วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จังหวัดสุรินทร์เร่งเข้าให้การช่วยเหลือสองตายายหลังร้องวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ

ปลัดจังหวัด สุรินทร์ พร้อม ส่วนราชการ เข้าเยี่ยมสองตายาย ซึ่งตาเป็นต้อหินจนตาบอด อาศัยอยู่ลำพังเพียงสองคน หลังวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ

วันนี้ (วันที่ 13 มิ.ย. 56) ที่ นายถาวร กุลโชติ ปลัดจังหวัดสุรินทร์ พร้อม เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ ร่วมเดินทางไปมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง ให้กับครอบครัว 2 ตายาย ที่บ้านเลขที่ 44/1 ม.2 บ.ตราด ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ หลังทราบว่า คุณยายพิง มะลิวัลย์ อายุ 71 ปี และคุณตาเสือน มะลิวัลย์ อายุ 79 ปี อยู่ ประสพความลำบากและทุกข์ยากมาเป็นเวลานาน ซึ่งตาเมือนนั้นตาทั้งสองข้างบอดสนิท สาเหตุเกิดจากการเป็นต้อหินและไม่ไปลอกตาตามที่แพทย์แนะนำ เพราะเกรงว่าจะไม่มีค่ารักษา เลยปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะนานจนทำให้ตาบอดมานานกว่า 40 ปี ส่วนยายพิงต้องคอยดูแลตา ทั้งหุงข้าวหาปลา และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่มีลูกหลานคอยดูแล มีเพียง ญาติห่างๆ และเพื่อนบ้านใกล้เคียง คอย นำอาหาร ผัก ปลา แวะเวียนมาจุนเจือบ้าง แต่ก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งสองตายาย อาศัยอยู่บ้านไม้เก่าๆ สภาพพอกันแดดกันฝน และเริ่มผุฟังไปตามสภาพ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ยิ่งทำให้สองตายายอาศัยอยู่ด้วยความยากลำบากกว่าเดิม ทั้งนี้ทั้งสองไม่มีรายได้อื่นมาจุนเจือครอบครัว นอกจากเงินเบี้ยยังชีพผู้สูง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เดือนละ 1,900 บาท เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ทางด้านสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด สุรินทร์จะได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ทั้งที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตลอดจนการให้ช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป




ส.ปชส.สุรินทร์ ศริณภาพร  จันทสุข ข่าว /กำชัย วันสุข ภาพ 

สำนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานีจัดกิจกรรมการเดินรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ประจำปี 2556

เมื่อวานนี้ ( 12 มิ.ย. 56) ที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดจังหวัดอุบลราชธานี นายเจริญ ตันชัชวาล อัยการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานเดินรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ด้วยพระเจ้าหลายเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงห่วงใยและให้ความสำคัญกับปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง และทรงรับเป็นองค์ทูตสันถวไมตรีของกองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเฟม ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อและโครงสร้างเป็น "องค์การเพื่อความส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่ง สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นวีเมน โดนมีเป้าหมายในการทำงานเพื่อยกสถานภาพของสตรี สำนักงาอัยการสูงสุด เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานด้านยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศไทย ตามแนวพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จึงน้อมนำดำริดังกล่าวมาดำเนินการจัดทำกิจกรรมเพี่อยุติความรุนแรงต่อ ผู้หญิงขึ้น เพื่อความต่อเนื่องให้เป็นรูปธรรมเพื่อนำขึ้นทูลถวาย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

สำนักงานอัยการจังหวัด อุบลราชธานี สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัด "โครงการเดินรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง” ขึ้น เพื่อสนองนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุด และพระดำริของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยมี ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งมหาวิทยาลัยในเขตจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมในกิจกรรมเดินรณรงค์ในครั้งนี้ โดย เน้นความสำคัญและความอบอุ่นของสถาบันครอบครัว อาทิเช่น การเดินรณรงค์, การเล่นกีฬาพื้นบ้านเชื่อมความสามัคคีระหว่างครอบครัว และหน่วยงานต่าง ๆ , กิจกรรมการแสดงออกบนเวที การแต่งคำขวัญยุติความรุนแรงของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งเทคนิคการครองเรือนไม่ให้มีความรุนแรงภายในครอบครัว
 

จักรกฤษณ์ มาลาสาย /ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

อุบลฯเตรียมจัดตั้ง สำนักงานรัฐสภาจังหวัด เปิดให้บริการ 28 มิถุนายน 2556 นี้

คณะผู้ตรวจราชการ ลงพื้นที่สำรวจสถานที่ โดยจะใช้พื้นที่ของอาคารพาณิชย์ (หรือที่ทำการพรรคเพื่อไทย) เพื่อจัดตั้งสำนักงานรัฐสภาจังหวัดอุบลราชธานีโดยจะเปิดให้บริการแก่ประชาชน อย่าง ในวันที่ 28 มิถุนายน นี้
 
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ที่ ห้องประชุมสุบงกช ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับคณะผู้ตรวจราชการพร้อมคณะที่เดินทางลงพื้นที่สำรวจเตรียมความ พร้อมที่ทำการอาคารสำนักงานรัฐสภาอุบลราชธานี เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ทั้งนี้คณะผู้ตรวจราชการได้ลงดูพื้นที่ทำการสำนักงานรัฐสภาจังหวัด อุบลราชธานี อาคารเลขที่ 37 ถนนอุปราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่าง ในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 นี้
 
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีการจัดตั้ง สำนักงานรัฐสภาจังหวัด ขึ้น 2 แห่ง คือ จังหวัดขอนแก่น และ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีข้าราชการ และพนักงาน ประมาณ 7-10 คน โดยจะเปิดให้บริการ เพื่อเป็นสถานที่รับเรื่องร้องทุกข์ ระหว่างและการมีส่วนร่วมของประชาชน และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง เป็นการเผยแพร่ประชาธิปไตยให้ประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงได้รับ ทราบอย่างกว้างขวาง ตลอดจนเป็นสถานที่ประชุมหลัก ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับ ส่วนราชการในจังหวัด ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ


 
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

13มิ.ย.56

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี แถลงข่าวจัดงานของดีอำเภอน้ำยืน ปี 2556 ภายในงานมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าการเกษตรราคายุติธรรม และผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น บริเวณสนามที่ว่าการอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายนนี้

วันนี้ (13 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุมสินเจิมสิริ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นายสมคิด เชื้อคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี นายอำเภอ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน ของดีอำเภอน้ำยืน ประจำปี 2556 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายนนี้ ที่บริเวณสนามที่ว่าการอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี กิจกรรมภายในงาน มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าการเกษตรราคายุติธรรม ผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น การแสดงนิทรรศการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอน้ำยืน งานจิตรกรรมภาพเขียนวิถีไทย การประกวดสินค้าทางการเกษตร ผลผลิตของชุมชน ของดีอำเภอน้ำยืน โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการ ในเวลา 10.00 น. วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2556 นี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอำเภอที่มีของดีหลากหลาย โดยเฉพาะในเรื่องของการเกษตร การปลูกผลไม้ อาทิ เงาะ ทุเรียน มังคุด แก้วมังกร และมะม่วง รวมไปถึง ผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อป ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ การจัดงานของดีอำเภอน้ำยืนในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้เกษตรกร มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง มาร่วมงานดังกล่าวเพราะถือว่าจะได้ชิมผลไม้ทุกภาคได้ที่อำเภอน้ำยืน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี




จักรกฤษณ์ มาลาสาย /ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

จังหวัดอุดรธานี ประชุมเตรียมพร้อมจัดงาน “คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน 2556

จังหวัดอุดรธานี ประชุมเตรียมพร้อมจัดงาน "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน 2556 ที่ ห้องอุดรฮอลล์ โรงแรมเซ็นทารา ภายใต้คำขวัญ ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน
 
วันนี้ (13 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดอุดรธานี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด นายจีระศักดิ์ คำรณฤทธิศร ปลัดจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดงาน "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” จังหวัดอุดรธานี ประจำปี 2556 ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน" เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ที่ห้องอุดรฮอลล์ โรงแรมเซนทารา โดยจะมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมแสดงพลังรณรงค์ภายใต้แนวคิด "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน" โดยใช้สัญลักษณ์สวมเสื้อขาว ร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมแสดงพลังต่อต้านยาเสพติด ให้เห็นถึงพลังความสามัคคีของคนในจังหวัดอุดรธานั ที่ร่วมเป็นพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติก ให้ทุกภาคส่วนของสังคมเกิดความตระหนักถึงภัยจากยาเสพติดและเข้าร่วมในการ แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อเอาชนะยาเสพติดให้ได้ผลอย่างยั่งยืน
 
ปลัดจังหวัดอุดรธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดงานดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมเดินรณรงค์เพื่อแสดงพลังต่อต้านยาเสพ ติด จากกลุ่มพลังมวลชน นักเรียน นักศึกษา การจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก) จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันต่อต้านยาเสพติดด้วย นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกบุคคล/องค์กรที่มีผลงานด้านยาเสพติดเข้ารับมอบโล่ ประกาศเกียรติคุณ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ขอเชิญพลังมวลชนจังหวัดอุดรธานี ร่วมกิจกรรมรณรงค์ยาเสพติด ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ที่ห้องอุดรฮอลล์ โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดอุดรธานีภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 โดยพร้อมเพรียงกัน
 



พัฒนเดช ยศกรกุล ข่าว / ส.ปชส.อุดรธานี

ประชุมคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ หรือ ก.บ.จ.อุดรธานี

จังหวัดอุดรธานีจัดประชุมคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ ครั้งที่ 5/2556 หารือขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตประมง แหล่งน้ำขนาดใหญ่และแหล่งน้ำในชุมชนพร้อมหารือการขอใช้เงินเหลือจ่าย

ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารงาน จังหวัดแบบบูรณาการ หรือ ก.บ.จ. อุดรธานี ครั้งที่ 5/2556 ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมแจ้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบว่า จังหวัดแต่งตั้งนายจารึก ปริญญพล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี เป็นกรรมการผู้แทนภาคประชาสังคม ในคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงานตาม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตประมงในแหล่งน้ำขนาดใหญ่และแหล่งน้ำในชุมชน งบประมาณ 1,857,500 บาท การขอใช้เงินเหลือจ่ายจากการดำเนนงานโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2556

ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานี ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2556 จำนวน 1 โครงการ 4 กิจกรรม เป็นเงิน 1,857,500 บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตประมงแหล่งน้ำขนาดใหญ่และแหล่งน้ำในชุมชน โดยในเบื้องต้นกำหนดดำเนินงานในแหล่งน้ำ 62 แห่ง แต่เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีพื้นที่ 8 แห่งไม่มีความพร้อมในการดำเนินโครงการจึงเสนอที่ประชุมเพื่อขอเปลี่ยนแปลง พื้นที่ดำเนินการใหม่ อาทิ ประกอบด้วยหนองฮางใหญ่ หมู่ 4 อำเภอเชียงพิณ เปลี่ยนเป็นหนองประจำ หมู่ 4 ตำบลเชียงพิญ อำเภอเมือง เนื่องจากแหล่งน้ำเดิมตืนเขิน, เปลี่ยนจากหนองเรือคำ หมู่ 1 ตำบลถ่อนนาลับ เป็นหนองบุ่งเปือย หมู่ 1 ตำบลอ้อมกอ อำเภอบ้านดุง เนื่องจากใช้น้ำผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน ,เปลี่ยนจากหนองบ้านดงพัฒนา หมู่ 5 ตำบลนางัว เป็นหนองบ้านดงพัฒนา หมู่ 10 ตำบลนางัว อำเภอน้ำโสม เนื่องจากพื้นที่อยู่ในหมู่บ้านที่จัดตั้งใหม่ ,โรงเรียนบ้านนาน้ำชุ่ม หมู่ 5 ตำบลบ้านโคก เป็นโรงเรียนบ้านเชียงดา หมู่ 1 ตำบลเชียงดา อำเภอสร้างคอม เนื่องจากถ่มบ่อทำสนามกีฬา,โรงเรียนบ้านโคกน้อย หมู่ 8 ตำบลน้ำโสม เป็นโรงเรียนน้ำซึมพิทยา หมู่ 7 ตำบลหนองแวง อำเภอน้ำโสม เนื่องจากถมบ่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ,โรงเรียนบ้านดงโพนยอ หมู่ 8 ตำบลหนองหาน เป็นโรงเรียนบ้านหนอผือ หมู่ 2 บ้านยา อำเภอหนองหาน เนื่องจากถมบ่อทำสนามกีฬา ,โรงเรียนภูพระบาทวิทยา หมู่ 6 ตำบลเมืองพาน เป็นโรงเรียนบ้านแดง หมู่8 ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ ถมบ่อทำสนามกีฬา และพื้นที่สุดท้าย เปลี่ยนเป็นโรงเรียนบ้านโสกหมู หมู่ 16ตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน เนื่องจากถมที่สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก



ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 18 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2556

ร่องมรสุมกำลังแรงได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ตั้งแต่วันที่ 13- 14 มิถุนายน 2556 มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เว้นแต่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 05.00 น.

****  ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง เว็บไชต์ ของกรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง แจ้งเหตุด่วนสาธารณภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้วที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 3742 5475 8 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง  

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ สร้างเครือข่ายพลเมืองอาสาพัฒนาประชาธิปไตย

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ศรีสะเกษ สร้างเครือข่ายพลเมืองอาสาพัฒนาประชาธิปไตย มุ่งหวังให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 มิ.ย.56 ที่ห้องสุขวิชรังสิตพลศรีพฤทธาลัย ราชภัฏสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นายมงคล คำเพราะ กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดการอบรมพลเมืองอาสาพัฒนาประชาธิปไตย รุ่นที่ 1 ประจำปี 2556 ซึ่งการจัดอบรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพลเมืองอาสาประชาธิปไตยให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยว กับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีนายทรงเกียรติ เสนาพันธุ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ นำ พลเมืองอาสาพัฒนาประชาธิปไตยจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 490 คน เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้
 
 นายมงคล กล่าวว่า การจัดอบรมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้งประจำจังหวัด ภายใต้ชื่อ พลเมืองอาสาประชาธิปไตย โดยการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้ามาทำหน้าที่เป็นแกนนำในการรณรงค์ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ในเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และมีส่วนร่วมในการเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้งละ 1 คน ทั้งในการเลือกตั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ในครบทุกหน่วยเลือกตั้งภายในเวลา 5 ปี ด้าน
 
นายทรงเกียรติ กล่าวว่า สำหรับในปีนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ ได้กำหนดเป้าหมายพลเมืองอาสาประชาธิปไตยจังหวัดศรีสะเกษ โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 13 - 14 มิ.ย.56 รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 17 - 18 มิ.ย.56 และรุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 20 - 21 มิ.ย.56 โดยมุ่งหวังว่า จะสามารถกระจายเครือข่ายพลเมืองอาสาประชาธิปไตย ได้ทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดศรีสะเกษ


 
จิรภัทร หมายสุข /ข่าว บุญทัน ธุศรีวรรณ / ภาพ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

ธ.ก.ส. ชู มอบบัตรสินเชื่อเกษตรกร เชื่อมโยงตลาดภายใต้สโลแกนที่ว่า “ถูก ฟรี ดี เยี่ยม”

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 13 มิถุนายน 2556 นายพศิน  โกมลวิชญ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนายศักดา  คงเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมเปิดงานมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกร
ณ โรงสีข้าว สกต.ร้อยเอ็ด จำกัด ต.เหล่าหลวง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด โดยมีนายนายมรกต พิธรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ธกส. ให้การต้อนรับ และได้กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายบัตรสินเชื่อเกษตรกรของรัฐบาล ซึ่งมีการเปิดตัวและส่งมอบบัตรให้กับเกษตรกรไปแล้วในปีที่ผ่านมา โครงการนี้มีประโยชน์อย่างมากกับเกษตรกรโดยตรง ปัจจุบันสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด มีการส่งมอบบัตรให้กับเกษตรกรไปแล้วกว่า 150,000 ราย และมีการอนุมัติวงเงินให้กับเกษตรกรถึง 1,857 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรได้รับความสะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ในการซื้อปัจจัยการผลิต รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อเกษตรกรมีการใช้จ่ายผ่านบัตรจะได้รับการยกเว้นการคิดดอกเบี้ย 150 วัน เมื่อซื้อปัจจัยการผลิตผ่าน สกต. และยกเว้นการคิดดอกเบี้ย 30 วัน หากซื้อปัจจัยการผลิตผ่านร้านค้าท้องถิ่น ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี เพิ่มวงเงินสินเชื่อเป็นร้อยละ 70 ของส่วนเหลือเพื่อขาย และหากใช้ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมันบางจากและ ปตท. ก็จะได้รับการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 0.52

กิจกรรมในวันนี้  สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด  ได้จัดบูธชุมชน คน วิสาหกิจ ก้าวสู่สมาร์ท ฟาร์มเมอร์   เพื่อเปิดโอกาสให้ เกษตรกร สกต. และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีการเชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้น ภายใต้สโลแกนที่ว่า ถูก ฟรี ดี เยี่ยม การจัดงานครั้งนี้ มีเกษตรกรมากกว่า 3,000 คนเข้าร่วมงาน และร้านค้าที่เข้ามาร่วมโครงการกว่า 15 ร้านค้า รวมทั้ง สกต. ได้จัดหาปุ๋ยราคาถูกมาจำหน่ายให้กับเกษตร และมีส่วนลดให้เมื่อซื้อผ่านชุมชน ในงานยังมีสินค้าราคาถูก ผลไม้สด อาทิเงาะ  มังคุด จากจังหวัดจันทบุรี ตรงจากสวน และไข่ไก่ราคาถูกมาจำหน่ายอีก การสาธิตการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร อีกด้วย


 
คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117   

ยโสธรจัดงานวันนัดพบแรงงาน 20 มิถุนายน มีแรงงานมากกว่า 1,000 อัตรา

จังหวัดยโสธร โดย สำนักงานจัดหางานจังหวัดยโสธร ได้จัดงานวันนัดพบแรงงานและรับงาน สู่บ้าน เพิ่มรายได้ในครัวเรือน ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2556 เวลา 09.00-16.00 น. ณ ห้องมณีนพเก้า โรงแรมเดอะกรีนปาร์คแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เพื่อสร้างความเข้มแข็งและโอกาส ให้กลุ่มผู้รับงานไปทำ ที่บ้านได้มีอาชีพและรายได้ต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสและแรงงาน / ประชาชน / คนหางานทั่วไป / นักเรียน / นักศึกษา ได้สมัครงานกับนายจ้าง/ สถานประกอบการโดยตรง เพื่อลดปัญหาการว่างงาน ลดค่าใช้จ่ายในการสมัครงาน

โดยมีนายจ้าง/สถานประกอบการ มารับสมัครและสัมภาษณ์โดยตรง มีตำแหน่งงานว่างมากกว่า 1,000 อัตรา, การแสดงผลิตภัณฑ์ของสถานประกอบการทีจัดส่งให้กับกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน ,การรับลงทะเบียนผู้ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ,รับเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกหลอกลวงจากการสมัครงาน,แสดงนิทรรศการของหน่วย งานสังกัดกระทรวงแรงงาน/ภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ,การทดลองความพร้อมทางอาชีพ,การ จำหน่ายสินค้า OTOP และสินค้ากลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน และการสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ สำนักงานจัดหางานจังหวัดยโสธร ขอเชิญกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน ประชาชนคนหางานและผู้สนใจร่วมงานในวันที่ 20 มิถุนายน นี้ ที่โรงแรมเดอะกรีนปาร์คแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

สำหรับผู้ที่สนใจจะสมัครงานในครั้งนี้ให้เตรียมหลักฐานการสมัครงานไปด้วย อาทิ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน,สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาหลักฐานการศึกษา,รูป ถ่าย,สำเนาหลักฐาน ทางทหาร เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 045-722057 ในวันและเวลาราชการ


 

ส.ปชส.ยโสธร/ไพชยนต์ 13 มิถุนายน 2556

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธรรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ประสงค์จะจ้างบุคคลเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว เพื่อปฏิบัติราชการในสังกัดสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ตำแห่งพนักงานคุมประพฤติ อัตราเงินเดือน 11,680.- บาท ค่าครองชีพชั่วคราว 3,320.- บาท จำนวน 1 อัตรา

คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง

คุณวุฒิอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

1. ได้รับปริญญาตรีหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทางอาชญา วิทยางานยุติธรรม สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา กฎหมาย การปกครอง รัฐประศาสนศาสตร์สังคมสงเคราะห์ศาสตร์และจิตวิทยา หรือ

2. ได้รับปริญญาโทหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทางอาชญา วิทยางานยุติธรรมสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา กฎหมาย การปกครอง รัฐประศาสนศาสตร์ สังคมสงเคราะห์ศาสตร์และจิตวิทยา หรือ

3. ได้รับปริญญาเอกหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทางอาชญา วิทยางานยุติธรรมสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา กฎหมาย การปกครอง รัฐประศาสนศาสตร์สังคมสงเคราะห์ศาสตร์และจิตวิทยา

ให้ผู้ประสงค์จะสมัครสอบขอและยื่นใบสมัคร พร้อมเอกสารด้วยตนเอง ณ สำนักงาน คุมประพฤติจังหวัดยโสธร ที่อยู่ 55/6 ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โทรศัพท์ 045-312304 ตั้งแต่วันที่ 17-21 มิถุนายน 2556 ในเวลาราชการ ระหว่างเวลา 08.30 นาฬิกา ถึงเวลา 16.30 นาฬิกา


 

ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 13 มิถุนายน 2556

26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติดโลก ยโสธรเชิญชวนสวมเสื้อขาว แสดงพลังต้านยาเสพติด

ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญ ทำลายสุขภาพประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของชาติ และก่อให้เกิดคดีอาชญากรรมต่าง ๆ

องค์การสหประชาชาติ เห็นความสำคัญของปัญหายาเสพติด จึงได้ตั้งคณะกรรมาธิการ ยาเสพติดแห่งสหประชาชาติ เป็นองค์กรพิเศษเพื่อประสานความพยายามในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของ ประเทศต่าง ๆ และได้มีการจัดประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 17-26 มิถุนายน 2530 และได้เสนอต่อสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ เห็นชอบให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ประเทศไทย คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก” เมื่อปี 2531

สำหรับปีนี้ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ กำหนด คำขวัญในการรณรงค์ว่า "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” และขอความร่วมมือให้ประชาชน สวมเสื้อขาว ร่วมแสดงพลังต้านยาเสพติด ในวันที่ 26 มิถุนายน นี้

 


ส.ปชส.ยโสธร/ไพชยนต์ 13 มิถุนายน 2556

จัดหางานจังหวัด จัดสัมมนาครูเครือข่ายแนะแนวอาชีพ 28 มิถุนายน 2556

นายอนันต์ กลั่นขยัน จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่าสำนักจัดหางานจังหวัดมุกดาหารได้กำหนดจัดสัมมนาตามโครงการสร้าง เครือข่ายการแนะแนวอาชีพประจำปีงบประมาณ 2556 ขึ้นในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 ณ ห้องประชุมภักดีชาติ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือและขยายเครือข่ายในการดำเนินงานด้าน การแนะแนวอาชีพระหว่างสำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหารกับสถานศึกษา หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการแนะแนวอาชีพ ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแนะแนวอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ครูแนะแนว ส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนในจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีผู้เข้ารับการสัมมนา จำนวน 50 คน     

จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ครู ครูแนะแนว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับหนังสือเชิญเข้าร่วมสัมมนาตามโครงการการ สร้างเครือข่ายการแนะแนวอาชีพแล้วขอให้ท่านได้ไปร่วมสัมมนาในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุมภักดีชาติ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดารหาร มุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เพื่อร่วมพิธีเปิดโดยพร้อมเพรียงกัน
 

 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว 

จัดหางานจังหวัดมุกดาหารแนะช่องทางหางาน

นายอนันต์ กลั่นขยัน จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่าขณะนี้กรมการจัดหางานได้จัดให้มีระบบบริการข้อมูลข่าวสารตำแหน่ง งานว่าง และข้อมูลผู้สมัครงานทางอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่กำลังหางานทำ และนายจ้างที่ต้องการหาคนงานซึ่งระบบนี้ทั้งผู้สมัครงานและนายจ้าง สามารถใช้บริการได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยไม่มีวันวันหยุดและเป็นบริการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้สนใจต้องการสมัครงาน สามารถลงทะเบียนสมัครงานได้ทันทีและทุกที่เวลาที่มีอินเตอร์เน็ตโดยเข้าไป ที่เว็บไซต์ http://lmi.doe.go.th. และสามารถสมัครงานข้ามจังหวัดได้โดยไม่มีขีดจำกัดแต่อย่างใดซึ่งเมื่อลง ทะเบียนสมัครงานไว้แล้ว ระบบจะหางานให้เลือกสมัครและติดต่อกับนายจ้างได้ทันที

สำหรับนายจ้าง สถานประกอบ สามารถรับคนงานข้ามจังหวัดได้โดยไม่มีขีดจำกัดเช่นกันซึ่งเมื่อลงทะเบียน แล้วระบบจะแจ้งรายชื่อผู้สมัครงานให้พิจารณา ซึ่งนายจ้างก็สามารถเลือกและติดต่อกับผู้สมัครงานได้ทันทีเช่นกัน นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังมีข้อมูลนักเรียน นักศึกษา ที่จบใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๖ ไว้ในนายจ้างพิจารณาเลือกที่ทางหนึ่งด้วย จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ว่างงานผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน ประชาชนทั่วไป และนายจ้างสถานประกอบการ ได้ใช้บริการเว็บไซต์ http://lmi.doe.go.th. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร ศาลากลางจังหวัด ชั้น 1ถ.วิวิธสุรการ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร หมายเลขโทรศัพท์ 042-6130378 ในวันและเวลาราชการ
 

 

 สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว 

จังหวัดมุกดาหารจัดโครงการคัดสรรและประชาสัมพันธ์เพิ่มประสิทธิภาพ OTOP ให้กลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการ ที่ผ่านการคัดสรรปี ๒๕๕๕

วันนี้ (๑๓ มิ.ย. ๕๕) ที่ห้องประชุมระเบียงแก้วมุกดารีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการคัดสรรและประชาสัมพันธ์เพิ่มประสิทธิภาพ OTOPเด่น จังหวัด ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและมีนโยบายในการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง ให้ชุมชนมีศักยภาพในการพัฒนาสินค้าตนเองให้มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุน ในการบริหารจัดการด้านการตลาดเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในและต่าง ประเทศ สามารสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวภายหลังกรประชุมว่า จังหวัดมุกดาหารได้เล็งเห็นความสำคัญ ในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP สนองตอบนโยบายของรัฐบาล โดยได้กำหนดเป็น ยุทธศาตร์การพัฒนา OTOPของจังหวัดมุกดาหาร เพื่อการพัฒนาอย่างบูรณาการของทุกภาคส่วน ซึ่งต่อไปกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ของจังหวัดมุกดาหารก็จะได้รับโอกาสในการในการพัฒนา OTOPอย่างเป็นระบบและมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น
 
 
 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

12-14 มิ.ย. ฝนตกหนักทั่วประเทศ เตือนภัยใน 39 จว. ระมัดระวังเพิ่มขึ้น

อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธาาณภัย เผย ให้ระวัง 12-14 มิ.ย. ฝนตกหนักทั่วประเทศ เตือนภัย มหาสารคาม ติด 1 ใน  39 จังหวัดที่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 12-14 มิถุนายน 2556 ทั่วทุกภาคของประเทศ มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ จึงขอเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 39 จังหวัด
ประกอบด้วย กาญจนบุรี ราชบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กำแพงเพชร อุทัยธานี พิษณุโลก ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน สตูล อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน จันทบุรี ระยอง ตราด ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา และ ระนอง ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

รวมถึง หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
 



ที่มา...สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

นิสิตใหม่ ม.มหาสารคาม ร่วมทำบุญบริจาคโลหิต

กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาสารคาม จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ น้องใหม่ใส่ใจสังคม โดยรับบริจาคโลหิตกับ "นิสิตใหม่” บุคลากร และผู้สนใจทั่วไป ได้ปริมาณโลหิต รวม 50,850 ซีซี

ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ ด้านหลังกองทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาสารคาม จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ น้องใหม่ใส่ใจสังคม โดยรับบริจาคโลหิตกับ "นิสิตใหม่” บุคลากร และผู้สนใจทั่วไป เพื่อนำโลหิตไปช่วยเหลือผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล ซึ่งกำลังขาดแคลน เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และ บรรเทาภาวการณ์ขาดโลหิตให้สภากาชาดไทย ซึ่งการบริจาคโลหิต คือ การให้ชีวิตเป็นทานอย่างหนึ่ง เป็นการทำความดีทำบุญสร้างกุศล ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอีกต่อไปได้

ในการออกรับบริจาคครั้งนี้มีนิสิตใหม่ และบุคลากรมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้าร่วมบริจาคโลหิตเป็นจำนวน 113 คน รวม 50,850 ซีซี
 
 


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯสารคาม เชิญชวนสวมเสื้อขาวสร้างกระแส รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด

จังหวัดมหาสารคาม จัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน นี้ ตามคำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เชิญชวนชาวมหาสารคาม สวมเสื้อสีขาวสร้างกระแส รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า มติการประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติเมื่อเดือนมิถุนายน 2530 ได้กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก จังหวัดมหาสารคาม โดย ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดมหาสารคาม จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมร่วมรณรงค์ในงานวันดังกล่าวขึ้น ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” โดยเวลาประมาณ 08.00 น. จะมีการเดินรณรงค์โดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา กลุ่มพลังมวลชน ไปตามสี่มุมเมือง เพื่อเป็นการ สร้างกระแส ให้เกิดความตระหนักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน แล้วก็จะมารวมกันที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองฯ มีพิธีมอบธงสีขาวหมู่บ้าน/ชุมชนปลอดยาเสพติด การแสดงความสามารถของเยาวชน พร้อมทั้งการจัดนิทรรศการความรู้และทูบีนัมเบอร์วัน ตลอดจนจัดการประกวดแดนเซอร์ ละครสั้นทั้งในระดับเยาวชนและชุมชน และการพูด ในระดับประถมและมัธยม โดยงานจะมีตลอดทั้งวัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสร้างกระแสในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วน มาร่วมกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก พร้อมร่วมสวมเสื้อสีขาวต้านยาเสพติด
 



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มหาสารคาม สร้างเครือข่ายคุ้มครองดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1 จัดอบรมให้ความรู้แก่ครูและเจ้าหน้าที่เพื่อสอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนกลุ่ม เสี่ยง ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กและเยาวชน

ที่ห้องประชุม โรงแรมวสุ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1 ร่วมกับศูนย์เสมารักษ์ ประจำสำนักงานศึกษาธิการภาค 7 จัดอบรมให้ความรู้แก่ครู ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา จำนวน 130 คน ประกอบด้วย ครูและบุคลากรสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1 เขต 2 และเขต 3 จำนวน 78 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 จำนวน 26 คน ข้าราชการสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 13 คน และข้าราชการสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม จำนวน 13 คน โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดและมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัด มหาสารคาม ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมได้รับทราบและถือปฏิบัติ ซึ่งการอบรมครั้งนี้เพื่อเป็นการจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ เพื่อสอดส่องดูแล เฝ้าระวังคุ้มครอง และสร้างภูมิคุ้มกันเด็กและเยาวชน ให้ห่างไกลจากปัญหายาเสพติด สิ่งยั่วยุ และอบายมุขทุกชนิด สนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และจังหวัดมหาสารคาม ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด อีกทั้งเฝ้าระวัง กวดขัน ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ และผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์กับเด็กและเยาวชน เกิดความตระหนัก มีจิตสำนึกร่วมในการเฝ้าระวังดูแลปัญหาเด็กและเยาวชน มิให้เข้าสู่กระบวนการกระทำผิด และประพฤติปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและ นักศึกษา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ด้วย


 

ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ม.ราชภัฏมหาสารคาม ทำ MOU มอบสื่อ “EDL TV” เพื่อการเรียนการสอน แก่สถานศึกษากลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์”

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จัดพิธีลงนามบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) พร้อมมอบสื่อ "EDL TV” เพื่อการเรียนการสอน ผ่านกิจกรรมค่ายอาสาเยาวชนทั่วไทย เรียนรู้ได้ใต้ร่มพระบารมี เทิดพระเกียรติ 60 พระชันษา มหาจักรีสิริธร
ที่ห้องประชุม 4A ชั้น 4 อาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม รศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผศ.ดร.วรปภา อารีราษฎร์ คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจัดการเรียนการสอน ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พร้อมมอบสื่อ "EDL TV” เพื่อการเรียนการสอน ผ่านกิจกรรมค่ายอาสาเยาวชนทั่วไทย เรียนรู้ได้ใต้ร่มพระบารมี เทิดพระเกียรติ 60 พระชันษา มหาจักรีสิริธร ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ได้นำเนื้อหาการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาพัฒนาเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เผยแพร่ผ่านระบบ e-Learning หรือสื่อ EDL TV เพื่อให้โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในชนบท นำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน ซึ่งมีการเผยแพร่ 2 ทาง คือ เผยแพร่แบบออนไลน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเผยแพร่ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ทั้ง 35 แห่ง ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายการเผยแพร่ถ่ายทอดและพัฒนาสื่อ EDL TV ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 และได้มอบให้คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นหน่วยงานหลักในการศึกษา วิจัย จัดทำกรอบแนวคิด และทิศทางการดำเนินงาน และในปี 2556 มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้รับการสนับสนุนสื่อ EDL TV เพื่อจัดกิจกรรมค่ายอาสาร่วมกับโรงเรียนในเครือข่าย จำนวน 111 เครื่อง

พร้อมกันนี้ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้จัดกิจกรรม "RMU IT Fair 2013” ขึ้นที่บริเวณชั้น 1 อาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. เพื่อให้ความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์แก่นักศึกษา บุคลากร และประชาชนที่เข้าร่วมมาร่วมงานในครั้งนี้


 

ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

คดีที่ทิ่้งขยะ คดีหมายเลขดำที่ ๒๒๓/๒๕๕๓ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๙๙/๒๕๕๖ ศาลปกครองนครราชสีมา

ศาลปกครองนครราชสีมา
 

วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา ศาลปกครองนครราชสีมาได้ออกอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ๒๒๓/๒๕๕๓ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๙๙/๒๕๕๖ ระหว่างนายเสมียน จารุแพทย์ ที่ ๑ และนางศุภลักษณ์ เชิดชู ที่ ๒ ผู้ฟ้องคดี กับ เทศบาลตำบลขามใหญ่ ที่ ๑ นายกเทศมนตรีตำบลขามใหญ่ ที่ ๒ ปลัดเทศบาลตำบลขามใหญ่ ที่ ๓ เทศบาลตำบลอุบล ที่ ๔ นางสุดารัตน์ วามสิงห์ ที่ ๕ ผู้ถูกฟ้องคดี

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองรวมทั้งชาวบ้านหัว คำ หมู่ที่ ๘ ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี อ้างว่า เทศบาลตำบลขามใหญ่นำขยะมาทิ้งในที่ดินของเอกชนในท้องที่ตำบลขามใหญ่ โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณบ่อกำจัดขยะทราบ และไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน เมื่อขยะมีปริมาณมากและกำจัดโดยไม่ถูกวิธี ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน             
      
ศาลปกครองนครราชสีมาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง มาตรา ๕๘ และมาตรา ๖๗ ได้บัญญัติถึงสิทธิของบุคคลและชุมชนที่จะได้รับการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จากภาครัฐ เพื่อให้บุคคลหรือชุมชนสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวด ล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน เมื่อกิจการกำจัดขยะมูลฝอยไม่ว่าจะดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐเอง หรือดำเนินการโดยเอกชนซึ่งได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ เป็นกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต รวมทั้งสิทธิและเสรีภาพของบุคคลและหรือชุมชน ทั้งยังอาจจะก่อให้เกิดปัญหาเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียง จนทำให้ไม่สามารถดำรงชีพได้อย่างปกติสุข ดังนั้น ก่อนเริ่มดำเนินกิจการ หน่วยงานของรัฐจึงมีหน้าที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจาก ประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณาว่า สมควรดำเนินกิจการกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่นั้นหรือไม่ อย่างไร และต้องกำหนดแนวทางที่เหมาะสมและเพียงพอในการป้องกันหรือเยียวยาผลกระทบที่ อาจเกิดขึ้นจากการพิจารณาตัดสินใจนั้น     
            
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (เทศบาลตำบลขามใหญ่) นำขยะมูลฝอยไปกำจัดในที่ดินของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ (นางสุดารัตน์ วามสิงห์) ในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โดยไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้ฟ้องคดีทั้งสองและชุมชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ ถือได้ว่าการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรูปแบบขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่ กฎหมายกำหนด
 
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีการฝังกลบ ไม่มีการปูผ้ายางหรือวัสดุกันซึมรองพื้นหลุมบ่อขยะ เป็นกรรมวิธีที่ไม่เหมาะสมและไม่ได้มาตรฐานด้านการกำจัดมูลฝอย ทั้งยังไม่สามารถดำเนินการฝังกลบขยะได้ทั้งหมด เป็นเหตุให้มีขยะบางส่วนถูกทิ้งบริเวณรอบบ่อขยะ รวมถึงถนนทางเข้า แม้บางส่วนของขยะจะถูกฝังกลบปิดทับด้วยดินก็ตาม แต่ก็ยังมีขยะจำนวนมากที่กองอยู่และยังไม่ได้ถูกฝังกลบภายในเวลาอันสมควร ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น บ่อขยะมีน้ำขัง กรณีดังกล่าวย่อมทำให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลผู้มีที่อยู่อาศัยใน ละแวกใกล้เคียง การกำจัดขยะของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงไม่ถูกหลักสุขาภิบาลและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญนั้นเอง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่จะระงับและแก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา กลับปล่อยปละละเลยไม่กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งไม่คุ้มครองดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใน เขตรับผิดชอบของตน ทั้งที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ สามารถดำเนินการได้ และสามารถหาวิธีป้องกันการฟุ้งกระจายของขยะ รวมทั้งวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันน้ำจากบ่อขยะไหลเข้าสู่ ที่ดินของประชาชนหรือแหล่งน้ำสาธารณะ เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๕๐ (๓) แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ประกอบมาตรา ๑๘ แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และถือว่าการดำเนินกิจการกำจัดขยะมูลฝอยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในพื้นที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย และเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง และประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงโดยตรง ทำให้ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งสอง
                  
ประกอบกับได้ความจากคำชี้แจงของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีและ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มิได้มีส่วนได้เสียกับคู่กรณี ฟังเป็นยุติว่า สภาพบ่อขยะในพื้นที่พิพาทตั้งอยู่ติดกับแหล่งน้ำสาธารณะ น้ำบาดาลบริเวณใกล้เคียงมีกลิ่นเหม็นและมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน น้ำผิวดินบริเวณข้างบ่อขยะเน่าเสีย การทิ้งขยะมูลฝอยไม่มีการฝังกลบเป็นชั้นๆ ไม่มีการฉีดยากำจัดสัตว์และแมลงนำโรคอย่างต่อเนื่อง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่มีแผนงานหรือโครงการที่แสดงถึงการปรับปรุงพัฒนาบ่อกำจัดขยะมูลฝอย ประกอบกับพื้นที่ข้างเคียงมีการขุดดินเป็นบ่อขนาดใหญ่เพื่อเตรียมรองรับขยะ มูลฝอย ซึ่งคาดว่าจะมีการทิ้งขยะมูลฝอยในรูปแบบเดิมอีก อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตั้งใจจะนำขยะมาทิ้งในพื้นที่พิพาทต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชนและสภาพแวดล้อมอย่าง จริงจัง ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเป็นการขจัดปัญหาความเดือดร้อนรำคาญที่ เกิดขึ้นและอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองและประชาชนใน พื้นที่รอบๆ บ่อขยะพิพาท และเพื่อมิให้บ่อขยะพิพาทเป็นแหล่งกำเนิดมลภาวะที่เป็นพิษต่อทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งคุณภาพชีวิตของประชาชนในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้นจนมีสภาพเลวร้ายยาก ที่จะเยียวยาแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้หมดสิ้นไป
 
ศาลปกครองนครราชสีมาจึงมีคำพิพากษาดังนี้
 
๑. ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๕ เปิดพื้นที่ทิ้งขยะเพิ่มเติม และห้ามไม่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ นำขยะมูลฝอยมาทิ้งในที่ดินของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ อีกต่อไป ทั้งนี้ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่ศาลมีคำพิพากษา
 
๒. ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๕ อนุญาตหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการยินยอมให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ องค์การบริหารส่วนตำบลแจระแม องค์การบริหารส่วนตำบล
ไร่น้อย องค์การบริหารส่วนตำบลหัวเรือ เทศบาลตำบลปทุม รวมทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นอื่น บุคคล องค์กร หรือหน่วยงานใดๆ นำขยะมูลฝอยหรือสิ่งปฏิกูลมาทิ้งที่บ่อขยะพิพาท หากมีการกระทำฝ่าฝืน ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
 
๓. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ เร่งกำจัดขยะมูลฝอยที่เหลือตกค้างทั้งในพื้นที่บ่อขยะและพื้นที่ข้างเคียง ให้ถูกสุขลักษณะ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อม รวมทั้งตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับน้ำใต้ดินและแหล่งน้ำผิวดิน ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ตลอดจนดำเนินการอื่นตามอำนาจหน้าที่เพื่อมิให้ปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ทิ้งขยะ ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่ศาลมีคำพิพากษา
 
ให้คำสั่งศาลเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ที่สั่งห้ามมิให้องค์การบริหารส่วนตำบลแจระแม องค์การบริหารส่วนตำบลไร่น้อย และเทศบาลตำบลปทุม นำขยะมาทิ้งที่บ่อขยะพิพาท และห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ อนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นนำขยะมาทิ้งที่บ่อขยะพิพาท กับให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ ดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยตามอำนาจหน้าที่ และตามความเห็นของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ตลอดจนดำเนินการอื่นตามอำนาจหน้าที่เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่ง แวดล้อมจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น สิ้นผลลงนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
 

 
สำนักงานศาลปกครองนครราชสีมา โทรศัพท์ ๐๔๔-๓๐๗๓๐๐

สนข. จัดเวทีถกโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช มั่นใจชาวโคราช 85% เห็นด้วย คาดสร้างเสร็จได้ในปี 62

วันนี้ (13 มิ.ย. 56) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมอรพิมพ์ โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยมีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการ สนข. เป็นประธาน และมีตัวแทนหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ร่วมประชุมกว่า 500 คน โดยการประชุมครั้งนี้เพื่อนำเสนผลสรุปผลการศึกษาเกี่ยวกับแนวเส้นทาง โครงสร้างที่เหมาะสม สถานี รูปแบบการให้บริการ ตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการบรรเทา และแก้ไขผลกระทบ โดยเฉพาะข้อมูลเจาะลึกของพื้นที่ย่อยที่ 3 ช่วงสถานีกลางดล – สถานีนครราชสีมา เพื่อให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนในพื้นที่โครงการฯ รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงได้ร่วมรับฟังรายละเอียดของโครงการฯ พร้อมทั้งสามารถแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สำหรับนำไปใช้ปรับปรุงผลการศึกษาในขั้นต่อไป นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า จากการศึกษาแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เหมาะสมของสายกรุงเทพฯ – หนองคาย แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 แนวเส้นทางสถานีชุมชนทางบ้านภาชี – นครราชสีมา รวมระยะทาง 169.5 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ซึ่งจากการจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งแรก พบว่าประชาชนชาวโคราชร้อยละ 85 เห็นด้วยกับโครงการนี้ จึงคาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2562 ส่วนช่วงที่ 2 คือแนวเส้นทางที่ต่อจากนครราชสีมาไปสิ้นสุดถึงหนองคาย รวมระยะทาง 355.1 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2564

ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบนั้น สนข. ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน โดยจะมีรูปแบบโครงสร้าง ทั้งทางยกระดับ ในช่วงที่มีจุดตัดกับถนนหลายแห่ง หรือผ่านชุมชนขนาดใหญ่ อาทิ อำเภอเมืองสระบุรี แก่งคอย มวกเหล็ก ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และอำเภอเมืองนครราชสีมา ทางระดับดิน รวมถึงสะพานบกในช่วงพื้นที่ราบที่มีจุดตัดรถไฟกับถนนไม่มาก และอยู่นอกเขตชุมชน และอุโมงค์ในช่วงภูเขาสูงชันและกระทบต่อแหล่งอนุรักษ์ เช่นที่จังหวัดสระบุรีในช่วงเขาพระพุทธฉายและช่วงที่ผ่านอุทยานแห่งชาติ น้ำตกสมหลั่น รวมไปถึงพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง


ผลการศึกษายังพบอีกว่า ความเร็วที่เหมาะสมคือ 250 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราค่าโดยสารประมาณ 2.30 บาท/กม. นอกจากนี้ยังได้ศึกษาบนสมมติฐานสำหรับการคิดค่าโดยสารแบบเก็บค่าเดินทางแรก เข้า 55 บาท หลังจากนั้นคิดในอัตรา 2.10 บาท/กม. ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะอยู่ที่ กิโลเมตรละ 3 – 4 บาท สำหรับการออกแบบสถานีจะใช้มาตรฐาน Universal Design เน้นความทันสมัย ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่นที่สถานีปากช่อง จะนำลักษณะของภูเขาและธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ส่วนสถานีนครราชสีมา จะนำความสวยงามของผ้าไหมปักธงชัย ประสาทหินพิมาย เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน หมี่โคราช รวมไปถึงอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่คนโคราชนับถือมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบสถานี โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก มีจุดอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ มีทางลาดขึ้นลงไม่มีบันได และมีห้องประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไว้ให้บริการ


ในส่วนของรูปแบบของขบวนรถไฟความเร็วสูง คือ Electric Multiple Unit หรือ EMU มีความยาว 8 ตู้ต่อขบวน สามารถจุผู้โดยสารได้ประมาณ 500 – 700 ที่นั่ง แบ่งการบริการเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ชั้น VIP ชั้น 1 และชั้นธรรมดา มีบริการคล้ายเครื่องบิน ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม มีสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมทั้งขบวน มีที่นั่งสำหรับคนพิการ ห้องน้ำและที่เก็บสัมภาระ และจากการศึกษาเบื้องต้น หากขนส่งตลอดสายทุกวันทั้งปี จะใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 1 ห้าง ใน 1 ปี ซึ่งสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและพลังงานไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี นายชัยวัฒน์ฯ กล่าว

จังหวัดชัยภูมิช่วยชาวสวนผลไม้ นำเงาะ และมังคุดจากจันทบุรี มาจำหน่ายกิโลกรัมละ 15 บาท

นายนิพนธ์ สาธิตสมิตพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยกับ นางธัญญรัตน์ โรจนหัสดิน ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ ว่า ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2556 เป็นช่วงที่ปริมาณผลไม้ของจังหวัดจันทบุรีทยอยออกมาจำหน่ายในท้องตลาดจำนวน มาก โดยเฉพาะมังคุด เงาะ และลองกอง ทำให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ได้รับความเดือดร้อน จังหวัดจันทบุรีได้แก้ไขปัญหาตามแนวทางกระทรวงมหาดไทย โดยการจัดศูนย์ประสานและกระจายผลผลิตด้านการเกษตรไปสู่ผู้บริโภคระดับ จังหวัดขึ้น เพื่อทำหน้าที่กระจายผลผลิตไปยังผู้บริโภคในท้องที่ห่างไกลจากแหล่ง ผลิตอย่างรวดเร็ว โดยจังหวัดชัยภูมิได้นำผลผลิตเงาะและมังคุด จำนวน 20 ตัน มาจำหน่ายราคากิโลกรัมละ 15 บาท ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2556 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ

ดร.ปลอดประสพฯ ลงพื้นที่ตรวจหมู่บ้านผี ที่ชัยภูมิ

รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบอ. ลงพื้นที่ชัยภูมิ ติดตามปัญหาการสร้างบ้าน และการออกเลขที่บ้าน ในพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร และอ่างเก็บน้ำยางนาดี ยืนยัน การจ่ายเงินชดเชย ยึดภาพถ่ายทางดาวเทียม สร้างบ้าน โอนย้ายชื่อเข้มมาผิดปกติ อาจวืดเงินค่าชดเชย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 มิ.ย.56 นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีและประธาน กบอ. พร้อมด้วยนายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 14 และคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อติดตามปัญหาการสร้างบ้าน และการออกเลขที่บ้าน ในพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร และอ่างเก็บน้ำยางนาดี เพื่อหวังเงินค่าชดเชย โดยเข้ารับฟังบรรยายสรุปจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุม อบต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว มีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพลังมวลชนกว่า 1,000 คน ชูป้ายสนับสนุนการสร้างอ่างเก็บน้ำช่วยภัยแล้ง น้ำท่วม ของรัฐบาล และต่อต้านกลุ่มคนที่เข้ามาฉวยโอกาส ขณะเดียวกันได้มีตัวแทน เข้ายื่นหนังสือ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ชัยภูมิ โดยเร็ว

จากนั้น ได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านกระจวน หมู่ที่ 4 คุ้มโคกกระโดน ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว พบกับแกนนำ และพบกับกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งจุดนี้ เป็นพื้นที่น้ำท่วม และมีการสร้างบ้านลักษณะชั่วคราว จำนวน 220 หลัง ในพื้นที่ของกรมชลประทาน ซึ่งกรมป่าไม้ ได้มอบพื้นที่ให้เพื่อดำเนินการสร้างอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร ขนาดความจุประมาณ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร ล่าสุด มติ ครม. สัญจร ที่สุรินทร์ ให้ชลประทานก่อสร้างต่อ โดยใช้งบประมาณกว่า 809 ล้านบาท จากโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีและประธาน กบอ. เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงก็คือ ที่ตรงนี้เป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ก็มีภาพถ่ายทางดาวเทียม ที่สามารถบอกได้ว่า หมู่บ้านนี้เกิดขึ้นเมื่อใด ตั้งแต่หลังแรก จนถึงหลังสุดท้าย มีข้อมูลทั้งหมด เมื่อมีบ้าน มีคนเข้ามาอยู่ แล้วก็จะเกิดน้ำท่วมเมื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยประชาชน โดยยึดตามมติ ครม. ซึ่งระเบียบตรงนี้ให้ช่วยได้ เป็นเงินค่าชดเชย ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องออกมาแสดงตัว ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือ ในเรื่องของการ เข้ามาอยู่อาศัย ทำประโยชน์ที่ดิน แต่ไม่ได้ค่าที่ดิน เพราะเป็นที่ป่าสงวน ส่วนปัญหาการโอนย้ายทะเบียนบ้าน จากที่อื่นเข้ามาอยู่ อย่างกะทันหัน จำนวนมาก ส่อเจตนา เพื่อรับเงินค่าชดเชยนั้น คาดว่า กลุ่มคนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชย หรือได้รับแต่ได้เพียงค่ารื้อถอน ไม่ได้ค่าทำมาหากิน ตรงนี้มีระเบียบชัดเจน ใครที่จะมากระทำการก่อสร้างบ้านบุกรุกพื้นที่อีกก็จะต้องดำเนินการตามกฏหมาย ทันที รวมทั้งคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องออกบ้านเลขที่ก็ให้เป็นเรื่องดำเนินการทาง วินัย และคดีอาญาทั้งหมดด้วยต่อไป ซึ่งต่อไปทาง กบอ.คงไม่ต้องมาตรวจสอบปัญหาเรื่องนี้อีก และจะเร่งเดินหน้าทุกโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดทั่วประเทศต่อไป

อีกพื้นที่ ที่เกิดกรณีคล้ายกัน คือ การสร้างบ้าน ปลูกต้นไม้ ขุดสระน้ำ ในพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำยางนาดี ที่ตรงนั้นเป็นที่เอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบที่มีเอกสารสิทธิ์ ได้ทั้งค่าชดเชยที่ดิน ค่าอาคารบ้านพัก ค่าขนย้าย สิ่งที่จะต้องตรวจสอบก่อนจ่ายเงินช่วยเหลือคือ วันเวลา ของการก่อสร้าง สร้างโดยบริสุทธิ์ อยู่อาศัยปกติ หรือจงใจมาสร้างเพื่อหวังเงินชดเชย เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ และชาวบ้านก็ต้องยอมรับ เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไปทุกแห่ง ที่จะมีการสร้างโครงการใหญ่ๆ บ้านเมืองเราจะอยู่ได้อย่างไร

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ในการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง และการออกเลขที่บ้าน จนถึงขณะนี้ จังหวัดชัยภูมิได้สรุปตัวเลข ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร มีการปลูกสร้างบ้าน จำนวน 413 หลัง ออกบ้านเลขที่ไปแล้ว 257 หลัง ขุดสระน้ำ 82 สระ ต้นไม้ 45,815 ต้น สิ่งปลูกสร้างอานๆอีก 21 แห่ง ส่วนในพื้นที่อ่างเก็บน้ำยางนาดี การการปลูกสร้างบ้าน 331 หลัง ออกบ้านเลขที่แล้ว 111 หลัง สระน้ำ 149 สระ ต้นไม้ 21,539 ต้น
 
 
 

สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

สาธารณสุขขอนแก่นเตือนระวังไข้เลือดออกหลังครึ่งปีพบผู้ป่วยร่วม 500 ราย

นายแพทย์คิมหันต์ ยงรัตนกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นว่า ตั้งแต่ต้นปี 2556 จนถึงกลางเดือนมิถุนายนนี้ พบผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 472 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต อำเภอที่มีผู้ป่วยมากที่สุด คือ อำเภอโคกโพธิ์ไชย รองลงมา คือ อำเภอมัญจาคีรี กลุ่มผู้ป่วยที่พบมากที่สุด คือ กลุ่มของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ซึ่งสถานการณ์แพร่ระบาดไข้เลือดออกดังกล่าว นับว่ามีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนการป้องกันและควบคุมโรคนั้นได้กำชับให้สาธารณสุขทุกอำเภอสุ่มสำรวจลูก น้ำยุงลายในบ้านเรือน ทั้งในเขตเมืองและนอกเมือง ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันกำจัดลูกน้ำ ยุงลายในบ้าน และการดูแลป้องกันตนเองพร้อมบุตรหลานไม่ให้ถูกยุงลายกกัด       

จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับ ม.ราชภัฎกาฬสินธุ์ จัดเวที “พูดจาหาทางออกประเทศไทย” วันที่ 15-16 มิถุนายนนี้

จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ จัดเวที "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” ระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2556 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการที่ร่วมกันหาแนวทางในการลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม

นายเกษตร หาญสุริย์ พัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการสานและติดตามผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ อิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ (ปคอป.) ซึ่งรัฐบาลได้มอบกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการในการจัดเวที "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” ทั่วประเทศใน 76 จังหวัด ๆ ละ 1-3 เวที และกรุงเทพฯ จำนวน 8 เวที ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2556 เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหาแนวทางที่สร้างสรรค์ในการลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมการเสวนาครั้งนี้ประกอบด้วย กลุ่มภาคเกษตร, แรงงาน, ข้าราชการ, ภาคธุรกิจ/บริการ/การค้า, แพทย์/พยาบาล, นักเรียน/นักศึกษา, กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง, นักวิชาการ/ผู้นำทางความคิด, กลุ่มผู้นำชุมชน, องค์กรภาคประชาชน NGO, ภาคการเมือง, พระภิกษุ/นักบวช/ผู้นำทางศาสนา, สื่อมวลชนและอื่น ๆ ซึ่งประเด็นที่จะพูดจาหาทางออกประเทศไทย มีอยู่ 9 ประเด็นคือ 1.ความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน 2.ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรม (Rule of Law) 3.ตุลาการภิวัฒน์ การแทรกแซงองค์กรอิสระ 4.การรัฐประหารและบทบาทของทหารในการจัดการความขัดแย้ง 5.ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม 6.การขยายตัวของสื่อการเมืองและสื่อบุคคล 7.การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทางการเมือง 8.สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการความขัดแย้งและสันติวิธี และ 9.ความขัดแย้งแบบเดิมพันสูง

พัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดเวทีดังกล่าว 2 เวที ระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2556 ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งวันที่ 15 มิถุนายน 2556 มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมจากอำเภอเขาวง, กุฉินารายณ์, นาคู, ห้วยผึ้ง, สามชัย, คำม่วง, สมเด็จ, นามน และอำเภอสหัสขันธ์ ส่วนวันที่ 16 มิถุนายน 2556 กลุ่มเป้าหมาจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์, ดอนจาน, กมลาไสย, ร่องคำ, ฆ้องชัย, ยางตลาด, ห้วยเม็ก, หนองกุงศรี และอำเภอท่าคันโท ซึ่งการจัดเวที "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ในครั้งนี้คณะทำงานก็จะรวบรวมข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ รวบรวมเสนอส่วนกลางต่อไป สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมเวทีครั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลขโทรศัพท์ 043-811274 โทรสาร 043-811274  043-811274 ต่อ 105 ในวัน เวลา ราชการ
 



ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

ขอเชิญร่วมแข่งขันตอบปัญหาความรู้เกี่ยวกับรัฐสภาและการประกวดนวัตกรรมประชาธิปไตย

นายนุกูล สัญฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งกับ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดจัดการแข่งขันตอบปัญหาความรู้เกี่ยวกับรัฐสภา ประจำปี 2556 ขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยได้กำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมเป็น 2 รูปแบบได้แก่ จัดการแข่งขันตอบปัญหาความรู้เกี่ยวกับรัฐสภา และการประกวดนวัตกรรมประชาธิปไตย ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนทั้งชายและหญิงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยม ศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วไป ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร http://www.parliament.go.th/ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 21 มิถุนายน 2556 นี้
 
 

สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว

จ.กาฬสินธุ์เตรียมจัดเวทีประชาเสวนา พูดจาหาทางออกประเทศไทย ในวันที่ 15-16 มิถุนายนนี้

จังหวัดกาฬสินธุ์ประชุมคณะ กรรมการดำเนินงานโครงการจัดเวทีประชาเสวนา พูดจาหาทางออกประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ ในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2556 นี้

วันนี้ 13 มิถุนายน 2556 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการจัดเวทีประชาเสวนา พูดจาหาทางออกประเทศไทย ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2556 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการที่ร่วมกันหาแนวทางในการลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม ซึ่งจะมีกลุ่มเป้าหมายจากทุกอำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์เข้าร่วมการเสวนา ได้แก่ กลุ่มภาคเกษตร แรงงาน ข้าราชการ ภาคธุรกิจ บริการ การค้า แพทย์/พยาบาล นักเรียน/นักศึกษา กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง นักวิชาการ ผู้นำทางความคิด กลุ่มผู้นำชุมชน องค์กรภาคประชาชน NGO ภาคการเมือง พระภิกษุ นักบวช ผู้นำทางศาสนา สื่อมวลชนและอื่น ๆ รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,200 คน แยกเป็น 2 รุ่นๆ ละกว่า 600 คน ร่วมพูดจาหาทางออกประเทศไทย ใน 9 ประเด็น ได้แก่ ความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรม ตุลาการภิวัฒน์ การแทรกแซงองค์กรอิสระ การรัฐประหารและบทบาทของทหารในการจัดการความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การขยายตัวของสื่อการเมืองและสื่อบุคคล การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทางการเมือง สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการความขัดแย้งและสันติวิธี และประเด็นความขัดแย้งแบบเดิมพันสูง
 


สุวรรณ์ ศรีอาภรณ์ ข่าว

เทศบาลตำบลยางตลาด กำหนดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2556 วันที่ 14-15 มิถุนายน 2556

นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายกเทศมนตรีตำบลยางตลาด เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับ ส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในเขตเทศบาลตำบลยางตลาด ได้กำหนดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2556 ขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทย ซึ่งตรงกับนโยบายของเทศบาลตำบลยางตลาดในการที่จะส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งจะมีการประกวดขบวนแห่และบั้งไฟสวยงาม โดยวันที่ 14 มิถุนายน 2556 เวลา 16.00 น. พิธีเปิดงาน โดย นายยงยุทธ หล่อตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอยางตลาด ส่วนวันที่ 15 มิถุนายน 2556 การแข่งขันจุดบั้งไฟ ณ ชุมชนยางน้อย หมู่ที่ 6 ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมเที่ยวชมงานประเพณีบุญบั้งไฟเทศบาลตำบลยาง ตลาดประจำปี 2556
 



ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

มทร.อีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ จัดพิธีไหว้ครู ประจำปี 2556

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ จัดพิธีไหว้ครู ประจำปี 2556 เพื่อสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีของไทย และเป็นการแสดงถึงความสำนึกที่ดีงามของศิษย์ที่มีต่อครู

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน 2556 ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นวลจันทร์ สิมะสุวรรณรงค์ รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตกาฬสินธุ์ เป็นประธานในพิธีไหว้ครู ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณครู อาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ อันเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณและก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่นักศึกษา โดยมีคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา เข้าร่วมพิธีครั้งนี้กว่า 1,000 คน

สำหรับพิธีไหว้ครู ครั้งนี้มีพิธีบวงสรวงพระพิรุณทรงนาค การเจิมหนังสือ การมอบเกียรติบัตรให้กับนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม และการมอบเสื้อสามารถให้กับนักศึกษาและอาจารย์ ได้แก่ อาจารย์มนชาย ภูวรกิจ และนางสาวอรุณกร ปทุมวัน นักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้าเก็บตัวทีมชาติเพื่อร่วมแข่งขันกีฬาเอเซียนอิน ดอร์และมาเชียลอาร์ทเกมส์ จากสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย (Go Association Of Thailand) วันที่ 27 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2556 ณ เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นวลจันทร์ สิมะสุวรรณรงค์ รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การจัดพิธีไหว้ครูนั้นทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งการจัดพิธีไหว้ครูถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญ การที่นักศึกษามีความรู้ มีความสามารถ และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ จำเป็นต้องมีครูเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ซึ่งการเข้าร่วมพิธีไหว้ครูยังเป็นการประกาศตนว่ายอมเป็นศิษย์ ยอมรับคำชี้แนะสั่งสอน และการประดิษฐ์พานเพื่อใช้ในพิธีไหว้ครู ยังถือเป็นการสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามอีกประการหนึ่ง โดยในพานไหว้ครูจะมี ธูป เทียน ข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และ หญ้าแพรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ต่างก็เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายสำหรับการไหว้ครูทั้งสิ้น
 



ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

จ.กาฬสินธุ์ให้บริการผ่าตัดตาต้อกระจกฟรี

นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เปิดเผยว่า จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้จัดโครงการตรวจคัดกรองและผ่าตัดตาต้อกระจก เป็นบริการให้เปล่าหรือบริการฟรี แก่ประชาชนชาวกาฬสินธุ์ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตาคือผู้ป่วยต้อกระจก โดยจะผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาให้แก่ผู้รับบริการที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ สิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคม โดยผู้ป่วยโรคต้อกระจกจะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาที่มีคุณภาพและได้ มาตรฐานจากทีมแพทย์โรงพยาบาลศุภมิตรและโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ทั้งนี้จะดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน 2556 นี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เปิดเผยอีกว่า สำหรับผู้มีปัญหาเรื่องการมองเห็นมีอาการตามัว เหมือนมีหมอกมาบัง หากปล่อยไว้นานอาการตามัวจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงขั้นมองเห็นเป็นเพียงเงาเคลื่อนไหว จึงขอเชิญชาวจังหวัดกาฬสินธุ์เข้าตรวจคัดกรองเพื่อรับบริการ โดยแจ้งความประสงค์หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงาน ของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งของจังหวัดกาฬสินธุ์
 
 


สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว