วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตม.นครพนมจับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด

พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์  ค้าดี  ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม  ได้ออกตรวจและจัดระเบียบการให้บริการแก่ผู้ที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรบริเวณ สะพานมิตรภาพ 3  ซึ่งได้ตรวจพบ นางสาวญดาหรืออัญชลี  หรือหมวย  เอ้งฉ้วน  อายุ 27 ปี  มายื่นของตรวจอนุญาตออกไปนอกราชอาณาจักร  จากการตรวจสอบด้วยระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองพบว่าเป็นบุคคลมีหมายจับจังหวัดชัยภูมิ  ตามหมายจับที่ 63/2557  จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุรสิทธิ์  ดีลี  สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม  นำตัวไปตรวจสอบและได้ประสานเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ  ให้เข้าร่วมจับกุมและขอหมายจับนำมาแสดงให้ผู้ถูกจับดูและอ่านให้ฟัง  ผู้ถูกจับรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับตามหมายนี้มาก่อนแต่อย่างใด  เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แจ้งว่า  ผู้ถูกจับกุมมีความผิดฐาน  ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามิน)  ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์  375 มิลลิกรัม  ขึ้นไปหรือมียาเสพติดให้โทษดังกล่าว ผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไปหรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไปโดยผิดกฎหมาย  สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันฟอกเงิน  จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชัยภูมิเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ผลการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ห่างไกลยาเสพติด ปี 2557

นายสมชอบ  นิติพจน์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  ตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม  จัดโครงการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย  ห่างไกลยาเสพติด "อบจ.นครพนมสานฝัน  เทิดไท้องค์ราชัน”  โครงการ TO BE NUMBER ONE  ประจำปี 2557   โดยมีการประกวดในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา  ผลการประกวดร้องเพลง  ดังนี้

          รุ่นเล็ก (อายุ 15-19 ปี)  รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล  10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง 2 เพลง  ได้แก่ นางสาวปนิดา  พูดดี  / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 7,000  บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง 1  เพลง  ได้แก่ นางสาวณัฐฐาพร  บุตรไชย  / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ  2  เงินรางวัล 5,000  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง  1 เพลง  ได้แก่ นางสาวมลิวัลย์  ถินมานัด  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล  3,000  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง  1 เพลง  ได้แก่ นางสาวสุนิดา  สมมะวัง

          รุ่นใหญ่ (อายุ 20-40 ปี) รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล  10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง 2 เพลง  ได้แก่ นายทศพรชัย  ไตรยราช  / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 7,000  บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง 1  เพลง  ได้แก่ นางสาวรัชนก  มูลเพ็ญ / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ  2  เงินรางวัล 5,000  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง  1 เพลง  ได้แก่ นายธีรวุฒิ  คำแสน  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล  3,000  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้สิทธิบันทึกแผ่นเสียง  1 เพลง  ได้แก่ นายอนุสรณ์  พนมศักดิ์

          รุ่นพิเศษ (อาวุโส อายุ 41 ปีขึ้นไป) รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล  4,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้แก่ นายทวีศักดิ์  ทองสิงห์ / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 2,000  บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้แก่ นางกันทลัส  ราชโคตร / รางวัลรองชนะเลิศอันดับ  2  เงินรางวัล 1,500  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้แก่   นายวิเดช  เอกสะพัง  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล  1,000  บาท  พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและเกียรติบัตร  ได้แก่ นางคำเปียง  พูดดี

ประเพณีบุญเดือน 7 (บุญชำฮะเมือง)

นายนิวัต  เจียวิริยบุญญา  นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม  เปิดเผยว่า  เทศบาลเมืองนครพนม  ร่วมกับหน่วยงานราชการ  ภาครัฐ  และประชาชนในเขตเทศบาลเมืองนครพนม  จัดงานประเพณีบุญเดือน 7 "บุญถวายบายศรีพระ-ชำฮะเมือง”  ประจำปี 2557  ในวันพฤหัสบดีที่  12  มิถุนายน  2557  (ขึ้น 15 ค่ำ  เดือน 7 )  ณ วัดโอกาส  อำเภอเมือง  จ.นครพนม  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของชาวไทยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ  และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว  บ้านเมืองเกิดความร่มเย็นเป็นสุข  โดยผู้เข้าร่วมพิธีแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว

แรงงานจังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการจ้างงานเร่งด่วน

วันนี้ (6 มิ.ย. 57) ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก บ้านเดชจำนง หมู่ที่ 6 ตำบลนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นประธานเปิดโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานแรงงานจังหวัดมุกดาหาร ทั้งนี้เนื่องจากขณะนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะภัยแล้ง และคาดว่าในปีนี้จะมีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการเตรียมการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแล้งผู้ยากจน หรือครัวเรือนที่ตกเกณฑ์ จปฐ ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวงแรงงาน  พร้อมกับได้สั่งการให้สำนักงานแรงงานจังหวัดมุกดาหารเร่งดำเนินการโครงการที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งหรือโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ให้ทันกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่

นายกฤตพัฒน์ ครุฑกุล แรงงานจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวว่า โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดด้านอาชีพ เป็นลักษณะการจ้างงานเพื่อให้ผู้ประสบภัยธรรมชาติที่ว่างงาน ไม่มีรายได้และผู้ที่มีความเดือดร้อนด้านอาชีพ ได้มีงานทำชั่วคราวด้วยการจ้างงานให้ทำงานเกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ การซ่อมแซม บูรณะสถานที่ที่เป็นส่วนรวม โดยวางหลักเกณฑ์ได้รับเงินช่วยเหลือในลักษณะ เงินค่าตอบแทนการทำงาน คนละ 150 บาท/วัน และกำหนดไม่เกิน 20 วัน สำหรับการพัฒนาทักษะฝีมือ จะเน้นการฝึกอาชีพให้แก่ผู้เดือดร้อนด้านอาชีพ โดยฝึกตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ หลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรมเฉพาะบางหลักสูตรจะมีการพิจารณามอบเครื่องมือประกอบอาชีพให้แก่ผู้ผ่านเกณฑ์ประเมิน เพื่อนำไปประกอบอาชีพต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร จัดประกวดภาพวาด “ภาพลักษณ์นักการเมือง”

นางสาวนุชนาถ ด้วงสงฆ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร จัดประกวดภาพวาด "ภาพลักษณ์นักการเมือง” เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาได้สะท้อนแนวคิดที่มีต่อนักการเมืองผ่านทางสื่อศิลปะภาพวาด ได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและเพื่อให้นักการเมืองได้ตระหนักและละอายถึงพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวด ต้องศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า นิสิต นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)และระดับอุดมศึกษา ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด โดยสามารถส่งผลงานได้ระหว่างวันที่ ๔-๘ สิงหาคม ๒๕๕๗

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายภวิศ สุดแสวง เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตปฏิบัติการ สำนักป้องกันการทุจริตภาคการเมือง สำนักงาน ป.ป.ช.หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๓๑๖๑ - ๕ ต่อ๕๐๖ หรือ ๐๘ ๖๖๖๔ ๙๙๖๙ ในวันและเวลาราชการ หรือตรวจสอบรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.nacc.go.th หัวข้อกิจกรรมและโครงการต่างๆ




สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร สอบราคาจ้างเหมาบริการเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการ “ท่องเที่ยวสร้างความผูกพันภายในครอบครัว”

นายพิเชฐ  เดชะคำภู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหาร โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร มีความประสงค์จะสอบราคาจ้างเหมาบริการเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการ "ท่องเที่ยวสร้างความผูกพันภายในครอบครัว” ของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร กำหนดยื่นซองสอบราคา ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร และกำหนดเปิดซองใบเสนอราคาในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ น. เป็นต้นไป

ผู้สนใจติดต่อขอรับเอกสารสอบราคา ได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๕.๓๐ น. ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://www.mots.go.th/mukdahan หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข ๐๔๒-๖๑๑-๓๐๖ ในวันและเวลาราชการ




สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารขอเชิญร่วมถวายพระราชกุศลเนื่องในการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม “พระพุทธเมตตา”

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ วัดเทพประทาน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีพระอาจารย์ธาตุ อธิปัญโญ เป็นเจ้าอาวาสและคณะกรรมการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา” ซึ่งมี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี เป็นประธานได้ร่วมจัดสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

ทั้งนี้ จังหวัดมุกดาหารประชาสัมพันธ์เพื่อให้การจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมถวายพระราชกุศล หน่วยงานที่สนใจสามารถสืบค้นข้อความเพิ่มเติมได้จาก facebook : สร้างพระสมเด็จองค์ปฐมด้วยนิล โดยมีนางสาวกรรณภรณ์ วงศ์ปิยะกุล หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๑๙-๗๙๗ เป็นผู้ประสาน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ๐๘๕-๑๑๔-๘๙๐๐, ๐๘๙-๒๑๕-๓๔๕๕, ๐๘๑-๖๒๑-๙๗๙๗



สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร ประกาศติดตามบุคคลสูญหาย

นางปิยะพร  เฉลิมช่วง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากนางนางสังคม  เสนาพันธ์(มารดา) อายุ ๓๙ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๘๕ หมู่ที่ ๑๓  ตำบลบ้านโคก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ขอความช่วยเหลือติดตามนายยุทธพงษ์ อนันตภูมิ (ผู้สูญหาย) ชื่อเล่นยุทธ อายุ ๒๐ ปี ลักษณะรูปร่างสัดทัด ผิวขาวเหลือง สูงประมาณ ๑๖๐ เซนติเมตร ซึ่งได้หายจากบ้านไป เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้าของวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗  นางสังคมฯกลับมาจากนาก็ไม่พบนายยุทธพงษ์ฯ อยู่ที่บ้านแล้วจึงให้ญาติออกตามหา จนขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด เกรงว่าอาจจะรับอันตรายและถูกล่อลวงไปในทางเสียหายหรือตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์


สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์ตามหาญาติจากข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องมาพร้อมนี้ ทั้งนี้เมื่อพบเบาะแสหรือข้อมูล ติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร หมายเลขโทรศัพท์ ๐๔๒-๖๑๑๔๔๒, ๐๔๒-๖๑๑๕๘๓ หรือ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๑๓๐๐ สายด่วน ๒๔ ชั่วโมง หรือนางนางสังคม  เสนาพันธ์(มารดา),นางเงิน ศรีลาฤทธิ์(ป้า) หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖-๒๒๑-๘๔๐-๑




สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารจัดงานเชื่อมโยงการผลิต การตลาดและโลจิสติกส์สินค้าเกษตร แนวตะเข็บชายแดน

นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธาน เปิดงาน เชื่อมโยงการผลิต การตลาดและโลจิสติกส์สินค้าเกษตร แนวตะเข็บชายแดน ซึ่งจังหวัดมุกดาหาร โดยการสนับสนุนจาก สำนักส่งเสริมการเกษตรเขต 5 จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดมุกดาหารจัดขึ้น ณ บริเวณสนานหน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีนายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร และ นายธวัชชัย ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร และประชาชน ทั้ง 7 อำเภอจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมงานจำนวนกว่า  2,000 คน

นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเชื่อมโยงการผลิตการตลาดและโลจิสติกส์สินค้าเกษตรตามแนวตะเข็บชายแดน ระหว่างผู้ผลิตสินค้าเกษตรกับผู้ประกอบการด้านการตลาด ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางในการส่งออกสินค้าตามแนวตะเข็บชายแดน โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเจรจา เสวนา การจำหน่ายตลาดสินค้าเกษตร ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ประกอบการด้านการตลาด และโลจิสติกส์สินค้าเกษตร ตามแนวตะเข็บชายแดน  การจัดนิทรรศการ การแสดงสินค้าเกษตรการจำหน่ายของกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอท็อป และผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรชนิดต่าง ๆ  ที่มีศักยภาพในการผลิตเพื่อการส่งออก จากทั่วประเทศ  ประชาสัมพันธ์การจำหน่ายตลาดผัก ผลไม้ ทั้งในจังหวัดและจากทั่วทุกภาคของประเทศ ไปสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้ สินค้าโอท็อป หรือสินค้าอื่น ได้มีแหล่งจำหน่าย อันจะเป็นการลดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากราคาตกต่ำได้ระดับหนึ่งการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งประชาชนที่สนใจสินค้า เกษตร สินค้า โอท็อป สินค้าอาหารทะเล ไปเลือก ซื้อหาได้ หรือเจรจาคู่ธุรกิจการค้า กับผู้ผลิตโดยตรงเพื่อนำไปจำหน่าย ติดต่อได้ภายในงาน ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 7 มิถุนายน  2557

นายโอฬาร พิทักษ์   อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร  กล่าวว่า  การจัดงานเชื่อมโยงการตลาดและระบบการจัดการเรื่อง โลจิสติกส์ โดยการจัดงานทางภูมิภาค ในวันนี้ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นจังหวัดตะเข็บชายแดนที่สำคัญที่จะรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หลักของการจัดงานในครั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของเกษตรกรเองคือ การจัดการบริหารการตลาดเอง เกษตรกรผลิตเอง ต้องสามารถนำสินค้าเข้าสู่ตลาดได้ การผลิตก็จะสอดคล้องกัน และการเรียนรู้เรื่องของการบริโภค เรียนรู้เรื่องการตลาด และจะนำไปปรับปรุงคุณภาพสินค้าของตนเอง และเป็นช่องทางการตลาด การจัดระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเปิด AEC นั้นจังหวัดมุกดาหารเป็นจังหวัดด่านหน้าของเกษตรกรไทย ที่จะออกไปสู่ AEC  ในขณะเดียวกันนั้นก็จะรับสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านของ AEC โดยเฉพาะจากทาง ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม ที่เข้าสู่ประเทศไทย เป็นการเรียนรู้ของเกษตรกรฝึกให้มีคุณภาพมากขึ้น




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

ยโสธรจัดหน่วยอำเภอยิ้ม พร้อมแพทย์ทหาร ร.16 ออกบริการประชาชน คืนความสุขสู่ประชาชน

นายประวัติ  ถีถะแก้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  มอบนโยบายให้ทุกอำเภอจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ อำเภอยิ้มพร้อมชุดแพทย์ทหาร คืนความสุขสู่ประชาชน ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

วันนี้ (6 มิถุนายน 2557) เวลา 09.30 น.  อำเภอเมืองยโสธร นำโดยนายสมเพชร  สร้อยสระคู    นายอำเภอเมืองยโสธร   นำหน่วยอำเภอเคลื่อนที่ อำเภอยิ้ม พร้อมกับทหารจากกรมทหารราบที่ 16  ออกไปให้บริการประชาชน   ที่โรงเรียนบ้านหนองบกโนนสวาท  ต.หนองหิน  อ.เมืองยโสธร

หน่วยงานที่ออกให้บริการ ประกอบด้วย อำเภอเมืองยโสธร ,กรมทหารราบที่ 16,  ธนาคาร ธ.ก.ส. , ธนาคารออมสิน, กศน. , สถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร, ปศุสัตว์จังหวัด  มีการให้บริการ  ตัดผม,เสริมสวย  ทำหมันสุนัข และแพทย์ทหารจากกรมทหารราบที่ 16 ร่วมกับโรงพยาบาลยโสธร บริการตรวจรักษาโรค แจกจ่ายยา พร้อมและนำสิ่งของไปมอบให้ ได้แก่ พันธุ์ปลา,กระเป๋า,สมุด,ดินสอ,เสื้อกันหนาว,           กระปุกออมสิน   มีประชาชนมารับบริการ ประมาณ 200 คน เพื่อคืนความสุขสู่ประชาชน                       สร้างความรัก สมัคร สมาน



ส.ปชส.ยโสธร
ไพชยนต์  ชนะกาญจน์
6 มิถุนายน 2557

จังหวัดร้อยเอ็ดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัว

จังหวัดร้อยเอ็ดรับสมัครผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 60 ปี ร่วมกิจกรรมสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัว ระหว่างวันที่ 19 – 20 มิถุนายน 2557 ณ จังหวัดเลย

นายไพบูลย์ กุลแพง ท่องเที่ยวและกีฬาร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กำหนดจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวสร้างความผูกพันภายในครอบครัว ระหว่างวันที่ 19 – 20 มิถุนายน 2557 ณ จังหวัดเลย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมในการส่งเสริมและสานความผูกพันที่ดีระหว่างคนในครอบครัว และเป็นการกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงเป็นการกระตุ้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด จึงรับสมัครผู้ที่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีความประพฤติดี สุขภาพดี มีความเป็นครอบครัวอบอุ่น อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไป ผู้ปกครองอายุไม่เกิน 60 ปี มีครอบครัวเป็นที่ยอมรับและเป็นแบบอย่างต่อผู้อื่นและสังคม เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม เป็นผู้นิยมและรักษาเอกลักษณ์ของไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเสื่อมใสในการปกครองระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข โดยส่งภาพถ่ายคู่ 2 คน (ให้เป็นคนในครอบครัวหรือญาติและอายุต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด) จำนวน 1 ภาค เป็นภาพสีปริ้นลงกระดาษขนาด A4 พร้อมคำบรรยายแสดงความรู้สึกใต้ภาพสั้นๆ

ทั้งนี้ ส่งใบสมัครเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 2 ฉบับ พร้อมรับรองสำเนา ส่งไปที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ชั้น 5 ถนน เทวาภิบาล อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 โทรศัพท์ 0 -4351 – 5021 โทรสาร 0 – 4352 – 7952 อีเมล์ roiet@mots.go.th ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2557



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
6 มิ.ย. 57

จังหวัดร้อยเอ็ดจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป จังหวัดร้อยเอ็ด

เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ถูกต้องตรงกัน

นายไกรสร กองฉลาด ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสี ซึ่งส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาดูแลการปกครองประเทศ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 16.30 น. นั้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ถูกต้องตรงกัน และมีความสมานฉันท์สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการร่วมกันนำพาประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบสุข จังหวัดร้อยเอ็ดจึงจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป จังหวัดร้อยเอ็ดขึ้น ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มงานปกครอง ประกอบด้วย คณะกรรมการต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมการอำนวยการ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยมีอำนาจหน้าที่นำนโยบายมาสู่การปฏิบัติ อำนวยการ ให้คำปรึกษา และกำกับดูแล การดำเนินโยบายปรองดองสมานฉันท์ ให้เป็นด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ มีสำนักงานเลขานุการศูนย์ฯ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นหัวหน้าสำนักงาน

นอกจากนี้ยังมี คณะกรรมการฝ่ายความมั่นคง นายพลากร บุญประคอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ดำเนินการทางธุรการของศูนย์ฯ การจัดเอกสารต่างๆ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร การจัดการประชุม การรวบรวมข้อมูลอาสาสมัครช่วยประชาสัมพันธ์ การจัดทำแผนงาน/โครงการในภาพรวมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ฯ การติดตามผลการดำเนินงานของศูนย์ และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย คณะกรรมการฝ่ายเศรษฐกิจ นายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ดำเนินการด้านการข่าว ประสานงานและติดตามความเคลื่อนไหวของมวลชน การกวดขันและกำชับมิให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพัน สถานบริการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย และคณะกรรมการฝ่ายสังคมจิตวิทยา นายพลากร บุญประคอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานกรรมการ ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่ด้านจิตวิทยามวลชน การประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อการสร้างความสมานฉันท์ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย




วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
6 มิ.ย. 57

จังหวัดร้อยเอ็ดเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ตามแนวทางของ คสช.

จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งศูนย์เฉพาะกิจจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อสนับสนุนการรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

วันนี้ (6 มิ.ย. 57) เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทุกอำเภอในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องประชุมพระเวสสันดร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจร้อยเอ็ด เพื่อสนับสนุนการรักษาความสงบแห่งชาติ ขึ้น ณ ห้องประชุมพระเวสสันดร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ขอความร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอที่ร่วมประชุมให้ปฏิบัติตามแนวทางของ คสช.อย่างเคร่งครัด การสร้างความสุขให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ เพื่อป้องกันการเรียกเก็บหนี้นอกระบบอย่างผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหายาเสพติด อาวุธสงคราม ไม่ยอมให้มีการจัดตั้งหมู่บ้านที่นอกเหนือจากลักษณะการปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด ตรวจตราสอดส่องการให้บริการของหอพัก ให้ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการออกตรวจตราอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการมั่วสุ่มและกระทำผิดกฎหมายของเข้าพัก



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
6 มิ.ย. 57

ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เยี่ยมการซ่อมแซมฉางข้าวของเจ้าหน้าที่เพื่อคืนความสุขให้ประชาชน และเตือน ผู้ไม่หวังดีจะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยเฉียบขาด

วานนี้ (5 มิ.ย. 57) เวลา 11.00 น. นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.อ. (พิเศษ) กฤษดา นิยมวิทย์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 2/4 หมู่ที่ 2 บ้านดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งบ้านของนางน้อย สีหานาม เพื่อตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครอาสารักษาดินแดน อำเภอเกษตรวิสัย ที่บูรณาการสนธิกำลังกันซ่อมแซมฉางข้าว เพื่อคืนความสุขให้ประชาชนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ในโอกาสจังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวในโอกาสนี้ว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลไม่หวังดีบางส่วน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปยึดเครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ บุคคลดังกล่าวนี้จะถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันภาครัฐจะคืนความสุขและเรียกความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองกลับคืนมา

ขอฝากให้ประชาชน หากพบเห็นบุคคลที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าไม่แน่ใจขอให้ดูบัตรประจำตัวข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ให้แน่ใจหรือเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เป็นสักขีพยาน เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิเข้าตรวจค้นโดยไม่มีหมายตรวจค้น จึงขอเตือนผู้ที่ไม่หวังดีทางราชการโดยเฉพาะทางจังหวัดร้อยเอ็ด ทุกภาคส่วนจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด และขอความร่วมมือประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด กระจายข้อมูลข่าวสารไปยังพี่น้อง ญาติมิตร ในชุมชนให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ประการแรก ถ้ามีบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องขอดูบัตรประจำตัว เชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ หรือนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ หรือนายอำเภอ เป็นประจักษ์พยาน และขอดูหมายตรวจค้น ถ้าไม่มีแสดงว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังแสดงช่องว่างทำลายความสงบเรียบร้อยในจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด




วิมล  เร่งศึก/ข่าว
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
กนกอร  สัตยามะระ/พิมพ์
6 มิ.ย. 57

ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดร้อยเอ็ด แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) รายสำคัญ

วานนี้ (5 มิ.ย. 57) เวลา 15.00 น. ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดร้อยเอ็ด โดย นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ร้อยเอ็ด พล.ต.นคร สุขประเสริฐ ผบ.จทบ.ร้อยเอ็ด ผอ.กกล.รส.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.๔ รรท.ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.สิงห์ทอง พลลา รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.กิตติรัชต์ น้อยโพนทอง ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด พ.ต.ท.ประวิทย์ โทหา พงส.ผนพ.ฯ หน.ชปส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.ต.ธัชพล มูลละคร ร.ต.อ.สมโภช แสวงแก้ว ร.ต.อ.สมนึก ปัญญารมย์ ร.ต.ท.ไพรทูล ศรีมหาพรม รอง หน.ชปส. ภ.จว.ร้อยเอ็ด ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายยาบ้ารายสำคัญ ผู้ต้องหา ๙ คน พร้อมของกลางยาบ้า ๒,๕๙๕ เม็ด ไอซ์ ๕.๒ กรัม ปืนพกสั้น ๕ กระบอก กระสุน ๗๐ นัด และการตรวจยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. ๒๕๓๔ มูลค่าประมาณ ๑๘๖,๐๐๐ บาท รายละเอียดดังนี้.-

วันเดือนปีที่จับกุม ๓-๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ – ๐๑.๐๐ น.

สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.เหนือเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และ อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร เกี่ยวเนื่องกัน

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม

๑. นายอดิศักดิ์หรือ ชาร์ป บุญวิเศษ อายุ ๒๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๕๑ หมู่ ๑ ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

๒. นายณรงค์ หรือ หลี ภูมิราศี อายุ ๒๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ ๑ ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

๓. นายภูมิศักดิ์ หรือ มิน วงษ์จันลา อายุ ๒๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๔๔/๒ ถ.เสนาเริ่มคิด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

๔. นายอำพลหรือพล ศรีชนะ อายุ ๒๓ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๒๗ หมู่ ๑๒๗ หมู่ ๑๒ ต.เดิด อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร

๕. นายชัยวัฒน์ หรือแป๊ปซี่ ราชนุวงค์ อายุ ๒๖ ปี บ้านเลขที่ ๒๕๓ หมู่ ๑๑ ต.เหนือเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

๖. นายชาญชัยหรือชายน้อย ดวงประยูร อายุ ๒๗ ปี บ้านเลขที่ ๑๑ หมู่ ๑๒ ต.หนองแวง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

๗. นายดัชกร หรือเปา จันได อายุ ๓๐ ปี บ้านเลขที่ ๗๔/๑ หมู่ ๓ บ้านป่าตอง ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

๘. นายธีระพงษ์หรือน๊อต เขียวคราม อายุ ๓๐ ปี บ้านเลขที่ ๓๕/๑ หมู่ ๓ บ้านป่าตอง ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

๙. นายประดิษฐ์หรือแมน พรมโสภา อายุ ๑๙ ปี บ้านเลขที่ ๑๙ หมู่ ๓ บ้านมะบ้า ต.บึงงาม อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด


พร้อมของกลาง ยาบ้า ๒,๕๙๕ เม็ด ไอซ์ ๕.๒ กรัม ปืนพกสั้น ๕ กระบอก กระสุน ๗๐ นัด ยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินการ ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. ๒๕๓๔ รถจักรยานยนต์ ๒ คัน เงินสด ๓๖,๐๐๐ บาท มูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ ๑๘๖,๐๐๐ บาท

พฤติการณ์การจับกุม ชปส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด สืบทราบว่านายชาญชัยหรือชายน้อย ดวงประยูร มีพฤติกรรมลักลอบนำยาบ้าจากแนวชายแดนประเทศลาวเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ อ.เมืองร้อยเอ็ด โดยใช้บ้านเช่าที่บ้านโนนงามเป็นสถานที่พักยา จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม จนกระทั่งวันที่ ๓-๔ มิ.ย. ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ – ๐๑.๐๐ น. สามารถจับกุมเครือข่ายยาบ้าของนายชาญชัยฯ ได้ทั้งหมด ๗ คดี ผู้ต้องหา ๙ คน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ดำเนินคดี





วิมล  เร่งศึก/ข่าว
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
กนกอร  สัตยามะระ/พิมพ์
6 มิ.ย. 57

กิจกรรมโครงการ สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชน จังหวัดเลย

กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดเลย จัดกิจกรรมสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชน พื้นที่อำเภอเมืองเลย พลตรีวรทัต สุพัฒนานนท์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย ในฐานะ ผู้บังคับกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดเลย พร้อมด้วย นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พลตำรวจตรีศักดา วงศ์ศิริยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย นำข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มพลังอาสาสมัคร ประชาชน และ นักเรียน ในพื้นที่ตำบลนาแขม อำเภอเมืองเลย ร่วมจัดกิจกรรม โครงการ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชน จังหวัดเลย มีกิจกรรมการถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าจะยึดมั่น เทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะมีความรักและสามัคคี เพื่อนำพาประเทศชาติบ้านเมือง ไปสู่ความสงบสุข มีการให้บริการตรวจรักษาโรค ตัดผม มอบถุงยังชีพผู้สูงอายุ มอบพันธุ์ปลา เพื่อเพาะเลี้ยงในแหล่งน้ำชุมชน มอบเครื่องกีฬาแก่นักเรียน และมีดนตรีให้ความบันเทิง ผู้บังคับกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดเลย กล่าวว่า ในระยะเวลา ๑๐ ปีที่ผ่านมา คนไทยเกิดความวิตกกังวลในปัญหาสถานการณ์ของบ้านเมือง รอยยิ้มเหือดหายไป แต่นับจากบัดนี้เป็นต้นไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชน โดยขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อร่วมสร้างความรัก ความสามัคคี และร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวขอความร่วมมือทุกคนร่วมกันทำให้บ้านเมืองสงบ สามัคคี และเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โครงการจัดกิจกรรมสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ คืนความสุขให้ประชาชนอย่างยั่งยืน ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า ๑,๐๐๐ คน มีการร่วมร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี เพลงรักกันไว้เถิด และร่วมสนุกสนาน อย่างเป็นกันเอง

ศรีสะเกษ เปิดประชุมสัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน

กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และจังหวัดศรีสะเกษ เปิดประชุมสัมมนา ตามโครงการ "สัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน กรณีบริหารจัดการเมืองใหม่ช่องสะงำ”

วันนี้ (6 มิ.ย. 57)  ที่ห้องประชุมโรงแรมศรีลำดวน นายแก่นเพชร  ช่วงรังสี  รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน กรณีบริหารจัดการเมืองใหม่ช่องสะงำ  โดยมีนายประทีป  กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  พร้อมด้วยนายสนิท ขาวสะอาด  นายสุริยะ  อมรโรจน์วรวุฒิ   นายวิศิษฐ  รัตนเวช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ  นายวิทยา  วิรารัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ  ผู้แทนภาครับ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ให้การต้อนรับ พร้อมกับร่วมประชุมสัมมนา  ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และจังหวัดศรีสะเกษ จัดขึ้น ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างองค์ความรู้ บทบาท ภารกิจ หน้าที่ รวมทั้งกากรปรับตัว การพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะให้แก่บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนในพื้นที่ ให้มีศักยภาพรองรับการพัฒนาในพื้นที่ชายแดนอย่างทั่วถึง  เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษ และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง2  และเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการ บุคลากร ระเบียบ กฎหมาย และประชาชน ให้มีความพร้อม เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน และโครงการพัฒนาพื้นที่เมืองใหม่ช่องสะงำ

สำหรับการประชุมสัมมนาฯ ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมจำนวน 350 คน ประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2  ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ  ยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี  ผู้แทนหน่วยงาน องค์การภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง  จากส่วนกลาง  โดยการประชุมฯได้กำหนด 2 วัน วันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นการศึกษาดูงานในพื้นที่โครงการเมืองใหม่พัฒนาช่องสะงำ  ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ  และในวันนี้(6 มิถุนายน 2557)  จะมีการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ยุทธศาสตร์กากรพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ท่านเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  การเสวนาหัวข้อเรื่อง "แนวทางการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจ-ชยแดน กรณีบริหารจัดการเมืองใหม่ช่องสะงำ”  โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม  กรมการค้าต่าองประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  ในภาคบ่าย จะเป็นการเสวนา ในหัวข้อเรื่อง โอกาสทางธุรกิจจากโครงการเมืองใหม่ช่องสะงำ โดยนายสุริยะ  อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ   นายองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  และประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์  สร้อยเพชร / ข่าว

สองบริษัทใหญ่ มอบเงินสนับสนุนพัฒนาชายแดน 2 แสนบาท

บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด มหาชน CAT  และบริษัทมหาชนจำกัดแอดวานซ์อินโฟร์เชอร์วิส AIS   ร่วมสนับสนุนเงิน รายละ 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองใหม่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ

วันนี้ (6 มิ.ย. 57) ที่ห้องประชุมโรงแรมศรีลำดวน นายประทีป  กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนายสนิท ขาวสะอาด  นายสุริยะ  อมรโรจน์วรวุฒิ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และนายวิทยา  วิรารัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ  รับเงินสนับสนุนในการพัฒนาเมืองใหม่ช่องสะงำ  ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ  จากสองบริษัทใหญ่  ประกอบด้วย  นายสมภพ  เหล่าสุภาพ ผู้จัดการสำนักงานบริการลูกค้า กสท. ศรีสะเกษ  (บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด มหาชน CAT)  จำนวน  100,000 บาท  และนายยุทธเฉลิม  สายเชื้อ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจองค์กรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  (บริษัทมหาชนจำกัดแอดวานซ์อินโฟร์เชอร์วิส AIS)    จำนวน  100,000 บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน)  เนื่องในโอกาส เข้าร่วมสัมมนา ตามโครงการ "ประชุมสัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน กรณีบริหารจัดการเมืองใหม่ช่องสะงำ  ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์  จังหวัดศรีสะเกษ



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์  สร้อยเพชร / ข่าว

จังหวัดศรีสะเกษร่วมกับหอการค้าไทยสัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดนเมืองใหม่ช่องสะงำ

จังหวัดศรีสะเกษร่วมกับหอการค้าไทยสัมมนาพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดนเมืองใหม่ช่องสะงำ
เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน ในปี 2558

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557 เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมศรีลำดวน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นาย แก่นเพชร ช่วงรังสี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนาการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดนกรณีบริหารจัดการ เมืองใหม่ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และนายวิทยา วิรารัตน์ กรรมการหอการค้าไทย ได้นำคณะกรรมการหอการค้าไทย คณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กรรมการหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ และข้าราชการในจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 200 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาและเสริมสร้างองค์ความรู้ บทบาท ภารกิจหน้าที่และการปรับตัวการพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะ ให้แก่บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและภาคประชาชนในพื้นที่ให้มีศักยภาพรองรับการพัฒนาในพื้นที่ อย่างทั่วถึง สนับสนุนและส่งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ รวมทั้งลดความขัดแย้งในระดับพื้นที่ชายแดน สนับสนุนและส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษและกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 และพัฒนาระบบบริหารจัดการ บุคลากร ระเบียบ กฎหมาย และประชาชนให้มีความพร้อม เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน ในปี 2558 ในโอกาสนี้บริษัท AIS และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ยังมอบเงินสนับสนุนโครงการพัฒนาเมืองใหม่ช่องชะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ รายละ 100,00.00 บาทด้วย




ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

จังหวัดอำนาจเจริญ จัดอบรมโครงการสร้างทักษะแรงงาน วิชาชีพ (ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์)

วันนี้ (6 มิ.ย. 57) เวลา 09.30 น. ณ  โรงแรมชิตสกลธ์ ฟลาวเวอร์แลนด์ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ  นายสุธีร์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดโครงการสร้างทักษะแรงงาน วิชาชีพ (ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์) รุ่นที่ 2/2557

ด้วยศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดทำโครงการสร้างทักษะแรงงาน/วิชาชีพ (ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์) รุ่นที่ 2/2557 รุ่นที่ 2/2557 สาขา 9 พฤติกรรมความสำเร็จ ซึ่งประกอบไปด้วย  1)พฤติกรรมความซื่อสัตย์ 2)พฤติกรรมความรับผิดชอบ  3)พฤติกรรมการมีระเบียบวินัย  4)พฤติกรรมความขยันและอดทน  5)พฤติกรรมการท างานเป็นทีม  6)พฤติกรรมคิดสร้างสรรค  7)พฤติกรรมใฝ่เรียนร  8)พฤติกรรมการประหยัด และ  9)พฤติกรรมความปลอดภัย    โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว (ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์) ได้รับการพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับประชาคมเศษฐกิจอาเซียน(AEC) มีกำหนดฝึกอบรม รุ่นที่ 2/2557 ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2557 จำนวน 3 วัน ณ โรงแรมชิตสกลธ์ ฟลาวเวอร์แลนด์ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ

นายสุธีร์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า  โครงการสร้างทักษะแรงงาน วิชาชีพ (ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์) จะช่วยเสริมสร้างทักษะ ความรู้ วิชาชีพให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการ งาน อาชีพในสาขาต่างๆได้




กฤษดา เนตรพันธ์/ข่าว/ภาพ

ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแกนนำตำบลเพื่อจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญ

วันนี้ (6 มิ.ย. 57) เวลา 09.30 น. ณ  มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ          นายวีระวัฒน์  ชื่นวาริน  ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแกนนำตำบลเพื่อจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญ  สู่เมืองธรรมเกษตร ตามธรรมนูญประชาชนฅนอำนาจเจริญ ฉบับที่1/2555

ตามที่ขบวนองค์กรชุมชน ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วน ในจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ร่วมกันจัดทำธรรมนูญประชาชนฅนอำนาจเจริญ และประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ต่อมา เดือนมีนาคม ๒๕๕๖ พี่น้องประชาชนในจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ร่วมกันจัดทำ และประกาศแนวทางการขับเคลื่อน ธรรมนูญ สู่เมืองธรรมเกษตร ภายในเวลา ๒๐ ปี จนถึงวันนี้ก็ใช้เวลาขับเคลื่อนมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อให้การขับเคลื่อน จังหวัดสู่เมืองธรรมเกษตรอย่างจริงจัง โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคีราษฎร์+รัฐ ทางขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้นำวาระการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดโดยชุมชน เข้าสู่วาระเพื่อพิจารณาของคณะกรรมการสภากลางจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มเป้าหมายจากแกนนำ ๖๓ พื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่ละ ๕ คน รวม จำนวน ๓๑๕ คน

ในการนี้ นายวีระวัฒน์  ชื่นวาริน  ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีที่แกนนำแต่ล่ะตำบลมาร่วมกันในการขับเคลื่อนจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญ ให้ไปทิศทางเดียวกัน และกิจกรรมในครั้งนี้ จะนำไปสู่แผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัด และจะนำไปสู่นโยบายของชาติต่อไป




ประกาศิต  สุวะทอง/ข่าว

จังหวัดอุบลราชธานี จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับจังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 1/2557

วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ณ ห้องรีเรนท์บอลรูม โรงแรมรีเจนท์พาเลช อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานโครงการ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับจังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 1/2557 ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ปรับปรุงระบบส่งเสริมการเกษตร ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและภารกิจต่างๆปฏิบัติงานบนพื้นฐานของข้อมูล ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม และใช้วิธีการทำงานรูปแบบ MRCF system คือ การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเตรียมเข้าทำงานในพื้นที่โดยเน้นการใช้ข้อมูลแผนที่ (Mapping) ประสานและให้บริการเกษตรกรด้วยวิธีการติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูลจากระยะไกล (Remote Sensing) การจัดเวทีชุมชนในการทำงานและร่วมดำเนินการกับเกษตรกรและชุมชน รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแบบมีส่วนร่วม(Community Participatiion) โดยร่วมกับเครือข่ายต่างๆ เช่น ศูนย์บริการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล อาสาสมัครเกษตรประจำตำบล อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน และเข้าทำงานในพื้นที่แบบเฉพาะเจาะจง (Specific Field Service) โดยมีเป้าหมายและจุดม่งหมายที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ตรงจุดและยั่งยืน การจัดเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระดับจังหวัด ในครั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติตามระบบส่งเสริมการเกษตรที่ปรับปรุงใหม่ให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกระดับได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยเน้นการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ตามแนวทาง MRCF system เนื้อหาการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การมอบนโยบายการพัฒนาการเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นโยบายการดำเนินงานเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 การปฏิบัติราชการตามหลักธรรมาภิบาล โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี การนำเสนอผลการดำเนินงานตามระบบส่งเสริมการเกษตร MRCF system รวมทั้งการจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี ผู้เข้าร่วมจัดเวทีในวันนี้ ประกอบด้วย ผู้ช่วยเกษตรจังหวัด หัวหน้าฝ่ายเกษตรอำเภอ ผู้บริหารงานเกษตรตำบล และเจ้าพนักงานธุรการ รวมทั้งสิ้น 253 คน

ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์จังหวัดอุบลราชธานีประชุม ผู้แทนมหาวิทยาลัย หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม เสวนาทางวิชาการเพื่อกำหนดแนวทางปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป

ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์จังหวัดอุบลราชธานีประชุม ผู้แทนมหาวิทยาลัย หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม เสวนาทางวิชาการเพื่อกำหนดแนวทางปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (6 มิ.ย. 57) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอ วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะประธานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมเสวนาทางวิชาการเพื่อกำหนดแนวทางปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป โดยมีพลตรีวิษณุ ไตรภูมิ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ ตัวแทนภาคธุรกิจ และสื่อสารมวลชน หวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็น กำหนดแนวทาง วิธีการ เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง สร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ด้วยความสงบสุข อย่างยั่งยืน ภายใต้จุดร่วมเดียวกันของทุกฝ่ายคือ การคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของจังหวัดอุบลราชธานี และผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ทอดถวายผ้าไตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีบำเพ็ญกุศล สตมวาร ( ครบ 100 วัน) ในพระราชานุเคราะห์ พระเทพกิตติมุนี อดีตเจ้าอาวาส วัดมหาวนาราม

วันนี้ ( 6 มิ.ย. 57 ) เวลา 10.00 น. ที่พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ปฎิบัติในฐานะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีบำเพ็ญกุศลสตมวาร ( ครบ 100 วัน) ในพระราชานุเคราะห์ พระเทพกิตติมุนี (สมเกียรติ สมกิตุติมหาเถร เปรียญธรรม .6) อดีตเจ้าอาวาส วัดมหาวนาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ที่โต๊ะสักการะ (เครื่องนอก) กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล ประธานจุดเครื่องทองน้อย (เครื่องใน) โดยมีพระเทพวรมุนีเจ้าคณะจังหวัดนครพนม องค์แสดงธรรม จากนั้น เป็นพิธีถวายผ้าไตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 1 0 ไตร เพื่อบังสุกุลทอดถวายพระเจริญพระสวดพุทธมนต์ และประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ แด่พระสงฆ์สมศักดิ์ 10 รูป

สคร.7 เตือนระวังโรคไข้เลือดออกและให้กำจัดลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์

เตือนประชาชนทุกวัยมีโอกาสเสี่ยงป่วยไข้เลือดออกสูงกว่าฤดูกาลอื่น ขอให้ทุกบ้านช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลายทุก 5-7 วัน พร้อมแนะวิธีดูแลผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออก ช่วงสำคัญที่สุด คือช่วงที่ไข้ลดลงประมาณวันที่ 3-4 หากพบซึมลง กินและดื่มไม่ได้ ขอให้สงสัยว่าอาจเกิดอาการช็อก ให้รีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรักษาให้ทันท่วงที

นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้ จำนวนยุงลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้การแพร่เชื้อของโรคไข้เลือดออกมีเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องจึงควรร่วมมือกันทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อป้องกันไม่ให้โรคไข้เลือดออกเกิดการระบาดหนักเช่นในปี 2556 ที่ผ่านมา จากรายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 7 จังหวัดอีสานใต้ ของกลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สคร. 7 อุบลราชธานี พบว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2557 พบว่ามีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วทั้งสิ้นจำนวน 229 ราย แต่ยังไม่มีรายงานเสียชีวิต โดยพบผู้ป่วยมากที่สุดที่จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 90 ราย อุบลราชธานี จำนวน 65 ราย มุกดาหาร 65 ราย นครพนม 23 ราย ยโสธร 14 ราย อำนาจเจริญ 10 ราย และสกลนคร 3 ราย โดยพบผู้ป่วย โรคไข้เลือดออกเป็นวัยรุ่นอายุ 15-24 ปีมากที่สุดซึ่งแสดงว่ามีการระบาดในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี ได้มอบให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำในชุมชน ครู นักเรียนและประชาชน ร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลายทุก 5-7 วัน โดยเน้นกิจกรรม 5ป 1ข ได้แก่ 1.ป ปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด 2.ป เปลี่ยนน้ำทุกๆ 7 วัน 3.ป ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะกักเก็บน้ำ 4.ป ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ5.ป ปฏิบัติเป็นประจำให้เป็นนิสัย ส่วน 1ข คือ ขัดภาชนะที่อาจมีคราบไข่ยุงเกาะอยู่ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันไม่ให้ยุงกัด และการค้นหาผู้ป่วยโดยเร็ว เพราะหากผู้ป่วยได้รับการรักษาแต่ระยะแรก อย่างถูกต้อง จะลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกได้

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกี่ มียุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน อาการของโรคไข้เลือดออกคือ มีไข้สูงเฉียบพลัน ไข้สูงลอยประมาณ 2-7 วัน และมีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบจุดเลือดออกที่ผิวหนัง ตับ และในบางรายที่มีอาการรุนแรง จะมีภาวะช็อก แทรกซ้อน เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเองจากโรคไข้เลือดออก ด้วยการหมั่นทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณที่อยู่อาศัยทุกๆ สัปดาห์ หลีกเลี่ยงป้องกันไม่ให้ยุงกัด และหากมีอาการไข้สูงเกิน 2 วันให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์
ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว
6 มิ.ย. 57

สุรินทร์จัดกิจกรรมจองไดยัวเกลอ พร้อมแข่งขันกีฬา "สุรินทร์สามัคคี" ครั้งที่ 1

จังหวัดสุรินทร์ขานรับนโยบาย คสช. คืนความสุขให้ประชาชน จัดพิธีพื้นบ้าน จองไดยัวเกลอ หรือ ผูกแขนเอาเพื่อน พร้อมจัดกิจกรรมกีฬาสุรินทร์สามัคคี โดยมีข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทหาร ตำรวจ ประชาชน และอดีตนักการเมืองขั้วต่างๆ ร่วมผูกแขนผูกมิตร สร้างความสมานฉันท์กันอย่างชื่นมื่น

วันที่ 5 มิ.ย 57  เวลา 16.30 น.ที่สนามกีฬาศรีณรงค์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยพลตรีนิรุธ เกตุศิริ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ พลตำรวจตรี ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ข้าราชการฝ่ายผลเรือน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ได้มีการจัดพิธีจองไดยัวเกลอ หรือ ผูกแขนเอาเพื่อน ซึ่งเป็นประเพณีพื้นบ้าน เป็นการผูกมิตรที่ดีต่อกัน ซึ่งในพิธีดังกล่าวนอกจากจะมีบรรดาข้าราชการทุกหมู่เหล่า ตำรวจ ทหาร ประชาชน และรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งแล้ว ยังมีอดีตนักการเมืองขั้วต่างๆ ทั้งอดีตนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม แกนนำนปช.และ กปปส. อดีต ส.ส. ในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีผูกแขนผูกมิตร แบบพื้นบ้านอย่างคับคั่งกว่า 2,000 คน เพื่อเป็นการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ต่อกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น การจัดกิจกรรมจองไดยัวเกลอ หรือ ผูกแขนเอาเพื่อน เป็นการจัดกิจกรรมแบบพื้นบ้านที่ถือปฏิบัติกันของชาวสุรินทร์ พื้นเป็นการผูกมิตรและกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างเพื่อนกับเพื่อน โดยมีการนำช้างพลาย 2 เชือกเข้าร่วมพิธีและมีพรหมณ์นำประกอบพิธี จากนั้นจะเป็นการผูกมือด้วยด้ายสาสิญจน์ที่ผ่านพิธีกรรมมาให้กับผู้เข้าร่วมงาน และผูกต่อๆกันไป เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการเป็นเพื่อนและมิตรที่ดีต่อกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

การจัดกิจกรรมดังกล่าวสืบเนื่องจาก ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งให้ทุกจังหวัดจัดตั้ง ศปป.กอ.รมน.จังหวัด ขึ้นรองรับแล้ว โดยจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่าย ช่วยกันสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ให้สังคมไทยยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างและร่วมคืนความสุขให้กับประชาชนนั้น จังหวัดสุรินทร์ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยจัดกิจกรรมกีฬาเชื่อมความปรองดอง สมานฉันท์ และความสามัคคี ในทุกภาคส่วนร่วมการขับเคลื่อนความปรองดองของคนในพื้นที่ โดยกำหนดการจัดพิธีดังกล่าวขึ้น

การจัดการแข่งขันกีฬา "สุรินทร์สามัคคี ครั้งที่ 1" ขึ้น ซึ่งได้กำหนดแบ่งกลุ่มสี เป็น 5 สี ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน นักการเมืองท้องถิ่น/ระดับชาติ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ รวมทั้งกลุ่มพลังมวลชน ที่เคยมีความคิดที่แตกต่าง หรือแตกแยก มาทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้กฎเกณฑ์แห่งความปรองดองและความสมานฉันท์ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และลบล้างความคิดเห็นต่างทางการเมืองในหลายพื้นที่ ทำให้มวลชนทุกฝ่ายเริ่มมีความสนิทสนมกัน พร้อมทั้งขอให้มีการกรอกแบบสอบถามและร่วมแสดงความคิดเห็นที่จะสร้างประเทศไทยให้มีความสุขตรงตามความต้องการของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ตามแนว ศสช. โดยมอบให้นายอำเภอทุกอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวบรวมความเห็นจากระดับครอบครัว และชุมชน อำเภอ จังหวัด รวบรวมไปยังส่วนกลางเพื่อประกอบการพิจารณาการแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไปอีกด้วย ในกิจกรรมกีฬาก็เป็นไปด้วยความสนุกสนาน ทั้งผู้ชมและกองเชียร์ ต่างพากันร้องเต้นและร่วมกิจกรรมอย่างครื้นเครง ตลอดกันจนถึงช่วงค่ำ ซึ่งเป็นการเลี้ยงสังสรร



ส.ปชส.สุรินทร์ กำชัย วันสุข / ข่าว
ไวยวิทย์ สุขเก่า / ภาพ

จังหวัดขอนแก่นจัดกิจกรรมสร้างความสุขให้กับประชาชนนำหน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่ออกให้บริการที่อำเภอบ้านฝาง

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นที่สนามโรงเรียนบ้านหินฮาว ตำบลโนนฆ้อง อำเภอบ้านฝาง ซึ่งจังหวัดขอนแก่นได้นำกิจกรรม ออกให้บริการกับประชาชน ตามนโยบายของคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน โดยเป็นการบูรณาการกันของข้าราชการทุกกระทรวง ร่วมกับทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน  ซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นที่ห่างไกล มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวอำเภอบ้านฝางมาร่วมกิจกรรมดีๆที่ทางจังหวัดขอนแก่นจัดขึ้น ในงานมีการมอบ มอบถุงยังชีพให้กับผู้ด้อยโอกาส   มอบชุดนักเรียน มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจน การทำทะเบียนราษฎ์ การ นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย   บริการรักษาสัตว์ การให้ความรู้ด้านกฏหมาย การสมัครงานไป ทำงานต่างประเทศ การส่งเสริมอาชีพ การแจกปัจจัยการผลิตเพื่อลดต้นทุน ลดรายจ่ายสร้างรายได้ในครัวเรือนแก้ไขปัญหาการว่างงานและความยากจน  แจกพันธุ์กล้าไม้ พันธุ์ปลา ให้กับประชาชน พร้อมทั้งนำสินค้าโอท็อป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัดตามนโยบายของรัฐบาลมาจำหน่ายลดแลกแจกแถมให้กับผู้มารับบริการ สร้างความสุขให้กับผู้ที่มาร่วมงาน และจังหวัดขอนแก่น ก็จะจัดโครงการแบบนี้อีกไปทุกอำเภอทั้ง 26 อำเภอเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชนด้วย

จังหวัดขอนแก่นนำหน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่จัดกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชนที่อำเภอบ้านฝาง

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิด เผยว่าวันนี้(6 มิ.ย.57)จังหวัดขอนแก่นนำกิจกรรมโครงการจังหวัดเคลื่อนที่  ออกให้บริการกับประชาชน ตามนโยบายของคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน โดยเป็นการบูรณาการกันของข้าราชการทุกกระทรวง ร่วมกับทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน  ที่บ้านหินฮาว ตำบลโนนฆ้อง อำเภอบ้านฝางซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นที่ห่างไกล โดยมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวอำเภอบ้านฝางมาร่วมกิจกรรมดีๆที่ทางจังหวัดขอนแก่นจัดขึ้น ในงานมีการมอบ มอบถุงยังชีพให้กับผู้ด้อยโอกาส   มอบชุดนักเรียน มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจน การทำทะเบียนราษฎ์ การ นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย   บริการรักษาสัตว์ การให้ความรู้ด้านกฏหมาย การสมัครงานไป ทำงานต่างประเทศ การส่งเสริมอาชีพ การแจกปัจจัยการผลิตเพื่อลดต้นทุน ลดรายจ่ายสร้างรายได้ในครัวเรือนแก้ไขปัญหาการว่างงานและความยากจน  แจกพันธุ์กล้าไม้ พันธุ์ปลา ให้กับประชาชน พร้อมทั้งนำสินค้าโอท็อป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัดตามนโยบายของรัฐบาลมาจำหน่ายลดแลกแจกแถมให้กับผู้มารับบริการ สร้างความสุขให้กับผู้ที่มาร่วมงาน และจังหวัดขอนแก่น ก็จะจัดโครงการแบบนี้อีกไปทุกอำเภอทั้ง 26 อำเภอเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชนด้วย ก็ขอเชิญชวนชาวอำเภอบ้านฝางและอำเภอใกล้เคียงไปรับบริการได้งานมีทั้งวันเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น.  เป็นต้นไป

ชัยภูมิเข้มกวาดล้างอาวุธสงครามยาเสพติด เช้าเดียวได้ของกลางเพียบผู้ต้องหาอีก 5 คน

ตำรวจชัยภูมิ ปูพรมกวาดล้างอาวุธสงคราม ยาเสพติด การพนัน ได้ผู้ต้องหา ของกลางอาวุธปืนชนิดต่างๆ ยาบ้า อีกเป็นจำนวนมาก เตือนผู้ครอบครองอาวุธสงครามรีบนำมามอบให้ทางการ ภายใน 10 มิ.ย. นี้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ 6 มิ.ย.57 พลตรีมารุต  ลิ้มเจริญ  เจริญ  ผบ.บชร.2 รับผิดชอบ กกส.รส.จว.ชัยภูมิพร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต  มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ แถลงผลการกวาดล้าง จับกุมอาวุธสงคราม และยาเสพติด หลังจากสั่งการให้ทุก สภ. ระดมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่พร้อมกันในวันนี้ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดทั้งหมด ได้ของกลางยาบ้า   2,355 เม็ด   อาวุธปืน  จำนวน 5 กระบอก  และกระสุนปืน  จำนวน 24 นัด  ในท้องที่ สภ. เมืองชัยภูมิ  สามารถจับกุม ต้องหาได้ 1 คน  พร้อมของกลาง ยาบ้า  จำนวน 1 เม็ด  กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 7 นัด  กระสุนปืนขนาด .22 มม.  จำนวน 1 นัด  กระสุนปืนเบอร์ 12  จำนวน 3 นัด,   สภ.ภูเขียว   จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน  พร้อมของกลาง ยาบ้า  จำนวน 2,300 เม็ด  ปืนสั้นไทยประดิษฐ์แบบลูกโม่  จำนวน 1 กระบอก  กระสุนปืนขนาด .357  จำนวน 8 นัด , สภ.หนองบัวแดง  จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน  พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์  จำนวน 3 กระบอก  กระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12  จำนวน 1 นัด  กระสุนปืนขนาด 5.56 มม.  จำนวน 1 นัด  กระสุนปืนไม่ทราบขนาด  จำนวน 1 นัด    สภ. แก้งคร้อ  จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน  พร้อมของกลาง ยาบ้า  จำนวน 54  และสภ.ซับใหญ่  จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน  พร้อมของกลาง อาวุธปืน  จำนวน 2 กระบอก  กระสุนปืน  จำนวน 1 นัด

 พล.ต.ต.พินิต  มณีรัตน์  ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ  ได้เปิดเผยว่าอีกหลายพื้นที่ได้ตรวจพบและจับกุมเป้าหมายรายย่อยได้อีก  20  คดี  น่าจะลดปัญหาความรุนแรงของอาชญากรรมได้ระดับหนึ่งและยังเสริมอีกว่าปัญหายาเสพติดและการกวาดล้างอาวุธปืน  และอาวุธสงครามเป็นนโยบายสำคัญของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.)  จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อปราบปรามผู้ค้ารายสำคัญเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดและเป็นการตัดวงจรผู้ค้าต่อไป โดยเฉพาะอาวุธสงคราม คสช.ได้ประกาศให้ผู้ที่ครอบครอง นำมาส่งมอบให้กับทางการภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ หากไม่มามอบตามกำหนด เจ้าหน้าที่จะมีมารตารกวาดล้างหนักขึ้น เพื่อสร้างความสงบให้กับบ้านเมืองอย่างแท้จริง



สุระพงค์   สวัสดิ์ผล /ข่าว

ชาวนาโคราช เฮ คสช.อนุมัติเงินรอบ 2 ที่โคราช ครบถ้วน เกษตรกรต่างทยอยเข้ารับเงินต่อเนื่อง นครราชสีมา

วันที่ 6 มิ.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับเงินจำนำข้าว ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขา อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เกษตรกรเป็นจำนวนมากยังคงทยอยเดินทางมาติดต่อขอรับเงินโครงการรับจำข้าวปีการผลิต 2556/2557 กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ได้รับเงินไปก็จะต้องนำไปใช้จ่ายหนี้สินที่ยังคงค้างอยู่ อาทิ ค่ารถเกี่ยวข้าว ค่าปุ๋ย และค่าแรง และส่วนหนึ่งก็จะต้องเก็บไว้เพื่อทำการปลูกข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ โดยในพื้นที่อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา มีเกษตรกรที่เข้าเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นจำนวน 6,624 ราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 624 ล้านบาท โดยได้มีการดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรแล้วทั้งสิ้น 4,151ราย คิดเป็นเงินกว่า 451 ล้านบาท ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2557 ยังมีเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว(ตามคิวใบประทวน) ทั้งสิ้น 2,473 ราย จำนวนเงินกว่า 172 ล้านบาท ด้านนายสมชาย คมพงษ์ปภา ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากที่ทาง ธ.ก.ส. ได้รับเงินโครงการรับจำนำข้าว จากทาง คสช.ในครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 พ.ค.57 ทาง ธ.ก.ส. จังหวัดนครราชีมา ได้รับเงินกว่า 1,686 ล้านบาท ทาง ธ.ก.ส.ก็ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยเลื่อยมา จนกระทั้งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ทาง คสช.ได้อนุมัติเงินค่าโครงการรับจำนำข้าว รอบที่2 จำนวนเงินทั้งสิ้น 3,108 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาที่ยังคงไม่ได้รับเงิน จำนวนทั้งสิ้น 39,420 ราย เป็นเงินจำนวน 3,108 ล้านบาท ทั้งนี้ ทาง ธ.ก.ส.จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้แจกจ่ายไปยัง ธ.ก.ส.ในแต่ละสาขา เพื่อดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะต้องจ่ายเงินกับเกษตรกรให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 13 มิถุนายน 2557 นายสมชาย กล่าว

ไทย-กัมพูชา เห็นชอบพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี 14 มิ.ย. นี้

( 6 มิ.ย. 57) นายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ในฐานะตัวแทนฝ่ายไทย ได้ร่วมกับตัวแทนฝ่ายกัมพูชา นำโดยนายวาด ปาระนิล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศกัมพูชา ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานที่ในการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี ที่บริเวณ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด หลัง คสช.ไฟเขียวเพื่อให้ประชาชนได้ดำเนินชีวิตเป็นไปตามปกติ ซึ่งจากการตรวจสถานที่ทางฝั่งกัมพูชา พบว่าขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใกล้เสร็จแล้ว ขณะที่ฝั่งไทยก็ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารจำหน่ายสินค้าเสร็จแล้ว เหลือเพียงประตูเข้า-ออกพรมแดน ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่สิ่งที่ทั้งสองฝั่งต่างเสนอให้เร่งดำเนินการ คือการรื้อเพิงหรือสิ่งของออกจากตลาดเดิม เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าย้ายไปขายยังอาคารใหม่ที่จัดเตรียมไว้ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 12 มิ.ย.2557 พร้อมกันนี้ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย ยังได้มีการตั้งโต๊ะเจรจากำหนดหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับเงื่อนไขและเห็นชอบ ที่จะเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกูดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ พร้อมขยายจากเดิมสัปดาห์ละ 2 วัน เพิ่มเป็น 3 วัน คือ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ด้วย เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ส่วนการผ่านเข้า-ออกพรมแดนของแต่ละฝั่ง ก็เห็นตรงกันว่าจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนของแต่ละประเทศ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตัวบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย

นายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการตรวจความพร้อมสถานที่และหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชาในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยอมรับที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด และพร้อมที่จะเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกูดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิ.ย.ตามกำหนดการเดิมที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายก็จะต้องมาตรวจความเรียบร้อยร่วมกันอีกครั้ง ในวันที่ 12 มิ.ย. ก่อนจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิ.ย. 57

จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก

สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ นำเครือข่าย ทสม.นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปกว่า 1000 คน ร่วมจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว บริเวณศาลากลางหลังใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ พร้อมมอบพันธุ์กล้าไม้พะยุงให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการรักษาและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2557

วันที่ 5-6-57 เวลา 09.00 น.นายชโลธร ผาโคตร ผวจ.บึงกาฬ เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2557 ณ บริเวณศาลากลางหลังใหม่ ถ.บึงกาฬ-นครพนม ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ สืบเนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกและในแต่ละปีจะกำหนดประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อให้นานาชาติประเทศได้ร่วมรณรงค์ในกิจกรรมที่เป็นทิศทางเดียวกัน จังหวัดบึงกาฬจึงได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว บริเวณศาลากลางหลังใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ พร้อมมอบพันธุ์กล้าไม้พะยุงให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการรักษาและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการเพิ่มภูมิทัศน์ สร้างเอกลักษณ์และสร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้แก่ผู้ที่มาติดต่อราชการ โดยพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกในวันนี้ได้แก่ ต้นอินทนิลน้ำ ต้นประดู่ป่า ต้นพะยุง ต้นตะแบก เป็นต้น 

มหาสารคามจัดสัมมนาสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด

คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดจัดสัมมนาสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสอดส่องหน่วยงานของรัฐ

06-06-57 ที่ห้องประชุมตักสิลาบอลลูม อําเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม นางวนิดา สักการโกศล ผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 12 ประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด เขตตรวจราชการที่ 12 เป็นประธานในการจัดสัมมนาสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด โดยมีนายอดุล จันมนปุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ให้การต้อนรับ

นางสาววรพรรณ เลิศไกร ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรี เลขานุการกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด เขตตรวจราชการที่ 12 เปิดเผยว่าสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้ประสานงานกลางในการดําเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดได้จัดสัมมนาเพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนร่วมกันกําหนดแนวทางระหว่างคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดกับเครือข่ายภาคประชาชนสามารถเป็นกลไกในการตรวจสอบหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยการเสริมสร้างเครือข่ายให้มีความเข้มแข็งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสอดส่องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดผ่านช่องทาง กลไกในเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสาร รับฟังความคิดเห็นและเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐมีการปรับเปลี่ยนศูนย์การบริหารราชการที่เปิดเผย โปร่งใสเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และพัฒนาระบบราชการเพื่อตอบสนองความต้องการและเพื่อประโยชน์ของประชาชน สําหรับการสัมมนาเพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนครั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือเครือข่ายคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดในแต่ละจังหวัดเข้าร่วมจาก 4 จังหวัดคือขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดและมหาสารคาม จํานวน 350 คน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว