วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ขอเชิญร่วมบริจาคเงินรวมน้ำใจช่วยผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวจังหวัดในภาคเหนือ

จังหวัดนครพนม ได้จัดตั้งศูนย์รวมน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจังหวัดในภาคเหนือ เพื่อเป็นศูนย์กลางรับบริจาคในจังหวัดแล้วจัดส่งเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวจังหวัดในภาคเหนือ

สามารถร่วมบริจาคเงินสดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวจังหวัดในภาคเหนือ โดยบริจาคได้ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวจังหวัดในภาคเหนือ (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม) ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) ชั้น 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0-4251-4065, 0-4251-1025 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในเวลา 08.30 – 16.30 น. รายละเอียดสามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน ตำแหน่ง หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดนครพนม หมายเลขโทรศัพท์ 08-1174-3919 , นายไสว นะธิศรี ตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ หมายเลขโทรศัพท์ 08-1921-8265 และนางสาวจิดาภา ไชยศล ตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ หมายเลขโทรศัพท์ 08-4657-1812

กสทช. เปิดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโรมมิ่งชายแดน 7 จังหวัดริมโขง

สำนักงาน กสทช.เปิดกิจกรรมและเปิดตัวรถแห่ประชาสัมพันธ์และออกบูทนิทรรศการให้ความรู้  เรื่องการใช้บริการโรมมิ่ง  และโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่บริเวณชายแดน ทั้ง 7 จังหวัด  ณ บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  จังหวัดนครพนม  เพื่อป้องกันปัญหาการสูญเสียเงินจำนวนมากจากการถูกคิดค่าบริการข้ามแดนอัตโมนมัติ

ดร.สุทธิพล  ทวีชัยการ  กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  กล่าวว่า  ภารกิจสำคัญของกสทช.คือคุ้มครองผู้บริโภคในการใช้บริการโทรคมนาคมต่างๆ  ทั้งโทรศัพท์บ้าน  โทรศัพท์มือถือ  โทรศัพท์สาธารณะ  และอินเทอร์เน็ต  เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและใช้บริการเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมและเท่าทันต่อเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ซึ่ง กสทช.ได้สร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนผู้บริโภคทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิในการใช้บริการโทรคมนาคม  ประโยชน์ของการใช้งานโทรคมนาคมประเภทต่างๆ  ตลอดจนรับทราบข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถใช้บริการโทรคมนาคมได้อย่างเหมาะสม  คุ้มค่า  และมีประสิทธิภาพ  โดยเฉพาะประชาชนทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน  โดยเฉพาะประเทศลาว และนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์โทรคมนาคม  ในการติดต่อสื่อสารแต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องการใช้บริการและอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินจำนวนมาก  โดยกิจกรรมประกอบด้วยการจัดนิทรรศการ  รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ในจังหวัดนครพนม 10 วัน  และประชาสัมพันธ์ในสื่อวิทยุกระจายเสียงด้วย

ผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. เขตตรวจ 13 พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ ตรวจติดตาม การดำเนินงานตามโครงการกระทรวง พม. รอบที่ 2/2557

คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เขตตรวจราชการที่  13  พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ตรวจติดตามการดำเนินงาน ตามนโยบายกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รอบที่ 2/2557  เพื่อพบปะ และเยี่ยมเยือนบุคลากร  รับทราบปัญหาและอุปสรรค

วันนี้ (8 พ.ย. 57)  ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ   นายปรีชา  สรวิสูตร   ผู้ตรวจราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เขตตรวจราชการที่ 13  พร้อมด้วยคณะ รับฟังบรรยายสรุป และร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการที่รับผิดชอบ ในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามแผนการตรวจราชการประจำปีงบประมาณ  2557 โดยมีนายทวีศักดิ์  สิงห์ดง  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นายปรเมษฐ์  แจ้งไพศาล  ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ให้การต้อนรับ และร่วมชี้แจงการตรวจติดตามผลการดำเนินงานของหน่วย  ซึ่งมีประเด็นการตรวจติดตาม 2 ประเด็นใหญ่ๆ ประกอบด้วย การตรวจติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามแผนการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ 2557  และการติดตามการดำเนินงานตามมาตรฐาน พมจ. ทั้งนี้ เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน

จากนั้น  คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ลงพื้นที่บ้านอีเซี  ตำบลอีเซ  อำเภอโพธิศรีสุวรรณ  ประชุมรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และออกเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พบปะเยี่ยมเยืยนบุคลากร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติงาน



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์  สร้อยเพชร / ข่าว

วังหินพร้อมดวลแข็งหาทีมชนะเลิศ ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลแซมป์เปี้ยนลีก 2014

อำเภอวังหิน  จังหวัดศรีสะเกษ   ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แถลงข่าว  การแข่งขันกีฬาฟุตบอล แชมป์เปี้ยนลีก   "WANGHIN  CHAMPION  LEAGUE  2014”

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2557) ณ  ห้องประชุมองค์การบริการส่วนตำบลดวนใหญ่  อำเภอวังหิน  จังหวัดศรีสะเกษ  นายกกชัย  ฉายรัศมีกุล  นายอำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ เ ป็นประธานแถลงข่าว   การแข่งขันกีฬาฟุตบอล แชมป์เปี้ยนลีก 2014  (WANGHIN  CHAMPION  LEAGUE)  ซึ่งอำเภอวิงหิน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการต่างๆในพื้นที่อำเภอวังหินจัดขึ้น  โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ผู้ฝึกสอน  ผู้ควบคุมทีม และทีมนักกีฬาฟุตบอล ให้การต้อนรับ  ซึ่งก่อนหน้าจะแถลงข่าวนั้น ทางนายอำเภอวังหินได้มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เพื่อติดตามการดำเนินงาน และรับทราบถึงปัญหาในการดำงานในพื้นที่ จากนั้นก็ได้เริ่มแถลงข่าว การแข่งขันกีฬาฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก 2014  (WANGHIN  CHAMPION  LEAGUE) จากสภาพพื้นที่ทั่วไปในอำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ และความพร้อมของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้ให้ความสนใจการเล่นกีฬาฟุตอบเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการแสค่านิยมการแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศ ระดับโลกในรายการต่างๆ ประกอบกับกีฬาฟุตบอลเป็นการเล่นที่ไม่ซับซ้อน สนาม ลานกีฬาและอุปกรณ์ฟุตบอลเพียงหนึ่งลูกก็สามารถเล่นได้ เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของเยาวน  นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่อำเภอวังหิน กลุ่มงานกีฬาอำเอวังหิoจึงจัดโครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอลมวลชน  กีฬาฟุตบอลมวลชน WANGHIN  CHAMPION  LEAGUE  2014 เพื่อชิงแชมป์ฟุตบอลอำเภอวังหิน  โดยนำทีมนักกีฬาฟุตบอล ชนะเลิศของแต่ละตำบล  ทั้ง  8  ตำบล ในเขตอำเภอวังหิน และเพื่อให้นักกีฬาฟุตบอลที่มีความสามารถเป็นเลิศไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลจังหวัดและอาชีพต่อไป  ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลให้ได้มาตรฐานสากล  ส่งเสริมการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน และเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนได้ใช้เกมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เป็นกิจกรรมการออกกำลังกาย เสริมสร้างสุขภาพให้สมบูรณ์  แข็งแรง ห่างไกลยาเสพติด

สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้  มีทีมนักกีฬาฟุตบอล จำนวน  8 ทีม ซึ่งเป็นตัวแทนแต่ละตำบล ประกอบด้วย ตำบลบุสูง  ตำบลวังหิน  ตำบลธาตุ  ตำบลดวนใหญ่  ตำบลบ่อแก้ว  ตำบลศรีสำราญ  ตำบลทุ่งสว่าง  และตำบลโพนยาง  และกำหนดเปิดการแข่งขันในวันที่  14 พฤษภคม  2557  เวลา  14.30 น.  ณ  สนามกีฬาฟุตบอล หน้าโรงพยาบาลวังหิน  ทีมชนะเลิศ ได้รับเงินบำรุงทีม  20,000 บาท   รองชนะเลิศ  ได้รับเงินบำรุงทีม  15,000 บาท  ทีมอันดับที่  3 ได้รับเงินบำรุงทีม  10,000 บาท  ทีมอันดับที่ 4  ได้รับเงินบำรุงทีม  7,500 บาท  ทีมอันดับที่  5   ได้รับเงินบำรุงทีม  5,500 บาท  ทีมอันดับที่ 6  ได้รับเงินบำรุงทีม 4,000 บาท  ทีมอันดับ 7  ได้รับเงินบำรุงทีม  3,000 บาท   และทีมอันดับที่ 8  ได้รับเงินบำรุงทีม  2,000 บาท




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์  สร้อยเพชร / ข่าว
8  พฤษภาคม 2557

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดถนนทางหลวงชนบทสายบ้านเปื่อย เพื่อแก้ไขปัญหาถนนชำรุด ภายหลังถนน ได้รับความเสียหาย จากอุทกภัยเมื่อปี 2556

วันนี้ ( 8 พ.ค. 57) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดถนนทางหลวงชนบทสายบ้านเปื่อย ที่ บริเวณทางหลวงชนบทสายบ้านเปื่อย หมู่ที่ 3 ตำบลโนนกาเล็น อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้เมื่อปี 2556 ได้เกิดอุทกภัย ทำให้ถนนหลายสาย ในพื้นที่อำเภอสำโรงได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะถนนผ่านบ้านเปื่อย ซึ่งชำรุดเสียหายอย่างมาก ทำให้ราษฎรไม่สามารถใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้ ดังนั้นทางราชการจึงได้ดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ประกอบกับได้รับการผลักดันจากสมาชิกสภาผู้แทนราฎรเขต 10 ทำให้ได้รับงบประมาณดำเนินการ เพื่อนำมาก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทเส้นบ้านเปื่อย หมู่ที่ 3 ตำบลโนนกาเล็น อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี ในสายทาง สาย อบ.4051 แยกทางหลวงหมายเลข 2178 – บ้านน้ำเที่ยง อำเภอสำโรง – วารินชำราบ ระยะทางตลอดสาย 26 กิโลเมตรเศษ (26.360) ช่วงดำเนินการก่อสร้าง กิโลเมตรที่ 15 +663 ถึง กิโลเมตรที่ 17+788 ระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ (2.125) โดยใช้งบประมาณดำเนินการ จำนวน เก้าล้านหกแสนสี่หมื่นบาถ้วน (9,640,000 )

บทความ “วันวิสาขบูชา”

วันวิสาขบูชาป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนาสำหรับชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลกเพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา ๓ เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธโคดม โดยทั้ง ๓ เหตุการณ์ได้เกิด ณ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก "วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย และมักตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนตามปฏิทินจันทรคติของไทย โดยในประเทศไทย ถ้าปีใดมีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน ๗ แต่ประเทศอื่นที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท และไม่ได้ถือคติตามปฏิทินจันทรคติไทย จะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖แม้ในปีนั้นจะมีเดือน ๘ สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตาม ส่วนในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกายที่นับถือว่า เหตุการณ์ทั้ง ๓ นั้นเกิดในวันต่างกันไป จะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ซึ่งไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท และพุทธศาสนิกชนมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวล มนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญ อีกประการหนึ่งคือ พระองค์ ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้ โดย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนา พุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณสอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระพุทธเจ้าพุทธศาสนิกชนจึงร่วมกันบำเพ็ญกุศลในวันวิสาขบูชา ประกอบไปด้วย การทำบุญตักบาตร ให้ทานรักษาศีลฟังธรรม สนทนาธรรม เวียนเทียน เจริญภาวนาเป็นที่ประทับใจยิ่งนัก



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมคณะทำงานบริหารการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน จปฐ. และข้อมูลพื้นฐาน (เขตเมือง)

วันนี้ ๘ พ.ค. ๕๗  เวลา ๑๔.๓๐  น. นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานบริหารการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) และข้อมูลพื้นฐาน  (เขตเมือง) จังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร

นายกานต์  ธงศรี พัฒนาการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดเก็บ และใช้ประโยชน์จากการเก็บข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น และการวางแผนพัฒนาในทุกระดับ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการประเมินผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการจัดเก็บข้อมูล จปฐ. (เขตชนบท) ทุกปี สำหรับในปี ๒๕๕๗ สนับสนุนให้มีการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานในเขตเมือง (เทศบาลเมืองมุกดาหาร เทศบาลตำบลนิคมคำสร้อย เทศบาลตำบลคำชะอี เทศบาลตำบลดอนตาล)ดำเนินการจัดเก็บข้อมูล ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๕ หมวด ๓๐ ตัวชี้วัด ประกอบด้วย สุขภาพดี ๗ ตัวชี้วัด มีบ้านอาศัย ๘ ตัวชี้วัด ฝักใฝ่การศึกษา ๕ ตัวชี้วัด รายได้ก้าวหน้า ๔ ตัวชี้วัด และปลูกฝังค่านิยมไทย ๖ ตัวชี้วัด



สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารเชิญชวนพุทธศาสนิกชนจังหวัดมุกดาหารรวมกิจกรรมบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ๒๕๕๗

วิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นวันวิสาขบูชาจึงมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาเนื่องจากเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งทั้ง ๓ เหตุการณ์บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖  เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระพุทธเจ้า นายสกลสฤษฏ์  บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๗ จังหวัดมุกดาหารจึงได้กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี และวัดศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีถวายดอกไม้ ธูป เทียน ในวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓๐ น. ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ในวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี และพิธีเวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา ในวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓๐ น. ณ วัดศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนพร้อมใจกันร่วมทำกิจกรรม ณ วัดใกล้บ้าน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระพุทธองค์



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร  โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหารประชาสัมพันธ์ติดตามบุคคลสูญหาย

นางปิยะพร  เฉลิมช่วง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม กรณี นางสาวน้ำค้าง แสงแก้ว อายุ ๓๗ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๗๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นมารดาของ นางสาวขวัญฤดี  ทองชุ่ม อายุ ๑๗ ปี เกิดวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๐ ได้หายตัวออกไปจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๗ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. จนขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด เกรงว่าอาจะได้รับอันตรายและถูกล่อลวงไปในทางเสียหายหรือตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหารจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้พบเบาะแสหรือข้อมูล ติดต่อได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร โทร. ๐-๔๒๖๑-๑๔๔๒, ๐-๔๒๖๑-๑๕๘๓, หรือ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๑๓๐๐ สายด่วน ๒๔ ชั่วโมง หรือนางสาวน้ำค้าง แสงแก้ว (มารดา) โทร. ๐๘-๔๓๖๕-๗๒๐๗



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

ยโสธรจัดกิจกรรมวันเกษตรกรไทย

ยโสธรจัดงานวันเกษตรกรไทย ปี 57 ที่อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนยโสธรพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานเปิดงานวันเกษตรกรไทย ประจำปี 2557 โดยนายสกล คุณอุดม เกษตรจังหวัดยโสธร กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม ของทุกปี จะมีพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ มณฑลพิธีสนามหลวง กทม. ซึ่งเป็นพระราชประเพณีของไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ สำหรับปีนี้ ( 2557 ) พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ค 57 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 อีกทั้งรัฐบาลกำหนดให้วันพืชมงคลเป็นวันเกษตรกรไทย ดังนั้น หน่วยงานที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดยโสธรจึงได้บูรณาการจัดกิจกรรมขึ้นในวันนี้ เพื่อระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และเพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกรของประเทศที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร กิจกรรมวันนี้ประกอบไปด้วย การจัดนิทรรศการแสดงผลงานของเกษตรกร และสถาบันทางการเกษตร / พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พันธุ์พืช / พันธุ์ปลา พันธุ์สัตว์ /การแถลงข่าวสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรในการเตรียมความพร้อมในการเริ่มต้นฤดูการผลิต /พิธีมอบโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพต่างๆ ปรากฏว่า มีเกษตรกร และผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สอบราคาจ้างโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน บ้านหนองแคน หมู่ที่ 3 ตำบลหนองหมี

องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหมี ประสงค์ดำเนินการจัดจ้างโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน บ้านหนองแคน หมู่ที่ 3 ตำบลหนองหมี ดำเนินการโดย ก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน ขนาดความจุ 12 ลบ.ม. พร้อมขุดเจาะบ่อบาดาล ขนาด 6 นิ้ว จำนวน 1 บ่อ และวางท่อเมนขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1,140 เมตร (ตามแบบมาตรฐานกรมทรัพยากรธรณี) พร้อมป้ายโครงการ จำนวน 1 ป้าย งบประมาณ 450,000 บาท

กำหนดดูสถานที่ก่อสร้าง ในระหว่างวันที่ 6-20 พฤษภาคม 2557 ในวันและเวลาราชการ ณ สถานที่ทำการก่อสร้าง พร้อมรับคำฟังชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม

กำหนดยื่นซองสอบราคาในวันที่ 6 – 19 พฤษภาคม 2557 ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหมี ในวันและเวลาราชการ และยื่นซองสอบราคา ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารการซื้อหรือการจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลระดับอำเภอ (หอประชุมอำเภอกุดชุม) ชั้น 2 อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร และเปิดซองสอบราคาในวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารการซื้อหรือการจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลระดับอำเภอ (หอประชุมอำเภอกุดชุม) ชั้น 2 อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร

สนใจติดต่อขอซื้อแบบแปลน/เอกสารสอบราคา ตามรายการดังนี้ - โครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน บ้านหนองแคน หมู่ที่ 3 1,500 บาท ได้ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหมี กองคลัง ระหว่างวันที่ 6-20 พฤษภาคม 2557 ในวันเวลาราชการ หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.045-756205 หรือ 081-5457944



ส.ปชส.ยโสธร
ปิยะนุช ศรีแก่นจันทร์
8 พ.ค. 57

ยโสธรมอบถังเก็บน้ำพระราชทาน

มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมกับจังหวัดยโสธรและธนาคาร ธกส.มอบถังเก็บน้ำพระราชทานตามโครงการ "หนึ่งใจ...ให้ประชาชน” ที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.จังหวัดยโสธร ต.ตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในพิธีมอบถังเก็บน้ำ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง นายไพศาล แสนคุ้ม ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดยโสธร กล่าวว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีพระดำริให้มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดำเนินโครงการ "หนึ่งใจ ให้ประชาชน” โดยการจัดหาอุปกรณ์กักเก็บน้ำเพื่อให้ความ ช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ในครัวเรือนอุปโภคบริโภค ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จึงได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 13 ล้านบาท โดยจัดหาถังน้ำขนาดบรรจุ 2,000 ลิตร จำนวน 1,000 ถังออกแจกจ่ายทั่วประเทศ สำหรับจังหวัดยโสธรได้รับการจัดสรรถังเก็บน้ำ จำนวน 25 ถัง โดยมอบให้ชุมชน จำนวน 25 ชุมชน ในพื้นที่ประสบภัยแล้งทั้ง 9 อำเภอ ของจังหวัดยโสธร

นปช.ร้อยเอ็ด ชุมนุมให้กำลังนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสื่อผ่าน ผวจ.ร้อยเอ็ดไปยัง กกต.และกระทรวงมหาดไทย ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง

นปช.ร้อยเอ็ด ชุมนุมให้กำลังนายกรัฐมนตรี และจัดเวทีอภิปราย อ่านแถลงการณ์ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลคนกลาง ก่อนที่ยื่นหนังสื่อผ่านผวจ.ร้อยเอ็ดไปยัง กกต.และกระทรวงมหาดไทย ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 14.00 น. กลุ่ม นปช.ร้อยเอ็ด นำโดย พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน แกนนำขบวนการคนอีสานปกป้องระบอบประชาธิปไตย จ.ร้อยเอ็ด ได้จัดตั้งเวทีปราศรัย ณ ถนนบริเวณด้านข้างศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งและสั่งให้รมต.อีก 9 คน สิ้นสภาพจากการเป็นรัฐมนตรี โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ ถือป้ายโจมตีศาลและไม่ยอบรับคำตัดสิน มาร่วมชุมนุมจำนวนหลายร้อยคน โดยมีแกนนำระดับต่างๆขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีและประกาศไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ

พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน แกนนำขบวนการคนอีสานปกป้องระบอบประชาธิปไตย จ.ร้อยเอ็ด ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้าย โดยอ่านแถลงการณ์ไม่ยอมรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ส่งผลให้พ้นสภาพพร้อมกับรมต.อีกจำนวน 9 คน พร้อมกันนั้นยังยื่นแถลงการณ์ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีคนกลางรวมทั้งรัฐบาลคนกลางโดยเด็ดขาด โดยประกาศเจตนารมณ์แสดงความคิดเห็นคัดค้าน และเรียกร้องไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง และกระทรวงมหาดไทย ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเร่งดำเนินการจัดการเลือกตั้ง พร้อมกับยื่นข้อเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยให้เร่งดำเนินการให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนโดยเร็ว โดยหลังจากการอ่านแถลงการณ์ ได้ยื่นหนังสือดังกล่าวผ่านนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ กระทรวงมหาดไทย ต่อไป

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตนเองในฐานะผวจ.ที่เป็นตัวแทนกระทรวงมหาดไทยเห็นด้วยที่จะมีการเลือกตั้ง และเห็นด้วยกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงยินดีที่จะเป็นคนกลางส่งหนังสือไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง และกระทรวงมหาดไทยต่อไป



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
8 พ.ค. 57

ปฏิทินกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ทัศนศึกษาที่ จ.ร้อยเอ็ด ประจำวันที่ 9 พ.ค. นี้

นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งว่า วันที่ 9 พ.ค. 57 จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด และกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ลงทัศนศึกษาในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงของไทยและของโลก สัมผัสเมืองโบราณกลางทุ่งกุลาร้องไห้ ประมาณ 2,000 ปี สัมผัสวิถีชีวิตชาวนาในทุ่งกุลาร้องไห้ รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เพื่อส่งเสริมปีการท่องเที่ยว จ.ร้อยเอ็ด ขานรับอาเซียนปี 2558

เวลา 08.00 น. ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ลงแขกเกี่ยวข้าว ร่วมกับเกษตรกรที่แปลงนา เกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นระดับชาติ ปี 2556 นายบุญช่วย  สาสุข บ้านโพนละมัง ม.12 ต.หินกอง อ.สุวรรณภูมิ นอกจากนั้น ยังมีตำข้าว นวดข้าว เป่าโหวด สัญลักษณ์ดนตรีพื้นบ้านประจำจังหวัดร้อยเอ็ด

นายบุญช่วย  สาสุข วัย 66 ปี เกษตรกรดีเด่นระดับชาติ ปี 2556 เป็นเกษตรกรที่มุ่งมั่นทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มุ่งเน้นปลูกข้าวอินทรีย์ในเขตทุ่งกุลาฯ เป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่น โดยเฉพาะการคัดเลือกพันธุ์ข้าว 101 สายพันธุ์ เป็นแห่งแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ทั้งนี้เน้นตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูป และการจำหน่าย โดยการพึ่งพาตนเอง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้เป็นขยายผลเรียนรู้การปลูกข้าวอินทรีย์ และข้าว 101 สายพันธ์ เป็นเกษตรกรต้นแบบระดับประเทศ ถึงแม้ว่าในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ อุปสรรคทางภูมิศาสตร์ความแห้งแล้ง ขาดน้ำ และดินเค็ม แต่ไม่เป็นอุปสรรคในอาชีพการทำนาของเกษตรกรรายนี้แต่อย่างใด และมีผลผลิตมาก 750 กก./ไร่

เวลา 10.00 น. เยี่ยมชมเมืองโบราณ (สมัยขอมเรืองอำนาจ) และร่วมงานประเพณีบุญบั้งไฟ (ประเพณีขอฝนของชาวอีสาน) ในฤดูกาลผลิตปี 2557 ณ บ้านกู่กาสิงห์ ต.กู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย

กู่กาสิงห์ เป็นปราสาทหินทราย สมัยขอมเรืองอำนาจ สมัยทศวรรษที่ 15-16 ประมาณ 1,600 ปี เป็นเมืองโบราณ และมีปราสาทบริวารล้อมรอบได้แก่ กู่โพนวิท กู่โพนระฆัง และในอดีตเคยเป็นทะเลดึกดำบรรพ์ ซึ่งมีสุสานหอยโบราณ อายุ 175 ล้านปี ที่บ้านโพนขี้นก ซึ่งมีซากสามารถพิสูจน์ร่องรอยได้จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ และได้รับรางวัลกินนรี จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนิยมมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาในเขตทุ่งกุลาฯแห่งนี้ ประมาณเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี ด้วยการมาเกี่ยวข้าว, นวดข้าว, แกะสลักลวดลายบั้งไฟ, ทำบุญตักบาตร, ร่วมกิจกรรมเป็นสัปดาห์ พักกับชาวบ้านที่อาศัย โดยคิดค่าที่พัก ค่าอาหาร 300 บาท/วัน

เวลา 13.00 น. เยี่ยมชมโรงสีข้าวเกษตรเกษตรวิสัย ของสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด บ้านดงคลั่งน้อย ต.ดงคลั่งน้อย อ.เกษตรวิสัย ซึ่งเป็นอีก 1 ในจำนวนสหกรณ์ 58 แห่ง ที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาฯ ส่งขายต่างประเทศ ที่มีชื่อเสียงของไทย กำลังการผลิต 120 ตัน/วัน ทั้งนี้ได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นแห่งชาติ ปี 2549, รางวัลตราข้าวดีเด่นระดับประเทศปี 2556, รางวัลข้าวคุณภาพดีเด่นติดต่อกัน 5 ปี จากกระทรวงพาณิชย์ และรางวัลอื่นอีกจำนวนมาก ปัจจุบันโรงสีผลิตข้าว ตามออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศ

เวลา 15.30 น. ศึกษาดูงานการฝึกสอนควายไถนาที่โรงเรียนฝึกสอนควายไถนามันหนองเทิง ม.6 ต.หนองแวง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

นายปรีดา ชิดทรงสวัสดิ์  ปศุสัตว์ร้อยเอ็ดเปิดเผยว่า โรงเรียนสอนควายไถนา บ้านหนองเทิง ม.6 ต.หนองแวง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เป็นหมู่บ้านที่เกษตรกรนิยมใช้ควายไถนา อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามไว้ และมีประชากรโค-กระบือมากที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 118 ตัว ดังนั้น ชาวเกษตรกรในหมู่บ้านดังกล่าวจึงได้รวมกลุ่มตั้งโรงเรียนสอนควายไถนาบนเนื้อที่สาธารณะ 12 ไร่ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ศึกษาวิถีชีวิตการสอนควายไถนากับเกษตรกรให้คงอยู่สืบไป มีการตั้งกองทุนปุ๋ยคอก ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณประชากรโค-กระบือลดลง, การแก้ไขปัญหามลภาวะ, ลดต้นทุนการผลิต, เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถครบ 76 พรรษา ปี 2550 และจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโค-กระบือมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ





กมลพร  คำนึง/ข่าว
กนกอร  สัตยามะระ/พิมพ์
8 พ.ค. 57

ร้อยเอ็ดนำผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ถ่ายทำ VTR ณ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ส่งเสริมปีการท่องเที่ยว

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 09.00 น. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ได้นำผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทย 2014 จำนวน 40 สาวงาม จากกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ดำเนินการถ่ายทำ VTR ณ ประตูสาเกตุ และศาลหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางบึงพลาญชัย เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เพื่อส่งเสริมปีการท่องเที่ยวและขานรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ประตูสาเกตเป็นสัญลักษณ์เมืองร้อยเอ็ด สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เมื่อปี 2542 สูง 7 เมตร ออกแบบโดย กรมศิลปากร จำลองเป็นประตูเมืองนครสีภี เมืองพระเวสสันดร โดยจังหวัดร้อยเอ็ดใช้เป็นฉากงานแสดงประเพณีบุญผะเหวดร้อยเอ็ด ซึ่งได้กำหนดจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ของทุกปี เพื่อเป็นการอนุรักษ์พุทธศาสนา และวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดให้คงอยู่สืบไป

นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เปิดเผยด้วยว่า เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ได้เตรียมสถานเพื่อเป็นสถานที่ถ่ายทำ VTR แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวนหลายแห่ง อาทิ สถานแสดงสัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด, วัดเหนือ ซึ่งมีเสาหินอายุกว่า 3,000 ปี และพระใหญ่ สูง 101 วัดบูรภาพิราม คาดว่าจะเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น




วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
8 พ.ค. 57

เปิดงานปีส่งเสริมการท่องเที่ยวร้อยเอ็ด พร้อมต้อนรับสาวงามผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 08.00 น. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิดปีส่งเสริมการท่องเที่ยวร้อยเอ็ด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก พร้อมให้การต้อนรับ 40 สาวงามผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ณ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด

จังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดให้ปี 2557 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยว และขานรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงร่วมกับหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด และกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นสถานที่เก็บตัวและทัศนศึกษาผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ระหว่างวันที่ 8 – 14 พฤษภาคม 2557 มีผู้เข้าประกวดและเจ้าหน้าที่กองประกวดตลอดจนสื่อมวลชนจากส่วนกลาง กว่า 120 คน เดินทางมาที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อถ่ายทำ VTR สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตของเกษตรกรทุ่งกุลาร้องไห้ สินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดร้อยเอ็ด แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และด้านศาสนาโบราณสถาน อาทิ ศาลหลักเมือง, เสาหิน 3,000 ปี วัดเหนือ,พระใหญ่สูงที่สุด 101 ศอก ที่วัดบูรพาภิราม,อนุสาวรีย์พระขัติยวงษา,ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด,โรงเรียนสอนควาย คนไถ่นา,เรียนรู้และทดลองเกี่ยวข้าว ณ ทุ่งกุลาร้องไห้ การนั่งสมาธิรอบพระมหาเจดีย์ชัยมงคล, ชมความ งามของผาหมอกมิวาย ที่อำเภอหนองพอก,ชมความงามของอ่างเก็บน้ำห้วยพุงใหญ่,เจดีย์หินทราย วัดป่ากุง อำเภอศรีสมเด็จ, และจำลองขบวนแห่กัณฑ์จอบ กัณฑ์หลอนงานประเพณีบุญผะเหวดร้อยเอ็ด และรำวงคืนเพ็งเส็งประทีป ตลอดจนร่วมประเพณีกวนข้าวทิพย์ของชาวร้อยเอ็ด

คณะผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 และเจ้าหน้าที่กองประกวดตลอดจนสื่อมวลชนจากส่วนกลางถึงจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยขบวนกลองยาว โดยมีกำหนดการตลอดทั้งวันเพื่อเก็บตัวและถ่ายทำ VTR ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ดังนี้ ช่วงเช้าสักการะศาลหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่กลางบึงพลาญชัยเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพนับถือ และเชื่อว่าเจ้าพ่อจะช่วยดลบันดาลให้ชาวเมืองมีความสุข คิดสิ่งใดสมปรารถนา, เที่ยวชมพันธุ์ปลา ที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของภาคอีสาน,สักการะอนุสาวรีย์พระขัตยวงษา, เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก,สักการะหลวงพ่อใหญ่ สูง 101 ศอก ที่วัดบูรพาภิราม,เที่ยวชมศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด ที่ทันสมัยที่สุด 1 ใน 4 ของประเทศ ตั้งอยู่ ณ อำเภอธวัชบุนรี จังหวัดร้อยเอ็ด ภาคค่ำฝึกซ้อมการแสดง ณ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้นร้อยเอ็ด



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
8 พ.ค. 57

เลยจัดงานปาร์ตี้โฟมสงกรานต์ ครั้งแรกในเมืองเลย

(ข่าวย้อนหลัง) เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลสนุกสนานรื่นเริง เชื่อมความสัมพันธ์ความรักความผูกพันทำกิจกรรมของครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูง และคนในสังคม โดยใช้น้ำเป็นสื่อในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ด้วยการเล่นน้ำสงกรานต์ในหมู่เพื่อน และคนรู้จัก ที่รักษาไว้ซึ่งประเพณีดีงามของท้องถิ่นไทย เพื่อความสะดวกในการจราจรและรักษาความปลอดภัย ในหลายพื้นที่ได้กำหนดจัดโซนนิ่งในการจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น เทศบาลเมืองเลย ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดเลย จึงมีกำหนด จัดงานปาร์ตี้โฟมสงกรานต์ครั้งแรก และแห่งเดียวในเมืองเลย ในวันที่ 13 - 15 เมษายน 2557 ตั้งแต่ 14.00 - 20.00 น. ของทุกวัน ณ เวทีกลางแจ้ง พื้นที่ ลานเอนกประสงค์ C Village ชาวเลยขอพรผู้สูงอายุ ตามประเพณีอันดีงามของไทย (ตรงข้ามร้านหน่อยส้มตำ) วงเวียน ถนนนกแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยจะมีกิจกรรมการแสดงดนตรีเยาวชนต้านภัยยาเสพติด และปาร์ตี้โฟม ซึ่งจะดำเนินปิดถนนนกแก้ว บริเวณหน้าร้านโพธิ์ทอง ถึงวงเวียนน้ำพุ ในวันที่ 13 - 15 เมษายน 2557 ตั้งแต่ 14.00 – 20.00 น. ของทุกวัน จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ และชมการแสดงดนตรีเยาวชนต้านยาเสพติด ในงานปาร์ตี้โฟม สงกรานต์ ปราศจากแอลกอฮอล์ สุดอลังการครั้งแรกและแห่งเดียวในเมืองเลย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับสมัครคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต

นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน แจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดรับสมัครผู้ใช้พลังงานเข้าเป็นคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต หรือ คพข. เพื่อเป็นกลไกลดำเนินงานในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานให้กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550

ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ และจำนวน คพข. ที่จะมีในแต่ละจังหวัด รวมทั้งดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.erc.or.th และส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 319 ชั้น19 อาคารจัตุรัสจามจุรี ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ระหว่างวันที่ 9 – 30 พฤษภาคม 2557 นี้ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์โทร 02 207 3599 ต่อ 890-1 ในวันและเวลาราชการ




สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว

เทสโก้โลตัส เปิดศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาค แห่งแรกที่จังหวัดขอนแก่น รองรับธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ให้บริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า ส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น

นายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มร.จอห์น คริสตี้ ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการ เทสโก้ โลตัส  นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ พลตำรวจเอก วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี  นายสมิง ยิ้มศิริ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นร่วมกันเปิด ศูนย์กระจายสินค้าเทสโก้ โลตัส จังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยเนื้อที่ 52,000 ตารางเมตร และยังเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ครบวงจรแห่งแรกในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของไทย ด้วยการจัดเก็บและกระจายสินค้าทุกประเภท ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่ไม่ใช่อาหารและอาหารสดชนิดต่างๆ รวมถึงอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง ซึ่งถูกจัดเก็บในพื้นที่ ที่มีอุณหภูมิ ตั้งแต่ -21 องศาเซลเซียส จนถึงการจัดเก็บสินค้าในอุณหภูมิที่เหมาะสม นอกจากนี้ ศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าว ยังสามารถกระจายสินค้าที่บรรจุในขนาดต่างๆ ทั้งแบบเต็มพาเลท จนถึงชิ้นเดียว

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า การเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เทสโก้ โลตัส ได้มีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เงินลงทุนถึง 2,500 ล้านบาท ในการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยมาตรฐานสากล และยังได้สร้างงานให้กับท้องถิ่น เกือบ 1,000 ตำแหน่ง และเป็นรูปแบบเดียวกับศูนย์กระจายสินค้าชั้นนำใน สหราชอาณาจักรและยุโรป โดยได้นำนวัตกรรมล่าสุด ด้านการกระจายสินค้า ในคอนเซปต์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อีกด้วย
ศุนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ รองรับธุรกิจของเทสโก้ โลตัสที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันจัดส่งสินค้าแก่ร้านค้าทุกรูปแบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน กว่า 300 แห่ง ทั้งร้านค้าขนาดเล็ก อย่างเทสโก้ โลตัส เอ๊กซ์เพรส จนถึงร้านค้าขนาดใหญ่อย่างเทสโก้ โลตัส เอ๊กซ์ตร้า นอกจากนี้ การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดขอนแก่น ยังช่วยลดระยะทางในการขนส่งได้ถึง 4 แสนกิโลเมตรต่อสัปดาห์

ปัจจุบันเทสโก้ โลตัส มีศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง ในภาคกลาง รองรับร้านค้า 1,700 สาขาในประเทศไทย โดยเทสโก้ โลตัส ได้ขยายเครือข่ายร้านค้าอย่างต่อเนื่องซึ่งในปีนี้ เทสโก้ โลตัสมีแผนงานที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจด้วยกลยุทธ์ "การค้าปลีกที่หลากหลายช่องทาง”(Multi – channel Retailing Strategy)และศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 5 ที่จังหวัดขอนแก่น จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเทสโก้ โลตัส อย่างดียิ่ง และทางเทสโก้ โลตัส จะยังช่วยสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อม  และสังคมอย่างต่อเนื่อง

ชัยภูมิจัดกิจกรรมวันกาชาดโลก

เหล่ากาชาดจังหวัดชัยภูมิ จัดกิจกรรม เนื่องในวันกาชาดโลก และวันสถาปนาสภากาชาดไทย รำลึกถึง นายอังรี ดูนังต์ ผู้ให้กำเนิดกาชาดสากลสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 นางเครือวัลย์ เจียรณัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชัยภูมิ เปิดกิจกรรม เนื่องในวันกาชาดโลก และวันสถาปนาสภากาชาดไทย ในส่วนของจังหวัดชัยภูมิ ได้จัดขึ้นที่ หอประชุมอำเภอคอนสวรรค์ มีการจัดนิทรรศการ ความรู้ เกี่ยวกับสภากาชาดไทย กิจกรรมตอบปัญหาชิงรางวัล และรับบริจาคโลหิต บริจาคอวัยวะ และบริจาคดวงตา ให้กับสภากาชาดไทย มีข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ชาวอำเภอคอนสวรรค์ ร่วมบริจาค อย่างคึกคัก

วันที่ 8 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของ นายอังรี ดูนังต์ ผู้ให้กำเนิดกาชาดสากลสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) จึงได้กำหนดให้วันนี้ของทุกปี เป็นวันกาชาดโลก เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ให้กำเนิดกาชาด สำหรับในปีนี้สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ(IFRC) ได้กำหนดคำขวัญในปีนี้ว่า "Our World Your Move” โลกของเราช่วยได้ ด้วยหลายมือ


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

โคราชเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเททองหล่อพระยอดธง รุ่นชัยชนะ เพื่อหารายได้สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 นครราชสีมาเกมส์

วันนี้ (8 พ.ค. 57) นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครราชสีมาร่วมพิธีเททองหล่อพระยอดธง รุ่นชัยชนะ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาเป็นเจ้าภาพจัดสร้างขึ้น เพื่อหารายได้สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 นครราชสีมาเกมส์ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในระหว่างวันที่ 9-19 ธค 2557 และการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 33 หรือโคราชเกมส์ ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 มค 2558 สำหรับพิธีเททองหล่อพระยอดธง รุ่นชัยชนะ จะมีพิธีในวันอาทิตย์ที่ 11 พค 2557 เวลา 14.09 น ณ มณฑลพิธี วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และองค์อธิฐานจิต และมีดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

สำหรับพระยอด ธง รุ่นชัยชนะ จะถูกจัดสร้างขึ้น 4 รูปแบบ ได้แก่ พระยอดธง ชุดทองคำ(เลขมงคล) ประกอบด้วย เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อทองทิพย์ รวม 3 องค์ (บรรจุในกล่องพลาสติกใส ภายในบุกำมะหยี่สีแสด) จัดสร้างจำนวน 41 ชุด ชุด ละ 79,999 บาท พระยอดธง ชุดทองคำทั่วไป ประกอบด้วย เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อทองทิพย์ รวม 3 องค์ (บรรจุในกล่องพลาสติกใส ภายในบุกำมะหยี่สีแสด) จัดสร้างจำนวน 558 ชุด ชุด ละ 59,999 บาท พระยอดธงเนื้อเงิน (บรรจุในกล่องพลาสติกใส ภายในบุกำมะหยี่สีแสด) จัดสร้างจำนวน 2,999 องค์ องค์ ละ 1,999 บาท และพระยอดธงเนื้อทองทิพย์ (บรรจุในกล่องพลาสติกใส ภายในบุกำมะหยี่สีแสด) จัดสร้างจำนวน 29,999 องค์ องค์ ละ 299 บาท สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา หรือโทรศัพท์ 044-244-252 และ 044-242-102

โคราชเปิดการฝึกอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานให้แก่ผู้บริหาร ประธานสภา และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 10.00 น ที่โรงแอรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานให้แก่ผู้บริหาร ประธานสภา และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับทราบนโยบายแผนพัฒนาระดับชาติ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินการได้อย่างสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันและบรรลุผลเป็นรูปธรรม และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ตลอดจนส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ ความสามารถในการพัฒนาจัดการและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต่อไป สำหรับในการฝึกอบรมในครั้งนี้ได้มี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอโนนสูง อำเภอโนนไทย อำเภอขามสะแกแสง อำเภอพระทองคำ เข้าร่วมอบรมจำนวน 200 คน

สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดศึกษาดูงานสถานประกอบการตามโครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมที่จังหวัดเพชรบุรี

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า นายจิรวัธน์ อารีย์ หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดศึกษาดูงานนอกสถานที่ตามโครงการสร้างและพัฒนาเคืรอข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ 2557 เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับชุมชนและเปิดโอกาสให้ชุมชน สถานประกอบการและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษในรูปแบบเครือข่ายการเฝ้าระวัง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นของสถานประกอบการได้เป็นอย่างดี ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคชุมชน สถานประกอบการและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษและนำไปสู่การสร้างมวลชนสัมพันธ์เพื่อการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น

วัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการดังกล่าว มุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมาย คือ ตัวแทนชุมชน เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการ ไปศึกษาดูงานในสถานประกอบการที่มีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2557 จำนวน 35 คน และในวันนี้ ( 8 พ.ค. 2557) เวลา 09.00 น. ตัวแทนชุมชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการได้เดินทางศึกษาดูงานสถานที่ บริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ดูงานด้านการผลิตปูนซีเมนต์ ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และงานมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

กรมทางหลวงจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 2 หลังสรุปจุดก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5

วันนี้ (08-05-57 ) เวลา 09.00 น.  ณ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายชโลธร ผาโคตร ผวจ.บึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 หลังกรมทางหลวง สรุปผลการคัดเลือกแนวทางเลือกที่เหมาะสมของโครงการ งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบรายละเอียดสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - ปากซัน) เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะสรุปผลการคัดเลือกแนวทางเลือกที่เหมาะสมของโครงการ ตำแหน่งสะพาน รูปแบบโครงสร้างสะพานตลอดจนผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ และประชาชนในพื้นที่ ร่วมแสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะต่อแนวเส้นทางเลือก และตำแหน่งสะพานที่เหมาะสมของโครงการ

นายชโลธร ผาโคตร ผวจ.บึงกาฬ กล่าวว่า โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน พร้อมโครงข่ายเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เป็นยุทธศาสตร์พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกลุ่มอนุภาคตอนบนและยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง ที่เกี่ยวข้องการการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศในการเชื่อมโยงโครงการเส้นทางการคมนาคมและขนส่งระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาว สำหรับรองรับปริมาณการเดินทางและการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นโดยแนวเส้นทางประกอบด้วยโครงข่ายทางหลวงทั้งในฝั่งประเทศไทยและสปป.ลาวผ่านทางสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน ในการศึกษาต้องพิจารณาถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศ พัฒนาทางหลวงให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียน ฉบับล่าสุด โดยออกแบบปรับปรุงเป็นทางหลวงขนาดที่เหมาะสมตามผลวิเคราะห์ทางด้านวิศวกรรมและการจราจร ดังนั้นกรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาให้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบรายละเอียดโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน นอกจากนี้กรมทางหลวงได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจึงได้มีการจัดประชุมขึ้นในวันนี้เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการ ในการดำเนินงานโครงการที่ผ่านมาที่ปรึกษาได้สำรวจพื้นที่ในภาคสนามเบื้องต้น ทั้งในฝั่งประเทศไทย และฝั่ง สปป.ลาว และได้กำหนดแนวเส้นทางเลือกของโครงการไว้ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ โดยหลีกเลี่ยงชุมชนหนาแน่น และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ เป็นต้น และให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาทางหลวงของ สปป.ลาว ที่จะทำการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองปากซันในอนาคต จากประเด็นการพิจารณาเปรียบเทียบแนวเส้นทางเลือก สามารถคัดกรองแนวเส้นทางเลือกเบื้องต้นเหลือ 3 แนวเส้นทางโดยที่แนวเส้นทางเลือกทุกแนวจะมีแนวเส้นทางร่วม (SPUR LINE) จากทางหลวงหมายเลข 212 มาเชื่อมกับแนวเส้นทางหลักในฝั่งประเทศไทย และมีแนวเส้นทางส่วนต่อขยายในอนาคต ในฝั่ง สปป.ลาว ดังแสดงในรูปโดยมีรายละเอียดของแต่ละแนวเส้นทางเลือก ทั้งนี้ได้มีการเลือกแนวเส้นทางเลือกที่ 2 (A+B+D) จุดเริ่มต้นโครงการที่ฝั่งประเทศไทย ที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข 222 บริเวณกิโลเมตรที่ 123+560 ใกล้กับที่ดินกรมทางหลวงเหมือนแนวเส้นทางเลือกที่ 1 แนวเส้นทางจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแนวเดียวกับแนวเส้นทางเลือกที่ 1 และตัดกับทางหลวงชนบทหมายเลข บก.5004 ที่บ้านห้วยดอกไม้ ใกล้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านห้วยดอกไม้ ก่อนจะแยกออกจากแนวเส้นทางเลือกที่ 1 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือผ่านพื้นที่เกษตรกรรมและเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือผ่านด่านพรมแดนฝั่งประเทศไทย ก่อนยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 212 ที่บ้านดอนยม บริเวณกิโลเมตรที่ 125+860 ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 200 เมตร ก่อนจะข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งมีความกว้างบริเวณนี้ประมาณ 700 เมตร แนวเส้นทางจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือผ่านจุดสลับทิศทางจราจรและด่านพรมแดนฝั่ง สปป.ลาว ต่อจากนั้นแนวเส้นทางจะผ่านไปทางฝั่งตะวันตกของหนองง้า และสิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 13 ซึ่งห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 2 กิโลเมตร รวมระยะทางของแนวเส้นทางหลักประมาณ 14.88 กิโลเมตร และแนวเส้นทางร่วม (Spur line) จากทางหลวงหมายเลข 212 มีระยะทาง 1.96 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 16.84 กิโลเมตร โดยกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกแนวเส้นทางและตำแหน่งสะพานที่เหมาะสมของโครงการ ได้มีการพิจารณาเปรียบเทียบใน 3 ด้าน คือด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจ และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญของแต่ละด้านซึ่งแต่ละปัจจัยจะพิจารณาจากความได้เปรียบ/เสียเปรียบหรือข้อดี/ข้อด้อยโดยการให้ค่าตัวคูณ (Multiplier Factor) นำไปคูณกับน้ำหนักคะแนนในแต่ละปัจจัย ซึ่งจะได้ผลคูณเป็นคะแนนของแต่ละปัจจัยตามแนวเส้นทางเลือกนั้นๆ เมื่อนำผลรวมของคะแนนในแต่ละด้านของแต่ละแนวเส้นทางเลือกมาเปรียบเทียบกันแล้ว แนวเส้นทางเลือกที่ได้คะแนนรวมมากที่สุดจะเป็นแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมกับโครงการค่าตัวคูณที่จะใช้สำหรับปัจจัยแต่ละด้านเพื่อที่จะทำให้การคัดเลือกได้แนวเส้นทางเลือกที่มีความเหมาะสมอย่างแท้จริงสำหรับนำไปใช้ในการสำรวจและออกแบบในขั้นรายละเอียดต่อไป ดังนั้นจึงได้พิจารณากำหนดน้ำหนักคะแนนของแต่ละด้านดังนี้ 1. หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบด้านวิศวกรรม 35 คะแนน 2. ด้านเศรษฐกิจ 30 คะแนน และ 3. ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม 35 คะแนน นายชโลธร ผวจ.บึงกาฬ กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน หลังจากรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้คาดว่าน่าจะออกแบบก่อสร้างได้แล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ ทางจังหวัดบึงกาฬก็จะนำเรื่องเสนอต่อรัฐบาลเพื่อของบประมาณในการก่อสร้างราว 2,800 ล้านบาทอาจจะใช้เวลาราว 1 ปี หลังจากได้งบประมาณดังกล่าวแล้วก็จะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ซึ่งต้องใช้เวลาก่อสร้างอีก 3 ปีและในปี พ.ศ.2560-2561 หรืออีก 4 ปีข้างหน้านี้สะพานแห่งที่ 5 บึงกาฬ-ปากซัน ก็คงจะแล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลที่จะอนุมัติเงินงบประมาณให้

บึงกาฬเตรียมความพร้อมเกษตรกรสู่ฤดูการผลิตใหม่รับวันพืชมงคล

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬจัดแถลงข่าวประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬ เพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรกรเริ่มต้นฤดูการผลิตใหม่ในโอกาสวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ ห้องประชุมสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

วันที่ 06-05-57 เวลา 13.00 น. หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดบึงกาฬ จัดแถลงข่าวประประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬ เพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรกรเริ่มต้นฤดูการผลิตใหม่ในโอกาสวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยมีเนื้อหาสำคัญที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดบึงกาฬได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬให้มีความรู้ความเข้าใจในการทำการเกษตรประกอบด้วยงานหลักๆ 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการวางแผนการผลิต 2. ด้านการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม 3. ด้านการให้บริการการเกษตรในพื้นที่ อย่างครอบคลุมและทั่วถึง

จังหวัดบึงกาฬมีพืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ยางพารามาเป็นอันดับ 1และข้าวมาเป็นอันดับ 2 ยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับ 1 ของจังหวัด แต่ ณ ปัจจุบันเกิดปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เนื่องจากปัญหาหลายๆอย่างที่เป็นปัจจัย ทำให้เกษตรกรขาดรายได้ทางกระทรวงเกษตรได้มองว่าพืชเศรษฐกิจอันดับ 2 ของจังหวัดบึงกาฬคือข้าวซึ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญในการดำรงชีวิตและเกษตรกรบางส่วนนอกจากมีสวนยางแล้วยังมีนาข้าวซึ่งถือว่าเป็นข้อเด่นของจังหวัดบึงกาฬเพราะถึงราคายางตกต่ำแต่ก็ยังมีข้าวกินและทำดีๆได้ขายเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักได้เลย สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ จึงได้วางแผนการผลิตข้าวโดยได้ดำเนินการบริหารจัดการโครงสร้างการผลิตข้าวของจังหวัดให้มีความเหมาะสม ทางด้าน สภาพดิน แหล่งน้ำ ความสมดุลในเรื่อง demamd และ supply ของข้าว รวมทั้งส่งเสริมการผลิตข้าวโดยใช้สายพันธ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดข้าวคุณภาพดี โดยมีการสำรวจ ตรวจสอบ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลข้าวในทุกๆด้าน มีการประชาสัมพันธ์สร้างเครือข่ายเกษตรกร และติดตามการดำเนินงานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรในการผลิตข้าวให้ได้คุณภาพอย่างยั่งยืน และมีการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตรที่เหมาะสม มีการให้บริการทางการเกษตรในพื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะประชาชนได้เห็นถึงปัญหาและให้ความสำคัญในการทำการเกษตรตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หันมาทำเกษตรหลายอย่าง แทนการทำเกษตรเชิงเดี่ยว

หากประชาชนในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬมีปัญหาอยากได้ความรู้ อยากได้รับการสนับสนุนในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับการเกษตรเช่น เรื่องดิน การประมง การปศุสัตว์ พืชสวน ไร่นา ติดต่อขอรับบริการได้ที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทุกหน่วยงาน

มหาสารคาม พร้อมเป็นเจ้าภาพแข่งขันการพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์

ศูนย์พัฒนาทักษะวิศวกรรมหุ่นยนต์ จังหวัดมหาสารคาม จัดแข่งขันการพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยมีทีมเยาวชนจากโรงเรียนในกลุ่ม 4 จังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ เข้าร่วมแข่งขัน กำหนด 21-22 มิถุนายน นี้ ที่เสิรมไทยคอมเพล็กซ์ มหาสารคาม

ดร.ภักดี รัตนมุขย์ ผู้บริหารศูนย์พัฒนาทักษะวิศวกรรมหุ่นยนต์ จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จากความต้องการส่งเสริมความรู้ ทักษะ ของเยาวชน สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์และเรียนรู้การควบคุมหุ่นยนต์ ศูนย์พัฒนาทักษะวิศวกรรมหุ่นยนต์ จังหวัดมหาสารคาม จึงได้จัดทำโครงการจัดแข่งขันการพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ เพื่อเป็นแนวทางให้เยาวชนได้นำความรู้ไปพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์และใช้ระบบ ICT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดแข่งขันออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เปิดรับสมัครนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษา จังหวัด มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์และขอนแก่น ระดับละ 16 ทีม ๆ ละ ไม่เกิน 3 คน กำหนดแข่งขันในระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน 2557 ณ ศูนย์การค้าเสริทไทยคอมเพล็กซ์ จังหวัดมหาสารคาม

สำหรับทีมโรงเรียนหรือเยาวชนที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียด สมัครเข้าร่วมแข่งขัน โดยดาวโหลดใบสมัครได้ทางเวบไซต์ www.itrobotkids.com หรือที่ศูนย์พัฒนาทักษะวิศวกรรมหุ่นยนต์ จังหวัดมหาสารคาม โทรศัพท์หมายเลข 043 721822 และ 084 26106667 จนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2557 ผู้ชนะในแต่ละระดับจะได้รับรางวัลทุนการศึกษาพร้อมเกียรติบัตร รางวัลชนะเลิศ 5,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 ทุนการศึกษา 3,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2 ทุนการศึกษา 2,000 บาท โดยอาจารย์ที่ปรึกษาและนักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับเกียรติบัตรทุกคน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ทหารช่วยเด็กจมน้ำ...เรื่องประทับใจ ณ ปลายด้ามขวาน

หลายคนคงได้ชมคลิปวีดีโอที่บันทึกภาพเหตุการณ์บางช่วงบางตอนที่ทหารในสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วยชีวิตหนูน้อยวัย 7 ขวบที่กำลังจมน้ำ ใกล้กับประตูน้ำคลองชลประทานในพื้นที่บ้านน้ำใส หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี กันแล้ว

เรื่องราวอันแสนประทับใจไม่ใช่แค่เฉพาะการที่ทหารตัดสินใจกระโดดลงน้ำโดยไม่ คิดถึงชีวิตของตัวเองเท่านั้น แต่ในช่วงที่งมร่างเด็กชายขึ้นมาจากน้ำแล้ว และเด็กยังไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่ทหารทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกสติของเด็กกลับคืนมา ขณะที่คนในหมู่บ้านซึ่งเป็นมุสลิมทั้งหมดก็พยายามช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เป็นเสียงพูดทั้งภาษาไทยและภาษามลายูถิ่นสลับกันอื้ออึง

วินาทีที่หลายคนแทบน้ำตาไหล คือ ชาวบ้านคนหนึ่งขับรถกระบะสีขาวมารับทหารเพื่อพาเด็กส่งโรงพยาบาล ขณะนั้นเด็กเริ่มรู้สึกตัวและสำลักน้ำออกมาแล้ว ปรากฏว่าทหารหาญห่วงแต่เด็กถึงขั้นไม่ได้สนใจอาวุธปืนยาวประจำกาย ทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยอันตรายทุกด้าน สุดท้ายเพื่อนต้องหยิบปืนส่งตามไปให้ขณะรถกำลังออกตัว
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. ก่อนวันครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์กรือเซะเพียง 3 วัน เป็นช่วงที่กองกำลังทุกหน่วยเคร่งเครียดกับการเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรง ขนาดใหญ่ของผู้ก่อความไม่สงบ

ทหารหมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 15331 (มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.15331) หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 (ฉก.ปน.25) ก็เช่นกัน ได้จัดกำลังพล 6 นาย มี จ.ส.อ.เอกพงศ์ สวัสดิ์พันธ์ เป็นหัวหน้าชุด ออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยและพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านน้ำใส หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร

กระทั่งเวลา 16.00 น. ขณะกำลังเดินเท้ากลับฐานปฏิบัติการ ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "ช่วยด้วยมีเด็กจมน้ำที่ประตูส่งน้ำ" ทำให้ จ.ส.อ.เอกพงศ์ พร้อมลูกน้อง คือ ส.ต.ไพรวัลย์ สุขพอ และ พลทหารทรงพันธ์ อินทรานนท์ วิ่งไปถอดเสื้อเกราะ หมวกแค็บบร้า (หมวกกันกระสุนประเภทหนึ่ง) เสื้อชุดฝึก และวางอาวุธปืน ก่อนจะรีบวิ่งไปบริเวณประตูน้ำคลองชลประทาน และกระโดดลงไปช่วยงมหาเด็ก ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่เริ่มทราบเหตุร้ายและพากันไป มุงดู

จ.ส.อ.เอกพงศ์ ใช้เวลาไม่นานก็พบร่างของ ด.ช.ซูไฮมิง สาและ วัยเพียง 7 ขวบซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ และรีบนำขึ้นมาบนฝั่ง ปรากฏว่าเด็กชายหยุดหายใจไปแล้ว ชาวบ้านที่ลุ้นกันอยู่ถึงขั้นร้องเสียงหลง แต่ จ.ส.อ.เอกพงศ์ และเพื่อนทหารยังไม่ท้อ ได้ช่วยกันผายปอด ปั๊มหัวใจ จนสามารถช่วยให้เด็กฟื้นขึ้นมาหายใจได้เอง ก่อนจะรีบนำเด็กขึ้นรถของชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาลมายอ เมื่อแพทย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี กระทั่งเด็กปลอดภัย และกลับบ้านไปอยู่กับบิดามารดาด้วยรอยยิ้ม

จ.ส.อ.เอกพงศ์ เล่าถึงเหตุการณ์ในนาทีแห่งความเป็นความตายว่า ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร นอกจากขอให้เด็กปลอดภัย เรางมหาเด็กประมาณ 3 นาทีก็เจอร่างเด็ก จึงรีบยกขึ้นมา ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วก็ส่งเด็กไปโรงพยาบาล พอทราบว่าเด็กปลอดภัยก็รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเขา หลังจากนั้นทางพ่อกับแม่เด็กก็มาขอบคุณ และบอกว่าเด็กปลอดภัย ก็ยิ่งดีรู้สึกดีใจ

"คลองที่เกิดเหตุปกติน้ำจะลึก แต่โชคดีที่ช่วงนี้อากาศร้อน ทางเขื่อนได้ระบายน้ำออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ทำให้น้ำไม่ค่อยเยอะมาก ช่วงนี้เด็กๆ ก็จะมาเล่นน้ำกัน แต่ คืนก่อนเกิดเหตุมีฝนตก ทำให้น้ำขึ้นมาพอสมควร อาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้เด็กจมน้ำ"

ทั้งนี้ จ.ส.อ.เอกพงศ์ ไม่ใช่คนแปลกหน้าของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาเล่าว่าแม้จะเป็นคนสิงห์บุรี เป็นคนภาคกลาง แต่ได้อาสาลงมาปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.15331 รับผิดชอบพื้นที่บ้านน้ำใส และ ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุรุนแรงรายวันได้ไม่นาน จากนั้นปี 2550 ได้ย้ายออกไป กระทั่งปี 2552 ได้กลับเข้ามาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เดิมอีกจนถึงปัจจุบัน

"ผมรู้จักชาวบ้านที่นี่ดีพอสมควร อย่างครอบครัวเด็กคนนี้ก็รู้จักกัน ด้วยความที่อยู่พื้นที่นี้มานาน เมื่อว่างจากภารกิจหลักคือ รปภ.ครู และเฝ้าระวังเส้นทาง ก็จะเข้าหมู่บ้านมาพูดคุยสร้างความเข้าใจชาวบ้าน วันไหนชาวบ้านมีงานก็จะช่วยเหลือ"

ส่วนความรู้สึกของประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบทหาร และแสดงท่าทีอยากให้ถอนกำลังทหารออกไปจากพื้นที่นั้น จ.ส.อ.เอกพงศ์ บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะทหารลงมาทำหน้าที่ และต้องทำให้ดีที่สุด ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนสู้

ด้านความรู้สึกของแม่เด็ก นางยะฮาแว อูมา ซึ่งชาวบ้านรู้จักกันในนาม "ก๊ะเยาะ" บอกว่า ตอนนี้ซูไฮมิงปลอดภัยแล้ว ตอนแรกไม่คิดว่าจะรอด ครั้งแรกที่ดูหน้าลูก คิดอย่างเดียวว่าลูกต้องตายแน่ๆ

"ซูไฮมิงเป็นลูกชายคนที่ 2 ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นใกล้ค่ำ ลูกชายคนโตซึ่งเป็นพี่ชายของซูไฮมิงกลับมาบอกว่าน้องจมน้ำ อยู่โรงพยาบาล รู้สึกตกใจมาก จึงรีบวิ่งไปที่โรงพยาบาล จึงรู้เรื่องว่าลูกจมน้ำที่คลอง มีทหารเข้ามาช่วยเหลือ ต่อมาชาวบ้านก็เล่ากันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเดินไปขอบคุณทหาร ขอบคุณเขามาก ถ้าไม่ได้เขา ลูกต้องตายแน่ๆ"

"ขนาดไปดูที่โรงพยาบาลตอนแรกยังอดคิดไม่ได้เลยว่าลูกจะไม่รอด นี่ถ้าไปดูตอนที่เขาช่วยชีวิตลูกคงเป็นลมแน่ๆ เพราะตอนนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 4 ได้ 6 เดือน ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ลูกไปเล่นที่ไหนก็ไม่ทันได้ดูเขาตลอด พ่อของเขาก็ทำงาน"

ก๊ะเยาะ พูดถึงทหาร ร้อย ร.15331 ว่า ทหารชุดนี้เป็นชุดที่ดี ชาวบ้านรัก เพราะอยู่มานาน ทุกคนรู้จักพวกเขา และตลอดเวลาที่มาตั้งฐานอยู่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ชาวบ้าน ทั้งยังช่วยเหลือตลอด ทั้งถางป่าริมทาง เวลา ชรบ.(ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) ไม่มีกาแฟ ก็จะเอามาให้ เวลาเหตุรุนแรงเยอะก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนชาวบ้าน ช่วยกันตั้งด่าน ดูแลความสงบเรียบร้อยให้พวกเรา รวมทั้งครั้งนี้ ถ้าไม่ได้เขา ลูกชายคงไม่รอด

ด้าน พ.ท.เอกวุฒิ คงคาเขตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 กล่าวว่า เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำความดี ทำให้ชาวบ้านอุ่นใจ ที่ผ่านมาทหารได้เข้าไปสร้างโครงการดีๆ ให้กับชาวบ้านตลอด โดยเฉพาะโครงการแสงแห่งความหวัง (นำคณะแพทย์ลงพื้นที่ผ่าตัดต้อกระจกให้ฟรี) ที่สามารถทำให้พ่อแม่พี่น้องทั้งมุสลิมและพุทธกลับมาพบกับโลกที่สว่าง สามารถฏิบัติศาสนกิจและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

เรื่องราวและคลิปวีดีโอทหารช่วยเด็กจมน้ำถูกแชร์กันไปมากมายในโลกออนไลน์ ทุกคนที่ได้อ่าน ได้ดูภาพเหตุการณ์ ต่างชื่นชมกับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น...

นายซัมซุดีน โดซอมิ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา หนึ่งในผู้ที่ได้รับทราบข่าวนี้ บอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าชื่นชมที่ทหาร ช่วยชีวิตเด็ก เป็นเหตุการณ์ที่ควรยกย่อง ทุกวันนี้เด็กๆ ปิดเทอม และชอบเที่ยวเล่นซุกซน จึงขอให้ทุกคน ทุกบ้านหมั่นดูแลลูกหลานของตัวเอง

เหตุการณ์ทหารช่วยเด็กจมน้ำนับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวงดงามที่แทรกอยู่ท่าม กลางความอึดอัดตึงเครียดกับสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคงทำให้หลายๆ คนมีหวังที่จะสู้และฝ่าฟันต่อไปให้เกิดสันติสุขขึ้นในดินแดนแห่งนี้เสีย ที...

เกษตรจังหวัดมหาสารคาม แนะเกษตรกรเตรียมพร้อม 4 ด้าน เริ่มต้นการผลิตฤดูกาลใหม่ 2557/58

ว่าที่ร้อยตรีจักรภัทร ผ่องโอภาส เกษตรจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ในการเตรียมความพร้อมของเกษตรกรในช่วงที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลผลิตปี 2557/58 เกษตรกรจะต้องศึกษาข้อมูลของการผลิตในปีที่ผ่านมาว่ามีปัญหา หรืออุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อเริ่มต้นการผลิตที่จะมีขึ้นในปีนี้ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม มีข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรที่จะเริ่มต้นในฤดูกาลผลิตใหม่ 4 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ เกษตรกรจะต้องเตรียมเกี่ยวกับข้อมูลการตลาด แหล่งจำหน่ายผลผลิต แหล่งพันธุ์และปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ดิน น้ำ เตรียมในด้านต้นทุนการผลิต คือความรู้ เช่น ทำอย่างไรจะให้ผลผลิตต่อไร่สูง การเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต นอกจากนี้ยังต้องเตรียมด้านคุณภาพการผลิต และเตรียมแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาเป็นค่าพันธุ์ข้าว แรงงาน และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านการเกษตรที่จะเข้าสู่ฤดูกาลผลิตปี 2557/58 ควรจะมีการเตรียมพร้อมใน 4 ด้านดังกล่าว

ทั้งนี้ จังหวัดมหาสารคาม ได้มีการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกผลผลิตให้กับเกษตรกร หรือการจัดโซนนิ่ง โดยจากพื้นที่ทั้งหมด 3,491,298 ไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 2,922,263 ไร่ พื้นที่ป่าไม้ 291,503 ไร่ แหล่งน้ำ 43,310 ไร่ และอื่น ๆ 234,222 ไร่ ซึ่งการตรวจสอบพบมีพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกข้าว จำนวน 1,385,902 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมอีก 793,098 ไร่ ได้ส่งเสริมให้มีการปลูกอ้อยและพืชชนิดอื่นที่มีความเหมาะสมมาทดแทน




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว