วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

กกต.ยโสธร เตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวน 43 แห่งในเดือนตุลาคม นี้

นายนเรศ สุวรรณกูฏ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า กกต.ยโสธร ได้จัดทำแผนการเลือกตั้งท้องถิ่น ในปี 2556 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพร้อมทั้งกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการจัดการเลือกตั้งไว้แล้ว โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง โดยการควบคุมดูแลของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานให้มีความรู้ ความเข้าใจ ถึงบทบาทหน้าที่ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง และมติของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้อง จ.ยโสธร ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 5 กันยายน 2556 ประกอบด้วย อ.เมืองยโสธร ครบวาระ 7 แห่ง มี อบต.ขุมเงิน ดู่ทุ่ง ทุ่งนางโอก สิงห์ หนองคู หนองเรือ ขั้นไดใหญ่ อ.เลิงนกทา ครบวาระ 2 แห่ง มี อบต.สร้างมิ่ง สามแยก อ.มหาชนะชัย ครบวาระ 10 แห่ง มี อบต.คูเมือง โนนทราย บากเรือ บึงแก ผือฮี พระเสาร์ ฟ้าหยาด ม่วง สงยาง หัวเมือง อ.ป่าติ้ว ครบวาระ1 แห่ง มี อบต.เชียงเพ็ง อ.ไทยเจริญ ครบวาระ 3 แห่ง มี อบต.คำไผ่ ไทยเจริญ ส้มผ่อ อ.ทรายมูล ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.ดงมะไฟ ดู่ลาด ทรายมูล ไผ่ อ.คำเขื่อนแก้ว ครบวาระ3 แห่ง อบต.ดงเจริญ นาคำ โพนทัน อ.ค้อวัง ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.กุดน้ำใส ค้อวัง น้ำอ้อม ฟ้าห่วน และอำเภอกุดชุม ครบวาระ 9 แห่ง มี อบต.กำแมด กุดชุม คำน้ำสร้าง นาโส่ โนนเปือย โพนงาม หนองหมี หนองแหน ห้วยแก้ง ซึ่งกำหนดให้มีการเลือกตั้งพร้อมกันในวันที่ 20 ตุลาคม 2556 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยโสธร ได้ดำเนินการจัดอบรมเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ กกต.ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น ลูกเสืออาสา กกต.เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ค่ายเยาวชนอาสาพัฒนาประชาธิปไตย สภาเด็กและเยาวชน ดีเจชุมชนประชาธิปไตยเป็นต้น โดยจะมีการจัดประชุมเชื่อมโยงเครือข่ายการดำเนินกิจกรรมชุมชนประชาธิปไตย ในวันที่ 17 กันยายน 2556 ณ โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค จังหวัดยโสธร เพื่อร่วมรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ขอประกาศเป็นชุมชนประชาธิปไตย และสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น จังหวัดยโสธร กรณีครบวาระ ปี พ.ศ. 2556



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 9 กันยายน 2556

จังหวัดยโสธรจัดอบรมเชิงปฏิบัติการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดและยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 กันยายน 2556 ที่โรงแรม เจ.พี เอ็มเมอรัลด์ จังหัดยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานพร้อมบรรยายพิเศษ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดและยุทธศาสตร์จังหวัด และการจัดทำดัชนีชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดยโสธร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดบริหารราชการส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการจัดทำแผนของหน่วยงานผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 240 คน

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการจัดทำตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดให้เป็นมาตรฐานระดับเดียวกัน เพื่อให้จังหวัดนำตัวชี้วัดไปวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาที่แท้จริงของจังหวัด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาจังหวัด เพื่อใช้ประกอบการทบทวนยุทธศาสตร์จังหวัด และเพื่อให้กระทรวง กรม พิจารณาจัดทำตัวชี้วัดระดับประเทศ กลุ่มจังหวัด และจังหวัดสามารถนำตัวชี้วัด ในการวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาของจังหวัดได้ ส่วนประโยชน์ต่อการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ ,สร้างโอกาสบนความเสมอภาคและเท่าเทียมกันในสังคม เช่นความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ,การเติบโตบนคุณภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 9 กันยายน 2556

จังหวัดยโสธรเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา

นายบุญศรี อ่อนละออ เกษตรจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอทั้ง 9 อำเภอ ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร เพื่อชี้แจงการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ซึ่งจังหวัดยโสธรมีเกษตรกรที่ปลูกยางพาราทุกอำเภอ รวม 8,362 ราย พื้นที่ 92,228 ไร่ และมีพื้นที่เปิดกรีดยางพารารวม 25,911 ไร่ การรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา จะมี 3 ขั้นตอน คือ การรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ,การตรวจสอบพื้นที่ และการออกใบรับรองเกษตรกร โดยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. มีสัญชาติไทย

2. เป็นหัวหน้าครอบครัวและขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่สามารถมาขึ้นทะเบียนได้ด้วยตนเองให้มอบอำนาจให้สมาชิกในครัวเรือน

3. เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราตั้งแต่ 1 ไร่ ขึ้นไป

4. เกษตรกรต้องเดินทางมายืนยันหรือแจ้งขึ้นทะเบียนด้วยตัวเอง ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่เป็นที่ตั้งแปลงปลูก ระหว่างวันที่ 4 – 30 กันยายน 2556 หรือขอทราบรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร โทร.045-773020



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 9 กันยายน 2556

จังหวัดยโสธรเร่งขับเคลื่อนนโยบาย Smart Farmer

นายบุญศรี อ่อนละออ เกษตรจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร และสำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย Smart Farmer โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคัดเลือกเกษตรปราดเปรื่องจากอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) จำนวน 885 หมู่บ้าน เพื่อคัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมและมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับเป็น Smart Farmer

Smart Farmer คือ เกษตรกรที่มีความรู้ในเรื่องที่ทำอยู่ มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มีความตระหนักถึงคุณภาพสินค้าและความปลอดภัยของผู้บริโภค มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม/สังคม มีความภูมิใจในความเป็นเกษตรกร โดยให้คัดเลือกเกษตรกรต้นแบบจากอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ซึ่งมีเกษตรกรบางส่วนที่เป็นตัวแทนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งวิธีการคัดกรองเกษตรกรปราดเปรื่องด้านเกษตรสามารถแบ่งเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1) Smart Farmer ต้นบบ คือ เกษตรกรที่มีคุณสมบัติครบและมีรายได้เฉลี่ย 180,000 บาท/ปี

2) Existing Smart Farmer เกษตรกรที่มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนดแต่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นเกษตรกรต้นแบบได้

3) Developing Smart Farmer เกษตรกรที่มีคุณสมบัติทึ่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 9 กันยายน 2556

ร้อยเอ็ด รวมพลังทุกภาคส่วนเอาชนะไข้เลือดออกหลังพบผู้ป่วยมากกว่าปีที่ผ่านมา 3.7 เท่า

วันนี้ (9 ก.ย. 56)  เวลา 14.00 น.  นายธัชชัย  สีสุวรรณ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมร่วม คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการรวมพลังเอาชนะไข้เลือดออกจังหวัดร้อยเอ็ด  ณ ห้องประชุมแก้วมุกดาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายแพทย์สุระวิเศษศักดิ์นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวรายงานว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกของประเทศไทยปี2556  ยังพบการระบาดอย่างรุนแรงข้อมูลตั้งแต่1 มกราคม 2556 - 27สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วย 109,468 ราย 102 รายมากกว่าปีที่ผ่านมาช่วงเวลาเดียวกัน 3เท่า  รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์"รวมพลังเอาชนะไข้เลือดออก" ด้วยการระดมทุกภาคส่วนต่อสู้กับปัญหาไข้เลือดออก โดยยึดอำเภอเป็นฐานดำเนินการจัดการลูกน้ำยุงลายและยุงตัวแก่กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์เป็นเวลาแปดสัปดาห์พร้อมกันทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ป่วยใหม่ลดลงเริ่มตั้งแต่15สิงหาคม-16ตุลาคม2556  สถานการณ์ไข้เลือดออกจังหวัดร้อยเอ็ดตั้งแต่ 1 มกราคม 2556 - 27สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วย จำนวน 3,408 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต  อัตราป่วยเท่ากับ 261.14 ต่อแสนประชากรมีผู้ป่วยสูงอยู่ในอันดับ 6ของประเทศ ลำดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากจังหวัดเลย  มากกว่าค่ามาตรฐานช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา 3.70 เท่า  พบมากที่สุดในกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 5-14ปี อำเภอที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา คือ  อ.เมืองร้อยเอ็ด110ราย, อ.จตุรพัตรพิมาน 71 ราย อ.ธวัชบุรี 64 ราย  อ.โพนทอง60ราย และ

อ.เกษตรวิสัย45ราย มาตรการป้องกันขณะนี้ได้ป้องกันโดยการพ่นสารเคมีทุกวันที่ 7 ของเดือน และการสะสางการทำลายขยะ ภาชนะ ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในบ้านรอบบ้าน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก  โรงพยาบาล วัด ส่วนราชการรวมถึงพื้นที่สาธารณะ  ให้ อสม.เยี่ยมบ้าน  กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน กระชับเตือนชาวบ้านอย่างจริงจัง

นายธัชชัย  สีสุวรรณ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างจริงจังโดยเฉพาะผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น  ผู้นำชุมชน อสม. ต้องติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดและร่วมรณรงค์กันอย่างจัง เพื่อเอาชนะไข้เลือดออก ให้ได้



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ดเกมส์โคราชยังครอง เจ้าเหรียญทอง นำ 58 เจ้าภาพมี 10 เหรียญทอง เสมออุดรฯ

เมื่อเช้าวันนี้ (9 กันยายน 2556) ณ ศูนย์บริการสื่อมวลชน สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด ตำบลเหนือเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด นายปราโมทย์ เอกก้านตรง ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  และนางสาวกัญธนา บอนด์ พิธีกร ร่วมแถลงข่าวผลการแข่งขันร้อยเอ็ดเกมส์ แข่งขันระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 วันที่ เจ็ด วันที่ 8 กันยายน 2556 เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนภาค3 จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นปีหน้า

การแข่งขันกีฬาร้อยเอ็ดเกมส์ วันที่ เจ็ด วันที่ 8 กันยายน 2556 มีการแข่งขันกีฬา 27 ประเภท มี 21ประเภทแข่งขันในจังหวัดร้อยเอ็ด มี 6 ประเภทแข่งต่างจังหวัด ผลการแข่งขันที่รับรายงาน ประเภท บาสเกตบอล   ชาย นครราชสีมา ชนะเลย 20:0, มุกดาหาร ชนะ มหาสารคาม 60:61, นครพนม ชนะ หนองคาย 55:38, ขอนแก่น ชนะ  ยโสธร 77:34, ประเภท ฟุตบอล รอบก่อนรองชนะเลิศ  จำนวน 4 คู่  คู่ที่ 1    ระหว่างบุรีรัมย์ VS สุรินทร์ ปรากฏว่าเสมอกัน 2:2 ยิงลูกโทษ บุรีรัมย์ ชนะ 6 ต่อ 4, คู่ที่ 2 ขอนแก่น VS ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ขอนแก่นชนะ 4 ต่อ 1, คู่ที่ 3 นครราชสีมา  VS ร้อยเอ็ด ปรากฏว่า นครราชสีมา ชนะ 2 ต่อ 1 และ หนองคาย  VS อุดรธานี ปรากฏว่า หนองคาย ชนะ 2 ต่อ 0 , ทีมที่ชนะทั้ง 4 ทีม จะเข้าแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 10 กันยายน 2556 คู่ที่ 1 ระหว่าง บุรีรัมย์ VS นครราชสีมา เวลา 14.00 น. ,คู่ที่ 2 ระหว่าง   ขอนแก่น  VS หนองคาย  เวลา 16.00 น. ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งสองคู่

 ประเภทวอลเลย์บอลในร่ม ชาย   สกลนคร ชนะ หนองคาย 3:0, ,หญิง ขอนแก่น   ชนะ กาฬสินธุ์ 3:0 , ชาย ร้อยเอ็ด ชนะ ศรีษะเกษ 3:1, ขอนแก่น   ชนะ กาฬสินธุ์ 3:0,ประเภทวอลเลย์บอลชายหาดชาย นครพนม1 แพ้ ร้อยเอ็ด 0:2,ชาย ร้อยเอ็ด1 ชนะ อุดรธานี1 2:0, หญิง ร้อยเอ็ด2 ชนะ ร้อยเอ็ด1 2:0,หญิง กาฬสินธุ์2 แพ้ มหาสารคาม1 0:2,หญิง กาฬสินธุ์1 ชนะ มหาสารคาม2 2:0,

สรุปเหรียญการแข่งขัน นครราชสีมา 58 ทอง 33 เงิน 14 ทองแดง รวม 105 เหรียญ
อุบลราชธานี 28 ทอง 14 เงิน 20 ทองแดง รวม 62 เหรียญ
ศรีสะเกษ 15 ทอง 17 เงิน 14 ทองแดง รวม 46 เหรียญ
ขอนแก่น 15 ทอง 25 เงิน 28 ทองแดง รวม 68 เหรียญ
ร้อยเอ็ด 10 ทอง 5 เงิน 4 ทองแดง รวม 19  เหรียญ
มหาสารคาม 17 ทอง 19 เงิน 9 ทองแดง รวม 45 เหรียญ
อำนาจเจริญ รวม 8 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง รวม 20 เหรียญ
สกลนคร 7 ทอง 3 เงิน 7 ทองแดง รวม 17 เหรียญ
อุดรธานี 10ทอง 13 เงิน 13 ทองแดง รวม 36 เหรียญ
สุรินทร์ 7 ทอง 11 เงิน 10 ทองแดง รวม 28 เหรียญ
เลย 6 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง รวม 8 เหรียญ
หนองคาย 6ทอง 7 เงิน 2 ทองแดง รวม 15 เหรียญ
ชัยภูมิ 2 ทอง 4 เงิน 5 ทองแดง รวม 11 เหรียญ
ยโสธร 1 ทอง 8 เงิน 15 ทองแดง รวม 24 เหรียญ
บุรีรัมย์ 2 ทอง 6 เงิน 7 ทองแดง รวม 15 เหรียญ
บึงกาฬ 2 ทอง 1 เงิน 4 ทองแดง รวม 7 เหรียญ
หนองบัวลำภู 4 เงิน 4 ทองแดง รวม 8 เหรียญ
นครพนม  4 ทอง 6 เงิน 5 ทองแดง รวม 15 เหรียญ
มุกดาหาร 2 ทอง 1 เงิน 0 ทองแดง..




คมกฤช  พวงศรีเคน/ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
9 ก.ย. 58

เทควัดโดร้อยเอ็ด แชมป์ ห้าเหรียญทอง เป็นตัวแทนภาค 3 เข้าชิงสุพรรณบุรีเกมส์

ครูผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควัดโด  เผยนักกีฬาเทควัดโดร้อยเอ็ด ได้แชมป์ กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 "ร้อยเอ็ดเกมส์” ตัวแทนภาค 3 เตรียมเข้าชิงการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ "สุพรรณบุรีเกมส์” ต้นปีหน้า

นายศักดิ์เดชน์  เศษฐนันนท์   ครูผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควัดโด  โรงเรียนกีฬาท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด  ระบุว่าการแข่งขัน กีฬาเทควัดโด ในการแห่งชาติครั้งที่ 42 ตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์” รอบชิงชนะเลิศ   ในวันที่ 8 กันยายน 2556 ณ สนามวิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ด ผลปรากฏว่านักกีฬาเทควัดโดรร้อยเอ็ด ได้แชมป์ 5 เหรียญทอง เป็นลูกหลานชาวร้อยเอ็ด ได้แก่ 1.นายทอแสง เทียนรัตนโสภณ  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย และอีก 4 เหรียญทองจากโรงเรียนกีฬาท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ดได้แก่ 1.นายสุนทร นุชิตภาพ 2.เด็กหญิงรัชนีกร  สูนประหัต 3.นายธนากร สีลา 4. นางสาวกุลธิดา  บุญสาร  รวม 5 เหรียญทอง  นอกจากนี้นักกีฬาเทควัดโดจากโรงเรียนกีฬาท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด ยังได้อีก 2 เหรียญเงิน ได้แก่.นางสาวศุภกาญจน์  โปรดบำรุง และนายเขวัน   ทะเฮรี  นักกีฬาที่ได้แชมป์เหรียญทองจะได้เป็นตัวแทนภาค 3 จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต้นปีหน้า อย่างแน่นอน

ส่วนผลการแข่งขันฟุตบอลรอบก่อนรองชนะเลิศ  จำนวน 4 คู่  คู่ที่ 1    ระหว่างบุรีรัมย์ VS สุรินทร์ ปรากฏว่าเสมอกัน 2:2 ยิงลูกโทษ บุรีรัมย์ ชนะ 6 ต่อ 4, คู่ที่ 2 ขอนแก่น VS ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ขอนแก่นชนะ 4 ต่อ 1, คู่ที่ 3 นครราชสีมา  VS ร้อยเอ็ด ปรากฏว่า นครราชสีมา ชนะ 2 ต่อ 1 และ หนองคาย  VS อุดรธานี ปรากฏว่า หนองคาย ชนะ 2 ต่อ 0 , ทีมที่ชนะทั้ง 4 ทีม จะเข้าแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 10 กันยายน 2556 คู่ที่ 1 ระหว่าง บุรีรัมย์ VS นครราชสีมา เวลา 14.00 น. ,คู่ที่ 2 ระหว่าง   ขอนแก่น  VS หนองคาย  เวลา 16.00 น. ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งสองคู่  ขอเชิญท่านที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลร่วมรับชมได้ในวันและเวลา ดังกล่าว




คมกฤช  พวงศรีเคน  / ข่าว
กมลพร  คำนึง  / บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-52717
9 ก.ย. 56

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี แถลงข่าวมหกรรมพลังเยาวชนพลังท้องถิ่น “พลังเด็กเปลี่ยนโลก” จังหวัดอุบลราชธานี

(9 ก.ย. 56 ) ที่ห้องประชุมโกมุทมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีนางนภา ศกุนตนาค รองผุ้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ร่วมแถลงข่าวมหกรรมพลังเยาวชนพลังท้องถิ่น "พลังเด็กเปลี่ยนโลก” จังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักบริการวิชาการชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายการทำงานด้านเด็กและเยาวชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดขึ้น เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการระดับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)การจัดมหกรรมพลังเยาวชนพลังท้องถิ่น "พลังเด็กเปลี่ยนโลก” จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการนำเสนอสรุปผลงานในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน จากจตุภาคี 4 คือ จังหวัด อุบลราชธานี ศรีษะเกษ -ยโสธร และจังหวัดอำนาจเจริญ และ การปาฐกถาพิเศษ กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลุ่มย่อย และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม นอกจากนี้ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินดารา การแสดงจากเยาวชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งงานมหกรรมดังกล่าว จัดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ประชุมเตรียมจัดงานสดุดีท้าวคำผง

( 9 ก.ย. 56 ) ที่ห้องประชุมเพชร ชั้น 2 อาคาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี นายสมบูรณ์ โอฬารกิจเจริญ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานประชุม ปราชญ์เมืองอุบลฯ คณาจารย์ คณะกรรมการจัดงานพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ประจำปี 2556 และงานวันรำลึกแห่งความดี เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ระหว่างวันที่ 9 – 10 พฤศจิกายน 2556 ณ อนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) บริเวณทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ ประชาชน ทุกภาคส่วนในจังหวัดอุบลราชธานีได้รำลึกถึงพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ผู้ก่อตั้งจังหวัดอุบลราชธานี และมีความเจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดจนเผยแพร่เกียรติคุณผู้เสริมสร้างความรักและภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง โดยภายในงานวันที่ 10 พฤศจิกายน 2556 มีกิจกรรมมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีสักการะบูชาพระเจ้าใหญ่องค์หลวง พิธีบวงสรวงและอัญเชิญดวงวิญญาณเจ้าคำผง ขบวนแห่สดุดีวีรกรรม พิธีวางขันหมากเบ็ง การแสดงสมโภช และการแสดงนิทรรศการต่างๆ นอกจากนี้จะมีการจัดงานวันรำลึกแห่งความดี วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์แห่งความดี ในโอกาสนี้ ขอเชิญลูกหลานชาวอุบลราชธานี ร่วมสดุดี รำลึกถึงคุณงามความดี และสืบสานธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีสืบต่อไป



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

คณะกรรมการตรวจประเมิน 5 ส. จังหวัดมหาสารคาม ตรวจผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ

คณะกรรมการตรวจประเมินผลโครงการสำนักงานน่าอยู่โดยหลักการ 5 ส. ออกตรวจประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการ หวังส่งเสริมการปรับสภาพแวดล้อมให้สถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ กำหนดประกาศและมอบรางวัลในวันประชุมส่วนราชการเดือนกันยายน นี้

นายณัฐชัย โง้วศิลปศาสตร์ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ สำนักงานจังหวัดมหาสารคาม นำคณะกรรมการตรวจประเมินผลโครงการสำนักงานน่าอยู่โดยหลักการ 5 ส. จังหวัดมหาสารคาม ออกตรวจประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งที่ตั้งอยู่ภายในศาลากลางและหน่วยงานที่มีสำนักงานอยู่ภายนอก หลังจากที่จังหวัดมหาสารคาม ได้ประกาศเชิญชวนให้ทุกส่วนราชการร่วมโครงการ พร้อมจัดกิจกรรม 5 ส. Big Cleaning Day ไปแล้วเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้มีการปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้น่าอยู่ น่าทำงาน ส่งเสริมกระบวนการการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกระดับ ทำให้บุคลากรมีคุณภาพ มีความรู้ ความเข้าใจ มีวินัยในการปฏิบัติงาน อันจะเป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ

สำหรับเกณฑ์การประเมินตามโครงการสำนักงานน่าอยู่โดยหลักการ 5 ส. จังหวัดมหาสารคาม จะเน้นการทำงานด้วยหลักการ 5 ส. คือ สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน สร้างวินัย โดยกำหนดมอบโล่และเกียรติบัตรหน่วยงานที่มีผลงานดีเยี่ยมและดีเด่น ทั้งที่มีที่ตั้งในศาลากลางจังหวัดและภายนอก ในวันประชุมส่วนราชการประจำเดือนกันยายน นี้



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดมหาสารคาม พร้อมทำความดี บริการสังคม

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ปิดการอบรมโครงการสุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ปี 2556 ขณะที่เยาวชนกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทำความดี จัดตั้งเป็นกลุ่มเยาวชนอาสาพลังแผ่นดินเพื่อทำกิจกรรมบริการสังคม

ที่หอประชุมวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีจังหวัดมหาสารคาม  พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เยาวชนผู้ผ่านการอบรมตามโครงการสุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ปี 2556 ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในแผนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ในแผนงานที่ ๓ การสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด ของตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม โดยกำหนดจัดอบรมระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม – 8 กันยายน 2556 มีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 50 คน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนกลุ่มเสี่ยงให้เป็นพลังในการพัฒนาสร้างสรรค์สังคม ส่งเสริมกลุ่มเยาวชนให้ทำกิจกรรมบริการสังคม และพัฒนาชุมชน

ด้านเยาวชนที่เข้ารับการอบรมในค่าย สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ปี 2556 จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า พร้อมที่ปรับเปลี่ยนตนเองโดยไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด นำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว และพร้อมที่จะร่วมเป็นกลุ่มเยาวชนอาสาพลังแผ่นดินเพื่อทำกิจกรรมบริการสังคมต่อไป




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

รายงานพิเศษ....มหาสารคามกำหนดพื้นที่อำเภอชื่นชมเป็นเกษตรโซนนิ่ง ดันอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้เกษตรกร

ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม ปี 2557 ได้ปรับพื้นที่เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยกำหนดพื้นที่บางส่วนกว่า 6,000 ไร่ ในเขตอำเภอชื่นชม เป็นเกษตรโซนนิ่ง เน้นการปลูกอ้อยป้อนโรงงาน สร้างรายได้ ปรับพื้นฐานด้านเศรษฐกิจให้เกษตรกร…ติดตามได้จากรายงาน

จากนโยบายการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมหรือเกษตรโซนนิ่ง ที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการจัดระเบียบพื้นที่ทางการเกษตรที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมบูรณาการกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ และภาคอุตสาหกรรม ในการพัฒนาศักยภาพพื้นที่ที่ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แต่ได้ผลผลิตต่ำ ได้ปรับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ สำหรับจังหวัดมหาสารคาม จากการสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวทั้งจังหวัดพบว่า มีประมาณกว่า 2 ล้านไร่ แต่สามารถปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพอยู่เพียง 1 ล้านไร่เศษ ส่วนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการปลูก เช่น เป็นพื้นที่นาดอน มีดินปนทราย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3 แสนไร่ ดังนั้น จังหวัดมหาสารคาม จึงได้วางแนวทางในการปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ปี 2557 ในด้านการเกษตร ด้วยการปรับพื้นที่กว่า 3 แสนไร่ดังกล่าว หันไปปลูกพืชทางเลือกอื่นทดแทน

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ในการปรับพื้นที่เพื่อหันไปปลูกพืชทางเลือก เป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต จากที่เคยปลูกข้าว ให้หันมาปลูกพืชเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นการปลูกอ้อย ป้อนโรงงาน ซึ่งทางจังหวัดจะได้สำรวจและส่งเสริมเกษตรกรต่อไป

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกข้าวให้ได้คุณภาพได้นั้น จังหวัดมหาสารคาม ได้กำหนดพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 6,000 ไร่ ของอำเภอชื่นชม ส่งเสริมให้มีการปลูกอ้อย เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกอ้อยที่ได้คุณภาพดีอยู่แล้ว อีกทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่มีประสบการณ์ และจังหวัดได้จัดหาแหล่งกระจายผลผลิตเข้าสู่โรงงานน้ำตาลทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงไว้แล้ว เชื่อมั่นว่าการปลูกอ้อยป้อนโรงงานจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้จะกำหนดพื้นที่เกษตรกรรมหรือเกษตรโซนนิ่งในการปลูกอ้อยทดแทนบางส่วน แต่สำหรับการปลูกข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ จังหวัดมหาสารคาม ยังมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องโดยเน้นการปรับเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรให้สามารถปลูกข้าวพันธุ์ดี มีคุณภาพ ขายได้ราคาสูง เป็นที่ต้องการของตลาด




ชนกพร โพธิสาร สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม.../รายงาน

ประกาศผลการคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ จังหวัดมหาสารคาม ปี 2556

คณะกรรมการการคัดเลือกพ่อตัวอย่างจังหวัดมหาสารคาม ปี 2556 ประกาศผลการคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ โดยพิจารณาคัดเลือกพ่อตัวอย่างที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดที่ เพื่อเข้ารับ เกียรติบัตรจากผู้แทนพระองค์ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ อาคารใหม่สวนอัมพร กรุงเทพฯ

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่จังหวัดมหาสารคาม ได้แจ้งให้ส่วนราชการ หน่วยงาน และอำเภอ พิจารณาคัดเลือกพ่อตัวอย่างที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่งประวัติให้คณะกรมการคัดเลือกพ่อตัวอย่างจังหวัดมหาสารคาม ปี 2556 ได้พิจารณาคัดเลือก โดยคุณสมบัติของพ่อตัวอย่างมีเกณฑ์พิจารณาทั้งหมด 12 ข้อ คือ มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ , มีความเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย , ต้องมีอายุตังแต่ 50 ปี ขึ้นไป , มีภรรยาคนเดียว จำนวนบุตร - ธิดาไม่จำกัด , เป็นครอบครัวที่อยู่รวมกันอย่างสันติ ไม่แตกแยก , ส่งบุตร – ธิดา ให้ได้รับการศึกษาไม่ทอดทิ้ง , บุตร – ธิดา ประกอบอาชีพสุจริต , เป็นผู้มีความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม , เป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมอันดี , ไม่เคยต้องโทษทางคดีอาญา (ยกเว้นลหุโทษ) ,ประกอบสัมมาชีพโดยสุจริตเป็นหลักฐาน , ไม่เป็นผู้มัวเมาการพนัน และลุ่มหลงในอบายมุข , ไม่เป็นผู้ที่ดื่มสุราเป็นอาจิณ

ผลการพิจารณาปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพ่อตัวอย่างจังหวัดมหาสารคาม ปี 2556 สมควรได้รับเกียรติบัตรเป็นพ่อตัวอย่างจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายสมบัติ ทองไกรรัตน์ อายุ 75 ปี อาชีพค้าขาย หมู่ 1 ตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย และ นายสมชาย วงศ์เกษม อายุ 66 ปี รับราชการตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นพ่อตัวอย่างจังหวัดมหาสารคาม ปี 2556 จะได้เข้ารับเกียรติบัตรจากผู้แทนพระองค์ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ อาคารใหม่สวนอัมพร กรุงเทพมหานคร



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

แผนชุมชน จาก 407 หมู่บ้าน ได้รับการรับรองเป็นแผนชุมชนคุณภาพของจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2556

เช้าวันนี้ (9 กันยายน 2556) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานแผนชุมชนและคณะทำงานประเมินมาตรฐานแผนชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2556 ซึ่งการประเมินรับรองในปีนี้ผ่าน 407 หมู่บ้าน

นายดำรง โคตรพัฒน์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนและจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการส่งเสริมให้ทุกชุมชน หมู่บ้าน มีการจัดทำแผนชุมชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 คลอบคลุมทุกหมู่บ้าน ชุมชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2553, 2554, 2555 จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เปิดรับสมัครหมู่บ้านชุมชนที่พร้อมจะให้จังหวัดประเมินแผนชุมชน เพื่อที่จะมุ่งสู่แผนชุมชนคุณภาพ พร้อมที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ ท้องที่ใดนำไปปรับใช้ในการบริหารงบประมาณต่อไป

สำหรับ ปี พ.ศ. 2553 มีหมู่บ้าน ชุมชน ผ่านการรับรองมาตรฐานแผนชุมชน จำนวน 217 หมู่บ้าน ปี พ.ศ. 2554 จำนวน 447 หมู่บ้าน, ปี พ.ศ. 2555 จำนวน 483 หมู่บ้าน และ ปี พ.ศ. 2556 จำนวน 407 หมู่บ้าน

ทั้งนี้ หมู่บ้าน ชุมชน ที่ได้รับการรับรองแผนจากจังหวัดแล้ว สามารถที่จะเป็นแผนตัวอย่างให้กับหมู่บ้าน ชุมชนอื่น ได้เรียนรู้และนำเสนอแผนชุมชนในปีต่อไป



วิภาดา รัตนโรจนา / ข่าว

สถาบันออกแบบและนวัตกรรม กรมการค้าระหว่างประเทศอบรมผู้ประกอบการผ้าพื้นเมืองอีสานสู่แฟชั้นนานาชาติ

สถาบันการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อการค้า อบรมเข้มผู้ประกอบการผ้าพื้นที่เมืองภาคอีสาน หวังยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยสู่ตลาดแฟชั่นระดับนานาชาติ

ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสถาบันการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานเปิดการอบรมออกแบบสินค้าแฟชั่นในกลุ่มภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสถาบันส่งเสริมการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อการค้า ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทรวงพาณิชย์ จัดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการผ้าพื้นเมืองจาก 20 จังหวัดในภูมิภาค รวมถึงผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับการอบรมกว่า 100 คน ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ม.ล.คฑาทอง กล่าวถึงผ้าพื้นเมืองของไทยว่า ยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ด้วยเสน่ห์เฉพาะทาง และการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยขณะนี้ตลาดผ้าที่เป็นวัตถุดิบ และผ้าที่ผ่านการแปรรูปนั้นกลุ่มผู้ค้าต้องการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของไทยส่งจำหน่ายในต่างประเทศจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มจังหวัดภาคอีสานนั้น ต้องยอมรับว่าผ้าไหม ผ้าฝ้าย รวมไปถึงผ้าทอมือก็เป็นที่ต้องการจำนวนมากเช่นกัน แต่ปัญหาคือ ผ้าพื้นเมืองของไทยยังขาดการออกแบบที่ทันสมัย หลากหลาย จึงต้องยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นสินค้าที่เป็นได้มาตรฐานสากล เพื่อที่จะได้ทำตลาดในวงกว้างได้มากขึ้น ดังนั้น การออกแบบ หรือการดีไซน์จึงเป็นประเด็นสำคัญที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้กำหนดแผนพัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะยกระดับ และผลักดันให้วัตถุดิบ และสินค้าที่มีอยู่ในประเทศขยายขอบเขตทางการค้า ตรงตามกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดภาคอีสาน ต้องได้รับการอบรมให้รู้จักคิด และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสให้มากขึ้น ด้วยการคิดต่าง และผลิตงานที่ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อต่อยอดมูลค่าการค้าให้แก่ชุมชนได้เพิ่มขึ้นมีผู้ประกอบการผ้าพื้นเมืองรายใหญ่ของภาคอีสาน ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้รวมกว่า 30 ผลิตภัณฑ์



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

ชาวขอนแก่นเตรียมจัดงานแสดงความยินดีกับอังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนซีไรค์ ปี 2556 ชาวจังหวัดขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่น เตรียมจัดงานแสดงความยินดีกับ อังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนซีไรต์ ปี 2556 ชาวอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น มีทั้งการเสวนาวรรณกรรม การมอบช่อดอกไม้ แสดงความชื่นชมยินดี และการแสดง

เครือข่ายศิลปินภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมกับชาวจังหวัดขอนแก่นทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันจัดงาน แสดงความยินดีกับ นายอังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนชาวอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ที่ได้รับรางวัลนักเขียนซีไรต์ ประจำปี 2556 โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2556 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม พล.ต.อ.เภา สารสิน วิทยาลัยศึกษาการจัดการ (MBA.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการมอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี และกล่าวแสดงความยินดีกับนักเขียนซีไรต์ ชาวขอนแก่นในครั้งนี้ นอกจากนี้ก็จะมีอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น , ผู้อำนวยการโรงเรียนมัญจาศึกษา ซึ่ง อังคาร จันทาทิพย์ เคยศึกษาอยู่ และมีผู้มีเกียรติจากทุกองค์กรร่วมแสดงความยินดี

ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นอกจากจะมีการมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับนักเขียนซีไรต์ ปี 2556 ชาวจังหวัดขอนแก่นแล้ว ในงานก็จะมีการจัดเสวนาวรรณกรรม หัวข้อ " แรงบันดาลใจจากครูสู่ศิษย์ ก่อนคว้าซีไรต์ ” การอ่านบทกวีชื่นชมยินดี โดย ไพวรินทร์ ขาวงาม กวีซีไรต์ รุ่นพี่ การฉายวีดีทัศน์ จาก คำพูน บุญทวี ถึงกวีซีไรต์ อังคาร จันทาทิพย์ การแสดงผลงานกวี งานเขียนของ อังคาร จันทาทิพย์ การแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ และการแสดงจากโรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น จึงขอเชิญผู้สนใจ ไปร่วมงานได้ในวันที่ 12 กันยายน 2556 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ณ ห้องประชุม พล.ต.อ.เภา สารสิน วิทยาลัยการจัดการ (MBA) มหาวิทยาลัยขอนแก่น



สมพงษ์ ปัตตานี / ข่าว
สุรเดช / พิมพ์

จังหวัดขอนแก่นประชุมเตรียมจัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ปี 2556

นายวิทิต สฤษฎิชัยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จังหวัดขอนแก่นเตรียมจัดงานเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ปี 2556 ด้วยวันที่ 21 ตุลาคม เป็นวันคล้ายพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นวันพยาบาลแห่งชาติ วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ วันอาสาสมัครไทยเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีเมตตา เสียสละต่อปวงชนชาวไทย จังหวัดขอนแก่นกำหนดจัดงาน ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ในฐานะที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในการพัฒนาสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา และด้วยพระวิริยะอุตสาหะ นำสิริสุขแก่ปวงชนทุกก้าวพระบาทที่เสด็จไป สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระนามเดิมว่า สังวาลย์ (ไม่มีนามสกุล เนื่องจากพระราชบัญญัติขนานนามสกุลเริ่มมีในปี พ.ศ. 2456) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ในพระชนกชูและพระชนนีคำ ทรงมีพระภคินีและพระเชษฐา 2 คนซึ่งได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย

ปี พ.ศ. 2456 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงตัดสินพระทัยเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช หลังจากสำเร็จการศึกษา ทรงได้รับการคัดเลือกให้ไปทรงศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ขณะที่กำลังทรงศึกษาวิชาแพทย์ปีที่ 1 สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ขอพระราชทานพระราชานุญาตหมั้น และเมื่อถึงวันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 ได้มีพิธีอภิเษกสมรสที่วังสระปทุม หลังจากได้อภิเษกสมรสแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้ตามเสด็จด้วยกันไปประพาสเมืองต่างๆ ในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อทรงไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบันเอ็มไอที เมืองบอสตัน ส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงเรียนหลักสูตรเตรียมพยาบาลที่วิทยาลัยซิมมอนส์ เมืองบอสตัน หลังจากทั้ง 2 พระองค์ทรงจบการศึกษาแล้วจึงเสด็จไปที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนนีได้ประสูติพระราชธิดาพระองค์แรก เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่า หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา มหิดล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ประสูติพระราชโอรสพระองค์แรก เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระนามว่า หม่อมเจ้าอานันทมหิดล มหิดล เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีประสูติพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

น้ำเขื่อนอุบลรัตน์น้อยส่งผลเกษตรกรที่ทำนาปรังถ้าฝนไม่ตกมีผลกระทบแน่นอน

น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ น้อย ส่งผลให้การทำนาปรังของเกษตรกรอาจได้รับผลกระทบหากฝนยังไม่ลงมาเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้รับแจ้งจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนตกชุก เกษตรกรทำการเพาะปลูกพืชฤดูฝนปี 56 เสร็จสิ้น รวมทั้งปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้อยมาก แต่ต้องระบายน้ำวันละ 3 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ในการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูฝนปี 56 ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย มีพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 265,096 ไร่ ได้รับปริมาณน้ำที่จัดสรรน้อยมาก สรุปได้ว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน 2556 จะมีร่องมรสุมจากประเทศจีนเคลื่อนตัวลงมาในพื้นที่ ส่งผลให้มีฝนตกอยู่ในเกณฑ์ 200 กว่ามิลลิเมตร แต่เป็นการตกแบบกระจายทำให้มีปริมาณน้ำที่น้อยไม่สามารถที่จะมาเติมน้ำลงในเขื่อน ได้จึงขอแนะนำให้เกษตรกรที่มีบ่อน้ำ ให้ทำการเก็บกักน้ำไว้ในช่วงเดือนดังกล่าว เพราะหลังจากเดือนกันยายน ปี 56 ผ่านไปแล้วปริมาณฝนจะตกทิ้งช่วง ซึ่งในปีนี้ปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์น้อยมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เกษตรกรในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ที่ทำนาปรังโดยใช้น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ โดยเฉพาะในปีนี้เกษตรกรจำเป็นต้องงดทำนาปรัง เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการขาดน้ำในการเพาะปลูกข้าว




ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

รัฐบาลออกมาตรการแทรกแซงราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถึงธันวาคม 2556

รัฐบาล เห็นชอบมาตรการแทรกแซง ตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 56/57 กิโลกรัมละ 9 บาท ณ ความชื้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ เริ่มกันยายน – ธันวาคม 2556 นี้

นายภานุพันธ์ กลีบเอม พาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ แจ้งว่า ด้วย ครม. มีมติ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 เห็นชอบให้ดำเนินการตามมาตรการแทรกแซง ตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 56/57 โดย จังหวัดชัยภูมิ ได้อนุมัติให้สหกรณ์ เป็นผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ด จากเกษตรกร ณ ความชื้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ กิโลกรัมละ 9 บาท ทั้งนี้ หากความชื้นร 30 เปอร์เซ็นต์ กิโลกรัมละ 7 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามใบรับรองเกษตรกร มีระยะเวลาดำเนินการ ระหว่างเดือนกันยายน – ธันวาคม 2556

ทั้งเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ต้องเป็นเกษตรกร ที่มีใบรับรองระบุระยะเวลาเก็บเกี่ยว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2556 ใช้สิทธิ์ได้รายละไม่เกิน 25 ตัน โดยใช้เอกสารรับรองตัวจริงเท่านั้น ซึ่งจุดรับซื้อตามโครงการ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ โทรฯ 044811549 ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ในวัน เวลา ราชการ




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ชัยภูมิส่งเจ้าหน้าที่ออกบริการลงทะเบียนปลูกยางพารานอกสถานที่

เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ในพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ หลังไหลไปขึ้นทะเบียน กับเจ้าหน้าที่อย่างคึกคัก หลังจัดชุดออกไปรับขึ้นทะเบียนถึงพื้นที่ พลาดโอกาสนี้ต้องไปขึ้นที่เบียนในตัวจังหวัด ซึ่งจะหมดเขต 30 กันยายน นี้

ที่ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจำตำบลท่าหินโงม อ.เมืองชัยภูมิ ตลอดทั้งวันของวันนี้ (9 ก.ย. 56 ) มีเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ในพื้นที่ตำบลท่าหินโงม หลั่งไหลไปขอขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้ปลูกยางพารา อย่างคึกคัก ซึ่งนายไพจิตร ศรีไพจิตรวรกุล เกษตรอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกไป รับขึ้นทะเบียนนอกสถานที่ ตามโครงการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557 เพื่ออำนวยความสะดวกกับเกษตรกร เนื่องจากแถบนี้มีเกษตรกรปลูกยางพาราจำนวนมาก ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้น พื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีเกษตรกรปลูกยางพารา ตามพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 2 พันกว่าราย พื้นที่ไม่น้อยกว่า 7 หมื่น 4 พัน 849 ส่วนในพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ พื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 1 พัน 2 พันไร่ เกษตรกรประมาณ 458 ราย มากที่สุดในเขตตำบลท่าหินโหม และตำบลซับสีทอง เกษตรกรที่พลาดโอกาสในวันนี้ สามารไปขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองชัยภูมิ ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จากนั้นจะมีการทำประชาพิจารณ์ และสำรวจเอกสารสิทธิ์ ในพื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราจริงเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ต่อไป

ซึ่งล่าสุด นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือ กนย. โดยมีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางพารา ที่ประชุม กนย.ยังไม่มีมติแทรกแซงราคายางพารา ยังคงให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูก 25 ไร่ เพื่อให้ครอบคลุมเกษตรกรมากกว่าร้อยละ 90 โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือจากเดิมไร่ละ 1,260 บาท เป็น 2,520 บาท หรือคิดเป็นเงินสมทบ ในการดันราคายางพาราให้เพิ่มขึ้นอีก 12 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 6 บาทต่อกิโลกรัม คาดว่าต้องใช้งบประมาณ 21,200 ล้านบาท มีผลตั้งแต่ 1 กันยายน 2556 ถึง 31 มีนาคม 2557 และจะนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(10 ก.ย.)พร้อมประสานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)และธนาคารออมสิน ดูแลวงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ตามความเหมาะสมต่อไป



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ชัยภูมิ ติวเข้มสถานประกอบการ จ้างงานคนพิการ รองรับ AEC

จังหวัดชัยภูมิ เร่งส่งเสริมให้เจ้าของสถานประกอบการ จ้างแรงงานคนพิการ เข้าทำงาน ตามกฎหมายกำหนด เพื่อเตรียมรับเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ในปี 2558 หากยังเพิกเฉย จะถูกกีดกันทางการค้า

โดยที่ผ่านมา สถานประกอบการในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่เข้าข่ายต้องปฎิติตาม พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ว่าด้วยการจ้างงานคนพิการ จำนวน 30 แห่ง ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการปฎิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับคนพิการเข้าทำงาน ตามมาตร 33 หรือส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามาตร 34 ทำให้คนพิการที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่ได้รับโอกาสในการทำงาน หรือประกอบอาชีพ สำนักงานพัฒนาสังคมจังหวัดชัยภูมิ โดยนายธรสุนทร สว่างสาลี พัฒนาสังคมจังหวัดชัยภูมิ จึงจัดโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการขึ้น เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 ที่โรงแรมสยามรีเวอร์ รีสอร์ท มีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ เปิดงาน เป้าหมาย นายจ้างสถานประกอบการ และผั้แทนกลุ่มคนพิการ จำนวน 70 คน หวังจุดประกายให้ เกิดการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ปี 2558

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า พรบ.ดังกล่าว มีจตนารมณ์ เพื่อคุ้มครองให้คนพิการมีงานทำ หรือประกอบอาชีพ โดยไม่เลือกปฎิบัติ ที่ไม่เป็นธรรม เพราะเหตุแห่งสภาพทางกาย หรือสุขภาพ จึงกำหนดให้หน่วยงานของรัฐ และนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการ ต้องรับคนพิการเข้าทำงาน รวมถึงเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในอนาคต เรื่องเหล่านี้ จะส่งผลถึงการประกอบกิจการ เมื่อถึงเวลาเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ปี 2558 หากไม่ดำเนินการ จะถูกกีดกันทางการค้า ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ จากนี้ต่อไป ได้กำชับให้หน่วยงานของรัฐ เอาจริง เอาจังกับเรื่องนี้ อย่างจริงจังต่อไป




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ชัยภูมิโชคดี ตรวจสอบแล้ว ไม่เป็นยาผิดซอง แต่ก็ต้องเร่งตามยาคืนตรวจสอบละเอียด

ชาวชัยภูมิ โชคดี ได้รับยาถูกต้อง ไม่ได้เป็นยาผิดซอง ตามที่เป็นข่าว ภายหลังถูกระบุ ว่า โรงพยาบาลภูเขียว จ.ชัยภูมิ ติด 1 ใน 7 แห่ง ที่รับยาในล๊อตนี้

จากการที่ องค์การเภสัชกรรม ออกมาระบุว่า เกิดปัญหาบรรจุยาสลับซอง ของยาไอโซซอร์ไบด์ ไดไนเตรต (Isosorbide dinitrate) ซึ่งเป็นยาขยายหลอดเลือด ใช้รักษาผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และยาแอมโลดิปีน (Amlodipine) สำหรับลดความดันโลหิตสูง โดยระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต เกิดการบรรจุสลับกัน โดยยาล็อตดังกล่าวมีจำนวน 6 แสนเม็ด กระจายไปยังโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) 7 แห่ง คือ 1.รพ.มะการักษ์ จ.กาญจนบุรี 2.รพ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ 3.รพ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ 4.รพ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี 5.รพ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี 6.รพ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และ 7.รพ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น

ในส่วนจของจังหหวัดชัยภูมิ วันนี้ 9 ก.ย. 56 นายชูรัตน์ คูสกูลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ในล๊อตนี้ ชัยภูมิได้รับยา แอมโลดิปีน (Amlodipine) ขนาด 5 มิลลิกรัม และยาไอโซซอร์ไบด์ไดไนเตรต (Isosorbide dinitrate) ขนาด 10 มิลลิกรัม โดยส่งไปที่โรงพยาบาลภูเขียว จำนวน 1 แสนเม็ด ได้จ่ายเพื่อใช้ในห้องยาโรงพยาบาล 12,000 เม็ด และจ่ายให้โรงพยาบาลประจำตำบล (รพ.สต.) จำนวน 15,000 เม็ด ยังเหลือในสต๊อก 73,000 เม็ด หลังจากตรวจพบปัญหา ทางองค์การเภสัชกรรม ได้เรียกคืนทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ป่วยที่รับยาไปแล้ว ที่โรงพยาบาลภูเขียว มีจำนวน 77 ราย ขณะนี้ติดตามผู้ป่วยไดแล้ว 21 ราย ในส่วนของ รพ.สต. ได้เรียกคืนแล้ว 21 ราย รวม 42 ราย ยังเหลืออีก 28 ราย ได้เร่งติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว ในเบื้องต้น ทางองค์การเภสัชกรรม ได้ตรวจสอบยาที่โรงพยาบาลภูเขียวแล้ว พบว่า ไม่มีมียาผิดปกติตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดเก็บยาจากคืนไข้ที่อีกอีกให้หมด เพื่อส่งตรวจสอบต่อไป




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

เมื่อไทยเข้าอาเซียนเเล้ว จะเกิดอะไรบ้าง?

คิดว่าเข้าอาเซียนเเล้วจะดีไหม จะมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง มาเเชร์ความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ โดยจุดประสงค์ของอาเซียน คือ

(1) การทำการค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิก
ถ้าสำเร็จ ก็คือ จะมีสินค้าราคาถูก คุณภาพดีไหลเวียนกันมากขึ้น
การคมนาคมและโลจิสติกส์ก็เกิดขึ้นมาก
เนื่องจากกำแพงหรือแนวรั้วประเทศได้ถูกทำให้ลดต่ำลง เพื่อให้ทั้งคนและของเดินทางได้ง่ายขึ้นค่ะ

อันนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าเสียก็เสีย เพราะถ้าไทยเราสู้การผลิตของประเทศไหนไม่ได้
ก็มีปัญหาว่า จะต้องเสียดุลการค้าให้เขาไป ซึ่งถ้าเสียดุลการค้ารุนแรงและปรับตัวไม่ทัน
การคลังของประเทศก็จะประสบปัญหาล้มละลายได้ ส่วนที่ว่าดี คือ เป็นโอกาสให้เราขายของได้ง่ายขึ้น เช่น ชิ้นส่วนคอมฯ รถกระบะ เป็นต้น โดยไม่ต้องเสียภาษีเลย

สำหรับคนนั้น มีการคาดกันมากว่าจะเกิดการสมองไหล
คือ คนเก่งของไทยจะไหลไปอยู่ประเทศที่ให้ค่าจ้างงามกว่า
แต่ก็เชื่อว่า อันนี้ก็อาจไม่เสมอไป เพราะคนไทยไม่นิยมการย้ายที่อยู่สักเท่าไหร่
ส่วนใหญ่จะย้ายเฉพาะภายในเขตใกล้ๆ
ที่แน่ๆ อนาคต และตอนนี้แรงงานต่างด้าวก็เข้าไทยเยอะอยู่แล้ว ต่อไปก็คงเยอะขึ้นอีก จนกว่าประเทศของเขาจะมีการลงทุนมากหรือให้ค่าแรงดีกว่า หรืออยากได้แรงงานที่มีคุณภาพและให้ค่าแรงสูงขึ้นนั่นเอง

(2) ประเทศสมาชิกจะร่วมมือกันเป็นภาคีเพื่อต่อรองกับตลาดโลก
เช่น ยางพารา,ข้าว ที่อาเซียนผลิตได้มากมายและเป็นตลาดหลักของโลก
ก็สามารถที่จะทำแบบ OPEC ได้ คือ เมื่อราคาต่ำก็ร่วมกันหยุดส่งออก
เมื่อราคาสูงขึ้น ก็จัดการส่งออกแบบได้กำไรมากขึ้น
แต่วิธีนี้ข้อจำกัดสูง เพราะสินค้าเกษตรแบบนี้เก็บได้ยาก
จะเกิดความสูญเสียคุณภาพได้ง่าย และอีกประการหนึ่ง คือ
เราต้องพึ่งพาต่างประเทศอยู่มาก
ดังนั้นการทำร้ายคู่ค้าก็เสมือน การทำร้ายตัวเองไปในตัว เช่นกัน



ข้อมูลจาก : http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20130429001712AAoOmHV

จังหวัดนครราชสีมา เปิดโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูลำตะคอง

วันนี้ (9 ก.ย. 56) เวลา 10.00 น. ที่ลานหน้าศาลเจ้าพ่ออร่าม ม.1 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการเปิดโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูลำตะคอง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน และนักศึกษา ร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน ทั้งนี้การจัดโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูลำตะคอง อ.สีคิ้ว จัดขึ้นตามนโยบายของจังหวัดนครราชสีมา ที่ต้องการอนุรักษ์และฟื้นฟูลำน้ำสายหลัก เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณออกซิเจน ให้ลำน้ำกลับมาใสสะอาด และมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมเส้นทางชลประทาน ของลำน้ำละตะคอง ในเขตชุมชน ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตลอดจน เพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ลำน้ำลำตะคองแก่ผู้อาศัยริมน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการดูแลรักษาลำตะคองอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9- 13 กย 2556 นี้ สำหรับกิจกรรมภายในงานได้มีการมอบพันธุ์ และพันธุ์ปลาให้ผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.คลองไผ่ การร่วมกันกำจัดวัชพืช ผักตบชวา ที่กีดขวางการไหลของน้ำตลอด 2 ฝั่งคลอง นอกจากนี้ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้นั่งเรือท้องแบน ร่วมกับ หัวหน้าส่วนราชการ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ ตลอด 2 ฝั่งคลองลำตะคอง อีกด้วย