วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รมช.เกษตร เร่งพัฒนาเกษตรอินทรีย์สู่อาเซียน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งพัฒนาเกษตรกรสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ผ่านงาน "มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน” หวังลดต้นทุนการผลิต สร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรของไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ AEC

(1-6-56) ที่โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคาม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธาน "มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน” ว่า เกษตรอินทรีย์เป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยมีเป้าหมายในการรณรงค์ส่งเสริมให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร เพื่อพัฒนาสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ สร้างความเข้มแข็งให้เกิดในระบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนและระดับนานาชาติ ภายใต้วิสัยทัศน์ ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า และการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในระดับภูมิภาคอาเซียน

สำหรับงาน"มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน” ที่จังหวัดมหาสารคาม ครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้มีการนำผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของกรม พัฒนาที่ดิน ซึ่งได้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัด องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน หมอดินอาสา เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและเครือข่ายการทำเกษตรอินทรีย์ มาประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ผลิต เข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ผ่านกิจกรรมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ ถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ พลิกฟื้นแผ่นดินไทย ผู้ผลิต ผู้บริโภคปลอดภัย เกษตรกรรมไทยยั่งยืน

งาน"มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน” กำหนดจัดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ รวม 3 ครั้ง โดยครั้งแรก จัดขึ้นในวันนี้ (1-6-56) ที่จังหวัดมหาสารคาม ครั้งที่ 2 วันที่ 8 มิถุนายน จัดขึ้นที่โรงแรมพีซลากูนา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดกระบี่ และครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งใหญ่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน ที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต จังหวัดปทุมธานี
 



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มอบเงินเยียวยาผู้ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม สำหรับผู้ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่จังหวัด อุดรธานี จำนวน 13 คน เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาทเศษ พร้อมประชุมหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (1 มิ.ย. 56) ที่โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์อุดรธานี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นประธานพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม สำหรับผู้ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ปี พ.ศ.2548-2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และใกล้เคียงจำนวน 13 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,463,982 บาท โดยมีนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี ร่วมเป็นสักขีพยาน

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การมอบเงินครั้งนี้ได้จัดให้มีการรประชุมหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วย เหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาตามหลักมนุษยธรรม อย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และทั่วถึง รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์บทบาทภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในการให้ความช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติค่าตอบ แทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 สำหรับผู้ได้รับการเยียวยาในครั้งนี้ เป็นผู้ที่ยื่นคำขอต่อคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม ที่ได้รับการพิจารณาแล้วเห็นว่ามีสิทธ์ได้รับเงินเยียวยา จำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายคำพอง ทัศศรี ,นายธนพล มาดีประเสริฐ, นางปฐมาวดี วินิจจามร,นางปาริชาติ จวงจันทร์, นายมงคล ชม ,นางรัศมี ทองสีดำ ,นายวิทยา ชาวเวียง,นายสมศรี ไกลพล,นายสมจิตร์ อารีย์,นายแสงทอง ประจำเมือง,นางสาวแสงเดือน สุพาพล, นายเหมือนทอง สมบุญมี และนายอุดร หลาบยองสี

พ.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การมอบเงินเยียวยาครั้งนี้ เป็นความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีที่มีต่อพี่น้องประชาชนจากการชุมนุมทางการ เมือง ที่ส่งผลกระทบทำให้ครอบครัวต้องตกระกำลำบาก ถือว่าเป็นของขวัญที่รัฐบาลมอบให้ ก็ขอให้นำเงินไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อครอบครัว ส่วนการเยียวยารายอื่นๆหรือผู้ที่ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์คณะทำงานช่วยเหลือฯ ก็จะได้มีการประชุมพิจารณาหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ