วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โรงเรียนเพียงหลวง 12 ศูนย์แห่งการเรียนรู้ การดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


โรงเรียนเพียงหลวง 12   ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี  หรือ โรงเรียนบ้านท่าล้ง  ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี  อยู่บริเวณด้านล่างของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่ติดชายแดน ไทย- ลาว มีเพียงแม่น้ำโขงขวางกั้นเท่านั้น ถึงแม้ที่นี่จะดูห่างไกลจากสังคมเมือง แต่นักเรียนโรงเรียนเพียงหลวง 12 หรือโรงเรียนบ้านท่าล้ง ต่างก็มีความสุขกับการเรียนรู้ด้านวิชาการ และการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากโครงการชีววิถี โดยกองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา

นางณัฐชนันท์พร  วงษ์ละคร  ครูโรงเรียนเพียงหลวง 12 เล่าว่า  โรงเรียนทำการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 40 คน ครูและบุคลากร 6 คน  ซึ่งครูได้สอนให้นักเรียนทุกคนรู้จักในการอยู่อย่างพอเพียง ช่วยกันปลูกพืชผักที่กินได้ เลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม นักเรียนในโรงเรียน จะช่วยกันนำผลผลิตที่ได้ภายในโรงเรียน เช่น พืชผักสวนครัว  สัตว์เลี้ยง มาทำเป็นอาหารกลางวัน รับประทานทั้งโรงเรียน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ปีที่ 6 ช่วยในการติดตั้งไฟ และปรุงอาหาร ส่วนน้องๆที่ชั้นเล็กลงไป จะช่วยเก็บพืชผักสวนครัว ตามจำนวนที่ครูบอก ถือว่าเป็นการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ และรู้จักในการแยกประเภทพืชผักด้วย

นางณัฐชนันท์พร  วงษ์ละคร  บอกอีกว่า  โรงเรียนอื่นเราอาจจะเห็นครูช่วยกันทำอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนรับประทาน แต่ที่นี่ ครูจะได้รับประทานอาหารวันจากฝีมือเด็กนักเรียน จากชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีครูเป็นพี่เลี้ยงแนะนำวิธีการทำและปรุงอาหาร ซึ่งอาหารจากเด็กนักเรียนเหล่านี้ ยังได้จัดวางขึ้นโต๊ะเพื่อต้อนรับผู้ที่มาเยี่ยมชมโรงเรียนด้วย

เด็กชายสมชาย  พึ่งป่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 บอกว่า ตนเองเริ่มมาช่วยคุณครูทำอาหารตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนถึงทุกวันนี้ ตนและเพื่อนๆ ยังได้ช่วยคุณครูทำอาหารกลางวันเป็นประจำ  ทั้งติดไฟ  จับปลา จับกบ ไม่เหนื่อยรู้สึกสนุกมากกว่า เมื่อกลับไปถึงบ้านช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านและช่วยทำอาหารด้วย

โรงเรียนเพียงหลวง 12  หรือโรงเรียนบ้านท่าล้ง  นับเป็นสถานที่ในการสั่งสอนและให้ความรู้อย่างครบวงจร แก่เด็กๆที่นี่   นักเรียนรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือสังคม มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชน ไม่ให้เลือนหาย ซึ่งสิ่งที่ดีต่างๆเหล่านี้ ได้ถูกขยายทั่วทั้งหมู่บ้านท่าล้ง ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี



กรกช ภูมี / สวท.อุบลฯ สปข.2
รายงาน / 27 ต.ค. 56 

ล่าสุด สถานการณ์ แม่น้ำมูลทะลักท่วมนาข้าวหลายพันไร่

ล่าสุด สถานการณ์ แม่น้ำมูลทะลักท่วมนาข้าวหลายพันไร่ หลังได้รับมวลน้ำจากโคราชและบุรีรัมย์ ขณะที่เส้นทางจากลัดจาก อ.ชุมพลบุรี ไปยังหมู่บ้านช้างถูกตัดขาดกว่า 6 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ อปพร.ต้องยืนสกัดรถประชาชนให้ใช้เส้นทางอื่นเลี่ยงหวั่นอันตราย  

วันนี้ (27 ต.ค.56) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งมี 3 อำเภอที่เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เนื่องจากอยู่ติดแม่น้ำมูลที่จะได้รับผลกระทบจากมวลน้ำจาก จ.นครราชสีมาและบุรีรัมย์ แล้วในขณะนี้ ประกอบด้วย อ.ชุมพลบุรี อ.ท่าตูมและอ.รัตนบุรี ล่าสุดพบว่าน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำมูลเข้าท่วมนาข้าวในพื้นที่ 3 อำเภอหลายพันไร่แล้ว และยังมีบางหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำมูลได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะหมู่บ้านในพื้นที่ ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี ส่วน ต.หนองเรือ และต.ศรีณรงค์ ของ อ.ชุมพลบุรี ระดับน้ำเริ่มเอ่อล้นท่วมนาข้าว แต่บ้านเรือนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งทางจังหวัดสุรินทร์ ได้แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่พบว่าระดับน้ำใน 1-2 วันนี้ยังคงทรงตัวอยู่

ขณะที่บริเวณวังทะลุ บ.ตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม ซึ่งเป็นแอ่งกระทะจุดบรรจบของลำน้ำชีที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรักและแม่น้ำมูลจก จ.นครราชสีมาและบุรีรัมย์ พบว่าน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมนาข้าวแล้ว ทำให้ชาวนาบางส่วนเร่งเก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำอย่าเร่งด่วน ในขณะที่เส้นทางจาก บ้านยางบ่อภิรมย์ ต.นาหนองไผ่ อ.ชุมพลบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางลัด ไปยังหมู่บ้านช้าง บ.ตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม โดยต้องใช้สะพานข้ามแม่น้ำมูลบนเส้นทางดังกล่าวระยะทางกว่า 6 กิโลเมตรถูกน้ำท่วมตัดขาด สูงกว่า 60 -80 ซ.ม. รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เทศบาลตำบลนาหนองไผ่ อ.ชุมพลบุรี ต้องนำเต๊นท์มากางเป็นจุดอำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม โดยมีเจ้าหน้าที่ อปพร.ของหมู่บ้านคอยบอกให้ผู้ที่จะสัญจรเส้นทางดังกล่าวให้กลับรถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นเนื่องจากน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ดังกล่าว เนื่องจากหวั่นจะเกิดอันตราย



อุทัย มานาดี / รายงาน

รอง ผอ.แขวงการทางสุรินทร์ สั่ง จนท.เร่งสำรวจซ่อมแซมถนน

รอง ผอ.แขวงการทางสุรินทร์ สั่ง จนท.เร่งสำรวจซ่อมแซมถนนเป็นโพรงทรุดตัว หลังน้ำท่วม หวั่นอันตราย

วันนี้ (27 ต.ค.56) หลังจาก นายวิริยะ เอียกิจไพศาล อายุ 51 ปี เจ้าของร้านสยามมอเตอร์ เลขที่ 278 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้แจ้งว่า ว่าถนนลาดยางสายสุรินทร์ - ศรีขรภูมิ บริเวณทางโค้งด้านหลังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสุรินทร์ หน้าร้านสยามมอเตอร์ เกิดทรุดตัวเป็นโพรง หลุมลึกเกือบ 2 เมตร โพรงมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 3 เมตร โดยบริเวณผิวถนนมีรูเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ฟุตเท่านั้นแต่ด้านล่างกลับมีโพรงขนาดใหญ่ คนสามารถลงไปยืนได้กว่าครึ่งค่อนตัว โดยนายวิริยะฯ ได้โทรศัพท์แจ้งแขวงการทางสุรินทร์ เพื่อให้มา ซ่อมแซมถนนแล้ว แต่ไม่มีใครรับสาย จึงประสานตำรวจจราจรสุรินทร์ให้นำเหล็กกั้นทางและกรวยมาวางกั้นให้เป็นสัญลักษณ์ เกรงจะเกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ที่สัญจรไปมาเนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่มีประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมา จึงได้ฝากผ่านสื่อมวลชนนำเสนอให้หมวดการทางสุรินทร์เร่งส่งเจ้าหน้าที่มาแก้ไขปัญหาโดยด่วน

ล่าสุดวันนี้ (27 ต.ค. ) นายทวี เวียนไธสง รองผู้อำนวยการแขวงการทางฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า จุดดังกล่าวเกิดจากปัญหาน้ำท่วมและน้ำหลากที่ผ่านมา และจุดดังกล่าวมีท่อที่อาจเกิดชำรุด ทำให้ดินหลังท่อทรุดลงไป ประกอบกับน้ำไหลทำให้กัดเซาะดินออกไปด้วย ทำให้เป็นโพรงใต้ถนน ผิวถนนจะไม่เสียหายทันที การจราจรจะผ่านได้ระยะหนึ่ง จุดสังเกตจะเป็นหลุมเล็กๆลึกๆ ไม่ใหญ่มาก เราอาจคิดว่าเป็นผิวถนนเสีย แต่ไม่ใช่ เพราะข้างในเป็นโพรง เบื้องต้นจุดที่เกิดปัญหาดังกล่าว เราได้นำหินคลุกเข้าไปบดอัดเป็นชั้นแล้ว ซึ่งปลอดภัยแล้ว แต่จะได้มีการรื้อแก้ไขให้เป็นปกติเร็วๆนี้ต่อไป ทั้งนี้น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่ผ่านมา

นายทวี  เวียนไธสง  รอง ผอ.แขวงการทางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หมวดการทางในสังกัด เร่งออกสำรวจตรวจสอบถนนลาดยางที่รับผิดชอบ ว่ามีจุดใดที่เสียหายบ้าง เพื่อเร่งแก้ไข โดยเฉพาะให้สังเกตถนนที่มีลักษณะทรุดดังกล่าว ซึ่งจะสังเกตยาก เพราะดินด้านล่างทรุดและผิวลาดยางยังปกติและอาจมีรูหลุมไม่ใหญ่นัก แต่ด้านล่างกรวง ซึ่งอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ที่สัญจร โดยการการตรวจสอบ พบถนนทรุดและมีโพรงด้านล่างคล้ายลักษณะดังกล่าว 3 จุด อย่างไรก็ตามก็ฝากถึงประชาชนให้ช่วยกันสังเกตถนน หากพบว่าเป็นหลุมเป็นบ่อในลักษณะดังกล่าว ก็ ให้แจ้งมาที่แขวงการทางสุรินทร์ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 044-511381

แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมกำลังพล

แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมกำลังพลด้านจังหวัดสุรินทร์ ย้ำยังไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษช่วงศาลโลกตัดสิน ยันความสัมพันธ์ทหารไทย-เขมรปกติ

พลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมทหารพรานสังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการภูหลวง บ้านด่านพัฒนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มี พันเอกทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 นำกำลังพลในสังกัดรอให้การต้อนรับ โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค อาหารสำเร็จรูปแก่เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดน

พลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า กรณี ที่ศาลโลกจะพิจารณาตัดสินคดีปราสาทพระวิหารนั้น ทางศูนย์ปฎิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และทาง ผบ.ทบ.ได้ย้ำให้กำลังพลในพื้นที่ ทำการฝึกซ้อมในที่ตั้งตามปกติ โดยไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจาก ระดับ ผบ.หน่วยของกองกำลังสุรนารี กับทหารกัมพูชาในพื้นที่ มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นสามารถพบปะพูดคุยกันได้ทันที



อุทัย  มานาดี /รายงาน

ชาวช้างที่ จ.สุรินทร์ พร้อมเคลื่อนขบวนช้างเข้าร่วมประท้วง

ชาวช้างที่ จ.สุรินทร์ พร้อมเคลื่อนขบวนช้างเข้าร่วมประท้วง รอสัญญาแกนนำที่อยุธยาเปานกหวีดเท่านั้น พร้อมลุยทันที

วันนี้ (27ต.ค.56) บรรยากาศที่หมู่บ้านช้างเลี้ยงบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ บรรยากาศทั่วไปยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวต่อเนื่อง แม้จะไม่มากนัก เนื่องจากเป็นวันปกติ ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการคัดค้าน พรบ.ช้าง ที่รัฐบาลจะออกมา ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อชาวช้างเลี้ยงอย่างมากและต่างออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างเต็มที่ ซึ่งที่จังหวัดสุรินทร์ แกนนำชาวช้างบางส่วนพร้อมช้าง ได้เดินทางเข้าร่วมกับชาวช้างทั่วประเทศแล้ว ที่ปางช้างเพนียดหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นายสุนทร สนโสก อายุ 43 ปี แกนนำชาวช้าง ที่บ้านตากลางและบ้านศาลา บอกว่า ในขณะนี้ก็ได้มีการประสานกับแกนนำต่อเนื่อง เพื่อติดตามผลมติที่ออกมาจากการพูดคุย ที่ผ่านมามีการออกมากล่าวหาว่าคนเลี้ยงช้างต่างๆนาๆโดยไม่เข้าใจ อีกทั้ง พรบ.ที่ออกมา ก็ลิดรอนสิทธิ์ชาวช้าง เป็นอย่างมาก ขณะนี้ชาวช้างส่วนใหญ่เข้าใจและก็รอฟังสัญญาณจากแกนนำเท่านั้น หากไม่มีข้อสรุปต่อข้อเรียกร้องของชาวช้าง แกนนำเปานกหวีดเมื่อไหร่ก็พร้อมเคลื่อนช้างเข้าร่วมชุมนุมทันที อาจจะแบ่งการชุมนุมเป็นปิดถนนสายหลักบางส่วนและเข้าร่วมที่กรุงเทพบางส่วน ขณะนี้ทุกคนรอสัญญาณจากแกนนำเท่านั้น

นายสมบูรณ์ ร่วมศรี อายุ 66 ปี ประธานสหกรณ์ช้างไทย กล่าวว่า การออก พรบ.เรื่องช้าง ก็ออกแบบแตกหัก จู่ๆจะมาบ้าไปตามไซเตส ซึ่งแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน บางประเทศไม่มีช้างเลี้ยง ประเทศไทยเลี้ยงช้างมาตั้งแต่ปู่ยา ตายาย ตนเกิดมา อายุก็ 66 ปีแล้ว ก็เห็นมาแต่เกิด การเลี้ยงช้างเป็นเหมือนคนในครอบครัวเป็นเหมือนสายเลือด เดียวกัน มีความผูกผันมาตลอด ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง มีประเพณีวัฒนธรรมของคนและช้าง จู่ๆมาออก พรบ.ช้าง อย่างนี้ อย่างนั้น และไปคิดเห็นตามไซเตส ไม่ใช่เรื่องเลย ในเมื่อเราจะเปลี่ยนแปลงไม่เปลี่ยนง่ายๆ ต้องมีการพูดคุยกัน ในเมื่อคุยกันแล้วและมีความพอใจทั้งทางรัฐบาลและชาวช้างก็ยุติปัญหา และก็พอใจ แต่ เมื่อ พรบ.ช้างออกมาอย่างนี้ ตนคิดว่าจะเกิดปัญหาอีกมากมาย ตอนนี้ชาวช้างก็เดือดร้อนเพราะ พรบ.ช้างฉบับนี้ หากมีการพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ตนและชาวช้าง ก็พร้อมเข้าร่วมประท้วงทันที ซึ่งขณะชาวช้างเตรียมพร้อมแล้วทั้งช้าง คน และยานพาหนะ หากแกนนำให้สัญญาณมาก็พร้อมเคลื่อนช้างเข้าร่วมชุมนุมได้เลย



อุทัย  มานาดี / รายงาน

บุรีรัมย์เตรียมจัดแข่งเรือยาวชิง 3 ถ้วยพระราชทานพร้อมชมช้างว่ายชิงถ้วยใหญ่ที่สุดในโลกคาดเงินสะพัดกว่า 10 ล้าน

บุรีรัมย์เตรียมจัดแข่งเรือยาวชิง 3 ถ้วยพระราชทานพร้อมชมช้างว่ายชิงถ้วยใหญ่ที่สุดในโลกคาดเงินสะพัดกว่า 10 ล้าน จ.บุรีรัมย์ เตรียมจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิง 3 ถ้วยพระราชทาน 2-3 พ.ย.นี้ พร้อมชมไฮไลท์ขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทาน ขบวนพาเหรดช้าง พิธีเห่เรือ และแข่งขันช้างว่ายน้ำ ชิงถ้วยรางวัลใบใหญ่ที่สุดในโลก คาดเงินสะพัดกว่า 10 ล้าน ขณะกรรมการจัดงานเตรียมเรือเร็ว 5 ลำ รองรับเหตุไม่คาดคิดหลังระดับน้ำหนุนสูง (27 ต.ค.56) จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับอำเภอสตึก เทศบาลตำบลสตึก และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกหลายแห่ง เตรียมพร้อมจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ,สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประจำปี 2556 ณ ลำน้ำมูล หน้าที่ว่าการอำเภอสตึก ในวันที่ 2 - 3 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ โดยในงานจะมีขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทานฯ พร้อมขบวนพาเหรดช้าง และพิธีเห่เรืออย่างยิ่งใหญ่ตระการตา โดยในปีนี้ได้มีทีมเรือจากหลายจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ สมัครเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 36 ลำ เพื่อร่วมประชันฝีพายและประกาศศักดาชิงเจ้าความเร็วแห่งลำน้ำมูล โดยจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทเรือไม้ ก ขนาดใหญ่ไม่เกิน 55 ฝีพาย , ประเภทเรือไม้ ข ขนาดกลางไม่เกิน 40 ฝีพาย ,ประเภทเรือไม้ ค ขนาดเล็กไม่เกิน 30 ฝีพาย และเรือท้องถิ่น เรือโลหะไม่เกิน 35 ฝีพาย นอกจากนั้นยังจะมีการแข่งขันช้างว่ายน้ำชิงถ้วยรางวัลใบใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างช้างจ.สุรินทร์ กับช้างจ.บุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมงาน ถึงแม้ปีนี้ระดับน้ำมูลจะหนุนสูง ประกอบกับกระแสน้ำไหลเชี่ยว แต่จะไม่มีการงดการแข่งขัน โดยทางคณะกรรมการฯ จัดงาน จะเปลี่ยนจากการว่ายข้ามลำน้ำมูลให้ว่ายตามลำน้ำระยะทางไม่เกิน 200 เมตร เพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและช้าง พร้อมกันนี้ยังได้จัดเรือเร็ว 5 ลำ เตรียมไว้รองรับอีกด้วย ด้านนายรังสิกร ทิมาตฤกะ ประธานอำนวยการจัดงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ กล่าวว่า ประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ของอ.สตึก เป็นสื่อที่อธิบายถึงความเป็นมา และเป็นมรดกของชาวอำเภอสตึกในอดีต ที่แสดงถึงการใช้ประโยชน์จากเรือและแม่น้ำร่วมกัน แม้ปัจจุบันการสัญจรทางเรือจะน้อยลง แต่แม่น้ำก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอีกมากมายหลายด้าน จึงจัดประเพณีดังกล่าวขึ้นเพื่ออนุรักษ์ไว้ โดยในงานนอกจากจะมีการแข่งขันเรือยาว แข่งช้างว่ายน้ำแล้ว ยังมีการจัดแสดงจำหน่ายสินค้าโอท็อปที่ขึ้นของจ.บุรีรัมย์ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแสดงความสามารถของเด็ก เยาวชนอีกด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้กระเตื้องขึ้นด้วย ซึ่งคาดการจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท



สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์ / 27 ต.ค. 56

ชาวบ้านบุรีรัมย์ 3 หมู่บ้านที่อพยพหนีน้ำล้นเขื่อนกลับเข้าบ้านแล้วหลังระดับน้ำลดลงอำเภอเร่งสำรวจฟื้นฟูเยียวยา

ชาวบ้านบุรีรัมย์ 3 หมู่บ้านที่อพยพหนีน้ำล้นเขื่อนกลับเข้าบ้านแล้วหลังระดับน้ำลดลงอำเภอเร่งสำรวจฟื้นฟูเยียวยา ชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ กว่า 70 ครัวเรือน ที่อพยพหนีน้ำล้นเขื่อนรอบสองนานกว่า 1 สัปดาห์ ได้ขนข้าวของกลับเข้าบ้านแล้วหลังระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ ขณะทางอำเภอเร่งสำรวจบ้านเรือน ระบบไฟฟ้า สิ่งสาธารณูปโภค เพื่อฟื้นฟูเยียวยา เบื้องต้นมีบ้านถูกกระแสน้ำซัดเสียหายเกือบ 20 หลัง จากที่ถูกน้ำท่วมขังทั้งหมดกว่า 150 หลัง ( 27 ต.ค.56) ชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ใน ต.ส้มป่อย อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ มี บ้านส้มป่อย ม.2 บ้านโคกตะแบง ม.4 และบ้านโคกตะคร้อ ม.7 กว่า 70 ครัวเรือน ที่ต้องอพยพหนีน้ำล้นสปิลเวย์เขื่อนลำนางรอง ทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านสูงเกือบ 1 เมตรและกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไปอาศัยอยู่ที่วัดหนองกก ต.ส้มป่อย ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นรอบที่สองมานานกว่า 1 สัปดาห์ ได้ขนย้ายข้าวของกลับเข้าบ้านแล้ว หลังระดับลดลงอย่างต่อเนื่อง มีเพียงบางจุดที่ยังมีน้ำขังอยู่ประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร และคาดว่าภายใน 1 – 2 วัน ระดับน้ำก็จะลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ เนื่องจากขณะนี้น้ำล้นสปิลเวย์เพียงประมาณ 20 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะที่ทางอำเภอก็ได้เร่งเข้าไปสำรวจบ้านเรือน ระบบไฟฟ้า และสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ชำรุดเสียหายเพื่อจะได้เร่งซ่อมแซมให้สามารถใช้การได้ตามปกติ และฟื้นฟู เยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยดังกล่าวอย่างเร่งด่วนต่อไป ด้านนายสุวิทย์ พุกกะเวส นายอำเภอโนนดินแดง กล่าวว่า จากการสำรวจในเบื้องต้นพบมีบ้านเรือนถูกกระแสน้ำซัดพังกว่า 20 หลังคาเรือน จากที่มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังกว่า 150 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจมูลค่าความเสียหาย เพื่อเสนอจังหวัดพิจารณาอนุมัติงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซม พร้อมฟื้นฟูสิ่งสาธารณูปโภคที่ชำรุดเสียหายด้วย ส่วนนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจของทางเกษตรกร เพื่อสรุปพื้นที่ที่เสียหายสิ้นเชิงอีกครั้ง



สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์ / 27 ต.ค.56

ชาวบุรีรัมย์แห่ซื้อแสตมป์ สายรัดข้อมือ มหามงคล สมเด็จพระสังฆราช เก็บเป็นที่ระลึก

ชาวบุรีรัมย์แห่ซื้อแสตมป์ สายรัดข้อมือ มหามงคล สมเด็จพระสังฆราช เก็บเป็นที่ระลึก ประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ หาซื้อแสตมป์และสายรัดข้อมือมหามงคล ที่ไปรษณีย์จังหวัดกันเป็นจำนวนมาก จนต้องสั่งมาเพิ่ม เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก และถวายความอาลัย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก หลังทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ (27 ต.ค.56) ที่ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีประชาชนชาวบุรีรัมย์ พากันมาหาซื้อแสตมป์ และสายรัดข้อมือ มหามงคล สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งเป็นสินค้าที่ไปรษณีย์ไทยจัดทำเป็นที่ระลึกในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชันษา ครบ 100 ปี และยังคงมีไว้ให้ประชาชนเลือกซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก กระทั่งข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทำให้ประชาชนสนใจซื้อเก็บไว้ และถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่าน กันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ต้องสั่งมาเพิ่มขึ้นอีก เพื่อไว้ให้บริการประชาชน นายรังสรรค์ เหมาะทอง หัวหน้าแผนกลูกค้าธุรกิจ ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ได้จัดทำแสตมป์ที่ระลึกสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสทรงเจริญพระชันษา ครบ 100 ปี กระจายไปยังไปรษณีย์ทั่วประเทศ โดยไปรษณีย์บุรีรัมย์ ได้จัดจำหน่ายแสตมป์ ดวงละ 5 บาท และแบบเป็นชุดๆ ละ 20 บาท แสตมป์ ชีทสะสม ชุดละ 30 บาท ซองวันแรกจำหน่ายตราไปรษณียากร ชุดละ 31 บาท ส่วนสายรัดข้อมือมาพร้อมกับเหรียญที่ระลึก โดยด้านหน้าเหรียญเป็นรูปของ หลวงพ่อทวด ส่วนด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ราคาชุดละ 100 บาท ผู้ที่สนใจอยากได้ของที่ระลึกหาซื้อได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดบุรีรัมย์ และที่ไปรษณีย์ทุกแห่ง ด้านนางสาวณภัชวิภา มณีราชกิจ อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากทราบว่าสมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ ก็รู้สึกเศร้าเสียใจ ซึ่งนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการพระพุทธศาสนา เพื่อถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่าน จึงได้มาหาซื้อแสตมป์ และสายรัดข้อมือ ที่ไปรษณีย์ไทยจัดทำขึ้น ไปเก็บไว้เป็นที่เคารพบูชา และยึดเอาคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน มาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตประจำวัน



 สุรชัย พิรักษา สวท.บุรีรัมย์ / 27 ต.ค. 56

ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร ประกาศผลการคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร

ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร ประกาศผลการคัดเลือกผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรเป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร

 ( 27 ต.ค.56 )  นางสาวนุชนาถ ด้วงสงฆ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่าตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหารได้ประกาศกำหนดวัน เวลา สถานที่และแนวทางปฏิบัติในการคัดเลือกกันเองของผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อเป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรคัดเลือกกันเองไปแล้วระหว่างวันที่ ๓๐ กันยายน – ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ไปแล้ว

ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่าเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒๔ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหารได้ประกาศผลการคัดเลือกกันเองของผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อเป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร

       ๑. สมาคมหรือชมรมครู อาจารย์ หรือสมาคมทางด้านการศึกษา ได้แก่ นายสมจิต ราชิวงศ์

       ๒. สภาทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย ได้แก่ นายสุรพล บุตรดีวงศ์

       ๓. สมาคมหรือชมรมพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือสภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน ได้แก่ นายนสุรชัย บุญประคอง

      ๔. สภาหอการค้าจังหวัดหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด ได้แก่ นายภมร เชาว์ศิริกุล

      ๕. กลุ่มอาสาสมัคร ได้แก่ นายพรรณนา ราชิวงศ์

      ๖. องค์กรเอกชน ได้แก่ นายวีระพงษ์ สัมปชัญญานนท์

      ๗. องค์กรเกษตรกร ได้แก่ นายบวร บุญนันท์

     ๘. สมาคมหรือชมรมสื่อมวลชน ได้แก่ นายไพรัตน์ แสงสีนิล

     ๙. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ได้แก่ นายอดุล จันทนปุ่ม

 ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียสามารถโต้แย้งหรือคัดค้านการคัดเลือกกันเอง ของผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรเป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร โดยยื่นต่อสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหารภายใน ๗ วันนับตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๓๐ –๑๖.๓๐ น.ถึงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

จังหวัดมุกดาหารจัดพิธีรดน้ำศพทหารพรานที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไล่ติดตามรถขนไม้พะยูง

จังหวัดมุกดาหารจัดพิธีรดน้ำศพ สิบตรีวสันต์ อนุรักษ์ ทหารพรานที่ 2105 มุกดาหาร ที่เสียชีวิตจากการไล่ติดตามสกัดกั้นรถขนไม้พะยูง และรถเกิดอุบัติเหตุเสียหลักลงข้างทางชนเสาไฟฟ้าแรงสูง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานอีก 4 นายได้รับบาดเจ็บ โดยมี ผู้บังคับบัญชา เพื่อนทหาร ส่วนราชการ ญาติพี่น้องและครอบครัวร่วมไว้อาลัย และร่วมเป็นเกียรติในพิธีจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2556 ที่วัดป่าศิลาวิเวก อำเภอเมืองมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และ พันเอก ยุทธนา ม่วงพูลสวาสดิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีด เพื่อไว้อาลัย สิบตรี วสันต์ อนุรักษ์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 27 หมู่ 7ตำบลป่าคม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไล่ติดตามรถขบวนการลักลอบขนไม้พะยูงผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยมี ผู้บังคับบัญชา เพื่อนทหาร ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สถานีเรือมุกดาหาร ด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ป่าไม้ ตำรวจน้ำ ด่านตรวจสัตว์ป่าไซเตสมุกดาหาร ญาติพี่น้องและครอบครัวร่วมไว้อาลัย และร่วมเป็นเกียรติในพิธีเป็นจำนวนมาก


สิบตรี วสันต์ อนุรักษ์ ได้เสียชีวิตจากการนำอาสาสมัครทหารพราน จำนวนหนึ่ง ออกปฏิบัติงานในการป้องกันและสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนไม้พะยูง ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หลังจากได้รับแจ้งจากสายว่า มีบวนการลักลอบขนไม้พะยูงผิกฎหมาย จากอำเภอนิคมคำสร้อย ไปส่งให้กับนายทุนที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร โดยใช้เส้นทาง นิคมคำสร้อย มุกดาหาร จึงได้ตั้งจุดสกัดใกล้กับบริเวณ 4 แยกทางเลี่ยงเมือง หน้าสำนักงานชลประทานจังหวัด จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยตามที่สายรายงาน จำนวน 4 คัน วิ่งผ่านมา จึงให้สัญญาณเพื่อขอหยุดตรวจแต่รถดังกล่าวกลับเร่งความเร็วหลบ หนีเจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตาม และได้เกิดอุบัติที่ถนนบ้านหนองหอย ป่าหวย ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขับรถแซงขึ้นหน้า รถยนต์กระบะบรรทุกไม้พะยูง และได้มีรถยนต์กระบะวิ่งสวนทางมา ทำให้พลขับหักหลบอย่างกระทันหันและเสียหลักลงข้างทางก่อนไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทาง ทำให้ อาสาสมัครทหารพราน บัวลม จันทร์ราด และสิบตรีวสันต์ อนุรักษ์ ซึ่งอยู่กระบะด้านหลังกระแทกกับเสาไฟฟ้าแรงสูง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนอาสาสมัครทหารพรานอีก 3 นายซึ่งรวมถึงคนขับซึ่งอยู่ภายในรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา สำหรับศพของ สิบตรี วสันต์ อนุรักษ์ หลังพิธีลดน้ำศพญาติได้รับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่จังหวัดเลยต่อไป






คณะกรรมมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานด่านศุลกากรนครพนม เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

นายธีระ  ไตรสรณกุล  ผู้แทนประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย  สภาผู้แทนราษฎร  นำคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร  ศึกษาดูงานด่านศุลกากรนครพนม  ที่สะพานมิตรภาพ 3 นครพนม-คำม่วน  โดยรับฟังปัญหาข้อคิดเห็นที่เกิดขึ้น   ซึ่งนำเสนอโดยนายพงศ์ชัย  ปภิรัชนาท  นายด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะให้ 1. สร้างด่านศุลกากรนครพนม  ที่สะพานมิตรภาพ 3 และติดตั้งเครื่องเอ็กซ์เรย์ตรวจสอบสินค้าเข้า-สินค้าออก  โดยใช้เงินงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท  2.จัดตั้งโครงการศูนย์โลจิสติกส์และขนถ่ายสินค้านครพนม  3. ผลักดันให้เส้นทางหมายเลข R8 และ R12 อยู่ในกรอบความตกลงร่วมมือของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง

จากนั้น เดินทางไปเปิด จุดตรวจอาเซียน กองร้อยตระเวนชายแดนที่ 236 บ้านห้อม หมู่ 11 ต.อาจสามารถ  อ.เมืองนครพนม ซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานมิตรภาพ 3 โดยร่วมกับ คณะอนุกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง  เพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง  สกัดกั้น  ตรวจค้น  จับกุม ผู้ค้า ผู้ผลิต การลักลอบนำเข้าและลำเลียงขนส่งยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน  มิให้แพร่กระจายเข้ามาในพื้นที่  ตลอดจนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว  แล้วเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม  ที่บ้านนาจอก  ต.หนองญาติ  อ.เมืองนครพนม  และศึกษาดูงานจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านธาตุพนมสามัคคี  อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ต่อไป

พุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมแสดงความอาลัยและร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

พุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมแสดงความอาลัยและร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพุทธศาสนิกชนชาวไทย

เมื่อวานนี้ ( 26 ต.ค. 2556 )  พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดขาวดำเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร อย่างต่อเนื่อง และในช่วงเย็นมีพุทธศาสนิกชนร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นจำนวนมาก โดยทางสำนักพระราชวัง ได้ให้พุทธศาสนิกชนเข้ารับฟังพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระสังฆราช ณ บริเวณด้านหน้าตำหนักเพ็ชร ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระโกศในสมเด็จพระสังฆราช

ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชน ที่มาร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพ จะได้รับมอบของที่ระลึก เป็นพระรูปสมเด็จพระสังฆราช พิมพ์ข้อความ "ฉลองพระชนมายุ 100 พรรษา 3 ตุลาคม 2556 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" ด้านหลังพิมพ์พระประวัติ และลำดับสมณศักดิ์ของพระองค์ สำหรับพุทธศาสนิกชน ที่ต้องการรับฟังพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระศพ จะมีพิธีในช่วง 9.00 น. /12.00 น./15.00 น./19.00 น.และเวลา 21.00 น. ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร

 นอกจากนี้ ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร ยังได้เปิดให้ผู้ที่สนใจชมนิทรรศการพระชันษา 100 ปี สดุดีพระสังฆบิดร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยเข้าชมได้ในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.

นางศิริพร ชาญณรงค์ พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลและแสดงความอาลัยสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า มีความตั้งใจที่มาร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย อีกทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ในฐานะพระสงฆ์ที่ทรงทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้พุทธศาสนิกชนสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับลูกหลานให้เข้าใจได้

ด้านนายณัฏฐากรณ์ แย้มจ่าเมือง พุทธศาสนิกชนที่เคยศึกษาในโรงเรียนวัดบวรนิเวศ กล่าวว่า ได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชมาปฏิบัติโดยตลอด ทำให้สามารถดำเนินชีวิตมาได้ด้วยดีจนถึงทุกวันนี้



ที่มา สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

นายกรัฐมนตรี ระบุ ไทย-กัมพูชา ควรใช้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา หาทางออกคดีปราสาทพระวิหาร เพื่อรักษาความสงบตามแนวชายแดน และเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงแนวทางสู้คดี

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า วันจันทร์ ที่ 28 ตุลาคมนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ที่ประเทศกัมพูชา เพื่อกำหนดการพูดคุยหลังศาลโลกมีคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร โดยได้มอบนโยบายให้ใช้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา (JC) เป็นหลักในการพูดคุย เพื่อความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน และขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย รอฟังคำตัดสินของศาลโลกด้วยความสงบ และหาทางออกร่วมกัน ขณะเดียวกัน ได้กำชับกองกำลังทหารไทย ปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดหลักความสงบเช่นเดียวกับกัมพูชา ที่ได้กำชับกองกำลังชายแดนแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไทยจะสู่คดีอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตย พร้อมขอความร่วมมือฝ่ายความมั่นคงและประชาชน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกัน ได้เริ่มทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงแนวทางการต่อสู้แล้ว และจะเผยแพร่สารคดีเกี่ยวกับคดีดังกล่าวด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เตรียมเคลื่อนมาชุมนุมหน้าบ้านพัก ซอยโยธินพัฒนา 3 ให้ยกเลิกการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และยินดีส่งเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์



ที่มา สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๖/ ๕๗ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

นายวิรัตน์  ลิ้มสุวัฒน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ เห็นชอบมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๖/ ๕๗  เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งปัญหาความเดือดร้อนและข้อเรียกร้องของเกษตรกร  โดยมีระยะเวลาดำเนินระหว่างเดือนกันยายน – ธันวาคม ๒๕๕๖  โดยขอให้เกษตรกรดำเนินการดังนี้

๑. การขึ้นทะเบียน
(๑) นำเอกสารหลักฐาน ไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กับกรมส่งเสริมการเกษตร
(๒) รับใบรับรอง เกษตรกรและตรวจสอบความถูกต้อง ปริมาณและช่วงระยะเวลาเก็บเกี่ยว ตั้งแต่สิงหาคม –ธันวาคม ๒๕๕๖

๒.การจำหน่าย โดยเกษตรกรจะต้องเตรียมเอกสารได้แก่ ๑.ใบรับรองเกษตร ๒.สำเนาบัตรประจำตำประชาชนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
(๑) นำผลผลิตที่เก็บเกี่ยวไปจำหน่าย ณ จุดรวบรวมที่เข้าร่วมมาตรการฯ  ปริมาณตามจำนวนที่ระบุไว้ในใบรับรองเกษตรกร แต่ไม่เกินรายละ ๒๕ ตัน พร้อมส่งมอบใบรับรองเกษตรกรฉบับจริงให้กับผู้รวบรวมหรือสหกรณ์ผู้รวบรวม
(๒) รับเงินค่าสินค้าและลงชื่อในใบเสร็จรับเงิน และเอกสารประกอบการขอรับชดเชย  ตามความชื้นต่อไปนี้
 - ความชื้น ๓๐ % ราคาจำหน่าย กิโลกรัมละ ๗.๐๐ บาท
 - ความชื้น ๑๔.๕ % ราคาจำหน่าย กิโลกรัมละ ๙.๐๐ บาท

และกรณีนำผลผลิตไปจำหน่ายในรูปฝักหรือเมล็ด  ณ คุณภาพและความชื้นอื่น ๆ จะคำนวณอัตราแปรสภาพ  เพิ่ม/ลด เป็นน้ำหนักข้าวโพด ณ ความชื้น ๓๐ % ในราคากิโลกรัม ละ ๗.๐๐ บาท  ทั้งนี้ หากภายในจังหวัดไม่มีจุดรับซื้อ ให้เกษตรกรนำผลผลิตไปจำหน่าย ณ จุดรับซื้อในจังหวัดใกล้เคียง

ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า  หากเกษตรกรจังหวัดหนองคาย มีความสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ให้ติดต่อได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย โทร. ๐๔๒-๔๒๒๕๖๑ และสำนักงานค้าภายในจังหวัดหนองคาย  ๐๔๒ –๔๒๕๓๐๑-๒ ในวันและเวลาราชการ


ที่มา : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย 
วนิษา นามบุรี  ข่าว/พิมพ์