"หวย" ที่ประชาชนในสมัยนั้นเล่นกัน คือ หวย ก.ข. ก็เกิดขึ้นของหวยประเภทนี้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น ดังปรากฏในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า
มูลเหตุที่จะตั้งอากรหวยขึ้นในประเทศไทยนั้น มีในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้ดังนี้ว่า "เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จฯพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีเถาะ (พ.ศ. 2374) น้ำมาก เมื่อปีมะโรง (พ.ศ. 2375) น้ำน้อยข้าวแพง ต้องซื้อข้างต่างประเทศเข้ามาจ่ายขาย คนก็ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ต้องมารับจ้างทำงานคิดเอาข้าวเป็นค่าจ้างเจ้าภาษีนายอากรก็ไม่มีเงินจะส่ง ต้องเอาสินค้าใช้เงินค่าหลวง ที่สุดคนจีนผูกปี้ก็ไม่มีเงินจะให้ ต้องเข้ามารับงานในกรุงฯ จึงทรงพระราชดำริแคลงไปว่า เงินตราบัว เงินตราครุฑ เงินตราปราสาท (คือเงินบาทพดด้วงที่ทำเมื่อในรัชกาลที่ 1-2-3 ) ได้ทำใช้ออกไปมาก หายไปเสียหมด ทรงสงสัยว่าคนจะเอาเงินไปซื้อฝิ่นมาเก็บไว้ขายในนี้ จึงโปรดให้จับฝิ่นเผาฝิ่นเสียเป็นอันมาก ตัวเงินก็ไม่มีขึ้นมา และจีนหงพระศรีชัยบาล (ตำแหน่งเป็นนายอากรสุรา เรียกกันว่า เจ๊สัวหง) จึงกราบทูลว่าเงินนั้นตกไปอยู่ที่ราษฎรเก็บฝังดินไว้มากไม่เอาออกใช้ ถ้าอย่างนี้ที่เมืองจีนตั้งหวยขึ้นจึงมีเงินมา จึงโปรดฯ ให้จีนหงตั้งหวยขึ้น ดังนี้ และมีในจดหมายเหตุอีกแห่งหนึ่ง (นายกล่ำ กล่าวในกลอนเพลงยาวกำเนิดหวย) ว่าเจ๊สัวหงแรกออกหวยเมื่อเดือนยี่ ปีมะแม ก็ต้องกระแสพระราชนิพนธ์ จึงยุติได้เป็นแน่ว่า การเล่นหวยแรกมีขึ้นในเมืองไทในรัชกาลที่ 3 เมื่อปีมะแม จุลศักราช 1197 ตรงกับ พ.ศ. 2378
เมื่อแรกเจ๊สัวหงทำอากรนั้น โรงหวยตั้งอยู่ในกำแพงเมืองใกล้สะพานหัน (ภายหลังย้ายโรงหวยมาตั้งอยู่ริมสะพานข้ามคลองหลอดเหนือประตูสามยอด) ออกหวยเวลาเช้าวันละครั้ง ต่อมาไม่ช้าพระศรีวิโรจน์ดิศ เห็นเจ๊สัวหงมีกำไร จึงกราบบังคมทูลขอตั้งหวยอีกโรงหนึ่ง อยู่บางลำภู (บน) ออกหวยเวลาค่ำวันละครั้ง หวยจึงมีเป็น 2 โรง เรียกว่าโรงเช้าโรงหนึ่ง โรงค่ำโรงหนึ่ง ต่อมาหวยโรงพระศรีวิโรจน์ทำการไม่เรียบร้อย ที่สุดอากรหวยจึงไปรวมอยู่ที่โรงเจ๊สัวหงแห่งเดียว เป็นต้น เหตุที่จะออกหวยเป็น 2 เวลา และคงเรียกตามมูลเหตุเดิมว่าหวยโรงเช้าเวลาหนึ่ง หวยโรงค่ำเวลาหนึ่ง มาจนกระทั่งเลิกอากรหวย
เมื่อแรกจะเกิดหวยขึ้นในเมืองจีน มีผู้เอาชื่อคนมาตั้งเป็นตัวหวย 34 ตัว ครั้นต่อมามีผู้คิดเพิ่มเติมหวยขึ้นอีก 2 ตัว เมื่อแรกหวยมีเข้ามาในเมืองไทย จึงมีจำนวนหวยเป็น 36 ตัวด้วยกัน และหวย 36 ตัวนั้น ในเมืองจีนเขาเรียกตามชื่อคนที่สมมติเอามาเป็นตัวหวย ที่โรงหวยทำเป็นฉากเขียนเครื่องหมายไว้หลายอย่าง เพื่อจะให้คนแทงรู้จักตัวหวย คือ
เขียนภาพรูปคนซึ่งสมมติเป็นตัวหวยอย่างหนึ่ง
เขียนหนังสือจีนกำกับรูปภาพ บอกชื่อคนที่เป็นตัวหวยอย่างหนึ่ง
เขียนรูปสัตว์อันสมมติว่า เป็นชาติก่อนของคนที่เป็นตัวหวยกำกับไว้ให้เป็นที่สังเกตด้วยอีกอย่างหนึ่ง
แต่เมื่อเอาหวยเข้ามาเล่นในเมืองไทย ไทยอ่านหนังสือจีนไม่ออก และพูดจีนไม่ได้ เห็นแต่ฉากรูปหวยก็รู้ไม่ได้ว่าเป็นตัวไหนๆ เจ๊สัวหง จึงคิดอ่านเอาตัวอักษรไทยเข้าหมายกำกับเพื่อให้ไทยรู้จักตัวหวย ดังนี้คือ
อักษร ก หมายตัวอุปราช ชื่อสามหวย ชาติเป็นชะนี
อักษร ข หมายตัวนายทหาร ชื่อง่วยโป๊ ชาติเป็นเต่า
อักษร ฃ หมายตัวขุนนางผู้ใหญ่ที่จอหงวน ชื่อเจียมกาย ชาติเป็นปลา
อักษร ค หมายตัวผู้หญิงชาวตลาด 2 คน ชื่อหะตั๋ง ชาติเป็นหอยแครง
อักษร ฅ หมายตัวภรรยาเจ้าเมือง ชื่อเม่งจู ชาติเป็นตัวตะเพียน
อักษร ฆ หมายตัวหลวงจีน ชื่อยิคซัว ชาติเป็นไก่
อักษร ง หมายตัวนายทหารโจร ชื่อจีเกา ชาติเป็นสิงโต
อักษร จ หมายตัวนางชี ชื่ออันสือ ชาติเป็นแมวป่า
อักษร ฉ หมายตัวคนฆ่าหมูชาย ชื่อจีติด ชาติเป็นแมวลาย
อักษร ช หมายตัวพลเมือง ชื่อฮกซุน ชาติเป็นสุนัข
อักษร ซ หมายตัวคนโซ ชื่อแซหงวน ชาติเป็นไก่
อักษร ฌ หมายตัวขุนนาง ชื่อฮวยกัว ชาติเป็นไก่ฟ้า
อักษร ญ หมายตัวคนใช้ของเจ้าเมือง ชื่อย่องเซ็ง ชาติเป็นห่าน
อักษร ด หมายตัวหลวงจีนเป็นที่ปรึกษา ชื่อกวางเหม็ง ชาติเป็นม้า
อักษร ต หมายตัวคนแจวเรือจ้าง ชื่อปิดติด ชาติเป็นหมู
อักษร ถ หมายตัวขุนนาง ชื่อพันกุ้ย ชาติเป็นหอยสังข์
อักษร ท หมายตัวนางงาม ชื่อเซียงเจียว ชาติเป็นนกอีแอ่น
อักษร ธ หมายตัวเจ้าเมือง ชื่อไท้เผ็ง ชาติเป็นมังกร
อักษร น หมายตัวหลวงจีน ชื่อเทียนสิน ชาติเป็นปู
อักษร บ หมายตัวหลวงจีน ชื่อแจหลี ชาติเป็นตะพาบน้ำ
อักษร ป หมายตัวพลเมือง ชื่อกังสือ ชาติเป็นงู
อักษร ผ หมายตัวคนตกเบ็ด ชื่ออิวหลี ชาติเป็นเหยี่ยว
อักษร ฝ หมายตัวคนโซ ชื่อง่วนกุ้ย ชาติเป็นกุ้งฝอย
อักษร พ หมายตัวคนโซ ชื่อกิดปี้น ชาติเป็นแกะ
อักษร ฟ หมายตัวลูกเขยเจ้าเมือง ชื่อเกากัว ชาติเป็นกา
อักษร ภ หมายตัวโจรที่เป็นแม่ทัพ ชื่อคุนซัว ชาติเป็นเสือ
อักษร ม หมายตัวขุนนางนายทหาร ชื่อหุนหัน ชาติเป็นควาย
อักษร ย หมายตัวขุนนาง ชื่อฮ่องซุน ชาติเป็นนกยูง
อักษร ร หมายตัวน้องสาวเจ้าเมือง ชื่อกิมเง็ก ชาติเป็นผีเสื้อ
อักษร ล หมายตัวหลวงจีน ชื่อเทียนเหลียง ชาติเป็นปลาไหล
อักษร ว หมายตัวหลวงจีน ชื่อแซหุน ชาติเป็นนกกระสา
อักษร ส หมายตัวขุนนาง ชื่อฮะไฮ้ ชาติเป็นกบ
อักษร ห หมายตัวคนขายถ่าน ชื่อบ้องหลิม ชาติเป็นผึ้ง
อักษร ฬ หมายตัวคนโซ ชื่อง่วนกิด ชาติเป็นเนื้อทราย
อักษร อ หมายตัวนักเรียน ชื่อบ้วนกิ่ม ชาติเป็นงูดิน
อักษร ฮ หมายตัวขุนนางนายทหารรักษาด่าน ชื่อเจี๊ยสูน ชาติเป็นหมูป่า
เพราะเหตุที่อาศัยอักษรไทยเข้ากำกับดังนี้ รัฐบาลจึงเรียกว่า "อากรหวย ก.ข." และพวกไทยที่เล่นหวยจึงมักเรียกตัวหวยด้วยชื่อตัวอักษรและชื่อจีนกำกับกัน ดังเช่นว่า "กอสามหวย ของ่ายโป๊ สอฮะไฮ้" เป็นต้น บางตัวก็เอาคำไทยใช้แทนชื่อจีน เช่นว่า "จอนางชี ฉอขายหมู ตอเรือจ้าง" บางตัวก็เอาภาษาไทยเข้าแทนทีเดียว ดังเช่น "ผอผี ฝอฝน ฟอไฟ" ฉะนี้ก็มี แต่ส่วนจีนถึงจีนในเมืองไทยนี้เขาเรียกชื่อตัวหวยแต่ตามภาษาจีนว่า "สามหวย" และ "ง่วยโป๊" เป็นต้น หารได้เรียกตัวอักษรไทยด้วยไม่
การเล่นหวย ก.ข. ซึ่งพระครูกัลยาณานุกูล (เฮง อิฏฐาจาโร) รวบรวม และเรียบเรียงขึ้นมานั้นกล่าวไว้ว่า
"อนึ่งเมื่อแรกเอาหวยเข้ามาเล่นในเมืองนี้ เล่นเต็มตามแบบจีนคือในหวย 36 ตัวนั้น ถ้าออกตัวใดแล้วต้องเว้นหวยตัวนั้น และตัวอื่นที่มีชื่อพ้องกันเสีย 3 วัน จึงจะเอากลับออกได้อีก จะยกตัวอย่างดังออกตัว บ. แจหลี ต้องเว้นตัว บ. แจหลี ตัว ผ. อิวหลี จะออกภายใน 3 วันไม่ได้ ฉะนี้เป็นต้น เล่ากันว่าเมื่อหวยยังมี 2 โรง เจ๊สัวหงออกตัว ง. จีเกา มีคนแทงไม่ยอมให้เงินทำนองจะหาว่าเป็นตัวพ้องกับ ฟ. เกากัว หรือ ฉ. จีติด ที่ได้ออกแล้วหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง หรือวิวาทถึงตีรันฟันแทงกับครั้งหนึ่ง ฝ่ายข้างโรงพระศรีวิโรจน์ก็เกิดเหตุด้วยเรื่องออกตัว ธ. ไท้เผ็งครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นเหตุอย่างไรหาปรากฎไม่ถึงรัฐบาลต้องว่ากล่าวจึงตกลงลดตัวหวยเสีย 2 คงให้มีแต่ 34 ตัว แต่ยอมให้ออกติดต่อกันได้ ไม่ต้องเว้น 3 วันตามแบบจีน จึงได้ยกตัว ง. จีเกา และตัว ธ. ไท้เผ็ง อันเป็นตัวเกิดความเสีย ไม่ได้ออกแต่นั้นมา"
การเล่นหวยของผู้คนในสมัยนั้น ก็ไม่ต่างไปจากปัจจุบันนัก คือคิดจะแทงให้ถูกว่าหวยออกตัวใดแล้วดักแทงตัวนั้นการคิดจะหาจึงสอดส่องมองหานักเล่นในยุคนั้นบางคนใช้วิธีเดาใจขุนบาล (ผู้ได้เป็นอากรหวย มีบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนบานเบิกบุรีรัตน์" คนทั้งหลายจึงพากันเรียกนายอากรหวยว่า "ขุนบาล") ว่าจะออกตัวใด บางคนถามขุนบาลดื้อๆ ว่าจะออกตัวใด ขุนบาลถูกถามบ่อยครั้งคงรำคาญจึงจ้างคนคิดใบ้หวยลวงบอกไว้ที่หน้าโรงหวยทุกวัน มีบ้างที่ขุนบาลถูกผู้ที่ใกล้ชิดถามก็อดบอกไม่ได้ไปแทงหวยกันถูกก็มี กระทั่งบางคนไปบนบานขอหวยต่อวัตถุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือบุคคลที่นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ก็มี แม้แต่พระพุทธรูป หรือต้นไม้ก็มีคนไปอธิฐานขัดถูรอยตัวหวย เผื่อจะผุดโผล่มาให้บ้าง
มูลเหตุที่จะตั้งอากรหวยขึ้นในประเทศไทยนั้น มีในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้ดังนี้ว่า "เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จฯพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีเถาะ (พ.ศ. 2374) น้ำมาก เมื่อปีมะโรง (พ.ศ. 2375) น้ำน้อยข้าวแพง ต้องซื้อข้างต่างประเทศเข้ามาจ่ายขาย คนก็ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ต้องมารับจ้างทำงานคิดเอาข้าวเป็นค่าจ้างเจ้าภาษีนายอากรก็ไม่มีเงินจะส่ง ต้องเอาสินค้าใช้เงินค่าหลวง ที่สุดคนจีนผูกปี้ก็ไม่มีเงินจะให้ ต้องเข้ามารับงานในกรุงฯ จึงทรงพระราชดำริแคลงไปว่า เงินตราบัว เงินตราครุฑ เงินตราปราสาท (คือเงินบาทพดด้วงที่ทำเมื่อในรัชกาลที่ 1-2-3 ) ได้ทำใช้ออกไปมาก หายไปเสียหมด ทรงสงสัยว่าคนจะเอาเงินไปซื้อฝิ่นมาเก็บไว้ขายในนี้ จึงโปรดให้จับฝิ่นเผาฝิ่นเสียเป็นอันมาก ตัวเงินก็ไม่มีขึ้นมา และจีนหงพระศรีชัยบาล (ตำแหน่งเป็นนายอากรสุรา เรียกกันว่า เจ๊สัวหง) จึงกราบทูลว่าเงินนั้นตกไปอยู่ที่ราษฎรเก็บฝังดินไว้มากไม่เอาออกใช้ ถ้าอย่างนี้ที่เมืองจีนตั้งหวยขึ้นจึงมีเงินมา จึงโปรดฯ ให้จีนหงตั้งหวยขึ้น ดังนี้ และมีในจดหมายเหตุอีกแห่งหนึ่ง (นายกล่ำ กล่าวในกลอนเพลงยาวกำเนิดหวย) ว่าเจ๊สัวหงแรกออกหวยเมื่อเดือนยี่ ปีมะแม ก็ต้องกระแสพระราชนิพนธ์ จึงยุติได้เป็นแน่ว่า การเล่นหวยแรกมีขึ้นในเมืองไทในรัชกาลที่ 3 เมื่อปีมะแม จุลศักราช 1197 ตรงกับ พ.ศ. 2378
เมื่อแรกเจ๊สัวหงทำอากรนั้น โรงหวยตั้งอยู่ในกำแพงเมืองใกล้สะพานหัน (ภายหลังย้ายโรงหวยมาตั้งอยู่ริมสะพานข้ามคลองหลอดเหนือประตูสามยอด) ออกหวยเวลาเช้าวันละครั้ง ต่อมาไม่ช้าพระศรีวิโรจน์ดิศ เห็นเจ๊สัวหงมีกำไร จึงกราบบังคมทูลขอตั้งหวยอีกโรงหนึ่ง อยู่บางลำภู (บน) ออกหวยเวลาค่ำวันละครั้ง หวยจึงมีเป็น 2 โรง เรียกว่าโรงเช้าโรงหนึ่ง โรงค่ำโรงหนึ่ง ต่อมาหวยโรงพระศรีวิโรจน์ทำการไม่เรียบร้อย ที่สุดอากรหวยจึงไปรวมอยู่ที่โรงเจ๊สัวหงแห่งเดียว เป็นต้น เหตุที่จะออกหวยเป็น 2 เวลา และคงเรียกตามมูลเหตุเดิมว่าหวยโรงเช้าเวลาหนึ่ง หวยโรงค่ำเวลาหนึ่ง มาจนกระทั่งเลิกอากรหวย
เมื่อแรกจะเกิดหวยขึ้นในเมืองจีน มีผู้เอาชื่อคนมาตั้งเป็นตัวหวย 34 ตัว ครั้นต่อมามีผู้คิดเพิ่มเติมหวยขึ้นอีก 2 ตัว เมื่อแรกหวยมีเข้ามาในเมืองไทย จึงมีจำนวนหวยเป็น 36 ตัวด้วยกัน และหวย 36 ตัวนั้น ในเมืองจีนเขาเรียกตามชื่อคนที่สมมติเอามาเป็นตัวหวย ที่โรงหวยทำเป็นฉากเขียนเครื่องหมายไว้หลายอย่าง เพื่อจะให้คนแทงรู้จักตัวหวย คือ
เขียนภาพรูปคนซึ่งสมมติเป็นตัวหวยอย่างหนึ่ง
เขียนหนังสือจีนกำกับรูปภาพ บอกชื่อคนที่เป็นตัวหวยอย่างหนึ่ง
เขียนรูปสัตว์อันสมมติว่า เป็นชาติก่อนของคนที่เป็นตัวหวยกำกับไว้ให้เป็นที่สังเกตด้วยอีกอย่างหนึ่ง
แต่เมื่อเอาหวยเข้ามาเล่นในเมืองไทย ไทยอ่านหนังสือจีนไม่ออก และพูดจีนไม่ได้ เห็นแต่ฉากรูปหวยก็รู้ไม่ได้ว่าเป็นตัวไหนๆ เจ๊สัวหง จึงคิดอ่านเอาตัวอักษรไทยเข้าหมายกำกับเพื่อให้ไทยรู้จักตัวหวย ดังนี้คือ
อักษร ก หมายตัวอุปราช ชื่อสามหวย ชาติเป็นชะนี
อักษร ข หมายตัวนายทหาร ชื่อง่วยโป๊ ชาติเป็นเต่า
อักษร ฃ หมายตัวขุนนางผู้ใหญ่ที่จอหงวน ชื่อเจียมกาย ชาติเป็นปลา
อักษร ค หมายตัวผู้หญิงชาวตลาด 2 คน ชื่อหะตั๋ง ชาติเป็นหอยแครง
อักษร ฅ หมายตัวภรรยาเจ้าเมือง ชื่อเม่งจู ชาติเป็นตัวตะเพียน
อักษร ฆ หมายตัวหลวงจีน ชื่อยิคซัว ชาติเป็นไก่
อักษร ง หมายตัวนายทหารโจร ชื่อจีเกา ชาติเป็นสิงโต
อักษร จ หมายตัวนางชี ชื่ออันสือ ชาติเป็นแมวป่า
อักษร ฉ หมายตัวคนฆ่าหมูชาย ชื่อจีติด ชาติเป็นแมวลาย
อักษร ช หมายตัวพลเมือง ชื่อฮกซุน ชาติเป็นสุนัข
อักษร ซ หมายตัวคนโซ ชื่อแซหงวน ชาติเป็นไก่
อักษร ฌ หมายตัวขุนนาง ชื่อฮวยกัว ชาติเป็นไก่ฟ้า
อักษร ญ หมายตัวคนใช้ของเจ้าเมือง ชื่อย่องเซ็ง ชาติเป็นห่าน
อักษร ด หมายตัวหลวงจีนเป็นที่ปรึกษา ชื่อกวางเหม็ง ชาติเป็นม้า
อักษร ต หมายตัวคนแจวเรือจ้าง ชื่อปิดติด ชาติเป็นหมู
อักษร ถ หมายตัวขุนนาง ชื่อพันกุ้ย ชาติเป็นหอยสังข์
อักษร ท หมายตัวนางงาม ชื่อเซียงเจียว ชาติเป็นนกอีแอ่น
อักษร ธ หมายตัวเจ้าเมือง ชื่อไท้เผ็ง ชาติเป็นมังกร
อักษร น หมายตัวหลวงจีน ชื่อเทียนสิน ชาติเป็นปู
อักษร บ หมายตัวหลวงจีน ชื่อแจหลี ชาติเป็นตะพาบน้ำ
อักษร ป หมายตัวพลเมือง ชื่อกังสือ ชาติเป็นงู
อักษร ผ หมายตัวคนตกเบ็ด ชื่ออิวหลี ชาติเป็นเหยี่ยว
อักษร ฝ หมายตัวคนโซ ชื่อง่วนกุ้ย ชาติเป็นกุ้งฝอย
อักษร พ หมายตัวคนโซ ชื่อกิดปี้น ชาติเป็นแกะ
อักษร ฟ หมายตัวลูกเขยเจ้าเมือง ชื่อเกากัว ชาติเป็นกา
อักษร ภ หมายตัวโจรที่เป็นแม่ทัพ ชื่อคุนซัว ชาติเป็นเสือ
อักษร ม หมายตัวขุนนางนายทหาร ชื่อหุนหัน ชาติเป็นควาย
อักษร ย หมายตัวขุนนาง ชื่อฮ่องซุน ชาติเป็นนกยูง
อักษร ร หมายตัวน้องสาวเจ้าเมือง ชื่อกิมเง็ก ชาติเป็นผีเสื้อ
อักษร ล หมายตัวหลวงจีน ชื่อเทียนเหลียง ชาติเป็นปลาไหล
อักษร ว หมายตัวหลวงจีน ชื่อแซหุน ชาติเป็นนกกระสา
อักษร ส หมายตัวขุนนาง ชื่อฮะไฮ้ ชาติเป็นกบ
อักษร ห หมายตัวคนขายถ่าน ชื่อบ้องหลิม ชาติเป็นผึ้ง
อักษร ฬ หมายตัวคนโซ ชื่อง่วนกิด ชาติเป็นเนื้อทราย
อักษร อ หมายตัวนักเรียน ชื่อบ้วนกิ่ม ชาติเป็นงูดิน
อักษร ฮ หมายตัวขุนนางนายทหารรักษาด่าน ชื่อเจี๊ยสูน ชาติเป็นหมูป่า
เพราะเหตุที่อาศัยอักษรไทยเข้ากำกับดังนี้ รัฐบาลจึงเรียกว่า "อากรหวย ก.ข." และพวกไทยที่เล่นหวยจึงมักเรียกตัวหวยด้วยชื่อตัวอักษรและชื่อจีนกำกับกัน ดังเช่นว่า "กอสามหวย ของ่ายโป๊ สอฮะไฮ้" เป็นต้น บางตัวก็เอาคำไทยใช้แทนชื่อจีน เช่นว่า "จอนางชี ฉอขายหมู ตอเรือจ้าง" บางตัวก็เอาภาษาไทยเข้าแทนทีเดียว ดังเช่น "ผอผี ฝอฝน ฟอไฟ" ฉะนี้ก็มี แต่ส่วนจีนถึงจีนในเมืองไทยนี้เขาเรียกชื่อตัวหวยแต่ตามภาษาจีนว่า "สามหวย" และ "ง่วยโป๊" เป็นต้น หารได้เรียกตัวอักษรไทยด้วยไม่
การเล่นหวย ก.ข. ซึ่งพระครูกัลยาณานุกูล (เฮง อิฏฐาจาโร) รวบรวม และเรียบเรียงขึ้นมานั้นกล่าวไว้ว่า
"อนึ่งเมื่อแรกเอาหวยเข้ามาเล่นในเมืองนี้ เล่นเต็มตามแบบจีนคือในหวย 36 ตัวนั้น ถ้าออกตัวใดแล้วต้องเว้นหวยตัวนั้น และตัวอื่นที่มีชื่อพ้องกันเสีย 3 วัน จึงจะเอากลับออกได้อีก จะยกตัวอย่างดังออกตัว บ. แจหลี ต้องเว้นตัว บ. แจหลี ตัว ผ. อิวหลี จะออกภายใน 3 วันไม่ได้ ฉะนี้เป็นต้น เล่ากันว่าเมื่อหวยยังมี 2 โรง เจ๊สัวหงออกตัว ง. จีเกา มีคนแทงไม่ยอมให้เงินทำนองจะหาว่าเป็นตัวพ้องกับ ฟ. เกากัว หรือ ฉ. จีติด ที่ได้ออกแล้วหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง หรือวิวาทถึงตีรันฟันแทงกับครั้งหนึ่ง ฝ่ายข้างโรงพระศรีวิโรจน์ก็เกิดเหตุด้วยเรื่องออกตัว ธ. ไท้เผ็งครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นเหตุอย่างไรหาปรากฎไม่ถึงรัฐบาลต้องว่ากล่าวจึงตกลงลดตัวหวยเสีย 2 คงให้มีแต่ 34 ตัว แต่ยอมให้ออกติดต่อกันได้ ไม่ต้องเว้น 3 วันตามแบบจีน จึงได้ยกตัว ง. จีเกา และตัว ธ. ไท้เผ็ง อันเป็นตัวเกิดความเสีย ไม่ได้ออกแต่นั้นมา"
การเล่นหวยของผู้คนในสมัยนั้น ก็ไม่ต่างไปจากปัจจุบันนัก คือคิดจะแทงให้ถูกว่าหวยออกตัวใดแล้วดักแทงตัวนั้นการคิดจะหาจึงสอดส่องมองหานักเล่นในยุคนั้นบางคนใช้วิธีเดาใจขุนบาล (ผู้ได้เป็นอากรหวย มีบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนบานเบิกบุรีรัตน์" คนทั้งหลายจึงพากันเรียกนายอากรหวยว่า "ขุนบาล") ว่าจะออกตัวใด บางคนถามขุนบาลดื้อๆ ว่าจะออกตัวใด ขุนบาลถูกถามบ่อยครั้งคงรำคาญจึงจ้างคนคิดใบ้หวยลวงบอกไว้ที่หน้าโรงหวยทุกวัน มีบ้างที่ขุนบาลถูกผู้ที่ใกล้ชิดถามก็อดบอกไม่ได้ไปแทงหวยกันถูกก็มี กระทั่งบางคนไปบนบานขอหวยต่อวัตถุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือบุคคลที่นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ก็มี แม้แต่พระพุทธรูป หรือต้นไม้ก็มีคนไปอธิฐานขัดถูรอยตัวหวย เผื่อจะผุดโผล่มาให้บ้าง