วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จับไม้พะยูงล็อดใหญ่ที่อำเภอสนม

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลาประมาณ 14.00 น. เศษ พ.ต.ท.คุราวุฒิ ใบลี  ตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.สนม ได้รับการประสานทางโทรศัพท์ จาก ร.ต.ต.ผจญ ขอจงดี  เจ้าหน้าที่ชุด ปทส. ว่าที่ร้านหนองระฆังเฟอร์นิเจอร์ รับซื้อ และรวบรวมไม้พยูงจากชาวบ้าน แต่ข้อมูลยังไม่แน่ชัด จะสืบสวนหาข่าวให้แน่ชัด แล้วจะขอกำลังสนับสนุน และขอกำลังจับกุม จนกระทั่งวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลาประมาณ 10.00 น. ก็ได้รับประสานอีกครั้ง จึงส่งกำลังเข้าพื้นที่ร่วมปฏิบัติกับชุด ปทส. เข้าจับกุมตามรายละเอียดดังนี้ คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปทส. โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพงศ์ ผกก.3 บก.ปทส. , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สนม จว.สุรินทร์ , นายวัชรินทร์ รัตนบรรณกิจ นายอำเภอสนม และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร 5 จว.สุรินทร์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมกันตรวจสอบโรงงานแปรรูปไม้เพื่อประดิษฐกรรม แลขที่ 176 หมู่ 4 ต.หนองระฆัง อ.สนม จ.สุรินทร์  ตามที่มีผู้แจ้งว่าที่โรงงานดังกล่าวมีการนำไม้ผิดกฏหมายเข้ามาในโรงงาน เข้าตรวจสอบพบนายปฏิมากร สระแก้ว อายุ 49 ปี อยู่ 15 หมู่ 4 ต.หนองระฆัง อ.สนม จ.สุรินทร์ แจ้งว่าเป็นผู้ดูแลกิจการ ส่วนเจ้าของ ชื่อ น.ส.กมลวรรณ  สุขจิต  ผู้รับอนุญาตซึ่งไม่อยู่ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน เพื่อขอทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอน ทะเบียน ตน 7065 กทม. ลักษณะมีโครงหลังคาทึบ ปิดท้ายด้วยกุญแจ พบนายสำรวย พลอาจ แสดงตัวเป็นเจ้าของรถ เจ้าหน้าที่สงสัยว่าน่าจะมีของผิดกฏหมายในรถ จึงแจ้งให้เจ้าของรถเปิดท้ายให้ พบไม้พะยูงท่อนบรรทุกอยู่เต็มกระบะ จึงได้ทำการตรวจวัดขนาด นับได้ 73 ท่อน ปริมาตร 1.17 ลูกบาศก์เมตร ไม้ที่พบลักษณะถากกลมทั้งใหม่ และเก่า ไม่พบรอยตราตีประทับ สอบถามนายสำรวยฯ แจ้งว่ารับจ้างขนไม้จาก น.ส.กมลวรรณฯ เจ้าของโรงงานไปส่งที่ อ.ประโคนชัย แต่ไม่มีเอกสารใดเกี่ยวกับไม้ จึงได้แจ้งข้อหา จับกุม นายสำรวยฯ ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูป โดยไม่มีรูปรอยตราค่าภาคหลวง"

จากนั้น ได้ตรวจสอบโรงงานผลการตรวจสอบดังนี้

ใบอนุญาตค้าไม้แปรรูปเล่มที่ 2438 ฉบับที่ 59 ชื่อ น.ส.กมลวรรณ สุขจิต  ใช้ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2557 , ตรวจพบสิ่งประดิษฐ์ และอายัดไว้จำนวน 99 ชิ้น , ไม้กระยาเลย จำนวน 20 ท่อน , พบไม้พะยูงแผ่นซุกซ่อนอยู่ในบ่อน้ำ จำนวน 6 แผ่น , ในเตาเผาถ่านพบไม้พะยูงท่อน/เหลี่ยม จำนวน 504 แผ่น รวมไม้พะยูงทั้งสิ้นรวม 548 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตรรวม 8.47 ลูกบาศก์เมตร เป็นเงินค่าภาคหลวง 716 บาท ไม้พะยูงที่ตรวจพบมีลักษณะใหม่ และสด ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน ไม่พบรอยตีตราประทับ ตรวจสอบแล้วไม่มีบัญชีรับไม้แปรรูปเข้าโรงงาน จึงแจ้ง น.ส.กมลวรรณ สุขจิต  ผู้รับใบอนุญาต ฐาน " ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยมิได้รับอนุญาต และมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ไว้ในครอบครองโดยไม่มีรูปรอยดวงตา ค่าภาคหลวง หรือรูปรอยดวงตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นผู้รับอนุญาตมีไม้ที่ไม่มีหลักฐานการได้มาไว้ในครอบครองในสถานที่รับอนุญาต " จึงควบคุมตัวนายสำรวยฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ร้อยตำรวจโทรังสรรค์  อุตราศรี  พนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษคดีอาญาที่ 48/2556
ยึดทรัพย์ลำดับที่ 14 ตามประจำวันข้อที่ 5 เวลา 19.30 น. ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2556 คดีอาญาที่ 49/2556
ยึดทรัพย์ลำดับที่ 15 ตามประจำวันข้อที่ 7 เวลา 20.10 น. ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2556

กระทรวงคมนาคม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา จัดเสวนาและนิทรรศการ “Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในภาพรวมเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. 2556-2563 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

กระทรวงคมนาคม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา จัดเสวนาและนิทรรศการ "Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในภาพรวมเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. 2556-2563 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

วันนี้ (6 มิ.ย. 56) เวลา10.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดนิทรรศการ "Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” และการเสวนา การขับเคลื่อนโคราชสู่มหานคร ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพลเอกพฤณท์ สุวรรณทัต นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงาน สังกัดระทรวงคมนาคม ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา / ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรท้องถิ่น นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และประชาชน ให้ความสนใจเข้าร่วมชมนิทรรศการและร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท จำนวนมาก สำหรับการเสวนาและนิทรรศการ "Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายนนี้ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ. 2556-2563 และโครงการต่างๆ ในแผนลงทุนฯ โดยเฉพาะโครงการด้านคมนาคมขนส่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร / โครงการรถไฟทางคู่สายมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ สายถนนจิระ – ขอนแก่น และสายชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี / โครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ / โครงการเร่งรัดก่อสร้างขยาย 4 ช่องจราจร โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางถนนด้วยรถ บรรทุกที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น ในส่วนการจัดแสดงนิทรรศการนั้นจะมีการจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 56 นี้

มหาสารคาม ประกวดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัด

คณะกรรมการคัดสรรหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง "อยู่เย็น เป็นสุข” จังหวัดมหาสารคาม ออกตรวจประเมินหมู่บ้านเพื่อคัดเป็นตัวแทนระดับจังหวัดไปประกวดในระดับภาค

นายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำคณะกรรมการคัดสรรหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง "อยู่เย็น เป็นสุข” และกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น ประจำปี 2556 จังหวัดมหาสารคาม ออกตรวจหมู่บ้านที่ผ่านการคัดสรรในระดับจังหวัด รอบที่ 2 เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับจังหวัดไปประกวดในระดับภาค ที่ดอนปู่ตา บ้านเปลือยทอง หมู่ที่ 14 ตำบลขามเฒ่าพัฒนา อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นหมู่บ้านผ่านการคัดสรรในรอบแรก โดยมี 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเปลือยทอง หมู่ที่ 14 ตำบลขามเฒ่าพัฒนา อำเภอกันทรวิชัย , บ้านหนองโก หมู่ที่ 6 ตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย , บ้านดงน้อย หมู่ที่ 4 ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน และบ้านแก่นเท่า หมู่ที่ 11 ตำบลโนนราศี อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม

นายหนูสิน ภูพันเดียว ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเปลือยทอง กล่าวว่า ตนได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวปรับใช้ในการดำเนินงาน โดยใช้แผนชุมชนเป็นเครื่องมือในการพัฒนาหมู่บ้าน และรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของหมู่บ้าน ค้นหาปัญหา สาเหตุของปัญหา แล้วจัดทำแผนชุมชนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพภายในที่สามารถต่อยอดพัฒนา ให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน มีการนำชาวบ้านไปศึกษาดูงานในสถานที่ต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในชุมชน มีการแบ่งที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านที่ขาดแคลนปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ ส่งเสริมพัฒนาอาชีพของกลุ่มต่างๆ ให้เป็นกลุ่มอาชีพที่เข้มแข็ง อาทิ กลุ่มอาชีพตีเหล็ก กลุ่มทำขนมถั่วตัด กลุ่มอาชีพแปรรูปปลา และกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์เสื่อกก ส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์วันละบาท กองทุนหมู่บ้าน มีการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบ มีการรณรงค์ลด ละ เลิก อบายมุข ส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็นธรรมนูญของหมู่บ้าน เช่น ห้ามทิ้งขยะลงในหนองคูและที่สาธารณะของหมู่บ้าน ฝ่าฝืนปรับ 200 บาท เป็นต้น

สำหรับหมู่บ้านเปลือยทอง หมู่ที่ 14 ตำบลขามเฒ่าพัฒนา อำเภอกันทรวิชัย เป็นหมู่บ้านขนาดกลาง มีพื้นที่ 643 ไร่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2538 ครั้งแรกมี 70 หลังคาเรือน ปัจจุบันมี 73 หลังคาเรือน มีประชากร 345 คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา รายได้เฉลี่ย 62,402 บาท/คน/ปี


 

ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว / ภาพ

กศน.มุกดาหารทำพีธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ศูนย์อาเซียนศึกษาในการเพิ่มขีดความสามารถสตรีด้านภาษา ร่วมกับภาคีเครือข่าย

วันนี้ (๖ มิ.ย. ๕๖) ที่ห้องประชุมโรงแรมพลอยพาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ศูนย์อาเซียนศึกษา ในการเพิ่มขีดความสามารถสตรีด้านภาษา ร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งการจัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษา จะสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลี่ยน เผยแพร่ข้อมูล ทั้งในด้านภาษา วัฒนธรรม ประเพณี สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และการท่องเที่ยว ในกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นทางเลือกของประชาชนโดยสามารถสืบหาข้อมูล ได้อีกช่องทางหนึ่ง

ในขณะที่ นางนลินี ศรีสารคาม จันทร์ตรี ผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษา ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ในเรื่องการพัฒนาศักยภาพสตรีในด้านภาษา ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มขีดความสามารถสตรี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี ๒๕๕๘ ด้วยการจัดกิจกรรมการการเรียนการสอนภาษาให้แก่สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในเรื่องของภาษา คือจัดการเรียนการสอนการจัดฝึกอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษ และภาษาเวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมเข้า สู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘

 

 สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารร่วมประชุมเครือข่ายประชาชน

วันนี้ (๖ มิ.ย. ๕๖) ณ ห้องประชุมโรงแรมมุกดาหารแกรนด์โฮเทล อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารพร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดร่วมให้การ ต้อนรับนางเตือนใจ สินธุวณิก ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต ๑๑ และคณะร่วมประชุมในโครงการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดมุกดาหาร

ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๑ ได้กล่าวว่า การจัดประชุมโครงการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดมุกดาหาร(ก.ธ.จ.มุกดาหาร)เพื่อสร้างเครือข่ายให้ความเข้มแข็งเปิด โอกาสให้เครือข่ายมีส่วนร่วมสอดส่องหน่วยงานของรัฐพื้นที่จังหวัดมุกดาหารใน การปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามหลักบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของ ก.ธ.จ.มุกดาหาร

 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดขอนแก่น เยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

วันนี้ (๖ มิ.ย. ๕๖) นายเซี่ย ฝู่เกิน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่นและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ที่ห้องปฏิบัติราชการผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายบุญยืน คำหงษ์ นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารพร้อมหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับ


 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

คณะกรรมการ ศพส.จ.มุกดาหารตรวจติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของ ศพส.อ.ในพื้นที่

วันนี้ (๖ มิ.ย. ๕๖) นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานตรวจติดตามผลการดำเนินงานของ ศพส.อ.หว้านใหญ่ร่วมกับคณะอนุกรรมการกำกับติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติดจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๖

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การออกตรวจผลการดำเนินงานในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนฯ ประจำปี ๒๕๕๖ ของ ศพส.จ.มุกดาหารเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคความคืบหน้าในการขับเคลื่อนนโยบาย ด้านการป้องกันและปราบปรามรวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์และกลไกตามนโยบายของรัฐบาลในขณะที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานแบบ บูรณาการเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรม

 

 สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหาร รณรงค์ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมปลูกป่าน้อมเกล้าฯถวาย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่อง การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่าโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านเกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าน้อมเกล้าฯถวายในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในท้องถิ่น ชุมชน และพื้นที่ป่าต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์โดยมีระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ รวมทั้งเป็นการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ประชาชนในทุก พื้นที่ ได้มีส่วนร่วมในการดูแลและบำรุงรักษาต้นไม้และพื้นที่ป่าด้วยจิตอาสา

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้ความสำคัญกับป่าไม้มาโดยตลอด กระทรวงมหาดไทยจึงร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง กรม และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ทุกจังหวัดและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมกันปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ด้วยการจัดให้มี "โครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี” ขึ้น

ทั้งนี้ขอเชิญทุกภาคส่วน ประชาชนทั่วไปในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมโครงการฯโดยสามารถขอรับการ สนับสนุนพันธุ์กล้าไม้ได้ที่ สถานีเพาะชำกล้าไม้มุกดาหาร หน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารหรือสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร โทร. ๐๔๒-๖๑๔๒๓๑




 สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ยโสธรออกหน่วยเคลื่อนที่ พอ.สว

จังหวัดยโสธรนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (พอ.สว.) ออกบริการประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ที่บ้านเหล่าน้อย หมู่ที่ 4 หมู่ ที่ 8 ตำบลค้อวัง อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร นายนิรันดร์ สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (พอ.สว) ออกให้ออกบริการประชาชน พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับราษฎรผู้มารอรับบริการ เช่น /มอบเบี้ยยังชีพแก่คนชรา/ มอบผ้าห่มกันหนาว/ ยารักษาโรค/ พันธุ์ปลา / และหน่วยงานราชการเปิดบูธบริการ เช่นทำหมันสุนัข/แมว พร้อมทั้งให้คำแนะนำปรึกษาปัญหาต่างๆ ด้านหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (พอ.สว.) เปิดให้บริการ ด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค บริการด้านทันตกรรม จังหวัดยโสธร ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาติ จากสมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนี ให้เป็นจังหวัด พอ.สว. เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ ในลำดับที่ ๔๑ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกลคมนาคม เหล่าพสกนิกรชาว บ้านเหล่าน้อย หมู่ที่ 4 หมู่ ที่ 8 ตำบลค้อวัง อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนี ที่พระองค์ทรงจัดตั้งมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ขึ้น ไว้ช่วยเหลือราษฎรในยามยากไร้

ประกาศหาบุคคลหาย

ประกาศติดตามบุคคลสูญหาย ชื่อ นายธนเดช ศิริจำปา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 ตำบลโพธาราม อำเภอ โพธาราม จังหวัดราชบุรี เลขบัตรประจำตัวประชาชน 3 7097 00098 40 8 เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2514 หมู่เลือดกรุ๊ปเอ ได้หายออกจากบ้านเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาโดย ติดตามเพื่อนไปต่างจังหวัดหากผู้ใดพบเห็น สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ประชาบดี 1300 จังหวัดราชบุรี ตลอด 24 ชั่วโมงบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดราชบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0 3233 8532 ได้ทุกวัน เวลาราชการหรือแจ้งโดยตรงที่ นางชูศรี ศิริจำปา (มารดา) หมายเลขโทรศัพท์ 08 6024 8802 หรือ 0 3235 6123 ข้อมูลประวัติส่วนตัวผู้สูญหายรูปร่าง ผอม ส่วนสูง 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 50 กิโลกรัม สีผิว ขาว ลักษณะผม ตรง (สั้น) สีผม ดำรูปหน้า เรียว ตำหนิ นิ้วนางข้างหนึ่งหายไปหนึ่งข้อ

ร้อยเอ็ด ร่วมกับกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี สำรวจพื้นที่ปลูก ดำเนินโครงการ "รวมใจภักดิ์ปลูกมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 6 มิถุนายน 2556 นายพศิน โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับ นายธงชัย สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ผู้ประสานงานด้านสื่อประชาสัมพันธ์ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรม ราชกุมารี ออกเดินทางสำรวจพื้นที่ "โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ)” ณ จังหวัดทหารบก จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นพื้นที่ ที่เหมาะสมมีการดำเนินโครงการตั้งแต่ ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นมา และมีพื้นที่เป็นจำนวนมากที่จะปลูกเพิ่ม, พื้นที่บริเวณคูเมืองร้อยเอ็ด เยื้องกับตลาดหนองแคน ซึ่งเป็นพื้นที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และพื้นที่ว่างบริเวณข้างบ้านพักนายอำเภอธวัชบุรี ที่ได้ดำเนิน โครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2554 นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
 
นายประทีป ฤทธิกุล นายอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า อำเภอธวัชบุรีได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2554 ในพื้นที่ว่างเปล่าใกล้บ้านพักนายอำเภอ ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต้นที่สมบูรณ์ที่สุดสูงเกิน 4 เมตร อัตราการรอดนับว่า 100 เปอร์เซ็นต์ และชาวอำเภอธวัชบุรีก็จะรักษาต้น "มเหสักข์-สักสยามมินทร์” ไว้คงอยู่เป็นสิริมงคลชั่วลูกหลานต่อไป
 
โครงการ "รวมใจภักดิ์ปลูกมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว " ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมถวายความจงรักภักดีเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัว "ผู้ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” และการกระตุ้นให้คนไทยเกิดจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรของชาติ อย่างยั่งยืน มีคุณธรรมโดยปลูกต้นมเหสักข์-สักสยามมินทร์เป็นจำนวน 8 ล้าน 8 แสนต้น ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อรักษา ต้นมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานต่อไป



คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ร้อยเอ็ด ร่วมกับกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี สำรวจพื้นที่ปลูก ดำเนินโครงการ "รวมใจภักดิ์ปลูกมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 6 มิถุนายน 2556 นายพศิน โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับ นายธงชัย สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ผู้ประสานงานด้านสื่อประชาสัมพันธ์ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรม ราชกุมารี ออกเดินทางสำรวจพื้นที่ "โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯสยามบรมราชกุมารี(อพ.สธ)” ณ จังหวัดทหารบก จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นพื้นที่ ที่เหมาะสมมีการดำเนินโครงการตั้งแต่ ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นมา และมีพื้นที่เป็นจำนวนมากที่จะปลูกเพิ่ม, พื้นที่บริเวณคูเมืองร้อยเอ็ด เยื้องกับตลาดหนองแคน ซึ่งเป็นพื้นที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และพื้นที่ว่างบริเวณข้างบ้านพักนายอำเภอธวัชบุรี ที่ได้ดำเนิน โครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2554 นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
 
นายประทีป ฤทธิกุล นายอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า อำเภอธวัชบุรีได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2554 ในพื้นที่ว่างเปล่าใกล้บ้านพักนายอำเภอ ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต้นที่สมบูรณ์ที่สุดสูงเกิน 4 เมตร อัตราการรอดนับว่า 100 เปอร์เซ็นต์ และชาวอำเภอธวัชบุรีก็จะรักษาต้น "มเหสักข์-สักสยามมินทร์” ไว้คงอยู่เป็นสิริมงคลชั่วลูกหลานต่อไป
 
โครงการ "รวมใจภักดิ์ปลูกมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว " ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมถวายความจงรักภักดีเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัว "ผู้ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” และการกระตุ้นให้คนไทยเกิดจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรของชาติ อย่างยั่งยืน มีคุณธรรมโดยปลูกต้นมเหสักข์-สักสยามมินทร์เป็นจำนวน 8 ล้าน 8 แสนต้น ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อรักษา ต้นมเหสักข์-สักสยามมินทร์ ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานต่อไป



คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง บก.ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117 

ร้อยเอ็ด มอบวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบวาตภัย อบต.รอบเมือง

จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด มอบวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบวาตภัย จำนวน 8 หมู่บ้าน 98 ครัวเรือน พื้นที่ อบต.รอบเมือง จ.ร้อยเอ็ด
 
เมื่อเวลา 15.30 น. (5 มิ.ย. 56) นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในการมอบมอบวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้าง ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน(วาตภัย) ณ อบต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยมี นายสุรพงษ์ สายโอภาส นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ดและนายมาโนช สาระโภค นายก อบต.รอบเมือง ร่วมให้การต้อนรับ การเกิดภัยพิบัติฉุกเฉิน(วาตภัย) ในครั้งนี้เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ในพื้นที่ อบต.รอบเมือง จำนวน 8 หมู่บ้าน 98 ครัวเรือน จากพื้นที่ ทั้งหมด 20 หมู่บ้าน ทำให้อาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ของราษฎรได้รับความเสียหาย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดร้อยเอ็ดได้สำรวจและจัดซื้อวัสดุฯ ดังกล่าว โดยเร่งด่วน
 
 วัสดุอุปกรณ์ ที่มอบในวันนี้ประกอบด้วย ราษฎรหมู่ที่ 7 จำนวน 13 ครัวเรือน ,หมู่ที่ 8 จำนวน 15 ครัวเรือน,หมู่ที่ 9 จำนวน 4 ครัวเรือน,หมู่ที่ 10 จำนวน 24 ครัวเรือน,หมู่ที่ 11 จำนวน 1 ครัวเรือน,หมู่ที่ 12 จำนวน 15 ครัวเรือน,หมู่ที่ 16 จำนวน 18 ครัวเรือน,หมู่ที่ 19 จำนวน 5 ครัวเรือน, เป็นสังกะสี จำนวน 911 แผ่นพร้อมตะปูสังกะสี 173 ถุง,ไม้ 223 แผ่นพร้อม ตะปู 31 ถุงและกระเบื้อง 434 แผ่น



คมกฤช พวงศรีเคน / ข่าว
กมลพร คำนึง บก.ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-517117

สื่อดี พื้นที่ดี สื่อสร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน ภาคตะวันออก

วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ โรงแรมธนาสิริ โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดสระแก้ว   นางสาววิชดา  นฤวรพัฒน์ นายกสมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อเด็ก  เยาวชนและครอบครัว ภาคตะวันออกร่วมกับ สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 7 สวท.ชลบุรี สวท.จันทบุรี สวท.ตราด สวท.สระแก้ว และเครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดต่างๆ  จัดเวทีพัฒนาตัวชี้วัดจังหวัด 3 ดี สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี "บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ชีวิตบูรณาการ ปูพื้น สร้างฐาน ประสานพลัง .... สู่เส้นทางขับเคลื่อน” 365 วันสื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี โดยมีนางสมพร มโนรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วและนางสาวศุภวรรณ  สัจจพงศ์ ผอ.สวท.สระแก้ว กล่าวต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมในวันนี้


โดยสมาคมสื่อสร้าสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว ภาคตะวันออก ได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน ภายใต้แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.)และการบูรณาการสื่อเด็กเยาวชนกับ การศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข คุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัย ตลอดจนการสร้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งมีการนำร่อง 5 จังหวัดได้แก่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราดและจ.สระแก้ว ในโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างและขยาย เครือข่าย "สื่อดี” ให้เข้าถึงเด็ก เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตผ่านสื่อ ตลอดทั้งมีการแลกเปลื่ยนการดำเนินงานและการเรียนรู้และสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กเยาวชนที่จะเป็นตัวเชื่อมโยงระบบนิเวศ ความมั่นคงของชีวิตและสังคมต่อไป

สระแก้วจัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก

ที่ บ้านแผ่นดินเย็น ต.แซร์ออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว นายชูศักดิ์  ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานในพิธีเปิดงานตามโครงการรณรงค์และสร้างจิตสำนึกด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว โดยกิจกรรมในวันนี้ได้เชิญชวนข้าราชการ หน่วยงาน ประ ชาชนและเยาวชนในพื้นที่ดังกล่าวร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นบริเวณนี้เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์มีเนื้อที่ 14 ไร่ 

นาย ชูศักดิ์  ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีและเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นการสนองแนวพระราชดำริฯที่พระองค์ห่วงใยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมมาตลอด อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ได้รู้จักรัก ต้นไม้และหวงแหนต้นไม้ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญต่อไปในอนาคต


นายพุฒิพงศ์  สุรพฤกษ์  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า  ด้วยวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปีได้ถูกกำหนดให้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกและคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันวิสาขบูชาเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และรัฐบาลได้มีนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำและโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว อบต.แซร์ออและสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี จึงได้จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้นมา เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติและสร้างจิตสำนึกด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   

ขอนแก่นบุกตรวจค้นหายาเสพติดในทันฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น

วันนี้ (3 พ.ค.) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ฝ่ายสืบสวน สภ.มืองขอนแก่น ตำรวจชุดปฏิบัติพิเศษ ภ.จว.ขอนแก่น ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 กองอาสารักษาดินแดน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย หมวดสุนัขสงคราม กก.ตชด. 23 สกลนคร กว่า 200 นาย ณ หน้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น เพื่อระดมกำลังตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด และเครื่องมือสื่อสาร ตามนโยบายจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท

โดย นายเกษม ธุวพาณิชยานันท์ ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ได้นำพา ผวจ.ขอนแก่น นายกำธร วิเชษฐพงษ์ หัวหน้าป้องกันจังหวัดขอนแก่น พ.ต.ท.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองขอนแก่น และกำลังเจ้าหน้าที่และสุนัขตำรวจ ไปตรวจค้นที่เรือนนอน 1 ผู้ต้องขัง 481 คน เรือนนอน 2 ผู้ต้องขัง 210 คน เรือนนอน 3 ผู้ต้องขัง 246 คน เรือนพยาบาล ผู้ต้องขัง 13 คน รวมยอดผู้ต้องขังยาเสพติดได้รับโทษคุมขังไม่เกิน 10 ปี จำนวน 950 คน

ในการตรวจค้น พบเจลหล่อลื่น หนังสือลามก หลอดพลาสติก ไบร์ท 10 อัน ไฟแช๊กแก๊ส 8 อัน หมึกสักยันต์ 11 หลอด ซ่อม 1 อัน มีดโกนหนวด 1 อัน กรรไกร 1 อัน ที่เย็บรองเท้า 1 อัน ยาแก้หวัด 1 ซอง ยาทาแผล 1 หลอด ซึ่งยังไม่ได้สรุปผลการตรวจสอบต้องรอสายๆ วันนี้ถึงจะทราบผลที่แน่นอน
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้ถือเป็นไปตามนโยบายปฏิบัติการต่อสู้เอาชนะยาเสพติดของ จังหวัดขอนแก่นเพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้หมดจากจังหวัดขอนแก่นเป็น ปฏิบัติการในการทำกระบวนการเรือนจำสีขาว ซึ่งขอนแก่นทำทั้งชุมชนสีขาว บ้านเรือนสีขาว โรงงานสีขาว โรงเรียนสีขาว โบสถ์ วัดสีขาว สถานบริการสีขาว นำผู้เสพผู้ติดเข้าอบรมเข้าบำบัดเพื่อให้กลับมาเป็นคนดีของสังคมและปราบปราม ผู้ค้าผู้ขายให้หมดไป

นอกจากนี้การสนธิกำลังจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เข้าตรวจค้นทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการตามนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยาเสพติดมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยผู้ค้ารายใหญ่ที่ถูกจับกุมและคุมขังอยู่ตามเรือนจำทั่วประเทศ ยังดำเนินการค้ายาเสพติดมีเครือข่ายอยู่ทั้งในและนอกเรือนจำ จังหวัดจึงต้องดำเนินการระดมกวาดล้างยาเสพติด โดยมุ่งไปที่ผู้เสพ และผู้ค้า ซึ่งหากจับกุมผู้เสพได้ให้ส่งตัวเข้ารับการบำบัด ส่วนผู้ค้าให้ดำเนินคดี ติดตามยึดทรัพย์ รวมถึงขยายผลไปยังต้นตอที่จำหน่าย ซึ่งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยอมรับว่ารับยาเสพติดมาจากเครือข่ายในเรือนจำ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากตรวจเรือนนอนในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นที่เป็นเรือนนอน และภายในบริเวณทัณฑสถานฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็ได้อบรมสร้างขวัญกำลังใจให้กับนัก โทษทุกคนที่อยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นกว่า 900 คนเพื่อให้ทุกคนสำนึกโดยยึดถือครอบครัวเป็นหลักอดทนเพื่อรอกลับไปอยู่กับ ครอบครัวและอยู่ในสังคมที่ดีไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป

จังหวัดชัยภูมิ จัดเวทีประชาเสวนาพูดจาหาทางออกประเทศไทย

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 อนุมัติโครงการจัดเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย ตามข้อเสนอของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ในประเด็นการส่งเสริมให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมได้เข้าใจ ถึงสาเหตุแห่งความขัดแย้ง และแนวทางในการสร้างความปรองดอง เพื่อมิให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งเวทีการพูดคุยดังกล่าว ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการปรองดองที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจ ร่วมกันของสังคม เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็น การหาทางออกประเทศไทย และหาข้อเสนอที่สร้างสรรค์ในการยุติความขัดแย้ง โดยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดเวทีเสวนา ดังกล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวต่อไปว่า สำหรับจังหวัดชัยภูมิ ได้กำหนดจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย จำนวน 2 รุ่น ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ โดยในรุ่นที่ 1 ดำเนินการในวันที่ 15 มิถุนายน 2556 ประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมายจากเขตเลือกตั้งที่ 1-4 จำนวน 800 คน และรุ่นที่ 2 ในวัน ที่ 16 มิถุนายน 2556 กลุ่มเป้าหมายในเขตเลือกตั้งที่ 5-7 จำนวน 600 คน ผู้เข้าร่วมเวทีเสวนามาจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ ได้แก่ ภาคเกษตร ภาคแรงงาน ช้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภาคอุตสาหกรรมเจ้าของธุรกิจผู้ประกอบการ แพทย์ พยาบาล นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ ผู้นำชุมชน องค์การภาคประชาชน ภาคการเมือง พระภิกษุ นักบวช ผู้นำศาสนา สื่อมวลขน และรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย โดยผู้ที่เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่สนใจเหตุการณ์บ้านเมืองและพร้อมที่ร่วมหาทางออกให้ประเทศไทยโดย สันติวิธี ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมเวทีเสวนาพูดจาหาทางออกประเทศไทยในครั้งนี้ สามารถสมัครได้ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ http://www.cpru.ac.th/

 

เพชรรินทร์ เขียวเขว้า
ส.ปชส.ชัยภูมิ...ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมสนับสนุนการจัดตั้งสมาคมฝรั่งเศสหลังหารือข้อราชการกับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้การต้อนรับฯพณฯดีแยรี วีโต เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทยและคณะ ในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดขอนแก่น ณ ห้องรับรองพงษ์พานิช ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดขอนแก่นร่วมให้การต้อนรับซึ่งการเดินทางมา ที่ภาคอีสานครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสหลังมารับตำแหน่ง ที่เมืองไทยโดยมาเยือน 3 จังหวัดคือ อุดร ขอนแก่น และ นครราชสีมา สำหรับขอนแก่นทางทูตฝรั่งเศสอยากให้จังหวัดขอนแก่นสนับสนุนการจัดตั้งสมาคม ฝรั่งเศสในจังหวัดขอนแก่นเพราะมีสถาบันการศึกษาที่มั่นคงและมีชื่อเสียงซึ่ง จังหวัดขอนแก่นพร้อมสนับสนุนรวมทั้งความร่วมมือเรื่องขอนแก่นเมืองผ้าไหม ส่วนฝรั่งเศสเป็นเมืองนักออกแบบซึ่งสามารถเชื่อมกันได้โดยทางทูตฝรั่งเศสก็ สนใจมาดูงานเทศกาลไหมนานาชาติที่จะจัดในช่วงงานเทศกาลไหมขอนแก่นในปลายปีนี้ ด้วยรวมทั้งสนใจเมืองขอนแก่นเพราะเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานและเป็นจุด ยุทธศาสตร์มีที่ตั้งอยู่ตรงกลางของอินโดจีนบนเส้นทางอีสเวสอิคลอโดมิ กครอลิดอร์ซึ่งในอนาคตหากโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลมีรถไฟความเร็วสูงผ่าน รวมทั้งรถไฟรางคู่ขอนแก่นจะมีความเจริญยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน       

อบต.นาเชือก อ.ยางตลาด เปิดโรงผลิตน้ำดื่มหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคน้ำที่สะอาด

องค์การบริหารส่วนตำบลนา เชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดโรงผลิตน้ำดื่มหมู่บ้านนาแกใต้ เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคน้ำดื่มที่สะอาด ราคาประหยัด และสร้างรายได้ให้กับหมู่บ้านด้วยการจำหน่ายน้ำดื่ม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 มิถุนายน 2556) นายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโรงผลิตน้ำดื่มหมู่บ้าน  บ้านนาแกใต้ หมู่ที่ 14 ตำบลนาเชือก   อำเภอยางตลาด  จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาเชือกได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้ง เพื่อเป็นการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค ให้ประชาชนในหมู่บ้านาแกใต้ และหมู่บ้านใกล้เคียงได้มีน้ำดื่มที่สะอาดบริโภค

นายทรงศักดิ์ ภูขามคม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเชือก กล่าวว่า โรงงานผลิตน้ำดื่มบ้านนาแกใต้ หมู่ที่ 14 ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 โดยองค์การบริหารส่วนตำบลนาเชือก ได้จัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างโรงผลิตน้ำดื่ม ในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 จำนวน 100,000.-บาท  (หนึ่งแสนบาทถ้วน) โดยใช้ศาลาประชาคมบ้านนาแกใต้ หมู่ที่ 14 เป็นสถานที่ตั้ง   สำหรับการจัดตั้งโรงผลิตน้ำดื่มแห่งนี้ก็เพื่อพัฒนาด้าน สาธารณูปโภค พี่น้องประชาชนบ้านนาแกใต้ ได้บริโภคน้ำดื่มที่สะอาด ราคาประหยัด และหมู่บ้านมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำดื่มอีกทางหนึ่งด้วย การใช้งานของโรงผลิตน้ำแห่งนี้เป็นลักษณะคล้ายตู้น้ำหยอดเหรียญนั่นเอง
 



ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

โรงเรียนกมลาไสยนำนักเรียนเข้าค่ายคุณธรรม จริยธรรม

โรงเรียนกมลาไสย ร่วมกับ ศูนย์เผยแผ่พุทธธรรม วัดประชานิยม จัดโครงการฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม สามารถเอาหลักธรรมคำสอนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

วันนี้ 6 มิถุนายน 2556 ที่วัดประชานิยม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม นักเรียนและครูโรงเรียน กมลาไสย รุ่น 6 ซึ่งโรงเรียนกมลาไสย ร่วมกับ ศูนย์เผยแผ่พุทธธรรม วัดประชานิยมจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 6 - 7 มิถุนายน 2556 เพื่อเป็นการพัฒนาจิตและปลูกฝังนักเรียนให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และเพื่อเป็นการ ฝึกจิตใจให้นักเรียนมีสติรู้เท่าทันอารมณ์ รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ แสดงออกทางด้านอารมณ์ และประพฤติตนอย่างเหมาะสม สามารถเอาหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยตลอดทั้ง 2 วัน 1 คืน จะเน้นให้นักเรียน ชั้น ม.6 โรงเรียนกมลาไสย จำนวน 300 คน ที่เข้าร่วมโครงการได้ฝึกปฏิบัติตนตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมต่อไป
 



สุวรรณ์ ศรีอาภรณ์ ข่าว / ภาพ