วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ศพทหารกล้าจาก จ.ปัตตานี กลับถึงบ้านเกิดที่ อ.ขุขันธ์ แล้ว มีทหารกองเกียรติยศและญาติพี่น้องรอรับศพด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด

นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 25 พ.ค.56 ที่วัดกลางอัมรินทร์ทราวาส ต.ห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ขบวนทหารกองเกียรติยศได้ช่วยกันแบกโลงศพของ ส.อ.มงคล พลภักดี สังกัดกองร้อยทหารพราน 4204 กรมทหารพรานที่ 42 ทหารกล้าที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจดูแลความปลอดภัยเส้นทางให้ แก่ประชาชนชาวไทยพุทธในการประกอบศาสนกิจ เนื่องในวันวิสาขบูชา เหตุเกิดบริเวณบ้านสะบือแร ม.1 ต.บือแระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 พ.ค.56 ที่ผ่านมา โดยมี พ.อ.สมภพ ภาระเวช ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย คณะนายทหาร ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และญาติพี่น้องของ ส.อ.มงคล มารอรับศพด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยมีพวงหรีดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และนายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ มาวางไว้อาลัยศพด้วย

นายประสาธน์ ศรีจักร ประธานสภาวัฒนธรรม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนเปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ของ ส.อ.มงคล เพราะว่าเป็นผู้ให้การอุปการะ ส.อ.มงคล พลภักดี ตั้งแต่ยังเด็กเล็ก จนกระทั่งรับราชการทหาร เนื่องจากพ่อแม่ของ ส.อ.มงคล ได้แยกทางกันตั้งแต่เด็ก และพ่อของ ส.อ.มงคล เป็นน้องชายของภรรยาตน ซึ่งหลังจากที่ ส.อ.มงคล ได้ปลดประจำการจากการเป็นทหารเกณฑ์แล้ว ก็ได้สมัครเป็นทหารไปประจำอยู่ที่ จ.ยะลา จนกระทั่งได้เลื่อนยศเป็น ส.อ.โดย ส.อ.มงคล เคยขอเงินจากตน เพื่อจะไปแต่งงานที่ จ.ยะลา แต่ว่าไม่ได้ให้ตนไปด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ทำให้ไม่ทราบว่า ส.อ.มงคล มีภรรยาและบุตรหรือไม่ อย่างไร สำหรับการประกอบพิธีทางศาสนานั้น จะมีการสวดพระอภิธรรมศพในระหว่างวันที่ 26 – 28 พ.ค.56 จากนั้นจะมีการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 พ.ค. 56



จิรภัทร หมายสุข /ภาพ/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE จัหวัดมหาสารคาม

ผวจ.มหาสารคามประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดมหาสารคาม เพื่อการขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ โครงดำเนินงานโครงการการประกวดให้บรรลุผลตามเป้าหมาย

23-05-2556 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้จัดประชุมคณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดมหาสารคามสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลต่อ ไป โดยตามที่จังหวัดมหาสารคาม ได้ดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธานโครงการซึ่งดำเนินงานตามโครงการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด ในกลุ่มเป้าหมายหลัก เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 10 – 25 ปี แก้ไขปัญหาเยาวชนกลุ่มเสี่ยงทั้งในสถานศึกษา ชุมชน สถานประกอบการ เน้นลดพื้นที่เสี่ยง ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติดจากหมู่บ้าน /ชุมชน โดยใช้กลวิธีในการรณรงค์ปลุกจิตสำนึก การสร้างกระแสสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติด สร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติดบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ชุมชน และเอกชน ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โครงการ โดยจัดให้มีการประกวด TO BE NUMBER ONE DANCERCISE , TO BE NUMBER ONE IDOLS และประกวดจังหวัด/ชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับภาคเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศการแข่งขันเข้าสู่การประกวดระดับประเทศต่อ ไป

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดมหาสารคามเปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสที่โครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ดำเนินการมาครบรอบ 10 ปี ในปี 2555 ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2556 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ ทรงรับสั่งว่า ได้จัดตั้งมูลนิธิ TO BE NUMBER ONE ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 และในโอกาสนี้ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์และเชิญชวนสมาชิก TO BE NUMBER ONE รวมทั้งผู้บริหารสถานประกอบการ ผู้บริหารสถานศึกษาทุกระดับ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้มีจิตศรัทธาทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคเงินคนละ 1 บาทขึ้นไป หรือบริจาคเงินตามความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ดังนั้นคณะกรรมการมูลนิธิ TO BE NUMBER ONE จึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2556 เห็นชอบให้จัดทำ”โครงการรณรงค์เชิญชวนสมาชิก TO BE NUMBER ONE และประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคเงินคนละ 1 บาทขึ้นไป เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิ TO BE NUMBER ONE " ขึ้น ตามแนวทางพระดำรัสดังกล่าว




ภาณุวัชร คนเชี่ยว ภาพ/ข่าว สปชส.มค.

พุทธศาสนิกชนชาว จ.ศรีสะเกษ ร่วมทำบุญตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชา และเพื่อเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

นายพินิจ  วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 พ.ค.56 ที่วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ นำหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ ร่วม พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุ สามเณร เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556 และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวาระที่ปี 2556 เป็นปีพุทธชยันตี ครบ 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยมีประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ พากันเดินทางมาทำบุญพร้อมกับครอบครัว และญาติมิตร อย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศการทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นไปด้วยความคึกคัก นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากลของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก ถือเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศ และเป็นวันสำคัญของโลก ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั้ง 3 เหตุการณ์นั้น ได้เกิดตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาส ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า วิสาขบูชา ย่อมาจาก "วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" นั่นเอง


จิรภัทร  หมายสุข /ภาพ/ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

ผู้แทนพระองค์ ถวายเพลิงศพหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้หม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญกุศลถวายเพลิงศพ พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง หมู่ที่ 11 บ้านภูทอง ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ ( 26 พ.ค.56 ) หม่อมหลวงสราลี กิติยากร ผู้แทนพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เดินทางมาถึงเมรุชั่วคราววัดป่าภูทอง นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พันเอกอำนวย จุลโนนยาง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 24 ผู้แทนผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินไปสักการะพระพุทธรูป ณ โต๊ะหมู่บูชา นังยังเก้าอี้ที่เตรียมไว้ ฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดยในวันนี้ หลวงพ่ออุทัย สิริธโร เจ้าอาวาสวัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่องเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุล ผู้แทนพระองค์ถวายไทยทาน จากนั้นหลวงพ่ออุทัย สิริธโร เจ้าอาอวาสวัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ประธานสงฆ์ เดินขึ้นสู่เมรุชั่วคราววัดป่าภูทอง วางผ้าไตรสักการะสรีระพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง พระสงฆ์สมนะศักดิ์ 2 รูปสวดมาติกาบังสุกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ถวายผ้าไตรเคารพสรีระพระครูวิมลภาวนาคุณ พระอาจารย์ อินทร์ถวายสันตุสโก สวดมาติกาบังสุกุล หม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นผู้แทนพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ขึ้นวางผ้าไตร 3 ผืนของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และประกอบพิธีถวายเพลิงศพพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง คณะสงฆ์ ข่าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประชาชนวางไม้จิกและถวายดอกไม้จันทน์เคารพสรีระพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง

หลวงพ่อคูณ สุเมโธ หรือหลวงปู่คูณ ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2486 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน5 ปีมะแม ที่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) โยมบิดาชื่อบุญธรรม ชูรัตน์ โยมมารดา นางจันทร์ สลับสี หลวงปู่เป็นบุตรคนโต ในพี่น้อง 3 คน คนที่ 2 เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก คนที่ 3 เป็นชายชื่ออุดม ซึ่งได้บรรพชา และอุปสมบทและมรณภาพด้วยไข้มาลาเรียนเมื่อปี พ.ศ.2524 ที่วัดถ้ำหีบ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

หลวงพ่อคูณ สุเมโธจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นการศ฿กษาสูงสุดในขณะนั้น จากนั้นได้ช่วยงานครอบครัวทุกอย่างทั้งหนักเบา จนอายุ 16 ปี ได้เดินทางไปทำงานกับญาติที่เหมืองทุบหิน ทางภาคใต้จนอายุ 23 ปี ได้เดินทางกลับบ้านหนองแสง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับหลวงปู่สอ พันธุโร มาพักที่บ้านหนองแสง หลวงปู่จึงตัดสินใจขอเป็นนาคกับหลวงปู่สอ และได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดสร้างโศก หรือวัดศรีธรรมาราม ที่อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 13 มกราคม 2509 มีฉายาว่า สุเมโธ แปลว่า ผู้มีปัญญางาม โดยมีพระครูทัศนประกาศ (บุ จันทสิริ ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาวิสุทธิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระจำปี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่คูณพักอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองแสงช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นได้ติดตามหลวงปู่สอ ไปจำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และได้ปฏิบัติตามประเพณีของพระกรรมฐานจากการอ่านหนังสือของหลวงงตามหาบัว ญษณสัมปะนโน จึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือเดินจงกรมตลอดคืน อดนอน ผ่อนอาหาร นั่งสมาธิภาวนา จนจิตเข้าถึงฐานแห่งสมาธิเป็นที่อัศจรรย์ เห็นผลการกระทำความเพียรภาวนาเรื่อยมา จนพรรษาที่ 7 เกิดจิดเสื่อมจากสมาธิ มีความร้องรุ่มอยู่เป็นเวลานานจึงตัดสินใจไปขอฟังธรรมจากหลวงปู้สิงห์ทอง ธัมมวโร ที่วัดแก้วชุมพล จังหวัดสกลนคร ในคืนแรกที่ได้ฟังธรรมจากหลวงปู่สิงห์ทอง จิตที่เป็นไฟ ก็เหมือนได้น้ำเย็นชโลมใจ หลวงปู่ท่างจึงเร่งความเพียรภาวนา โดยการอดนอน ผ่อนอาหร จิตก็สงบเป็นสมาธิ พิจารณา ปัญญาได้ จนมีความมั่นใจ จึงอธิษฐาน ว่าจากนี้ไปจะไม่สึก หลวงปู่ท่านได้ศึกษาอบรมธรรมะ ข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร ที่วัดแก้วชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 ปี หลวงปู่จึงขอออกไปเที่ยวธุดงค์ยังที่ต่างๆ จนถึงเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อยู่กับชาวเขากะเหรี่ยงและมูเซอ หลังจากหลวงปู่สิงห์ทอง มรณภาพแล้วจึงได้กลับไปจำพรรษษอยู่ที่วัดป่าแก้วชุมพลอีก 3 พรรษษ ก่อนที่จะออกเที่ยวธุดงค์ในเขตภาคอีสาน และได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ซึ่งเป็นคนบ้านหนองแสงด้วยกัน ที่วัดถ้ำยานาโพธิ์ ภูลังกา ก่อนที่จะรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสจำพรรษาที่วัดป่าภูทอง เมื่อปี พ.ศ.2533 จนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ละสังขารเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2556 เวลา 15.00 น.ที่วัดเขารูปช้าง ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ด้วยอาการอันสงบ สิริอายุได้ 70 ปี 5 เดือน 12 วัน 47 พรรษา



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถวายปริญญาบัตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่หลวงปู่เมือง เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส จังหวัดกาฬสินธุ์

เช้าวันที่ ( 24 พ.ค. 56 ) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้จัดให้มีพิธีถวายปริญญาบัตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา แด่พระโพธิญาณมุนี(วิ) ฉายา พลวฑโฒ หรือหลวงปู่เมือง ณ วัดป่ามัชฌิมาวาส อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดย ศ.ดร.ปริญญา จินดาประเสริฐ นายากสภามหาวิทยาลัย มหาสารคาม ได้กล่าวคำประกาศเกียรติคุณว่า พระโพธิญาณมุนี(วิ) ฉายา พลวฑโฒ หรือหลวงปู่เมือง เจ้าอาวาสวัดป่าวัดป่ามัชฌิมาวาส จังหวัดกาฬสินธุ์ อายุ 67 ปี 47 พรรษา เป็นผู้นำคณะสงฆ์ที่มีข้อปฏิบัติงดงาม เป็นที่ยอมรับ เลื่อมใส ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก หลักการแสดงธรรม คำสอนเป็นที่เข้าใจง่าย อีกทั้งยังได้ใช้พลังทางพุทธธรรมมาบูรณาการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ศึกษา การสาธารณสุข และศิลปวัฒนธรรมอย่างลงตัว รวมไปถึงการสร้างสาธารณะประโยชน์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการสร้างสรรค์สังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้ถวายปริญญาบัตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา พร้อมครุยวิทยฐานะ จารึกคำประกาศเกียรติคุณ ผ้าไตร ย่าม ตาลปัตร แด่ พระโพธิญาณมุนี(วิ) ฉายา พลวฑโฒ หรือหลวงปู่เมือง เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
 
ทางด้านนาย ยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว หนึ่งใน ศิษยานุศิษย์กล่าวว่า มีความเลื่อมใส ศรัทธาในหลวงปู่เมือง เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส มานานแล้ว โอกาสนี้จึงได้นำ วงคาราบาว มาเปิดการแสดงให้แก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานพิธีถวายปริญญาบัตรในครั้งนี้ได้ ชมฟรี
 
 


วิภาดา รัตนโรจนา / ข่าว