วันนี้ ( 23 ก.ค. 56 ) เวลา 10.30 น. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายพงษ์เลิศ
สุภัทรวณิชย์ รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา
เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนแห่เทียนพรรษาประจำปี 2556
เพื่อแห่ไปรอบตัวเมืองนครราชสีมา ให้ประชาชนได้ชมความงามของต้นเทียน
โดยในปีนี้มีต้นเทียนและขบวนเทียนเข้าร่วมประกวด กว่า 30 ขบวน
ภายใต้ชื่องาน เสริมบุญ สร้างบารมี แห่เทียนโคราชประจำปี 2556
ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเข้าชมและร่วมบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก
เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ด้านนายพงษ์เลิศ
สุภัทรวณิชย์ รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า
สำหรับประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาในปีนี้ ใช้ชื่องานว่า เสริมบุญ สร้างบารมี
แห่เทียนโคราช ประจำปี 2556 โดยกิจกรรมประกอบด้วย
กิจกรรมการประกวดภายถ่ายเทียนพรรษา กิจกรรม7 ขั้นบันไดบุญ
ที่จะนำทางบรรลุธรรมชี้นำความสว่าง ประกอบด้วย
การสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปิดทององค์พระพุทธรูป
ไหว้บูชาองค์พระหล่อรูปเหมือนจริง ถวายสังฆทาน ไถ่ชีวิตโค-กรบือ
เติมน้ำมันตะเกียง และ เทเทียนพระประจำวันเกิด
กิจกรรมท่องเที่ยวป่าหิมพานต์ มีชีวิตจำลองเหมือนจริง การแสดงโขนสด Korat
Thai Contemporary Music ผสมผสานกับการเล่นดนตรีโดยใช้เครื่อง iPad
บรรเลงโดยเยาวชนคนโคราชกว่า 100 ชีวิต
การแสดงธรรมะบรรยากาศโดยพระวิทยากรชื่อดังจากรายการธรรมะเดลิเวอรี่
การประกวดรถขบวนเทียนประเภท ก, ข และ ค
เพื่อชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมานำพุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุเนื่องในอาสาฬหบูชา
ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง
จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
นำพุทธศาสนิกชนชาวนครราชสีมา นุ่งขาวห่มขาว กล่าวแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
และประกอบพิธีเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ
ที่ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ภายในงานเทศกาลแห่เทียนของจังหวัดนครราชสีมา
ประจำปี 2556 เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบสักการบูชา
เนื่องในวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชา นอกจากนี้
ยังได้มีการตั้งจิตให้สงบและระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ทั้งพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ และเหตุการณ์ที่สำคัญ 3 ประการ
ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล คือ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก
เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์สาวกในพระพุทธศาสนาขึ้นเป็นครั้งแรก
และเป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัย ครบ 3 ประการ
เทศบาลเมืองอำนาจเจริญจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี ๒๕๕๖
เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนจาก ๓๑ ชุมชน รวม ๑๔ คุ้มวัด ร่วมกันจัดงานประเพณีแห่เทียรพรรษา สืบทอดประเพณีสำคัญทางศาสนาท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๓๐ น. ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ภายในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ได้มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา โดยเทบาลเมืองอำนาจเจริญ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ และประชาชนในเขต ๑๓ ชุมชน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่ออนุรักษ์และสืบสานเทศกาลประเพณีเข้าพรรษาให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่นและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ปลูกฝังจิตสำนึกให้พุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสร่วมกันเข้าวัดทำบุญเพื่อสร้างกุศลความดีให้กับตนเองและครอบครัว โดยมี นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ พร้อมด้วย นายไพศาล จันวารา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ คณะผู้บริหารของเทศบาล ตลอดจนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ในงานมีการจัดขบวนแห่เทียนพรรษาที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม มีนางฟ้าประจำต้นเทียน และริ้วขบวนแสดงศิลปวัฒนธรรม การฟ้อนรำ และการแสดงจำลองนิทานชาดกประวัติพระพุทธเจ้า นำขบวน จาก ๑๔ คุ้มวัด เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีผู้สูงอายุ นักเรียนเยาวชนแต่งกายด้วยชุดขาว เดินถือข้าวตอก ดอกไม้ ตลอดจนเครื่องอัฐบริขารต่างๆ ร่วมในขบวนก่อนจะนำไปถวายแด่พระสงฆ์ประจำวัดของแต่ละชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงอยู่จำพรรษาตลอด ๓ เดือน นอกจากนี้ในงานยังจัดประกวดขบวนแห่ด้วย ซึ่งผลการประกวดขบวนแห่ต้นเทียนของเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศ ได้แก่คุ้มวัดสำราญนิเวศ ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศและเงินรางวัล ๕ พันบาท รองชนะเลิศอันดับ ๑ คุ้มวัดเทพมงคล รองชนะเลิศอันดับ ๒ คุ้มวัดอำนาจเจริญ ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศและเงินรางวัล ๔ พันบาท และ ๓ พันบาท ตามลำดับ ซึ่งในการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปีนี้ของเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ได้รับความร่วมมือจากภาคข้าราชการพ่อค้า และภาคประชาชนทุกฝ่าย ถึงแม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาตลอดเวลาแต่ก็สร้างสุขความสนุกสนานให้กับชาวอำนาจเจริญเป็นอย่างมาก
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๓๐ น. ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ภายในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ได้มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา โดยเทบาลเมืองอำนาจเจริญ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ และประชาชนในเขต ๑๓ ชุมชน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่ออนุรักษ์และสืบสานเทศกาลประเพณีเข้าพรรษาให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่นและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ปลูกฝังจิตสำนึกให้พุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสร่วมกันเข้าวัดทำบุญเพื่อสร้างกุศลความดีให้กับตนเองและครอบครัว โดยมี นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ พร้อมด้วย นายไพศาล จันวารา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ คณะผู้บริหารของเทศบาล ตลอดจนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ในงานมีการจัดขบวนแห่เทียนพรรษาที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม มีนางฟ้าประจำต้นเทียน และริ้วขบวนแสดงศิลปวัฒนธรรม การฟ้อนรำ และการแสดงจำลองนิทานชาดกประวัติพระพุทธเจ้า นำขบวน จาก ๑๔ คุ้มวัด เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีผู้สูงอายุ นักเรียนเยาวชนแต่งกายด้วยชุดขาว เดินถือข้าวตอก ดอกไม้ ตลอดจนเครื่องอัฐบริขารต่างๆ ร่วมในขบวนก่อนจะนำไปถวายแด่พระสงฆ์ประจำวัดของแต่ละชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงอยู่จำพรรษาตลอด ๓ เดือน นอกจากนี้ในงานยังจัดประกวดขบวนแห่ด้วย ซึ่งผลการประกวดขบวนแห่ต้นเทียนของเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศ ได้แก่คุ้มวัดสำราญนิเวศ ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศและเงินรางวัล ๕ พันบาท รองชนะเลิศอันดับ ๑ คุ้มวัดเทพมงคล รองชนะเลิศอันดับ ๒ คุ้มวัดอำนาจเจริญ ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศและเงินรางวัล ๔ พันบาท และ ๓ พันบาท ตามลำดับ ซึ่งในการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปีนี้ของเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ได้รับความร่วมมือจากภาคข้าราชการพ่อค้า และภาคประชาชนทุกฝ่าย ถึงแม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาตลอดเวลาแต่ก็สร้างสุขความสนุกสนานให้กับชาวอำนาจเจริญเป็นอย่างมาก
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
เหล่าพุทธศาสนิกชนอำนาจเจริญร่วมกันทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๕๖
เหล่าพุทธศาสนิกชนจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมใจกันเข้าวัดทำบุญตักบาตรและถวายธูปเทียนแด่พระสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในเทศกาลประเพณีเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๕๖
เวลา ๐๗.๐๐ น. (วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖) ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษาและมีวันหยุดราชการหลายวัน ปรากฏว่าที่วัดสำราญนิเวศ (พระอารามหลวง) ในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ มีบรรดาพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน จำนวนมาก ต่างพาคนในครอบครัว เข้าวัดฟังธรรมและร่วมกันทำกิจกรรมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร ดอกไม้ ธูปเทียน แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร เพื่อเป็นการทำบุญและรักษาศีลอย่างเคร่งครัด เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา โดยมี นายสัจจะ ฤทธิกุล ประเสิรฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วย นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ นายไพศาล จันทวารา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมกันเป็นประธานและกล่าวนำจะร่วมกันประพฤติตนเป็นพุทธมากะ ตั้งใจบำเพ็ญ รักษาศีล และทำความดีตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
ทางด้าน นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาในปีนี้ ทางเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนในจังหวัดอำนาจเจริญ จัดทำโครงการทำบุญ ๑๔ วัด ๑๔ วันขึ้น โดยการร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ในทุกวันพุธ ทุกสัปดาห์ หมุนเวียนไปตามวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ รักษาศีล ห่างไกลอบายมุขต่าง เพื่อชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ในช่วงเข้าพรรษา และยังเป็นการสร้างกิจกรรมก่อเกิดความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ในหมู่บ้านและชุมชนอีกด้วย
เวลา ๐๗.๐๐ น. (วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖) ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษาและมีวันหยุดราชการหลายวัน ปรากฏว่าที่วัดสำราญนิเวศ (พระอารามหลวง) ในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ มีบรรดาพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน จำนวนมาก ต่างพาคนในครอบครัว เข้าวัดฟังธรรมและร่วมกันทำกิจกรรมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร ดอกไม้ ธูปเทียน แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร เพื่อเป็นการทำบุญและรักษาศีลอย่างเคร่งครัด เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา โดยมี นายสัจจะ ฤทธิกุล ประเสิรฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วย นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ นายไพศาล จันทวารา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมกันเป็นประธานและกล่าวนำจะร่วมกันประพฤติตนเป็นพุทธมากะ ตั้งใจบำเพ็ญ รักษาศีล และทำความดีตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
ทางด้าน นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาในปีนี้ ทางเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนในจังหวัดอำนาจเจริญ จัดทำโครงการทำบุญ ๑๔ วัด ๑๔ วันขึ้น โดยการร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ในทุกวันพุธ ทุกสัปดาห์ หมุนเวียนไปตามวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ รักษาศีล ห่างไกลอบายมุขต่าง เพื่อชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ในช่วงเข้าพรรษา และยังเป็นการสร้างกิจกรรมก่อเกิดความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ในหมู่บ้านและชุมชนอีกด้วย
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
เครือข่ายภาคประชาชนอำนาจเจริญกว่า ๑ พันคนร่วมกับข้าราชการจัดชุมนุมปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อตนเอง และครอบครัว
วันนี้ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่บริเวณลานหน้าพระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ มีการชุมนุมของบรรดาเครือข่ายภาคประชาชนและข้าราชการ รวมทั้งสื่อมวลชนจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ตนจะงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา เพื่อทำความดีถวายในหลวงและเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จฯ พระสังฆราช โดยมีนายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ และองค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ประชาคมองค์กรงดเหล้าจังหวัดอำนาจเจริญ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ สำนักงานสาธารณสุข เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน เครือข่ายสวัสดิการชุมชน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จำนวนกว่า ๑ พันคน เข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้
นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ถึง โทษ พิษภัย อันตราย และผลกระทบจากการบริโภคเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ โดยเน้นส่งเสริมให้ชาวจังหวัดอำนาจเจริญ งด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง และการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ทางด้าน นางรัตนา สาระคุณ ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวรายงานในนามของผู้เข้าร่วมรณรงค์ว่า จากผลการสำรวจปี ๒๕๔๔ พบว่าคนไทยอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป ดื่มเหล้ามากถึง ๑๗ ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในขั้นติดเหล้าถึง ๔ ล้านคน และปริมาณการดื่มโดยเฉลี่ยลดลงเพียงเล็กน้อย จึงต้องเร่งสร้างความร่วมมือให้มากขึ้น เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมและครอบครัวทุกวันนี้ พบว่าส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงจำเป็นต้องรณรงค์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนต่อไป
ในโอกาสนี้ นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ ประธานได้นำผู้ร่วมชุมนุมกล่าว”ปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อตนเอง และครอบครัว”ต่อหน้าพระมงคลมิ่งเมือง ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอำนาจเจริญว่า จะลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และส่งเสริมให้ประชาชนร่วมรณรงค์ด้วย รวมทั้งจะสอดส่องดูแล ให้ร้านค้าในชุมชน ร้านสะดวกซื้อ ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด จากนั้นทั้งเครือข่ายภาคประชาชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้มีการลงนามในข้อตกลง ( MOU) ว่าจะร่วมบูรณาการทำงานรณรงค์ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดอำนาจเจริญ ให้เกิดผลที่ดีและยั่งยืนต่อไป
นายวิเชียร อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ถึง โทษ พิษภัย อันตราย และผลกระทบจากการบริโภคเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ โดยเน้นส่งเสริมให้ชาวจังหวัดอำนาจเจริญ งด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง และการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ทางด้าน นางรัตนา สาระคุณ ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวรายงานในนามของผู้เข้าร่วมรณรงค์ว่า จากผลการสำรวจปี ๒๕๔๔ พบว่าคนไทยอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป ดื่มเหล้ามากถึง ๑๗ ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในขั้นติดเหล้าถึง ๔ ล้านคน และปริมาณการดื่มโดยเฉลี่ยลดลงเพียงเล็กน้อย จึงต้องเร่งสร้างความร่วมมือให้มากขึ้น เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมและครอบครัวทุกวันนี้ พบว่าส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงจำเป็นต้องรณรงค์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนต่อไป
ในโอกาสนี้ นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ ประธานได้นำผู้ร่วมชุมนุมกล่าว”ปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อตนเอง และครอบครัว”ต่อหน้าพระมงคลมิ่งเมือง ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอำนาจเจริญว่า จะลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และส่งเสริมให้ประชาชนร่วมรณรงค์ด้วย รวมทั้งจะสอดส่องดูแล ให้ร้านค้าในชุมชน ร้านสะดวกซื้อ ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด จากนั้นทั้งเครือข่ายภาคประชาชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้มีการลงนามในข้อตกลง ( MOU) ว่าจะร่วมบูรณาการทำงานรณรงค์ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดอำนาจเจริญ ให้เกิดผลที่ดีและยั่งยืนต่อไป
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
ผวจ.อุบลราชธานี นำขบวนแห่เครื่องยศอดีตเจ้าเมือง ในงานแห่เทียนเข้าพรรษา
อุบลราชธานี : นำลูกหลานอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี พร้อมด้วยนายอำเภอทุกอำเภอ นำเครื่องยศอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานประจำตระกูล เข้าร่วมขบวนแห่ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง
เช้าวันนี้ (๒๓ ก.ค.๕๖) ที่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม (พระอารามหลวง) ได้จัดพิธีเปิดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ปี ๒๕๕๖ ย้อนตำนาน ๑๒๒ ปี สืบฮีตวิถีชาวอุบล ยลพุทธศิลป์ ถิ่นไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นประธานเปิดงาน ภายหลังพิธีเปิด มีการเคลื่อนขบวนอัญเชิญเทียนพรรษาพระราบทาน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้จังหวัดอุบลราชธานี อยย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้จังหวัดอุบลราชธานี ในปี ๒๕๕๖ จากนั้นจะเป็นขบวนแห่เครื่องยศอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี นำโดยนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำขบวนลูกหลานอดีตเจ้สาเมืองอุบลราชธานีและนายอำเภอทุกอำเภอ นำเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานประจำตระกูล แห่นำขบวนต้นเทียนพรรษา
สำหรับเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานประจำตระกูล ประกอบด้วย พระมาลา เครื่ององค์ หางนกยูง สังข์ กังสดาล ฆ้อง หอก ดาบ และสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ โดยขบวนอันเชิญเครื่องยศนี้ จะอยู่ด้านหลังขบวนอันเชิญเทียนพระราชทานพระราชทานและขบวนอัญเชิญผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน นับเป็นโอกาสอันดีของนักท่องเที่ยวที่ได้ชมเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานและเป็นสมบัติล้ำค่าของเมืองอุบลราชธานี อีกอ่างหนึ่งด้วย และการแห่เครื่องยศดังกล่าว ถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่องในงาประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี
เช้าวันนี้ (๒๓ ก.ค.๕๖) ที่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม (พระอารามหลวง) ได้จัดพิธีเปิดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ปี ๒๕๕๖ ย้อนตำนาน ๑๒๒ ปี สืบฮีตวิถีชาวอุบล ยลพุทธศิลป์ ถิ่นไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นประธานเปิดงาน ภายหลังพิธีเปิด มีการเคลื่อนขบวนอัญเชิญเทียนพรรษาพระราบทาน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้จังหวัดอุบลราชธานี อยย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้จังหวัดอุบลราชธานี ในปี ๒๕๕๖ จากนั้นจะเป็นขบวนแห่เครื่องยศอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี นำโดยนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำขบวนลูกหลานอดีตเจ้สาเมืองอุบลราชธานีและนายอำเภอทุกอำเภอ นำเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานประจำตระกูล แห่นำขบวนต้นเทียนพรรษา
สำหรับเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานประจำตระกูล ประกอบด้วย พระมาลา เครื่ององค์ หางนกยูง สังข์ กังสดาล ฆ้อง หอก ดาบ และสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ โดยขบวนอันเชิญเครื่องยศนี้ จะอยู่ด้านหลังขบวนอันเชิญเทียนพระราชทานพระราชทานและขบวนอัญเชิญผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน นับเป็นโอกาสอันดีของนักท่องเที่ยวที่ได้ชมเครื่องยศของอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่ได้รับพระราชทานและเป็นสมบัติล้ำค่าของเมืองอุบลราชธานี อีกอ่างหนึ่งด้วย และการแห่เครื่องยศดังกล่าว ถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่องในงาประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี
พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี ๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๓ ก.ค.๕๖
ศิลปินอุบลราชธานี ร่วมสร้างสีสันในขบวนแห่เทียนเข้าพรรษา
อุบลราชธานี : นพดล
ดวงพร พร้อมด้วย ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม รวมทั้งนายทินกร อัตตไพบูลย์
นำขบวนรำฟ้อนและวงดนตรีพื้นเมือง
ร่วมสร้างสีสันและความสนุกสนานให้แก่นักท่องเที่ยวในงานประเพณีแห่เทียนเข้า
พรรษาอุบลราชธานี
เช้าวันนี้ (๒๓
ก.ค.๕๖) ที่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม (พระอารามหลวง)
ได้จัดพิธีเปิดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ปี ๒๕๕๖ ย้อนตำนาน
๑๒๒ ปี สืบฮีตวิถีชาวอุบล ยลพุทธศิลป์ ถิ่นไทย
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เป็นประธานเปิดงาน ภายหลังพิธีเปิด
มีการเคลื่อนขบวนอัญเชิญเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน,ขบวนแห่เครื่อง
ยศอดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี นำโดยนายวันชัย สุทธิวรชัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และจากนั้นเป็นขบวนเทียนพรรษาและขบวนฟ้อนรำ
และในปีนี้ศิลปินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุบลราชธานี
ต่างเข้ามามีส่วนร่วมในขบวนแห่
เพื่อสร้างสีสันและความสนุกสนานให้แก่นักท่องเที่ยว นำโดยนายณรงค์ พงษ์ภาพ
หรือ นพดล ดวงพร อดีตหัวหน้าวงดนตรีเพชรพิณทอง
ที่มีชื่อเสียงของภาคอีสานและนักแสดงภาพยนตร์ที่เป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์
เรื่อง ครูบ้านนอก ที่แสดงคู่กับพระเอก ปิยะ ตระกูลราษฎร์
และภาพยนตร์เรื่อง ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ และภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง
พร้อมด้วยนาย ฉลาด ส่งเสริม หรือ ป.ฉลาดน้อย หมอลำชื่อดัง
และเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ปี ๒๕๔๘ พร้อมด้วยยนายทินกร
อัตตไพบูลย์ ผู้ก่อตั้งวงโปงลาง สังข์เงิน มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และศิลปินสาขาหมอลำ ของจังหวัดอุบลราชธานี
ต่างร่วมขับร้องและนำการแสดงดนตรีพื้นบ้านในขบวนแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี
ซึ่งเป็นเข้ามามีส่วนร่วมและสร้างสีสันความสนุกสนานในงานประเพณีแห่เทียน
เข้าพรรษาและเป็นที่สนใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
โดยขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาในปี ๒๕๕ต นี้
ได้ขยายระยะทางการแสดงให้เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยมีจุดแสดง ๕ จุด
ตามถนนอุปราชและถนนชยางกูร ได้จุดแรกที่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม,
จุดที่ ๒ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอุบลพลาซ่า,จุดที่ ๓
บริเวณสี่แยกกิโลศูนย์อุบลราชธานี,จุดที่ ๔
ที่สี่แยกถนนชยางกูรบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่และจุดที่ ๕
บริเวณสี่แยกกองบิน ๒๑ ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี
ได้จัดที่นั่งชมให้แก่นักท่องเที่ยว จำนวน ๗,๐๐๐ ที่นั่ง
พงษ์สถิตย์
อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี ๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๒๓ ก.ค.๕๖
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาที่อุบลราชธานี
วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 ทีบริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการเปิดงานประเพณีแห่เยนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2556 โดยจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จัดงานประเพณีดังกล่าว มานานถึง 112 ปี ซึ่งเป็นงานที่ถือปฏิบัติตามประเพณีทุกปี ของชาวจังหวัดอุบลราชธานี มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งกิจกรรมจังหวัดได้จัดที่นั่งให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้นั่งชมให้ความสนใจเพื่อรอชมขบวนเทียน ประเภทแกะสลัก ติดพิมพ์ และขบวนรำประกอบต้นเทียนที่ที่สวยงามจากอำเภอ คุ้มวัดต่าง ๆ มากกว่า 70 ขบวน ตลอด 2 ข้างถนน ชยางกูรที่มีความยาว กว่า 2 กิโลเมตร โดยเฉพาะ ทั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือ ต้นเทียนพรรษาของวัดเมืองเดช อำเภอเดชอุดม ซึ่งได้ใช้เทียนหอม ที่มีน้ำหนักกว่า 6 ตัน ในการจัดทำต้นเทียนพรรษาแกะสลักขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยด้านหน้ามีรูปกินรี จำนวน 9 ตัว และพญานาค 6 เศียร ส่วนด้านหลัง มีการปั้นต้นรูปเหมือน สมเด็จโตฯ และรูปเหมือนหลวงปู่เคน เจ้าอาวาสวัดเมืองเดช ที่ได้มรณภาพไปแล้ว ซึ่งหลวงปู่เคนฯ เป็นพระผู้ที่ได้อนุรักษ์งานเทียนพรรษา ด้วยการจัดทำต้นเทียนพรรษาเข้าประกวดและได้รับรางวัลแทบทุกปี
เทียนหอมของวัดเมืองเดช ส่งเข้าร่วมงานเป็นปีแรก เพื่อให้งานเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ในปีนี้มีความแปลกใหม่ ทั้งรูปแบบและสีสันของเทียนที่มีอย่างหลากหลายแต่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเทียนพรรษาเอาไว้
สำหรับงบประมาณในการทำเทียนพรรษาต้นนี้ประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาทเศษ รถเทียนพรรษามีความยาวของขบวนเทียน 14 เมตร ต้นเทียนเส้นผาศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร สูง 5.5 เมตร ใช้เทียนหอมซึ่งทำเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ กลีบดอกไม้ รวมทั้ง ลายเกล็ดพญานาค มากกกว่า 1 ล้านชิ้นมาประดับตกแต่งขบวนเทียนแทนดอกไม้สด
เทียนหอมของวัดเมืองเดช ส่งเข้าร่วมงานเป็นปีแรก เพื่อให้งานเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ในปีนี้มีความแปลกใหม่ ทั้งรูปแบบและสีสันของเทียนที่มีอย่างหลากหลายแต่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเทียนพรรษาเอาไว้
สำหรับงบประมาณในการทำเทียนพรรษาต้นนี้ประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาทเศษ รถเทียนพรรษามีความยาวของขบวนเทียน 14 เมตร ต้นเทียนเส้นผาศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร สูง 5.5 เมตร ใช้เทียนหอมซึ่งทำเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ กลีบดอกไม้ รวมทั้ง ลายเกล็ดพญานาค มากกกว่า 1 ล้านชิ้นมาประดับตกแต่งขบวนเทียนแทนดอกไม้สด
ประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์และนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมตักบาตรบนหลังช้างหนึ่งเดียวในโลก
เนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งนักท่องเที่ยว ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังหลังช้าง ซึ่งถือว่าเป็นแห่งเดียวในโลก ที่นำพระสงฆ์นั่ง รับบิณฑบาต บนหลังช้าง และ ประชาชนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมพื้นเมืองอย่างยิ่งใหญ่และสวยงาม
เช้าวันที่ 22 ก.ค.56 เวลา 07.00 น. ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้ร่วมกันตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์บนหลังช้าง จำนวนหลายสิบเชือก โดยมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ข้าราชการ และ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีและตักบาตรบนหลังช้างอย่างคึกคัก
เพื่อเป็นการทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จังหวัดสุรินทร์ จึงได้จัดงาน "มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ” ประจำปี 2556 ขึ้น สำหรับจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง เป็นงานประจำปีที่มีความสำคัญอีกงานหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ จัดขึ้นเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ในการเผยแพร่งานให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ทั้งนี้ การตักบาตรบนหลังช้างของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นแห่งเดียวในโลก โดยพระสงฆ์และสามเณรได้ขึ้นนั่งบนหลังช้าง เพื่อให้ญาติโยมทั้งได้ทำบุญใส่บาตร ข้าวสาร อาหารแห้งกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะญาติโยมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างตื่นตาตื่นใจกับการได้ทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์-สามเณร บนหลังช้าง และได้บริจาคเงินทำบุญกับช้างซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ และ สัตว์สิริมงคล ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านานด้วย โดยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้าง ซึ่งมีหนึ่งเดียวในโลก โดยพุทธศาสนิกชนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมโฮล หรือแต่งกายชุดผ้าไหมพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์
เช้าวันที่ 22 ก.ค.56 เวลา 07.00 น. ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้ร่วมกันตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์บนหลังช้าง จำนวนหลายสิบเชือก โดยมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ข้าราชการ และ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีและตักบาตรบนหลังช้างอย่างคึกคัก
เพื่อเป็นการทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จังหวัดสุรินทร์ จึงได้จัดงาน "มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ” ประจำปี 2556 ขึ้น สำหรับจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง เป็นงานประจำปีที่มีความสำคัญอีกงานหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ จัดขึ้นเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ในการเผยแพร่งานให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ทั้งนี้ การตักบาตรบนหลังช้างของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นแห่งเดียวในโลก โดยพระสงฆ์และสามเณรได้ขึ้นนั่งบนหลังช้าง เพื่อให้ญาติโยมทั้งได้ทำบุญใส่บาตร ข้าวสาร อาหารแห้งกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะญาติโยมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างตื่นตาตื่นใจกับการได้ทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์-สามเณร บนหลังช้าง และได้บริจาคเงินทำบุญกับช้างซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ และ สัตว์สิริมงคล ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านานด้วย โดยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้าง ซึ่งมีหนึ่งเดียวในโลก โดยพุทธศาสนิกชนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมโฮล หรือแต่งกายชุดผ้าไหมพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์
กำชัย วันสุข ส.ปชส.สุรินทร์ ข่าว/อนุชา หาญนึก ภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)