วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี คนใหม่พร้อมปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน และช่วยแก้ไขปัญหา พัฒนาบ้านเมือง ให้สังคมอยู่ดี มีสุข

ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี คนใหม่พร้อมปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน และช่วยแก้ไขปัญหา พัฒนาบ้านเมือง ให้สังคมอยู่ดี มีสุข

บ่ายวันนี้(1 มิ.ย.57) นายเสริม ไชณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีคนใหม่ พร้อมด้วยนางโศภิต ไชยณรงค์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานีคนใหม่ เดินทางมารับตำแหน่งใหม่ ได้เดินทางเข้าสักการะไหว้ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี สักการะอนุสาวรีย์พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวคำผง) สักการะพระบรมราชุนุสาวรีย์ ร.5 ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี(หลังเก่า) และสักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดป่าใหญ่ โดยมีนายธัชชัย ศรีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ให้การต้อนรับ ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวขอบคุณ กับหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ที่มาร่วมต้อนรับ พร้อมปฏิบัติหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชน และช่วยแก้ไขปัญหา พัฒนาเมือง เพื่อให้สังคมอยู่ดี มีสุข และเจริญก้าวหน้าขึ้นไป ประวัติผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบัน อายุ 55 ปี การศึกษา

        ปริญญาตรีศิลปะศาสตร์บัณฑิต (สาขารัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
        ระดับปริญญาโท ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต (สาขาพัฒนาสังคม) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
         สมรส นางโศภิต ไชยณรงค์ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการเขต ธนาคารออมสิน เขตบุรีรัมย์
         ประวัติการรับราชการเมื่อปี 2535 เป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2537 เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2538 ผู้ตรวจราชการส่วนท้องถิ่น จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2539 จ่าจังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2540 ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2541 นายอำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี
         ปี 2542 นายอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2544 นายอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2545 นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์
         ปี 2548 ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2549 ปลัดจังหวัดน่าน
         ปี 2550 ปลัดจังหวัดอุทัยธานี
         ปี 2551 รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
         ปี 2553 เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
         ปี 2554 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 2 มิถุนายน
         ปี พ.ศ. 2557 ดำรงคำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เครื่องราชอิสราภรณ์มหาวชิรมงกุฎ ( ม.ว.ม.) สาย 3

ตำรวจ ปกครอง ทหาร ร่วมกันกุมจับสาวลาวรับจ้างขนยาบ้า 15,000 เม็ด

วันนี้ ( 2 มิถุนายน 2557 ) ที่จุดตรวจเข้มแข็งบ้านเหล่าหลวง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทหารค่ายพระยอดเมืองขวาง จังหวัดนครพนม ร่วมกับปกครองอำเภอนิคมคำสร้อย  โดยการนำของ พ.ต.อ.ณรงค์ นาคทั่ง ผู้กำกับการตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย  นายเอกพงษ์ ขวานคร  ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง  ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพื่อสกัดกั้นป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย  มิให้มีการลักลอบขนเข้าไปยังพื้นที่ส่วนใน ตามนโยบายของรัฐบาลและตำรวจภูธรภาค 4 ขณะตั้งจุดตรวจที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นถนน 4 ช่องจราจร และเป็นถนนสายหลักไปยังจังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดนครราชสีมา  ได้จับกุม นางอำไพวัน  ไม่มีนามสกุล  อายุ 34 ปี ถือพาสปอร์ต เลขที่ P 0120325 เมืองจำพอน  แขวงสะหวันนะเขต  สปป.ลาว  พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 15,000 เม็ด ขณะเดินทางมากับรถโดยสารปรับอากาศสาย  มุกดาหาร – นครราชสีมา  และมีท่าทางพิรุธ และถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นที่กระเป๋าใส่เสื้อผ้า  ซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่งผู้โดยสาร พบห่อวัสดุพันทับด้วยเทปกาวอย่างดีจำนวน 8 มัดอยู่ในกระเป๋า เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่อีกชั้นหนึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นยาบ้า จำนวน 15,000 เม็ด

จากการสอบถามนาง อำไพวัน  ให้การรับสารภาพว่า ได้มีชายไม่ทราบชื่อ จากประเทศเพื่อนบ้าน ว่าจ้างให้เดินทางมารับยาบ้า ที่หน้าโรงพยาบาลมุกดาหาร จากนั้นได้ไปขึ้นรถโดยสารประจำทางสายมุกดาหาร – นครราชสีมา  ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารมุกดาหาร ให้นำไปส่งกับผู้ซื้อที่จังหวัดนครราชสีมา ในราคาค่าจ้างจำนวน 50,000 บาท เมื่อยาบ้าถึงมือผู้ซื้อ จึงจะได้รับเงินค่าจ้างดังกล่าว  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต  ก่อนส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว/ภาพ

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๕๗ รอบ ๒

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัญชลี  ตัตตะวะศาสตร์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ เปิดเผยว่าบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดรับสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษา ในระดับบัณฑิตศึกษา ประจำภาคการศึกษาต้น   ปีการศึกษา ๒๕๕๗ รอบ ๒ จำหน่ายใบสมัครและรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ปิดทำการวันหยุดนักขัตฤกษ์

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัณฑิตวิทยาลัย อาคารพิมล กลกิจ ชั้น ๓ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หรือทาง http://gs.kku.ac.th เบอร์โทรศัพท์หมายเลข ๐-๔๓๒๐-๒๔๒๐, ๐-๘๘๐๖๒-๐๑๓๒, ๐-๘๘๐๖๒-๐๑๓๓




สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ศาลจังหวัดมุกดาหาร ประกาศสอบราคาจ้างปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร

นายพลพัฒน์ ศรศักดา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่าศาลจังหวัดมุกดาหาร ประกาศสอบราคาจ้างปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศาลจังหวัดมุกดาหาร ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗ ในราคากลาง ๘๖๐,๐๐๐ บาท (แปดแสนหกหมื่นบาทถ้วน)  พร้อมกำหนดดูสถานที่ที่ทำการศาลจังหวัดมุกดาหาร ณ ห้องประชุมศาลจังหวัดมุกดาหาร ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น.เป็นต้นไป และกำหนดยื่นซองสอบราคา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ ในวันและเวลาราชการ ณ ส่วนการคลัง(งานพัสดุ) ศาลจังหวัดมุกดาหาร และกำหนดเปิดซองใบเสนอราคาในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมศาลจังหวัดมุกดาหาร ศาลจังหวัดมุกดาหาร ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ทังนี้ ผู้ที่สนใจติดต่อขอรับเอกสารสอบราคาได้ที่ส่วนคลัง (งานพัสดุ) ศาลจังหวัดมุกดาหาร ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ หรือสอบถามที่โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๔๒๖๑ ๑๓๑๓ ต่อ ๑๐๓ และเว็บไซต์  http://www.coj.go.th/mdhc ในวันและเวลาราชการ




สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดร้อยเอ็ดจ่ายเงินจำนำข้าวเปลือกแก่เกษตรกรในพื้นที่อำเภอเสลภูมิ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดเผยการดำเนินการในภาพรวมเป็นไปตามนโยบายของ คสช.

วันนี้ (2 มิ.ย.57) เวลา 09.30 น.นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบจ่ายเงินจำนำข้าวแก่เกษตรชาวนา ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอำเภอเสลภูมิ โดยมีเกษตรกรชาวนาในพื้นที่อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจ่ายเงินจำนำข้าวที่จังหวัดร้อยเอ็ด ภาพรวมได้เป็นไปนโยบายของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น และประชาชนมีความสุข ส่วนเกษตรกรชาวนาที่ได้รับเงินไปแล้วจะได้รับการดูแลจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ไม่ให้ถูกเรียกเก็บหนี้จากเจ้าหน้าที่นอกระบบ แต่การเป็นหนี้ต้องชำระ โดยมีการใช้จ่ายอย่างพอประมาณ ยึดหลักบัญชีครัวเรือนเป็นแนวทางการบริหารเงิน

นายมงคล พรงาม ผู้จัดการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า ในส่วนของ ธกส.สาขาเสลภูมิ มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 11,293 ราย จำนวน 40,085 ตัน เป็นเงินตามใบประทวน 745 ล้านบาท ได้จ่ายเงินจำนวนข้าวให้เกษตรกรแล้ว 6,813 ราย เป็นจำนวนเงิน 539 ล้านบาท คงเหลือเกษตรกรรอรับเงิน 4,480 ราย เป็นเงินจำนวน 205 ล้านบาท คาดการว่าจะจ่ายเงินทั้งหมดได้ภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2557




วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
2 มิ.ย. 57

หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดคนใหม่ อย่างอบอุ่น

วันที่ 1 มิถุนายน 2557 เวลา 12.00 น.. หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า สมาคม มูลนิธิ และชาวจังหวัดร้อยเอ็ด นำโดยนายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนางสิริพร สงบธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด ที่บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โอกาสที่เดินทางมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด

นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดคนใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2505 จังหวัดขอนแก่น จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์บัณฑิต (รบ.) สาขา บริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทพัฒนาบริหารศาสตร์มหาบัณฑิต (พบ.ม.) สาขา รัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ ปรัชญาดุษฏีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชา การจัดการภาครัฐและเอกชน มหาวิทยาลัย คริสเตียน เริ่มชีวิตรับราชการในตำแหน่งปลัดอำเภอ ในจังหวัดลพบุรี จากนั้ชีวิตการรับราชการเจริญเติบโตตามลำดับ ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัด,ผู้ช่วยผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่น จังหวัดสงขลา ผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นจังหวัดนนทบุรี นายอำเภอไทยน้อย จังหวัดนนทบุรี นายอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เลขา นุกรมการปกครอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครปฐมและจังหวัดสกลนคร ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนคุณวุฒิ) เป็นตำแหน่งก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผ่านการอบรมหลักสูตรสำคัญ หลายหลักสูตร เช่น หลักสูตร นักปกครองระดับสูง รุ่นที่ 46 สถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน (วปรอ) รุ่นที่ 23 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ฯลฯ มีผลงานทางวิชาการหลายผลงาน อาทิ วิทยานิพนธ์ เรื่อง การจัดการความขัดแย้ง โดยนายอำเภอของประชาชนในประเทศไทย,เอกสารการศึกษาส่วนบุคคล เรื่อง ปัญหาในการทำหน้าที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลของปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล บทความนิตยสารเทศาภิบาล เดือนมกราคม 2555 เรื่อง ดาราวัยรุ่นกับยาเสพติด บทความนิตยสารเทศาภิบาล เดือนกุมภาพันธ์ 2555 เรื่อง แนวทางการป้องกันการหวนกลับไปเสพยาเสพติดของเยาวชน และงานอื่นๆ อาทิ เป็นคณะทำงานยกร่างสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.2550 ผู้ช่วยผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ของรองนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2552

วันที่ 2 มิถุนายน 2557 วันแรกของการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เป็นประธานมอบเงินจำนำข้าว ณ ธกส.สาขาเสลภูมิ ได้ประกาศยืนยันว่า การมอบเงินดังกล่าวเป็นการสร้างความสุขให้กับเกษตรกรชาวนา จะดูแลเกษตรกรชาวนาที่ได้รับเงินไปแล้วไม่ให้ถูกแก๊งเก็บเงินนอกระบบไปเรียกเก็บเงิน พร้อมแนะนำให้ใช้ระบบบัญชีครัวเรือนเป็นแนวทางในการบริหารเงิน และกล่าวว่า  การจ่ายเงินจำนำข้าวที่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นไปตามนโยบายของ คสช.บรรลุเป้าหมายทุกประการ เศรษฐกิจและการเงินหมุนเวียนในตลาดดีขึ้น ที่สำคัญประชาชนมีความสุข



วิมล เร่งศึก/ข่าว กมลพร คำนึง/บก.ข่าว 2 มิ.ย.57 

ธ.ก.ส. เผยจ่ายเงินให้ชาวนา 8 แสนราย ในโครงการจำนำข้าวไปแล้ว 4 หมื่นล้าน ส่วนที่เหลืออีก 5 หมื่นล้าน คาดได้ครบทุกรายก่อน 22 มิ.ย. นี้

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วย พล.ต.สิทธิ ปิยะสนธิ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสุพรรณบุรี (ฝ่ายทหาร) ตรวจการจ่ายเงินรับจำนำข้าวให้กับชาวนาที่รอรับเงินกว่า 800,000 แสนราย วงเงินกว่า 92,000 ล้านบาท ที่ ธ.ก.ส.สามชุก โดยได้จ่ายเงินจำนำข้าวล็อตแรกไปแล้ว 40,000 ล้านบาท      

สำหรับยอดเงินที่เหลือ 50,000 ล้านบาท หากสำนักบริหารจัดการหนี้สาธารณะ จะส่งเงินมาให้ ธ.ก.ส. ก็คาดว่า จะจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ทั้งหมดก่อนวันที่ 22 มิถุนายน 2557 นี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่ ยืนยันจะทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับชาวขอนแก่นเพื่อสร้างความปรองดองของคนในชาติ

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่ ยืนยันจะทำงานอย่างเต็มที่ จะร่วมกับชาวขอนแก่นเพื่อสร้างความปรองดองของคนในชาติ แต่ต้องใช้เวลาบ้างและต้องมีความเมตตา

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่ ซึ่งเดินทางมาปฏิบัติราชการที่จังหวัดขอนแก่น ในวันนี้ (2 มิถุนายน 2557) เป็นวันแรกได้กล่าวกับ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจประจำจังหวัดขอนแก่น นายอำเภอ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน ที่มาต้อนรับและแสดงความยินดี ที่ศาลาประชาคมจังหวัดขอนแก่น ว่า  จะทำงานอย่างเต็มที่กับทุกภาคส่วน เป็นโอกาสดีที่ได้มารับใช้ชาวขอนแก่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเคยรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งปลัดอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา โดยจะร่วมกับชาวขอนแก่นในการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในจังหวัดขอนแก่นและในชาติ แต่ความไม่เข้าใจกันนั้น คงจะต้องใช้เวลาบ้าง และมีความเมตตาด้วย

สำหรับ นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระดับปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการศึกษาอบรม หลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 31 หลักสูตรนักปกครองระดับสูงรุ่น 33 หลักสูตรพัฒนาสมรรถนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศปี 2552 เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท และผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สมรสกับนางพิมพ์พิมล ถาวรสถิตย์



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดในภาคอีสานตอนบนระดมกวาดล้างอาวุธ อาชญากรรมและสิ่งเสพติดได้ของกลางเพรียบ

ที่ศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) บช.ภ.4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาการ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ศักดา เปรุนาวิน ผบ.พล.ร.3 และนายวิวัฒ เมธีวรรณกิจ รอง ผวจ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด ตามแผนปฎิบัติการร่วม ตำรวจ-ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนในประเภทต่างๆได้รวม 407 กระบอก เครื่องกระสุน 1,028 นัดและระเบิด 8 ลูก ยาบ้า 97,058 เม็ด รถยนต์ 10 คัน รวมไปถึงอาวุธในประเภทต่างๆรวมหลายรายการผู้ต้องหารวม 3,413 คน

พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาการ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การสนธิกำลังร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองมีผลการจับกุมที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ เพราะสามารถจับกุมในคดีต่างๆทั้งคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกาย ประทุษร้ายต่อทรัพย์ รวมไปถึงคดียาเสพติดและโจรกรรมในรูปแบบต่างๆ ทั้งหมดถูกกวดขันจับกุมตลอดทั้งช่วงของการประกาศกฎอัยการศึกที่ถือเป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่มีผลการปฎิบัติอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญคือการสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบนได้เป็นอย่างมาก

พื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความแตกแยกทางความคิดทางการเองของประชาชนที่เรียกได้ว่าหยั่งรากลึกในทุกกลุ่มคน ซึ่ง คสช.ได้มอบหมายภารกิจให้ทุกฝ่ายนั้นดำเนินการภายใต้ยุทธวิธีสันติวิธี ซึ่งกำลังตำรวจที่ปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนนั้นจะยังคงยึดหลักของการเป็นมิตรกับประชาชน จักธำรงไว้ซึ่ง สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะย่างยิ่งกับการคืนความสุขให้กับคนในชาติ ตามความมุ่งหวังของ คสช.ที่ทุกหน่วยงานจะต้องปฎิบัติงานร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ

ผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า การเร่งรัดสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ เพื่อสลายความขัดแย้งทางความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจกับกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกฝ่าย และประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำบ้านเมืองให้ปลอดภัยในพื้นที่ ของ ตร.ภ.4 เพื่อสร้างความอุ่นใจและความเข้าในในกลุ่มคนต่างๆที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและให้ความร่วมมือในการสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่

รองโฆษกกองทัพบก ขอความร่วมมือประชาชนไม่แต่งกายเลียนแบบทหาร

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคล แต่งกายคล้ายทหาร ซึ่งอาจดูไม่เหมาะสม ส่งผลให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และมีผลต่อภาพลักษณ์องค์กรทหาร จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายในการงดแต่งกายลอกเลียนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบหญิงหรือชาย หรือตามแบบแฟชั่น เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่สมควร

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธฺ์คู่เมืองขอนแก่น

วันนี้เวลา 09.00 น. นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่พร้อมด้วยนางพิมพ์วิมล ถาวรสถิตย์ นายกเหล่ากาชาดขอนแก่นเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในห้องทำงาน ในโอกาสที่เดินทางมาปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นคนใหม่  จากนั้นนำคณะไปสักการะสิ่งศักดิ์คู่เมืองขอนแก่น ศาลหลักเมือง และสิ่งศักดิ์ ที่อยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น มีพระธาตุศิโรดม ขอนแก่น อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จากนั้นไปไหว้ พระพุทธรูปประจำศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ไปไหว้ศาลโรงช้างใกล้ศาลากลางจังหวัด สำหรับประวัติ ผวจ.ขอนแก่น คนใหม่ เกิด 20 มีนาคม 2499 เป็นชาว กทม. การศึกษา จบป.ตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ป.โท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบหลักสูตรนายอำเภอรุ่น 31  จบหลักสูตร นปส. รุ่น 33  ประวัติการทำงาน เคยเป็น ปลัดอำเภอเมืองขอนแก่น นายอำเภอกุดบาก สกลนคร นายอำเภอชะอำ ผู้อำนวยการกองการสื่อสาร กรมการปกครอง ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติกร กรมการปกครอง รอง ผวจ.สมุทรปราการ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ก่อนมาเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

ทหารยึดอาวุธสงคราม ซุกในตู้เซฟทิ้งกลางทุ่งนา

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ 2 มิ.ย. 57 ที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.มารุต  ลิ้มเจริญ  พบ.บชร.2 รับผิดชอบ กกส.รส.จว.ชัยภูมิพร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต  มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ แถลงผลการกวาดล้าง จับกุมอาวุธสงคราม ในช่วงประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดยได้รับแจ้งจากนายก อบต.ศรีสำราญ  ว่าพบตู้เซฟวางทิ้งไว้บริเวณที่ดินหลังบ้านประชาชน หมู่ที่ 3  บ้านนามน  ต.ศรีสำราญ  อ.คอนสวรรค์  จว.ชัยภูมิ  บูรณาการกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง นำกำลังออกไปทำการตรวจสอบและนำมาตรวจพิสูจน์เปิดพกนรสุนปืนชนิดต่างๆ และเอกสาร ในตู้เซจ จำนวนมาก  ประกอบด้วย ลูกกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12  จำนวน 25 นัด, ลูกกระสุนปืน ขนาด 11 มม. จำนวน 64 นัด, ลูกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 30 นัด, ซองปืนพกนอกซ้ายสีดำ  จำนวน 1 ซอง, ซองกระสุนปืน ขนาด 11 มม. สีดำ จำนวน 3 ซอง, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ โนเกียสีดำ จำนวน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 3 สีดำ จำนวน 1 เครื่องและมีเอกสารอีกจำนวนมาก  เช่น  สมุดบัญชี, สัญญาเช่าซื้อต่างๆ และบัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ  ซึ่งตอนนี้กำลังตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของผู้ใด  เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน, หรือวัตถุระเบิดอยู่ในความครอบครองให้นำมาส่งมอบตามคำสั่ง  คสช. ที่ 37/2557  โดยผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ



สุระพงค์  สวัสดิ์ผล /ข่าว

รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อประสานรถตู้ตาย 13 ราย ที่ชัยภูมิ

เกิดอุบัติเหตุรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อ ชนประสานงากับรถตู้โดยสาร เกิดไฟไหม้คอกผู้โดยสารเสียชีวิตคาที่ 13 ราย บาดเจ็บ 4 คน

เหตุอุบัติเหตุรายนี้ ตำรวจอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ได้รับแจ้งเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. วันนี้ (2 มิ.ย.57) เกิดอุบัติเหตุรถพ่วงบรรทุกพืชผลการเกษตร  18 ล้อ ชนกับรถตู้โดยสาร ที่หลักกิโลเมตร 170 ถนนสาย 201 ชัยภูมิ ภูเขียว ห่างจากอำเภอแก้งคร้อ 3 กิโลเมตร เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในรถตู้ถูกไฟครอกเสียชีวิตยังที่เกิดเหตุ 13 ราย และมีผู้ได้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงทั้งชัยภูมิและขอนแก่น รวม 4 คน

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ขณะที่นายประยุทธ สีซุย คนขับรถพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 81 – 6449 จังหวัดเลย ที่ได้บรรทุกมันสำปะหลังแห้ง มาจากจังหวัดเลยมุ่งหน้าไปจังหวัดชัยภูมิ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ได้มีรถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน 32 – 7317 กรุงเทพมหานคร ขับมาจากกรุงเทพฯ มาถึงที่เกิดเหตุ รถตู้ได้กินเลนซ้ายชนประสานงาเข้าอย่างจังกับรถบรรทุก 18 ล้อ เกิดระเบิดเสียงสนั่น และเกิดไฟได้ลุกไหม้รถเกือบทืทั้งคัน ครอกผู้โดยสารภายในรถตู้และคนขับ เป็นเหตุให้มีผู้ถูกไฟครอกเสียชีวิตคารถ 13 ราย รวมทั้งคนขับรถตู้ มีผู้หนีออกจากรถตู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน รวมคนขับรถ 18 ล้ออีก 1 คน  รวมผู้เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 4 คน ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ 1 ราย โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น 2 ราย รพ.แก้งคร้อ 1 ราย

จากกการสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่า รถตู้คันที่ประสบเหตุ เป็น 1 ใน 5 คัน ที่นำเยาวชนจากจังหวัดต่างๆ เช่น ศรีราชา ภูเก็ต มีนบุรี นครปฐม ประมาณ 80 คน โดยมีคนไทย เป็นคคนขับทั้ง 5 คัน เพื่อเดินทางไปเข้าค่ายอบรมพัฒนาจิตใจเยาวชน ครั้งที่ 4  ที่วัดคาทรอลิคอัครเทวดา อ.เมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. 57 คันที่ประสบเหตุ วิ่งมาเป็นคันที่ 3 โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 1 ต่อโลเมตร ต่อคัน ก่อนเกิดเหตุคนขับรถตู้ ได้โทรศัพท์คุยกับเพื่อรถตู้ด้วยกัน ทำนองว่าขับไม่ไหวแล้ว ลักษณะคงง่วงนอน เพราะขับออกมาจากกรุงเทพฯช่วงเที่ยงคืน ไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุ ดังกล่าว    
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ศพผู้เสียชีวิตไว้ พิสูจน์ลักษณะบุคคล โดยคณะแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลแก้งคร้อ พร้อมทั้งเขียนชื่อ ห่อด้วยผ้าขาว และห่อด้วยพลาสติก บรรจุไว้โลงศพ รอญาติมารับไปบำเพ็ญกุศล พำร้อมนำผู้เกี่ยวข้องทุกคน ไปสอบสวน ที่โรงพยาบาลแก้งคร้อ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้ จึงนำผู้เสียชีวิต ส่งไปโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดต่อไป




สุระพงค์  สวัสดิ์ผล /ข่าว

ผู้ว่าฯ โคราช กราบสักการะขอพรเจ้าคณะจังหวัด หลังเข้ารับตำแหน่ง เน้นดึงหลักศาสนาสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในจังหวัด

วันที่ 2 มิ.ย. 57 นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เดินทางเข้ากราบสักการะของพรจากพระธรรมโสภณ นิกายธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา วรวิหาร พระธรรมวรนายก มหานิกาย เจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์ และเดินทางไปกราบสักการะขอพรจากพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ที่วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ได้ฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา คนใหม่ช่วยสร้างความสงบสุข ลดความขัดแย้ง ในจังหวัดนครราชสีมา

นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา ตนเองจะนำหลักพระพุทธศาสนาเข้ามาช่วยในการสร้างความปรองดองโดยจะทำงานร่วมกับพระภิกษุสงฆ์ในการนำหลักพระพุทธศาสนาเข้ามาขัดเกลาจิตใจประชาชนและข้าราชการให้เกิดความสามัคคี

ทหารพรานสนธิกำลังยึดไม้พะยูงชิงชันและประดู่เตรียมส่งขายต่างประเทศ

แก๊งค้าไม้พะยูงข้ามชาติซุกซ่อนไม้พะยูง ชิงชันและไม้ประดู่ ไว้ในสวนยางพาราข้างโบสถ์คริสต์ เพื่อเตรียมส่งขายต่างประเทศ ระหว่างติดต่อซื้อขายรอเวลาตกลงราคา ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานสนธิกำลังเข้าตรวจยึดได้ไม้ 29 ท่อน ปริมาตร 1.749 ลูกบาศก์เมตร

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 1 มิ.ย.57 พันเอกมงคล หอทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 21 สืบทราบว่ามีการซุกซ่อนไม้พะยูงและไม้ชิงชันไว้ในสวนยางพาราใกล้โบสถ์คริสต์บ้านกลาง หมู่ที่ 8 ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงสั่งการให้ ร.อ.วรยุทธ คำสี ผบ.ทพ.ร้อย 2105 และ ร.ท.วิทยา สิงห์อร ผบ.ทพ.ร้อย 2103 สนธิกำลังกับ ร.ต.อ.รามสูรย์ บุญข่าย รอง ผบ.ร้อย ตชด.244 บึงกาฬ พ.ต.ต.อดุลย์ ฉิมทับ สว.กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.ต.เมธา โคตรสันเทียะ สว.ตม.ร.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี รอง สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬ ร.ต.ท.สันติชัย รมพิพัฒน์ รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปทส.และ นายสุรัตน์ วิเศษลา หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นค.6 บึงกาฬ นำกำลังเข้าตรวจค้นตามสวนยางพารารอบๆ โบสถ์คริสต์ดังกล่าว พบกองไม้ 2 กองอยู่ห่างกัน 50 เมตรในสวนยางพารา ใช้ผ้าใบปกคลุมเอาไว้อย่างมิดชิด แล้วนำกิ่งไม้และใบไม้มาวางทับอีกชั้นเพื่ออำพราง เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดผ้าใบดู พบว่ามีไม้พะยูงแปรรูปจำนวน 7 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 0.332 ลูกบาศก์เมตร ไม้ชิงชันแปรรูปจำนวน 13 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 0.10 ลูกบาศก์เมตร และไม้ประดู่ 9 ท่อน/เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 1.318 ลูกบาศก์เมตร รวมไม้ 29 ท่อน ปริมาตร 1.749 ลูกบาศก์เมตร จึงยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ สืบสวนสอบสวนหาเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไป

ร.อ.วรยุทธ ผบ.ทพ.ร้อย 2105 กล่าวว่า ไม้จำนวนดังกล่าวแก๊งค้าไม้พะยูงข้ามชาติ อยู่ระหว่างเจรจาตกลงราคากันยังไม่ได้ แต่ได้นำไม้มาพักซุกซ่อนไว้ในสวนยางพาราใกลักับโบสถ์คริสต์ หากตกลงกันได้ก็จะลำเลียงออกขายทันที ซึ่งจุดที่ซ่อนไม้ก็ไม่ห่างไกลจากริมโขง ราคาซื้อขายในต่างประเทศประมาณ 5 ล้านบาท

งานวันแห่งครอบครัว/สมัชชาครอบครัว/สมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม จังหวัดบึงกาฬ ประจำปี 2557

วันนี้ (30 พ.ค. 2557) ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายชโลธร ผาโคตร เป็นประธานเปิดงาน วันแห่งครอบครัว สมัชชาครอบครัว สมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม จังหวัดบึงกาฬ ประจำปี 2557 ณ ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

นางสุจิตรา พินดวง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานที่ทำหน้าที่หล่อหลอมและขัดเกลาให้กับสมาชิกของครอบครัว ครอบครัวที่เข้มแข็งจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป หากครอบครัวอ่อนแอจะนำไปสู่เหตุการณ์และปัญหาสังคมอื่นๆตามมาอีกหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งสถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อมจังหวัดบึงกาฬ พบว่า ปี 2553-2555 หญิงตั้งครรภ์ในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี มีแนวโน้มสูงขึ้น ในขณะที่ทุกหน่วยงานมีแนวทางการทำงานเพื่อส่งเสริมเด็ก เยาวชนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบว่า มีเด็กและเยาวชนที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ต้องออกจากระบบการศึกษาและการจัดการปัญหาโดยการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ในการประชุมสมัชชาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสถาบันครอบครัว มุ่งเน้นให้สถาบันครอบครัวเข้มแข็ง รวมถึงการยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ครอบครัวที่ได้รับการคัดเลือกเป็นครอบครัวร่มเย็น องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ และเป็นเวทีให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและระดมความคิดในการหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาครอบครัว ปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม และนำผลการสมัชชาเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผลักดันให้เกิดยุทธศาสตร์ แผนงาน/โครงการการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ยังมีการมอบโล่สดุดีประเภทต่างๆดังนี้ 1. ครอบครัวร่มเย็นจังหวัดบึงกาฬ ครอบครัว ใขไพวัน 2. องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้สูงอายุ ที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ 3.องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลหอคำ และ 4. องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลบึงโขงหลง

มหาสารคามแถลงข่าวระดมกวาดล้างอาชญากรรม

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.57 พบของกลางอาวุธปืน ยาเสพติด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 246 คน

          ที่กองบังคับการตรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ เสนาธิการ กองพลทหารราบที่ 6 ในฐานะรองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม พร้อมนายตำรวจ ทหาร ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ของตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วยสถานีตำรวจภูธรทั้ง 25 สถานีในสังกัด ในห้วงวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2557 เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

           โดยสามารถตรวจยึดอาวุธปืนธรรมดา ได้จำนวน 29 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 102 นัด พร้อมผู้ต้องหา 25 คน ส่วนคดียาเสพติด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 85 คน ยึดของกลาง ประกอบด้วย ยาบ้า 797 เม็ด กัญชาแห้ง 9.4 กรัม พืชกระท่อม 4 ใบ สารระเหย 4 กระป๋อง พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดยประเมินราคาทรัพย์สินประมาณ 350,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับคดีการพนัน จับได้ 56 ราย ผู้ต้องหา 116 คน ค้าประเวณี ผู้ต้องหา 16 คน และคดีค้างเก่า ผู้ต้องหา 4 คน

             ภายหลังการแถลงข่าวแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้ออกตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ตำรวจ ทหาร ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ด้วย




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯมหาสารคาม เปิดศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม และผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม ประธาน 3 ฝ่าย ร่วมเปิดศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปจังหวัดมหาสารคาม เชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเห็นต่าง นักวิชาการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมนำเสนอรูปแบบหลักการสร้างความปรองดอง

            (2 มิ.ย. 57) ที่ห้องประชุม 301 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการ เปิดศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปจังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม และ พ.อ.สมชาย เพ็งกรูด ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบ จังหวัดมหาสารคาม รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 เป็นประธานร่วม 3 ฝ่าย

             ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า แนวทางการสร้างศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป จังหวัดมหาสารคาม จะเป็นการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเห็นต่าง นักวิชาการ และฝ่ายมวลชนคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาหารือแนวทาง และรูปแบบในการสร้างความร่วมมือกัน เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ซึ่งจะนำไปสู่การคืนความสงบสุขให้แก่คนไทยทั้งชาติ และปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย

               ทั้งนี้ หลังจากได้หารือร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายแล้ว จะนำข้อสรุปที่ได้ มานำเสนอต่อประชาชนทุกภาคส่วน ในวันพรุ่งนี้ (3 มิย.57) ที่ห้องประชุม 406 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ในเวลา 13.00 น.




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว 

ธ.ก.ส. สาขาวาปีปทุม จ.มหาสารคาม จ่ายเงินจำนำข้าวให้เกษตรกรแล้ว ยังมีเกษตรกรที่ไม่ได้รับเงินอีก 794 ราย วงเงินกว่า 22 ล้านบาท

ธ.ก.ส. สาขาวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เร่งจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57  หลัง คสช.อนุมัติจ่ายเงินจำนำข้าวแก่เกษตรกรงวดแรก โดยสามารถจ่ายเงินแก่เกษตรกรที่มาทำสัญญาแล้ว 2 พันกว่าราย  วงเงินกว่า 250 ล้านบาท ขณะที่ยังมีเกษตรกรที่ไม่ได้รับเงินอีกกว่า 7 ร้อยราย วงเงินกว่า  22 ล้านบาท

          (02-06-57)  ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม  เกษตรกรชาวอำเภอวาปีปทุมต่างทยอยนำใบประทวนมาทำสัญญา และลงทะเบียนรับเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57  ที่รอคอยมากว่า 6 – 7 เดือน  ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) จัดสรรงบประมาณงวดแรก  ให้จังหวัดมหาสารคาม เป็นเงิน 835 ล้านบาท  และ  ธ.ก.ส. สำนักงานจังหวัดมหาสารคาม ได้ดำเนินการแจกจ่ายให้กับ ธ.ก.ส.สาขาอำเภอทุกแห่ง  เพื่อแจกจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ  โดยมีนายอำนาจ  พวงสำลี  นายอำเภอวาปีปทุม  เป็นประธานในการมอบเงินให้กับเกษตรกร

นายสมควร  มาตรแก้ว  ผู้จัดการสาขา  ธ.ก.ส.สาขาวาปีปทุม  เปิดเผยว่า  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม  ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร   โดยโอนเงินผ่านบัญชีของเกษตรกรโดยตรง  และแจกจ่ายเป็นเงินสด  ทั้งนี้อำเภอวาปีปทุม  มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57  และมาลงทะเบียนทำสัญญาแล้ว  ณ  วันที่  30  พฤษภาคม  2557  จำนวน  3,311 ราย  วงเงินทั้งสิ้น  251,987,968.62 บาท  และดำเนินการจ่ายเงินแล้ว  จำนวน  2,517 ราย  เป็นเงิน  229,657,816.97 บาท  คงเหลือเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินตามโครงการรับจำนำข้าวอีก  จำนวน  794 ราย  เป็นเงิน  22,330,151.65 บาท ซึ่งต้องรองบประมาณในงวดต่อไป  โดยคาดว่าจะดำเนินการจ่ายเงินแก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2557




ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ก.ธ.จ.มหาสารคาม เป็นเจ้าภาพสัมมนาเพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของ ก.ธ.จ.จังหวัด

สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด กำหนดจัดสัมมนาเพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 4 จังหวัด คือมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และขอนแก่น กำหนดจัดที่จังหวัดมหาสารคาม วันที่ 6 มิถุนายน นี้

                  นายพิชัย คชพิมพ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม ในฐานะคณะกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมหาสารคาม (ก.ธ.จ.) กล่าวว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด จัดโครงการ "สัมมนาเครือข่ายภาคประชาชนของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด” เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายภาคประชาชน พร้อมกำหนดแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด และเครือข่ายภาคประชาชน ให้สามารถเป็นกลไกในการสอดส่องหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด รวมทั้งเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ และแนวทางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ในการสอดส่อง เสนอแนะแนวทางปฏิบัติ และการส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของหน่วยงานภาครัฐ โดยกำหนดสัมมนาในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2557 ระหว่างเวลา 08.00-15.00 น. ณ ห้องตักสิลาบอลรูม โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคาม

                  สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาจะประกอบด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น และกาฬสินธุ์แล้ว ยังมีเครือข่ายภาคประชาชนของทั้ง 4 จังหวัดเข้าร่วมสัมมนา เพื่อร่วมกันเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานและสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้มากยิ่งขึ้น




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

กกล.รส. จ.มหาสารคาม เร่งสร้างความเข้าใจ กรณีข่าวลือทหารยึดทรัพย์ประชาชน

กองบังคับการกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม ชี้แจงกรณีมีข่าวลือกลุ่มบุคคลแอบอ้าง เข้าไปค้นบ้านเรือนและยึดเอาทรัพย์สินประชาชน โดยยืนยันผู้บังคับบัญชาทุกระดับไม่มีนโยบายให้ทหารเข้าไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด หากพบผู้แอบอ้างแจ้งโดยตรงที่กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม 043 706832 / 043 706834

                 (2-6-57) พันเอกนรธิป โพยนอก รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบ จังหวัดมหาสารคาม ได้มีหนังสือเชิญหัวหน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงคลื่นหลักในจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย สถานีวิทยุรักษาดินแดน สถานีวิทยุทหารอากาศ สถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม และประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม เข้าร่วมประชุมเพื่อให้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์กรณีข่าวลือ ว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างตัวว่าเป็นทหาร ได้ไปทำการตรวจค้นบ้านเรือนราษฎร พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินของประชาชน เช่น เครื่องตัดหญ้า ถังแก๊ส รถจักรยานยนต์ ซึ่งกรณีดังกล่าว กองบังคับการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม ชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ไม่ได้เป็นจริงแต่ประการใด และยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ไม่มีนโยบายที่จะให้ทหารไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเป็นอันขาด การแอบอ้างเป็นการสร้างความเสื่อมเสียและทำลายชื่อเสียงของทหาร

                 โดยการที่จะเข้าไปตรวจเยี่ยมหรือพบปะกับประชาชน ทุกครั้งจะต้อง มีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย คือ ทหาร ฝ่ายปกครองของพื้นที่และตำรวจ มีการแต่งกายถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ก่อนเข้าพื้นที่จะมีการแจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำท้องถิ่นได้ทราบก่อนดำเนินการ และหากมีผู้แอบอ้าง ขอให้ประชาชนได้แจ้งกองบังคับการกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม ที่โทรศัพท์หมายเลข 043 706832 และ 043 706834 หรือที่ พันโทสุพล พละสุ 088 5716792 ซึ่งหากพบการกระทำดังกล่าว จะดำเนินการต่อผู้ที่กล่าวอ้างอย่างเด็ดขาด ตามประกาศกฎอัยการศึกในขณะนี้ เพื่อขจัดปัญหาและนำพาความสงบสุขมาสู่ประชาชนโดยทั่วกัน




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว