผู้สมัคร ได้ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 043 513 138 – 9 โทรสาร 043 513 139 อีเมล์ kittirat_2546 @hotmail.com หรือที่ www.nacc.go.th ภายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2556



วิมล เร่งศึก/ข่าว
 กมลพร คำนึง/บก.ข่าว

8 ก.ค.56 

ร้อยเอ็ดปลูกไม้สัก เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี เกือบ 2,000 กล้า

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (9 ก.ค. 56) นายพศิน  โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำหัวหน้าส่วนราชการ, นายอำเภออาจสามารถ, ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนจำนวนมาก ปลูกป่า 1,500 กล้า และปล่อยพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ ตามโครงการ "ประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี” และโครงการปล่อยพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ มหาราชินี ประจำปี 2556 ณ หนองส้มโฮง หมู่ 5, 10, 14 ต.อาจสามารถ ต.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด มีประชาชนร่วมงานเกือบ 1,500 คน

ทั้งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหามหาราชินี เพื่อร่วมกันปลูกป่าฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อสร้างความรักความสามัคคีในชุมชน ซึ่งอำเภออาจสามารถมีเป้าหมายปลูกป่าครั้งนี้ เนื้อที่ 10 ไร่ เป็นพันธุ์กล้าไม้มงคล ได้แก่ ไม้สัก 1,500 กล้า นอกจากนั้น ในปี 2556 มีเป้าหมายปลูกทั้งสิ้น 200 ไร่ จำนวนกล้า 20,000 ต้น เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูผืนป่าและแหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์ ให้ลูกหลานได้รับประโยชน์ต่อไปและปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนรู้และตระหนักในคุณค่าของผืนป่าและแหล่งน้ำ ตลอดจนความรักความสามัคคี และความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต่อไป




กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
บุญมี  เพ็งรัตน์/ภาพ
อนงค์นาถ  ธุระพันธ์/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด

ศรีสะเกษจัดทำแผนกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชน ปี 2556

นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมโรงแรมพรหมพิมาน จังหวัดศรีสะเกษ นางณัฏฐกานต์ เหมัษฐิติ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ ในชุมชน ปี2556 โดยมีคณะกรรมการในระดับจังหวัดศรีสะเกษเข้าร่วมประชุม มีวาระที่สำคัญประกอบด้วย การพิจารณาโครงการบูรณาการร่วมกับองค์กรภาคีเพื่อลดปริมาณาชญากรรมในพื้นที่ เป้าหมายเช่นโครงการจัดเวทีสานเสวนาหาทางออกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจและความสามัคคีในชุมชน และพิจารณาโครงการประจำปี 2556 จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอบรมความรู้กฏหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพเครือข่ายและอาสาสมัครคุ้มครอง สิทธิ และเสรีภาพกรรมการบริหารศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทและเครื่อข่ายยุติธรรม ชุมชนผู้นำชุมชน ประจำปี 2556 โครงการเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทันและอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนี้จังหวัดศรีสะเกษยังได้พิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการเครือข่ายคุ้มครอง สิทธิและเสรีภาพระดับจังหวัด และคัดเลือกอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2556 อีกด้วย



บุญทัน ธุศรีวรรณ / ภาพ/ข่าว 
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ 

ร่วมโหวต เป็นแรงใจ แรงเชียร์ สุดยอด กศน.สระแก้ว รอบชิงชนะเลิศ

นางวิบูล พร้อมมูล ผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า  สำนักงาน กศน.จังหวัดสระแก้ว ดำเนินโครงการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อส่งเสริม สนับสนุนความสามารถพิเศษของนักศึกษา กศน.โดยจัดการแข่งขันทักษะความสามารถพิเศษของนักศึกษา กศน. จากภาคต่างๆ ทั่วประเทศและกทม. แห่งละ 3 ทีม รวม 18 ทีม และนักศึกษา กศน.อำเภอเมืองสระแก้ว ในสังกัดสำนักงาน กศน.จังหวัดสระแก้ว ได้ผ่านการคัดเลือก 1 ใน 3 ทีมของภาคตะวันออก เพื่อแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

สำนักงาน กศน. จังหวัดสระแก้ว จึงขอความอนุเคราะห์ท่านร่วมสมทบเงินเพื่อการจัดตั้งกองทุนร่วมโหวตเป็นแรงใจ แรงเชียร์ ให้แก่นักศึกษา กศน. โดยร่วมสมทบเงิน ได้ที่คุณนันทิชา ท้าวสาลี เจ้าหน้าที่การเงินสำนักงาน กศน.จังหวัดสระแก้ว หมายโทรศัพท์ 089-2493319 ภายในวันที่ 10 กรกฎาคม 2556 หรือสามารถร่วมโหวตคะแนน เป็นแรงใจ แรงเชียร์ ในรอบชิงชนะเลิศ ให้กับบุตรหลานจังหวัดสระแก้ว โดยการส่งข้อความ SMS พิมพ์ NF24 ส่งไปยังหมายเลข 4642233 ครั้งละ 3 บาท ทุกเครือข่าย เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุนนักศึกษา กศน.จังหวัดสระแก้ว ในการแข่งขันทักษะความสามารถพิเศษ ประกอบกับเป็นการสร้างชื่อเสียง พร้อมแสดงศักยภาพของชาวจังหวัดสระแก้ว

ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดท่างช่อง สทท.  ในวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

วิทยาลัยชุมชนสระแก้วสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสู่ขวัญควายและการใช้ควายทำนา

ที่โรงเรียนกาสรกสิวิทย์  ต.ศาลาลำดวน  อ.เมืองสระแก้ว  จ.สระแก้ว นายศิระพจต์  จริญาวุฒิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนสระแก้วเป็นประธานเปิดโครงการสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีสู่ขวัญควายและวิถีชีวิตการใช้ควายทำนาจังหวัดสระแก้ว ปี 2556 "การจัดการความรู้ เพื่อการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนและสืบสานศิลปวัฒนธรรม”  โดยอาจารย์ฐิติมา  มีช้าง เป็นผู้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการในครั้งนี้

นายศิระพจต์  จริญาวุฒิกุล เปิดเผยว่า วิทยาลัยชุมชนสระแก้วให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีสู่ขวัญควายและวิถีชีวิตการใช้ควายทำนาซึ่งปัจจุบันภูมิปัญญาและข้อมูลความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิตในการทำนาด้วยควายในการไถนากำลังจะสูญหายไป วิทยาลัยชุมชนสระแก้วจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีสูขวัญควายและการใช้ควายในการไถนาซึ่งทางจังหวัดสระแก้วได้มีโรงเรียนสอนในการใช้ควายในการไถนานั่นก็คือโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ทางวิทยาลัยชุมชนจังหวัดสระแก้วจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนวิถีแบบไทยให้คงอยู่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีแบบไทยเพื่อไม่ให้วิถีการใช้ชีวิตแบบไทยเลือนหายไป

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ที่ทางวิทยาลัยชุมชนได้จัดขึ้นได้แก่ การบอกเล่าประวัติความเป็นมาของโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ การเสวนา ในหัวข้อ เรื่อง "การส่งเสริมและอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีสู่ขวัญควายและวิถีชีวิตการใช้ควายทำนา” โดยเป็นการเสวนาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆได้แก่ วิทยาลัยชุมชนสระแก้ว โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ปศุสัตว์จังหวัด ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว วัฒนธรรมจังหวัดสระแก้วและประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางให้วิถีชีวิตแบบไทยให้ยังคงอยู่  เป็นแหล่งการเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยว และใช่วงบ่าย ศึกษากิจกรรมฐานการเรียนรู้ต่างๆ เช่น นิทรรศการ สาธิตการไถนาด้วยควาย บ้านดิน ซึ่งอยู่ในบริเวณโรงเรียนกาสรกสิวิทย์

ประกาศ สาธารณภัยสภาพอากาศ

กรมป้องกันสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์อากาศในช่วงวันที่ 8 – 10 กรกฎาคม 2556   ลมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้ยังคงพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอยบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนต่อเนื่อง 2 – 3 วันนี้ และมีฝยตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดสระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายและเตรียมความพร้อมในการป้องกันปัญหาอุทกภัย ในบางพื้นที่

เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ และทรัพย์สินของประชาชนในระยะ 2 – 3 วันนี้ พบสถานการณ์หรือต้องการให้ความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเหตุด่วนสาธารณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว ที่หมายเลขโทรศัพท์ 037-425475-8 FAX 037-425502 ได้ตลอด 24 ชม.

เก็บตัวอย่างดินที่ไฟปะทุที่บึงชวน ตรวจสอบ

สำนักงานธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างดินตรวจพิสูจน์ หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวพบดินปะทุไฟลุกที่บึงชวน ชี้ไฟที่เกิดขึ้นเกิดจากเศษวัชพืชที่ขุดลอกจากบึงมาทับถมเกิดสันดาบ โดยมี 3 ปัจจัยสนับสนุน คือ ตัวติดไฟ ออกซิเจน และความร้อน ไฟที่เกิดมีอันตรายเล็กน้อยเนื่องจากกลิ่นกำมะถันที่เกิดจากการเผาไหม้ส่งกลิ่นขึ้นมา

นายวีรวัฒน์ ธิติสวรรรค์ ผู้อำนวยการส่วนธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างดินที่เกิดไฟปะทุลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณบึงชวน หลังสื่อมวลชนเสนอข่าวเกรงสร้างความแตกตื่น โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี และนายอำนวย อินทรธิราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพู่เจ้าของพื้นที่และชาวบ้านในละแวกดังกล่าว และสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์และทำข่าว

นายสุริยัน กิติอาสา ราษฎรบ้านนาบัว ( 113 หมู่ 6 บ้านนาบัว ตำบลบ้านขาว อำเภอเมือง) ผู้พบเห็นไฟปะทุลุกไหม้ที่บริเวณริมบึงชวนคนแรก เล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมาขณะที่ตนมาจับปลาโดยมีสุนัขตาม มาด้วย สนุขได้วิ่งจับหนูหายไปตนจึงไปตามหาเห็นสุนัขวิ่งไปมาและมีไฟลุกไหม้อยู่ มองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีใคร ตนจึงนำน้ำมาดับแต่ไฟก็ไม่ดับ เกรงว่าจะทำให้เกิดไฟไหม้จึงไปบอกจั้ม ( หมอทรงหมอธรรมประจำหมู่บ้าน)ให้ทราบ พอชาวบ้านทราบข่าวต่างแห่พากันมาดูเป็นจำนวนมาก บางคนนำธูปเทียนมากราบไหว้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ในขณะวันนี้บริเวณที่เกิดไฟปะทุลดน้อยลงเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อ คืนที่ผ่านมา และในการเก็บตัวอย่างดินของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น ได้ทำการเจาะดินลึกลงไปประมาณ 2.5 เมตร เพื่อนำตัวอย่างดินแต่ละชั้นไปวิเคราะห์โดยจะส่งไปตรวจที่กรุงเทพ

นายวีรวัฒน์ ธิติสวรรรค์ ผู้อำนวยการส่วนธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น กล่วว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ดินดังกล่าวถือเป็นชนิดเดียวกันกับดินป่าพลุ ที่มีส่วนผสมของซากพืชซากสัตว์มานาน ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้จากใต้ดินได้นั่น น่าจะเกิดจาก3 ปัจจัย คือมีตัวติดไฟ ออกซิเจนและความร้อน พร้อมยืนยันว่าไฟที่เกิดไม่เป็นอันตราย การเผาไหม้พบว่ามีกำมะถันขึ้นมานิดหน่อย ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจเป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

นายอำนวย อินทรธิราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพู่ เปิดเผยว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวออกไปตนเองได้รายงานให้นายอำเภอ กรมทรัพยากรธรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรายงานผลทราบความคืบหน้า ส่วนพื้นที่บริเวณนี้ก็จะบ่อยไว้เพราะไม่มีอันตรายกับชาวบ้าน ในขณะที่ อบต.จะดูแลอยู่ห่างๆ ในขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวทยอยเดินทางมาดูว่าไหม้อย่างไร ความร้อนเป็นอย่างไร ดินทรุดเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันดินทรุดลงเยาะ และมีชาวบ้านเข้ามาดูเยาะมากเพราะถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ก็ไม่อยากให้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดินบริเวณที่เกิดไฟปะทุ เป็นดินที่ขุดลอกบึงชวนเพื่อทำคูน้ำเมื่อปี 2544 ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินมาทำการขุดลอกไว้ ผ่านมากว่า 10 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ นี้เป็นครั้งแรก ซึ่งตนเองคิดว่าการทับถมของซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันมาเป็นระยะเวลานานทำ ให้ร้อนระอุขึ้นมาในครั้งนี้

ในขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะมีการพัฒนาให้บึงชวน เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานี นั้น นายอำนวย อินทรธิราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพู่ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนตำบลนาพู่ ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล 235 ล้านบาท ในปี 2557-2558 เพื่อขุดลอกบึงชวน เกือบ100 % เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแก้มลิงของอุดรธานีด้วย



ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 

ขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานีจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนแผน สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไปสู่การปฏิบัติในระดับจังหวัดอุดรธานี

สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2552-2556) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการกระทรวง ทบวง กรม แผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนแผนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรม เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาในปี พ.ศ.2552-2554 จังหวัดอุดรธานี เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว โดยมีการขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 2 อย่างจริงจังต่อเนื่องมาโดยตลอด

ในการดำเนินการในวันนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัดเพื่อจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับ เคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการนำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับ ที่ 2 มากำหนดเป็นกรอบแนวทางการส่งเสริม ปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนและเป็นการขยายผลต่อเนื่องในการนำแผน สิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปแปลงสู่แผนพัฒนาของหน่วยงานต่างๆโดยคำนึงถึงมิติด้าน สิทธิมนุษยชนซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนให้เกิดผลเป็น รูปธรรม
ในการประชุมวันนี้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 4 ประเด็น อาทิ การสร้างความตระหนักและร่วมเรียนรู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชน สาระของแผนสิทธิมนุษยชนห่งชาติ ฉบับที่ 2 การแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ.2552-2556 ไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานภายในจังหวัด และการติดตามและรายงานผลการปฏิบัติตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ.2552-2556 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงต่างๆ ในจังหวัด ภาคเอกชน ภาคประชาชนรวม 100 คน



ทีมข่าวส.ปชส..อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว

ประชุมคณะกรรมการอำนวยการการแข่งขันตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานฯ

จังหวัดอุดรธานีประชุมติกตามความกว้าหน้าการเตรียมการจัดการแข่งขันตะกร้อ ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ "คิงส์คัพ” ครั้งที่ 28

ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายณรงค์ พลละอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการการ แข่งขันตระกร้อชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คิงส์คัพ ครั้งที่ 28 ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2556 ครั้งที่ 2/2556 เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมการจัดการแข่งขันของคณะกรรมการ ทั้ง 15 คณะเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตลอดจนรับทราบปัญหาอุปสรรค์ในการจัดเตรียมงาน

ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานีได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ตระกร้อชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คิงส์คัพ ครั้งที่ 28 ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 16-22 กันยายน 2556 ณ อุดรธานีฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า และถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในงานฉลองครบรอบ 121 ปี จังหวัดอุดรธานีที่จะจัดขึ้นในปี พ.ศ.2557 ซึ่งการแข่งขันในครั้งแบ่งการแข่งขันออกเป็น 8 ประเภทการแข่งขัน ประกอบด้วย เซปัคตะกร้อชาย /หญิง ทีมชุด ,เซปัคตะกร้อ ชาย/หญิง ทีมเดี่ยว ,เซปัคตะกร้อคู่ชาย/คู่หญิง ทีมเดี่ยว,ตะกร้อลอดห่วงสากลชาย และตะกร้อลอดห่วงสากลหญิง ซึ่งในการแข่งขันดังกล่าวคาดว่าจะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จาก 34 ประเทศ ที่จะเข้ามาพักอาศัยในช่วงระหว่างวันที่ 15-23 กันยายน 2556 มากว่า 1,000 คน



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประชุมติดตามความคืบหน้า๕ณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่ในงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2556

วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุม poc ชั้น 4 ศาลากลาง จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2556 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการคณะกรรมการจัดงานเทศกาลแห่เทียนเข้า พรรษาอุบลราชธานี แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะได้กำหนดจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกิจกรรมเยือนชุมชน ชมวิถีวัฒนธรรมการตกแต่งต้นเทียนคุ้มวัดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานีระหว่างวันที่ 9 ถึง 22 กรกฎาคม 2556 นอกจากนั้นได้นำเทียนพรรษาพระราชทานของปีที่ผ่านมา ทำการเฉลิมฉลองไปทั้ง 25 อำเภอ จะทำให้ประชาชนได้เห็นเทียนพระราชทานจริง และร่วมจัดกิจกรรมหลอมเทียนหลอมใจ นำต้นเทียนพรรษาที่ได้ถวายวัดในอำเภอนั้นๆ ซึ่งประชาชนทั้ง 25 อำเภอจะมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามต้นเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประเภทติดพิมพ์ ประเภทแกะสลัก และเทียนโบราณ ทั้งในภาคกลางวันและภาคกลางคืน ซึ่งจะมีความสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม ทั้งนี้ได้เรียนเชิญ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดขบวนแห่เทียน ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2556


การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้ประดับตกแต่งการจัดสถานที่ จุดปล่อยขบวนแห่เทียน รวมทั้งการจัดที่นั่งชมแก่นักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศ โดยได้ดำเนินตกแต่งสถานที่ใกล้เสร็จแล้ว

อุบลฯประชุมเตรียมความพร้อมรับเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการศาลปกครองอุบลราชธานี

วันนี้ 9 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารศาลปกครองอุบลราชธานี นายนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการอุบลราชธานี ร่วมกับนาวาเอกวุฒิ มีช่วย อธิบดีศาลปกครองอุบลราชธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือเตรียมความพร้อมกับ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการรับเสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการศาลปกครองอุบลราชธานี เวลา 15.00 น. ในวันศุกร์ที่ 19 กรกฏาคม 2556 ณ ที่ทำการศาลปกครองอุบลราชธานี ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ทั้งนี้การประชุมได้มีการ เตรียมความพร้อมในเรื่องการจัดทำแผนการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย สถานที่จอดรถ ความพร้อมพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารบริเวณที่ใช้ประกอบพิธี การประดับตกแต่งสถานที่ การคัดกรองผู้เข้าร่วมพิธี เพื่อให้พิธีการดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และจัดเตรียมแผนการสำรองล่วงหน้าหากมีปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้น.


 
จักรกฤษณ์ มาลาสาย / ข่าว

ทองปัก ทวีสุข / ภาพ

จังหวัดอุบลราชธานี จัดประชุมคณะกรมเตรียมความพร้อมการจัดงานแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 25 (ระดับภาค) โดยกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคม 2556 นี้ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 อุบลราชธานี

วันนี้ 9 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 อุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานประชุม คณะกรรมการการจัดแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 25 (ระดับภาค) เพื่อเตรียมการจัดงานแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 25 (ระดับภาค) โดยกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคม 2556 นี้ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 อุบลราชธานี เพื่อแข่งขันผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากระดับภาค ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันฝีมือระดับนานาชาติ โดยในปีนี้จัดแข่งขันที่ประเทศเยอรมันนี ทั้งนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ต้องการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงงาน และเสริมสร้างความเข้าใจให้บุคคลทั่วไปตระหนักถึงคุณค่าและประโยชน์ของแรง งานฝีมือไทย การแข่งขันมี 2 ระดับ ได้แก่ ระดับภาค และระดับชาติ อายุระหว่าง 15-20 ปี ประเภทเยาวชน และประชาชนทั่วไปที่เป็นแรงงานในสถานประกอบการ หรือแรงงานอิสระ ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดโดยจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเจ้าภาพ การจัดการแข่งขันระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ประกอบด้วยจังหวัด อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม และศรีสะเกษ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่ บัดนี้ - 31 กรกฎาคม 2556 ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆสำหรับผู้ชนะการแข่งขันฯ รางวัลเหรียญทอง เงินสด 7,000 บาท เหรียญเงิน เงินสด 3,500 บาท เหรียญทองแดง เงินสด 2,000 บาท พร้อมคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดับชาติต่อไป กิจกรรมในวันดังกล่าว มีการสาธิตอาชีพ การทำเครื่องดื่มจากสมุนไพร การทำขนมไทย การทำผ้าบาติก การทำของชำร่วยจากการบูร การสาธิตงานเชื่อม การติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียม การติดตั้งกล้องวงจรปิด การแสดงนิทรรศการจากภาครัฐและเอกชน การแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำด้านยานยนต์ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้า สินค้า OTOP

สำหรับผู้สนใจ ติดต่อสอบถามและสมัครได้ที่ฝ่ายพัฒนาฝีมือและศักยภาพแรงงาน สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 อุบลราชธานี ถนนคลังอาวุธ ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โทร. 045-319550 ต่อ 123-124 และ www.ubisd.go.th หรือสมัครได้ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ มุกดาหาร นครพนม ร้อย และยโสธร



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เยี่ยมชุมชนวัดเมืองเดช นำเทียนหอมสินค้าโอท็อป ตกแต่งต้นเทียนพรรษาขบวนเทียนพรรษา ประจำปี 2556 จังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 7 กรกฎาคม 56 นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เดินทางเยือนชุมชนคนทำเทียนพรรษาวัดเมืองเดช ที่วัดเมืองเดช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เช่นหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน กลุ่มแม่บ้านชาวบ้าน อำเภอเดชอุดม ที่ร่วมกัน ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมศรัทธา ร่วมสร้าง เทียนพรรษาวัดเมืองเดช สำหรับปีนี้ชุมชนวัดเมืองเดชได้สร้างสรรค์แนวคิด ต้นเทียนพรรษาแนวใหม่ โดยมีกลุ่มสตรีที่ร่วมกันตกแต่งออกแบบ ตกแต่งด้วยเทียนหอม ที่เป็นสินค้าโอท็อปของอำเภอเดชอุดม ประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ใบไม้ ส่งกลิ่นหอมทั้งขบวน จึงเป็นต้นเทียนพรรษาที่มีกลิ่นหอมหนึ่งเดียวในโลก ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2556 ในปีนี้ โดยจุดเด่นของต้นเทียนพรรษาหอมชุมชนวัดเมืองเดช คือการสร้างสรรค์แนวคิดเป็นการบอกเล่าเรื่องราวให้เข้ากับปีพุทธชยันตี 2600 ปี และเป็นต้นเทียนแนวใหม่ ที่มีสีสันสวยงามเลียนแบบสีธรรมชาติ และมีกลิ่นหอมทั้งขบวนซึ่งยาวถึง 14 เมตร

โดยขณะนี้คุ้มวัดต่าง ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีได้มี เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทั่วไป ได้ร่วมกันประดิษฐ์ต้นเทียนที่เป็นประเพณี วัฒนธรรม เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อส่งเข้าประกวดงานประขบวนเทียนพรรษา ประจำปี 2556 ให้นักท่องเที่ยว ได้ชมความสวยงามของขบวนเทียนพรรษา ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 นี้



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 เวลา 09.30 น.ณ ห้องประชุมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานีนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุป ผลการปฏิบัติงานของศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในเขตรับผิดชอบ ตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มอบนโยบายให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี ปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม และทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนอำนวยการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยจังหวัดในเขตรับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ


ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี ได้ดำเนินการตามภารกิจภายใต้การกำกับดูแลของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสนับสนุนนโยบายของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว โดยมีเป้าหมายสูงสุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากสาธารณภัยต่าง ๆ โดยการเฝ้าระวังและเตรียม ความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง จัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ซึ่งเป็นชุด เคลื่อนที่เร็ว สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำโครงการก่อสร้างและฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและอุทกภัย ตลอดจนปฏิบัติภารกิจสำคัญ ตามที่ได้รับมอบหมาย

เตือนประชาชนระวังโรคไข้เลือดออกล่าสุด 4 จังหวัดอีสานตอนล่างพบผู้ป่วย 5406 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา เปิดเผยถึง สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ พบผู้ป่วยแล้ว 5406 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจังหวัดนครราชสีมา 2,431ราย เสียชีวิต 2 ราย ชัยภูมิ 632 ราย บุรีรัมย์ 972 ราย และสุรินทร์ 1371ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยกลุ่มอายุผู้ป่วยที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มที่อยู่ช่วงวัยเรียน เฉลี่ยอายุระหว่าง 14-24 ปี ดังนั้นโรงเรียนจึงเป็นสถานที่สำคัญที่จะต้องมีการป้องกัน และควบคุมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และให้โรงเรียนปลอดลูกน้ำยุงลาย ตลอดจนมีการเฝ้าระวังการเกิดโรคอย่างต่อเนื่อง เน้นกิจกรรม 5 ป. (ปิด,ปล่อย,เปลี่ยน,ปรับปรุง,ปฏิบัติ) 1 ข.(ขัดภาชนะ) เหล่านี้ต้องทำภายใน 7 วัน ก่อนที่จะเป็นตัวยุง และการที่ทุกจังหวัดยังมีรายงานผู้ป่วยอย่างสูงต่อเนื่องเป็นข้อบ่งชี้ว่า ยังคงมีการระบาดใหญ่ในช่วงฤดูกาลต่อไป

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่รับผิดชอบได้ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ ตาม ชุมชน และสถานศึกษาต่างๆ ให้มีการป้องกัน และควบคุมไม่ให้สถานศึกษาเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ และปลอดจากลูกน้ำยุงลาย ด้วยการกำจัดทุกสัปดาห์ และนำทรายอะเบทไปใส่ไว้ตามแหล่งน้ำในสถานศึกษา อีกทั้งยังได้จัดเจ้าหน้าที่ออกทำการฉีดพ้นหมอกควันกำจัดยุงลาย พร้อมทั้งนำทรายอะเบท แจกจ่ายประชาชน เพื่อนำไปเทบริเวณน้ำขัง พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชน หากใครมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2-3 วันขึ้นไป มีอาการอาเจียน เบื่ออาหาร ควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา เพราะอาจป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้