วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ศาลเยาวชนและครอบครัวยโสธรทำบุญฉลองสร้างหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์

ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยโสธรจัดพิธีฉลองสมโภชน์พุทธาภิเษก หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ 

ที่บริเวณศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดยโสธร นายประวัติ  ถีถะแก้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกิจกรรม ทำบุญตักบาตร ในพิธีฉลองสมโภชน์พุทธาภิเษก หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์    ด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดยโสธร และชาวยโสธรได้สร้างพระพุทธสิริสัตตราช  (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ )  พระพุทธรูปปางนาคปรก ขนาดหน้าตัก 39  นิ้ว สูง 3 เมตร ประทับบนแท่น   ประดิษฐานไว้ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยโสธร  เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาเป็นศิริมงคล  ดังนั้นศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดยโสธร จึงได้จัดพิธีฉลองสมโภชน์พุทธาภิเษก หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์  ในครั้งนี้  โดย นายดิเรก  อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เดินทางมาเป็นประธานในพิธี  พร้อมกันนี้ได้ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญสร้างมหากุศล สมทบทุนการก่อสร้าง หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์    ผู้ที่มีจิตศรัทรา สามารถร่วมทำบุญได้ที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยโสธร หมายเลขโทรศัพท์ 045 -711476 ต่อ 307



วรรณทอง  ภูโสภา
สปชส/ยโสธร/ภาพ/ข่าว

ร้อยเอ็ด จัดทำข้อตกลงร่วม (MOU) โครงการศูนย์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนช่วยดูแลสอดส่องเด็ก เยาวชนและการร่วมมือกลุ่มเครือข่าย ให้คำปรึกษา แนะนำเพื่อแก้ไขฟื้นฟู เด็ก เยาวชนและครอบครัว

ศาลเยาวชนและครอบครัว จัดทำข้อตกลงร่วม(MOU) โครงการศูนย์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อช่วยดูแลหรือสอดส่องเด็กประจำหมู่บ้านและโครงการประสานความร่วมมือกลุ่มเครือข่ายศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำประสานการประชุมเพื่อแก้ไข บำบัดและฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัว

เมื่อช่วงเช้าวันนี้  17  กันยายน 2556  นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการจัดทำข้อตกลงร่วม (MOU) โครงการศูนย์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อช่วยดูแลหรือสอดส่องเด็กประจำหมู่บ้านและโครงการประสานความร่วมมือกลุ่มเครือข่ายศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำประสานการประชุมเพื่อแก้ไข บำบัดและฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัว ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ศาลากลางจังหวัด   โดยได้มีการลงนามระหว่างจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ด  อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4  จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด กองพลทหารราบที่ 6  ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดร้อยเอ็ดและนายอำเภอทุกอำเภอ  ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้ชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กหรือเยาวชนในการร่วมกันสอดส่องดูแล แนะนำ แก้ไข ฟื้นฟู เด็กหรือเยาวชนที่กระทำความผิดไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำอีก

นายปกรณ์  สุวรรณพรหมา อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 กล่าวว่า เจตนารมณ์ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อ แก้ไข ฟื้นฟู เด็กหรือเยาวชนที่กระทำความผิดไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำอีก  จำต้องแก้ไข  บำบัด ฟื้นฟู ครอบคลุมปัจจัยต่างๆในลักษณะเชิงรุกและประสานเครือข่ายหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้การดูแลเด็กและเยาวชนเป็นไปอย่างครอบคลุม มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เด็กและเยาวชน ครอบครัวและสังคม ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

นายสมศักดิ์   ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เด็กหรือเยาวชนจะก้าวไปเป็นกำลังสำคัญของชาติ ในอนาคต หากประเทศใดมีเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพประเทศนั้นย่อมมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากสถิติของการกระทำความผิดของเด็กหรือเยาวชนในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและมีการกระทำผิดซ้ำนั้น  ทำให้มองเห็นถึงความล้มเหลวของสังคมไทยและการช่วยเหลือดูแลไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังขาดความร่วมมือของหน่วยงานทางสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ  แก้ไข  บำบัด ฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัวเหล่านี้ ดังนั้นทุกภาคส่วนคงต้องให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจัง

หลังจากนั้นได้ ทำข้อตกลงร่วมระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อไป







คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว
บุญมี  เพ็งรัตน์  ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117

ธกส.จัดเสวนา โครงการ”จำนำข้าวเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” ภายใต้แนวคิด”ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส”

วันนี้ 17 กันยายน 2556  เวลา 10.00 น. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรร่วมกับ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมการค้าภายใน ได้จัดเสวนา โครงการ”จำนำข้าวเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” ภายใต้แนวคิด”ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส”  ณ ตลาดแพลตตินัม อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พิธีกรดำเนินรายการโดยนายณัฐพงษ์  ธีระภัทรานนท์ บันทึกเทปการเสวนาเผยแพร่ในรายการ เวทีประชาคมเพื่อชุมชนเข้มแข็งทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) กรมประชาสัมพันธ์

การเสวนาโครงการ”จำนำข้าวเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” ภายใต้แนวคิด”ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้จัดมาแล้ว 2 ครั้ง  ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดพิจิตร มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกษตรกรได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงออกทางความคิดเห็นได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวมไปถึงได้รับความรู้จากหน่วยงานที่รับผิดชอบและมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการฯ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรโดยเฉพาะเกษตรผู้ปลูกข้าว(ชาวนา) และผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยผู้แทนจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส), ผู้แทนจากกรมส่งเสริมการเกษตร, ผู้แทนจากกรมการข้าว,ผู้แทนจากกรมการค้าภายในและผู้แทนเกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด ท่านที่สนใจสามารถติดตามรับชมบรรยากาศการเสวนา ได้ ในรายการเวทีประชาคมเพื่อชุมชนเข้มแข็ง  ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.11)

นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP, และสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจากสำนักงานการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อลดค่าครองชีพ ของเกษตรกร อีกด้วย



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117

ร้อยเอ็ดจัดงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สร้างสรรค์พลังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สร้างสรรค์พลังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้มีโอกาสได้เรียนรู้การดำเนินงานร่วมกัน

วันนี้ (17 ก.ย.56) เวลา 10.00 น. นายพศิน โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สร้างสรรค์พลังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด ณ โรงเรียนเพชรรัชต์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยคณะกรรมการรกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด ได้จัดขึ้น เพื่อให้สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้มีโอกาสได้มาเรียนรู้การดำเนินงานร่วมกันโดยนำวิธีการ รูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างกันมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อแสวงหารูปแบบวิธีการทำงานที่ดีกว้า เพื่อนำเสนอผลสำเร็จของกิจกรรม/โครงการที่สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนำเงินกองทุนใช้ประโยชน์ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ดและประชาสัมพันธ์การรับสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด

กิจกรรมในงานมีการจัดเวทีเสวนามุมมองกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การจัดเวทีประชาเสวนากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ประสบผลสำเร็จ โดยผู้นำกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบลจากอำเภอที่ประสบผลสำเร็จ และการออกร้านแสดงผลการงานของคณะกรรมการบทบาทสตรีระดับอำเภอ และระดับตำบล ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับจัดสรรเงินกองทุน จำนวน 130 ล้านบาท ได้นำไปจัดสรรเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการกู้ยืม 104 ล้านบาท จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรีเสริมสร้างการเรียนรู้ 26 ล้านบาท โดยได้ดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 สามารถช่วยเหลือการพัฒนาสตรี จำนวน 2,117 โครงการ วงเงิน 111 ล้านเศษ





วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
17 ก.ย. 56

ภรรยาผู้ว่ากาฬสินธุ์ เครียดใช้ปืนพกสั้นยิงตัวเองดับคาห้องน้ำในเกาะกลางบึงพลาญชัยจังหวัดร้อยเอ็ด

เวลา 16.20 น. วันที่ 16 ก.ย.2556  พ.ต.ท.บรรเจิด ชมภูพฤกษ์ พงส.ผนพ.สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้งมีเหตุคนยิงตั วตายภายในห้องน้ ำภายในเกาะกลางบึงพลาญชัย  จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้ วย พ.ต.อ.กิตติรัชต์ น้อยโพนทอง ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด  พ.ต.ท.ธัชพล เพ็งพี หน.งานสอบสวน   ชุดสืบสวน  แพทย์เวร และหน่วยกู้ภัย

ที่ห้องน้ำหญิงในเกาะกลางบึ งพลาญชัยด้านทิศตะวันตก พบร่างนางดวงใจ ลือชาธนานนท์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 38 / 46 ถนนสันติสุข ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ที่ พื้นตรงประตูห้องน้ำ สภาพสวมแวนสายตา มือขวากำปืนพกสั้น .38 สีดำ แบบลูกโม่ 5 นัดบรรจุกระสุนเต็ม และยิงไปแล้ว 2 นัด ข้างศพพบกระเป๋าสะพายสีน้ ำตาลตกอยู่ภายในมีบัตรอุทิศร่ างกายให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมจดหมายเขียนด้วยลายมือว่า    "รักป๊า มาก (น่าจะหมายถึงสามี) และขอโทษที่ทำอย่างนี้ ป๊าดีที่สุดในโลก แต่ตนเองสู้สภาพอาการป่วยไม่ไหว ไม่รู้เป็นโรคอะไร สมองตื้อไปหมด แขนขาไม่มีแรง ผิดปกติไปหมด  ป๊าอย่าโทษตัวเอง ม๊าไม่สู้เอง ให้ป๊าสู้ต่อไปเพื่อลูก ป๊าเป็นคนรักครอบครัว ป๊าดีที่สุดในโลก  ขอโทษที่ทำอย่างนี้”  รักป๊ามาก   นอกจากนี้ยังได้แจ้งเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถ  พร้อมเอาโฉนดบ้าน 2 หลังไว้หลังทีวี  บัตรเครติดให้ไปยกเลิก อินเตอร์เน็ตบ้านที่ขอนแก่นก์ ให้ไปยกเลิก

สอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิต เคยเป็นพนักงานธนาคารกรุ งไทยสาขาร้อยเอ็ด ปัจจุบันเป็นภรรยานายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์  บุตร 2 คนเรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเก๋ งไปจอดในเกาะกลางบึงแล้วเดินเข้ าห้องน้ำ ประชาชนที่มาออกกำลังกายได้ยิ นเสียงปืนดังขึ้นวิ่งไปดูพบว่ ายิงตัวเองเสียชีวิตดังกล่าว

สระแก้วรณรงค์ป้องกันควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออก

นายภัครธรณ์  เทียนไชย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ "รวมพลังเอาชนะไข้เลือดออก” โดยให้ทุกภาคส่วนต่อสู้กับปัญหาไข้เลือดออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้ส่วนราชการรณรงค์กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและเรียบร้อย ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย โรงเรียน วัด ค่ายทหาร สถานีขนส่ง สวนสาธารณะให้จัดกิจกรรมโดนเน้นการจำกัดขยะ ภาชนะขังน้ำที่เป็นแหล่วเพาะพันธุ์ยุงลาย

จากสถานการณ์การระบาดโรคไข้เลือดออกของประเทศไทยพบว่า ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2555 ถึง 14 สิงหาคม 2556 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 99,452 ราย เสียชีวิต 94 ราย มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ในช่วงเวลาเดียวกัน 3.1 เท่า และมีแนวโน้มจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นตลอดฤดูฝน และทางจังหวัดสระแก้วพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวน 440 ราย อัตราป่วย 80.65 ต่อแสนประชากร

จังหวัดอำนาจเจริญปล่อยพันธุ์ปลาจำนวน 1,100,000 ตัว เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันประมงแห่งชาติ

จังหวัดอำนาจเจริญร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดอำนาจเจริญ จัดพิธีปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 1,100,000 ตัว ลงในอ่างเก็บน้ำห้วยหินกอง  บ้านหินกอง หมู่ที่ 9 ตำบลนาหว้า  อำเภอปทุมราชวงศา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556

วันนี้(17 ก.ย. 56) ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยหินกอง  บ้านหินกอง หมู่ที่ 9 ตำบลนาหว้า  อำเภอปทุมราชวงศา นายวีระวัฒน์  ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธ์ปลา จำนวน  700,000ตัว ลงในอ่างเก็บน้ำห้วยหินกอง หมู่ที่ 9 ตำบลนาหว้า  อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมทั้งมอบพันธุ์ปลาให้กับผู้นำชุมชน ไปปล่อยในแหล่งน้ำอื่นๆ อีกจำนวน   400,000 ตัว ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ก็เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งจะทำให้แหล่งน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ คงความหลากหลายทางชีวภาพ และยังเป็นแหล่งอาหารสำหรับประชาชนในท้องที่ โดยในวันนี้ได้มีหัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการ  พนักงานรัฐวิสาหกิจ เหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ สมาชิก อบต.  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  นักเรียน  นักศึกษา และประชาชนทั่วไป  มาร่วมปล่อยพันธุ์ปลา เป็นจำนวนมาก สำหรับพันธุ์ปลาที่ปล่อย ประกอบด้วย  ปลายี่สกเทศ 330,000 ตัว  ปลาตะเพียนขาว 210,000 ตัว  ปลาตะเพียนทอง 10,000 ตัว  ปลาสร้อยขาว 20,000 ตัวปลาสวาย 10,000 ตัว  และปลานิลอีก จำนวน 20,000  ตัว




จรูญ  พิตะพันธ์ / ข่าว

คณะทำงาน สคบ.อุบลราชธานี ออกตรวจคลีนิกและสถานเสริมความงาม

อุบลราชธานี : ตรวจแนะนำการใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม พร้อมทั้งใบอนุญาตประกอบกิจการ การโฆษณาและอัตราค่าบริการ พร้อมให้คำแนะนำในการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมความงามโดยเน้นความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ แก่พนักงาน ในคลินิกและสถานเสริมความงานในพื้นทีอำเภอเมืองอุบลราชธานี ๑๐ แห่ง

บ่ายวานนี้ (๑๖ ก.ย.๕๖) คณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด,พาณิชย์จังหวัด,ชั่งตวงวัดจังหวัด,ขนส่งจังหวัด,ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองอุบลราชธานีและจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๒๒ ได้ออกตรวจสอบคลินิกและสถานเสริมความงามในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ย่านถนนชยางกูร,ถนนอุปราช,หน้ามหาวิทยาลันราชภัฎอุบลราชธานีและในห้างสรรพสินค้า รวม๑๐ แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบใบอนุญาตการประกอบกิจการ รายชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษาและผู้อยู่ประจำในสถานประกอบการ,มีการขายยาหรือผลิตภัณฑ์แบบแบ่งบรรจุ, การแสดงชื่อยา,การแสดงส่วนประกอบของยาหรือผลิตภัณฑ์และการใช้ข้อความโฆษณาที่ฝ่าฝืน พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๒

จากการออกตรวจแนะนำตามคลินิกและสถานเสริมความงามทั้ง ๑๐ แห่ง ไม่พบการกระทำผิด ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๒ อีกทั้งผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการและการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องแก่ผู้รับบริการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำในการใช้เครื่องมือในการรักษาหรือการเสริมความงาม โดยเน้นการรักษาความสะอาด ของอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและผู้รับบริการ






พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๑๗ ก.ย.๕๖

คลังจังหวัดสุรินทร์ อบรมเจ้าหน้าที่รัฐด้านการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

คลังจังหวัดสุรินทร์ อบรมเจ้าหน้าที่รัฐด้านการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการบริหารจัดการงบประมาณภาครัฐ กำชับความถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

วันนี้ (วันที่ 17 ก.ย.56) ที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสุรวิทยาคาร อำเภอเมืองสุรินทร์ สำนักงานคลังจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดการอบรมหลักสูตร "การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-GP แก่บุคคลากรภาครัฐที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีนางสาวนิภาพรรณ ขวัญแก้ว รักษาราชการแทนคลังจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้

ทั้งนี้การจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ " หรือ e-GP ก็เพื่อที่จะเสริมสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารจัดการด้านการพัสดุ ให้มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และ มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การดำเนินงานบริหารงานภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ก็ได้กำชับ และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการด้านการจัดซื้อจัดจ้างและงานด้านการพัสดุ ปฏิบัติงานด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ของทุกหน่วยงาน เกิดความคุ้มค่าในการบริหารจัดการ

โดยการอบรมในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการจาก 80 หน่วยงาน เข้ารับการอบรม มีวิทยากร และ เจ้าหน้าที่ จากสำนักงานคลังจังหวัดสุรินทร์ ให้การอบรมและแนะแนววิธีการปฏิบัติการบริหารจัดการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในวันนี้






ส.ปชส.สุรินทร์ กำชัย วันสุข ภาพ/ข่า

อําเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคามรณรงค์ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าควบคุมโรคไหม้ทดแทนสารเคมี

17-09-56 ที่สนามหน้าองค์การบริการส่วนตําบลศรีสุข อําเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม สํานักงานเกษตรอําเภอกันทรวิชัยร่วมกับอําเภอกันทรวิชัยจัดกิจกรรมประกาศวาระอําเภอกันทรวิชัยว่าด้วยการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าควบคุมโรคไหม้ข้าวทดแทนสารเคมี

นายแสงประทีป บุญน้อม นายอําเภอกันทรวิชัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากอําเภอกันทรวิชัยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 180,000 ไร่ ได้ประสบปัญหาโรคข้าวไหม้ระบาดเป็นประจําทุกปี ทําให้ใบไหม้ เมล็ดลีบ ผลผลิตลดลง เกษตรกรต้องซื้อสารเคมีในการป้องกันกําจัดซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้้ใช้มีฤทธิ์ตกค้างในผลผลิตและมีผลต่อสภาพแวดล้อมด้วย จึงได้ประกาศเป็นวาระอําเภอหรือเรื่องเร่งด่วนที่จะได้รับการแก้ไข ดังนั้นจึงได้รณรงค์ให้เกษตรกรหันมาใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าซึ่งเป็นเชื้อราที่มีประโยชน์ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง แต่มีคุณสมบัติพิเศษไปทําลายเชื้อราที่ทําให้เกิดโรค โดยเฉพาะโรคไหม้ข้าว สามารถผลิตขยายได้เองในระดับเกษตรกรโดยได้รับมอบหมายให้เกษตรอําเภอเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อน

ด้านนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามกล่าวเพิ่มเติมว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ให้การสนับสนุนงบประมาณโดยจัดหาหัวเชื้อพร้อมวัสดุผลิตขยายแก่ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนและได้ฝึกอบรมเกษตรกรในกรผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าจํานวนกว่า 3,000 คนเพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ประสบปัญหาโรคไหม้ข้าว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการซื้อสารเคมีกําจัดศัตรูพืช




ทัศนัย ศรีมุลตรี / รายงาน
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม

มหาสารคาม จัดงานวันประมงแห่งชาติ ปี 2556

มหาสารคามปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด กว่า 5 แสนตัว เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ

(17-09-56) นางชโนวาท ประจักษ์วงศ์ ประมงจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดมหาสารคาม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สังกัดกรมประมง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.กู่ทอง และประชาชนตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน ร่วมกันจัดกิจกรรมงานวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 ขึ้น ที่บริเวณหนองธูปครัว ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงานและมอบพันธ์ปลาน้ำจืดให้กับผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ จากนั้นร่วมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดลงสู่หนองธูปครัว จำนวน 500,100 ตัว ประกอบด้วย พันธุ์ปลายี่สก 300,000 ตัว ปลานวลจันทร์ 50,000 ตัว ปลาสร้อยขาว 50,000 ตัว ปลาบ้า 50,000 ตัว ปลากาดำ 50,000 ตัว และพันธ์ปลาสวาย 100 ตัว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้คงอยู่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นแหล่งผลิตอาหารของประชาชนในพื้นที่

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวขอความร่วมมือประชาชน ให้งดเว้นการจับสัตว์น้ำทุกชนิด ในวันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นวันประมงแห่งชาติ งดเว้นทำการประมงในช่วงฤดูปลาวางไข่ และขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของทรัพยากรสัตว์น้ำร่วมกัน ตระหนักถึงคุณค่าและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา เมื่อถึงเวลาอันควรจึงนำมาใช้ประโยชน์ และขอให้ใช้อย่างรู้คุณค่า ใช้อย่างพอดี ไม่ทำลายเผ่าพันธุ์สัตว์น้ำจนหมดสิ้น อันจะเป็นตัวอย่างที่ดีสืบไปชั่วลูกหลาน



ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ผู้ว่าฯสารคาม ให้ประชาชนติดตามข่าวอากาศอย่างใกล้ชิด ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือหากประสบภัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เตือนยังมีฝนตกในพื้นที่อีกประมาณร้อยละ 30-70 ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและท้องถิ่นเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้น

ในการจัดสภากาแฟ ที่หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม เช้านี้ (17-9-56) มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เข้าร่วม พบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวในเวทีสภากาแฟว่า ในระยะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศ โดยพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จะยังมีฝนตกอีกประมาณร้อยละ 30-70 ของพื้นที่ สำหรับประชาชนหรือเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร ในระยะนี้ขอติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่ระดับตำบล อำเภอ และจังหวัดเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสภาพอากาศดังกล่าว

สำหรับการจัดสภากาแฟ จังหวัดมหาสารคาม กำหนดจัดขึ้นเดือนละครั้ง โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในเดือนตุลาคม 2556 มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รับเป็นเจ้าภาพ




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารลงนาม ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE

ที่ห้องดุสิตา โรงแรมมุกดาหารแกรนด์ โฮเทล จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารได้มีการจัดลงนามบันทึกความเข้าใจ Memorndumof Understanding :MOU ในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดมุกดาหาร ปี 2556-2559 ซึ่งเป็นการลงนามบันทึกระหว่างผู้ว่าราชการกับส่วนราชการระดับจังหวัด โดยมีนายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่า

ราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน พร้อมด้วยหม่อมหลวงยุพดี ศิริวรรณ ที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด To Be Number one ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายของโครงการ คือ การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การพัฒนาศักยภาพของคณะกรรมการและแกนนำในชมรม To Be Number one ในชุมชน สถานศึกษาและสถานประกอบการ ดำเนินการประกวดกิจกรรม ทูบีนัมเบอร์วัน ในชุมชน และสถานประกอบกิจการระดับจังหวัด ตลอดจนให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินโครงการ To Be Number oneแก่คณะกรรมการในทุกระดับ ของจังหวัดมุกดาหาร ปี 2556-2559 ให้ประสบความสำเร็จ และเป็นจังหวัด To Be Number one ในทุกระดับ

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวว่าจังหวัดมุกดาหารได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภายใต้ วิสัยทัศน์ให้ จังหวัดมุกดาหาร เป็นจังหวัด TO BE NUMBER ONE สร้างฝันเยาวชนเป็น คนดี เก่ง สุข ไม่พึ่งยาเสพติด โดยใช้ยุทธศาสตร์หลักของโครงการทั้ง 3ด้าน เป็นเข็มมุ่งและเป็นนโยบายในการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดมุกดาหาร เพื่อให้การขับเคลื่อนและสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONEโดยมีเป้าหมาย ภายในปี 2559 จังหวัดมุกดาหาร ต้องเป็นจังหวัด To Be Number one ในทุกระดับ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สถานศึกษา ชุมชน สถานประกอบการทุกแห่ง ได้ร่วมมือดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ประสบผลสำเร็จ สามารถส่งเสริมให้เยาวชนเป็นคนดี เก่ง สุข ไม่พึ่งยาเสพติดต่อไป



พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชป.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชป.มุกดาหาร/ภาพ

ตม.มุกดาหารจับชาวเนเธอแลนด์ ใช้แผ่นปะวีซ่าปลอม

พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร ได้แถลงการ จับกุม MR.JASPERS RINZE KONELIS (นายเจสเปอร์ รินเซ่ คอเนลส์) อายุ 73 ปี ชาวเนเธอแลนด์ ถือหนังสือเดินทางใช้แผ่นปะวีซ่า หมายเลข 8486146 ซึ่งเป็นหนึ่งในแผ่นปะวีซ่า 500 แผ่น ที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือแจ้งประกาศยกเลิกแผ่นปะตรวจลงตรา หมายเลข 8486001-8486500 จำนวน 500 แผ่น เนื่องจากถูกขโมยหายไปจากสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว โดยได้จับกุมตัวนายเจสเปอร์ รินเซ่ คอเนลส์ หลังจากที่นายเจสเปอร์ ได้นำหนังสือเดินทางมายื่นแสดงกับ จนท.ตรวจคนเข้าเมืองที่ด่าน ตม.มุกดาหาร เพื่อให้ประทับตราอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ได้จ่ายเงินประมาณ 10,000 กว่าบาท ให้แก่เอเย่นต์ชายลาว ในแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อให้จัดหาแผ่นวีซ่าดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นตนไม่ได้เดินทางไปยื่นขอวีซ่า ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ทั้งนี้นายเจสเปอร์ ได้เคยใช้หนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว 2ครั้ง

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจึงแจ้งข้อหานายเจสเปอร์ ว่าใช้แผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับเดินทางระหว่างประเทศปลอม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.มุกดาหาร จะได้ทำการสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการปลอมแผ่นปะวีซ่าดังกล่าวต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชป.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชป.มุกดาหาร/ภาพ

มุกดาหาร Car Free Day ๒๐๑๓ วันปลอดรถ ลดโลกร้อน

นายนิกร เกื้อปัญญา เลขาชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพและแข่งขันจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ชมรมจักรยานจังหวัดมุกดาหารจัดกิจกรรม Car Free Day ๒๐๑๓ วันปลอดรถ ลดโลกร้อน รณรงค์ใส่ใจสุขภาพ ลดการใช้พลังงานของชาติถวายความดีเพื่อเป็น การเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ณ สนามกีฬากลางจังหวัดมุกดาหาร มีกิจกรรมมากมาย เช่น บริการตรวจเช็คซ่อมบำรุงรักษาจักรยานฟรีในเบื้องต้นให้คำแนะนะในการปรับแต่งรถจักรยานให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ (BIKE FITTING) ชมการแสดงโชว์จักรยานและทักษะการขับขี่ปลอดภัยโดยผู้ฝึกสอนนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยรวมกับชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพและแข่งขันจังหวัดมุกดาหารพร้อมจับฉลากของรางวัล จักรยานเสือภูเขาทั้งของผู้ใหญ่และเด็กฟรีจำนวน ๒ คันรับสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและการท่องเที่ยว ฟรี

ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพและแข่งขันจังหวัดมุกดาหารเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารร่วมกิจกรรม "มุกดาหาร Car Free Day ๒๐๑๓ วันปลอดรถ ลดโลกร้อน ร่วมเป็นหนึ่งในคนไทย รณรงค์ใส่ใจสุขภาพ ลดการใช้พลังงานและร่วมร้องเพลงชาติพร้อมกันทั่วประเทศ ๗๗ จังหวัด สมัครฟรีที่ ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพและแข่งขันจังหวัดมุกดาหาร สมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร ร้านมุกดาหารออโตไบค์ ร้านจักรยานนิกรไบค์ ร้านกาแฟลูกช้างขึ้นดอย บริษัท ทีโอที เบอร์โทร ๐๘๖-๙๙๔-๖๖๖๙ , ๐๘๑-๘๗๑-๔๒๕๘






สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผบ.เรือนจำกาฬสินธุ์ กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มและสร้างตาข่ายเหล็กป้องกันการโยนสิ่งผิดกฎหมายข้ามกำแพง

ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มทุกแดนช่วงตี 1-3 ทุกแดน หลังมีคนร้ายโยนยาบ้า โทรศัพท์มือถือข้ามแพงเรือนจำ และเตรียมสร้างตาข่ายลวดถาวรสกัดกั้นการโยนสิ่งของข้ามกำแพง

นายยศวัฒน์ บำเพ็ญธรรมสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายได้สิ่งผิดกฎหมาย ข้ามกำแพงเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น ขณะนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกนายที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ได้เข้มงวด กวดขัน ออกเดินตรวจตราในแดนอ่างน้ำ ล็อคเกอร์ เรือนเพาะชำ และโรงฝึกอาชีพ ที่เป็นพื้นที่ล่อแหลมในการโยนยาเสพติด ช่วงเวลา 01.00-03.00 น. ที่คนร้ายโยนสิ่งผิดกฎหมายข้ามกำแพงเรือนจำส่งให้กับผู้ต้องขัง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดกั้นได้ โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 กันยายน 2556 มีคนร้ายวัยรุ่นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้โยนรองเท้ากีฬาที่ยัดยาบ้า 335 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 15 กันยายน 2556 เจ้าหน้าที่พบหลอดยาสีฟันตกอยู่บริเวณริมอ่างน้ำ จึงเข้าตรวจสอบพบว่าข้างในบรรจุยาบ้า จำนวน 355 เม็ด ซึ่งรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวอีกว่า การสกัดกั้นป้องกันมิให้สิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด เข้าไปเรือนจำ โดยได้ทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้าออกประตูอย่างละเอียด ส่วนผู้ต้องขังที่ไปขึ้นศาลก็ต้องตรวจอย่างไม่ให้มีการนำสิ่งของติดตัวเข้าไปเรือนจำได้ ญาติที่นำอาหาร สิ่งของมาให้กับผู้ต้องขังต้องผ่านขั้นตอนการตรวจอย่างละเอียด เมื่อทางเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์วางมาตรการเข้มเป็นเรื่องยากที่จะนำสิ่งผิดกฎหมายผ่านไปได้ คนร้ายจึงใช้วิธีการโยนข้ามกำแพงเรือนจำแทน สำหรับปัญหาตาข่ายกำแพงที่ขาดชำรุดเนื่องจากใช้งานมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ประจวบเหมาะกับทางการไฟฟ้าได้ให้เรือนจำรื้อหรือขยับออกห่างจากสายไฟฟ้าแรงสูง เนื่องจากว่าเป็นอันตรายต่อสายไฟฟ้าแรงสูง จึงได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ร่างแบบเพื่อทำเป็นตาข่ายลวดถาวร โดยจะให้ช่างมาดำเนินการจัดทำโดยเร็วเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการโยนยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายข้ามกำแพงเรือนจำ




ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว
ชนะชัย ภูแสงศรี / ภาพ

จ.กาฬสินธุ์ ประชุมประเมินผลการพัฒนาองค์กรพบปัญหาเทคโนโลยีสำนักพระพุทธศาสนายังหล้าหลังพระ-เณร

วันนี้ (17 ก.ย. 56) ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมคณะทำงานด้านการพัฒนาองค์กรของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อซักซ้อมการตอบแบบสำรวจ ตามกรอบประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองปฏิบัติราชการ ประจำปี 2556 โดยมี นายเผด็ฌ โชติมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธาน

นายฤทธิรงค์ พิลาไชย หัวหน้ากลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวว่า การจัดประชุมในครั้งนี้เพื่อเป็นการประเมินว่าในรอบปี 2556 องค์กรหรือส่วนราชการ มีการพัฒนาหน่วยงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการกับประชาชน โดยเน้นใน 3 ลักษณะที่สำคัญคือ ในด้านการพัฒนาบุคลากร ถึงความรู้ ความสามารถ และความเต็มใจในการให้บริการประชาชน การพัฒนาสารสนเทศ ถึงความพร้อมในการทำงาน ความสะดวก สบาย และทันสมัยของระดับอินเตอร์เน็ต สารสนเทศต่าง ๆ และการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรถึงความผาสุก ความพึงพอใจต่อหน่วยงาน สภาพแวดล้อม และความสัมพันธ์ของคนในองค์กร

ด้านนางวาสนา วงค์แก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ได้เผยว่า การพัฒนาองค์กรของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก ระบบเทคโนโลยียังล้าหลัง ไม่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ยังเป็นรุ่นเก่า และมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ในขณะที่ข้อมูล ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นเยอะแยะ และซับซ้อนมาก การเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารบางครั้งไม่ทันเหตุการณ์ ซึ่งมองว่าระบบเทคโนโลยีของสำนักงานฯ ยังด้อยกว่าของวัดบางแห่ง หรือของพระ-เณร บางรูปด้วยซ้ำไป



สุรพล คุณภักดี รายงาน

ชุดปราบปรามขบวนการลักลอบตัดไม้พะยุงในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงจับกุมขบวนการตัดไม้พะยุงได้


เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2556 ชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการตัดไม้พยุงในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายปกครองอำเภอเวียงเก่า อำเภอภูเวียง อำเภอหนองนาคำ อำเภอชุมแพ และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของอุทยานแห่งชาติภูเวียง ที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในการป้องกันปราบปรามการลักลอบการตัดไม้พะยุงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง เพื่อให้เป็นพื้นที่นำร่องในการรักษาไม้พะยุงในผืนป่าเทือกเขาภูเวียง โดยได้ร่วมกันจับกุมขบวนการตัดไม้พะยุงครั้งนี้ได้ตัวผู้ที่ลักลอบตัดไม้พร้อมของกลางไม้พะยุง 2 ท่อนและอุปกรณ์การตัดไม้ด้วยโดยการจับกุมครั้งนี้ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายข่าวชาวบ้านในพื้นที่ที่ร่วมมือกันเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการอย่างดีซึ่งเมื่อมีการเคลื่อนไหวของขบวนการตัดไม้ก็จะได้รับแจ้งข้อมูลพิกัดอย่างถูกต้องเพราะปัจจุบันชาวบ้านก็มีโทรศัพท์มือถือในการถ่ายภาพส่งข่าวได้อย่างรวดเร็วมาเป็นเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เมื่อได้รับการแจ้งข่าวหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วชุดนี้ก็จะออกพื้นที่พร้อมอาวุธครบมือเข้าพื้นที่อย่างรวดเร็วเพื่อจับกุมขบวนการตัดไม้ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่มีเครือข่ายที่เป็นชาวบ้านผู้หลงผิดในการนำทางให้คนร้าย ซึ่งช่วงหลังๆมานี้เดือนกรกฎาคม -สิงหาคม 2556 มีการจับกุมขบวนการตัดไม้พะยุงในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงได้หลายสิบคดีของกลางไม้พะยุงหลายร้อยท่อนมูลค่านับร้อยล้านบาทส่วนใหญ่จะจับได้ของกลางไม่ได้คนทำผิด และทางเจ้าหน้าที่ได้ร้องผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในการขอรับการสนับสนุนอาวุธและเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยเพื่อให้ทันกับขบวนการที่มาลอบตัดไม้ในพื้นที่

กาชาดขอนแก่นจัดโครงการกาชาดใส่ใจเติมรักเติมใจ เชื่อมสายสัมพันธ์ที่กระนวน

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา นางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะ ดำเนินการตามโครงการกาชาดใส่ใจ เติมรัก เติมใจ เชื่อมสายสัมพันธ์ สร้างสรรค์สังคม โดยได้มอบชุดธารน้ำใจ ให้กับครูตำรวจตระเวณชายแดนและร่วมกิจกรรมเล่นเกมส์พร้อมมอบของรางวัล รวมทั้งเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้แก่เยาวชนศูนย์ฝึกอาชีพนักเรียนเก่า โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภาค ๒ ณ อาคารสมเด็จย่า บ้านจอมบึง ตำบลหัวนาคำ อำเภอกระนวน

จังหวัดขอนแก่นทำพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงในเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่มอาหารโปรตีนให้กับชาวขอนแก่นในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556

พิธีดังกล่าวจัดที่ท่าน้ำบ้านแก่งศิลา ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์โดยมีนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานเปิดงานในงานมีการแสดงของเด็กนักเรียนในพื้นที่ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมงานวันประมงแห่งชาติของจังหวัดขอนแก่นพร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็ได้มอบพันธุ์ปลาน้ำจืดให้กับตัวแทนหมู่บ้านรอบๆเขื่อนอุบลรัตน์เพื่อนำไปปล่อยในหนองน้ำสาธารณะของหมู่บ้านจากนั้นก็นำข้าราชการ ประชาชนชาวอำเภออุบลรัตน์ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวน 6 แสนตัวลงในเขื่อนอุบลรัตน์เพื่อเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มอาหารโปรตีนสำหรับผู้บริโภคด้วย สำหรับเขื่อนอุบลรัตน์เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาที่มีหลากหลายชนิดมีเนื้อที่ 256,250 ไร่ เป็นแหล่งจับปลาสร้างรายได้ให้กับชาวประมงที่อยู่รอบเขื่อนได้ปริมาณปีละ 1,300 ตันสร้างมูลค่าได้ปีละ 65 ล้านบาท โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ขอให้ชาวบ้านที่อยู่รอบๆเขื่อนอุบลรัตน์ ช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์และทำประมงให้ถูกวิธีจะได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน

ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมเปิดการสัมมนาการส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตและเกมส์เชิงบวกสำหรับเด็กและเยาวชนขอนแก่น

ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมเปิดโครงการศึกษาและพัฒนากลไกเพื่อการแก้ปัญหาเด็กติดเกมส์เชิงบวก

วันนี้ ( 17 กันยายน 2556) เวลา 10.00 น. ณ ห้องศรีจันทร์ 2 โรงแรมเจริญธานี อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น นายกฤษณพงศ์ ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง การส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตและเกมเชิงบวก สำหรับเด็กและเยาวชน ตามโครงการศึกษาและพัฒนากลไกเพื่อการแก้ปัญหาเด็กติดเกมส์เชิงบวก โดยมีนายวินับ สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารราชกระบัง จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและสถาบันครอบครัว สถานศึกษาทั่วประเทศ ให้มีการประยุกต์ใช้โปรแกรมป้องกันเด็กติดเกมส์เชิงบวก GRAMMER Guard Program ในการดูแลการใช้อินเทอร์เน็ตและเกมส์ของเด็กและเยาวชนอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการร้านอินเทอร์เน็ต พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียนนักศึกษา เด็กและเยาวชน ประชาชนและสื่อมวลชนในพื้นที่ 300 คน รับแจกโปรแกรมป้องกันเด็กติดเกมส์เชิงบวก GRAMMER Guard Programและคู่มือการใช้งาน พร้อมรับฟังบรรยายบทบาท ภารกิจ ความจำเป็นในการป้องกันแฝงที่เกิดจากอินเทอร์เน็ต เว็ปไซด์และเกมคอมพิวเตอร์ ของโรงเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน การบรรยายเรื่องเยาวชนกับการเสพสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ อินเทอร์เน็ต และเกมคอมพิวเตอร์ จากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น






ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น

รัฐบาล กำหนดชื่องานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ แล้ว

นางชนัดดา แฮร์รัส ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 รัฐบาลได้จัดงานฉลองพระชันษา โดยให้ชื่องานทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ แล้ว

รัฐบาลกำหนดจัดงานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้สมพระเกียรติ และให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน โดยให้ชื่อการจัดงานเป็นภาษาไทยว่า "งานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 3 ตุลาคม 2556” ชื่อภาษาอังกฤษว่า "The Celebration of the 100th Birthday Anniversary of His Holiness Somdet Phra Nyanasamvara the Supreme Patriarch of Thailand 3rd October 2013” มีระยะเวลาการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556

ทั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีมังคลาภิเษกเข็มที่ระลึกงานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 3 ตุลาคม 2556 ในวันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2556 เวลา 09.00 น. ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร และเข็มดังกล่าวจะมีจำหน่ายให้ประชาชนได้จัดเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ราคาเข็มละ 300 บาท ติดต่อขอซื้อได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย สำนักงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2556 เป็นต้นไป รายได้สมทบทุนมูลนิธิ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร” สอบถามได้ที่โทร 0 2281 7233 หรือ 0 2281 7224

จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกันประดับธงตราสัญลักษณ์ ซื้อเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชันษา 100 ปี ราคาเข็มละ 300 บาท เพื่อร่วมสมทบทุน "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร” โดยทั่วกัน

ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ มอบโลหิตด้วยใจ ถวายในหลวง” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2556

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน " มอบโลหิตด้วยใจ ถวายในหลวง” ที่ VARIETY HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ นครราชสีมา โดยมี นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน มีนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด และสมาชิกเหล่ากาชาดฯ ร่วมทั้งผู้บริจาคโลหิต ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 การเริ่มต้น และกล่าวว่า ด้วยหยดเลือดเพียงไม่กี่ซีซี จากการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ แห่งการให้ที่งดงาม มีคุณค่า น่าสรรเสริญ

นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าหลักการแพทย์ เขียนไว้ว่า การบริจาคโลหิต คือ การสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ เพื่อให้กับผู้ป่วย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาค ซึ่งร่างกายแต่ละคนจะมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ แต่ร่างกายใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้ โดยสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน เพราะเมื่อบริจาคโลหิตออกไปไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้น มาทดแทนให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม ถ้าไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว เพราะหมดอายุออกมาทางปัสสาวะ อุจจาระ

ส่วน โลหิตที่ได้รับบริจาค จะนั้นนำไปใช้ประโยชน์ ในการรักษาผู้เจ็บป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือจากการคลอดบุตรผิดปกติ จากอุบัติเหตุและโรคที่เกี่ยวกับโลหิตทั้งหลาย
เมื่อได้รับโลหิตจากผู้บริจาคแล้ว ก่อนนำไปจ่ายให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ต้องผ่านการตรวจตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก คือ ตรวจหาหมู่โลหิตระบบ ABO และ Rh ตรวจไวรัสตับอักเสบบี (HBs Ag)
ตรวจไวรัสตับอับเสบซี (Anti-HCV) ตรวจไวรัสโรคเอดส์ (Anti-HIV) เชื้อซิฟิลิส (Syphilis) นอกจากนี้ ยังนำโลหิตไปแยกส่วนประกอบเพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยต่อไป อีกด้วย

สวนสัตว์นครราชสีมา เชิญร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญร่วมงาน กิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ สวนสัตว์นครราชสีมา หรือ ซาฟารีอีสาน

กิจกรรมนี้กำหนดจัดในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 ตั้งแต่เวลา 10.00 เป็นต้นไป ณ สวนสัตว์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์กระตุ้นและสร้างกระแสในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เผยแพร่ความรู้จากผลงานวิจัยออกสู่สังคม สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนและสร้างรายได้ และเตรียมความพร้อมเข้าสู่เวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้กับสวนสัตว์แต่ละแห่ง ก้าวสู่ความเป็นผู้นำสวนสัตว์โลก

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสัญชัย จุลมนต์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ (ในพระบรมราชูปถัมภ์) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากองค์การสวนสัตว์และเซอร์ไพรซ์และคืนกำไรให้นักท่องเที่ยว โดยมีดารานางเอกชื่อดังจากวิก 7 สี ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม มาพร้อมกับ คณะตลก Copy Show จากรายการตี 10 ช่วงดันดารา ทางช่อง 3 ที่จะมาสร้างสีสัน ด้วยการโชว์มินิคอนเสิร์ตภายในงานซึ่งจะมีขึ้น ในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 ตั้งแต่เวลา 10.00 เป็นต้นไป ณ สวนสัตว์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา จึงขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรมนี้ โดยทั่วกัน

รอง ผวจ.นม มอบผู้โชคดีในงาน เดอะมอลล์โคราช ฉลองใหญ่ 13 ปี แห่งความสำเร็จ เคียงข้างชาวโคราช ”

นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีจับรางวัลมอบโชคแก่ผู้โชคดี ในงาน Anniversary 13 ปี " เดอะมอลล์โคราช แจกจริง ฉลองยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง 13 ปี แห่งความสำเร็จ เคียงข้างชาวโคราช ” เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 ที่บริเวณ เวทีน้ำตก บ่อปลา ชั้น 1 เดอะมอลล์นครราชสีมา โดยมี นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ สาขานครราชสีมา และ สื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน

ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล รถยนต์ MAZDA 3 รุ่น 1.6 L ( Spirit Sports ) มูลค่า 860,000 บาท ได้แก่ คุณกัญญานัฐ พัฒนกิจวิทูรย์ ที่อยู่ 71 ถ. ท้าวสุระ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

กฟผ. จัดแข่งขันอภิปราย หัวข้อ “ขยับความคิด พิชิตปัญหาพลังงานไฟฟ้าไทย” ที่นครราชสีมา

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า กฟผ. จัดแข่งขันอภิปราย ของนักเรียนในเขตอำเภอสีคิ้ว หัวข้อ "ขยับความคิด พิชิตปัญหาพลังงานไฟฟ้าไทย” เพื่อสร้างความเข้าใจปัญหาพลังงานไทยและการมีส่วนร่วมแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศในอนาคต

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา จัดแข่งขัน การอภิปรายของนักเรียนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ในหัวข้อ "ขยับความคิด พิชิตปัญหาพลังงานไฟฟ้าไทย” ตามโครงการสร้างเยาวชนเพื่อเป็นเครือข่ายการสื่อสาร ที่หอประชุมเทศบาลเมืองสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นถึงการแก้ปัญหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศอย่างสร้างสรรค์ และเข้าใจปัญหาวิกฤติของพลังงานไฟฟ้า และเพื่อให้เยาวชนได้รู้จักและเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ตลอดจนมีทักษะในการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน

กิจกรรมการแข่งขันการอภิปรายฯ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 5 ทั้งนี้ ทีมชนะเลิศในทุกระดับ จะได้รับเงินรางวัลและเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในระดับประเทศ ที่สำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556

ส่วนคณะกรรมการตัดสิน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา และผู้แทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เขต 4 นครราชสีมา สำหรับเยาวชนทุกโรงเรียนที่เข้าแข่งขันฯ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการศึกษาดูงานโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯ ในภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย ในขณะที่ทีมที่ชนะเลิศระดับประเทศในทุกระดับ จะได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนในสิ้นปีนี้

มูลนิธิ EDF รับมอบทุนการศึกษาและจักรยานยืมเรียน 2,450,000 บาท โครงการบริดจสโตน ปันน้ำใจ ปั่นไปสู่ฝัน

นายสรรเพชร นิลรัตน์ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF) ถ่ายภาพร่วมกับ นายชินอิจิ ซาโตะ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และ ดร.จรูญรัตน์ ส่งศรี (ซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานประถมศึกษาบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ในโอกาสรับมอบทุนการศึกษา 200 ทุน และจักรยานยืมเรียน 200 คัน คิดเป็นเงิน 2,450,000 บาท (สองล้านสี่แสนห้าหมื่นบาท) โครงการ บริดจสโตน ปันน้ำใจ ปั่นไปสู่ฝัน (Bridgestone Rides the Future) สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดหนองบัวลำภู

นายสรรเพชร นิลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิ EDF กล่าวว่า "มูลนิธิ EDF ขอขอบคุณ บริษัท ไทย บริดจสโตน จำกัด ที่เล็งเห็นคุณค่าการมีส่วนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย มูลนิธิได้ทำงานร่วมกันจัดกิจกรรมโครงการบริดจสโตน ปันน้ำใจ ปั่นไปสู่ฝัน (Bridgestone Rides the Future) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ปัจจุบันครอบคลุมเขตการศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด โดยมีนักเรียนได้รับทุนการศึกษาตลอดระยะเวลา 8 ปี จำนวน 2,000 ทุน และจักรยานยืมเรียนอีก 2,000 คัน คิดเป็นงบประมาณที่บริดจสโตน มอบให้กว่า 20,549,520 บาท (ยี่สิบล้านห้าแสนสี่หมื่นเก้าพันห้าร้อยยี่สิบบาท)” สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นมูลนิธิของคนไทยที่ร่วมทำงานพัฒนาการศึกษาและคุณภาพชีวิตของเยาวชนในพื้นที่ชนบทห่างไกลมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 ที่ผ่านมามูลนิธิได้มอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนไทยครอบคลุมพื้นที่ 44 จังหวัด รวมทั้งขยายความช่วยเหลือไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย และในปี พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม "องค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย” ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ จัดโดยมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ ผู้สนใจร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF โทรศัพท์ 02 579 9209-11 อีเมล์ public@edfthai.org หรือเว็บไซต์ www.edfthai.org

บึงกาฬนำ กรอ. จังหวัดบึงกาฬมาร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดอย่างจริงจัง

วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดบึงกาฬ (กรอ.จังหวัดบึงกาฬ) ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๕๖ การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ กรอ.จังหวัดบึงกาฬ เป็นกลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด รวมทั้งระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัด เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ รวมทั้งรับทราบและติดตามผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การลงทุนของจังหวัดการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานร่วมกัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ ๕ (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) โดยในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ นี้ กรมทางหลวงจะลงนามกับบริษัทเอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ (AEC) จำกัด ในวงเงิน ๔๐ ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบรายละเอียดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ ๕ โดยกำหนดเวลาการศึกษาเป็นเวลา ๑ ปี เรื่องนี้เป็นการยืนยันว่าการสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ ๕ มีแน่นนอนส่วนความคืบหน้ารายละเอียดการดำเนินงานนั้นจะนำเสนอในโอกาสต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบโครงการขยายทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๒๑๒ (ถนนโพนพิสัย – บึงกาฬ) เป็น ๔ ช่องจราจร มีทั้งสิ้น ๓ ช่วง รวมระยะทาง ๘๑.๖๗๕ กิโลเมตร วงเงินรวม ๓,๒๔๐ ล้านบาท โครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๒ (ถนนพังโคน – บึงกาฬ) เป็น ๔ ช่องจราจร ระยะทางรวม ๓๑ กิโลเมตร วงเงินรวม ๖๘๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการเสนอความต้องการเบื้องต้น กับรับทราบโครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๒ (ถนนห้วยก้านเหลือง – ดงบัง) ระยะทางรวม ๑๘.๗๘ กิโลเมตร วงเงินที่เสนอขอความต้องการ ๔๕๕
ล้านบาท

สำหรับภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ ณ เดือน กรกฎาคม ๒๕๕๖ นั้นปรากฏว่า การบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐบาล การค้าชายแดน ลดลงเป็นส่วนใหญ่ แต่การลงทุนภาคเอกชน เพิ่มขึ้นถึง ๒๐.๗๐ เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการของจังหวัด การลงทุนก็ลดลงเป็นส่วนใหญ่ถึง ๑๑.๔๒ เปอร์เซ็นต์ โดยรวมแล้วภาวะเศรษฐกิจการคลังหดตัวลง ๘.๖๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนโครงการผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดบึงกาฬนั้น อันดับหนึ่งเป็น สาขาเกษตร ร้อยละ ๓๖.๕๐ มูลค่า ๗,๙๐๓ ล้านบาท รองลงมาเป็น สาขาอุตสาหกรรม ร้อยละ ๑๕.๔๒ มูลค่า ๓,๓๓๘ ล้านบาท สาขาขายส่งขายปลีก ร้อยละ ๑๐.๕๓ มูลค่า ๒,๒๘๐ ล้านบาท สาขาก่อสร้าง ร้อยละ ๘.๖๘ มูลค่า ๑,๘๗๙ ล้านบาท และสาขาอื่นๆ เช่น การประมง เหมืองแร่ โรงแรม การศึกษา เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ ๘.๔๓ มูลค่า ๑,๘๒๖ ล้านบาท

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยอีกว่า สำหรับภาพรวมการค้าชายแดนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว บริเวณจังหวัดบึงกาฬ – เมืองปากซันนั้น เมื่อเทียบกับ ๒๕๕๕ มูลค่าการค้าลดลงตามลำดับ ทั้งนี้เป็นเพราะความไม่สะดวกในการขนถ่ายสินค้า โดยแพขนานยนต์ที่จังหวัดบึงกาฬ ประกอบกับผู้ค้าส่วนหนึ่ง ไปใช้บริการขนถ่ายสินค้าที่สะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ ๑ – ๓ ซึ่งมีความสะดวกกว่า ซึ่งจังหวัดบึงกาฬได้แก้ไขปัญหานี้ โดยขอให้ผู้ประกอบการแพขนานยนต์พัฒนาประสิทธิภาพการบริการให้รวดเร็ว ทันตามความต้องการของผู้ใช้บริการแล้ว









สปชส.บึงกาฬ ข่าว

จังหวัดบึงกาฬ ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ แก้ปัญหาข้อเรียกร้องของราษฎรในพื้นที่

วันนี้ (๑๗ ก.ย.๕๖)  เวลา ๑๐.๐๐ น.  ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ  อ.เมือง จ.บึงกาฬ  จังหวัดบึงกาฬ จัดประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) โดยมีนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุม โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม จำนวน  ๔๐ คน

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ   กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ  (กบร.) ในครั้งนี้  เป็นการประชุมชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ ของ (กบร.)จังหวัดบึงกาฬ  และมีการพิจารณาข้อร้องเรียนขอความเป็นธรรมเรื่องปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๓ กรณีด้วยกัน  คือ กรณีราษฎรบ้านภูทรายทอง ม.๑๔ ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ จำนวน ๑๖ ราย ร้องขอให้สำรวจตรวจสอบ พิสูจน์การครอบครอง และรับรองสิทธิ์ เคยเข้าอยู่อาศัยทำกินพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บริเวณดานหนามแท่ง บ้านเทพมีชัย ปี ๒๕๑๔ และถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัวผลักดันออกจากพื้นที่ทำกินตั้งแต่ปี ๒๕๑๘  มีความประสงค์ขอที่ดินทำกินคืน  กรณีที่ ๒ ราษฎรบ้านบังบาตร ม. ๗ ต.ชัยพร อ.เมือง จ.บึงกาฬ ขอให้แก้ไขปัญหาเรื่อง สิทธิครอบครองในที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๑๘ ราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธ์ไม้ป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งแต่เดิมราษฎรอ้างว่าเคยทำประโยชน์ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ป่าฯ) โดยเอาที่ดินทำกินของราษฎร ๑๘ ราย ไปดำเนินโครงการภายหลังได้ยกเลิกโครงการ ราษฎรอยากได้พื้นที่ทำกินของตนเองคืน และกรณีที่ ๓  ชาวบ้านตำบลชัยพรเคยเข้ามาทำกินในเขตป่าไม้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ ต่อมาปี ๒๕๒๗ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับไล่ออกจากพื้นที่ เพื่อปลูกสร้างสวนป่าไม้ประดู่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป) ปัจจุบันมีการปลูกไม้ยางพารา จึงมีความประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป.) ในส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการปลูกไม้ยางพาราให้ราษฎรได้อาศัยทำกิน    ทั้ง ๓ กรณี คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ ได้พิจารณาร่วมกัน ได้ข้อสรุปคือ ข้อมูลรายละเอียดยังไม่ชัดเจน ในส่วนที่เกี่ยวข้องทางภาครัฐ ต้องหารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะพิจารณาหาข้อสรุปในการประชุม (กบร.) ครั้งต่อไป

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ      กล่าวเพิ่มเติมว่า  ได้สั่งการให้นายอำเภอ ทุกอำเภอ ได้สำรวจพื้นที่ ที่มีข้อพิพาท ระหว่างราษฎร กับรัฐ  เพื่อที่จะได้พิจารณาดำเนินการแก้ไขโดยเร็วต่อไป



ส.ปชส.บึงกาฬ/ข่าว

เปิดแล้วงานแข่งขันเรือยาวประเพณีไทย-ลาว ที่บึงกาฬ

นายพงศธร สัจจวรพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิด งานแข่งขันเรือยาวประเพณีไทย-ลาว ประจำปี 2556 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พร้อมชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1,000,000 บาท เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน ส่งเสริมกีฬาทางน้ำและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น จังหวัดบึงกาฬจึงได้จัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณีเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีบ้านพี่เมืองน้องระหว่างไทย- ลาว ในวันที่ 13-15 ก.ย.56 ณ.บริเวณลำแม่น้ำโขงหน้าเทศบาลตำบลบึงกาฬเป็นจุดแข่งขัน

โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภทคือประเภททั่วไปเรือยาวใหญ่ฝีพาย 50-55 ฝีพาย ประเภทท้องถิ่นฝีพาย 50-55 ฝีพายและเรือยาวเล็กฝีพายไม่เกิน20-25 ฝีพาย ระยะทางการแข่งขัน 1,200 เมตรเรือที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯพร้อมเงินรางวัล 300,000 บาท มีเรือยาวทั้งจากประเทศ สปป.ลาวและเรือยาวชื่อดังจากภาคอีสานภาคกลาง ภาคใต้ เข้าร่วมแข่งขัน 42 ลำ ในงานมีนักร้องนักแสดงจำนวนมากมาให้ความบันเทิงแก่ผู้มาเที่ยวงานจากทั่วทั่งสารทิศทั้งชาวไทย-ชาวลาวนับแสนคนสร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอบึงกาฬไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท

จ.บึงกาฬประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด เร่งพลักดันสะพานแห่งที่ 5

จังหวัดบึงกาฬ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะอนุกรรมการร่างบันทึกข้อตกลงสำหรับการประชุม ผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ครั้งที่ 17 วันนี้ 14 กันยายน 2556 ที่หอประชุมคอนเวชั่นฮอล์ โรงแรมเดอะวัน อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในการกล่าวต้อนรับและพิธีเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการร่างบันทึกข้อตกลงสำหรับการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ครั้งที่ 17 สืบเนื่องจากการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ของกลุ่มจังหวัดที่ร่วมใช้เส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ครั้งที่ 16 ณ จังหวัดหนองคาย ราอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบหมายให้จังหวัดบึงกาฬเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อร่างบันทึกข้อตกลงสำหรับการประชุมผู้บริหารระดับสูงฯ ครั้งที่ 17 และมอบหมายให้ แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว จัดประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อร่างบันทึกข้อตกลงสำหรับการประชุมผู้บริหารระดับสูงฯ ครั้งที่ 18

สำหรับ 3 ประเทศ 9 จังหวัดประกอบด้วย ประเทศไทย มี 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดหนองคาย , สกลนคร , นครพนม และจังหวัดบึงกาฬ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มี 3 จังหวัด ได้แก่จังหวัดฮาติงห์ , เหงาะอานท์ และจังหวัดกวางบิ่ง และประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มี 2 แขวง ได้แก่แขวงบลิคำไซ และแขวงคำม่วน โดยมีวัตถุประสงค์ที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อเน้นความร่วมมือใน 3 ด้าน ได้แก่ด้านการศึกษา วัฒนธรรมและกีฬา , ด้านการค้า-การลงทุน และด้านการท่องเที่ยว พร้อมเร่งผลักดันให้เส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ให้เข้าอยู่ในกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วยข้อตกลงการขนส่งข้ามแดน(Great Mekong Sub region Cross-Bordor Transport Agreement : GMS-CBTA) เร่งดำเนินการอำนวยความสะดวกในด้านพิธีการทางศุลกากร ที่จุดผ่านแดนทุกจังหวัดและทุกแขวง ให้มีการตรวจสินค้าในครั้งเดียว (Single window inspection ) ระหว่างจังหวัดและแขวง ของ 2 ประเทศ อีกทั้งได้มีการผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ระหว่างจังหวัดบึงกาฬ-แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ที่รัฐบาลไทยและ สปป.ลาวได้รับทราบและอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการดำเนินการแล้ว

นอกจากนี้ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ไทย-ลาว-เวียดนาม ครั้งที่ 17 ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สัมมนาอนาคตการทำสวนยางพาราที่จังหวัดบึงกาฬ

วันนี้ 15 ก.ย. 56 เวลา 09.30 น. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บรรยายพิเศษ เรื่อง แนวโน้มราคายางพาราตลาดโลกหลังการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนและนโยบาย แนวทางในการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำของรัฐบาล ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์วุฒิสภา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกันจัดสัมมนาครั้งประวัติศาสตร์ของจังหวัดบึงกาฬ ในหัวข้อ "อนาคตการทำสวนยางพาราในจังหวัดบึงกาฬ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางการทำสวนยางพาราแบบประณีตในจังหวัดบึงกาฬอย่างยั่งยืน และเพื่อหาแนวทางการพัฒนาการปลูกยางพารา การดูแลรักษา การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี การปลูกพืชแซมยาง การปลูกพืชผสมผสานเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ การปลูกพืชทดแทน การเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนราคายางพารา และการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับเจ้าภาพหลักในการจัดสัมมนาครั้งนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของ พลตำรวจตรี ขจร สัยวัตร์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาการเกษตรกรรมแบบประณีต กรณีศึกษาจังหวัดบึงกาฬ และจะมีผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรผู้ปลูกยางพารากว่า 600 คน

นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดบึงกาฬ มีพื้นที่ทั้งหมด 2,690,625 ไร่ การปกครองมี 8 อำเภอ 53 ตำบล 634 หมู่บ้าน 59,703 ครัวเรือน มีเทศบาล14 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 44 แห่ง พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้าว พืชไร่ มันสำปะหลัง พืชผัก ไม้ผล ไม้ดอก ไม้ประดับ สมุนไพรและเครื่องเทศ เนื้อที่รวม 1,569,731 ไร่ พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ข้าว และปาล์มน้ำมัน สำหรับยางพารา มีพื้นที่ปลูกยางทั้งหมด 721,921 ไร่ เกษตรกร 51,181 ราย ทั้งนี้ จังหวัดบึงกาฬมีการปลูกยางพาราเป็นอาชีพตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา และขยายมากขึ้นทั้งการส่งเสริมจากรัฐบาลและทุนของตนเอง ปี 2554 ยางพารามีราคาเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกปลูก มีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 7-8 แสนไร่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกยางพารามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรส่วนใหญ่ทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว จึงไม่มีรายได้ด้านอื่นเป็นเหตุให้ต้องกรีดยางพาราก่อนอายุ ทำให้ต้นยางเสื่อมเร็ว อีกทั้งจุดอ่อนของจังหวัดบึงกาฬ คือ ชุดดินเป็นดินโพนพิสัย ที่มีหน้าดินตื้น มีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อดินน้อย ส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง ดังนั้น คุณภาพดินจึงสู้ภาคใต้ไม่ได้ ต้นยางจึงโตช้ากว่าในเรื่องพันธ์ยาง ผลงานวิจัยที่ออกมาหลักๆ คือ การวิจัยพันธุ์ยางพารา RRIM 408 สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับพอสมควร แต่ปัญหาคือ การกระจายพันธุ์ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ที่ผ่านมาการปลูกพันธุ์ RRIM 600 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ปลูกมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นการปลูกพันธุ์เดียวกันในพื้นที่เดียวกัน อาจเกิดปัญหาการอ่อนแอต่อโรคใบจุดก้างปลา และได้เริ่มต้นระบาดแล้ว

นอกจากนี้การปลูกยางพาราในจังหวัดบึงกาฬยังเกิดปัญหาอีกหลายประการ ได้แก่ ปัญหาราคาตกต่ำเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม เป็นเรื่องที่ระดับนโยบายจะต้องแก้ไขปัญหา เพราะยางพาราเป็นพืชการเมือง ราคาสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ปัญหาการกรีดยางต้นเล็ก ซึ่งเป็นอันตรายต่อต้นยางมาก จากสถิติพบว่าการกรีดยางต้นเล็กจะทำให้ต้นยางตายประมาณร้อยละ 70 นอกจากนั้นยังมีการใช้สารเคมีป้ายหน้ายางเพื่อให้น้ำยางไหล เนื่องจากผู้รับจ้างกรีดต้องการการปันผลประโยชน์ให้ได้จำนวนมาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจทำให้ต้นยางตายจำนวนมาก บางแห่งเกือบหมดสวน ปัญหายางพารารุกพื้นที่นาข้าว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เนื่องจากเกษตรกรปลูกยางพาราแล้วจะมีฐานะดีขึ้นในขณะที่ชาวนาปลูกข้าวแล้วมีแต่หนี้สิน จึงไม่สามารถห้ามเกษตรกรปลูกยางพาราในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม (นาข้าว) ได้ ดังนั้น เกษตรกรควรมีการเตรียมการเพื่อเตรียมรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงปัญหายางพาราว่า แนวทางที่รัฐบาลเตรียมไว้ก็คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของภาคเกษตรกรในการที่จะช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายเพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งมีการจ่ายเป็นเงินสดให้เกษตรกรไร่ละ 2,520 บาท ในวงเงินไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขึ้นทะเบียนเกษตรกร และเตรียมการโอนเงินเข้าธนาคาร ธกส. และเกษตรกรจะรับเงินโดยตรงจาก ธกส.ไม่ต้องผ่านคนกลางโดยให้พี่น้องเกษตรกรเปิดบัญชีธนาคาร ธกส. ส่วนขั้นตอนต่อไป คือ รัฐบาลได้เตรียมวงเงินให้กู้ยืมไว้ 5,000 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลจะรับผิดชอบดอกเบี้ยให้ โดยเกษตรกรสามารถจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางให้มีคุณภาพมากขึ้น ตรงกับความต้องการของตลาด และโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ ทำให้เกษตรกรไม่ต้องไปพึ่งกับราคายางที่เกี่ยวข้องกับราคาตลาดโลก

สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางพาราภาคใต้บางส่วนที่ยังมีการชุมนุมอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ว่ามีความต้องการอย่างไร เนื่องจากมาตรการที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในขณะนี้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศให้การยอมรับแล้ว

เรือยุทธการนาวาแชมป์เรือบึงกาฬปี 56

เรือยุทธการนาวา แชมป์ 2 ปีซ้อนสนามแข่งขันที่ลำน้ำโขงหน้าเทศบาลบึงกาฬ เอาชนะเรือเทพนสิงห์ 88 ทั้ง 2 เที่ยว ดับฝันล้างตาปีที่แล้วไม่สำเร็จ รับถ้วยรางวัลของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 300,000 บาท มาครองอย่างภาคภูมิ

ที่สนามแข่งขันเรือยาวประเพณีไทย-ลาว ครั้งที่ 14 เพื่อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คู่ชิงชนะเลิศเป็นคู่ชิงตลอดกาลและแทบทุกสนาม ระหว่าง เรือยุทธการนาวา จาก จ.ชลบุรีกับ เรือเทพนรสิงห์ 88 จาก จ.สระบุรี การชิงชนะเลิศเรือคู่นี้มีประชาชนทั้งสองฝั่งไทยลาวคอยดูกว่า 5 หมื่นคน เมื่อเรือถูกปล่อยออกจากทุ่นทั้ง 2 ลำก็พายกันได้อย่างสูสี แต่เมื่อเข้าเส้นชัยเรือยุทธการนาวาก็ฉีกตัวหนีฝีพายจ้ำเข้าเส้นชัยไปได้ทั้ง 2 ร่อง ( สลับร่อง 1 และ 2 ) เรือยุทธการนาวาจึงรักษาแชมป์ 2 ปีซ้อนรับถ้วยรางวัลสมเด็จพระเทพฯ พร้อมเงินรางวัล 300,000 บาท เรือเทพนรสิงห์ 88 รับถ้วยรางวัลพร้อมเงิน 200,000 บาท ส่วนรองอันดับ 2 เรือสาวสวยคันสูง จ.อำนาจเจริญ รับถ้วยพร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท รองอันดับ 3 เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง จ.อ่างทอง รับถ้วยรางวัลพร้อมเงิน 50,000 บาท

ส่วนเรือประเภทท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ 55 ฝีพายเช่นกัน ชนะเลิศเรือเจ้าแม่สายฝน ต.หอคำ รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ พร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 เรือเทพประทานพรวัดใต้ รับถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท อันดับ 2-3 เรือเจ้าพ่อจงใจหาญ บ้านนาโนนและเรือศรพระราชวัดกลาง รับถ้วยเกียรติยศพร้อมเงิน 70,000 และ50,000 บาทตามลำดับ

ประเภทเรือยาวเล็กไม่เกิน 25 ฝีพาย ชนะเลิศเรือเทพมังกรทอง จาก สปป.ลาว รับถ้วยรางวัลพร้อมเงิน 50,000 บาท รองอันดับ 1-3 เรือเทพบุตรหอคำ บ้านหอคำ เรือไกรทอง สปป.ลาว และเรือสิงห์แสนแสบ อ.บึงโขงหลง ได้รับถ้วยพร้อมเงินรางวัล 30,000 ,20,000 และ 10,000 บาทตามลำดับ

เกษตรจังหวัดบึงกาฬลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในการขึ้นทะเบียนแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ

เมื่อวันที่ 16-09-2556 นายทรงพันธ์ จันทร์สว่าง เกษตรจังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการขึ้นทะเบียนของเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือไร่ละ2,520 บาท/ไร่ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอพรเจริญ อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ โดยมีเกษตรกรเดินทางมาขึ้นทะเบียนกันเป็นจำนวนมากและนอกจากนี้แล้วยังได้เดินทางไปติดตามการออกหน่วยให้บริการการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ที่หมู่บ้านโคกสะอาด ตำบลหนองยอง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ โดยมีเกษตรกรทยอยเดินทางกันมาขึ้นทะเบียนจากการสอบถามเกษตรกรทุกคนต่างพอใจกับมาตรการการช่วยเหลือของรัฐบาล

เกษตรจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเกษตรจังหวัดบึงกาฬ ได้เปิดให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้ขึ้นทะเบียน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่งและนอกจากนี้ แล้วยังมอบหมายให้ เกษตรอำเภอแต่ละอำเภอได้จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อลงไปรับลงทะเบียนเกษตรกรถึงหมู่บ้านของเกษตรกร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงอำเภอ เพราะการลงทะเบียนต้องมีการลงชื่อรับรองจากผู้ใหญ่บ้านและเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงด้วย จึงขอให้เกษตรกรชาวสวนยาง ไปขึ้นทะเบียนขอรับเงินค่าชดเชยจากปัญหาราคายางตกต่ำให้ แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ และในการเดินทางไปขึ้นทะเบียนขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานไปให้ครบได้แก่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการถือครองที่ดินเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา และเกษตรจังหวัดบึงกาฬยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าขณะนี้เกษตรกรได้มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมั่นใจว่าการขึ้นทะเบียนจะเสร็จทันภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้.และขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบเอกสารและออกใบรับรองให้เกษตรกรซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามเวลาเพื่อที่เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยเพื่อนำไปใช้จ่ายแบ่งเบาภาระและปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป