นายคุมพล บรรเทาทุกข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า วัดพระธาตุพนมวรมหวิหาร จัดงานเทศกาลนมัสการพระธาตุพนม ประจำปี 2557 วันที่ 7-15 กุมภาพันธ์ 2557 โดยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.00 น. พิธีแห่พระอุปคุตจากริมฝั่งแม่น้ำโขงมายังวัดพระธาตุพนม เวลา 15.00 น. พิธีเปิดงานนมัสการพระธาตุพนม พระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค 10 ประธานฝ่ายสงฆ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส เวลา 19.00 น. พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม แสดงพระธรรมเทศนา และนำประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลา 04.00 น.ทำวัตรเช้า เวลา 07.00 น. แห่กองบุญถวายพระธาตุพนมและตักบาตรคู่อายุ เวลา 19.00 น.แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระธรรมกถึก และนำประกอบพิธีเวียนเทียนทุกวัน
วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม จัดงานเกษตรลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 17 ประจำปี 2557
นายคุมพล บรรเทาทุกข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานเกษตรลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 17 ประจำปี 2557 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 ณ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้บริการเผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่อชุมชน โรงเรียน และองค์กรต่างๆ อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมในการจัดแสดงผลงานและจำหน่ายสินค้าการเกษตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวในจังหวัดและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งยังให้ความรู้ความเข้าใจทางด้านการเกษตรแก่ประชาชนและผู้สนใจและเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยนครพนม และหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทางมหาวิทยาลัยนครพนมสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานการจัดงานครั้งนี้มีหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานอย่างดี อาทิ บริษัทเครือข่ายเจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ บริษัทคูโบต้า RMG นครพนม อีกหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนี้ งานเกษตรลุ่มน้ำโขงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2557 และคาดว่าเกษตรกร ผู้ที่สนใจที่มาร่วมงานสามารถนำแนวทางปฏิบัติในด้านการเกษตรไปพัฒนาปรับปรุงอาชีพ และการดำเนินชีวิตตามแนวทาง Green City Nakhon Phanom ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป
โครงการจังหวัดเคลื่อนที่
นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนมจัดโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ฯ เพื่อนำบริการของรัฐทุกประเภทเข้าไปให้บริการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแก่ประชาชน ในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ในวันศุกรี่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ออกให้บริการ ณ โรงเรียนวังยางวิทยาคม หมู่ที่ 2 บ้านหนองนางด่อน ตำบลวังยาง อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม โดยเปิดให้บริการประชาชนและแนะนำตัวหัวหน้าส่วนราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป
บุรีรัมย์ วอนเกษตรกรงดเผาหญ้าและตอซังข้าวหวั่นกระทบแหล่งอาศัยหากินของนกหายากที่มาหากินทำรังวางไข่ในพื้นที่
บุรีรัมย์วอนเกษตรกรงดเผาหญ้าและตอซังข้าวหวั่นกระทบแหล่งอาศัยหากินของนกหายากที่มาหากินทำรังวางไข่ในพื้นที่ หัวหน้าเขตห้ามสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอให้ชาวบ้าน และเกษตรกร งดเผาหญ้าและตอซังข้าวช่วงหน้าแล้ง หวั่นเป็นอันตราย ทั้งจะส่งผลกระทบแหล่งอาศัย และอาหารของนก ที่อพยพเข้ามาอาศัยหากิน และทำรังวางในพื้นที่ โดยเฉพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ใกล้สูญพันธ์ ( 6 ก.พ.57) นายมณฑล ตันติศักดิ์ชัยชาญ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอให้ชาวบ้าน และเกษตรกร งดเผาหญ้า และตอซังข้าวในช่วงหน้าแล้งนี้ เพราะเกรงจะลุกลามไหม้พื้นที่ป่า ที่เป็นแหล่งอาศัยของนกหลายชนิด ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับนก ทั้งยังจะส่งผลให้นกที่อพยพมาอาศัยหากินตามพื้นที่ต่างๆ ประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งอาหารด้วย โดยเฉพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทยซึ่งเป็นนกหายาก 1 ใน 15 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ที่ทางองค์การสวนสัตว์ได้นำมาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำในเขตจังหวัดบุรีรัมย์มากกว่า 40 ตัว เพื่อให้แพร่ขยายพันธุ์นำร่องเป็นแห่งแรกของประเทศด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และเยาวชน ได้ร่วมสอดส่องเป็นหูเป็นตา ในการอนุรักษ์นกหายากไม่ให้ถูกล่าและถูกทำร้ายในอีกทางหนึ่งด้วย หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย ยังระบุอีกว่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินดังกล่าว มีเนื้อที่อยู่กว่า 3,500 ไร่ จำนวนนี้แบ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 1,600 ไร่ ทุกปีจะมี นกอพยพเข้ามาอาศัยหากิน และทำรังวางไข่เป็นจำนวนมาก จึงได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่เขตห้ามล่าฯ ได้ร่วมกันอนุรักษ์ ไม่ล่า ทำร้าย หรือกระทำการใดๆ ที่จะเป็นการรบกวนนกที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะนกที่กำลังทำรังวางไข่ หากพบผู้ใดฝ่าฝืนเข้าไปล่า หรือทำร้ายนกในเขตอนุรักษ์ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที
สุรชัย พิรักษา สวท.บุรีรัมย์
ชลประทานบุรีรัมย์หวั่นวิกฤติแล้งหลังพบเกษตรกรทำนาปรังเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 30,000 ไร่
ชลประทานบุรีรัมย์หวั่นวิกฤติแล้งหลังพบเกษตรกรทำนาปรังเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 30,000 ไร่ เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้วในหลายพื้นที่ ขณะชลประทานจังหวัดหวั่นวิกฤติ ได้ประกาศแจ้งเตือนให้เกษตรกรไม่ให้ขยายพื้นที่เพราะปลูกข้าวนาปรังเพิ่ม หลังสำรวจพบว่าปีนี้มีเกษตรกรทำนาปรังมากกว่า 50,000 ไร่ เพิ่มจากปีที่ผ่านมากว่า 30,000 ไร่ ( 6 ก.พ.57 ) บุรีรัมย์เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้วในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะนายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนเกษตรกรทั้งในและนอกเขตบริการ ให้งดการขยายพื้นที่ทำนาปรังเพิ่มอีก หลังสำรวจพบว่าได้มีเกษตรกรทั้งในและนอกเขตพื้นที่บริการของโครงการชลประทาน ได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังขณะนี้มากกว่า 51,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 30,000 ไร่ จากที่เกษตรกรได้มีการเพาะปลูกเพียงกว่า 2 หมื่นไร่เท่านั้น เกรงว่าหากเกษตรกรยังมีการฝ่าฝืนลักลอบขยายพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเกินกว่าแผนที่กำหนดไว้แล้ว หากฤดูฝนมาช้าหรือทิ้งช่วง อาจจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคได้ เพราะคาดการณ์ว่าปีนี้สถานการณ์ภัยแล้วจะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานโครงการชลประทานจังหวัด ได้แจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ ของแต่ละพื้นที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทุกแห่งแล้ว ได้ร่วมกันตรวจสอบ และประชาสัมพันธ์ในเกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบอย่างเร่งด่วน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัด ยังกล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำที่กักเก็บในอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์จำนวน 22 อ่าง ปัจจุบันมีปริมาณกักเก็บอยู่กว่า 260 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 87.04 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณจากความจุอ่างทั้งหมดกว่า 298 ล้านลูกบาศก์เมตร เชื่อว่าจะเพียงพอต่อการใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ตลอดทั้งปี แต่หากไม่มีการบริหารจัดการการใช้น้ำอย่างเป็นระบบแล้ว ในอนาคตอาจจะส่งผลทำให้ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคได้
สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์
ผู้ตรวจสำนักนายก ติดตามโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกและการเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่อาเซียนที่บุรีรัมย์
ผู้ตรวจสำนักนายกติดตามโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกและการเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่อาเซียนที่บุรีรัมย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก และการเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเผยบุรีรัมย์มีจุดแข็งด้านแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่ย้ำให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความประทับใจนักท่องเที่ยว ( 6 ก.พ.57) นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก และการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายจิรายุ พร้อมคณะฯ ได้มีการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สาธารณสุขจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด รวมถึงวิทยาลัยในสังกัดอาชีวศึกษา เพื่อรับฟังผลการดำเนินงานและการเตรียมความพร้อม ในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต่อจากนั้นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ ยังได้เดินทางไปติดตามเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ พร้อมลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านยาง ต.บ้านยาง อ.เมือง และแปลงเกษตรอินทรีย์คุณลุงทองคำ ยิ้มรัมย์ ที่บ้านโนนขวาง ต.โนนขวาง อ.บ้านด่านด้วย นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อมาตรวจติดตามการดำเนินการในโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก และการเตรียมความพร้อมของภาคส่วนต่างๆ ในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ก็มือจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง และสนามฟุตบอลที่มีมาตรฐานแห่งหนึ่งในประเทศ ที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในจังหวัดเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในปี 2558 ที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ก็ได้เน้นย้ำให้เพิ่มมาตรการด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวดังกล่าวด้วย
สุรชัย พิรักษา สวท..บุรีรัมย์
จังหวัดสุรินทร์ เชิญเข้าร่วมประกวดการแข่งขัน วงดนตรีสตริง ครั้งที่ 1
นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่า จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน วงดนตรีสตริง ครั้งที่ 1 "ชิงถ้วยรางวัล พร้อมเงินสด” ในงานประจำปีวัดโพธิ์ศรีธาตุ ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยการแข่งขันรอบแรก ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ส่วนรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป สำหรับรางวัลชนะเลิศจะได้ถ้วยรางวัล พร้อมเงินสดมูลค่า 5,000 บาท รางวัลที่ 2 ได้เงินสดมูลค่า 3,000 บาท และรางวัลที่ 3 ได้เงินสดมูลค่า 2,000 บาท รับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณปรี 082-1594993 และ คุณรัชานนท์ 088-7143140
จังหวัดสุรินทร์ แจ้งเตือนอัคคีภัย ไฟป่า และหมอกควัน ช่วงภัยหนาว
นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในห้วงระหว่างเดือนธันวาคม ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี สภาพอากาศของประเทศไทย จะเกิดความแห้งแล้งและมีลมกระโชกแรง ประกอบกับความผันผวนของสภาพอากาศโลกอันเป็นผลเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน และบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอากาศหนาวเย็น รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศป่าไม้ ซึ่งมีสาเหตุจากการประกอบอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ การทำการเกษตรกรรมใกล้พื้นที่ป่า และการเผาในที่โล่งในพื้นที่ชุมชนและเกษตรกรรม จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอัคคีภัย ไฟป่า และหมอกควันได้ง่าย ซึ่งการเกิดภัยพิบัติในแต่ละครั้งสร้างความเสียหาย ต่อชีวิต ทรัพย์สิน ทั้งของประชาชนและทางราชการ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม
จังหวัดสุรินทร์ จึงประกาศแจ้งเตือนอัคคีภัย ไฟป่า และหมอกควัน ให้ส่วนราชการ เอกชน และประชาชน ตระหนักถึงความปลอดภัยโดยการป้องกันและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยในบ้านเรือนและชุมชน ไฟป่า และหมอกควัน โดยการช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้มีการเผาตอซังข้าว เศษใบไหม้ การเผาทำลายป่า เพื่อให้จังหวัดสุรินทร์เป็นเมืองปลอดภัยน่าอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในปัจจุบัน ระดับการเกิดอัคคีภัย ไฟป่าและหมอกควัน ในประเทศไทยมีความรุนแรงมาก จนเกิดผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง ทั้งพืช ดิน น้ำ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมไปถึงเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ของประเทศไทย นอกจากนี้อัคคีภัย ไฟป่าและหมอกควัน ยังก่อให้เกิดวิกฤตมลพิษหมอกควันจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัย และชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้าง และในปัจจุบันเนื่องจากปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพภูมิอากาศผันผวน ทำให้การคาดการณ์สภาพอากาศและสถานการณ์ภัยพิบัติในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
จังหวัดสุรินทร์ จึงประกาศแจ้งเตือนอัคคีภัย ไฟป่า และหมอกควัน ให้ส่วนราชการ เอกชน และประชาชน ตระหนักถึงความปลอดภัยโดยการป้องกันและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยในบ้านเรือนและชุมชน ไฟป่า และหมอกควัน โดยการช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้มีการเผาตอซังข้าว เศษใบไหม้ การเผาทำลายป่า เพื่อให้จังหวัดสุรินทร์เป็นเมืองปลอดภัยน่าอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในปัจจุบัน ระดับการเกิดอัคคีภัย ไฟป่าและหมอกควัน ในประเทศไทยมีความรุนแรงมาก จนเกิดผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง ทั้งพืช ดิน น้ำ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมไปถึงเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ของประเทศไทย นอกจากนี้อัคคีภัย ไฟป่าและหมอกควัน ยังก่อให้เกิดวิกฤตมลพิษหมอกควันจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัย และชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้าง และในปัจจุบันเนื่องจากปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพภูมิอากาศผันผวน ทำให้การคาดการณ์สภาพอากาศและสถานการณ์ภัยพิบัติในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
จ.สุรินทร์จดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า อำเภอศรีณรงค์ ร่วมกับ อบต.ศรีสุข กำหนดจัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสในวันแห่วงความรัก ประจำปี 2557 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ห้อยทับทัน ตำบลศรีสุข อำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวห้วยทับทัน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ของอำเภอศรีณรงค์ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายคู่สมรสร่วมโครงการ 29 คู่ โดยในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ขบวนแห่ขันหมากตามศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวศรีณรงค์ พิธีบายศรีสู่ขวัญ การจดทะเบียนสมรส การล่องเรือในลำห้วยทับทัน สายน้ำแห่งชีวิต ชมเสน่ห์แห่งสายน้ำอันงดงาม และงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสกับแขกผู้มีเกียรติ ณ กุดหวาย แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ธรรมชาติอันงดงาม คู่สมรสที่สนใจ สอบถามรายละเอียดได้ที่ ที่ว่าการอำเภอศรีณรงค์ 044-509056 หรือ อบต.ศรีสุข 089-949322-9 ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 นี้
จ.สุรินทร์ เตือนเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ห้ามนำไก่ เป็ด นก ป่วย ตาย มาชำแหละประกอบอาหาร
จ.สุรินทร์ เตือนเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ห้ามนำไก่ เป็ด นก ป่วย ตาย มาชำแหละประกอบอาหาร นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ว่า แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เนื่องจากประเทศใกล้เคียงยังมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนก และประชาชนมีการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง จึงขอเตือนประชาชนห้ามนำเป็ด ไก่ รวมทั้งนกที่กำลังป่วยหรือตายแล้ว มาประกอบอาหาร หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกหรืออยู่ในพื้นที่สัตว์ปีกป่วยตาย ให้รีบพบแพทย์หรือโทรปรึกษาสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 (H7 N9) ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้รายงานเมื่อ 14 มกราคม 2557 พบผู้ป่วยไข้หวัดนก ตั้งแต่กลางปี 2556 จนถึงปัจจุบันรวมจำนวน 169 ราย เสียชีวิต 48 ราย ผู้ป่วยที่รายงานทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน อาการของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อและป่วยจากไข้หวัดนก ได้แก่ ซูบผอม ซึม ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง ขนร่วง ปริมาณไข่ลดลง หน้าบวม หงอนและเหนียงบวม มีสีคล้ำ ท้องเสีย หากพบสัตว์มีอาการดังกล่าว ให้สงสัยอาจติดเชื้อไข้หวัดนก ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือผู้นำชุมชน เพื่อควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว และขอเตือนประชาชนห้ามนำสัตว์ปีกที่ตายแล้ว หรือกำลังป่วยมาชำแหละเพื่อจำหน่าย หรือรับประทานเนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง หากจำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีก ให้สวมถุงมือหรือถุงพลาสติก และล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง หากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีกหรือผู้ป่วยปอดบวม ไอ จาม ให้ปิดปากปิดจมูก สวมหน้ากากป้องกันโรคเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย และรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสโรคหรือแจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรปรึกษาที่หมายเลข 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค ตลอด 24 ชั่วโมง
ททท. ขอเชิญร่วมเสริมศรัทธามาฆบูชา เพียรภาวนาเดือนเพ็ญสุขใจ เที่ยวอีสานใต้สุขจัง
เที่ยวอีสานใต้สุขจัง ททท. ขอเชิญร่วมเสริมศรัทธามาฆบูชา เพียรภาวนาเดือนเพ็ญสุขใจ เที่ยวอีสานใต้สุขจัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ผู้สืบสานศรัทธาแห่งศาสนาพุทธ และนักเดินทางท่องเที่ยวผู้มีธรรมะในหัวใจ ร่วมเดินทางท่องเที่ยวศึกษาพร้อมปฏิบัติธรรมไปกับกิจกรรม "เพ็ญภาวนา ปฏิบัติบูชา : มาฆบูชาที่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ” ในระหว่างวันที่ 13 – 16 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดป่าโนนกุดหล่ม บ้านโนนสังข์ ตำโพนเขวา อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ มีวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือ "วันมาฆบูชา” ที่ชาวไทยพุทธถือว่า มีความสำคัญด้วยเป็นวันที่ในครั้งอดีตกาล มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นสี่ประการกล่าวคือ เป็นวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางเหล่าพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป ที่ต่างเดินทางมาโดยมิได้นัดหมาย และพระภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าทรงอุปสมบทโดยตรงหรือที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ด้วยความเป็นสิริมงคลแห่งวันและเดือนนี้
ททท. จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจใฝ่ธรรมะเที่ยวไป ปฏิบัติธรรมสะสมบุญบารมีในลักษณะบุญจาริก ตามเส้นทางกรุงเทพ – บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ – กรุงเทพฯ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เช่นนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช และนายไพโรจน์ สิงบัน พร้อมชมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทพนมรุ้งและปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทบ้านพลวง ปราสาทศีขรภูมิ วัดบูรพารามอารามหลวง หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นร่วมปฏิบัติเพ็ญภาวนาคืนมาฆบูชากับพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม ณ วัดป่าโนนกุดหล่ม จังหวัดศรีสะเกษ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมเดินทางด้วยตนเอง ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ชั้น 3 หรือ ชำระเงินร่วมสมทบทำบุญท่านละ 2,950 บาท ผ่านทางธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี "เที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรม”เลขที่บัญชี 402-892401-0 จากนั้น Fax pay-in Slip มาที่ 02 936 2900 พร้อมทั้งเขียนชื่อ – นามสกุล เพศ อายุ โทรศัพท์ อีเมล (ถ้ามี) หรือสแกนส่งไฟล์มาที่ say_joe@hotmail.com และได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557
ททท. จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจใฝ่ธรรมะเที่ยวไป ปฏิบัติธรรมสะสมบุญบารมีในลักษณะบุญจาริก ตามเส้นทางกรุงเทพ – บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ – กรุงเทพฯ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เช่นนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช และนายไพโรจน์ สิงบัน พร้อมชมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทพนมรุ้งและปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทบ้านพลวง ปราสาทศีขรภูมิ วัดบูรพารามอารามหลวง หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นร่วมปฏิบัติเพ็ญภาวนาคืนมาฆบูชากับพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม ณ วัดป่าโนนกุดหล่ม จังหวัดศรีสะเกษ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมเดินทางด้วยตนเอง ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ชั้น 3 หรือ ชำระเงินร่วมสมทบทำบุญท่านละ 2,950 บาท ผ่านทางธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี "เที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรม”เลขที่บัญชี 402-892401-0 จากนั้น Fax pay-in Slip มาที่ 02 936 2900 พร้อมทั้งเขียนชื่อ – นามสกุล เพศ อายุ โทรศัพท์ อีเมล (ถ้ามี) หรือสแกนส่งไฟล์มาที่ say_joe@hotmail.com และได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557
ททท. เติมสีสันเดือนแห่งความรัก “รักเธอเท่าช้าง”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ชวนคู่รักที่วางแผนจะจดทะเบียนสมรสหรือคู่บ่าวสาว ที่อยากย้อนวันวานเติมความหวานให้ชีวิตคู่ เข้าร่วมกิจกรรมงาน "จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2557 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ การแต่งงานสำหรับชาวกวยเป็นพิธีมงคลสมรสของคนเลี้ยงช้าง อันมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อาทิเช่น การแต่งกายของคู่บ่าว – สาว ที่เจ้าบ่าวจะสวมเสื้อแขนยาว ไหมพาดบ่า ด้ายมงคล 3 สี นุ่งโสร่งผ้าไหม ส่วนเจ้าสาวจะสวมเสื้อแขนกระบอกสีอ่อน สไบสีแดง ศรีษะสวม จะลอม (มงกุฎที่ทำจากใบตาล) นุ่งผ้าซิ่นไหมลายชาวกวย ด้านพิธีมงคลสมรสหรือ "พิธีซัตเต” อันยิ่งใหญ่และเป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่เจ้าบ่าวจะนั่งช้างพร้อมขบวนขันหมากอันเอิกเกริกมายังบ้านเจ้าสาวเพื่อประกอบพิธีมงคลจากพราหมณ์ ตลอดจนถึง "พิธีถอดคางไก่เสี่ยงทาย” ชีวิตคู่ในอนาคตอันศักดิ์สิทธิ์ โดยปัจจุบันหลังจากเสร็จพิธีซัตเตแล้ว คู่สมรสจะนั่งช้างเพื่อไป จดทะเบียนสมรสบนหลังช้างกับนายทะเบียนอำเภอ ก่อนจะถ่ายรูปหมู่ร่วมกันของคู่บ่าวสาวที่มาร่วมงานเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ไม่ควรพลาด พิเศษสุด สำหรับคู่รักที่สนใจเข้าร่วมงานฯ
ในปีนี้ ททท. สำนักงานสุรินทร์ ขอร่วมฉลองมงคลสมรสด้วยการมอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับคู่รัก ด้วยการจัดชุดแต่งงานชาวกวยสำหรับ บ่าว - สาว พร้อมของที่ระลึกจากใจ ททท. เพียงแจ้งความประสงค์เข้าร่วมไปยัง ททท. สำนักงานสุรินทร์ ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท. สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 44 51 4447 - 8 โทรสาร. 0 4451 8530 e-mail : tatsurin@tat.or.th http://www.tourismthailand.org/surin www.facebook.com/TATSurinOffice หรือ โทร. 1672
ในปีนี้ ททท. สำนักงานสุรินทร์ ขอร่วมฉลองมงคลสมรสด้วยการมอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับคู่รัก ด้วยการจัดชุดแต่งงานชาวกวยสำหรับ บ่าว - สาว พร้อมของที่ระลึกจากใจ ททท. เพียงแจ้งความประสงค์เข้าร่วมไปยัง ททท. สำนักงานสุรินทร์ ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท. สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 44 51 4447 - 8 โทรสาร. 0 4451 8530 e-mail : tatsurin@tat.or.th http://www.tourismthailand.org/surin www.facebook.com/TATSurinOffice หรือ โทร. 1672
จ.สุรินทร์ เตือนเฝ้าระวังโรคมือเท้าปากในเด็กเล็กแนะตรวจอาการเด็กทุกเช้า หากเด็กมีไข้ ตุ่มใสขึ้นในปาก ให้สงสัยว่าป่วย
นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ว่า ได้ขอความร่วมมือจากโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ให้เฝ้าระวังโรคมือเท้าปากในเด็กเล็กและเด็กในชั้นอนุบาล แนะครูตรวจอาการเด็กทุกเช้า ดูแลความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ เครื่องเล่นต่างๆ ในห้องเรียน ห้องครัว ภาชนะใส่อาหาร ห้องน้ำ ห้องส้วม หากเด็กมีไข้ มีตุ่มใสขึ้นที่มือ เท้า หรือปาก ควรรีบพาไปพบแพทย์ และแยกเด็กอื่นไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับเด็กป่วย และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้ทันที สำหรับ โรคมือเท้าปากเป็นโรคติดต่อที่มักเกิดในเด็กเล็กทั่วไป เด็กที่ติดเชื้อโรคมือเท้าปาก จะมีไข้ 1-2 วัน จากนั้น จะมีตุ่มหรือแผลในปากคล้ายแผลร้อนใน อาจมีหลายแผล ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณคอหอยหรือใกล้ต่อมทอนซิล หากอาการรุนแรงจะลามมาที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กเจ็บในปากและคอ ไม่ยอมดูดนม กินอาหารไม่ได้ ส่วนใหญ่ เด็กที่ป่วยอาการจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ และหายได้เองภายใน 7 วัน มีจำนวนน้อยที่มีอาการรุนแรง คือมีไข้สูง อาจมีอาการชัก แขนขาอ่อนแรง
จึงขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กให้ตรวจอาการเด็กทุกเช้า ทำความสะอาดของเล่นเด็กทุกวัน หากพบเด็กมีไข้ มีตุ่มใสขึ้นในปาก ขอให้สงสัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปาก ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษาโรคโดยเฉพาะ ในการป้องกันโรค ผู้ปกครองเด็กเล็กให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนการเตรียมอาหารให้เด็ก และหลังขับถ่าย ไม่พาเด็กเล็กไปในที่แออัด สำหรับโรงเรียนอนุบาลและศูนย์เด็กเล็ก ให้ดูแลทำความสะอาดห้องเรียน ห้องครัว ภาชนะใส่อาหาร รวมทั้งห้องน้ำ ห้องส้วม อาคารสถานที่ เครื่องเล่น หรืออุปกรณ์การเรียนการสอนต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือน้ำยาซักฟอกเป็นประจำ กำจัดอุจจาระให้ถูกต้องและยึดหลักการ กินร้อน ใช้ช้อนกลางและล้างมือบ่อยๆ หากพบผู้ป่วยในห้องเรียนเดียวกันมากกว่า 2 คน อาจพิจารณาปิดห้องเรียนหรือปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาชั่วคราว เป็นเวลา 5 วัน เพื่อทำความสะอาดลดโอกาสการแพร่กระจายของโรค
จึงขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กให้ตรวจอาการเด็กทุกเช้า ทำความสะอาดของเล่นเด็กทุกวัน หากพบเด็กมีไข้ มีตุ่มใสขึ้นในปาก ขอให้สงสัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปาก ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษาโรคโดยเฉพาะ ในการป้องกันโรค ผู้ปกครองเด็กเล็กให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนการเตรียมอาหารให้เด็ก และหลังขับถ่าย ไม่พาเด็กเล็กไปในที่แออัด สำหรับโรงเรียนอนุบาลและศูนย์เด็กเล็ก ให้ดูแลทำความสะอาดห้องเรียน ห้องครัว ภาชนะใส่อาหาร รวมทั้งห้องน้ำ ห้องส้วม อาคารสถานที่ เครื่องเล่น หรืออุปกรณ์การเรียนการสอนต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือน้ำยาซักฟอกเป็นประจำ กำจัดอุจจาระให้ถูกต้องและยึดหลักการ กินร้อน ใช้ช้อนกลางและล้างมือบ่อยๆ หากพบผู้ป่วยในห้องเรียนเดียวกันมากกว่า 2 คน อาจพิจารณาปิดห้องเรียนหรือปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาชั่วคราว เป็นเวลา 5 วัน เพื่อทำความสะอาดลดโอกาสการแพร่กระจายของโรค
แก๊งทุบกระจกรถยนต์ ขโมยพระเครื่องเมืองช้าง ยังออกอาละวาดหนัก ต่อเนื่อง
แก๊งทุบกระจกรถยนต์ ขโมยพระเครื่องเมืองช้าง ยังออกอาละวาดหนัก ต่อเนื่อง คราวนี้เป็นรถยนต์ อาสากู้ภัยสุรินทร์ กวาดพระเกจิชื่อดังแขวนหน้ารถ ร่วม 6 องค์ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 14 คัน ที่ถูกทุบกระจกขโมยพระเครื่องในรอบ 3 เดือน
เมื่อเวลา 17.50 น.วันที่ 5 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ศรชัย กายสง่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสุรินทร์ (191) ว่าบริเวณประตูหลังวัดจุมพลสุทธาวาส ซอยศรีไผทสมันต์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์กระบะ mitsubishi strada สีบรอน-ฟ้า หมายเลขทะเบียน กจ 4340 ลพบุรี จอดห่างจากบ้านพักประมาณ 30 เมตร ทรัพย์สินที่หายไป เป็นเหรียญพระเครื่อง พระเกจิชื่อดัง หลวงปู่เจียม อติสโย รุ่นแรก จำนวน 6 องค์ หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบกับนายวิรักษ์ จันจวง อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 504 ถ.หลักเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เจ้าของรถยนต์ มิตซูมิตซิ สี่ประตู และเป็นอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ พบรถยนต์ถูกคนร้ายทุบที่กระจกด้านซ้ายแตกละเอียด ไม่มีการรื้อค้นภายใน คนร้ายได้ดึงเอาพระเครื่องที่แขวนไว้กระจกมองหลัง ดึงไปทั้งกระจก ทิ้งเศษขาติดกระจกไว้ให้ดูต่างหน้า
นายวิรักษ์ จันจวง กล่าวว่า ปกติตนเอารถมาจอดที่ตรงนี้เป็นปกติ มา 2 ปีแล้ว ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น หลังจากที่ตนเลิกจากงานประจำ ตนจะออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยแต่เมื่อคืนวานตนไม่ได้ออกไปไหนเลย เมื่อตอนเย็นเลิกงาน ตนขับรถ จยย.ไปรับลูกชายมาจากโรงเรียน พอดีน้องชายออกไปซื้อของร้านข้างๆบ้านพัก หันไปเจอรถกระจกแตก เลยตะโกนเรียกตนให้มาดูรถว่ารถตนกระจกแตก ตนก็ยังไม่ได้เอะใจไร ตนก็เลยเดินมาดูรถเป็นปกติ มาดูพระเครื่องที่แขวนไว้กระจกมองหลัง พอมาถึงก็พบกระจกถูกทุบ และพวงพระเครื่องก็หายไปด้วย ตนยังกล่าวอีกว่า พระดังๆก็จะเป็นหลวงปู่เจียมที่เป็นตะกรุดคู่รุ่นแรกซึ่งจะมีราคาสูงมาก ที่เหลือก็จะเป็นพระผงทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ในรอบสาม เดือนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พบว่ารถยนต์ถูกทุบกระจก ขโมยพระเครื่องไปแล้ว ไม่น้อย กว่า 14 คัน
เมื่อเวลา 17.50 น.วันที่ 5 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ศรชัย กายสง่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสุรินทร์ (191) ว่าบริเวณประตูหลังวัดจุมพลสุทธาวาส ซอยศรีไผทสมันต์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์กระบะ mitsubishi strada สีบรอน-ฟ้า หมายเลขทะเบียน กจ 4340 ลพบุรี จอดห่างจากบ้านพักประมาณ 30 เมตร ทรัพย์สินที่หายไป เป็นเหรียญพระเครื่อง พระเกจิชื่อดัง หลวงปู่เจียม อติสโย รุ่นแรก จำนวน 6 องค์ หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบกับนายวิรักษ์ จันจวง อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 504 ถ.หลักเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เจ้าของรถยนต์ มิตซูมิตซิ สี่ประตู และเป็นอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ พบรถยนต์ถูกคนร้ายทุบที่กระจกด้านซ้ายแตกละเอียด ไม่มีการรื้อค้นภายใน คนร้ายได้ดึงเอาพระเครื่องที่แขวนไว้กระจกมองหลัง ดึงไปทั้งกระจก ทิ้งเศษขาติดกระจกไว้ให้ดูต่างหน้า
นายวิรักษ์ จันจวง กล่าวว่า ปกติตนเอารถมาจอดที่ตรงนี้เป็นปกติ มา 2 ปีแล้ว ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น หลังจากที่ตนเลิกจากงานประจำ ตนจะออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยแต่เมื่อคืนวานตนไม่ได้ออกไปไหนเลย เมื่อตอนเย็นเลิกงาน ตนขับรถ จยย.ไปรับลูกชายมาจากโรงเรียน พอดีน้องชายออกไปซื้อของร้านข้างๆบ้านพัก หันไปเจอรถกระจกแตก เลยตะโกนเรียกตนให้มาดูรถว่ารถตนกระจกแตก ตนก็ยังไม่ได้เอะใจไร ตนก็เลยเดินมาดูรถเป็นปกติ มาดูพระเครื่องที่แขวนไว้กระจกมองหลัง พอมาถึงก็พบกระจกถูกทุบ และพวงพระเครื่องก็หายไปด้วย ตนยังกล่าวอีกว่า พระดังๆก็จะเป็นหลวงปู่เจียมที่เป็นตะกรุดคู่รุ่นแรกซึ่งจะมีราคาสูงมาก ที่เหลือก็จะเป็นพระผงทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ในรอบสาม เดือนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พบว่ารถยนต์ถูกทุบกระจก ขโมยพระเครื่องไปแล้ว ไม่น้อย กว่า 14 คัน
อุทัย มานาดี / รายงาน
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชนสุรินทร์ มีเงินกองทุนกว่า 260 ล้านบาท
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชนสุรินทร์ ติวเข้ม สมาชิกกลุ่มทั้งจังหวัด จำนวน 3 รุ่นเพื่อเสริมความรู้เข้าใจมากขึ้น ปัจจุบันมีสมาชิก 580 กลุ่ม จำนวน 63,000 คน มีเงินสัจจะสะสมกองทุน กว่า 260ล้านบาท
วันนี้ 6 ก.พ.57 ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชน เพื่อส่งเสริมกระบวนการการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการพัฒนาระบบและกลไกการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ในการประกอบอาชีพ การออม และการบริหารจัดการเงินทุนของชุมชน โดยได้ส่งเสริมและสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2517 ใช้หลักการพึ่งตนเอง หลักคุณธรรม หลักความเป็นเจ้าของและหลักการควบคุมตนเองในชุมชน โดยมีคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เข้ารับการอบรม รุ่นที่1-3 จำนวน 10 กลุ่มๆละ 4 คน /รุ่น ซึ่งใช้ระยะเวลาในการอบรม 2วัน ตั้งแต่วันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2557นี้
นางอรุณรัตน์ ชัยชนะ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กรมพัฒนาชุมชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เพื่อให้คณะกรรมการฯมีความรู้ ความเข้าใจในแนวความคิดหลักการแนวทางและรูปแบบกิจกรรมการจัดสวัสดิการชุมชนได้หลากหลายรูปแบบเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และส่งเสริมการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน สมาชิกกลุ่มส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชน จังหวัดสุรินทร์ มีกลุ่มสมาชิก จำนวน 580 กลุ่ม จำนวนสมาชิกฯ จำนวน 63,000 คน มีเงินสัจจะสะสมกองทุน กว่า 260ล้านบาท
วันนี้ 6 ก.พ.57 ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชน เพื่อส่งเสริมกระบวนการการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการพัฒนาระบบและกลไกการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ในการประกอบอาชีพ การออม และการบริหารจัดการเงินทุนของชุมชน โดยได้ส่งเสริมและสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2517 ใช้หลักการพึ่งตนเอง หลักคุณธรรม หลักความเป็นเจ้าของและหลักการควบคุมตนเองในชุมชน โดยมีคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เข้ารับการอบรม รุ่นที่1-3 จำนวน 10 กลุ่มๆละ 4 คน /รุ่น ซึ่งใช้ระยะเวลาในการอบรม 2วัน ตั้งแต่วันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2557นี้
นางอรุณรัตน์ ชัยชนะ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กรมพัฒนาชุมชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เพื่อให้คณะกรรมการฯมีความรู้ ความเข้าใจในแนวความคิดหลักการแนวทางและรูปแบบกิจกรรมการจัดสวัสดิการชุมชนได้หลากหลายรูปแบบเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และส่งเสริมการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน สมาชิกกลุ่มส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจัดสวัสดิการชุมชน จังหวัดสุรินทร์ มีกลุ่มสมาชิก จำนวน 580 กลุ่ม จำนวนสมาชิกฯ จำนวน 63,000 คน มีเงินสัจจะสะสมกองทุน กว่า 260ล้านบาท
อุทัย มานาดี / รายงาน
โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ จัดการแข่งขันฟุตซอลการกุศล DEAF Surin Cup 2014 ฉลองครบรอบ 20 ปี
นายบุญรักษ์ คลองมิ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดการแข่งขันฟุตซอลการกุศล DEAF Surin Cup 2014 ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวมพลังสร้างโดมแฝดอเนกประสงค์ ฉลองครบรอบ 20 ปี ในการนี้ นายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ให้เป็นเกียรติเป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันและมอบเงินรางวัลพร้อมถ้วยให้กับผู้ชนะการแข่งขันดังกล่าว ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ จึงขอเชิญชวนชุมชนใกล้เคียงหรือผู้สนใจในกีฬาฟุตซอล ร่วมเชียร์เป็นกำลังให้กับทีมที่เข้าแข่งขันและร่วมต้อนรับนายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ ประธานในพิธีตั้งแต่เวลา 16.00 – 19.00 น. ณ โรงยิมพละศึกษาโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
จ.สุรินทร์เตือน ระวังเด็กป่วยอุจจาระร่วงหน้าหนาว แนะหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ หากไข้สูงไม่ลด ถ่ายเป็นมูกเลือด ควรรีบพบแพทย์
นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ว่า โรคอุจจาระร่วง เป็นโรคหนึ่งที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว ที่สำคัญมักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งติดต่อได้โดยการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป หากมีอาการถ่ายเหลวบ่อยครั้งควรดื่มสารละลายเกลือแร่ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ หากอาการไม่ดีขึ้น ยังถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก อาเจียนบ่อย หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด ห้ามกินยาหยุดถ่าย ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ในหน้าหนาว อาหารบางอย่าง เช่น แกงกะทิอาจบูดเสียง่ายแต่ไม่มีกลิ่น เนื่องจากอากาศที่เย็น ทำให้กลิ่นและรสของอาหารไม่เปลี่ยนแปลงมากนักทำให้คิดว่าสามารถรับประทานได้โดยไม่นำมาอุ่นซ้ำ จึงทำให้เป็นโรคอุจจาระร่วง ซึ่งเป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้งติดต่อกัน หรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 1 ครั้งใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด เนื่องจากรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่ไม่สะอาด ไม่ล้างมือก่อนเตรียมหรือปรุงอาหาร หากถ่ายอุจจาระมากจนขาดน้ำ อาจทำให้ช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
ทั้งนี้ หากเด็กป่วยเป็นอุจจาระร่วง ควรให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่นโจ๊ก ข้าวต้ม และให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ เด็กที่ดื่มนมแม่ ให้ดื่มนมมากขึ้น เด็กที่ดื่มนมผสม ให้ผสมนมตามปกติ สลับกับดื่มน้ำตาลเกลือแร่ สำหรับประชาชนทั่วไปควรปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทาน อาหารที่ปรุงไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงควรเก็บในตู้เย็น และต้องนำมาอุ่นซ้ำ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ก่อนรับประทานอาหารหรือปรุงอาหาร โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำ ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะสะอาด ปลอดภัย และทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่างๆ
ทั้งนี้ หากเด็กป่วยเป็นอุจจาระร่วง ควรให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่นโจ๊ก ข้าวต้ม และให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ เด็กที่ดื่มนมแม่ ให้ดื่มนมมากขึ้น เด็กที่ดื่มนมผสม ให้ผสมนมตามปกติ สลับกับดื่มน้ำตาลเกลือแร่ สำหรับประชาชนทั่วไปควรปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทาน อาหารที่ปรุงไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงควรเก็บในตู้เย็น และต้องนำมาอุ่นซ้ำ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ก่อนรับประทานอาหารหรือปรุงอาหาร โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำ ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะสะอาด ปลอดภัย และทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่างๆ
วัดเทพสุรินทร์ จัดงานฉลองต้นโพธิ์พระราชทานจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย
วัดเทพสุรินทร์ จัดงานฉลองต้นโพธิ์พระราชทานจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าครอบครัว ตักบาตร ฟังเทศมหาชาติทรงเครื่อง และทำบุญรวมญาติ ภายในงานมีสอยดาวยักษ์ และการแสดงศิลปะพื้นบ้าน ปะทะภาพยนตร์ ตลอดทั้ง 4 วัน
พระครูศรีปริยัติสาทร เจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางวัดเทพสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร่วมกับชุมชนบริเวณวัดเทพสุรินทร์ จัดงานฉลองต้นโพธิ์พระราชทานจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นงานประจำปีจัดมาเป็นปีที่13 ในส่วนความเป็นมาของต้นโพธิ์นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทานให้แก่ทุกวัดทั่วประเทศ จังหวัดละต้น ซึ่งทางอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในขณะนั้น ได้นำมาปลูกที่วัดเทพสุรินทร์ แห่งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่วัดและชุมชน ทางวัดเทพสุรินทร์ได้มีพิธีฉลองต้นโพธิ์ ดังกล่าวขึ้นทุกปี สำหรับปีนี้ โดยมีพิธีเปิดงานในวันนื้(6ก.พ.57) มีนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์เป็นประธานในพิธี ในเวลา 5 โมงเย็นนี้
พระครูศรีปริยัติสาทร เจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการจัดงาน เริ่มตั้งแต่วันที่6 – 9 กุมภาพันธ์ 2557 มีการตักบาตร 108 การสะเดาะเคราะห์ เทสมหาชาติทรงเครื่อง และทำบุญรวมญาติ พร้อมกันนี้ขอเชิญพุทธสาสนิกชนผู้สนใจในพุทธศาสนา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าครอบครัว 10,000 กองๆละ 1,000 บาท ซึ่งจะนำทอดถวายในวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมกันนี้ทุกคืน เชิญร่วมกันสอยดาวยักษ์ ซึ่งมีรางวัลการกุศล มากมาย อาทิ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้โต๊ะและสิ่งของมากมาย นอกจากนี้ในของทุกวันจะมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน เจรียง กันตรึม ประชัน ภาพยนตร์จอยักษ์ ให้รับชมฟรี อีกด้วย
พระครูศรีปริยัติสาทร เจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางวัดเทพสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร่วมกับชุมชนบริเวณวัดเทพสุรินทร์ จัดงานฉลองต้นโพธิ์พระราชทานจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นงานประจำปีจัดมาเป็นปีที่13 ในส่วนความเป็นมาของต้นโพธิ์นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทานให้แก่ทุกวัดทั่วประเทศ จังหวัดละต้น ซึ่งทางอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในขณะนั้น ได้นำมาปลูกที่วัดเทพสุรินทร์ แห่งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่วัดและชุมชน ทางวัดเทพสุรินทร์ได้มีพิธีฉลองต้นโพธิ์ ดังกล่าวขึ้นทุกปี สำหรับปีนี้ โดยมีพิธีเปิดงานในวันนื้(6ก.พ.57) มีนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์เป็นประธานในพิธี ในเวลา 5 โมงเย็นนี้
พระครูศรีปริยัติสาทร เจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการจัดงาน เริ่มตั้งแต่วันที่6 – 9 กุมภาพันธ์ 2557 มีการตักบาตร 108 การสะเดาะเคราะห์ เทสมหาชาติทรงเครื่อง และทำบุญรวมญาติ พร้อมกันนี้ขอเชิญพุทธสาสนิกชนผู้สนใจในพุทธศาสนา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าครอบครัว 10,000 กองๆละ 1,000 บาท ซึ่งจะนำทอดถวายในวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมกันนี้ทุกคืน เชิญร่วมกันสอยดาวยักษ์ ซึ่งมีรางวัลการกุศล มากมาย อาทิ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้โต๊ะและสิ่งของมากมาย นอกจากนี้ในของทุกวันจะมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน เจรียง กันตรึม ประชัน ภาพยนตร์จอยักษ์ ให้รับชมฟรี อีกด้วย
อุทัย มานาดี /รายงาน
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำในจังหวัดอำนาจเจริญ 6 กุมภาพันธ์ 2557
นายพรเทพ เหม็งประมูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอำนาจเจริญ แจ้งว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในจังหวัดอำนาจเจริญ มีปริมาณน้ำในอ่างทั้งหมด 26.003 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 68.81 ของความจุอ่าง ขนาดกลางในจังหวัดอำนาจเจริญทั้งหมด ปริมาณน้ำที่ใช้ 24.040 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 63.62 ของความจุอ่าง มากกว่าปี 2556 จำนวน 11.823 ล้าน ลบ.ม. โดยมีรายละเอียดแต่ละอ่าง ดังนี้ อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน ร้อยละ 68.81 อ่างเก็บน้ำห้วยโพธิ์ ร้อยละ 71.93 อ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ ร้อยละ 75.63 อ่างเก็บน้ำห้วยสีโท ร้อยละ 66.35 ฝายลำเซบาย ร้อยละ 59.05 ทั้งนี้ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอำนาจเจริญ ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและประหยัด เนื่องจากปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมีน้อย และขอให้เก็บน้ำสำรองไว้ในสระเก็บน้ำในไร่นา อ่างเก็บน้ำ หนองบึงสาธารณะแก้มลิง หรือแหล่งน้ำอื่นๆไว้ใช้ในฤดูแล้งปีนี้
สิทธิเดช นนทพรหม /ข่าว/ตรวจ
จ.อำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จัดจดทะเบียนสมรส 14 กุมภาพันธ์วันวาเลนไทน์ ปี 2557
สำนักทะเบียนอำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ จัดจดทะเบียนสมรส 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ปี2557 ในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ นายสมศักดิ์ แสนหิรัณย์ นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า ในการส่งเสริม สนับสนุนความสัมพันธ์ที่ดีแก่สถานบันครอบครัว อันเป็นรากฐานนำไปสู่ความมั่นคงของสังคมไทย ทางอำเภอเมืองอำนาจเจริญ จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้น กรณีพิเศษ ที่ฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ โดยเชิญชวนให้คู่สมรสจดทะเบียนในวันวาเลนไทน์ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันมาฆบูชา วันเพ็ญเดือน 3 ด้วย ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ควบคู่กับกิจกรรมที่ทางอำเภอจัดขึ้น อาทิ จัดซุ้มดอกกุหลาบเป็นรูปหัวใจสีชมพู่ ที่ประดับอย่างสวยงามได้ถ่ายรูปคู่กัน ฉายวีดีทัศน์การครองรัก ครองเรือน ให้ประสบความสำเร็จ ขณะที่รอคิวจดทะเบียนสมรสนั้น ทางอำเภอเมืองยังได้มอบหนังสือคู่มือการเสริมสร้างชีวิตคู่ วีชีดี และจัดส่งรูปถ่ายตามที่คู่สมรสระบุที่อยู่ในปัจจุบันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงขอเชิญ คู่สมรสที่ยังไม่จดทะเบียนร่วมกิจกรรม ในวันดังกล่าว
สิทธิเดช นนทพรหม /ข่าว/ตรวจ
กสทช.อบรมโครงการส่งเสริมมาตรฐานการประกอบกิจการด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ แก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ อีสานตอนล่าง
วันนี้ (6 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมโรงแรมสุนีย์แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสทช.เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการส่งเสริมมาตรฐานการประกอบกิจการด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยกลุ่มงานพัฒนาองค์กรวิชาชีพ กสทช.จัดขึ้น เพื่อเป็นการให้ความรู้และ พัฒนาทักษะการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ แก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ ให้เกิดประโยชน์แก่สังคม รวมทั้งสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน โดยมี ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี นักจัดรายการวิทยุ นักจัดรายการโทรทัศน์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้ารับการอบรม ระหว่างวันที่ 6-7ก.พ. 2557 สำหรับผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้เกี่ยวกับ บทบาทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ยุคใหม่ จริยธรรมและจรรยาบรรณในการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เส้นทางสู่อาเซียนในวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ หลักการบริหารกิจการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รวมทั้งกลยุทธ์การผลิตรายการและความคิดสร้างสรรค์สังคม
กรกช ภูมี สวท.อุบลรายงาน
รับสมัครคัดเลือกคนพิการเพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการศาลปกครอง
สำนักงานศาลปกครองอุบลราชธานี ประกาศรับสมัครสอบคัดเลือกคนพิการ เพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการศาลปกครองในตำแหน่งพนักงานธุรการ จำนวน 1 อัตรา โดยกำหนดรับสมัครในระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2557 ในวันและเวลาราชการ
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 045-319600-6 ต่อ 207
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 045-319600-6 ต่อ 207
ส.ปชส.ยโสธร/ไพชยนต์ ชนะกาญจน์
สปข.2 เพิ่มศักยภาพบุคลลากรด้านสื่อสารสารสนเทศเพื่อการประชาสัมพันธ์
ที่ห้องประชุมสินเจิมสิริ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 จังหวัดอุบลราชธานี วันนี้(6 ก.พ. 57) นายดุสิต สิงห์คีรี รักษาการผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาสื่อสารสนเทศเพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้บุคลากรของหน่วยงานในสังกัด สปข.2 ทั้ง 9 จังหวัดได้มีการพัฒนาการสร้างสื่อผ่านเว็บไซต์ อย่างเช่น ขบวนการบริหารจัดการโฟล์เดอร์ การกำหนดค่าเว็บไซต์ การสร้างหน้าเว็บเพจ สร้าง Template / Banner / E – Books การบริหารจัดการ Video และการพัฒนาเว็บไซต์อื่นๆอันจะนำไปพัฒนาสื่อสารสนเทศของหน่วยงานต่อไป
ประนนท์ ไม้หอม/ส.ปชส.สุรินทร์/รายงาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10.30 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานความช่วยเหลือ ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ครอบครัว นางพวงทอง จารัตน์ ราษฎรตำบลสำโรง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกา ขอพระราชทานความช่วยเหลือ ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือทุนสนับสนุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพ ต่อจากนั้นองคมนตรี ผู้แทนสำนักราชเลขาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมมอบถุงพระราชทาน จำนวน 500 ถุง แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ณ สำนักเทศบาลตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในการนี้หน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาให้การรักษา พยาบาลและบริการด้านทันตกรรมแก่ราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานผู้ตรวจการ แผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มาร่วมให้บริการด้านกฎหมาย และให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ด้วย
ในตอนบ่าย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้เดินทางไปยังโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่น พร้อมอาคารประกอบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อรับฟังบรรยายสรุป และเยี่ยมชมการดำเนินการโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่นพร้อมอาคารประกอบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ ตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมรับโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่น พร้อมอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2554 ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ได้ขอพระราชทานโครงการ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ทำให้สามารถเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นจาก ความจุเก็บกักเดิมเป็น 1,000,000 ลูกบาศก์เมตร และสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ บริเวณใกล้เคียง 2,000 ไร่ ทำให้ราษฎรตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 600 ครัวเรือน รวมทั้งราษฎรในชุมชนบริเวณใกล้เคียง มีน้ำสำหรับอุปโภคอย่างเพียงพอ
ในตอนบ่าย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้เดินทางไปยังโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่น พร้อมอาคารประกอบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อรับฟังบรรยายสรุป และเยี่ยมชมการดำเนินการโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่นพร้อมอาคารประกอบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ ตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมรับโครงการขุดลอกห้วยตาอุ่น พร้อมอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2554 ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ได้ขอพระราชทานโครงการ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ทำให้สามารถเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นจาก ความจุเก็บกักเดิมเป็น 1,000,000 ลูกบาศก์เมตร และสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ บริเวณใกล้เคียง 2,000 ไร่ ทำให้ราษฎรตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 600 ครัวเรือน รวมทั้งราษฎรในชุมชนบริเวณใกล้เคียง มีน้ำสำหรับอุปโภคอย่างเพียงพอ
วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดการอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมใจต้านภัยบุหรี่
วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดการอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมใจต้านภัยบุหรี่ และโครงการนำร่องจังหวัดอุบลราชธานีปลอดบุหรี่ โดยรับเกียรติจาก นายแพทย์วัฒนา พรรณพานิช รองคณบดีฝ่ายแผนและงบประมาณ เป็นประธานเปิดการอบรม ณ ห้อง CMP ๑๐๑ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นายแพทย์วัฒนา พรรณพานิช รองคณบดีฝ่ายแผนและงบประมาณ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การบริโภคยาสูบของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน ซึ่งการแก้ปัญหาการบริโภคยาสูบจะไม่สามารถทำได้โดยบุคคลใด บุคคลหนึ่งหรือองค์กรใด องค์กรหนึ่ง ดังนั้นมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี จึงได้จัดให้มีการอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ขึ้น ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมใจต้านภัยบุหรี่ และโครงการนำร่องจังหวัดอุบลราชธานีปลอดบุหรี่ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และหาแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและควบคุมการบริโภคยาสูบในองค์กรและชุมชน โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาที่กำลังพัฒนาให้เป็นสถาบันการศึกษาปลอดบุหรี่ การมีแกนนำในการดำเนินงาน จึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างกลุ่มบุคคลและองค์กรในการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและควบคุมการบริโภคยาสูบที่ดี ซึ่งในการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้ารับการอบรมจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานสาธารณสุข และประชาชนประมาณ ๑๐๐ คน ซึ่งถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะผสานความร่วมมือในการควบคุมยาสูบของจังหวัดอุบลราชธานี ให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆ ขึ้นไป
จังหวัดอำนาจเจริญจัดอบรมเตรียมความพร้อมแก่ผู้นำกลุ่มเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ 6 ก.พ.2557 เวลา 09.30 น. ที่โรงแรม แอลเจดิอิมเมอรัล อำเภอเมือง นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมผู้นำกลุ่มเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จังหวัดอำนาจเจริญ
พื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ประกอบกับประชาชนส่วนใหญ่ของจังหวัดกว่า ร้อยละ 80 ประกอบอาชีพทำนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยเหตุและปัจจัยเหล่านี้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงได้กำหนดทิศทางการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวหอมมะลิไว้ในยุทธศาสตร์ของจังหวัด จากสภาพการผลิตข้าวหอมมะลิของจังหวัดอำนาจเจริญที่ผ่านมา พื้นที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก เกษตรกรต้องตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ความแห้งแล้งจากฝนทิ้งช่วง เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตต่อไร่และคุณภาพของข้าวหอมมะลิลดลง เกษตรกรขาดทุน ดังนั้น จังหวัดอำนาจเจริญจึงเห็นควรส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วยการพัฒนาสภาพพื้นที่นา การปรับปรุง บำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะปลูกให้มากยิ่งขึ้น กระจายการผลิตในไร่นาให้มีความหลากหลายและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พัฒนาความรู้ ทักษะ ตลอดจนการเชื่อมโยงการตลาดข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เกษตรกรมีรายได้มีอาชีพที่มั่นคงและพัฒนาให้จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่ดีที่สุดต่อไป
การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมผู้นำกลุ่มเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นโครงการตามงบประมานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2557 ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยผู้นำกลุ่มเกษตรกร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับ จำนวน 125 คน ได้รับทราบถึงกระบวนการขั้นตอนในการดำเนินงานตามกิจกรรมต่างๆ ของโครงการซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงานให้ไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ประกอบกับประชาชนส่วนใหญ่ของจังหวัดกว่า ร้อยละ 80 ประกอบอาชีพทำนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยเหตุและปัจจัยเหล่านี้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงได้กำหนดทิศทางการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวหอมมะลิไว้ในยุทธศาสตร์ของจังหวัด จากสภาพการผลิตข้าวหอมมะลิของจังหวัดอำนาจเจริญที่ผ่านมา พื้นที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก เกษตรกรต้องตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ความแห้งแล้งจากฝนทิ้งช่วง เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตต่อไร่และคุณภาพของข้าวหอมมะลิลดลง เกษตรกรขาดทุน ดังนั้น จังหวัดอำนาจเจริญจึงเห็นควรส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วยการพัฒนาสภาพพื้นที่นา การปรับปรุง บำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะปลูกให้มากยิ่งขึ้น กระจายการผลิตในไร่นาให้มีความหลากหลายและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พัฒนาความรู้ ทักษะ ตลอดจนการเชื่อมโยงการตลาดข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เกษตรกรมีรายได้มีอาชีพที่มั่นคงและพัฒนาให้จังหวัดอำนาจเจริญเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่ดีที่สุดต่อไป
การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมผู้นำกลุ่มเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นโครงการตามงบประมานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2557 ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยผู้นำกลุ่มเกษตรกร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับ จำนวน 125 คน ได้รับทราบถึงกระบวนการขั้นตอนในการดำเนินงานตามกิจกรรมต่างๆ ของโครงการซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงานให้ไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กฤษดา เนตรพันธ์ ข่าว/ภาพ สรุพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ/บก.ข่าว
จังหวัดอำนาจเจริญ จัดโครงการสร้างเครือข่ายแนะแนวอาชีพ
วันที่ (6 ก.พ. 2557) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมเพชรประเสริฐ โรงแรมเลิศวิจิตร อำเภอเมือง นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดโครงการสร้างเครือข่ายแนะแนวอาชีพ ปี 2557 เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ (ACE)
จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาด้านเทคโนโลยีส่งผลให้บุคลากรต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบเศรษฐกิจยุคใหม่และเป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน แต่การพัฒนากำลังคนยังขาดการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดการผลิตไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน บางอาชีพผลิตแรงงานเกินความต้องการ บางอาชีพกลับขาดแคลนและผลิตน้อยเกินไป ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้เกิดปัญหาการว่างและขาดแคลนแรงงานไปพร้อมกัน ดังนั้น สำนักงานจัดหางานจังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้จัดสัมมนาสร้างเครือข่ายแนะแนวอาชีพ ปี 2557 เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ (ACE) โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนา มีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของการแนะแนวอาชีพ บทบาทหน้าที่ของนักแนะแนวอาชีพ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของตลาดแรงงาน ใช้เป็นแนวทางในการแนะแนวด้านการศึกษาต่อให้กับนักเรียน นักศึกษา ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา สามารถให้คำปรึกษาแก่บุคคลอื่น ให้สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได้ เป็นการสร้างเครือข่ายการแนะแนวอาชีพระหว่างครูแนะแนว ผู้รับผิดชอบงานแนะแนว และกรมการจัดหางาน สามารถประสานความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจ
กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ครูและบุคลากรผู้รับผิดชอบงานแนะแนวการศึกษาและอาชีพในสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสิ้น 50 คน ในการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อันได้แก่ ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "นักแนะแนวอาชีพสู่ AEC” และอาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาด้านเทคโนโลยีส่งผลให้บุคลากรต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบเศรษฐกิจยุคใหม่และเป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน แต่การพัฒนากำลังคนยังขาดการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดการผลิตไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน บางอาชีพผลิตแรงงานเกินความต้องการ บางอาชีพกลับขาดแคลนและผลิตน้อยเกินไป ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้เกิดปัญหาการว่างและขาดแคลนแรงงานไปพร้อมกัน ดังนั้น สำนักงานจัดหางานจังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้จัดสัมมนาสร้างเครือข่ายแนะแนวอาชีพ ปี 2557 เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ (ACE) โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนา มีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของการแนะแนวอาชีพ บทบาทหน้าที่ของนักแนะแนวอาชีพ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของตลาดแรงงาน ใช้เป็นแนวทางในการแนะแนวด้านการศึกษาต่อให้กับนักเรียน นักศึกษา ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา สามารถให้คำปรึกษาแก่บุคคลอื่น ให้สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได้ เป็นการสร้างเครือข่ายการแนะแนวอาชีพระหว่างครูแนะแนว ผู้รับผิดชอบงานแนะแนว และกรมการจัดหางาน สามารถประสานความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจ
กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ครูและบุคลากรผู้รับผิดชอบงานแนะแนวการศึกษาและอาชีพในสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสิ้น 50 คน ในการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อันได้แก่ ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "นักแนะแนวอาชีพสู่ AEC” และอาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
กฤษดา เนตรพันธ์ ข่าว/ภาพ สรุพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ/บก.ข่าว
ราชภัฏร้อยเอ็ด เปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน(ค่ายอาเซียน)
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จัดงานเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน(ค่ายอาเซียน) เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัดระดับประเทศและระดับนานาชาติ และสร้างประสบการณ์ทางภาษา และวัฒนธรรม เตรียมความพร้อมในการเป็นประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2557 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎรัอยเอ็ด อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
เมื่อข่วงเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดุสิต อุบลเลิศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน (ค่ายอาเซียน) (ASEAN Camp "ASEAN Camp”Opening vision and Student Exchange to ASEAN”) กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นให้สถานศึกษา คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา บุคลากร หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมประชุมเพื่อพบปะแลกเปลี่ยน และสร้างเครือข่ายการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนกับทีมAEC จังหวัด เป็นโครงการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เป็นโครงการจัดตั้งสถาบันภาษาและการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จัดขึ้น ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัดระดับประเทศและระดับนานาชาติ และสร้างประสบการณ์ทางภาษา และวัฒนธรรม ตลอดจนความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยในประเทศสมาชิกอาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน เตรียมความพร้อมในการเป็นประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.30-16.30 น. ณ หอประชุม 60 พรรษาและอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด กิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วยการแสดงศิลปะป้องกันตัวประจำชาติของอาเซียน, ปฐมนิเทศรวมกิจกรรมค่ายอาเซียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา, นิทรรศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม, ซุ้มอาหารประจำชาติ นิทรรศการเกี่ยวกับการออกร้านเกี่ยวกับการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์หลักสูตรภาษาต่างประเทศ,ถนนคนเดินและสินค้าโอทอป, การแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษ, การแข่งขันวาดภาพและศิลป กิจกรรมค่ายอาเซียนสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย, ประชุมทีมรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศน์สัมพันธ์/ต่างประเทศ และประชุมทีมAECจังหวัด และเครือข่ายครูผู้สอนชาวต่างประเทศ เป็นต้น
ภาคกลางคืน ระหว่างเวลา 17.30-21.00น. จัดเลี้ยงต้อนรับผู้บริหาร คณาจารย์ และผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศ ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและดนตรี โดยนักศึกษาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และชมการแสดงจากนักศึกษาที่ร่วมค่ายอาเซียน
เมื่อข่วงเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดุสิต อุบลเลิศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน (ค่ายอาเซียน) (ASEAN Camp "ASEAN Camp”Opening vision and Student Exchange to ASEAN”) กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นให้สถานศึกษา คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา บุคลากร หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมประชุมเพื่อพบปะแลกเปลี่ยน และสร้างเครือข่ายการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนกับทีมAEC จังหวัด เป็นโครงการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เป็นโครงการจัดตั้งสถาบันภาษาและการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จัดขึ้น ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัดระดับประเทศและระดับนานาชาติ และสร้างประสบการณ์ทางภาษา และวัฒนธรรม ตลอดจนความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยในประเทศสมาชิกอาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน เตรียมความพร้อมในการเป็นประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.30-16.30 น. ณ หอประชุม 60 พรรษาและอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด กิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วยการแสดงศิลปะป้องกันตัวประจำชาติของอาเซียน, ปฐมนิเทศรวมกิจกรรมค่ายอาเซียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา, นิทรรศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม, ซุ้มอาหารประจำชาติ นิทรรศการเกี่ยวกับการออกร้านเกี่ยวกับการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์หลักสูตรภาษาต่างประเทศ,ถนนคนเดินและสินค้าโอทอป, การแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษ, การแข่งขันวาดภาพและศิลป กิจกรรมค่ายอาเซียนสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย, ประชุมทีมรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศน์สัมพันธ์/ต่างประเทศ และประชุมทีมAECจังหวัด และเครือข่ายครูผู้สอนชาวต่างประเทศ เป็นต้น
ภาคกลางคืน ระหว่างเวลา 17.30-21.00น. จัดเลี้ยงต้อนรับผู้บริหาร คณาจารย์ และผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศ ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและดนตรี โดยนักศึกษาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และชมการแสดงจากนักศึกษาที่ร่วมค่ายอาเซียน
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าส/ภาพ
กมลพร คำนึง บก.ข่าว
คณะนักวิจัย มมส. ค้นพบการผลิตข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 รศ.ดร.ศิริธร ศิริอมรพรรณ หัวหน้าหน่วยวิจัยการพัฒนากระบวนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เปิดเผยว่าจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข เผยว่าปัจจุบันประเทศไทย พบผู้ป่วยเบาหวานราว 4.7 ล้านคนเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 52,800 คน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารจำพวกแป้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวขัดขาว เมื่อบริโภคเข้าไปจะมีการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้ค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index(GI), อ่านว่า ไก-ซี-มิค อิน-เด็ก จี-ไอ) สูง ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาลมี 3 ระดับ คือ ระดับต่ำ คือ น้อยกว่า หรือเท่ากับ 55 ,ระดับกลาง คือ 56 ถึง 69 และ ระดับสูง คือ 70 ขึ้นไป โดยธรรมชาติข้าวเจ้ามีดัชนีน้ำตาลเท่ากับ 87 ข้าวเหนียวมีค่าเท่ากับ 98 เมื่อร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่หมด น้ำตาลก็จะตกค้างอยู่ในกระแสเลือดสูงเกินกว่าระดับปกติ ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวาน โรคความโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด
รศ.ดร.ศิริธร ศิริอมรพรรณ ยังได้กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมกับหน่วยวิจัยการพัฒนากระบวนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำการวิจัยแปรรูปเพื่อให้ข้าวเจ้ามีระดับดัชนีน้ำตาลในเกณฑ์ต่ำประมาณ 51-53 ต่อมา จนสำเร็จ ต่อมา บริษัท ร้อยเอ็ดผลิตภัณฑ์เกษตรกรและอาหาร จำกัด ขอรับผลวิจัยดังกล่าวมาต่อยอดเพื่อผลิตในระดับอุตสาหกรรมจำหน่าย ให้แก่ผู้ป่วย โรคเบาหวานและผู้รักสุขภาพ ภายใต้สิทธิบัตรของบริษัทฯ ข้าวที่ผ่านการผลิตด้วยกระบวนการที่ถูกต้องมาตรฐาน จะมีลักษณะเด่นคือ อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามิน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถ ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ดี ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ โดยบริษัทได้นำข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ดและระดับประเทศมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต และผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย ได้คุณภาพ มีความหอม นุ่ม รสชาดอร่อย หุงขึ้นหม้อ รศ.ดร.ศิริธร กล่าวในที่สุด
ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ ที่ บริษัท ร้อยเอ็ดผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร จำกัด อ.จตุรพัตรพิมาน
จังหวัดร้อยเอ็ด โทร 080-7588868, 087-2182777 WWW.101agrifood.com วิจัยและพัฒนาโดยหน่วยวิจัยการพัฒนากระบวนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และได้รับการคุ้มครองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับการสนับสนุนโดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)
รศ.ดร.ศิริธร ศิริอมรพรรณ ยังได้กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมกับหน่วยวิจัยการพัฒนากระบวนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำการวิจัยแปรรูปเพื่อให้ข้าวเจ้ามีระดับดัชนีน้ำตาลในเกณฑ์ต่ำประมาณ 51-53 ต่อมา จนสำเร็จ ต่อมา บริษัท ร้อยเอ็ดผลิตภัณฑ์เกษตรกรและอาหาร จำกัด ขอรับผลวิจัยดังกล่าวมาต่อยอดเพื่อผลิตในระดับอุตสาหกรรมจำหน่าย ให้แก่ผู้ป่วย โรคเบาหวานและผู้รักสุขภาพ ภายใต้สิทธิบัตรของบริษัทฯ ข้าวที่ผ่านการผลิตด้วยกระบวนการที่ถูกต้องมาตรฐาน จะมีลักษณะเด่นคือ อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามิน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถ ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ดี ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ โดยบริษัทได้นำข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ดและระดับประเทศมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต และผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย ได้คุณภาพ มีความหอม นุ่ม รสชาดอร่อย หุงขึ้นหม้อ รศ.ดร.ศิริธร กล่าวในที่สุด
ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ ที่ บริษัท ร้อยเอ็ดผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร จำกัด อ.จตุรพัตรพิมาน
จังหวัดร้อยเอ็ด โทร 080-7588868, 087-2182777 WWW.101agrifood.com วิจัยและพัฒนาโดยหน่วยวิจัยการพัฒนากระบวนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และได้รับการคุ้มครองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับการสนับสนุนโดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง บก.ข่าว
จังหวัดร้อยเอ็ด มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ประสบภัยหนาวเทศบาลตำบลหนองไผ่
จังหวัดร้อยเอ็ด โดยอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ประสบภัยหนาวเทศบาลตำบลหนองไผ่ เพื่อบรรเทาภัยหนาวปี 2557 ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธ์ นายอำเภอธวัชบุรี เป็นประธานการมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับราษฎรผู้ประสบภัยหนาวพื้นที่เทศบาลตำบลหนองไผ่ เพื่อบรรเทาภัยหนาวปี 2557 ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ณ หอประชุมเทศบาลตำบลหนองไผ่ อำเภอธวัชบุรี โดยมีนายขวัญชัย พวงสร้อย ปลัดเทศบาลตำบลหนองไผ่พร้อมราษฎร ตำบลหนองไผ่ ให้การต้อนรับ
นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธ์ นายอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า ตามที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้มีอากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ราษฎรอำเภอธวัชบรีและอีกหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับความเดือดร้อน ทางอำเภอธวัชบุรีจึงประสานขอรับงบประมาณจากศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หน่วยที่ 46 อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อมอบให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ เทศบาลตำบลหนองไผ่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากภาวะภัยหนาวดังกล่าว จำนวน 400 ผืน
นายอำเภอธวัชบุรี ยังได้กล่าวอีกว่า ขอให้ราษฎรโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควรต้องเอาใจใส่ดูแลสุขภาพและสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายอยู่เสมอ เพื่อป้องกันโรคที่มากับอากาศหนาวเย็นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธ์ นายอำเภอธวัชบุรี เป็นประธานการมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับราษฎรผู้ประสบภัยหนาวพื้นที่เทศบาลตำบลหนองไผ่ เพื่อบรรเทาภัยหนาวปี 2557 ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ณ หอประชุมเทศบาลตำบลหนองไผ่ อำเภอธวัชบุรี โดยมีนายขวัญชัย พวงสร้อย ปลัดเทศบาลตำบลหนองไผ่พร้อมราษฎร ตำบลหนองไผ่ ให้การต้อนรับ
นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธ์ นายอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า ตามที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้มีอากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ราษฎรอำเภอธวัชบรีและอีกหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับความเดือดร้อน ทางอำเภอธวัชบุรีจึงประสานขอรับงบประมาณจากศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หน่วยที่ 46 อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อมอบให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ เทศบาลตำบลหนองไผ่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากภาวะภัยหนาวดังกล่าว จำนวน 400 ผืน
นายอำเภอธวัชบุรี ยังได้กล่าวอีกว่า ขอให้ราษฎรโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควรต้องเอาใจใส่ดูแลสุขภาพและสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายอยู่เสมอ เพื่อป้องกันโรคที่มากับอากาศหนาวเย็นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาร้อยเอ็ด เปิดมหกรรมโลกการเรียนรู้สู่ประตูอาเซียน
วันนี้เวลา 10.00 น. (6 กุมภาพันธ์ 2557) นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานเปิดงาน โครงการจัดนิ ทรรศการแสดงผลงานครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการเรียนการสอน กิจกรรม 108 อาชีพ และOPEN HOUSE "มหกรรมเปิดโลกการเรียนรู้ อาชีวศึกษาสู่อาเซียน” ณ หอประชุมวิทยาลัยอาชีวศึกษาร้ อยเอ็ด ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.ร้อยเอ็ด โดยการดำเนินงานของ นายอดิพล ไผ่แสวง ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึ กษาร้อยเอ็ด และคณะ กิจกรรมที่จัดขึ้น พร้อมการรับสมัครนักเรียน นักศึกษา(One Stop Service),นิทรรศการทางการศึ กษาของนักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ร้ อยเอ็ด, การประกวดโครงงานและผลงานสิ่ งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่,การเรี ยนรู้อาชีพระยะสั้น มหกรรม 108 อาชีพ,นิทรรศการการจั ดหางานและการรับสมัครงาน,ชม ชิม ช็อป ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สินค้า OTOP และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
นายอดิพล ไผ่แสวง ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึ กษาร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมเปิดโลกการเรียนรู้ อาชีวศึกษาสู่อาเซียน ในครั้งนี้ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการจัดนิ ทรรศการ และสรุปผลการจัดการเรี ยนการสอนของแต่ละแผนกวิชา โดยผลงานที่จัดแสดงเป็นผลที่เกิ ดจากความก้าวหน้าการจัดการเรี ยนการสอนในปีการศึกษา 2556 ของครูผู้สอน และนักเรียน นักศึกษา ที่ได้เรียนรู้ ในทุกหลักสูตร,มีการบูรณาการสร้ างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ผู้ เข้าร่วมงาน มีความรู้ ความเข้าใจ กระแสความเปลี่ยนแปลงในโลก โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา อาชีวศึกษา ได้มีความพร้อมเพื่อเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อย่างมีศักยภาพในตนเองทุกๆด้าน, เปิดให้บริการแนะแนวการศึกษาต่ อสายอาชีพ เพื่อสนองตอบ นโยบายการเปิดรับสมัครนักเรียน นักศึกษา ประจำปี 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชี วศึกษา ซึ่งนักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่สนใจ สามารถสมัครและทดสอบความรู้ โดยการสัมภาษณ์ เข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึ กษาร้อยเอ็ดได้ในการจัดงานครั้ งนี้,และมีการจัดฝึกอบรม 108 อาชีพ ที่เป็นกิจกรรมช่วยให้เกิ ดความรู้ พัฒนาสู่อาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้อบรมอีกด้ วย
ทั้งนี้ เป็นการชี้วัดถึงประสิทธิ ภาพในการจัดการเรียนการสอน การทำงานอย่างเป็นระบบ ในทิศทางที่ดีงาม นักเรียน นักศึกษา ได้รับความรู้ ประสบการณ์ มีความรับผิดชอบ และเกิดความรัก สามัคคี ในสถานศึกษาที่ตนเองเรียนอยู่ มีนักศึกษาและประชาชน เข้าร่วมงาน กว่า 2000 คน
นายอดิพล ไผ่แสวง ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึ กษาร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมเปิดโลกการเรียนรู้ อาชีวศึกษาสู่อาเซียน ในครั้งนี้ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการจัดนิ ทรรศการ และสรุปผลการจัดการเรี ยนการสอนของแต่ละแผนกวิชา โดยผลงานที่จัดแสดงเป็นผลที่เกิ ดจากความก้าวหน้าการจัดการเรี ยนการสอนในปีการศึกษา 2556 ของครูผู้สอน และนักเรียน นักศึกษา ที่ได้เรียนรู้ ในทุกหลักสูตร,มีการบูรณาการสร้ างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ผู้ เข้าร่วมงาน มีความรู้ ความเข้าใจ กระแสความเปลี่ยนแปลงในโลก โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา อาชีวศึกษา ได้มีความพร้อมเพื่อเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อย่างมีศักยภาพในตนเองทุกๆด้าน, เปิดให้บริการแนะแนวการศึกษาต่ อสายอาชีพ เพื่อสนองตอบ นโยบายการเปิดรับสมัครนักเรียน นักศึกษา ประจำปี 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชี วศึกษา ซึ่งนักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่สนใจ สามารถสมัครและทดสอบความรู้ โดยการสัมภาษณ์ เข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึ กษาร้อยเอ็ดได้ในการจัดงานครั้ งนี้,และมีการจัดฝึกอบรม 108 อาชีพ ที่เป็นกิจกรรมช่วยให้เกิ ดความรู้ พัฒนาสู่อาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้อบรมอีกด้ วย
ทั้งนี้ เป็นการชี้วัดถึงประสิทธิ ภาพในการจัดการเรียนการสอน การทำงานอย่างเป็นระบบ ในทิศทางที่ดีงาม นักเรียน นักศึกษา ได้รับความรู้ ประสบการณ์ มีความรับผิดชอบ และเกิดความรัก สามัคคี ในสถานศึกษาที่ตนเองเรียนอยู่ มีนักศึกษาและประชาชน เข้าร่วมงาน กว่า 2000 คน
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พิธีพระราชทานเพลิงศพ อส.ทหารพราน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (6 ก.พ. 57 ) พลตรีนคร สุขประเสริฐ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ อาสาสมัครทหารพราน วัชระ ไวยลาภ ณ ฌาปนสถานวัดศรีสุวรรณนาราม บ้านโคกสี ต.ชุมพร อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ท่ามกลางข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และพลเรือน ร่วมไว้อาลัยเนืองแน่น
อาสาสมัครทหารพราน วัชระ ไวยลาภ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 14.30 น. ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4402 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ชีวิตครอบครัวสถานภาพโสด มีพี่น้อง 3 คน รวมอายุได้ 24 ปี 3 เดือน 26 วัน ภูมิลำเนาเกิดที่บ้านโคกสี ต.ชุมพร อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด
นอกจากนั้น กองทัพบก ยังได้มอบธงชาติไทย และเหรียญบางระจัน เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงอาสาสมัครทหารพราน วัชระ ไวยลาภ ที่ได้เสียสละชีวิตพลีชีพเพื่อชาติ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันรักษาแผ่นดินไทย และรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไว้ด้วยความกล้าหาญ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นที่ปรากฏแด่ชนรุ่นหลัง พร้อมปูนบำเหน็จ และเงินประกันชีวิตให้แก่ญาติ วงเงินรวม 2 ล้านบาท
อาสาสมัครทหารพราน วัชระ ไวยลาภ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 14.30 น. ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4402 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ชีวิตครอบครัวสถานภาพโสด มีพี่น้อง 3 คน รวมอายุได้ 24 ปี 3 เดือน 26 วัน ภูมิลำเนาเกิดที่บ้านโคกสี ต.ชุมพร อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด
นอกจากนั้น กองทัพบก ยังได้มอบธงชาติไทย และเหรียญบางระจัน เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงอาสาสมัครทหารพราน วัชระ ไวยลาภ ที่ได้เสียสละชีวิตพลีชีพเพื่อชาติ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันรักษาแผ่นดินไทย และรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไว้ด้วยความกล้าหาญ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นที่ปรากฏแด่ชนรุ่นหลัง พร้อมปูนบำเหน็จ และเงินประกันชีวิตให้แก่ญาติ วงเงินรวม 2 ล้านบาท
กมลพร คำนึง / ข่าว
บุญมี เพ็งรัตน์ / ภาพ
นพวรรณ์ แก้วมูล /พิมพ์
กระทรวงยุติธรรมจัดโครงการดรีมอีสาน – อนาคตภาคอีสานกับการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม ครั้งที่ 1
กระทรวงยุติธรรมจัดโครงการดรีมอีสาน – อนาคตภาคอีสานกับการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม ครั้งที่ 1 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ผู้นําท้องถิ่น ผู้นําชุมชนและเยาวชนในภาคอีสานได้สะท้อนสภาพปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การสื่อสารประเด็นสู่สาธารณะ
06-02-57 ที่โรงแรมตักสิลา อําเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม กระทรวงยุติธรรมโดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกระทรวงยุติธรรมร่วมกับมูลนิธิฟรีดิช เนามัน สถาบันพระปกเกล้าและสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ ดรีมอีสาน อนาคตภาคอีสานกับการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมครั้งที่ 1 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ผู้นําท้องถิ่น ผู้นําชุมชนและเยาวชนในภาคอีสานได้สะท้อนสภาพปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การสื่อสารประเด็นสู่สาธารณะ การรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อศึกษาการจัดทํานโยบายการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทั้งในแง่ของวัฒนธรรม สังคม
ซึ่งจากการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับ ความเป็นธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นมา พบว่า ปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินนอกระบบทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความ เหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ เกิดจากการที่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ และความไม่เท่าเทียมในสังคม ส่งผลให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น กระทรวงยุติธรรม โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ได้ตระหนักถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 กุมภาพันธ์ 2557 โดยเริ่มที่จังหวัดมหาสารคาม และจะมีการจัดกิจกรรมและเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อทำข้อเสนอแนะจากผู้นําชุมชนร่วมกับนักศึกษาในพื้นที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม รวมจำนวนทั้งสิ้น ๓ ครั้ง ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยโสธร จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสกลนคร
06-02-57 ที่โรงแรมตักสิลา อําเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม กระทรวงยุติธรรมโดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกระทรวงยุติธรรมร่วมกับมูลนิธิฟรีดิช เนามัน สถาบันพระปกเกล้าและสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ ดรีมอีสาน อนาคตภาคอีสานกับการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมครั้งที่ 1 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ผู้นําท้องถิ่น ผู้นําชุมชนและเยาวชนในภาคอีสานได้สะท้อนสภาพปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การสื่อสารประเด็นสู่สาธารณะ การรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อศึกษาการจัดทํานโยบายการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทั้งในแง่ของวัฒนธรรม สังคม
ซึ่งจากการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับ ความเป็นธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นมา พบว่า ปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินนอกระบบทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความ เหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ เกิดจากการที่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ และความไม่เท่าเทียมในสังคม ส่งผลให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น กระทรวงยุติธรรม โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ได้ตระหนักถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 กุมภาพันธ์ 2557 โดยเริ่มที่จังหวัดมหาสารคาม และจะมีการจัดกิจกรรมและเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อทำข้อเสนอแนะจากผู้นําชุมชนร่วมกับนักศึกษาในพื้นที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม รวมจำนวนทั้งสิ้น ๓ ครั้ง ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยโสธร จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสกลนคร
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
หน.สำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครับ ติดตามการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย ฯ จังหวัดมหาสารคาม
หัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ติดตามการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นศูนย์ 3 วัย ลำดับที่ 6 ของประเทศ
(6-2-57) นายวัลลภ พลอยทับทิม หัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว พร้อมคณะ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว หนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โดยมีนายเมธี สุพรรณฝ่าย ปลัดจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอโกสุมพิสัย ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว หนองบอนฯ และนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำชมผลการดำเนินงาน ซึ่งได้จัดแบ่งเป็นฐานกิจกรรม ประกอบด้วย ฐานผู้สูงวัยสานสายใยรัก ฐานกิจกรรมการพัฒนาอาชีพความรู้สมัยใหม่ควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ฐานคิดสร้างสรรค์แต่เยาว์วัย ฐานเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง และฐานเรียนรู้ร่วมกันแต่ในครรภ์ ของกลุ่ม อสม.นมแม่
ศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บ้านเหล่ายาว ตำบลหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ปรับปรุงจากอาคารหลังเดิมขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองบอน เพื่อให้บริการแก่คน 3 วัย คือวัยเด็ก วัยกลางคน และผู้สูงอายุ ตลอดจนประชาชนทั่วไป โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงเปิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 นับเป็นศูนย์ 3 วัย ลำดับที่ 6 ของประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 928 คน
(6-2-57) นายวัลลภ พลอยทับทิม หัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว พร้อมคณะ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว หนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โดยมีนายเมธี สุพรรณฝ่าย ปลัดจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอโกสุมพิสัย ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว หนองบอนฯ และนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำชมผลการดำเนินงาน ซึ่งได้จัดแบ่งเป็นฐานกิจกรรม ประกอบด้วย ฐานผู้สูงวัยสานสายใยรัก ฐานกิจกรรมการพัฒนาอาชีพความรู้สมัยใหม่ควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ฐานคิดสร้างสรรค์แต่เยาว์วัย ฐานเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง และฐานเรียนรู้ร่วมกันแต่ในครรภ์ ของกลุ่ม อสม.นมแม่
ศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บ้านเหล่ายาว ตำบลหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ปรับปรุงจากอาคารหลังเดิมขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองบอน เพื่อให้บริการแก่คน 3 วัย คือวัยเด็ก วัยกลางคน และผู้สูงอายุ ตลอดจนประชาชนทั่วไป โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงเปิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 นับเป็นศูนย์ 3 วัย ลำดับที่ 6 ของประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 928 คน
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ปลุกจิตสำนึกอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปลุกจิตสำนึกแก่เยาวชน นักเรียน นิสิตและประชาชนทั่วไปในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ สร้างแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศวิทยา ด้วยการจัดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ภายใต้คำขวัญ"พื้นที่ชุ่มน้ำและการเกษตร คู่หูสู่ความเจริญ”
(6-2-57) ที่บริเวณสถานีปฏิบัติการบ้านเกิ้ง สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยถือเป็นวันลงนามอนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ณ เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน ซึ่งประเทศไทยและนานาประเทศได้ร่วมจัดงานนี้เพื่อปลูกจิตสำนึกและเสริมสร้าง ให้ประชาชนและเยาวชน มีแนวคิดในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ปัจจุบันกำลังได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบเกษตรกรรมเป็นแบบอุตสาหกรรม ทำให้พื้นที่ป่าริมแม่น้ำลดลง สารพิษตกค้างในแหล่งน้ำและนาข้าว และอีกหลายปัญหาที่กระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
รองศาสตราจารย์ ดร.โรจน์ชัย ศัตรวาหา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้จัดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก เป็นประจำทุกปี โดยมีปีนี้ เป็นปีที่ 4 มีคำขวัญว่า "Wetlands & Agriculture : Partners for Growth” หรือ "พื้นที่ชุ่มน้ำและการเกษตร คู่หูสู่ความเจริญ” ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้ จึงมีกิจกรรมใหม่เพิ่มเติมที่เน้นเกี่ยวกับการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น การแข่งขันประกวดสุนทรพจน์ การจัดซุ้มแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การประกวดจัดสวนผักสวนครัว กิจกรรมวิชาการและการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำ เยี่ยมชมฐานเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ในศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าบุ่งป่าทาม ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ รวมถึงห้องสมุดเคลื่อนที่จากสำนักวิทยบริการ โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งจากองค์การบริหารส่วนตำบล เกิ้ง มูลนิธิรักษ์อีสาน สำนักวิทยบริการ กองอาคารสถานที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง และประชาชนในชุมชนรอบสถานีปฏิบัติการบ้านเกิ้ง
(6-2-57) ที่บริเวณสถานีปฏิบัติการบ้านเกิ้ง สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยถือเป็นวันลงนามอนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ณ เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน ซึ่งประเทศไทยและนานาประเทศได้ร่วมจัดงานนี้เพื่อปลูกจิตสำนึกและเสริมสร้าง ให้ประชาชนและเยาวชน มีแนวคิดในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ปัจจุบันกำลังได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบเกษตรกรรมเป็นแบบอุตสาหกรรม ทำให้พื้นที่ป่าริมแม่น้ำลดลง สารพิษตกค้างในแหล่งน้ำและนาข้าว และอีกหลายปัญหาที่กระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
รองศาสตราจารย์ ดร.โรจน์ชัย ศัตรวาหา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้จัดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก เป็นประจำทุกปี โดยมีปีนี้ เป็นปีที่ 4 มีคำขวัญว่า "Wetlands & Agriculture : Partners for Growth” หรือ "พื้นที่ชุ่มน้ำและการเกษตร คู่หูสู่ความเจริญ” ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้ จึงมีกิจกรรมใหม่เพิ่มเติมที่เน้นเกี่ยวกับการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น การแข่งขันประกวดสุนทรพจน์ การจัดซุ้มแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การประกวดจัดสวนผักสวนครัว กิจกรรมวิชาการและการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำ เยี่ยมชมฐานเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ในศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าบุ่งป่าทาม ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ รวมถึงห้องสมุดเคลื่อนที่จากสำนักวิทยบริการ โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งจากองค์การบริหารส่วนตำบล เกิ้ง มูลนิธิรักษ์อีสาน สำนักวิทยบริการ กองอาคารสถานที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง และประชาชนในชุมชนรอบสถานีปฏิบัติการบ้านเกิ้ง
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
มหาสารคาม จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ไหว้พระอาเซียนสู่สากล
จังหวัดมหาสารคาม กำหนดจัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมจัดนิทรรศการไหว้พระอาเซียนสู่สากล พุทธพิธีเปิดโลกอาเซียนสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ อาเซียนสัมพันธ์ สวดมนต์นานาชาติ เวียนเทียนนานาชาติ โดยใช้สถานที่หลักคือที่พุทธมณฑลอีสาน พระบรมธาตุนาดูน และวัดมหาชัย พระอารามหลวง
นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม กำหนดจัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ในช่วงวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2557 โดยจัดให้มีกิจกรรมสำคัญ ๆ ได้แก่ นิทรรศการไหว้พระอาเซียนสู่สากล พุทธพิธีเปิดโลกอาเซียน ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน ศรีลังกา เนปาล การสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ อาเซียนสัมพันธ์ สวดมนต์นานาชาติ เวียนเทียนนานาชาติ ประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ประกวดบรรยายธรรม สำหรับสถานที่หลักที่จังหวัดมหาสารคาม ใช้ในการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 กำหนดที่บริเวณพุทธมณฑลอีสาน พระบรมธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม โดยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะเป็นพิธีเปิดงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน พร้อมด้วยคณะสงฆ์จากชาติอาเซียนร่วมพิธีเปิด วันที่ 10 กุมภาพันธ์ กิจกรรมไหว้พระอาเซียนสู่สากล ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม จัดขึ้น และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา จะเป็นกิจกรรมเวียนเทียนนานาชาติ เริ่มเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป
ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดมหาชัยพระอารามหลวง โดยวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เป็นพิธีเปิดงาน ในเวลา 13.30 น. ส่วนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 07.00 น. เป็นพิธีทำบุญตักบาตรและเวลา 19.00 น. ประกอบพิธีเวียนเทียนรอบอุโบสถ
ทั้งนี้ในการจัดสัปดาห์ดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกันแต่งชุดขาวปฏิบัติธรรม เพื่อร่วมกิจกรรมในระหว่างวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2557
นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม กำหนดจัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ในช่วงวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2557 โดยจัดให้มีกิจกรรมสำคัญ ๆ ได้แก่ นิทรรศการไหว้พระอาเซียนสู่สากล พุทธพิธีเปิดโลกอาเซียน ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน ศรีลังกา เนปาล การสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ อาเซียนสัมพันธ์ สวดมนต์นานาชาติ เวียนเทียนนานาชาติ ประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ประกวดบรรยายธรรม สำหรับสถานที่หลักที่จังหวัดมหาสารคาม ใช้ในการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 กำหนดที่บริเวณพุทธมณฑลอีสาน พระบรมธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม โดยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะเป็นพิธีเปิดงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน พร้อมด้วยคณะสงฆ์จากชาติอาเซียนร่วมพิธีเปิด วันที่ 10 กุมภาพันธ์ กิจกรรมไหว้พระอาเซียนสู่สากล ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม จัดขึ้น และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา จะเป็นกิจกรรมเวียนเทียนนานาชาติ เริ่มเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป
ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดมหาชัยพระอารามหลวง โดยวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เป็นพิธีเปิดงาน ในเวลา 13.30 น. ส่วนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 07.00 น. เป็นพิธีทำบุญตักบาตรและเวลา 19.00 น. ประกอบพิธีเวียนเทียนรอบอุโบสถ
ทั้งนี้ในการจัดสัปดาห์ดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกันแต่งชุดขาวปฏิบัติธรรม เพื่อร่วมกิจกรรมในระหว่างวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2557
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬจัดกิจกรรมโอเพ่นเฮ้า “อาชีวะสร้างคน คนสร้างชาติ พัฒนาสู่อาเซียน”
วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ จัดกิจกรรมโอเพ่นเฮ้า 57 "อาชีวะสร้างคน คนสร้างชาติ พัฒนาสู่อาเซียน” โดยมีนักเรียนจากสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาหลายแห่งเข้าร่วมกิจกรรม งานแนะแนวอาชีพ แข่งขันทักษะวิชาชีพ การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ฝึกอาชีพจากหลากหลายสาขาวิชา มีนักเรียนเข้าร่วมงานกว่า 1000 คน
วันที่ (05-02-57) ณ วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมโอเพ่นเฮ้า 57 "อาชีวะสร้างคน คนสร้างชาติ พัฒนาสู่อาเซียน” หรือโครงการเปิดโลกอาชีพ ณ บริเวณวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ในการจัดงานครั้งนี้ได้มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การจัดนิทัศการผลงานทางวิชาการ การแข่งขันทักษะวิชาชีพ และการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนนักศึกษา ทั้งภายนอกและภายในวิทยาลัย ที่มาร่วมงานกว่า1 ,000 คนได้ค้นพบความสามารถของตนเอง มีโอกาสได้แสดงออกในทางที่ถูกต้อง และพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา ทั้งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังจะจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสายอาชีพหลากหลายสาขาวิชา ที่วิทยาลัยเทคนิคเปิดการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการ เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพ เพราะในปัจจุบันได้มีนักศึกษา ที่อยู่ในวัยแรงงานที่จบการศึกษาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานในขณะนี้ พร้อมกันนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันเข้าสู่ตลาดแรงงาน ในช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเชี่ยนในปี 2558 ดังกล่าวด้วย นายเมธีสิน สมอุ่มจารย์ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้จัดแสดงผลงาน ที่เกิดจากการเรียนรู้ในรูปนิทรรศการทางวิชาการ การแข่งขันทักษะวิชาชีพ การประกวดผลงานและสิ่งประดิษฐ์ แสดงออกด้านศิลปะการฝึกอาชีพให้นักเรียนนักศึกษา ประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์นำไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้ต่อไป
วันที่ (05-02-57) ณ วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมโอเพ่นเฮ้า 57 "อาชีวะสร้างคน คนสร้างชาติ พัฒนาสู่อาเซียน” หรือโครงการเปิดโลกอาชีพ ณ บริเวณวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ในการจัดงานครั้งนี้ได้มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การจัดนิทัศการผลงานทางวิชาการ การแข่งขันทักษะวิชาชีพ และการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนนักศึกษา ทั้งภายนอกและภายในวิทยาลัย ที่มาร่วมงานกว่า1 ,000 คนได้ค้นพบความสามารถของตนเอง มีโอกาสได้แสดงออกในทางที่ถูกต้อง และพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา ทั้งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังจะจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสายอาชีพหลากหลายสาขาวิชา ที่วิทยาลัยเทคนิคเปิดการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการ เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพ เพราะในปัจจุบันได้มีนักศึกษา ที่อยู่ในวัยแรงงานที่จบการศึกษาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานในขณะนี้ พร้อมกันนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันเข้าสู่ตลาดแรงงาน ในช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเชี่ยนในปี 2558 ดังกล่าวด้วย นายเมธีสิน สมอุ่มจารย์ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้จัดแสดงผลงาน ที่เกิดจากการเรียนรู้ในรูปนิทรรศการทางวิชาการ การแข่งขันทักษะวิชาชีพ การประกวดผลงานและสิ่งประดิษฐ์ แสดงออกด้านศิลปะการฝึกอาชีพให้นักเรียนนักศึกษา ประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์นำไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้ต่อไป
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต 10 ลงพื้นที่บึงกาฬ
วันนี้ (06-02-57) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายจำรัส ศักดิ์จิรพาพงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 10 พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจราชการพร้อมประชุมกับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องในเรื่องการติดตามการดำเนินงานแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และการบริหารงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่ ตรวจติดตามโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดในพื้นที่อำเภอโซ่พิสัย ในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางสาย 3006 แยก ทล 212 บ้านนาขาม - อำเภอโซ่พิสัย และโครงการยกระดับยางพาราจังหวัดบึงกาฬ การพัฒนาโครงการต้นการแปรรูปผลผลิตเบื้องต้นเป็นยางเครป
นายจำรัส ศักดิ์จิรพาพงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 10 กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการนำเสนอเรื่องใหญ่ๆอยู่ 2 ส่วน คือ 1 เรื่องการดำเนินการตามมติคระธรรมมาภิบาลจังหวัด และ 2 การติดตามผลความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดทั้งในส่วนผลสัมฤทธิ์ในปีที่ผ่านมาและในปีปัจจุบัน ในที่ประชุมมีเรื่องนำเสนอหลายเรื่องมีประเด็นสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสอดส่องแผนงานและโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดบึงกาฬทั้งหมดโดยมอบหมายให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการที่มีความสำคัญที่มีผลกระทบกับประชาชนจะได้เข้าไปสอดส่อง เช่นโครงการพัฒนาศักยภาพยางพาราโดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทและโครงการเกี่ยวกับการสร้างและซ่อมแซมถนนหนทางและได้พิจารณาในเรื่องร้องเรียนของประชาชนในเรื่องต่างๆที่ได้ร้องเรียนเข้ามาเพื่อที่จะได้เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียน ซึ่งประชาชนสามารถร้องเรียนเรื่องที่หน่วยงานต่างดำเนินงานโดยไม่ถูกต้องชอบธรรมได้ที่คณะกรรมการธรรมมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬ ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ
นายจำรัส ศักดิ์จิรพาพงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 10 กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการนำเสนอเรื่องใหญ่ๆอยู่ 2 ส่วน คือ 1 เรื่องการดำเนินการตามมติคระธรรมมาภิบาลจังหวัด และ 2 การติดตามผลความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดทั้งในส่วนผลสัมฤทธิ์ในปีที่ผ่านมาและในปีปัจจุบัน ในที่ประชุมมีเรื่องนำเสนอหลายเรื่องมีประเด็นสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสอดส่องแผนงานและโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดบึงกาฬทั้งหมดโดยมอบหมายให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการที่มีความสำคัญที่มีผลกระทบกับประชาชนจะได้เข้าไปสอดส่อง เช่นโครงการพัฒนาศักยภาพยางพาราโดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทและโครงการเกี่ยวกับการสร้างและซ่อมแซมถนนหนทางและได้พิจารณาในเรื่องร้องเรียนของประชาชนในเรื่องต่างๆที่ได้ร้องเรียนเข้ามาเพื่อที่จะได้เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียน ซึ่งประชาชนสามารถร้องเรียนเรื่องที่หน่วยงานต่างดำเนินงานโดยไม่ถูกต้องชอบธรรมได้ที่คณะกรรมการธรรมมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬ ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ผู้แทนพระองค์ อัญเชิญ พวงมาลาหลวงวางหน้าหีบศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง ที่เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ผู้แทนพระองค์ อัญเชิญ พวงมาลาหลวงวางหน้าหีบศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง ที่เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันที่ 5 ม.ค. 57 เวลา18.30 น. ที่วัดสุทธจินดา วรวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้อัญเชิญพวงมาลาหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาพระราชทาน พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เพื่อไว้อาลัยในโอกาสบำเพ็ญกุศลแด่ศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 ปฏิบัติหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ บริเวณบ้านปลักใหญ่ ม.9 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมา สำหรับศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง จะตั้งสวดอภิธรรมศพที่วัดสุทธจินดา วรวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ. 2557 ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 8 ก.พ. 2557 เวลา 15.00 น.
วันที่ 5 ม.ค. 57 เวลา18.30 น. ที่วัดสุทธจินดา วรวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้อัญเชิญพวงมาลาหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาพระราชทาน พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เพื่อไว้อาลัยในโอกาสบำเพ็ญกุศลแด่ศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 ปฏิบัติหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ บริเวณบ้านปลักใหญ่ ม.9 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมา สำหรับศพ จ่าสิบเอกทศพร โชติกลาง จะตั้งสวดอภิธรรมศพที่วัดสุทธจินดา วรวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ. 2557 ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 8 ก.พ. 2557 เวลา 15.00 น.
จังหวัดนครราชสีมา ประชุมคณะทำงานจัดสร้างวัตถุมงคล
วันนี้ เวลา 09.30 น. นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานจัดสร้างวัตถุมงคล ณ ห้องมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เรื่องที่ประชุมพิจารณา รูปแบบการจัดสร้างวัตถุมงคล และพิจารณาแหล่งเงินทุน สถานที่จัดสร้าง (ผู้ผลิต) จำนวนที่จะผลิต/ราคาจัดจำหน่าย แนวทางการจำหน่าย/สถานที่รับจอง/แบบรับจอง/สถานที่จำหน่าย พร้อมพิธีบวงสรวงขออนุญาตจัดสร้าง และพิธีกรรมปลุกเสก
อาฒยา /รายงาน/สมศักดิ์ ฉายาวรรณ/ภาพ
ภาค 4 แถลงความคืบหน้าคดียิงขวัญชัย ไพพนา
พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวถึงความคืบหน้าคดียิงนายขวัญชัย ไพรพนา ว่า ในทางคดีชุดสืบสวนสอบสวนยังคงลงพื้นที่หาข่าว และแกะรอยคนร้ายอย่างเต็มที่ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าไปมากโดยเฉพาะกับการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และพยานแวดล้อมที่ได้สอบปากคำไปแล้วรวมกว่า 10 ปาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของนายขวัญชัย และโดยรอบของสถานที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจสามารถบันทึกไว้ได้ 2 จุดส่งผลต่อรูปคดีและแนวทางการสืบสวนอย่างชัดเจน ทั้งนี้เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้าย ได้ประสานขอทีมสืบสวนสอบสวนชั้นนำของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รวมทั้งหมด 5 ชุด ประกอบด้วย บก.ภ.จว.อุดรธานี, สภ.เมืองอุดธานี, บก.สส.ภ.4 รวมไปถึงชุดเฉพาะกิจประสานการทำงานระหว่างทีมสืบสวนกับพนักงานสอบสวนที่ บช.ภ.4 ได้แต่งตั้งขึ้นอีกเพื่อให้การทำงานรัดกุมและละเอียดเพิ่มขึ้น ต้องลงพื้นที่หาข่าวไปยังจังหวัดใกล้เคียง ทั้งที่ จ.หนองคาย, หนองบัวลำภู, นครพนม, สกลนคร และขอนแก่น ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีหลังก่อเหตุ พล.ต.ต.สุรพลกล่าวต่อว่า ขณะนี้อาการของนายขวัญชัยปลอดภัยแล้ว สามารถสื่อสารและขยับตัวได้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.ภ.จว.อุดรธานี มาดูแลความปลอดภัยทั้งที่โรงพยาบาล และบ้านพัก ทั้งได้จัดชุดคุ้มกันให้คนในครอบครัวนายขวัญชัย เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหวนคืนมาก่อเหตุอีกครั้ง คนร้ายที่ก่อเหตุยิงนายขวัญชัยนั้นได้ติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคนในมีส่วนรู้เห็นหรือเกลือเป็นหนอน เพราะนายขวัญชัยมักจะเดินทางตลอด แต่คนร้ายกลับเลือกลงมือขณะนายขวัญชัยกำลังพักอยู่ที่บ้าน อาจจะมีคนแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยให้มือปืนรู้ ประเด็นการลอบสังหารนั้นให้น้ำหนักไว้ที่ปมขัดแย้งส่วนตัวและปมขัดแย้งในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน ซึ่งได้ส่งปลอกกระสุนไปเทียบกับการใช้อาวุธปืนตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเขต กทม.และพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เพื่อสืบหาที่มาของปืนและกลุ่มคนร้าย มั่นใจว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าทางคดีและสามารถออกหมายจับผู้ลงมือก่อเหตุ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น
ตชด.ภาค 2 บุกค้นเรือนจำขอนแก่นได้ยาเสพติด โทรศัพท์ อาวุธเพรียบ
เช้าวันนี้ ร.ต.อ.วรพันธ์ จันทริมา รอง สว.ธกส.ฝอ.บก.ตชด.ภาค ๒ นำข้าราชการการตำรวจ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๒ จำนวน ๓๐ นาย เข้าตรวจค้นจู่โจมภายในเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น โดยร่วมกับนายวุฒิชัย เจนวิริยะกุล ผู้บัญชาการเรือนจำขอนแก่นและเจ้าหน้าที่เรือนจำร่วมกันตรวจค้น ผลการตรวจค้นครั้งนี้ได้ของกลางสิ่งเสพติด ยาเม็ดสีส้มคล้ายยาบ้า 160 เม็ด ผงบดสีขาวคล้ายไอซ์ 8.9 กรัม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ สิ่งผิดกฏหมาย คล้ายอาวุธมีดหลายรายการ การตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายเรือนจำสีขาวยั่งยืนตามนโยบายของนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอนแก่น ที่ปี 2557นี้ปัญหายาเสพติดจะเป็นวาระของจังหวัดขอนแก่น ในการแก้ไข ปัญหาอย่างยั่งยืน จากการที่จังหวัดขอนแก่นมีการตรวจค้นเรือนจำมาอย่างต่อเนื่องทุกเดือนแต่ปัญหายาเสพติดและการสั่งซื้อยาบ้าในเรือนจำก็มีไม่หยุด แต่ผู้ต้องหาก็หาแนวทางใหม่ในการส่งยาเสพติดเข้าเรือนจำมีการจับกุมกันได้ เป็นประจำเพราะมีการทำกันเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ มีการรู้ความเคลื่อนไหวทั้งภายในภายนอกทำให้การตรวจค้นหลายๆครั้งไม่พบยาเสพติดและอุปกรณ์สื่อสาร แต่ครั้งนี้เป็นการจู่โจมไม่แจ้งล่วงหน้าทำให้ได้สิงผิดกฏหมายหลายรายการ
อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานวันสตรีสากล
อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานวันสตรีสากลสืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญคูนลานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ปี 2557
นายแพน พรไตรศักดิ์ นายอำเภอสมเด็จ เปิดเผยว่า อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยภาคีเครือข่ายองค์กรต่างๆ ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอสมเด็จ เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ชมรมอาสาพัฒนาชุมชนอำเภอสมเด็จ ที่ทำการปกครองอำเภอและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสมเด็จ รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชน ได้ร่วมกันจัดงาน วันสตรีสากลสืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญคูนลาน ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 7 – 8 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอสมเด็จ เพื่อสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านและระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคมและคนยากจนในอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป เริ่มด้วยการเดินรณรงค์ของกลุ่มสตรีอำเภอสมเด็จในการแสดงพลังขับเคลื่อนประเทศไทย พิธีเปิดโครงการ การมอบปัจจัยแก่ผู้ด้อยโอกาสและครัวเรือนยากจน จำนวน 188 ราย จากนั้น เป็นพิธีสู่ขวัญข้าว และในช่วงเย็นมีกิจกรรมรำวงย้อนยุคเพื่อหาเงินทุนสนับสนุนภาคีเครือข่ายแก้จนแบบบูรณาการอำเภอสมเด็จ ในวันที่ 8 มกราคม 2557 เป็นงานบุญคูนลาน ซึ่งมีกิจกรรมการทอดผ้าป่าข้าวเปลือก โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรมวันสตรีสากลสืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญคูนลานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในห้วงวันเวลา และสถานที่ดังกล่าว
นายแพน พรไตรศักดิ์ นายอำเภอสมเด็จ เปิดเผยว่า อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยภาคีเครือข่ายองค์กรต่างๆ ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอสมเด็จ เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ชมรมอาสาพัฒนาชุมชนอำเภอสมเด็จ ที่ทำการปกครองอำเภอและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสมเด็จ รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชน ได้ร่วมกันจัดงาน วันสตรีสากลสืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญคูนลาน ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 7 – 8 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอสมเด็จ เพื่อสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านและระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคมและคนยากจนในอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป เริ่มด้วยการเดินรณรงค์ของกลุ่มสตรีอำเภอสมเด็จในการแสดงพลังขับเคลื่อนประเทศไทย พิธีเปิดโครงการ การมอบปัจจัยแก่ผู้ด้อยโอกาสและครัวเรือนยากจน จำนวน 188 ราย จากนั้น เป็นพิธีสู่ขวัญข้าว และในช่วงเย็นมีกิจกรรมรำวงย้อนยุคเพื่อหาเงินทุนสนับสนุนภาคีเครือข่ายแก้จนแบบบูรณาการอำเภอสมเด็จ ในวันที่ 8 มกราคม 2557 เป็นงานบุญคูนลาน ซึ่งมีกิจกรรมการทอดผ้าป่าข้าวเปลือก โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรมวันสตรีสากลสืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญคูนลานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในห้วงวันเวลา และสถานที่ดังกล่าว
นันทพร กาสาวิด / ข่าว
วัดช้างหมอบ (วัดมงคลคชาราม) จ.สุรินทร์
วัดช้างหมอบ (วัดมงคลคชาราม) ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ 32210
พระพิมลพัฒนาทร (หลวงพ่อพวน วรมงฺคโล) เจ้าคณะตำบลคอโค และเจ้าอาวาสวัดมงคลรัตน์ ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นพระสงฆ์ผู้มีพรหมวิหารธรรม เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อชาวจังหวัดสุรินทร์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต โดยไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัด และรับมอบวัตถุมงคลจากหลวงพ่อเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ เป็นประจำ
หลวงพ่อพวน เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2471 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง อายุ 86 พรรษา บวชเป็นสามเณรที่วัดคอโค (วัดสง่างาม) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อครบอายุบรรพชา ได้หลวงปู่อวง เป็นพระอุปัชญา และศึกษาปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่มา และมีหน้าที่สอนหนังสือการปฏิบัติธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์ ท่านชอบธรรมชาติ จึงชอบธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ
ในสมัยก่อน ประมาณ ปี 2517 พื้นที่ตามแนวชายแดน เป็นป่าทึบและยังเป็นดินแดนสีแดง หรือเรียกว่ากลุ่มคอมมิวนิสต์เข้ามาหลบอยู่ในป่า ทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยกล้าเข้าในป่าลึก โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ได้มาธุดงค์ในป่าแถวบริเวณนี้ ชอบความสงบตามธรรมชาติและมีถ้ำอยู่ จึงได้มาพำนักปฏิบัติธรรมในถ้ำใกล้ ๆ บริเวณวัดช้างหมอบแห่งนี้ ในช่วงนั้น ไป ๆ มา ระหว่างวัดคอโคและสถานที่แห่งนี้ และมีความรู้สึกว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ควรจะมีการสร้างวัดขึ้น
ค้นพบรอยพระพุทธบาท
จนถึง ปี พ.ศ. 2527 ได้กลับมาอย่างถาวร โดยจะสร้างเป็นวัดในการปฏิบัติธรรม และพบรอยพระพุทธบาทอยู่เหนือถ้ำ เนื่องจากมีแสงสว่างขึ้นมาในช่วงกลางคืน เป็นแสงหลายสี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว เขียว แดง เหลือง ลำแสงสว่างอยู่เหนือยอดไม้ 1 – 2 เมตร จนชาวเขมรต่ำ เห็นและคิดว่าที่วัดมีไฟฟ้าใช้ ได้พากันขึ้นมาขอไฟฟ้าใช้บ้าง แต่เมื่อมาถึง ก็เห็นเป็นวัดเล็ก ๆ ไม่มีไฟฟ้าแต่อย่างใด
ต่อมาบริเวณรอยพระพุทธบาท ที่มีลำแสงให้เห็นยามค่ำคืน จนถึงประมาณตี 1 นั้น มีต้นตะเคียนใกล้ ๆ ได้โค่นลงมาทับก้อนหินแตก ทำให้เห็นรอยพระพุทธบาทชัดเจนขึ้น และรอยหินได้แยกออกประมาณ 1 เมตร ทำให้เป็นรอยพระพุทธบาทหันพระบาทไปทางทิศตะวันออก มีขนาดกว้าง 33 นิ้ว ยาว 56 นิ้ว
วัดมงคลรัตน์ ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นพระสงฆ์ผู้มีพรหมวิหารธรรม เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อชาวจังหวัดสุรินทร์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต โดยไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัด และรับมอบวัตถุมงคลจากหลวงพ่อเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ เป็นประจำ เริ่มสร้างโบสถ์ ปี 2527 โดยมีสามี ภรรยา คู่หนึ่ง ได้รับโชคลาภจากการขอพรรอยพระพุทธบาท ที่ราษฎรจะมาขอกันเป็นประจำ เช่น ขอบุตร ขอตำแหน่ง ขอความร่ำรวย สามี ภรรยาคู่นี้ก็มาขอเช่นเดียวกัน และหอบเงินมาขอสร้างโบสถ์ให้วัดช้างหมอบ ปัจจุบันได้รับการตั้งชื่อเป็นทางการว่าวัดมงคลคชาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 บ้านช้างหมอบ ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ส่วนการก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร นั้น สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสารีริกธาตุของพระอริยะสงฆ์และพระธาตุที่เสด็จมาและเก็บไว้ที่วัดแห่งนี้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพบูชาสักการะ โดยก่อนที่จะสร้างนั้น ได้มีการบวงสรวงขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาได้มีหญิงสาวอายุ 17 ปี มาพร้อมชายวัยกลางคน ประมาณ 50 ปี เศษ มาขอออกแบบพระปรางค์พร้อมแกะลายยอดพระปรางค์ให้ด้วย ทำงานตลอดไม่พูดจากับใคร ไม่ทราบว่ามาจากไหนโดยใช้เวลาเพียง 15 วัน ได้นำแบบทั้งหมดมาให้และบอกว่า ต่อไปจะมีคนมาสร้างให้ หลังจากนั้นก็จากไป ไม่ได้เจอกันอีกเลย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้นำพุทธศาสนิกชนทั่วทุกหมู่เหล่า ร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระพุทธรูปและพระไตรปิฎกฉบับภาษาลาว นั่งช้าง เวียนประทักษิณรอบพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชรเนื่องจากในปีนี้เป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 85 พรรษา และสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 99 ปี จังหวัดสุรินทร์ จึงได้ขอประทานพระบรมสารีริกธาตุ จากพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งพระองค์ทรงเมตตาประทาน พระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร วัดมงคลวราภรณ์ บ้านช้างหมอบ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นที่สักการะ บูชา เป็นที่ตั้งมั่นแห่งพระพุทธศาสนา เป็นสิริมงคล และเป็นกำลังใจแก่คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนตามแนชายแดนไทย – กัมพูชา
สำหรับครั้งนี้ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาส กล่าวว่าจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดสุรินทร์ ภาคเอกชน พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี ในวันที่ 14 ก.พ. 2557 ณ วัดมงคลคชาราม (วัดช้างหมอบ ) หมู่ที่ 14 บ้านช้างหมอบ ต. แนงมุด จ. สุรินทร์ เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และเพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์อีกแห่ง จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ร่วมเป็นเจ้าภาพในการทอดผ้าป่าสามัคคีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้โดยทั่วกัน โดยประสานรายละเอียดและส่งปัจจัยได้ที่ สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มงานอำนวยการ โทร 044-512039 (นายสันทัด แสนทอง หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ โทร 086-7215312 ) ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มงานการเงินและบัญชี โทร 044-511891 (นางสาวรัชนีภรณ์ สุยะ เสมียนตราจังหวัดสุรินทร์ โทร081-7534853 ) หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุรินทร์ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี ก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร เลขที่ บัญชี 310-0-69691-3 และขอความกรุณาแฟกซ์ใบโอนให้ทราบด้วย
หมายเหตุ : หลวงพ่อพวน เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของอีสานใต้ เป็นพระเมตตาธรรมสูง ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ใครที่เดือดร้อนมาจะช่วยโดยให้ยึดหลักธรรมะ ให้เก่งงาน เก่งอาชีพ ใช้อย่างประหยัดคุ้มค่า
พระพิมลพัฒนาทร (หลวงพ่อพวน วรมงฺคโล) เจ้าคณะตำบลคอโค และเจ้าอาวาสวัดมงคลรัตน์ ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นพระสงฆ์ผู้มีพรหมวิหารธรรม เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อชาวจังหวัดสุรินทร์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต โดยไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัด และรับมอบวัตถุมงคลจากหลวงพ่อเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ เป็นประจำ
หลวงพ่อพวน เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2471 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง อายุ 86 พรรษา บวชเป็นสามเณรที่วัดคอโค (วัดสง่างาม) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อครบอายุบรรพชา ได้หลวงปู่อวง เป็นพระอุปัชญา และศึกษาปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่มา และมีหน้าที่สอนหนังสือการปฏิบัติธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์ ท่านชอบธรรมชาติ จึงชอบธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ
ในสมัยก่อน ประมาณ ปี 2517 พื้นที่ตามแนวชายแดน เป็นป่าทึบและยังเป็นดินแดนสีแดง หรือเรียกว่ากลุ่มคอมมิวนิสต์เข้ามาหลบอยู่ในป่า ทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยกล้าเข้าในป่าลึก โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ได้มาธุดงค์ในป่าแถวบริเวณนี้ ชอบความสงบตามธรรมชาติและมีถ้ำอยู่ จึงได้มาพำนักปฏิบัติธรรมในถ้ำใกล้ ๆ บริเวณวัดช้างหมอบแห่งนี้ ในช่วงนั้น ไป ๆ มา ระหว่างวัดคอโคและสถานที่แห่งนี้ และมีความรู้สึกว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ควรจะมีการสร้างวัดขึ้น
ค้นพบรอยพระพุทธบาท
จนถึง ปี พ.ศ. 2527 ได้กลับมาอย่างถาวร โดยจะสร้างเป็นวัดในการปฏิบัติธรรม และพบรอยพระพุทธบาทอยู่เหนือถ้ำ เนื่องจากมีแสงสว่างขึ้นมาในช่วงกลางคืน เป็นแสงหลายสี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว เขียว แดง เหลือง ลำแสงสว่างอยู่เหนือยอดไม้ 1 – 2 เมตร จนชาวเขมรต่ำ เห็นและคิดว่าที่วัดมีไฟฟ้าใช้ ได้พากันขึ้นมาขอไฟฟ้าใช้บ้าง แต่เมื่อมาถึง ก็เห็นเป็นวัดเล็ก ๆ ไม่มีไฟฟ้าแต่อย่างใด
ต่อมาบริเวณรอยพระพุทธบาท ที่มีลำแสงให้เห็นยามค่ำคืน จนถึงประมาณตี 1 นั้น มีต้นตะเคียนใกล้ ๆ ได้โค่นลงมาทับก้อนหินแตก ทำให้เห็นรอยพระพุทธบาทชัดเจนขึ้น และรอยหินได้แยกออกประมาณ 1 เมตร ทำให้เป็นรอยพระพุทธบาทหันพระบาทไปทางทิศตะวันออก มีขนาดกว้าง 33 นิ้ว ยาว 56 นิ้ว
วัดมงคลรัตน์ ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นพระสงฆ์ผู้มีพรหมวิหารธรรม เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อชาวจังหวัดสุรินทร์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต โดยไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัด และรับมอบวัตถุมงคลจากหลวงพ่อเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ เป็นประจำ เริ่มสร้างโบสถ์ ปี 2527 โดยมีสามี ภรรยา คู่หนึ่ง ได้รับโชคลาภจากการขอพรรอยพระพุทธบาท ที่ราษฎรจะมาขอกันเป็นประจำ เช่น ขอบุตร ขอตำแหน่ง ขอความร่ำรวย สามี ภรรยาคู่นี้ก็มาขอเช่นเดียวกัน และหอบเงินมาขอสร้างโบสถ์ให้วัดช้างหมอบ ปัจจุบันได้รับการตั้งชื่อเป็นทางการว่าวัดมงคลคชาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 14 บ้านช้างหมอบ ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ส่วนการก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร นั้น สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสารีริกธาตุของพระอริยะสงฆ์และพระธาตุที่เสด็จมาและเก็บไว้ที่วัดแห่งนี้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพบูชาสักการะ โดยก่อนที่จะสร้างนั้น ได้มีการบวงสรวงขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาได้มีหญิงสาวอายุ 17 ปี มาพร้อมชายวัยกลางคน ประมาณ 50 ปี เศษ มาขอออกแบบพระปรางค์พร้อมแกะลายยอดพระปรางค์ให้ด้วย ทำงานตลอดไม่พูดจากับใคร ไม่ทราบว่ามาจากไหนโดยใช้เวลาเพียง 15 วัน ได้นำแบบทั้งหมดมาให้และบอกว่า ต่อไปจะมีคนมาสร้างให้ หลังจากนั้นก็จากไป ไม่ได้เจอกันอีกเลย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้นำพุทธศาสนิกชนทั่วทุกหมู่เหล่า ร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระพุทธรูปและพระไตรปิฎกฉบับภาษาลาว นั่งช้าง เวียนประทักษิณรอบพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชรเนื่องจากในปีนี้เป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 85 พรรษา และสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 99 ปี จังหวัดสุรินทร์ จึงได้ขอประทานพระบรมสารีริกธาตุ จากพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งพระองค์ทรงเมตตาประทาน พระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร วัดมงคลวราภรณ์ บ้านช้างหมอบ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นที่สักการะ บูชา เป็นที่ตั้งมั่นแห่งพระพุทธศาสนา เป็นสิริมงคล และเป็นกำลังใจแก่คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนตามแนชายแดนไทย – กัมพูชา
สำหรับครั้งนี้ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาส กล่าวว่าจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดสุรินทร์ ภาคเอกชน พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี ในวันที่ 14 ก.พ. 2557 ณ วัดมงคลคชาราม (วัดช้างหมอบ ) หมู่ที่ 14 บ้านช้างหมอบ ต. แนงมุด จ. สุรินทร์ เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และเพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์อีกแห่ง จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ร่วมเป็นเจ้าภาพในการทอดผ้าป่าสามัคคีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้โดยทั่วกัน โดยประสานรายละเอียดและส่งปัจจัยได้ที่ สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มงานอำนวยการ โทร 044-512039 (นายสันทัด แสนทอง หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ โทร 086-7215312 ) ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มงานการเงินและบัญชี โทร 044-511891 (นางสาวรัชนีภรณ์ สุยะ เสมียนตราจังหวัดสุรินทร์ โทร081-7534853 ) หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุรินทร์ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี ก่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร เลขที่ บัญชี 310-0-69691-3 และขอความกรุณาแฟกซ์ใบโอนให้ทราบด้วย
หมายเหตุ : หลวงพ่อพวน เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของอีสานใต้ เป็นพระเมตตาธรรมสูง ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ใครที่เดือดร้อนมาจะช่วยโดยให้ยึดหลักธรรมะ ให้เก่งงาน เก่งอาชีพ ใช้อย่างประหยัดคุ้มค่า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)