หลายคนคงได้ชมคลิปวีดีโอที่บันทึกภาพเหตุการณ์บางช่วงบางตอนที่ทหารในสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วยชีวิตหนูน้อยวัย 7 ขวบที่กำลังจมน้ำ ใกล้กับประตูน้ำคลองชลประทานในพื้นที่บ้านน้ำใส หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี กันแล้ว
เรื่องราวอันแสนประทับใจไม่ใช่แค่เฉพาะการที่ทหารตัดสินใจกระโดดลงน้ำโดยไม่ คิดถึงชีวิตของตัวเองเท่านั้น แต่ในช่วงที่งมร่างเด็กชายขึ้นมาจากน้ำแล้ว และเด็กยังไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่ทหารทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกสติของเด็กกลับคืนมา ขณะที่คนในหมู่บ้านซึ่งเป็นมุสลิมทั้งหมดก็พยายามช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เป็นเสียงพูดทั้งภาษาไทยและภาษามลายูถิ่นสลับกันอื้ออึง
วินาทีที่หลายคนแทบน้ำตาไหล คือ ชาวบ้านคนหนึ่งขับรถกระบะสีขาวมารับทหารเพื่อพาเด็กส่งโรงพยาบาล ขณะนั้นเด็กเริ่มรู้สึกตัวและสำลักน้ำออกมาแล้ว ปรากฏว่าทหารหาญห่วงแต่เด็กถึงขั้นไม่ได้สนใจอาวุธปืนยาวประจำกาย ทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยอันตรายทุกด้าน สุดท้ายเพื่อนต้องหยิบปืนส่งตามไปให้ขณะรถกำลังออกตัว
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. ก่อนวันครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์กรือเซะเพียง 3 วัน เป็นช่วงที่กองกำลังทุกหน่วยเคร่งเครียดกับการเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรง ขนาดใหญ่ของผู้ก่อความไม่สงบ
ทหารหมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 15331 (มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.15331) หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 (ฉก.ปน.25) ก็เช่นกัน ได้จัดกำลังพล 6 นาย มี จ.ส.อ.เอกพงศ์ สวัสดิ์พันธ์ เป็นหัวหน้าชุด ออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยและพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านน้ำใส หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร
กระทั่งเวลา 16.00 น. ขณะกำลังเดินเท้ากลับฐานปฏิบัติการ ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "ช่วยด้วยมีเด็กจมน้ำที่ประตูส่งน้ำ" ทำให้ จ.ส.อ.เอกพงศ์ พร้อมลูกน้อง คือ ส.ต.ไพรวัลย์ สุขพอ และ พลทหารทรงพันธ์ อินทรานนท์ วิ่งไปถอดเสื้อเกราะ หมวกแค็บบร้า (หมวกกันกระสุนประเภทหนึ่ง) เสื้อชุดฝึก และวางอาวุธปืน ก่อนจะรีบวิ่งไปบริเวณประตูน้ำคลองชลประทาน และกระโดดลงไปช่วยงมหาเด็ก ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่เริ่มทราบเหตุร้ายและพากันไป มุงดู
จ.ส.อ.เอกพงศ์ ใช้เวลาไม่นานก็พบร่างของ ด.ช.ซูไฮมิง สาและ วัยเพียง 7 ขวบซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ และรีบนำขึ้นมาบนฝั่ง ปรากฏว่าเด็กชายหยุดหายใจไปแล้ว ชาวบ้านที่ลุ้นกันอยู่ถึงขั้นร้องเสียงหลง แต่ จ.ส.อ.เอกพงศ์ และเพื่อนทหารยังไม่ท้อ ได้ช่วยกันผายปอด ปั๊มหัวใจ จนสามารถช่วยให้เด็กฟื้นขึ้นมาหายใจได้เอง ก่อนจะรีบนำเด็กขึ้นรถของชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาลมายอ เมื่อแพทย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี กระทั่งเด็กปลอดภัย และกลับบ้านไปอยู่กับบิดามารดาด้วยรอยยิ้ม
จ.ส.อ.เอกพงศ์ เล่าถึงเหตุการณ์ในนาทีแห่งความเป็นความตายว่า ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร นอกจากขอให้เด็กปลอดภัย เรางมหาเด็กประมาณ 3 นาทีก็เจอร่างเด็ก จึงรีบยกขึ้นมา ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วก็ส่งเด็กไปโรงพยาบาล พอทราบว่าเด็กปลอดภัยก็รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเขา หลังจากนั้นทางพ่อกับแม่เด็กก็มาขอบคุณ และบอกว่าเด็กปลอดภัย ก็ยิ่งดีรู้สึกดีใจ
"คลองที่เกิดเหตุปกติน้ำจะลึก แต่โชคดีที่ช่วงนี้อากาศร้อน ทางเขื่อนได้ระบายน้ำออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ทำให้น้ำไม่ค่อยเยอะมาก ช่วงนี้เด็กๆ ก็จะมาเล่นน้ำกัน แต่ คืนก่อนเกิดเหตุมีฝนตก ทำให้น้ำขึ้นมาพอสมควร อาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้เด็กจมน้ำ"
ทั้งนี้ จ.ส.อ.เอกพงศ์ ไม่ใช่คนแปลกหน้าของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาเล่าว่าแม้จะเป็นคนสิงห์บุรี เป็นคนภาคกลาง แต่ได้อาสาลงมาปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.15331 รับผิดชอบพื้นที่บ้านน้ำใส และ ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุรุนแรงรายวันได้ไม่นาน จากนั้นปี 2550 ได้ย้ายออกไป กระทั่งปี 2552 ได้กลับเข้ามาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เดิมอีกจนถึงปัจจุบัน
"ผมรู้จักชาวบ้านที่นี่ดีพอสมควร อย่างครอบครัวเด็กคนนี้ก็รู้จักกัน ด้วยความที่อยู่พื้นที่นี้มานาน เมื่อว่างจากภารกิจหลักคือ รปภ.ครู และเฝ้าระวังเส้นทาง ก็จะเข้าหมู่บ้านมาพูดคุยสร้างความเข้าใจชาวบ้าน วันไหนชาวบ้านมีงานก็จะช่วยเหลือ"
ส่วนความรู้สึกของประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบทหาร และแสดงท่าทีอยากให้ถอนกำลังทหารออกไปจากพื้นที่นั้น จ.ส.อ.เอกพงศ์ บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะทหารลงมาทำหน้าที่ และต้องทำให้ดีที่สุด ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนสู้
ด้านความรู้สึกของแม่เด็ก นางยะฮาแว อูมา ซึ่งชาวบ้านรู้จักกันในนาม "ก๊ะเยาะ" บอกว่า ตอนนี้ซูไฮมิงปลอดภัยแล้ว ตอนแรกไม่คิดว่าจะรอด ครั้งแรกที่ดูหน้าลูก คิดอย่างเดียวว่าลูกต้องตายแน่ๆ
"ซูไฮมิงเป็นลูกชายคนที่ 2 ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นใกล้ค่ำ ลูกชายคนโตซึ่งเป็นพี่ชายของซูไฮมิงกลับมาบอกว่าน้องจมน้ำ อยู่โรงพยาบาล รู้สึกตกใจมาก จึงรีบวิ่งไปที่โรงพยาบาล จึงรู้เรื่องว่าลูกจมน้ำที่คลอง มีทหารเข้ามาช่วยเหลือ ต่อมาชาวบ้านก็เล่ากันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเดินไปขอบคุณทหาร ขอบคุณเขามาก ถ้าไม่ได้เขา ลูกต้องตายแน่ๆ"
"ขนาดไปดูที่โรงพยาบาลตอนแรกยังอดคิดไม่ได้เลยว่าลูกจะไม่รอด นี่ถ้าไปดูตอนที่เขาช่วยชีวิตลูกคงเป็นลมแน่ๆ เพราะตอนนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 4 ได้ 6 เดือน ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ลูกไปเล่นที่ไหนก็ไม่ทันได้ดูเขาตลอด พ่อของเขาก็ทำงาน"
ก๊ะเยาะ พูดถึงทหาร ร้อย ร.15331 ว่า ทหารชุดนี้เป็นชุดที่ดี ชาวบ้านรัก เพราะอยู่มานาน ทุกคนรู้จักพวกเขา และตลอดเวลาที่มาตั้งฐานอยู่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ชาวบ้าน ทั้งยังช่วยเหลือตลอด ทั้งถางป่าริมทาง เวลา ชรบ.(ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) ไม่มีกาแฟ ก็จะเอามาให้ เวลาเหตุรุนแรงเยอะก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนชาวบ้าน ช่วยกันตั้งด่าน ดูแลความสงบเรียบร้อยให้พวกเรา รวมทั้งครั้งนี้ ถ้าไม่ได้เขา ลูกชายคงไม่รอด
ด้าน พ.ท.เอกวุฒิ คงคาเขตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 กล่าวว่า เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำความดี ทำให้ชาวบ้านอุ่นใจ ที่ผ่านมาทหารได้เข้าไปสร้างโครงการดีๆ ให้กับชาวบ้านตลอด โดยเฉพาะโครงการแสงแห่งความหวัง (นำคณะแพทย์ลงพื้นที่ผ่าตัดต้อกระจกให้ฟรี) ที่สามารถทำให้พ่อแม่พี่น้องทั้งมุสลิมและพุทธกลับมาพบกับโลกที่สว่าง สามารถฏิบัติศาสนกิจและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
เรื่องราวและคลิปวีดีโอทหารช่วยเด็กจมน้ำถูกแชร์กันไปมากมายในโลกออนไลน์ ทุกคนที่ได้อ่าน ได้ดูภาพเหตุการณ์ ต่างชื่นชมกับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น...
นายซัมซุดีน โดซอมิ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา หนึ่งในผู้ที่ได้รับทราบข่าวนี้ บอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าชื่นชมที่ทหาร ช่วยชีวิตเด็ก เป็นเหตุการณ์ที่ควรยกย่อง ทุกวันนี้เด็กๆ ปิดเทอม และชอบเที่ยวเล่นซุกซน จึงขอให้ทุกคน ทุกบ้านหมั่นดูแลลูกหลานของตัวเอง
เหตุการณ์ทหารช่วยเด็กจมน้ำนับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวงดงามที่แทรกอยู่ท่าม กลางความอึดอัดตึงเครียดกับสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคงทำให้หลายๆ คนมีหวังที่จะสู้และฝ่าฟันต่อไปให้เกิดสันติสุขขึ้นในดินแดนแห่งนี้เสีย ที...