วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

สนง.กองสลากกินแบ่งรัฐบาลมอบเครื่องกรองน้ำที่ ยโสธร

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงพื้นที่มอบ เครื่องกรองน้ำให้กับชาวบ้าน  ที่อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร  ที่บ้านห้องแซง ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร นางวิมลลักษณ์  บุญยิ่งสถิตย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานกินแบ่งรัฐบาล ลงพื้นที่ มอบเครื่องกรองน้ำดื่มให้กับชาวบ้าน หมู่ที่ 17  โดยมี นายชัยภัทร  หิรัณยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมหัวหน้าส่วนระดับอำเภอ และชาวบ้านให้การต้อนรับ  การมอบเครื่องกรองน้ำในครั้งนี้ เป็นการ ร่วมมือระหว่าง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล / ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการขึ้น เพื่อตอบแทนสังคม  ให้ประชาชนได้ดื่มน้ำที่สะอาดถูกหลักผ่านการกรองถูกต้องตามหลักอนามัยทางวิชาการมีคุณภาพดี  ทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเครื่องกรองน้ำที่มอบให้ ผลิตโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  สามารถผลิตน้ำได้ 1,500 ลิตรต่อวัน เป็นเครื่องกรองน้ำดื่มชนิดหยอดเหรียญ โดยให้กรรมการจัดการน้ำของหมู่บ้านเป็นผู้ดูแล  สามารถเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และอยู่บนความพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตั้งปณิธานเอาไว้  การมอบเครื่องกรองน้ำดื่มให้กับชาวบ้านห้องแซงในครั้งนี้ เนื่องจากว่า เป็นชุมชนเข้มแข็งต้นแบบ ของอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พร้อมนี้ ได้มีการสาธิต การออกสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ประชาชนได้เห็นถึงขบวนการต่างๆในการออกสลาก และจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองอีกด้วย

ร้อยเอ็ดเกมส์ วันที่สี่ โคราช นำโด่ง 37 เหรียญทอง เจ้าภาพ 5 เหรียญทอง

เมื่อเช้าวันที่ 6 กันยายน 2556 เวลา  09.10 น. นายปราโมทย์ เอกก้านตรง ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด และ นางสาวกันธนา บอนด์  พิธีกร  แถลงข่าวผลการแข่งขันร้อยเอ็ดเ กมส์ ณ ศูนย์บริการสื่อมวลชน สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  สรุปผลการแข่งขันวันที่  สี่   5 กันยายน 2556  มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนภาค3 จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั ้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นปีหน้า

สรุปเหรียญการแข่งขัน   นครราชสีมา 37 เหรียญทอง 10 เงิน 3 ทองแดง อุบลราชธานี 15 ทอง 9 เงิน 12 ทองแดง ศรีสะเกษ 10 ทอง 16 เงิน 12 ทองแดง, เลย 6 ทอง ชัยภูมิ 4 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง,มหาสารคาม 5 เงิน 14 ทองแดง  อุดรธานี 5 ทอง 3 เงิน 7 ทองแดง  ,ร้อยเอ็ด 5 เงิน 1 เงิน  1 ทองแดง  ขอนแก่น รวม 4 เหรียญ 13 เงิน 17 ทองแดง สุรินทร์ 4 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง ชัยภูมิ  2 ทอง 1 เงิน   1   ทองแดง    , ยโสธร  1 ทอง 8 เงิน 15 ทองแดง   บุรีรัมย์ 1 ทอง 3 เงิน 3 ทองแดง  สกลนคร 1 ทอง  1 เงิน 1 ทองแดง อำนาจเจริญ รวม 1 เหรียญทอง,,หนองบัวลำภู 4 เงิน 4 ทองแดง  และนครพนม  2 เงิน 1 ทองแดง

ผู้ที่สนใจ ติดตามชมกีฬา ชนิดต่างๆ สามารถดูตารางการแข่งขันได้ที่WWW.ROIETGAMES.COM




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์  043-527117

นายก อบจ.ร้อยเอ็ด เปิดอบรมส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาความรู้ให้แก่เยาวชนในจังหวัดร้อยเอ็ด

วันที่  5  กันยายน  2556  เวลา  09.00  น. นายมังกร  ยนต์ตระกูล  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  เป็นประธานเปิดอบรมส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาความรู้ให้แก่เยาวชนในจังหวัดร้อยเอ็ด   ณ  โรงแรมธนินทร  กรีนปาร์ค อำเภอเมือง  จังหวัดร้อยเอ็ด   ครั้งที่  2  ประจำปี  2556

นายชาติชาย  ชมเชี่ยวชาญ  รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวว่า  การอบรมในครั้งนี้  ผู้เข้าอบรมจะได้ทบทวนความรู้  เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบความถนัดทั่วไป  ซึ่งเป็นข้อสอบที่วัดความรู้ และความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ตลอดจนความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยข้อสอบจะไม่เน้นเนื้อหาที่เรียน แต่วัดศักยภาพที่ติดตัวนักเรียนมา  และความถนัดเฉพาะด้านวิชาฟิสิกส์ ชีววิทยา และคณิตศาสตร์

นายมังกร  ยนต์ตระกูล  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวว่า ก่อนที่เข้ารับการอบรมอยากจะให้รู้จักคำ 3 คำ คือ  "knowledge  ความรู้”   "wisdom ปัญญา”  และสุดท้าย  "university มหาวิทยาลัย” จะถือว่าเป็นแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง  ในการที่จะพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า และเป็นสังคมแห่งปัญญาได้นั้น ต้องเริ่มจากการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะ "คน” เป็นทรัพยากรที่ก่อให้เกิดการพัฒนาในทุกด้าน ทุกมิติ จึงต้องเร่งส่งเสริมและเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ การมีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและจบออกมาเป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของสังคม และนอกจากจะเป็นผู้มีความรู้ เป็นคนเก่งมีความสามารถแล้ว ต้องควบคู่กับการส่งเสริมให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่สร้างปัญหาและเป็นภาระให้กับสังคม จากความสำคัญดังกล่าวจึงได้จัดโครงการอบรมส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาความรู้ให้แก่เยาวชนในจังหวัดร้อยเอ็ดขึ้น  ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่  5  และในปีนี้มีการจัด  2  ครั้ง ครั้งแรกเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการสอบ  O-NET  ครั้งนี้เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการสอบ  GAT, PAT

การอบรมในครั้งนี้  ผู้เข้าอบรมจะได้ทบทวนความรู้  เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบความถนัดทั่วไป  ซึ่งเป็นข้อสอบที่วัดความรู้ และความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ตลอดจนความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยข้อสอบจะไม่เน้นเนื้อหาที่เรียน แต่วัดศักยภาพที่ติดตัวนักเรียนมา  และความถนัดเฉพาะด้านวิชาฟิสิกส์ ชีววิทยา และคณิตศาสตร์  มีผู้เข้าอบรมวันละ  3,100  คน/วัน เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด และโรงเรียนมัธยม ในจังหวัดร้อยเอ็ด  จำนวน  66  โรง ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ โดย คุณครูอริสรา ธนาปกิจ วิทยากรจาก สถาบันกวดวิชาออนดีมานด์  โดย อาจารย์สาธร อุพันวัน  อาจารย์สุธี   อัสววิมล  อาจารย์วีรวัช  เอนกจำนงค์พร  และจากสถาบันกวดวิชาคณิตศาสตร์ (A Level) อาจารย์ภาคภูมิ อร่ามวารี




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว
กมลพร  คำนึง บก.ข่าว
ส.ปชส.ร้อยเอ็ด

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 12 ติดตามนโยบาย การพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิต ด้านปัญหายาเสพติดที่ร้อยเอ็ด

วันที่ (5 ก.ย. 56) เวลา 09.30 น.  นางวนิดา  สักการโกศล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย

นายธัชชัย  สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด  ประชุมติดตามนโยบาย การพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิต ด้านปัญหายาเสพติดที่ร้อยเอ็ด  กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกว่า 20 หน่วยงาน  ณ ห้องประชุมข้าวหอมมะลิ ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด

จากการที่รัฐบาล จัดทำแผนบูรณาการนโยบายการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตด้านยาเสพติด  เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนในปี  2558และติดตามความคืบหน้าตามแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ2556

ในที่ประชุม  ส่วนราชการหรือผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการ ต่างได้นำเสนอในส่วนที่ ได้ดำเนินการ อาทิสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทุกเขต ,สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา,และ กศน.ร้อยเอ็ด ได้ จัดกิจกรรมให้นักเรียน-นักศึกษา  ในโครงการต่างๆเช่นโรงเรียนสีขาว,การสร้างภูมิ คุ้มกันก่อนวัยเสี่ยง การสร้างค่ายนักเรียนขยายโอกาสต้านยาเสพติด โครงการค่ายลูกเสือเยาวชนต้านยาเสพติด การออกพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียนทุกคน  โครงการทูบีนัมเบอร์วันร่วมกันสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ในส่วนของ กศน.ร้อยเอ็ด ได้จัดหลักสูตรกิจกรรมทักษะชีวิต ,อาสา กศน.ร้อยเอ็ด ต้านยาเสพติด

หลังจากนั้น เวลา 13.30 น.ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด จัดฝึกอบรมโครงการสุภาพบุรษพลังแผ่นดินจังหวัดร้อยเอ็ดตามโครงการสร้างชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวัน 12 สิงหามหาราชินี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ณ จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ดกิจกรรมระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 16 กันยายน 2556  และออกตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนยากจน  ปีงบประมาณ 2554 ณ ศาลาวัดบ้านหนองบัวทอง หมู่ที่ 13 ต.เหนือเมือง  อ.เมือง  จ.ร้อยเอ็ด ต่อไป




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 12 ออกตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนยากจน ที่บ้านหนองบัวทอง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด

วันที่ (5 ก.ย. 56) เวลา 14.00 น.  นางวนิดา  สักการโกศล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ออกตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนยากจน  ปีงบประมาณ 2554 ณ ศาลาวัดบ้านหนองบัวทอง หมู่ที่ 13 ต.เหนือเมือง  อ.เมือง  จ.ร้อยเอ็ด  โดยมีนายสุรพงษ์  สายโอภาศ นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด กล่าวถึง ข้อมูลทั่วไปของอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ว่า อำเภอเมืองร้อยเอ็ด แบ่งการปกครองออกเป็น 14 ตำบล 201 หมู่บ้าน และ 20 ชุมชนเมือง, มีประชากร 92,979 คน แยกเป็น ชาย 45,306 คน หญิง 47,673 คน, จำนวนครัวเรือน 25,155 ครัวเรือน และประชาชนประกอบอาชีพหลักคือ การทำนา ค้าขาย รับราชการ อาชีพรองคือ เกษตรกรรม และรับจ้างทั่วไป  ได้รับงบประมาณโครงการพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนยากจน ปี 2554 จำนวน 1,571,815 บาทมีครัวเรือนยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จปฐ. ปี 2555 (ต่ำกว่า 23,000 บาท/คน/ปี) จำนวน 2,019 ครัวเรือน จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเป็นครัวเรือนที่ย้ายที่อยู่ออกนอกพื้นที่ 21 ครัวเรือน และครัวเรือนที่เสียชีวิตทั้งหมด 29 ครัวเรือน คงเหลือครัวเรือนยากจนรวมทั้งสิ้น 1,723 ครัวเรือน แยกเป็นครัวเรือนประเภทด้านการสงเคราะห์ 146 ครัวเรือน และครัวเรือนที่พัฒนาได้ 1,577 ครัวเรือน และมีจำนวน 900 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต โดยอำเภอเมืองร้อยเอ็ด มีครัวเรือนที่ตกเกณฑ์ จปฐ. ปี 2555 (ต่ำกว่า 23,000 บาท/คน/ปี) จำนวน 153 ครัวเรือน และมีจำนวน 87 ครัวเรือนที่ได้รับงบตามโครงการ โดยมีนายสมพร  อรุณรัตน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้นำการตรวจเยี่ยมเยือนครัวเรือนยากจน จำนวน 2 รายคือ นางเกสร  กวีสุทธิ์ และ นางสมหมาย  กลางโนนงิ้ว

กิจกรรมที่ ชาวบ้านหนองบัวทอง  ได้ดำเนินการจากงบประมาณดังกล่าว ได้แก่การเลี้ยงปลาดุก เลี้ยงไก่ ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ เป็นต้น และได้มอบผ้าห่มกันหนาว ให้กับราษฎรบ้านหนองบัวทอง  รอรับที่จะถึงนี้ อีก 50 ผืน  มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม กว่า 300 คน



คมกฤช  พวงศรีเคน/ข่าว
อนงค์นาถ  ธุระพันธ์/พิมพ์
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
โทร. 043-527117 

ร้อยเกมส์ วันที่สาม ศรีสะเกษ นำ 8 เหรียญทอง 2 เงิน 3 ทองแดง รวม 13 เหรียญ,อุบลราชธานี ตามที่ 2

เมื่อเช้าวันนี้   เวลา  09.10 น.   5 กันยายน 2556   นายปราโมทย์ เอกก้านตรง ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไท ยจังหวัดร้อยเอ็ด และ นางสาวกันธนา บอนด์  พิธีกร  แถลงข่าวผลการแข่งขันร้อยเอ็ดเ กมส์ ณ ศูนย์บริการสื่อมวลชน สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  สรุปผลการแข่งขันวันที่  สาม   4 กันยายน 2556  มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนภาค3 จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นปีหน้า

สรุปเหรียญการแข่งขัน ศรีสะเกษ 8 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง รวม 13 เหรียญ,อุบลราชธานี 7 ทอง 4 เงิน 6 ทองแดง รวม 17 เหรียญ,ชัยภูมิ 2 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง รวม 4 เหรียญ,อุดรธานี 1 ทอง 1เงิน 1 ทองแดง รวม 3 เหรียญ,อำนาจเจริญ รวม 1 เหรียญทอง,มหาสารคาม 8 เงิน 1 ทองแดง รวม 9 เหรียญ,หนองบัวลำภู 3 เงิน 4 ทองแดง รวม 7 เหรียญ,ขอนแก่น รวม 4 เหรียญทองแดง,ร้อยเอ็ด 1 เงิน 1 ทองแดงรวม 2  เหรียญ.

นอกจากนี้มีการแข่งขันกีฬาร้ อยเอ็ดเกมส์   ผลการแข่งขันที่รับรายงาน ได้แก่  กาบัดดี้ หญิง อุบลราชธานี ชนะ นครราชสีมา 44:30 ประเภทฟุตซอล หญิง สุรินทร์ ชนะ นครราชสีมา 1:2,หญิง ร้อยเอ็ด แพ้ มหาสารคาม 1:16,ชาย ร้อยเอ็ด ชนะ กาฬสินธุ์ 2:1,ชาย นครราชสีมา ชนะ ขอนแก่น 3:2,ชาย สกลนคร ชนะ มหาสารคาม 1:3,ประเภทฟุตบอล หญิง ขอนแก่น ชนะ นครราชสีมา 3:0,ชาย ขอนแก่น ชนะ บึงกาฬ 2:0,ชาย บุรีรัมย์ ชนะ สกลนคร 3:1,ชาย มหาสารคาม ชนะ ศรีสะเกษ 3:1, ประเภทวอลเลย์บอลชายหาด ชาย ร้อยเอ็ด2 ชนะ หนองบัวลำภู2 2:0,ชาย กาฬสินธุ์2 ชนะ ยโสธร2 2:0, หญิง มหาสารคาม2 ชนะ หนองบัวลำภู1 2:0,หญิง นครพนม1 ชนะ บึงกาฬ1 2:0,หญิง ขอนแก่น1 ชนะ ยโสธร1 2:0,หญิง มหาสารคาม1 ชนะ นครราชสีมา1 2:0, หญิง นครพนม2 ชนะ บึงกาฬ2 2:0, หญิง ชัยภูมิ2 ชนะ หนองบัวลำภู2 2:0, หญิง ร้อยเอ็ด2 ชนะ ยโสธร2 2:1, ประเภทบาสเกตบอล ชาย มุกดาหาร ชนะ กาฬสินธุ์ 49:42,ยโสธร ชนะ ร้อยเอ็ด 60:54,ชัยภูมิ แพ้ นครราชสีมา 41:86,อุดรธานี แพ้ มหาสารคาม 51:64,ศรีสะเกษ แพ้ ขอนแก่น 52:62,ประเภทแฮนด์บอล หญิง ชัยภูมิ แพ้ ขอนแก่น 24:28,ชาย ศรีสะเกษ ชนะ อุดรธานี 46:12,ชาย อุดรธานี แพ้ สุรินทร์ 31:28

กีฬาที่ทำการแข่งขันประจำวันนี้ 5 กันยายน 2556 มี 21 ประเภท แข่งที่สนามจังหวัดร้อยเอ็ด 16 ประเภท แข่งต่างจังหวัด 5 ประเภท แข่งที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่

- จักรยาน เสือภูเขา (ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก)
- ซอฟท์เทนนิส (สนามกีฬ ากลางจังหวัดร้อยเอ็ด)
- เซปักตะกร้อ (หอประชุมอำเภอสุวรรณภูมิ)
- บาสเกตบอล (มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด)
- บิลเลียด-สนุกเกอร์ (อินเตอร์สนุกเกอร์ อ.เมืองร้อยเอ็ด)
- เทควันโด (วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ด)
- แบดมินตัน (สนามกีฬ าจังหวัดร้อยเอ็ด)
- เปตอง (สนามกีฬ าจังหวัดร้อยเอ็ด)
- ฟุตบอล ชาย-หญิง (มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อย เอ็ด)
- ฟุตซอล ชาย-หญิง (วิทยาลัยอาชีวศึกษา ธวัชบุรี)
- มวยสากลสมัครเล่น (โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ)
- มวยไทยสมัครเล่น (โรง เรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ)
- วอลเลย์บอลในร่ม (สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด)
- วอลเ ลย์บอลชายหาด (สนามกีฬากลางจั งหวัดร้อยเอ็ด)
- วู้ดบอล (สนามกี ฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด)
- แฮนด์บอล (วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด)
- หมากกล้อม


แข่งที่ต่างจังหวัด ได้แก่

- เพาะกาย (โรงเรียนโสตศึกษา ขอนแก่น)
- กอล์ฟ (เขื่อนอุบลรัตน์ขอนแก่น)
- เนตบอล(โรงเรียนกัลยาณวัตร ขอนแก่น)
- ยิงปืน (สนามยิงปืน การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก)
- ยกน้ำหนัก (โรงเรียนบ้านไผ่ ขอนแก่น)
- ลีลาศ (สนามกีฬาเฉลิมพร ะเกียรติฯ นครราชสีมา)




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์  043-527117

ผลการประกวดหมู่บ้านดีเด่น (A) ระดับจังหวัดอำนาจเจริญประจำปี 2556

ตามที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจผลงานและตัดสินการประกวดผลงานของหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน(กม.) ดีเด่น(A)ระดับจังหวัด ตามโครงการประกวดผลงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน ในหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น จากผลการประเมินและตรวจสอบผลงานปรากฎว่า บ้านเปือย  หมู่ที่ 1  ตำบลเปือย  อำเภอลืออำนาจ เป็นหมู่บ้านที่มีผลงานดีเด่นได้รับรางวัลชนะเลิศ และ บ้านโพนเมือง  หมู่ที่ 11  ตำบลไม้กลอน    อำเภอพนา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 1 บ้านหินโงม  หมู่ที่ 14  ตำบลสร้างนกทา  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2  บ้านยักษ์คุ  หมู่ที่ 5  ตำบลชานุมาน  อำเภอชานุมาน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 3  ซึ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ (นายวีระวัฒน์  ชื่นวาริน) จะได้มอบโล่เกียรติยศ และประกาศเกียรติคุณให้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน(กม.) ดีเด่น(A)ระดับจังหวัดในคราวประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนกันยายน 2556  ณ  ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ




จรูญ  พิตะพันธ์ / ข่าว

กลุ่มเกษตรกรยางพาราจังหวัดอำนาจเจริญกว่า ๑๐๐ คน ประชุมรับฟังคำชี้แจงการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกยางพาราและการช่วยเหลือของรัฐบาล

เวลา ๑๑.๐๐ น. วันนี้ ( ๖ กันยายน ๒๕๕๖ ) ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ เครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดอำนาจเจริญจากทั้ง ๗ อำเภอของจังหวัดอำนาจเจริญ ประมาณ ๑๐๐ คน ซึ่งนำโดย นายชัชชัย สัญไชย ได้เดินทางมาชุมนุมอย่างสงบเพื่อรับฟังคำชี้แจงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกยางพาราและมาตรการการช่วยเหลือเรื่องราคายางตกต่ำของรัฐบาล โดยมี นายอภิชาต งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วยหน่วยงานเกษตรจังหวัดเกษตรอำเภอ และหน่วยงานสงเคราะห์การทำสวนยาง เข้าร่วมชี้แจงการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและขึ้นทะเบียนผู้ปลูกยางพารา โดยนายอภิชาต งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ชี้แจงเรื่องมาตรการช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ปลูกในที่มีเอกสารสิทธิ์ และเปิดกรีดแล้วจริง เป็นเงินสดในอัตราไร่ละ ๑,๒๖๐ บาท ผ่านธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธกส. รายละไม่เกิน ๒๕ ไร่

แต่ในเบื้องต้นนี้ทางจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ขอความร่วมมือให้เกษตรกรไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรและผู้ปลูกยางพาราก่อน ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ  และจะมีการตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นจะออกใบรับรองให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่เข้าหลักเกณฑ์ นำไปขอรับเงินช่วยเหลือที่ ธกส. ตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่มีมติไปแล้วก่อน และให้คอยติดตามข่าวมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่กำลังมีการพิจารณาและจะมีตามมาอย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งภายหลังรับฟังการชี้แจงแล้วกลุ่มเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดอำนาจเจริญ มีความพอใจและแยกย้ายเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด




สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ. /ข่าว

กลุ่มกำนันใบพร ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล ผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เรียกร้องความเป็นธรรมเนื่องจากไม่ไดรับเงินค่าชดเชยจากการสร้างเขื่อนสิรินธร ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556

วันที่ 6 ก.ย. 56 เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ห้องประชุม POC ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มประชาชนประมาณ 36 คน จาก อำเภอสิริน จังหวัดอุบลราชธานี โดยการนำของนายใบพร แสนอ้วน กำนันตำบลนิคมลำโดมน้อย อำเภอสิรินธรจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางมายื่นหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านนางนภา ศกุนตนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเรียกร้องเงินค่าชดเชยเยียวยาจากการสร้างเขื่อนสิรินธร ซึ่งตามที่ มติ ครม. วันที่ 27 สิงหาคม 2556 รัฐบาลให้การเงินชดเชยช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิรินธร จำนวน 43 ราย โดยได้รับการช่วยเหลือครอบครัวละ 480,000 บาท (สี่แสนแปดหมื่นบาทถ้วน) และใช้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 20,640,000 บาท (ยีสิบล้านหกแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) แต่ยังมีกลุ่มของตนเองที่เป็นทายาท บุตรหลาน และเหลน ประมาณ 6 พันรายชื่อ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากมติ ครม.ดังกล่าว และไม่ได้รับเงินชดเชยเยียวยาช่วยเหลือแต่อย่างไร ทั้งนี้กลุ่มสมาชิกจะเรียกร้องถึงรัฐบาล ไปจนกว่ารัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือสมาชิกจึงจะยุติเรียกร้องจากกรณีดังกล่าว โดยรองผู้ราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวว่ากับตัวแทนผู้ยื่นหนังสือพร้อมที่จะรีบดำเนินการส่งหนังสือให้กับส่วนกลาง เพื่อเสนอรัฐบาลโดยเร็วที่สุด สร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมและได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในที่สุด

ขณะเดียวกันสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเงินเยียวยาจาการสร้างเขื่อนสิรินธร ที่อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ที่นำโดนนายวันชัย ยังมีสุข และนายวิทยา ยังมีสุข พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 100 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ง ก็ยังคงปักหลักชุมนุม ปิดถนนบริเวณหน้าประตูเขื่อนสิรินธร 1 ช่องทางจราจร เป็นวันที่ 2 โดยมีการปราศรัยของสมาชิก และแกนนำ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน อาสาสมัครรักษาดินแดนและอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเฝ้าสังเกตการณ์ รักษาความปลอดภัยและตรวจค้นรถที่ผ่านไปสัญจรไปมา เพื่อมิให้เกิดสถานการณ์มือที่สามเกิดขึ้น.




จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ข่าว

ชาวกาฬสินธุ์รวมพลังรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น

ประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า นักธุรกิจในจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รวมพลังรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น เพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยไม่ยอมรับการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติอีกต่อไป

เมื่อเช้าวันนี้ 6 กันยายน 2556 นายประเสริฐ ลือชา ธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย ประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า นักธุรกิจในจังหวัดกาฬสินธุ์กว่า 1,500 คนได้รวมพลังกันที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น โดยได้ร่วมกันประกาศเจตนรมย์ต่อต้านคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ และได้เดินรณรงค์ไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยไม่ยอมรับการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติอีกต่อไป รวมทั้งเพื่อกระตุ้นให้ทุกสังคม ทุกองค์กรจะต้องดูแลสถาบัน องค์กร หน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนไม่ให้เกิดปัญหาการคอร์รัปชั่นอีกต่อไปเพราะการคอร์รัปชั่นเป็นบ่อนทำลายประเทศและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม

นายชนินทร์ สังวิเศษ ประธานหอการค้าจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หอการค้า ได้ตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชั่น ที่เป็นบัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมืองและสังคม ทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแม้รัฐบาลหลายยุคหลายสมัยจะได้ตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชั่น แต่ดูเหมือนว่าการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ในสังคมไทย จึงนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก เยาวชนและคนรุ่นใหม่จะถือเป็นเรื่องปกติของประเทศไทย หอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชั่น เพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยไม่ยอมรับการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติอีกต่อไป




สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว/ภาพ

งานแสดงนิทรรศการและผลงานโครงการสร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานเยาวชนในสถานศึกษา 40 โรงเรียนภาคอีสาน

นายนพนภา นิสัยพันธุ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขตที่ 25 เปิดนิทรรศการและการแสดงผลงาน ของ สำนักถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมการพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงแรงงาน ดำเนินโครงการสร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานสำหรับเยาวชนในสถานศึกษาประจำปีงบประมาณ 2556 ทั่วภูมิภาค จำนวน 100 โรงเรียน และในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 40 โรงเรียน เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกกระตุ้นให้บุคลากรและเยาวชนในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการพลังงานและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้พลังงาน นายเปลี่ยน วาทโยธา หัวหน้าศูนย์บริการวิชาการที่ 5 จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อเป็นการจัดนิทรรศการและโชว์ผลงานของนักเรียน แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในการใช้พลังงานและอนุรักษ์พลังงานในสถานศึกษา สร้างเครือข่ายด้านพลังงาน นำความรู้ด้านพลังงานไปขยายผลในโรงเรียนต่อไป



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

การประชุมเชิงปฏิบัติการกองทุนแม่ของแผ่นดินปี 2556

นายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานพิธีเปิด การประชุมเชิงปฏิบัติการคณะกรรมการหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2556 ณ โรงแรมแก่นอินทร์ จังหวัดขอนแก่น โดยการสนับสุนการดำเนินการจากศูนย์อำนวยการแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดขอนแก่น (ศพส.จ.ขก.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่น โดยมี นางเพ็ญสุภา ศิริสวัสดิ์ พัฒนาการจังหวัดขอนแก่น กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจคณะกรรมการหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน และการสร้างกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ฯ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และเพื่อขยายผลการดำเนินงานกองทุนแม่ฯ ให้สามารถเป็นกลไกขับเคลื่อนพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นคณะกรรมการหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ฯ จำนวน 52 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 คน รวมทั้งสิ้น 104 คน จาก 26 อำเภอ ระหว่างวันที่ 5-6 กันยายน 2556



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

เกษตรจังหวัดขอนแก่นขึ้นทะเบียนผู้ปลูกยางพาราทุกอำเภอรองรับการช่วยเหลือของรัฐบาล

เกษตรจังหวัดขอนแก่นเปิดให้เกษตรกรที่ปลูกยางพาราทุกอำเภอขึ้นทะเบียน เพื่อรับรองเป็นเกษตรกรที่ปลูกยางพาราเข้ารับเงินประกันราคายางพาราตามหลักเกณฑ์ของรัฐบาลไร่ละ 1,260 บาท

นายประพาส บุญสุข เกษตรจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จังหวัดขอนแก่นขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราวันที่ 5 ก.ย2556 เปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราขึ้นทะเบียน มีกำหนดไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน2556โดย ชี้แจงรายละเอียดการจัดทำการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราของจังหวัดขอนแก่นให้แก่ตัวแทนสำนักงานเกษตรอำเภอทั้ง 26 อำเภอ เพื่อทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และขั้นตอนการขึ้นทะเบียนโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557 ให้ปฏิบัติงานได้ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเกษตรกรผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป เกษตรกรจะต้องเดินทางมายืนยันหรือแจ้งขึ้นทะเบียนด้วยตนเอง ณ สถานที่ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ที่ตั้งแปลงปลูก พร้อมนำเอกสารหลักฐานประกอบด้วย ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน หลักฐานเอกสารสิทธิที่ดินทำกินตามกฎหมาย พร้อมสำเนา ยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร จากนั้นจะมีการตรวจสอบรายชื่อและจำนวนพื้นที่ปลูกยางพาราของเกษตรกร ก่อนที่จะมีการรับรองและได้ให้ความช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตเป็นเงินสดในอัตราไร่ละ 1,260 บาทผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แก่เกษตรกรรายละไม่เกิน 10 ไร่ตามพื้นที่เปิดกรีดจริง และต้องเป็นเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิหรือสิทธิทำกิน สำหรับจังหวัดขอนแก่นมีเกษตรกรปลูกยางพาราทั้งสิ้น 4,915 ครัวเรือน รวมพื้นที่ปลูกยางพารา 64,000 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เปิดกรีดยาง 24,000 ไร่ และเป็นพื้นที่ปลูกใหม่ 40,000 ไร่




ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ชวน ชม ชิม ช้อป ผลไม้จากใต้ มาจำหน่ายที่โคราช

นายบุญถิ่น เดชสูงเนิน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา บอกว่า จังหวัดนครราชสีมา ร่วมมือกับ 3 จังหวัดที่เป็นแหล่งผลไม้ภาคใต้ มาจัดงาน "ผลไม้พื้นที่ภาคใต้ตอนบน ชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชสู่นครราชสีมา” ในวันที่ 7-8-9 กันยายน 2556 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
               
การจัดงานจำหน่ายผลไม้จากภาคใต้ นี้เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคใต้  ปี 2556 ด้วยการนำผลไม้และผลิตภัณฑ์การเกษตรจากจังหวัดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

ผลไม้ที่นำมาจำหน่ายได้แก่ ทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด สะตอ กาแฟ และผลิตภัณฑ์แปรรูป มาจำหน่ายให้ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้ชิมและซื้อไปบริโภค ในราคาย่อมเยาว์นอกจากผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากภาคใต้แล้ว สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ยังจัดให้ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในแต่ละอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา นำผลิตภัณฑ์ สินค้า อาหารแปรรูปมาร่วมจำหน่าย ด้วย

นอกจากนี้ ตลอดงานยังจัดแข่งขันกินผลไม้ชิงเงินรางวัลอีกด้วย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวโคราชชม ชิม ช้อปตลอดงาน หรือจะร่วมแข่งขันกินผลไม้ชิงเงินรางวัล ก็ได้

หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมรณรงค์ เนื่องในวันต่อต้านการคอร์รัปชั่นแห่งชาติ

วันนี้ (6 ก.ย. 56) เวลา 09.30 น. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำพ่อค้า นักธุรกิจ นิสิต นักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา กว่า 500 คน เดินถือป้ายรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชั่นไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาล เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติภายใต้ชื่องาน ACT NOW ร่วมกันสู้ กอบกู้อนาคต ก่อนจะนำผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดร่วมกันสาบานตนจะร่วมกันต่อต้านการคอร์รัปชั่นต่อหน้ารูปปั้น ท่านท้าวสุรนารี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ของชาวจังหวัดนครราชสีมา

นายจักริน เชิดฉาย ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านการคอร์รัปชั่นในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อ ตอกย้ำให้สังคม ตระหนักถึงปัญหาการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในทุกองค์กร กระตุ้นให้สังคมพร้อมใจ ร่วมมือเปลี่ยนค่านิยมของสังคม เพื่อให้เครือข่ายขยายตัวและมีความเข็มแข็งในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น

กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันจากทุกภาคส่วน/ที่จะแสดงพลังที่ชัดเจน ว่าจะขอต่อต้านพฤติกรรมคอร์รัปชั่นให้ถึงที่สุด โดยจะลุกขึ้นมาร่วมกันทำหน้าที่ของคนไทยในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น และองค์กรจะขอเป็นแกนนำในการผลักดัน ล้ม ล้าง เลิก การทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะแฝงตัวในส่วนภาครัฐหรือภาคเอกชนให้หมดไปให้ได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ใช้เงินซื้ออำนาจ เนื่องจากหากไม่มีการให้ ก็จะไม่มีคนรับ ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียกร้องผลประโยชน์ลดลงอย่างต่อเนื่องในที่สุด นายจักริน กล่าว 

ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจาก AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน)

ประชาคมอาเซียนที่จะถือกำเนิดในปี 2558 นั้น คนไทยจะได้ประโยชน์อะไร แน่นอนเราคงอยากทราบ แต่ในชั้นนี้ ขอจำกัดเฉพาะทางเศรษฐกิจก่อน

ประการแรก ไทยจะ "มีหน้ามีตาและฐานะ” เด่นขึ้นประชาคมอาเซียนจะทำให้เศรษฐกิจ "ของเรา” มีมูลค่ารวมกัน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีขนาดใหญ่อันดับ 9 ของโลก ยังประโยชน์แก่คนไทยทุกคนที่จะได้ยืนอย่างสง่างาม "ยิ้มสยาม” จะคมชัดขึ้น

ประการที่สอง การค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนจะคล่องและขยายตัวมากขึ้น กำแพงภาษีจะลดลงจนเกือบจะหมดไป เพราะ 10 ตลาดกลายเป็นตลาดเดียว ผู้ผลิตจะส่งสินค้าไปขายในตลาดนี้และขยับขยายธุรกิจของตนง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้นราคาสินค้าจะถูกลง

ประการที่สาม  ตลาดของเราจะใหญ่ขึ้น แทนที่จะเป็นตลาดของคน 67 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาดของคน 590 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยสามารถส่งออกไปยังอีกเก้าประเทศได้ราวกับส่งไปขายต่างจังหวัด ซึ่งก็จะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับจีนและอินเดียในการดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น

ประการที่สี่  ความเป็นประชาคมจะทำให้มีการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารคมนาคมระหว่างกันเพื่อประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน แต่ก็ยังผลพลอยได้ในแง่การไปมาหาสู่กัน ซึ่งก็จะช่วยให้คนในอาเซียนมีปฏิสัมพันธ์กัน รู้จักกัน และสนิทแน่นแฟ้นกันมากขึ้น เป็นผลดีต่อสันติสุข ความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันโดยรวม นับเป็นผลทางสร้างสรรค์ในหลายมิติด้วยกัน

ประการที่ห้า   โดยที่ ไทยตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่อาเซียน ประเทศไทยย่อมได้รับประโยชน์จากปริมาณการคมนาคมขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน (และอินเดีย) มากยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ บริษัทด้านขนส่ง คลังสินค้า ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ จะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน จริงอยู่ ประชาคมอาเซียนจะยังผลทั้งด้านบวกและลบต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่กับพวกเราคนไทยจะเตรียมตัวอย่างไร แต่ผลทางบวกนั้นจะชัดเจน เป็นรูปธรรมและจับต้องได้




ที่มา : มติชน
อ่านต่อ: http://www.thai-aec.com/227#ixzz2d4u6loKH

เทศบาลเมืองมุกดาหารเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหารแทนตำแหน่งที่ว่างนับเป็นวันที่ ๓

เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๖ ที่หอประชุมอำเภอเมืองมุกดาหาร คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองมุกดาหาร เปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหารเป็นวันแรก แทนตำแหน่งที่ว่าง

นายถาวร คูณคำตา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ตามกฏหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน ๖๐ วัน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองมุกดาหาร จึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยกำหนดรับสมัครเลือกตั้งระหว่างวันที่ ๔ –๘ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งวันนี้นับเป็นวันที่ ๓ ของการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง

โดยในวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้ง มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง จำนวน ๓ คน หมายเลข ๑ ได้แก่ นายภูมินทร์ สิเนหวัฒนะ อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร หมายเลข ๒ นางสุวรรณี ตั้งปนิธานนท์ และหมายเลข ๓ นายธีรศักดิ์ ดาวมุกดา อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ซึ่งตั้งแต่วันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๕๖ นับเป็นวันที่ ๓ ยังคงมีผู้สมัครเพียง ๓ คน

เทศบาลเมืองมุกดาหารมี ๓๔ ชุมชน ประชากร ๓๒,๘๘๐ คน ซึ่งเมื่อการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหารครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๒๑,๒๓๓ คน




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ปกครองจังหวัดมุกดาหาร จัดอบรมเยาวชนอาสารักษาดินแดนต้านภัยยาเสพติด (ย.อส.)

ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดมุกดาหารที่1 นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นประธานเปิดโครงการลดกลุ่มเสี่ยงนอกสถานศึกษาต้านภัยยาเสพติด ตามหลักสูตรเยาวชนอาสารักษาดินแดน (ย.อส.) ประจำปี 2556โดยมี นายอดุล จันทนปุ่ม ปลัดจังหวัดมุกดาหาร กล่าววัตถุประสงค์การจัดโครงการฯ มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 100คน เข้าร่วมพิธีเปิด ทั้งนี้ตามที่รัฐบาลได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เป็นยุทธศาสตร์หลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้กลยุทธ์ 7 แผน 4 ปรับ 3 หลัก 6 เร่ง เพื่อเป็นยุทธวิธี ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ทั่วประเทศและให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด อย่างต่อเนื่องในปี 2556ดังนั้นทางสำนักงานปกครองจังหวัดมุกดาหาร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จึงได้ดำเนินโครงการลดกลุ่มเสี่ยงนอกสถานศึกษาต้านภัยยาเสพติด ตามหลักสูตรเยาวชนอาสารักษาดินแดน (ย.อส.)ประจำปี 2556โดยนำเอาเยาวชนในเขตพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร มาเข้าร่วมโครงการ โดยใช้ระยะดำเนินการอบรม 4วัน3คืน ระหว่างวันที่6-9 กันยายน 2556

นายอดุล จันทนปุ่ม ปลัดจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การจัดโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมความรู้ความเข้าใจถึงโทษยาเสพติด ปลูกฝังให้เยาวชนให้มีจิตสำนึกในการรักชาติ และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บุคลิกภาพ มีระเบียบวินัยและมีจิตอาสาเป็นแนวร่วมเยาวชน อาสาพลังแผ่นดินช่วยเหลือฝ่ายปกครอง ตำรวจและเจ้าหน้าที่ในการให้บริการสังคม บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นกำลังสำคัญที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป.




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

มุกดาหารประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อรับทราบความคิดเห็นและขอเสนอแนะต่อโครงการก่อสร้างทางรถไฟ

ที่ห้องแก้วมุกดา โรงแรมพลอยพาเลซ จังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้เป็นประธาน ประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 1(ปฐมนิเทศโครงการ)โครงการสำรวจ ออกแบบรายละเอียดทางวิศวกรรม และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ซึ่งจัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีนายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง ตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานถึงการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ และผู้มีเกียรติ จำนวน 370 คน

นายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง ตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เมื่อวันที่ 9กรกฎาคม 2556 โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 15 เดือน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 15กรกฎาคม 2556เป็นต้นมา ในขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในทุกภาคส่วนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาโครงการอย่างครอบคลุม เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างจริงจัง แท้จริง การประชุมรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่โครงการ ได้รับทราบถึงขอบเขตงานออกแบบรายละเอียดของโครงการ และรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่องานศึกษา ตลอดจนเพื่อสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคีในพื้นที่โครงการ และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ จะทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้แสดงความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะต่อโครงการ และให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการต่อไป

สำหรับสถานีเบื้องต้นมี15 สถานี ได้แก่ สถานีบ้านไผ่ กุดรัง บรบือ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เชียงขวัญ โพนทอง หนองพอก เลิงนกทา นิคมคำสร้อย มุกดาหาร หว้านใหญ่ ธาตุพนม เรณูนคร และสถานีนครพนม




 พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

กำหนดจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP และเปิดศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดมุกดาหาร

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้กำหนดจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดมุกดาหารในระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ –วันเสาร์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๖ ณ บริเวณลานจอดรถหน้าศูนย์บริการการท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร (ตรงข้ามวงเวียนน้ำพุ)และกำหนดพิธีเปิดงานและเปิดศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า OTOPจังหวัดมุกดาหารในพฤหัสบดีที่ ๑๒กันยายน ๒๕๕๖ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดกับผลิตภัณฑ์ OTOPซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจและสืบทอดงานอนุรักษ์ศิลปะ ภูมิปัญญาของคนไทยให้ยั่งยืน อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOPให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยกิจกรรมในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOPตลอดงาน การแสดงหมอลำพื้นบ้าน รำวงย้อนยุค และกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกมากมายตลอดงาน

ขอเชิญพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารร่วมชมและเลือกซื้อสินค้า OTOPที่หลากหลายซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและชมกิจกรรมภายในงานที่หลากหลายระหว่างวันที่ ๑๒ –๑๔ กันยายน ๒๕๕๖




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหาร เปิดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกผู้ชาย ทำดีเพื่อแม่

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลูกผู้ชาย ทำดีเพื่อแม่ ของศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด อำเภอหนองสูง ที่ค่ายกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 จังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายราเชน ตันประพัฒน์ นายอำเภอหนองสูง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด ได้มีการเรียนรู้ พัฒนาทักษะด้านต่างๆ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม โดยใช้กิจกรรมค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีการประยุกต์ใช้หลักสูตรรูปแบบการอบรมประกอบด้วย การบรรยาย การฝึกทักษะด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และการฝึกปฏิบัติด้านอาชีพ ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 8คืน 9วัน ระหว่างวันที่ 2-10กันยายน 2556ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย เยาวชนผู้ที่มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดจากหมู่บ้านต่างๆในพื้นที่อำเภอหนองสูง จำนวน 53 คน

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม ตามนโยบายเร่งรัดในการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ที่ได้ประกาศมาตรการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการป้องกันที่เน้นกลุ่มเสี่ยง มิให้เข้าสู่วงจรปัญหายาเสพติด ด้านการปราบปรามเน้นกลุ่มผู้ที่มีพฤติกรรมจำหน่ายหรือผู้ผลิต และด้านบำบัดรักษา ที่เน้นในด้านการนำผู้เสพผู้ติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพในระบบต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และนายจ้างสถานประกอบการ เพื่อเข้าไปดูแล ช่วยเหลือแบบครบวงจร ให้คนเหล่านี้ ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป



พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว 

สสจ.ยโสธรเสริมเขี้ยวเล็บให้ อสม.

ที่โรงแรมเจพี เอ์มเมอรัล จังหวัดยโสธร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร ฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุก โดยมีนายสุใหญ่  หลิ่มโตประเสริฐ  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธรเป็นประธาน การฝึกอบรม     สำหรับการอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้ อสม. ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถในการเป็นนักจัดการสุขภาพชุมชน  นำกลวิธีสาธารณสุขมูลฐานมาพัฒนาใช้ในงานด้านสุภาพตามชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเจาะเลือดฝอย จากปลายนิ้วในประชาชนได้อย่างถูกต้องไม่ติดเชื้อ พร้อมนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธรได้มอบเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดชนิดพกพา  ให้อสม.  เพื่อใช้ในการคัดกรองเบาหวานในชุมชน  การประชุมในครั้งนี้มี อสม. จาก 9 อำเภอ จำนวนกว่า 200 คน เข้ารับการฝึกอบรม

ยโสธรทำบุญประเพณีทิ้งกระจาด

จังหวัดยโสธรทำบุญประเพณีทิ้งกระจาด ซิโกว ประจำปี 2556 เพื่อแจกทานเครื่องใช้บริโภคให้แก่ผู้ยากไร้

ที่มูลนิธิรวมสามัคคียโสธร ได้มีพิธีทำบุญประเพณีทิ้งกระจาด(ซิโกว) โดยมีคณะกรรมการจัดงานงิ้วศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยโสธร ร่วมกับ มูลนิธิสามัคคียโสธร ได้นำสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคมาแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ ในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก.นายประวัติ  ถีถะแก้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธาน      งานประเพณีทิ้งกระจาดนี้จะเริ่มจัดหลังวันสารทจีน 3 วัน วันเพ็ญเดือน 7 ตามปฏิทินจีนและประมาณปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นพิธีกรรมของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นการจำเริญเมตตาธรรมแก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นงานที่รวมตัวกันของประชาชน ในวันที่จะทำบุญให้ทาน สร้างความเอื้ออาทรกันในหมู่สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่ ซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์สูงสุด รวมทั้งเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และถือว่าการทำบุญให้ทานนี้เป็นเครื่องลดความเห็นแก่ตัวลง ในปีนี้คณะกรรมการจัดงานงิ้วศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และมูลนิธิรวมสามัคคียโสธร   ได้จัดสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค จำนวน  3,500  ชุด มาแจกจ่ายแก่ผู้ยากจน

ทะลายแหล่งแปรรูปไม้พยุงรายใหญ่ที่ยโสธร

จังหวัดยโสธรทะลายแหล่งพักไม้พยุงกลางป่าดงเจริญ มูลค่าประมาณมิได้  คืนที่ผ่านมา นายประวัติ  ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร สั่งหน่วยงานปกครองบูรณากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านสกัดสิ่งผิดกฎหมายที่บริเวณ 4 แยก อำเภอคำเขื่อนแก้ว  พบสิ่งผิดปกติ จึงได้สั่งการเป็นพิเศษให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน เดินเท้าออกตรวจตามหมู่บ้านและชายป่า  จนเวลา 21.00น. กำนันบุญสม  สมบัติวงษ์ กำนันตำบลดงเจริญ พร้อมคณะกรรมหมู่บ้าน เดินเท้ามาพบกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่ป่าดงเจริญ บ้านดงเจริญ ต.ดงเจริญ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร กำลังขนย้ายท่อนไม้ จำนวนหนึ่งซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นไม้พยุง เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ขับรถหนีไป  ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงพื้นที่ตรวจบริเวณที่พบท่อนไม้  ปรากฏว่า เป็นขบวนการที่นำไม้พยุงมาแปรรูป เตรียมนำส่งต่างประเทศ เป็นเครือข่ายระดับชาติ  มีทั้งหมด 4 จุด ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน  โดยไม้ที่พบเป็นไม้ที่แปรสภาพเป็นท่อนๆ เพื่อที่จะนำส่ง ซึ่งแต่ละท่อนมีความยาวไม่ตำกว่า 2 เมตร จำนวนกว่า 500 ท่อน พบทั้งไม้เก่าที่แปรสภาพมาแล้วและเพิ่งแปรสภาพใหม่ๆมูลค่ายังประมาณไม่ได้ คาดว่าไม่ตำกว่า 10 ล้านบาท  นายประวัติ  ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรกล่าวว่า  การตรวจพบไม้พยุงในครั้งนี้เป็นแค่เริ่มต้นในการเดินเท้าตรวจเท่านั้น ยังต้องเดินเท้าตรวจต่อไป และจุดที่พบทั้ง 4 จุด เป็นจุดร่วมไม้ ที่ลักลอบตัดมา  ทางป่าไม้อำเภอ และจังหวัด ก็จะทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และขยายผลสืบสวนหาตัวการมาดำเนินคดีกันต่อไป

ร้อยเอ็ด จัดประชุมใหญ่ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 กันยายน 2556 นายพศิน  โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ)โครงการสำรวจ ออกแบบรายละเอียดทางวิศวกรรม และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม  ณ โรรงแรมเพชรรัชต์ การ์เด้น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด

นายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง ตัวแทนการรถไฟแห่ งประเทศไทย  กล่าวว่า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มกดาหาร-นครพนม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงนามสัญญาว่าจ้าง กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 15 เดือน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นมา ในขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในทุกภาคส่วนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาโครงการอย่างครอบคลุม  เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างจริงจัง การประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้   เพื่อประชาสัมพันธ์ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบถึงขอบเขตงานออกแบบรายะเอียดของโครงการ และรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่องานศึกษา ตลอดจนเพื่อสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคีในพื้นที่โครงการ

นายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง ตัวแทนการรถไฟแห่ งประเทศไทย  กล่าว ต่อไปว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ จะทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้แสดงความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะต่อโครงการ และให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโคนงการต่อไปโดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯประกอบด้วย หัวหน้าหน่วยงานราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ นายยกเทศมนตรี นายยกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ และผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมประชุมทุกจำนวน 330  คน




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์ 043-515374

โอทอปถนนคนเดินฮีตประเพณีบุญข้าวสาก

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 กันยายน 2556  เวลา 17.00 น. นายพศิน โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิด งานถนนคนเดิน ลานเรียนรู้วัฒนธรรม จังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2556 ครั้งที่ 3 "ฮีตประเพณีบุญข้าวสาก” ณ บริเวณถนนรัชชูปการ(ข้างโรงเรี ยนเมืองร้อยเอ็ด) ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด โดยการดำเนินงานของ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด

นายสมพร อรุณรัตน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวว่า   รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริ มรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โอทอป จังหวัดร้อยเอ็ดได้มอบหมายให้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ร่วมกับเครือข่ายผู้ผลิตผู้ ประกอบการ โอทอป จังหวัดร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมส่งเสริมช่ องทางการตลาด โดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมสื บสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ตาม ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ กำหนดดำเนินการในปี 2556 จำนวน 4 ครั้งๆนี้เป็นครั้งที่ 3 "ฮีตประเพณีบุญข้าวสาก” โดยมีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้กั บประชาชน โดยการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP), เพื่อสนับสนุนและพัฒนาให้ผู้ผลิ ตผู้ประกอบการ โอทอป ได้เรียนรู้ทักษะด้านการบริ หารจัดการและการตลาด,และเพื่ อเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้ านผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์,เพื่อสนับสนุนช่ องทางการตลาด เพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอทอป

กิจกรรม ภายในงาน มีการจำหน่ายสินค้าโอทอปจังหวั ดร้อยเอ็ด จำนวน 40 บูธ  จำหน่ายสินค้าทั่วทุกภาคของประเทศ จำนวน 96 บูธ รายการกิจกรรมส่งเสริมการขาย( นาทีทอง) การแสดงละเล่นพื้นบ้าน สืบสานประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน จาก ชมรมนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด การแข่งขันขับร้องสรภัญญะ จาก 20 อำเภอ 20 คณะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 9 กันยายน 2556  นี้




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ดเกมส์วันที่สอง 3 ก. ย.56 ศรีสะเกษ นำ 8 เหรียญทอง เจ้าภาพได้ลุ้น 1 เหรียญเงิน

เมื่อเช้าวันนี้   เวลา  09.10 น. 4 กันยายน 2556   นายปราโมทย์ เอกก้านตรง ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไท ยจังหวัดร้อยเอ็ด และ นางสาวกันธนา บอนด์  พิธีกร  แถลงข่าวผลการแข่งขันร้อยเอ็ดเ กมส์ ณ ศูนย์บริการสื่อมวลชน สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจั งหวัดร้อยเอ็ด  สรุปผลการแข่งขันวันที่สอง  3 กันยายน 2556  มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนภาค3 จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั ้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นปีหน้า

สรุปเหรียญการแข่งขัน ศรีสะเกษ 8 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง รวม 13 เหรียญ,อุบลราชธานี 6 ทอง 4 เงิน 5 ทองแดง รวม 15 เหรียญ,ชัยภูมิ 2 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง รวม 4 เหรียญ,อุดรธานี 1 ทอง 1เงิน 1 ทองแดง รวม 3 เหรียญ,อำนาจเจริญ รวม 1 เหรียญทอง,มหาสารคาม 7 เงิน 1 ทองแดง รวม 8 เหรียญ,หนองบัวลำภู 3 เงิน 4 ทองแดง รวม 7 เหรียญ,ขอนแก่น รวม 3 เหรียญทองแดง,ร้อยเอ็ด รวม 1  เหรียญเงิน.-

นอกจากนี้มีการแข่งขันกีฬาร้ อยเอ็ดเกมส์   ผลการแข่งขันที่รับรายงาน ได้แก่ เซปักตะกร้อประเภททีมชุด หญิง ศรีสะเกษ แพ้ ขอนแก่น 0:2,ชาย มหาสารคาม แพ้ ศรีสะเกษ 0:2,หญิง ร้อยเอ็ด ชนะ นครพนม 2:0,หญิง สกลนคร แพ้ อุบลราชธานี 0:2,ชาย อุดรธานี แพ้ ขอนแก่น 0:2,หญิง นครราชสีมา ชนะ อุดรธานี 2:1,ชาย อุบลราชธานี แพ้ สุรินทร์ 0:2,ประเภทฟุตซอล หญิง สุรินทร์ ชนะ กาฬสินธุ์ 7:1,หญิง ร้อยเอ็ด แพ้ บุรีรัมย์ 2:4,ชาย อุดรธานี ชนะ นครพนม 4:1,ชาย นครราชสีมา ชนะ หนองบัวลำภู 4:0,ชาย สกลนคร ชนะ สุรินทร์ 4:2,ประเภทฟุตบอล หญิง ศรีษะเกษ ชนะ นครราชสีมา 3:0,ชาย นครราชสีมา แพ้ อุดรธานี 3:4,ชาย นครพนม แพ้ ชัยภูมิ 7:8(2:2),ชาย ร้อยเอ็ด แพ้ หนองคาย 6:7(1:1),ประเภทวอลเลย์บอลในร่ม ชาย นครราชสีมา ชนะ ชัยภูมิ 3:0,ชาย อุบลราชธานี ชนะ อุดรธานี 3:1,หญิง ขอนแก่น ชนะ ศรีสะเกษ 3:0,หญิง ชัยภูมิ ชนะ กาฬสินธุ์ 3:0,หญิง นครราชสีมา ชนะ บุรีรัมย์ 3:0,หญิง อุดรธานี ชนะ มหาสารคาม 3:0,ประเภทวอลเลย์บอลชายหาด ชาย ยโสธร1 แพ้ ชัยภูมิ1 1:2,ชาย มหาสารคาม1 ชนะ อุบลราชธานี1 2:1, ชาย บึงกาฬ แพ้ ร้อยเอ็ด2 0:2,หญิง ยโสธร2 ชนะ ชัยภูมิ2 2:0,หญิง หนองบัวลำภู1 แพ้ ร้อยเอ็ด1 0:2,หญิง นครพนม2 แพ้ กาฬสินธุ์2,ประเภทบาสเกตบอล ชาย ชัยภูมิ แพ้ อุดรธานี 34:60,มหาสารคาม แพ้ นครราชสีมา 38:70,นครพนม ชนะ ศรีสะเกษ 20:0,เลย แพ้ มุกดาหาร 23:41,หนองคาย แพ้ ยโสธร 32:44,)ประเภทแฮนด์บอล หญิง ชัยภูมิ แพ้ ศรีสะเกษ 31:52,หญิง ขอนแก่น ชนะ อุดรธานี 39:16,ชาย อุดรธานี แพ้ ศรีสะเกษ 27:47,ประเภทเปตองเดี่ยวชาย ชนะเลิศ นายอภิสิทธิ์ แสงดาว บุรีรัมย์,รองชนะเลิศ นายธงชัย พิมพ์โสม มหาสารคาม,อันดับที่3 นายเดชฤทธิ์ ขันละ สกลนคร,หญิงเดี่ยว ชนะเลิศ นางสาวสุภาพร สิงห์ชาติ อำนาจเจริญ,รองชนะเลิศ นางสาวรสสุคนธ์ ทองถนอม ร้อยเอ็ด,อันดับที่ 3 นางสาวชฎาพร สมปัญญา ขอนแก่น

กีฬาที่ทำการแข่งขันประจำวันนี้ 4 กันยายน 2556 มี 21 ประเภท แข่งที่สนามจังหวัดร้อยเอ็ด 16 ประเภท แข่งต่างจังหวัด 5 ประเภท แข่งที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ กาบัดดี้(วิทยาลัยการอาชีพร้อยเ อ็ด),จักรยาน เสือภูเขา(ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก),ซอฟท์เทนนิส(สนามกีฬ ากลางจังหวัดร้อยเอ็ด),เซปักตะก ร้อ(หอประชุมอำเภอสุวรรณภูมิ),บ าสเกตบอล(มหาวิทยาลัยราชภัฏร้ อยเอ็ด),บิลเลียด-สนุกเกอร์(อิ นเตอร์สนุกเกอร์ อ.เมืองร้อยเอ็ด),เปตอง(สนามกีฬ าจังหวัดร้อยเอ็ด),ฟุตบอล ชาย-หญิง(มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อย เอ็ด),ฟุตซอล ชาย-หญิง(วิทยาลัยอาชีวศึกษา ธวัชบุรี),มวยสากลสมัครเล่น(โรง เรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ),มวยไทยสมัครเล่น(โรง เรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ),วอลเลย์บอลในร่ม(สนา มกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด),วอลเ ลย์บอลชายหาด(สนามกีฬากลางจั งหวัดร้อยเอ็ด),วู้ดบอล(สนามกี ฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด),แฮนด์ บอล(วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด),หม ากล้อม,แข่งที่ต่างจังหวัด ได้แก่ กอล์ฟ(เขื่อนอุบลรัตน์ ขอนแก่น),เนตบอล(โรงเรียนกัลยาณ วัตร ขอนแก่น),ยิงปืน(สนามยิงปืน การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก),ยกน้ำหนัก(โรงเรียนบ้า นไผ่ ขอนแก่น),ลีลาศ(สนามกีฬาเฉลิมพร ะเกียรติฯ นครราชสีมา)




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์  043-527117

โรงเรียนจุฬาภรณ์ฯเลย รับรางวัลชนะเลิศโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ญี่ปุ่น

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย รายงานว่า เมื่อปี พ.ศ. 2538 เนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 36 พรรษา เพื่อเฉลิม พระเกียรติ ที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่องานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม การจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ประกาศจัดตั้งโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ตามด้วยชื่อจังหวัดสถานที่ตั้ง ทั้งหมด 12 แห่ง ประจำเขตการศึกษาต่าง ๆ ทุกเขตการศึกษาของประเทศ ประกอบด้วย จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช สตูล เชียงราย พิษณุโลก ลพบุรี ปทุมธานี มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชลบุรี เพชรบุรี และจังหวัดเลย ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานนามโรงเรียนใหม่ คือ "จุฬาภรณราชวิทยาลัย" ตามด้วยชื่อจังหวัดอันเป็นสถานที่ตั้ง ซึ่งเป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2537 มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Princess Chulabhorn's College, Loei" เปิดรับนักเรียนในปีการศึกษา 2538 ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประเภทสหศึกษา ปัจจุบันเป็นโรงเรียนที่อยู่ในแผนและยุทธศาสตร์ สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ โดยจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น – ตอนปลาย รับผิดชอบในเขตพื้นที่อีสานตอนบน 7 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัด เลย บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี สกลนคร หนองบัวลำภู ขอนแก่น รับนักเรียนในลักษณะโรงเรียนประจำในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเป็นการกระจายโอกาสให้กับผู้มีความสามารถพิเศษ เพิ่มโอกาสให้กับนักเรียนกลุ่มด้อยโอกาส และขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของนานาชาติ ผู้เรียนมีจิตวิญญาณของการเป็นนักวิจัยและนักประดิษฐ์คิดค้นมีสุขภาพพลานามัยที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม รักการเรียนรู้ มีความเป็นไทย มีความมุ่งมั่นพัฒนาประเทศชาติ มีเจตคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมโลกและธรรมชาติ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยเลย เป็น 1 ใน 12 โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่ได้รับการคัดเลือกจาก วิทยาลัย Tomakomai ประเทศญี่ปุ่น ให้เข้าร่วมนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรม สาขาพลังงานทดแทน ในงาน Shizuoka Kita Youth Science Engineering Forum 2013 ณ เมืองชิชูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นผลจากการที่โรงเรียนฯ ได้รับรางวัลจากโครงการ Thailand Go Green ปี 2555 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ เพลงเรียนรู้สู้ภัยพิบัติระดับประเทศ ได้รับโล่เกียรติยศ เกียรติบัตร พร้อมเงินรางวัล, รางวัลดีเยี่ยม การสืบค้นภาพจากสื่อออนไลน์ การเรียนรู้สู้ภัยพิบัติ ได้รับโล่เกียรติยศ เกียรติบัตร พร้อมชุดโซลาร์เซลล์ขนาด 1.5 kW, รางวัลขวัญใจสื่อมวลชน กิจกรรมเรียนรู้สู้ภัยพิบัติด้วยนวัตกรรมพลังงานทดแทน ได้รับโล่เกียรติยศ และเกียรติบัตร ผลงานการจัดทำนวัตกรรมพลังงานทดแทน เพื่อการเรียนรู้สู้ภัยพิบัติ และต้องเข้าร่วมแข่งขันกับโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกอีก 40 ประเทศทั่วโลก เป็นที่น่ายินดีที่ทางโรงเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบ Oral Presentation สาขาพลังงาน ระดับนานาชาติ (The 1st Prize Presentation : Energy) ในงาน Shizuoka Kita Youth Science Engineering Furum 2013 (SKYSEF 2013) ระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ Shizuoka Kita Junior & Senior High School เมืองชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โครงการ SKYSEF 2013 ผู้เข้าร่วม 27 โรงเรียน จาก 9 ประเทศ คือ South Korea , Italy , Taiwan , Thailand , USA Guam , China , Australia , Iran และ Japan โดยได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วย โครงงานนำเสนอแบบ Oral Presentation เรื่อง Water Heater with Compound Mixed Concentrators และการนำเสนอแบบ Poster Presentation เรื่อง The Rechargeable Battery Power นักเรียนที่นำเสนอ คือ นายคิโยชิ มณีแสง, นายสุขวิช จิตรจักร และนายมารุต กุลวงค์ ครูที่ปรึกษา นายสงกรานต์ บุตตะวงค์, นางน้ำผึ้ง สุพรมอินทร์ และนางสาวดารณี ไชยเวช พร้อมด้วยผู้อำนวยการทินกร นนทการ และนางเรณู ตระกูลทองเสน ร่วมเป็นกำลังใจ ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ด้วย ส่วนโครงการ KOSEN เป็นนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย นางสาวชนนิกานต์ สรรพสอน, นางสาวปิยะธิดา ชาวหนอง และนางสาวอรุณกมล บัวศรี ครูที่ปรึกษานางนพมาศไทยภักดี

ททท.เลย อวดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “ภูป่าเปาะ” จุดชมวิว “ฟูจิเมืองเลย”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางขึ้นภูป่าเปาะ บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน พื้นที่ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเลย ซึ่งอยู่ห่างจากสวนหินผางาม หรือคุนหมิงเมืองไทย อำเภอหนองหิน เพียง 7 กิโลเมตร ภูป่าเปาะมีความน่าสนใจอยู่ที่จุดชมวิว บนความสูงประมาณ 900 เมตร จากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นภูหอ ฝั่ง อำเภอภูหลวง ซึ่งภูเขาลูกนี้มีลักษณะพิเศษ คือเป็นยอดตัดที่ราบบนภู มองดูคล้ายภูเขาไฟฟูจิยามา ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีเมฆขาวปกคลุม จุดชมวิวมีทั้งหมด 4 จุด แต่ละจุดห่างกันประมาณ 200 เมตร จุดสูงสุดของภูป่าเปราะ สามารถมองเห็นภูเขาได้รอบทิศ ชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกในจุดเดียว ขณะเดียวกันยังมองเห็นภูเขาอีก 3 จังหวัด คือ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์,อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และผาสามยอดในเขต จังหวัดหนองบัวลำภู แหล่งท่องเที่ยว ภูป่าเปาะแห่งนี้ ได้รับการพัฒนาและดูแลโดย นายบุญลือ พรมหาลา ผู้ใหญ่บ้านผาหวาย เล่าว่า ในอดีตภูป่าเปาะถูกชาวบ้านพากันบุกรุกขึ้นมาทำไร่ ทำสวน ตนและคณะกรรมการหมู่บ้านเห็นว่า ภูป่าเปาะน่าจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ เพราะอยู่ใกล้สวนหินผางาม จึงได้พากันขึ้นมาปรับปรุงภูมิทัศน์ สร้างระเบียงจุดชมวิว และห้องสุขา ทำให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาชม ชาวบ้านเริ่มมีรายได้จากการให้บริการรถอีแต็กรับส่งนักท่องเที่ยว และมีรายได้จากร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งการบริหารจัดการมีคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกันดำเนินงาน มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ ภูกระแต และทางอำเภอให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปชมพูป่าเปาะ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ผู้ใหญ่บุญลือ พรมหาลา หมายเลขโทรศัพท์ 089-7646829 และที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย 042-812812

ทหาร-ชาวบ้านร่วมใจปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษาสมเด็จราชินีนาถฯ

พ.อ.ชาญชัย เอมอ่อน ผู้บังคับการกรมทหารราบ ที่ 8 ร่วมกับข้าราชการ นักเรียน และประชาชน จำนวน 200 คน ร่วมกันปลูกและฟื้นฟูป่าต้นน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี 2556 ที่บริเวณภูป่าเปาะ บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย ดำเนินการโดยกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8 ได้รับมอบภารกิจให้ดำเนินงาน ตามโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี2556 ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ - ภูกระแต จังหวัดเลย โดยการปลูกป่า 100 ไร่ และก่อสร้างฝายชะลอน้ำ 10 ฝาย ทำแนวกันไฟระยะทาง 4,500 เมตร พร้อมฝึกอบรมสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์ป่าให้กับราษฎรตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จำนวน 100 คน ซึ่งหน่วยได้รับความร่วมมือ จากองค์การบริหารส่วนตำบลปวนพุ กำนันตำบลปวนพุ รวมทั้งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ - ภูกระแต ตลอดทั้งคณะกรรมการและราษฎรตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย เป็นอย่างดี เพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา 81 พรรษา โดยกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้

หลอน! ผีเปรตต้นหมากในสวนสาธารณะ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย รายงานว่า ในระยะหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสข่าวลือกันว่า พบผีเปรตเป็นผู้หญิง รูปร่างสูง ผมยาว ยืนอยู่ในสวนสาธารณะป่าเลิงใหญ่ เทศบาลเมืองเลย ฝั่งโรงแรมเลยพาเลซ สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงสวนสาธารณะแห่งนี้ และประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังในตอนเช้ามืดและช่วงเย็นถึงค่ำ ไม่กล้าวิ่งผ่านบริเวณนั้น จึงได้เดินทางไปที่สวนสาธาณะตามกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งเป็นเวลาใกล้ค่ำ พบว่ามีประชาชนมาออกกำลังกันตามปกติ และได้พบต้นหมากสูงประมาณ 4 เมตร ยืนต้นตาย มีลูก งวง กาบ ตกห้อยลงมาทั้งสองข้างบนยอดลำต้น มีดวงตาสองข้าง ลักษณะคล้ายเปรตเพศหญิง น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะป่าเลิงใหญ่ เทศบาลเมืองเลย เล่าว่า ต้นหมากต้นนี้ยืนต้นตายมานานหลายเดือนแล้ว ทำงานอยู่ในสวนทุกวันก็ไม่ได้สังเกตว่ามีรูปร่างเหมือนเปรต ยืนยันว่า เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่มีใครมาจับจัดแต่งให้เป็นรูปร่างเช่นนี้ จึงอยากฝากไปถึงประชาชนที่มาออกกำลังกายอย่าได้หวาดกลัว ในสวนสาธารณะแห่งนี้ไม่มีผีเปรตตามที่ร่ำลือกัน

ศรีสะเกษ - มรภ.ศรีสะเกษ จัดโชว์ผลงานการทอผ้าไหมท้องถิ่น ฝีมือนักศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระราชินี และสืบสานประเพณีท้องถิ่นที่ดีงามของจังหวัดศรีสะเกษ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 56 ที่หอประชุมฑีปังกรรัศมิโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการ นิทรรศกาลผลงานการสืบสานวัฒนธรรมเทิดไท้องค์ราชินี ซึ่งองค์กรภาครัฐ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชภัฏศรีสะเกษ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและแสดงออกถึงความจงรักภักดีสดุดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาส มหามงคลพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ครบ 81 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 อีกทั้งยังเป็นการสืบสานประเพณีที่ดีงามท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ โดยมี ผศ.ดร.ประกาศิต อานุภาพแสนยากร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นำคณะอาจารย์ นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ประมาณ 2,000 คน ให้การต้อนรับ พร้อมออกซุ่มนิทรรศกาล ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ. ให้กับประชาชนและนักศึกษาที่มาเที่ยวชมนิทรรศกาล ผศ.ดร.ประกาศิต กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น ประกอบด้วย กิจกรรมการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับผ้าทอ การแซวเสื้อไหมทอมือย้อมมะเกลือ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเป็นการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผ้าทอใน จ.ศรีสะเกษ รวมทั้งผลงานวิชาการที่ออกมาเป็นรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะผลงานในเรื่องของผ้าไหม ผ้าทอ ที่นับวันกำลังจะเลือนหายไป ดังนั้น จึงสมควรจะอนุรักษ์การทอผ้าแบบโบราณไว้ให้คงอยู่สืบไป เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน อีกทั้งยังเพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นใน จ.ศรีสะเกษ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ถวายความจงรักภักดีสดุดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา มีพระชนมายุ 81 พรรษา วันที่ 12 ส.ค. 2556

เมืองลำดวน ผุด หอคอยเฉลิมพระเกียรติฯ ในหลวง แหล่งท่องเที่ยวผสมผสานวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า หนึ่งความภูมิใจชาวศรีสะเกษ พร้อมเปิดอย่างเป็นทางการ เดือนเมษายน 2557

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 56 ที่สำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ดร. ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ เปิดถึงความคืบหน้า การดำเนินการสร้างก่อสร้างหอคอยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะกลางน้ำห้วยน้ำคำ) อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ว่า ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว ในระดับความสูง 51 เมตร จากความสูงของหอคอยทั้งหมด 84 เมตร อีกทั้ง ยังได้มีการออกแบบบริเวณชั้น 1 ของหอคอย ซึ่สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ 4 เผ่าไท โดยเป็นการรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนเผ่าศรีสะเกษ ไม่ว่าจะเป็น ส่วย ลาว เขมร เยอ เพื่อให้คนรุ่นหลัง ได้รู้ถึงต้นกำเนิดและความเป็นมาของจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนบริเวณชั้นที่ 2 ของหอคอยนั้น จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทันสมัย ซึ่งประกอบไปด้วยโรงภาพยนตร์ คอมพิวเตอร์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อไว้ให้บริการประชาชน ต่อจากนั้นจะมีลิฟต์เพื่อขึ้นไปสู่ยอดหอคอย ซึ่งส่วนของชั้นบนสุดของหอคอยนั้น เราได้มีการปรับขนาดให้มีความกว้าง โดยสามารถบรรจุคนได้ประมาณ 300 คน ซึ่งประชาชนที่เดินทางมาถึงชั้นบนสุดนี้ จะสามารถชมทิวทัศน์ความสวยงามของเมืองศรีสะเกษได้ทั่วทั้งเมือง ดร. ฉัฐมงคล กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการก่อสร้างหอคอยนั้น ตามที่ได้ทำสัญญากับผู้รับเหมาไว้ มีกำหนดการที่จะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 24 เมษายน 2557 ซึ่งหากไม่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคแต่ประการใด ก็จะสามารถเปิดใช้ได้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ สำหรับ หอคอยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งในงบประมาณในการก่อสร้าง 65,000,000 บาท ถือว่าแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดศรีสะเกษ ที่ตนและผู้คณะกรรมการดำเนินงานในเรื่องนี้ มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองศรีสะเกษ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

สหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญจัดงาน “สหกรณ์ไทย รวมใจสู่อาเซียน ประจำปี 2556”

วันที่ 4 ก.ย. 56 เวลา 18.30 น. ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง  นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดงาน "สหกรณ์ไทย รวมใจสู่อาเซียนประจำปี 2556” โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่ความรู้ในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน การออกร้านจำหน่ายสินค้า จากกลุ่มเกษตรกร กลุ่มต่างๆภายในจังหวัดอำนาจเจริญและกลุ่มเกษตรกรจากทั่วทุกภาค ในประเทศ

จากนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ได้ให้ความสำคัญ ในเรื่องของประชาคมอาเซียน จึงได้สนับสนุนให้มีการจัดงาน  " สหกรณ์ไทย  รวมใจ สู่อาเซียน   ขั้น  เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม  สู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดยการเผยแพร่ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับ  10  ชาติในอาเซียน ให้กับกลุ่มเป้าหมาย  คือสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรและประชาชนทั่วไป การจัดงานในวันนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจ ให้กับขบวนการสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร  และกลุ่มอาชีพจากทั่วทุกภาคของประเทศ  เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มกันดำเนินการในระบบสหกรณ์ ภายใต้อุดมการณ์  คือการช่วยเหลือตัวเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ร่วมกันคิด ร่วมกันผลิต ร่วมกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์  เป็นการสร้างงานสร้างรายได้  และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน  ทำให้สามารถพึ่งพาตนเองได้                                                

นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า จังหวัดอำนาจเจริญพร้อมที่จะดำเนินงาน ตามนโยบายรัฐบาลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำประเทศไทย ไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนที่สมบูรณ์  ด้วยการสร้างความพร้อมและความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม  การเมืองและความมั่นคง  ได้กำหนดการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  เป็นวาระแห่งชาติ ขับเคลื่อนโดยมีคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ  เป็นกลไกระดับประเทศ  ในการประสานการดำเนินงานมีหน้าที่สำคัญในการผลักดัน  สนับสนุนส่วนราชการต่าง ๆ ในการดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่  ประคมอาเซียนอย่างสมบรูณ์  ในปี  2558  ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้




สุรพล บุตรวงศ์ / ข่าว