วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์ ชะลอปล่อยน้ำให้เกษตรกรเพาะปลูก


นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แจ้งถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาวในช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 ว่าในเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำเพียง 229 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 11.57 ของปริมาณความจุในระดับเก็บกักที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการบริหารจัดการน้ำนั้นต้องกันปริมาณน้ำในเขื่อนไว้ที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อหล่อเลี้ยงอ่างคันคูเขื่อน และมีปริมาณน้ำที่ใช้ได้เพียง 129 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงมีข้อจำกัดในการส่งน้ำ โดยปริมาณน้ำที่ใช้การได้จะสงวนไว้และปล่อยเป็นน้ำดิบสำหรับทำน้ำประปาเพื่อ อุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ และการเตรียมแปลงตกกล้านาปีเท่านั้น ส่วนการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก จะชะลอออกไปจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ

สำหรับปริมาณน้ำฝนในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ถึงปัจจุบัน มีปริมาณฝนตกเพียง 79.8 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 9.75 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนลำน้ำ สาขาลุ่มน้ำปาว มีปริมาณทรงตัวและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น 


สุรพล คุณภักดี / ข่าว

เทศบาลเมืองบ้านทุ่มขอนแก่นนำเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเข้าค่ายอบรมแก้ปัญหายาเสพติด

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นออกเยี่ยมค่ายโครงการแก้ไขปัญหาเยาวชนกลุ่ม เสี่ยงซึ่งทางเทศบาลเมืองบ้านทุ่ม อำเภอเมืองขอนแก่นนำเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยา เสพติดนำมาเข้าค่ายอบรมฝึกจิตใจให้เข้มแข็งที่ค่ายสีหราชเดโชไชย กรมทหารราบที่ 8 ซึ่งเยาวชนทุกคนที่เข้าอบรมเป็นการอบรมตามความสมัครใจ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้มีการพูดคุยกับเด็กๆเยาวชนเพื่อให้ทุกคน เข้าใจสภาพปัญหาของยาเสพติดที่ระบาดสร้างปัญหาให้กับสังคมในปัจจุบันซึ่งทุก ภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขเพื่อให้ปัญหายาเสพติดในจังหวัดขอนแก่นลดลงพร้อม ทั้งชี้แจงปัยหาในเรือนจำให้กับเยาวชนทุกคนฟังด้วยซึ่งเยาวชนที่เข้าค่ายใน ครั้งนี้ทางผู้จัดจะนำเข้าไปศึกษาดูงานภายในเรือนจำขอนแก่นเพื่อให้เห็นสภาพ ความเป็นอยู่จริงเป็นการสร้างจิตวิทยาให้กับเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเกิดความคิด ที่เปลี่ยนไปเพราะหากยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็จะมีสภาพที่ไม่ต่าง จากคนติดคุกและหากมีการจับกุมก็จะมีโอกาสเข้าไปในคุกอย่างถาวรได้

สร้างไม่หยุดนายทุนต่างถิ่นกว้านซื้อที่สร้างบ้านขนคนเข้ามาอยู่หวังเงินชดเชยสร้างเขื่อน


เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 22 พ.ค.56 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีไพเจน มากสุวรรณ รองอธิบดีกรมชลประทาน เดินทางไปตรวจสอบ พื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนยางนาดี บ้านละหานค่าย ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ หลังมีข่าวนายทุนต่างถิ่นกว้านซื้อที่ดินมีโฉนด จากชาวบ้าน มาสร้างบ้านชั่วคราว คล้ายหมู่บ้านจัดสรร เพื่อหวังเงินชดเชย จำนวนหลายร้อยหลัง ซึ่งพบว่าบริเวณแห่งนี้ อยู่ท้ายหมู่บ้านละหานค่าย อยู่ระดับต่ำกว่าหมู่บ้าน 1-2 เมตร และหากก่อสร้างเขื่อนจะถูกน้ำท่วม นายทุนจากจังหวัดนครราชสีมา มาซื้อต่อจากชาวบ้าน ซึ่งตรงนี้มีโฉนดถูกต้อง และสร้างบ้านชั่วคราว กระจายเต็มพื้นที่ ทั้งที่สร้างเสร็จแล้ว ออกบ้านเลขที่ประมาณ 100 หลัง มีการย้ายคนจากนอกพื้นที่เข้ามาอยู่อาศัย และกำลังเร่งก่อสร้างอีกจำนวนมาก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดก่อสร้าง ตามที่ผู้ว่าราชการประกาศ ไม่พบตัวนายทุน พบแต่ช่างที่มารับจ้าง ส่วนมากเป็นบ้านชั้นเดียว มุงสังกะสี สร้างด้วยเสาปูน ก่ออิฐ์บล็อก โครงหลังคาทำด้วยไม้ยางและไม้พร้าว หน้าบ้านมีป้ายชื่อเจ้าของบ้าน และเลขที่บ้าน แต่ส่วนมากยังไม่มีคนเข้ามาอยู่อาศัย บางส่วนปลูกต้นปาล์มอายุประมาณ 1 เดือน

ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า การสร้างบ้านแบบนี้ มีคนทำ 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ที่อ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร เป็นที่ป่าสงวน อนุญาตให้กรมชลประทานใช้ก่อสร้างเขื่อน ซึ่งมีหลายจุด เจ้าของที่ดินสร้างเอง และชวนญาติพี่น้อง มาซื้อที่ สร้างบ้านขุดสระ กลุ่มสอง ที่มาดูวันนี้ เป็นนายทุนต่างถิ่น มาซื้อที่ดินมีโฉนดจากชาวบ้าน สร้างบ้านขายให้กับผู้สนใจ ส่วนมากมาจากจังหวัดนครราชสีมา และมีชาวบ้านในพื้นที่หลงเข้าไปซื้อบ้าง สร้างในพื้นที่ของตนเองบ้าง ทั้ง 2 กลุ่ม รวมแล้วประมาณ 600 หลัง ก็จะตรวจสอบเป็นรายๆไป กรณีสร้างในที่มีเอกสารสิทธิ์ ก็ได้แจ้งเตือนให้หยุดดำเนินการ พร้อมตรวจสอบว่า เข้าข่ายแบ่งที่ ล่อลวงคนมาซื้อ หรือไปโฆษณาว่า จะได้เงินค่าชดเชย หลังละ 1 ล้าน ตามที่เป็นข่าวจริงหรือไม่ หากมีคนมาร้องทุกข์ ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เชื่อว่าต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์แน่ๆ แต่ระยะเฉพาะหน้าต้องเบรกการก่อสร้างเอาไว้ก่อน และให้ออกประกาศเสียงตามสาย เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะตามระเบียบแล้ว ถ้ามีเจตนาสร้างบ้านแอบแฝง หวังเงินชดเชย หลังรัฐบาลประกาศเดินหน้าก่อสร้าง มีหลักฐานชัดเจนอย่างนี้ คงจ่ายค่าชดเชยไม่ได้ ถึงได้ก็ต้องตามระเบียบ บ้านอย่างนี้น่าจะได้ไม่เกินหลังละ 3 หมื่นบาท เชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่สามารถหยุดยั้งโครงการสำคัญของรัฐบาลได้ เราจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ และให้ประชาชนเข้าใจ อย่าหลงเชื่อ


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

เร่งสอบสวนเชิงลึกหาตัวกลุ่มนายทุนกว้านซื้อที่ดิน ปลูกบ้าน ขุดสระ หวังค่าชดเชยเสร้างเขื่อน


จังหวัดชัยภูมิ ใช้มาตรการเบาไปหาหนัก แก้ปัญหาสร้างบ้าน ขุดสระ ปลูกต้นไม้ หวังเงินชดเชย สร้างอ่างเก็บน้ำ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ยืนยันข่าวชดเชยหลังละล้าน เป็นไปไม่ได้ ออกประกาศเตือนประชาชนอย่างหลงเชื่อ

เมื่อเวลา 09.00น. วันนี้ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ เรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีก่อสร้างบ้าน ขุดสระและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ เพื่อหวังเงินค่าชดเชย เวนคืน จากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร และอ่างเก็บน้ำยางนาดี จังหวัดชัยภูมิ โดยมีว่าที่ร้อยตรีไพเจน มากสุวรรณ รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมประชุมด้วย หลังพบว่ามีกลุ่มนายทุนนอกพื้นที่อย่างน้อย 10 กว่าคน เข้ามากว้านซื้อที่ดิน ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว สร้างบ้าน ขุดสระ ปลูกต้นไม้ ขายต่อมือ ปล่อยข่าวว่า จะได้รับเงินชดเชยหลังละ 1 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้มีคนหลังเชื่อ และกู้เงินนอกระบบไปซื้อจำนวนมาก เบื้องต้นได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ คือบ้านเขว้า หนองบัวระเหว และเทพสถิต ลงไปชี้แจงทำความเข้าใจในพื้นที่ด้วยตนเอง ทางราชการไม่มีระเบียบจ่ายเงินชดเชยมากขนาดนั้น พร้อมเร่งตรวจสอบการออกบ้านเลขที่ และการย้ายเข้าทะเบียนบ้านผิดปกติ ขณะนี้พบที่อำเภอหนองบัวระเหว จำนวน 200 กว่าราย หากพบว่าเป็นขบวนการย้ายเพื่อหวังเงินชดเชย มีประวัติทำอย่างนี้ที่เขื่อนอื่นๆ ถือว่ามีเจตนาทุจจริต สามารถเพิกถอน และดำเนินคดีได้

อย่างไรก็ตาม ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่าขณะนี้มีรายชื่อกลุ่มทุนในมือแล้ว 13 ราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งสืบสวน สอบสวน ทางลึก หากพบว่ามีพฤติกรรมกว้านซื้อที่ สร้างบ้าน หวังเงินชดเชย จากการก่อสร้างเขื่อน จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ในส่วนของชาวบ้าน ที่ตกเป็นเหยื่อ หรือมีพื้นที่ครอบครองถูกต้อง ตอนนี้ต้องให้หยุดการสร้างบ้าน ขุดสระ เอาไว้ทั้งหมด เริ่มจากเบาไปหาหนัก ห้ามแล้วยังทำต้องดำเนินการตามกฎหมาย กรมชลประทานในฐานะผู้ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ต้องเป็นผู้เสียหาย แจ้งความดำเนินคดี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งงบประมาณที่ต้องจ่ายชดเชย และการเสียโอกาสจากการสร้างอ่างเก็บน้ำ ช่วยภัยแล้ง และแก้ปัญหาน้ำท่วม


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

มทส.นครราชสีมา นำน้องใหม่ รุ่นที่ 21 กราบสักการะย่าโม

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) นำนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2556 กว่า 3,000 คน กราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา


ศาสตราจารย์ ดร. ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) กล่าวว่า เป็นประเพณีปฏิบัติที่ดีงามที่มหาวิทยาลัยฯ จัดให้กับนักศึกษาใหม่ทุกรุ่นเพื่อเป็นมงคลชีวิตแก่นักศึกษาใหม่และเป็นการ จรรโลงวัฒนธรรม "ไปลา มาไหว้” โดยนำนักศึกษาใหม่กราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม ที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่นักศึกษารุ่นแรกจนปัจจุบัน คือรุ่นที่ 21 และเพราะ มทส. หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มีมงคลนามของท่านท้าวสุรนารีเป็นชื่อมหาวิทยาลัย รวมทั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจแก่นักศึกษาใหม่ทุกคน

พร้อมกันนี้ นักศึกษาใหม่ได้เข้ากราบฝากตัวและรับฟังโอวาทจากคณะผู้บริหารระดับสูงของ หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา กองทัพภาคที่ 2 ตำรวจภูธรภาค 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ พ่อค้า คหบดีและผู้ใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ที่ร่วมให้การต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่างอบอุ่นเช่นทุกปี ในโอกาสแรกเข้ามาพำนักและศึกษาเล่าเรียนในจังหวัดนครราชสีมาด้วย

สำหรับในปีการศึกษา 2556 มีนักศึกษาใหม่ระดับปริญญาตรี เป็นรุ่นที่ 21 รวมจำนวน 3,381 คน ประกอบด้วย นักศึกษาโควตาจากทุกภูมิภาค 2,640 คน นักศึกษาจากการคัดเลือกผ่านระบบแอดมิชชั่น กลาง 569 คน และนักศึกษาจากการรับประเภทอื่น ๆ 172 คน ทั้งนี้ เมื่อรวมนักศึกษาทุกชั้นปีมหาวิทยาลัยมีนักศึกษารวมจำนวนทั้งสิ้น 13,401 คน

เทศบาลตำบลบัวลาย อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ชาวบ้านเดินทางเรียกร้องขอความเป็นธรรมงานก่อสร้างฐานรากสำหรับหอถังสูงเหล็กวางท่อซีเมนจ่ายน้ำประปาเข้าหมู่บ้านต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา


วันนี้ (22 พ.ค. 56) ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาเป็นผู้รับหนังสือเรียกร้องการประสบปัญหาภัยแล้ง อันเกิดจากงานก่อสร้างฐานรากสำหรับหอถังสูงเหล็กวางท่อซีเมนจ่ายน้ำประปา เข้าหมู่บ้านตัวใหม่ของเทศบาลตำบลบัวลาย อ. บัวลาย จ.นครราชสีมา ที่มีการดำเนินการจริง แต่ยังไม่แล้วเสร็จตามโครงการ ชาวบ้านจึงยังคงประสบปัญหาขาดแคลนในเรื่องของน้ำไว้สำหรับอุปโภคและบริโภค โดยลักษณะของข้อเรียกร้องที่ชาวบ้านกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือ ต้องการให้ตรวจสอบในเรื่องของงบประมาณ ความโปร่งใสในการก่อสร้าง แผนที่การวางแนวท่อจ่ายน้ำประปาภายในเขตเทศบาล โดยหมู่บ้านนาเจริญ หมู่ที่ 10 ต. บัวลาย ประสบปัญหาน้ำไม่ไหลหนักที่สุด เนื่องจากเป็นหมู่บ้านปลายสาย ทั้งนี้ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบัวลาย จำนวน 6 คน โดยมีนายปาน แสงทอน เป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ และประเด็นเรียกร้องหาทางตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการใช้งบประมาณการซื้อ เครื่อง Ozone ที่ชาวบ้านเห็นว่ามีราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งมีมูลค่าถึง 3 ล้านบาท พร้อมทั้งต้องการตรวจสอบงบประมาณในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายใน 2 สัปดาห์นี้อีกด้วย โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้ทางศูนย์ดำรงธรรมส่งประเด็นหนังสือแจ้งให้นายอำเภอทราบภายใน วันนี้หากมีความผิดพลาด ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น 

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างกองทุนชุมชน ตามโครงการหลุดพ้นความยากจนด้วยคนโคราช

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า วานนี้ (๒๑ พ.ค.) ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนคราชสีมา เป็นประธานในพิธี ลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างกองทุนชุมชนกับจังหวัดนครราชสีมา ในการสนับสนุนโครงการหลุดพ้นความยากจนด้วยคนโคราช

ด้วยจังหวัดนครราชสีมาได้มีการจัดตั้งเครือ ข่ายกองทุนชุมชนที่มีกิจกรรมการทำงานในหมู่บ้านตำบล เช่น กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ซึ่งมีกิจกรรมให้กู้ยืมเงินไปประกอบอาชีพในหมู่บ้านตำบลดอกเบี้ยต่ำหรือไม่ คิดอัตราดอกเบี้ย(กข.คจ.) เพื่อช่วยเหลือสมาชิกหรือครัวเรือนยากจนในหมู่บ้านให้เข้าถึงแหล่งทุนในการ นำไปประกอบอาชีพ มีการจัดสวัสดิการให้ความช่วยเหลือสมาชิกหรือประชาชนในหมู่บ้านตำบล และมีการรวมตัวกันในรูปแบบเครือข่ายตำบล อำเภอและจังหวัด เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนส่งเสริมในด้านวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันซึ่งกันและกัน ในปี ๒๕๕๖ มีโครงการคนโคราชร่วมใจแก้ไขปัญหาความยากจนร่วมกัน ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนชุมชน ช่วยเหลือสนับสนุนเงินในการจัดสวัสดิการมาช่วยเหลือคนยากจนจากทุกอำเภอของ จังหวัดนครราชสีมา

และปี ๒๕๕๖ จังหวัดนครราชสีมาได้จัดทำโครงการหลุดพ้นความยากจนด้วยคนโคราช โดยมีการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนชุมชนให้สนับสนุนช่วยเหลือ ๑ กองทุนชุมชนต่อครัวเรือนยากจน อย่างน้อย ๑ ครัวเรือน เพื่อให้ครัวเรือนยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อปี ในปี ๒๕๕๕ ของจังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๕,๑๒๙ ครัวเรือนจาก ๓๒ อำเภอ พ้นความยากจน จึงได้มีขอความร่วมมือกองทุนชุมชนทุกอำเภอ สนับสนุนการดำเนินการสนันสนุน สงเคราะห์และให้โอกาสช่วยเหลือครัวเรือนยากจนได้ยกระดับรายได้ให้พ้นเกณฑ์ ความยากจน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนได้ให้ความรู้ความเข้าใจและแนวทางในการสนับสนุน สงเคราะห์และช่วยเหลือกับคณะกรรมการกองทุนชุมชน จึงได้มีพิธีลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างกองทุนชุมชนกับจังหวัดนครราชสีมา 

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ (พพ.) จัดสัมมนาแนวทางการพัฒนาสื่อ “ไบโอแก๊สเซฟตี้” ที่นครราชสีมา

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดสัมมนาแนวทางการพัฒนาสื่อ ตามโครงการรณรงค์ความปลอดภัยจากการผลิตและใช้ก๊าซชีวภาพ "ไบโอแก๊สเซฟตี้” ที่ โรงแรมราชพฤกษ์ แกรนด์โฮเทล จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

งานสัมมนาในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วัน โดยแบ่งกิจกรรมภายในงานออกเป็น 3 กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับสถานการณ์อุบัติเหตุ เกี่ยวกับก๊าซชีวภาพและการแก้ไข, ความปลอดภัยในการทำงานบริเวณพื้นที่อับอากาศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและใช้ก๊าซชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สื่อสารคดีและแอนิเมชั่นในการจูง ใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและใช้สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ จากคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


นอกจากนี้ ยังมีการลงพื้นที่ศึกษาดูงานระบบผลิตก๊าซชีวภาพ ที่ บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่มีความพร้อมและมีความปลอดภัยในการดำเนินงานด้าน ก๊าซชีวภาพสูง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เห็นและเข้าใจกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ ที่มีความปลอดภัย

และกิจกรรมสุดท้าย ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก คือการทำกิจกรรมกลุ่มของผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ผลิตและ ใช้ก๊าซชีวภาพจาก 4 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นำเสนอข้อมูล เสนอความคิด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์และวิธีการนำ เสนอในเรื่องความปลอดภัยในระบบก๊าซชีวภาพ นับว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากสื่อโดยตรง เพื่อที่ทางผู้จัดโครงการฯ จะได้รวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดไปพัฒนาจัดทำสื่อสารคดีและแอนิเมชั่นให้ตรง กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับ ก๊าซชีวภาพ เป็นพลังงานทดแทนที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยประเทศในการลดการนำเข้าก๊าซ LPG อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีโทษหรืออันตรายเช่นเดียวกัน หากผู้ผลิตหรือผู้ใช้ไม่มีความรู้ ความเข้าใจในการผลิตและการใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น การจัดงานสัมมนาแนวทางการพัฒนาสื่อ โครงการรณรงค์ความปลอดภัยจากการผลิตและใช้ก๊าซชีวภาพ "ไบโอแก๊สเซฟตี้” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการเผยแพร่ข้อมูลด้านก๊าซชีวภาพ พร้อมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการผลิตและใช้เทคโนโลยีแก๊สชีวภาพอย่างถูกต้องและความปลอดภัย เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต รวมถึงเป็นการรวบรวมข้อมูลจากการสัมมนาไปประกอบใช้ในการผลิตสื่อประชา สัมพันธ์ต่อไป

งานสัมมนาแนวทางการพัฒนาสื่อ โครงการรณรงค์ความปลอดภัยจากการผลิตและใช้ก๊าซชีวภาพ "ไบโอแก๊สเซฟตี้” นี้ จะมีการจัดจนครบทุกภาค ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่นและนครราชสีมา โดยยังเหลืออีก 2 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรีและกระบี่ ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในกลางเดือนมิถุนายน2556 นี้ 

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา นำนิสิตใหม่ กว่า 3 พันคน กราบสักการะย่าโมและรับโอวาทจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล


วันนี้ (22 พ.ค. 56) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีกล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นิสิตนักศึกษาใหม่ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา จำนวน ทั้งสิ้น 3,381 คน ที่เข้าร่วมในพิธีกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเนื่องในโอกาสที่เป็น นิสิตใหม่เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ตามโครงการมหาวิทยาลัยจรรโลงวัฒนธรรม ไปลา มาไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจแก่นักศึกษาใหม่

ด้านศาสตราจารย์ ดร ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรีสุรนารี (มทส.) กล่าวว่า สำหรับในปีการศึกษา 2556 ทางมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาใหม่ระดับปริญญาตรี รุ่นที่ 21 จำนวน 3,381 คน ประกอบด้วย นักศึกษาโควตาจากทุกภูมิภาค 2,640 คน นักศึกษาจากการคัดเลือกผ่านระบบแอดมิชชั่นกลาง 569 คน และนักศึกษาจากการรับประเภทอื่นๆ 172 คน ทั้งนี้ เมื่อรวมนักศึกษาทุกชั้นปี มหาวิทยลัยมีนักศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 13,401 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิด โครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน พร้อมนำประชาชนกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด


ข่าวที่ 643/2556

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิด โครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน พร้อมนำประชาชนกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ในพื้นที่บ้านห้วยทราย ตำบลหนองมะนาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการร่วมกันปกป้องสถาบันและร่วมกันต่อต้านยาเสพติด ตามนโยบายโครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึก ความรู้รัก สามัคคี และสมานฉันท์ของคนในพื้นที่ ให้ส่วนราชการได้รับทราบปัญหาความต้องการที่แท้จริง เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐกับประชาชน โดยกิจกรรมภายในงานมีการทำหมันสัตว์ สาธิตการทำสบู่จากกาวไหม สร้างอาชีพจากงานหัตถกรรม และเกษตรกรรม สินค้าพื้นบ้าน และโครงงานต่างๆ จากเยาวชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภค แก่ผู้พิการ คนชรา ผู้ยากไร้ พร้อมมอบแว่นตาแก้ผู้มีปัญหาทางสายตา และมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน โดยในงานดังกล่าวได้มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานกว่า ๑,๐๐๐ คน


นางสาวอริสา เคนดา/นิสิตฝึกงาน/ข่าว/พิมพ์
ไพชยนต์ คลังสิน ตรวจทาน 22 พ.ค.56/com7 

จังหวัดนครราชสีมาจัดการประชุมวางมาตรการให้หน่วยงานในสังกัดลดใช้พลังงานอย่างจริงจังตามนโยบายของรัฐบาล

วันนี้ (22 พ.ค. 56) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานพลังงานจังหวัดนครราชสีมา จัดการประชุมซักซ้อมความเข้าใจตัวชี้วัดที่ 9 ระดับความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรการการประหยัดพลังงานของจังหวัด โดยมี ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการเปิดการประชุมพร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานราชการในสังกัด จำนวน 283 หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ช่วยกันประหยัดพลังงานตามนโยบายของ รัฐบาล สำหรับการประชุมซักซ้อมความเข้าใจตัวชี้วัดที่ 9 ระดับความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรการการประหยัดพลังงานของจังหวัด จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานภูมิภาคได้รับทราบและเข้าใจในการ ปฏิบัติตามมาตรการลดใช้พลังงานในภาครัฐและตระหนักถึงบทบาทหน้าที่การเป็นผู้ นำภาคส่วนอื่นๆในจังหวัดเพื่อลดใช้พลังงานอย่างจริงจัง

มหาสารคาม เปิดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา


จังหวัดมหาสารคาม เปิดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก ประจำปี 2556 ที่วัดมหาชัย พระอารามหลวง

(22-05-56) สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ คณะสงฆ์จังหวัดมหาสารคาม จัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก ประจำปี 2556 ที่วัดมหาชัย พระอารามหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่โรงเรียน สถานศึกษา ที่ส่งนักเรียน นักศึกษา และนิสิต หมุนเวียนเข้าร่วมกิจกรรมตลอดสัปดาห์ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สถาบันการพลศึกษา อาชีวะศึกษา วิทยาลัยเทคนิค โรงเรียนมหาสารคามพิทยาคม ผดุงนารี มหาวิชานุกูล อนุบาลมหาสารคาม หลักเมืองมหาสารคาม เทศบาลบูรพาพิยาคาร และวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม

นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม ได้กำหนดจัดกิจกรรมวันวิสาขบูชาในระหว่างวันที่ 18 – 24 พฤษภาคม 2556 โดยมีการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชา ในทุกวัดทั่วทั้งจังหวัด จำนวน 958 วัด สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด จำนวน 53 แห่ง และมีพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานสงฆ์ ซึ่งมีกิจกรรมประกอบด้วย การรณรงค์ให้พุทธศาสนิกชนแต่งกายด้วยชุดขาว การทำบุญตักบาตร การฟังธรรม การถือศีลปฏิบัติธรรม และพิธีเวียนเทียนตามวัดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้นำหลักธรรม คำสอน ของพระพุทธศาสนา ไปปฏิบัติ อันจะนำสู่ความสงบสุขทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว และสังคม


                                                    ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว / ภาพ 

รองผู้ว่าฯสารคามเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญตักบาตรวันวิสาขบูชา


รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เชิญร่วมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก ซึ่งจังหวัดมหาสารคาม กำหนดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ที่วัดมหาชัย พระอารามหลวง วันที่ 24 พฤษภาคม นี้

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับคณะสงฆ์ กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก ประจำปี พ.ศ. 2556 โดยได้มีการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน เข้าร่วมกิจกรรมในวัดทุกวัด และยังได้กำหนดกิจกรรมหลักที่วัดของเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ทุกอำเภอ ระหว่างวันที่ 18-24 พฤษภาคม 2556 ซึ่งในวันที่ 24 พฤษภาคม ตรงกับวันวิสาขบูชา จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับอำเภอเมืองมหาสารคาม ได้จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 30 รูป ที่วัดมหาชัย พระอารามหลวง โดยเริ่มเวลา 07.00 น.

จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไป ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ในครั้งนี้ พร้อมร่วมปฏิบัติธรรมและเวียนเทียนเนื่องในวันสำคัญดังกล่าว โดยพร้อมเพรียงกัน


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

กกท. , นักกีฬา และสื่อมวลชน ชมมหาสารคามจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ได้ดีและประทับใจ


สรุปผลการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่ง ชาติ ครั้งที่ 29 มหาสารคามเกมส์ ทั้ง กกท. , นักกีฬา , เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ชมมหาสารคามจัดได้ดี ประทับใจ ใช้งบการจัดการแข่งขันเพียง 49 ล้านบาทเศษ

22-5-56 ในการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรคการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 "มหาสารคามเกมส์” ที่จังหวัดมหาสารคามได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 18 – 29 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานการประชุม มีคณะกรรมการ และเลขาฯ , คณะกรรมการจัดการแข่งขันฝ่ายต่างๆ ทั้ง 23 ฝ่าย เข้าประชุม เพื่อสรุปผลการดำเนินงาน , การใช้จ่ายงบประมาณ , ปัญหาอุปสรรค , ข้อเสนอแนะจากการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา ให้ที่ประชุมได้รับทราบ

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการรายงานของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบ พบว่าส่วนใหญ่ต่างชมเชย การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ของจังหวัดมหาสารคามว่า ทำได้ดีกว่าจังหวัดใหญ่ๆ หลายจังหวัด เป็นที่ประทับใจของทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) , นักกีฬา , เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ จากส่วนกลางที่เดินทางมารายงานข่าวการแข่งขันตลอดทั้ง 12 วัน โดยเฉพาะการมอบให้สถาบันการศึกษา โรงเรียนต่างๆ รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จน กกท.จะนำรูปแบบของจังหวัดมหาสารคามไปเป็นแบบอย่างให้จังหวัดอื่นๆ ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งต่อๆ ไป ในด้านงบประมาณ ฝ่ายงบประมาณได้สรุปค่าใช้จ่ายจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ ใช้งบประมาณ ทั้งสิ้นประมาณ 49,803,677 บาท และคงมีงบประมาณเหลือจากการแข่งขันอีกประมาณ 8,014,326 บาท ซึ่งจังหวัดจะหารือคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ โดยคาดว่าจะนำเงินที่เหลือไปเป็นกองทุนในการพัฒนาการกีฬาของจังหวัดต่อไป


สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/พิมพ์

ปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่มหาสารคามพบมีฝนเล็กน้อย-ปานกลาง


ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานผลการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน-12 พฤษภาคม รวม 21.75 ชั่วโมง พบมีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 6 วัน

นายปิยะพัทธ์ โมวพรหมานุช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รายงานผลการปฏิบัติการฝนหลวงของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น นครราชสีมาและอุบลราชธานี ที่ได้บินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำให้ กับอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ของจังหวัดมหาสารคาม ในช่วงระหว่างวันที่ 29 เมษายน-12 พฤษภาคม 2556 ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัย เชียงยืน นาดูน นาเชือก วาปีปทุม ยางสีสุราช ชื่นชม แกดำ กันทรวิชัย กุดรัง และบรบือ รวมปฏิบัติการฝนหลวงในครั้งนี้ จำนวน 8 วัน 15 เที่ยวบิน 21.75 ชั่วโมง โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงมีฝนตกเล็กน้อย ถึงปานกลาง ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 6 วัน

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบ จากสภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดมหาสารคาม จะได้ติดตามและประสานกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่นอย่างใกล้ชิดในการให้ความช่วยเหลือต่อไป


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สภ.เมือง มหาสารคามจับกุมหนุ่มวัย 19 ปี ข่มขืนนักร้องสาว


ชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม จับกุมผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเรานักร้องสถานบริการชื่อดัง โดยใช้ผ้าอ้อมลูกชายวัย 9 ขวบ ปิดบังใบหน้าแต่ไม่รอดถูกจับกุมได้

เวลา 10.00 น. วันนี้ ( 22 พ.ค. 56) พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว. มหาสารคาม พ.ต.อ.ชัยญัติ สายถิ่น รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.อุดมศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.ท.ทรงฤทธิ์ เวียงบาล สว.สส.ฯ พ.ต.ท.โอฬาร สีตะปัน สวป.ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม แถลงข่าวจับกุมตัว นายกิตติ หรือแมน ศรีสมบัติ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 246 ม.3 บ้าน ท่าประทาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย พร้อมของกลางคือรถจักรยานยนต์แบบหญิง ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน , หมวกนิรภัยครึ่งใบ สีน้ำเงิน-ขาว จำนวน 1 ใบ , เสื้อยึดแขนยาวสีน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว , กางเกงขาสั้นผ้าร่ม สีชมพู-ดำ จำนวน 1 ตัว และผ้าอ้อมเด็กสีขาว จำนวน 1 ผืน

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 03.00–04.00 น.ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2556 ได้รับแจ้งจากน.ส.เอ นามสมมุติ ซึ่งทำงานเป็นนักร้องที่สถานบริการชื่อดังแห่งหนึ่ง ในเขตตำบลเกิ้ง อำเภอเมืองมหาสารคาม แจ้งว่าขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ กลับจากที่ทำงานหลังจากเลิกงานเพื่อจะกลับที่พัก ซึ่งขณะขับรถจักรยานยนต์มาตามถนนถึงบริเวณหลังวัดปัจฉิมทัศน์ ถ.มหาชัยดำริห์ เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ได้มีผู้ชายรูปท้วม ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดัดแปลงท่อไอเสียเสียงดัง ใช้ผ้าอ้อมเด็กสีขาวปิดบังใบหน้า พร้อมสวมหมวกกันน็อค ขับปาดหน้าตน ขู่บังคับให้ตนลงจากรถ และบังคับให้ตนขึ้นนั่งรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุ โดยให้นั่งด้านหน้าผู้ก่อเหตุ แล้วพาตนไปข่มขืนที่บ้านพักร้างริมถนน ทางไปบ้านวังยาว ต.เกิ้ง จนสำเร็จความใคร่ จำนวน 2 ครั้ง

โดยภายหลังหลังจากรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ออกสืบสวนหาข่าวจากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตำหนิรูปพรรณ ร่องรอยการสักลายตามลำตัวผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งพบนายกิตติ หรือแมน ที่บริเวณ ซ.22 ถ.ศรีมหาสารคาม เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 เวลา 17.00 น. จึงนำตัวมาสืบสวนขยายผล โดยนายกิตติ ผู้ต้องหารับว่ามีอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกดินได้ค่าแรงวันละ 300 บาท และไม่พอเลี้ยงลูกชายวัย 9 ขวบ จึงใช้เวลากลางคืนออกหาเหยื่อที่เป็นหญิงสาวหวังชิงทรัพย์ ซึ่งจะใช้ผ้าอ้อมลูกชาย ปิดบังใบหน้า และสวมหมวกกันน็อคทับอีกครั้ง ส่วนรายนี้เห็นเหยื่อรูปร่างหน้าตาดี จึงเกิดอารมณ์ทางเพศพาไปข่มขืนดังกล่าว และเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง ร.ต.ท.สุริยัน คำสอน พนักงานสอบสวนสภ.เมืองมหาสารคาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว. มหาสารคาม กล่าวว่า จากลักษณะการก่อเหตุผู้ต้องหาจะจอดรถจักรยานยนต์ซุ่มอยู่บริเวณริมถนนตามที่ เปลี่ยวในเวลากลางคืน เมื่อพบผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาว ขับรถจักรยานยนต์ ผ่านมา ก็จะขับรถตามประกบ ปาดหน้า บังคับให้หยุด แล้วบังคับขึ้นรถพาไปข่มขืน คาดว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ผู้ใดที่เคยถูกคนร้ายกระทำล่วงละเมิดในลักษณะนี้ และไม่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ ให้มาชี้ยืนยันตัวผู้ต้องหา และแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว ขอบคุณข้อมูลข่าว
James Cable TV

แหล่งน้ำในจังหวัดมหาสารคามเริ่มเสื่อมโทรม วอนเร่งบำบัดน้ำเสีย ลดการใช้สารเคมีภาคการเกษตร


สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 ออกตรวจสอบคุณภาพน้ำผิวดินที่จังหวัดมหาสารคาม พบแหล่งน้ำคุณภาพเริ่มเสื่อมโทรถึงเสื่อมโทรมมาก โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมือง บรบือ และโกสุมพิสัย เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน รณรงค์ให้ความรู้ในการใช้สารเคมีแก่เกษตร

นายธวัช ปทุมพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่ได้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำสายหลัก ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม 2556 จำนวน 2 ลำน้ำ ได้แก่ แม่น้ำชี แม่น้ำเสียว และลำน้ำพรม รวม 5 จุด ผลการติดตามตรวจสอบพบว่า คุณภาพน้ำในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 20 คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ 60 และคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก ร้อยละ 20 ซึ่งแหล่งน้ำคุณภาพที่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมถึงเสื่อมโทรมมาก ได้แก่ แม่น้ำชีบริเวณวัดวารินทราวาส ตำบลท่าตูม อำเภอเมือง พบค่าออกซิเจนละลายน้ำ 1.9 มิลลิกรัม/ลิตร จัดอยู่ในแหล่งน้ำประเภทที่ 5 คือ แหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภท และสามารถเป็นประโยชน์เพื่อการคมนาคม แหล่งน้ำบริเวณสะพานใกล้วัดบ้านดินดำ ตำบลเกิ้ง อำเภอเมือง พบความสกปรกในรูป BOD มีค่า 3.55 มิลลิกรัม/ลิตร จัดอยู่ในแหล่งน้ำประเภทที่ 4 คือแหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภท และสามารถเป็นประโยชน์เพื่อการอุปโภค บริโภคและการอุตสาหกรรม แหล่งน้ำบริเวณสะพานบ้านคุ้มใต้ ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย พบความสกปรกในรูป BOD มีค่า 2.28 มิลลิกรัม/ลิตร จัดอยู่ในแหล่งน้ำประเภทที่ 4 และแม่น้ำเสียว บริเวณฝายห้วยเสียว ตำบลบรบือ อำเภอบรบือ พบความสกปรกในรูป BOD มีค่า 3.10 มิลลิกรัม/ลิตร จัดอยู่ในแหล่งน้ำประเภทที่ 4

ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 จังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการป้องกันและแก้ไขเพื่อปรับสภาพแหล่งน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีคุณภาพดี ทางจังหวัดมหาสารคาม จะต้องมีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้คำปรึกษา ดำเนินการป้องกันและแก้ไขด้วยการ ให้มีการบำบัดน้ำเสียชุมชน ตั้งแต่ต้นจากครัวเรือน สถานประกอบการ ร้านอาหารหรือติดตั้งบ่อดักไขมันก่อนการระบายสู่แหล่งน้ำ พร้อมทั้งรณรงค์ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการใช้สารเคมีทางการเกษตรแก่เกษตร เพื่อร่วมกันรักษาสภาพแหล่งน้ำดังกล่าวให้มีคุณภาพต่อไป




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สคบ.ระบุ ร้านทองต้องจัดทำฉลากสินค้าทองรูปพรรณให้ถูกต้องตามกฎหมาย


สคบ. ออกประกาศให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าควบคุมฉลาก ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ได้ออกประกาศฉบับที่ 6 (พ.ศ.2544) เรื่อง ให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าควบคุมฉลาก และประกาศฉบับที่ 13 (พ.ศ.2556) เรื่อง ให้ทองรูปพรรษเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ฉบับที่ 2 ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจร้านทองจะต้องจัดทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียดคือ จะต้องระบุชื่อประเภท หรือชนิดของสินค้า เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหู จะต้องระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย ติดไว้ภายในร้านในที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ระบุน้ำหนักทองรูปพรรษ โดยมีหน่วยเป็นกรัม (1 บาท จะหนัก 15.16 กรัม) ระบุปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณ เช่น 96.5% ,99.99% ,18k , 24k และระบุราคา ที่หมายถึงค่าแรงหรือค่ากำเหน็จ ราคาทองในแต่ละวันและราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ตามที่สมาคมผู้ค้าทองคำประกาศ โดยติดไว้ที่หน้าร้าน หรือภายในร้านในที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ประกอบธุรกิจร้านทองไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือมีการฝ่าฝืน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

หม่อมราชวงศ์ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติร่วมกับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

หม่อมราชวงศ์นำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แห่งประเทศไทย (ผรท.) ปลูก ป่าเฉลิมพระเกียรติ ที่บ้านน้อมเกล้า อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านน้อมเกล้า ต.บุ่งค้า จ.ยโสธร หม่อมราชวงศ์จิราคม กิตติยากรณ์ เดินทางลงพื้นที่เป็นประธาน นำนักเรียนโรงเรียนบ้านบุ่งค้า พร้อมกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แห่งประเทศไทย (ผรท.) กลุ่มที่ 3 บัญชี 3 โดยมีนายสว่าง วงศ์กระโซ่ เป็นประธานกลุ่ม ร่วมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว /สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ / สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองศ์ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้คนไทย ได้สำนึกและเทิดทูนสถาบันชาติ/ศาสนา/พระมหากษัตริย์ โดยพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกในวันนี้ เป็นไม้ยืนต้น เช่น ประดู่/ สักทอง/ ยางนา จำนวนกว่า 1,000 ต้น ซึ่งกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แห่งประเทศไทย (ผรท.) กลุ่มที่ 3 บัญชี 3 ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมปลูกป่ามาตลอดทุกปี หม่อมราชวงศ์จิราคม กิตติยากรณ์ กล่าวกับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติ มาร่วมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ขออำนาจพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว /สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว ที่ได้มาร่วมปลูกป่าในครั้งนี้ มีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป

มูลนิธิบุญโกศล ประกาศรับสมัครงาน จำนวน 2 อัตรา ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2556


พระครูวิมลบุญโกศล เจ้าอาวาสวัดวิมลนิวาส ประธานกรรมการมูลนิธิบุญโกศล มีความประสงค์รับสมัครงาน ตำแหน่ง ผู้จัดการ และพนักงานขาย รวม 2 อัตรา ทำหน้าที่ บริหาร ดูแลขายสินค้า ประจำร้านค้าสวัสดิการวัดวิมลนิวาส ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ตำแหน่งผู้จัดการ 1 ตำแหน่ง พนักงานขาย1 ตำแหน่ง

ผู้สนใจสมัครและยื่นใบสมัครงานด้วยตนเองที่ มูลนิธิบุญโกศล วัดวิมลนิวาส อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ตั้งแต่วันที่ 20-22 พฤษภาคม 2556 เวลา 09.00 – 15.00 น. โดยจะทำการสอบสัมภาษณ์ผู้สมัครงานในวันเดียวกันที่ยื่นใบสมัคร ประกาศผลการคัดเลือก ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 โดยปิดประกาศไว้ ณ มูลนิธิบุญโกศล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 089-0219634 083-1490008


พัชรินทร์ ภูมิพัฒน์/ข่าว
กมลพร คำนึง/บรรณาธิการข่าว
 22 พ.ค. 56

ชาวศรีสะเกษ ร่วมปลูกป่าและปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ เฉลิมพระเกียรติ พร้อมประกาศเขตพื้นที่อภัยทานรักษาพันธ์ป่า และธรรมชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา


นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 พ.ค.56 ที่บริเวณดอนมะเขือ บ.หนองคำ ม. 9 ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายพยม ธารีชาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ตามโครงการ "ประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยต่อป่าไม้ของเมืองไทย โดยมีนายนคร ทองปัญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำคำ พร้อมด้วยส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวศรีสะเกษ ร่วมปลูกป่าในครั้งนี้

ในโอกาสเดียวกันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ ตามโครงการ "อบจ.ศรีสะเกษ ร้อยดวงใจ รวมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม” เพื่อสงวนพื้นที่ไว้ให้เป็นที่อยู่อาศัยที่ขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำอันเป็น ห่วงโซ่อาหารที่สำคัญ และประกาศให้บริเวณหนองน้ำร่องคำแห่งนี้ เป็นเขตพื้นที่อภัยทาน ห้ามยิงนก ห้ามจับปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ

นายพยม กล่าวว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสนองพระเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรม ราชินีนาถ ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และน้ำ ให้กับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ อันจะอำนวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต รณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้พี่น้องประชาชนการรักษาทรัพยากร ป่าไม้และน้ำ ให้คงอยู่สืบไป

จังหวัดสระแก้วเปิดเมืองผีเสื้อแห่งป่าตะวันออกต้อนรับนักท่องเที่ยวในงาน“เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา” ครั้งที่ 9 ตื่นตากับแมลงปีกสวยนับแสนโบยบินทั่วอุทยานฯ ตั้งแต่มิถุนายน – กรกฎาคม นี้


เมื่อเช้า 22 พ.ค. 56 ณ บริเวณลานบ้านพักอุทยานปางสีดาจังหวัดสระแก้ว สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วร่วมกับ สนง.ท่องเที่ยวและกีฬา อุทยานแห่งชาติปางสีดา และสมาคมรักษปางสีดาจัดงานจัดแถลงข่าวเปิดงาน เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ครั้งที่ 9 ประจำปี 2556 โดย นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผจว.สระแก้ว และผู้ร่วมแถลงข่าวอีก 4 ท่าน ซึ่งเทศกาลผีเสื้อปางสีดาจะมีพิธีเปิดในวันที่ 8 มิ.ย.  2556 นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมผีเสื้อได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงปลายเดือนกรกฎาคม 2556

นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้ว เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางธรรมชาติ โบราณสถาน วัฒนธรรมประเพณี และแหล่งช็อปปิ้งสินค้ามือสองอย่าง ตลาดโรงเกลือ ในส่วนกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไปเป็นอย่างดี ได้แก่ การดูผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ การสำรวจของนักดูผีเสื้อระยะเวลา
10 ปีพบผีเสื้อปางสีดามากกว่า 450 ชนิดและมีปริมาณมาก จึงได้รับการยอมรับจากนักดูผีเสื้อว่าเป็น "เมืองผีเสื้อแห่งป่าตะวันออกซึ่งเสน่ห์ของผีเสื้อที่ปางสีดา คือ "พบเห็นได้ง่าย มีจำนวนมาก หลากชนิดโดยเฉพาะช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน ช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไปจะพบผีเสื้อนานาชนิด หลากสีสัน บินโฉบเฉี่ยวไปมาทั่วอุทยานฯ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ จึงเหมาะที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมกับแมลงปีกสวย และเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อในธรรมชาติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวอีกว่า ปี 2556 จังหวัดสระแก้ว องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว อุทยานแห่งชาติปางสีดา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก และสมาคมรักษ์ปางสีดา จัดงาน " เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ครั้งที่ 9 ” ขึ้น ในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2556 ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อ.เมือง จ.สระแก้ว มีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือ วันที่ 7 มิถุนายน เวลา 8.00-12.00 น. ประกวดหุ่นผีเสื้อและขบวนแห่หุ่นผีเสื้อ ที่ตัวเมืองสระแก้ว ตั้งแต่ตลาดสมบูรณ์โชคเมืองแก้วมาตามถนนสุวรรณศรผ่านตลาดตระกูลสุข ถึงลานหน้า อบจ.(หลังเก่า) วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน เวลา 5.00 น. แข่งขันเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ มินิมาราธอน ครั้งที่ 2 (จากอุทยานฯปางสีดา - บ้านคลองน้ำเขียว - อุทยานฯปางสีดา) และร่วมพิธีเปิดเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ในเวลา 8.00 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 56 กิจกรรมแข่งขันจักรยานเสือภูเขาพิชิตจุดชมวิวปางสีดา ระยะทาง 25 กม. และในช่วงการจัดงานเดือนมิถุนายนถึงกรกฏาคม นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายภาพผีเสื้อส่งเข้าประกวดภาพถ่ายผีเสื้อปางสีดา ชิงเงินรางวัลและโล่ห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มูลค่า 35,000 บาท

จึงขอเชิญชวนให้เดินทางมาชมความงามของผีเสื้อ ร่วมกิจกรรมต่างๆ และท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้วได้ในช่วงการจัดงานเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดาที่จะถึงนี้

ประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่1/2556

สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียง สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 3 กรมทรัพยากรน้ำ จัดประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียง ครั้งที่ 1/2556 เพื่อพิจาณาและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในพื้นที่

ที่โรงแรมนภาลัย วันนี้ (22 พ.ค. 56) นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 1 ประจำปี 255 6 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการและพัฒนาลุ่ม น้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรอบแผนบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำโขงแบบบูรณราการ ปีงบประมาณ 2557 และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน กิจกรรมของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเพื่อความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนการทำงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในการประชุมครั้งนี้มีการนำเสนอความกว้าหน้าโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ หนองหานกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ แผนงาน/โครงการบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำโขงแบบบูรณราการที่ได้รับการจัด สรรงบ ปีงบประมาณ 2556 แผนงาน/โครงการบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำโขงแบบบูรณราการที่ขอรับ ปีงบประมาณ 2557 การดำเนินกิจกรรมของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงส่วนที่ 2 และส่วนที่3 ปีงบประมาณ 2555 การดำเนินงานโครงการจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรแบบบูรณาการระ ดบจังหวัด โดยผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผน กรมทรัพยากรน้ำ พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณากรอบแผนยุทธศษสตร์การบริหารจัดการ และพัฒนาลุ่มน้ำแบบบูรณาการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย


ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

โครงการอาหารปลอดภัยปลอดโรคในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเครือข่ายบริการที่ 8

สำนักงานเขตพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 8 จัดแถลงข่าวและเปิดการอบรมผู้เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานอาหาร ปลอดภัยในโรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อกว้าสู่การเป็นโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านอาหารปลอดภัย

ที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เช้าวันนี้ ( 22 พ.ค.56 ) ดร.นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง สาธารณสุขนิเทศก์ กระทรวงสาธารณสุขเขตพื้นที่บริการที่ 8 พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ท้องถิ่นจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา ร่วมกันแถลงข่าวโครงการอาหารปลอดภัย ปลอดโรค ในโรงเรียนและศูนย์พันาเด็กเล็ก เครือข่ายบริการที่ 8 โดยมีสื่อมวลชนในพื้นที่ร่วมฟังการแถลงข่าว พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีการอบรมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานอาหารปลอดภัย ปลอดโรคในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงเรียน เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และผู้สังเกตการณ์ในเขตเครือข่ายบริหารสุขภาพที่ 8 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดอุดธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม บึงกาฬ รวม 300 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เกี่ยวข้อง และร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงานอาหารปลอดภัย ปลอดโรค ในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และพัฒนาให้เป็นต้นแบบด้านอาหารปลอดภัยปลอดโรค โดยรูปแบบการอบรมในครั้งนี้เป็นการบรรยาย อภิปราย สาธิต การฝึกปฏิบัติ และการนำเสนอ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการจัดนิทรรศการ ซึ่งได้รับกานสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย

ทั้งนี้จากข้อมูลระบาดวิทยาของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า การระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่สำคัญคือโรอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ พบมากในกลุ่มประชากร อายุระหว่า 0-4 ปี และ 5-9 ปี มีอัตราการป่วยสูงกว่ากลุ่มวัยอื่น ในขณะที่จังหวัดอุดรธานี เป็น 1 ใน 9 จังหวัดนำร่องดำเนินงานโครงการอาหารปลอดภัย ปลอดโรคในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อให้มีการสร้างโมเดลแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องในระดับพื้นที่ พร้อมหาแนวทางในการดำเนินงาน สอบสวนโรค การประเมินความเสี่ยง และการบริหารจัดการด้านอาหารปลอดภัยในโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนื่องจากเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องตลอดปี เพราะการแพร่ระบาดเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จึงขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดูแลด้านสุขภิบาล สุขลักษณะของโรงอาหาร ความปลอดภัยในการปรุงประกอบอาหาร โรงเรือน วัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบ ตัวผู้ปรุงต้องสะอาด ที่สำคัญควรเลือกประกอบอาหารที่สุกใหม่ให้เด็กรับประทาน ไม่ควรปรุงอาหารทิ้งไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง เพราะเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียทีทำให้อาหารบูดเสีย เกิดโรงอาหารเป็นพิษต่อเด็ก รวมทั้งต้องดูแลสุขภาพเด็กด้วยการให้ล้างมือก่อนกินอาหาร การจัดบริการส้วมที่ถูกสุขลักษระเพื่อความปลอดภัยและห่างไกลจากโรค


ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

ผต.มท.ตรวจราชการที่จังหวัดอุดรธานี

ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเขตตรวจราชการที่ 10 และ 14 พร้อมคณะผู้ตรวจราชการกรมในสังกัด ตรวจติดตามงานนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยที่จังหวัดอุดรธานี

ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี วันนี้ ( 22 พ.ค.56 ) นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับและร่วมประชุมกับนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเขตตรวจราชการที่ 10และ 14 พร้อมคณะผู้ตรวจราชการกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ร่วมเดินทางมาตรวจราชการ ในครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้ที่จังหวัดอุดรธานี ร่วมประชุม

สำหรับประเด็นการตรวจราชการในครั้งนี้ประกอบด้วยเรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและการจัดระเบียนสังคม นโยบายลดอบายมุขสร้างสุขให้สังคมและการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ประชาชนถูกกลุ่มผู้ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้แพงและเป็นแก็งค์รังควานข่มขู่ ลูกหนี้ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/2556 การบูรณาการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและกองทุนอื่นๆสนับสนุน OTOP การวางผังเมืองเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน และการแก้ไขปัญหาผังเมืองรวมหมดอายุ การเร่งรัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนที่และทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับกลุ่มจังหวัด ระดับจังหวัด ระดับอำเภอประจำปีงบประมาณ 2556 และการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างที่ดินเป็นสาธารณะเช่น ถนน สะพาน สะพานแขวนข้ามแม่น้ำฯลฯที่ชำรุด การติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การเร่งรัดกรณีที่นายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม


ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

เครือข่ายองค์กรประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเพื่อสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ปี 56

ที่ทำการปกครองจังหวัดอุดรธานี ฝ่ายความมั่นคง จัดอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายองค์กรประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยา เสพติด เพื่อสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ประจำปี 2556 รุ่นที่ 2

ที่ห้องดาวลดา โรงแรมอุดรโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธายนี นายสาโรช แสงอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายองค์กรประสานพลัง แผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เพื่อสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชน ประจำปี 2556 รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นการจัดอบรมให้กับเครือข่ายองค์กรประสานพลังแผ่นดินใน10 อำเภอของจังหวัดอุดรธานี อาทิ อำเภอบ้านผือ เพ็ญ น้ำโสม กุดจับ หนองวัซซอ หนองแสง นายูง ประจักษ์ศิลปาคม โนนสะอาด และอำเภอเมืองอุดรธานี รวม 250 คน

นายพงสิทธิ์ เปรยะโพธิเดชะ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากวาระแห่งชาติ เป็นวาระแห่งภูมิภาค ที่ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 154/2554 ลงวันที่ 9 กันยายน 2554 เรื่องยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติคำสั่งศูนย์อำนวยการพลัง แผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติที่ 1/2554 เรื่องแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ.2555 และคำสั่งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติที่ 23/2555 เรื่องปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปี 2556 ซึ่งกำหนดแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้กลยุทธ์ 7 แผน งานหลัก

โดยแผนงานที่ 1แผนการสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด กำหนดให้มีการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ทั่วประเทศ เพื่อป้องกัน เฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจ จากประชาชน ในหมู่บ้าน เพื่อเป็นพลังแผ่นดินทำหน้าที่ขับเคลื่อนร่วมกับกลไกลภาครัฐ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้สามารถลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินแห่งชาติ กำหนดให้มีการจัดตั้งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ผู้ประสานพลังแผ่นดิน 25 ตาสับปะรดและมีศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดหมู่บ้าน ( ศพส.ม.) เป็นคณะทำงานเพื่อเป็นพลังแผ่นดินในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกระตุ้น ส่งเสริม และเน้นย้ำยุทธศาสตร์ แนวทาง การดำเนินงาน อีกทั้งเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ด้านวิชาการและเสริมสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับผู้ปฏิบัติงานในหมู่บ้าน /ชุมชน ได้มีความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน /ชุมชน มีความชัดเจน เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

นายสาโรช แสงอรุณ กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดยืนยันสถานการณ์การแพร่ระบาด ของยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ในปี 2555 มีประมาณ 65,000 หมู่บ้าน/ชุมชน มีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1.2 ล้านคน จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนในพื้นที่และผู้ประสานพลังแผ่นดิน 25 ตาสับปะรด ที่มีการจัดตั้งไว้ในทุกหมู่บ้าน/ชุมชนต้องเร่งขับเคลื่อนการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยต้องสร้างความตระหนัก และบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ อย่างมองว่ายาเสพติดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ให้มองว่ายาเสพติดเป็นภัยร้ายบ่อนทำลายประชาชน และประเทศชาติ ต้องช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ ป้องกันลูกหลานให้ห่างไกลยาเสพติด และปราบปรามให้หมดไปจากหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง


ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

จังหวัดอุบลราชธานี จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ครั้งที่ 3 เพื่อออกหน่วยให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหา ดิน พืช และปศุสัตว์ ให้ประชาชน ในพื้นที่อำเภอโพธิ์ไทร


วันนี้ (22 พ.ค 56 ) ณ สนามกีฬาโรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร อำเภอเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ครั้งที่ 3 การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และร่วมแสดงความจงรักภักดีในวโรกาสอันเป็นมิ่งมงคลวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตร สามารถเข้าถึงการบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรแบบครบวงจร

"โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เป็นวิธีการดำเนินการที่สามารถทำให้การบริการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการ เกษตรแก่เกษตรกรบรรลุผลสำเร็จเป็นการปฏิบัติงานเชิงรุก ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวด เร็วทั่วถึงครบถ้วนทุกด้าน โดยมีการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กว่า 90 หน่วยงาน ออกหน่วยจัดนิทรรศการ และให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง ดิน น้ำ สหกรณ์ บัญชี และกฎหมาย พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือในการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยดิน ทำให้เกษตรกรสามารถเข้ารับบริการทุกด้าน ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การจัดงานในครั้งนี้ มีประชาชน และเกษตรกรให้ความสนใจ ร่วมงานประมาณ 1 พัน คน
 

จักรกฤษณ์ มาลาสาย /ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
22พ.ค.56