วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วัดหลวงพ่อพวน บ้านช้างหมอบ เชิญชวนชาวพุทธกราบไหว้อัฐิพระบรมสารีริกธาตุ

วัดหลวงพ่อพวน บ้านช้างหมอบ เชิญชวนชาวพุทธกราบไหว้อัฐิพระบรมสารีริกธาตุ บนยอดเขาพนมดงรักชายแดน ไทย-กัมพูชา พร้อมกราบไหว้ พระเกจิอาจารย์ ชมความงาม ของถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา

วันนี้ (14 ต.ค.56) ที่ วัดมงคลคะ-ชาราม บ้านช้างหมอบ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลวงพ่อพวน วรมังคโร เจ้าอาวาสวัด ได้ทำการก่อสร้าง พระปรางค์กุญชรมณี ศรีไตรยอดเพชร บนเนินเขาพนมดงรักไปได้กว่า 60 % แล้ว โดยใช้วัสดุ ที่เป็นทั้งหินสิลาแลง และปูนที่วางแบบเป็นรูปแบบสมัยประยุกต์ ทั้งลวดลาย ที่เป็นแบบลายไทย และลายผสม ไทยและกัมพูชา เพื่อเก็บบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ศาสนิกชน ทั่วไปได้กราบไหว้ และเป็นการสร้างถาวรวัตถุ อันสำคัญ ในพระพุทธศาสนา
ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนศาสนิกชนผู้มีจิตสัทธาร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างพระปรางค์กุญชรมณี ศรีไตรยอดเพชร เพื่อเก็บบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ได้ที่วัดมงคลคชารม บ้านช้างหมอบ ต.แมงมุด อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์



อุทัย  มานาดี /ข่าว

องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ยกระดับ เพื่อปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา

องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ยกระดับ เพื่อปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันนี้ ( 14 ตุลาคม 2556 ) ที่โรงเรียนโพธิ์วงศ์วิทยา อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ มอบหมายให้ นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา” โครงการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนโพธิ์วงศ์วิทยา ประจำปี 2556 เพื่อปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 อย่างสม่ำเสมอ และสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม ชุมชน สอดคล้องกับประชาคมอาเซียน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครูอีกด้วย โดยมีนายโสภณ ดวงแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิ์วงศ์วิทยา นำ ข้าราชการ ครู ครูอัตราจ้าง และบุคลากรโรงเรียนโพธิ์วงศ์วิทยาเข้าร่วมจำนวนมาก เข้าฝึกร่วมการอบรมในครั้งนี้ นายทิวา กล่าวว่า การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา” โครงการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนโพธิ์วงศ์วิทยา ประจำปี 2556 ใช้เวลาในการฝึกอบรมทั้งสิ้นจำนวน 3 วัน ระหว่างวันที่ 14 – 16 ตุลาคม 2556 โดยผู้เข้าอบรม จะได้รับความรู้ในเรื่องของการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาสู่อาเซียน การปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการประเมินภายนอก รอบที่ 3 จากสำนักงานประเมินและรับรองมาตรฐานการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. อีกด้วย

เครือข่ายคณะทำงานด้านเด็กและเยาวชนอุบลราชธานี ดูงานเยาวชนที่กัมพูชา

เครือข่ายคณะทำงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการ จังหวัดอุบลราชธานี  ศึกษาองค์กรพัฒนาเด็กและเยาวชนในประเทศกัมพูชา เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาเด็กและเยาวชนก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

(14 ตค.56) ผศ.ดร.สมพร  ดวนใหญ่ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  เปิดเผยว่า  ในช่วงวันที่  9 – 13 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา คณะทำงานโครงการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการระดับจังหวัด : อุบลราชธานี   พร้อมเครือข่าย  ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เดินทางไปศึกษาดูงานการพัฒนาเด็ก และเยาวชน ขององค์กรต่างๆในประเทศกัมพูชา เช่น  ในกรุงพนมเปญ ศึกษาดูงานที่ Youth Resource Development Program (YRDP) องค์กรฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆให้กับนักศึกษา ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาสังคมและการทำงานด้านสันติภาพ  รวมทั้งศึกษาดูงานที่ Documentation Center of Cambodia  ( DC-CAM ) แหล่งรวบรวมข้อมูลสำคัญและเอกสารทางประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นศูนย์เรียนรู้รณรงค์ให้เด็กและเยาวชนในกัมพูชารุ่นใหม่ เข้าใจถึงประวัติศาสตร์การเมืองและการขับเคลื่อนงานเพื่อสังคม

นอกจากนี้ คณะทำงาน ฯ ได้ศึกษาดูงานที่จังหวัดเสียมเรียบ คือ University of South East Asia  (USEA-Cambodia) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน เน้นการผลิตบัณฑิตด้านภาษาและเทคโนโลยี สถานศึกษาแห่งนี้ได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ด้านการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาทั้งคณาจารย์และนักศึกษามาอย่างต่อเนื่อง  ศึกษาดูงานที่ Youth Council of Cambodia ( YCC ) เป็นสภาเยาวชนของประเทศกัมพูชา สนับสนุนการปฎิรูปประชาธิปไตยอย่างสันติ ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แก่เด็กและเยาวชน  สร้างภาวะความเป็นผู้นำ ในโอกาสนี้ คณะทำงานโครงการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการระดับจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบเงิน จำนวน 6 พันบาทเศษ สนับสนุนการช่วยเหลือพัฒนาเด็กด้อยโอกาสแก่ตัวแทน YCC.  รวมทั้งเยี่ยมชม วัดเปรี๊ยะ อังกอซา เป็นวัดที่เปิดสอนภาษาต่างประทศให้กับชาวกัมพูชา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาสเปน

ผศ.ดร.สมพร  ดวนใหญ่  กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการศึกษาดูงานครั้งนี้ ว่า เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน ประเทศกัมพูชาและประเทศไทย  ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนในประชาคมอาเซียน ทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และการศึกษา อีกทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้าน

ด้าน ผศ.สนธยา  เกาะสมบัติ   ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  กล่าวว่า จะมีการนำรูปแบบบางอย่างของการทำงานด้านเด็กและเยาวชน ในการศึกษาดูงานครั้งนี้ไปปรับใช้ เช่น การทำงานโดยไม่ต้องอาศัยภาครัฐ แต่จะให้ภาคเอกชน หรือองค์การต่างๆ เข้ามาสนับสนุนรวมทั้งการจัดกิจกรรมของเยาชนเพื่อระดมทุนในการทำงาน

นอกจากนี้ จะมีการทำงานร่วมกันกับองค์กรด้านเด็กและเยาวชนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เช่น การศึกษาดูงาน ทั้งสองฝ่าย การแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อหาประสบการณ์ในการทำงานช่วงระยะสั้นๆ    



กรกช  ภูมี / สวท.อุบลฯ
สปข.2 รายงาน / 14ต.ค.56

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมเตรียมจัดงาน สร้างอนาคตไทย 2020 วันที่ 18-20 ต.ค.56 นี้

อุบลราชธานี : ประชุมเตรียมพร้อมการจัดงานทั้งการจัดแสดงนิทรรศการและส่วนที่เกี่ยวจังหวัดอุบลราชธานี เช่นการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย/ความปลอดภัย,ความสะดวกด้านสถานที่,หน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น,การจัดเก็บข้อมูลแบบสอบถามและประมวลผลการจัดงาน,การต้อนรับแขกและผู้บริหารระดับสูง คาดจะมีผู้เข้าชมนิทรรศการ วันละร่วม 4,000 คน ระหว่าง 18-20 ตุลาคม 2556 นี้ ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อุบลราชธานี

บ่ายวันนี้ (14 ต.ค.56) นายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมการจัดงานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ห้องประชุมปทุมวรราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้บริษัท มติชนจำกัด (มหาชน) และบริษัท สยามสปอร์ต ซินติเคท จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานจัดงานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจต่อโครงการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในภาคส่วนต่างๆ โดยกำหนดจัดงานนิทรรศการ ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในระหว่าง วันที่ 18-20 ตุลาคม 2556 ณ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงการสนับสนุนการจัดนิทรรศการในส่วนที่เกี่ยวกับจังหวัดอุบลราชธานี หน่วยงานและส่วนราชการในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในการจัดนิทรรศการ,การอำนวยความสะดวกในการจัดสถานที่ ทั้งห้องน้ำ,พื้นที่จอดรถ,หน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น,การจัดเก็บข้อมูลแบบสอบถามและประมวลผลการจัดงาน,การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติร่วมงานและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งในการจัดงานดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานไม่น้อยกว่าวันละ 4,000. คน จังหวัดอุบลราชธานี จึงขอเชิญชวนท่านที่สนใจเข้าร่วมงาน งานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ระหว่างวันที่ 18-20ตุลาคม 2556 นี้ ที่ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ถนนแจ้งสนิท หอนาฬิกา อ.เมืองอุบลราชธานี ได้โดยทั่วกัน



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว/ 14 ต.ค.56

ยโสธรส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และคนทุพพลภาพ

นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และคนทุพพลภาพ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีหลักประกันด้านรายได้ โดยจัดให้มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 เป็นต้นไป

ผู้สูงอายุ 60 – 69 ปี ให้ได้รับคนละ 600 บาท/เดือน

ผู้สูงอายุ 70 - 79 ปี ให้ได้รับคนละ 700 บาท/เดือน

ผู้สูงอายุ 80 – 89 ปี ให้ได้รับคนละ 800 บาท/เดือน

ผู้สูงอายุ 90 ปีขึ้นไป ให้ได้รับคนละ 1,000 บาท/เดือน

ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ได้รับในอัตราคนละ 500 บาท/เดือน

ผู้ป่วยเอดส์ ได้รับในอัตราคนละ 500 บาท/เดือน (สามารถรับลงทะเบียนได้ตลอดเวลา)

สำหรับผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2558 (เกิดก่อน 1 ตุลาคม 2457) ให้ไปลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2556 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ โดยนำเอกสารหลักฐานประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายพร้อมสำเนา,ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา และสมุดบัญชีฝากธนาคารพร้อมสำเนา สำหรับกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านธนาคาร

ผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพคนพิการรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนก่อน ซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 6 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2553 รวมทั้งคนพิการที่ย้ายภูมิลำเนาเข้ามาใหม่ ให้ไปลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2556 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ โดยนำเอกสารหลักฐานประกอบด้วย บัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ, ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา และสมุดบัญชีฝากธนาคารพร้อมสำเนา สำหรับกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านธนาคาร

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ.2557 (1 ตุลาคม 2556 – 30 กันยายน 2557) จังหวัดยโสธร มีผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพ จำนวน 37,818 คน ผู้ทุพพลภาพที่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพ จำนวน 6,095 คน (ข้อมูล ณ 1 ตุลาคม 2556) โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการเบิกจ่าย ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน

หากไม่ได้รับความสะดวก หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ ท้องถิ่นจังหวัดยโสธร หมายเลขโทรศัพท์ 089-2802116 หรือสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดยโสธร หมายเลขโทรศัพท์ 045-713035 ต่อ 16



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช
14 ตุลาคม 2556

รับสมัครผู้ช่วยปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ อคส./อตก. ประจำจุดรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57

 สำนักงานการค้าภายในจังหวัดยโสธร ประสงค์รับสมัครผู้ช่วยปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ อคส./อตก. ประจำจุดรับจำนำ เพื่อปฏิบัติงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57

ผู้ประสงค์สมัครสอบยื่นใบสมัครด้วยตนเองได้ที่ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดยโสธร ตั้งแต่วันที่ 14-18 ตุลาคม 2556 ในวันและเวลาราชการ ภาคเช้า เวลา 09.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ภาคบ่ายเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 16.00 น. สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.045-586083



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 14 ตุลาคม 2556

อุบลราชธานี เปิดการแข่งขันวิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอล ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 (รอบคัดเลือกระดับจังหวัด)

อุบลราชธานี : เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันวอลเลย์บอลนักเรียนระดับประถมศึกษาอายุไม่เกิน 12 ปี ชาย /หญิง รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค จาก 10 จังหวัด รวม 20 ทีม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี

วันนี้ (14 ต.ค.56) ที่โรงยิม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดการแข่งขัน วิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอล ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 (รอบคัดเลือกระดับจังหวัด) ระหว่างวันที่ 14- 18 ตุลาคม 2556 ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันในรอบคัดเลือกระดับภูมิภาค โดยมีทีมนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับนักเรียนประถมศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ชาย/หญิง ประเภททีมชาย จำนวน 10 ทีม และประเภททีมหญิง จำนวน 10 ทีม จาก 10 จังหวัด เข้าร่วมแข่งขัน ประกอบด้วย จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งการจัดการแข่งขันครั้งนี้ เป็นไปตามมนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้การกีฬามีความก้าวหน้าแพร่หลายและกระจายไปสู้ท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยให้นักเรียนได้มีโอกาสเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และพัฒนาทักษะกีฬา เสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ เสริมสร้างความมีระเบียบวินัย มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย อีกทั้งเพื่อคัดตัวนักกีฬาตัวแทนนักกีฬาระดับภูมิภาคไปร่วมแข่งขันในระดับประเทศ และนักเรียนให้ได้รับการพัฒนาทักษะถึงขีดสูงสุดเพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันระดับประเทศ และระดับชาติต่อไป จังหวัดอุบลราชธานี ขอเชิญชวนท่านที่สนใจร่วมชมการแข่งขัน วิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอล ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 (รอบคัดเลือกระดับจังหวัด) ระหว่างวันที่ 14- 18 ตุลาคม 2556 นี้ที่โรงยิม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี


พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว/ 14 ต.ค.56

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมเตรียมจัดงาน สร้างอนาคตไทย 2020 วันที่ 18-20 ต.ค.56 นี้

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมเตรียมจัดงาน สร้างอนาคตไทย 2020 วันที่ 18-20 ต.ค.56 นี้ อุบลราชธานี : ประชุมเตรียมพร้อมการจัดงานทั้งการจัดแสดงนิทรรศการและส่วนที่เกี่ยวจังหวัดอุบลราชธานี เช่นการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย/ความปลอดภัย,ความสะดวกด้านสถานที่,หน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น,การจัดเก็บข้อมูลแบบสอบถามและประมวลผลการจัดงาน,การต้อนรับแขกและผู้บริหารระดับสูง คาดจะมีผู้เข้าชมนิทรรศการ วันละร่วม 4,000 คน ระหว่าง 18-20 ตุลาคม 2556 นี้ ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อุบลราชธานี

บ่ายวันนี้ (14 ต.ค.56) นายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมการจัดงานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ห้องประชุมปทุมวรราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้บริษัท มติชนจำกัด (มหาชน) และบริษัท สยามสปอร์ต ซินติเคท จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานจัดงานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจต่อโครงการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในภาคส่วนต่างๆ โดยกำหนดจัดงานนิทรรศการ ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในระหว่าง วันที่ 18-20 ตุลาคม 2556 ณ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงการสนับสนุนการจัดนิทรรศการในส่วนที่เกี่ยวกับจังหวัดอุบลราชธานี หน่วยงานและส่วนราชการในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในการจัดนิทรรศการ,การอำนวยความสะดวกในการจัดสถานที่ ทั้งห้องน้ำ,พื้นที่จอดรถ,หน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น,การจัดเก็บข้อมูลแบบสอบถามและประมวลผลการจัดงาน,การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติร่วมงานและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งในการจัดงานดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานไม่น้อยกว่าวันละ 4,000. คน จังหวัดอุบลราชธานี จึงขอเชิญชวนท่านที่สนใจเข้าร่วมงาน งานนิทรรศการและเสวนาโครงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้ ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020” ระหว่างวันที่ 18-20ตุลาคม 2556 นี้ ที่ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ถนนแจ้งสนิท หอนาฬิกา อ.เมืองอุบลราชธานี ได้โดยทั่วกัน




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว/ 14 ต.ค.56

อุดรเชิญนักข่าวกินข้าวเล่าเรื่องลดอุบัติเหตุ

คณะกรรมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดอุดรธานี เชิญนักข่าวกินข้าวเล่าเรื่องลดอุบัติเหตุทางถนน ระดมความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเป็นภาคีเครือข่ายป้องกันแก้ไขปัญหาจราจร ภายใต้วิสัยทัศน์ "ถนนศรีสุขรถไม่ติดชีวิตปลอดภัยรักษาวินัยจราจร”

วันนี้ (14 ต.ค. 56) ที่สวนอาหารบ้านไทย อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมกิจกรรมเชิญนักข่าวกินข้าวเล่าเรื่องลดอุบัติเหตุทางถนนเมืองอุดรธานี ครั้งที่ 4 โดยมีคณะกรรมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดอุดรธานี ภาคีเครือข่าย ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนสถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม

โดยก่อนการประชุมรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้ผู้เข้าร่วมประชุมแนะนำตัว พร้อมนำเสนอความคิดเห็น ปัญหา และสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งมีหลายมุมมองและหนึ่งในสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่พบคือประชาชนขาดวินัยจราจรไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร จอดรถตามสะดวกกรีดขวางการจราจร ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมหารือสาเหตุ ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ วิเคราะห์ปัญหา และร่วมกันวางแผนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะถนนศรีสุข ซึ่งเป็นย่านสถานศึกษา ให้เป็นถนนที่รถไม่ติดชีวิตปลอดภัยรักษาวินัยจราจร โดยตั้งเป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินการว่า "ถนนศรีสุขรถไม่ติดชีวิตปลอดภัยรักษาวินัยจราจร”

ทั้งนี้จากการจัดกิจกรรม 3 ครั้งที่ผ่านมาแม้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนจะระดมทรัพยากรที่มีอยู่แก้ไขปัญหาก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น สถานศึกษาเลิกเรียนพร้อมกัน ส่งผลให้รถรับส่งนักเรียนจอดรอนักเรียน แม้จะมีการจัดระเบียนรถรับส่งนักเรียนให้มาจอดรถรับเด็กที่ถนนเพาะนิยม ส่งเสริมให้ประชาชนใช้สะพานลอย จัดระเบียบผู้ใช้ถนน ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าบนทางเท้า ทำผังห้ามจอดรถซ้อนคันจากหน้าโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล โรงเรียนสตราชินูทิศ ทำป้ายเตือน ตีเส้นจราจร อบรมนักเรียนจราจร อบรมอาสาสมัครฉุกเฉินและอาสาจราจรในโรงเรียน การขอคืนทางเท้าโดยนักเรียนจราจร ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ชาวอุดรธานีทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยขอให้ปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเครงครัด พร้อมทั้งขอความร่วมมือมายังท่านรถผู้ปกครอง รถรับส่งนักเรียนทุกคันจอดในที่จอด ไม่จอดซ้อนคัน ไม่จอดแช่รอรับผู้โดยสาร



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว

วิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ

 ศูนย์ควบคุมการบินอุดรธานี บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จัดการแข่งขันวิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 รอบคัดเลือกตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

บ่ายวันนี้ (14 ต.ค. 56) ที่โรงยิมเนเซียมมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการแข่งขันวิทยุการบินฯ มินิวอลเลย์บอล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 รอบคัดเลือกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

นายวิชัย เกษรจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมการบินอุดรธานี กล่าวว่า วิทยุการบินฯ ร่วมกับสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน วิทยุการบินฯมินิวอลเลย์บอล มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ในปีนี้เป็นครั้งที่ 14 ของการจัดการแข่งขัน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย มุ่งเน้นไปกลุ่มยุวชน ระดับประถมศึกษา อายุไม่เกิน 12 ปี ทั้งทีมชายและทีมหญิง เพื่อส่งเสริมการกีฬาและพัฒนาเยาวชนของชาติ ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นของตนและประเทศชาติต่อไป มีรูปแบบการแข่งขัน แบ่งเป็น 3 รอบ คือ รอบคัดเลือกระดับจังหวัด รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

ในการแข่งขันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาตามนโยบายของรัฐบาลส่งเสริมและสนับสนุนยุวชนให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการเล่นกีฬา เปิดโอกาสที่ยุวชนได้แสดงออกถึงความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล เพื่อพัฒนาขีดความสามรถและได้รับประสบการณ์จากการแข่งขันเป็นการเตรียมความพร้อมในการกว้าสู่การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับประเทศ พร้อมทั้งนำไปสู่การส่งเสริมสร้างสุขภาพพลานามัย คุณธรรม จริยธรรม ความมีระเบียบวินัย ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา การรู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบและรู้จักทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ โดยมีตัวแทนนักกีฬา ผู้ฝึกจาก 10 จังหวัดภาคตะวันออกฌฉียงเหนือตอนบน อาทิ เลย สกลนคร นครพนม หนองบัวลำภู หนองคาย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น บึงกาฬ มุกดาหาร และอุดรธานี เข้าร่วมการแข่งขัน รวมกว่า 300 คน ทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 14-18 ตุลาคม 2556



ทีมข่าวส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

คณะกรรมการสวัสดิการภายในศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญปรับปรุงร้านขายอาหารอำนวยความสะดวกข้าราชการทั้งด้านรสชาติอาหารและความสะอาดถูกสุขลักษณะ

วันที่ 8 ตุลาคม 2556  ที่ห้องประชุมฝ้ายขิด ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสวัสดิการภายในศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาร้านขายอาหารภายในศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  เพื่อตอบสนองความต้องการของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่ไปติดต่อราชการที่ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ

นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  กล่าวว่า เนื่องจากจุดที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3-5 กิโลเมตร ทำให้การรับประทานอาหารกลางวันของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับความสะดวกและต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านค้าข้างนอก  ในขณะที่ปัจจุบันภายในศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ได้เปิดให้มีร้านขายอาหารอยู่จำนวน 3 ร้าน แต่ยังไม่มีการจัดตั้งที่เหมาะสม ตลอดจนรายการเมนูอาหารยังน้อย ไม่สามารถสนองความต้องการของผู้จะไปใช้บริการได้   ดังนั้น คณะกรรมการสวัสดิการภายในศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  ซึ่งมีหน้าที่ต้องจัดสวัสดิการ และอำนวยความสะดวกให้กับข้าราชการเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในศาลากลางจังหวัดเกิดความสะดวก และพึงพอใจ  จึงได้มีการปรับปรุงสวัสดิการร้านอาหารขึ้น โดยมีการปรับสภาพร้านจำหน่ายอาหารให้ถูกสุขลักษณะ พร้อมกับเพิ่มจำนวนร้านอาหาร เป็นจำนวน 5 ร้าน และจะต้องไม่ทำรายการอาหารที่เหมือนกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ไปซื้ออาหาร และทุกร้านจะต้องคำนึงถึงความสะอาด และรวดเร็วในการบริการ และใส่ใจในรสชาติ คือความอร่อย และปลอดภัย

สำหรับร้านจำหน่ายอาหารรับประทานมื้อกลางวัน ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างอาคารหอประชุมพญานาครินทร์ ด้านทิศตะใต้ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ขณะนี้ได้ปรับปรุงตามแบบมาตรฐานของโยธาธิการใกล้แล้วเสร็จและพร้อมจะเปิดให้บริการแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไปได้ในเร็วๆ นี้



สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ./ข่าว

รมช.มหาดไทยเผย น้ำท่วมศรีสะเกษเสียหายหนัก เร่งช่วยเหลือด่วน ทั้งการจ่ายเงินชดเชยและจัดหาพันธุ์พืช พันธุ์ข้าวช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านกอกแก้ว ต.หนองอึ่ง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนประชาชนในเขต ต.หนองอึ่ง ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมทั้งได้นำเอาถุงยังชีพ จำนวนประมาณ 1,000 ถุง ไปแจกจ่ายเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านในเขต ต.หนองอึ่ง ที่ประสบภัยน้ำท่วมมานานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่ง รมช.มหาดไทย ได้เดินตรวจดูสภาพไร่นาของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง พบว่า ต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยมี นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รอง ผวจ.ศรีสะเกษ และนายปวีณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วม จ.ศรีสะเกษ ครั้งนี้เสียหายเยอะมาก ที่เป็นที่น่าห่วงกังวลมากก็คือ อ.ราษีไศล ซึ่ง ผวจ.ศรีสะเกษ และ ส.ส.ปวีณ แซ่จึง ได้รายงานให้ตนทราบแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะดูแลช่วยเหลือทรัพย์สินของชาวบ้านที่เสียหาย โดยได้กำชับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า จะต้องมีการดำเนินการแก้ไข ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมให้ทันท่วงที ทั้งในเรื่องสะพาน ถนนหนทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ดูแลทรัพย์สิน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดูแลอย่างทั่วถึง และเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ตนกำกับดูแลในวันนี้ก็คือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งได้มีการกำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ ดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ในทุกด้าน และเกี่ยวกับงบทดลอง สำรองจ่ายฉุกเฉิน ก็ต้องจ่ายโดยรวดเร็ว เน้นที่สำคัญก็คือ บางส่วนมีสิ่งไหนที่เป็นภัยพิบัติของประชาชน ก็ให้ดำเนินงานทันที

รมช.มหาดไทย กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่น่าสงสารที่สุดก็คือ จ.ศรีสะเกษ มีงบทดรองราชการอยู่ 20 ล้านบาท ขณะนี้เหลือเพียง 6 ล้านเท่านั้น เนื่องจากมีภัยพิบัติหลายอย่าง ซึ่งตนก็ได้กำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ.จังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้รายงานให้ทราบถึงความต้องการความช่วยเหลือของชาวบ้าน เพื่อตนจะได้ประสานงานกับอธิบดี ปภ.และกรมบัญชีกลาง เพื่อให้มีการเร่งรัดจ่ายเงินช่วยเหลือชาวบ้านโดยด่วน ซึ่งจากการที่ตนตรวจสอบพื้นที่บริเวณนี้ ไม่ใช่แม่น้ำมูลหรือแม่น้ำชี แต่ว่าเป็นพื้นนาที่ถูกน้ำท่วม ข้าวของชาวบ้านที่กำลังตั้งท้อง จมน้ำเน่าตายหมด โดยเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือไร่ละ 1,113 บาท ถึงแม้ว่าจะเพิ่มจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ว่าก็ยังไม่พอเพียง จึงได้หารือกับ ผวจ.ศรีสะเกษว่า จะชดเชยในส่วนอื่น โดยอาจจะมีการให้พันธุ์พืช พันธุ์ข้าวกับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจากการที่ได้สำรวจทางเฮลิคอปเตอร์ น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างมาก ทำให้ชาวบ้านได้รับความลำบาก และเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านก็ยังมีกำลังใจที่จะต่อสู้ช่วยเหลือกันและกันในช่วงที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมประชาชนชาวศรีสะเกษเป็นอย่างมาก


 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.30 น.ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ อ.ศิลาลาด จำนวน 1,000 ชุด เพื่อเป็นการเยียวยาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งพื้นที่ของ อ.ศิลาลาด ได้ถูกน้ำจากแม่น้ำมูล ลำห้วยเสียว และแม่น้ำชี ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน และไร่นาของชาวบ้าน จำนวน 3 ตำบล 24 หมู่บ้าน โดยมีผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 440 ครอบครัว นาข้าวถูกน้ำท่วม จำนวน 3,395 ไร่ ซึ่งบ้านเรือนของชาวบ้านไม่ถูกน้ำท่วม ในส่วนของนาข้าว ขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งในเบื้องต้น ตนได้สำรวจความเสียหายของบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และรายงานไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว ส่วนพื้นที่การเกษตรต้องรอให้น้ำลด และกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน จึงจะสำรวจได้ และจะได้ให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป



จิรภัทร  หมายสุข
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

จังหวัดมุกดาหารจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานและร่วมบริจาคเงินสมบทโดยเสด็จพระราชกุศล

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้แก่ พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ นำไปถวาย ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย หมู่ที่ ๙ ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๓๙ น.

เพื่อให้การจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานและการร่วมบริจาคเงินสมทบโดยเสด็จพระราชกุศลในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จังหวัดมุกดาหารจึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ให้ร่วมบริจาคเงินสมทบโดยเสด็จพระราชกุศลและไปร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้การบริจาคเงินทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลสามารถบริจาคได้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมุกดาหาร ภายในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของวัด,ส่งเป็นธนาณัติในนามเจ้าอาวาสวัด หรือนำไปสมทบองค์พระกฐินพระราชทาน ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหาร เตือนภัย พายุไต้ฝุ่น “นารี”

นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์และสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา ๐๔.๐๐ น.วันนี้ (๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖) พายุไต้ฝุ่น "นารี” (NARI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ ๓๘๐ กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด ๑๕.๔ องศาเหนือ ลองจิจูด ๑๑๑.๔ องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ ๑๔๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ ๑๓ กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ ๑๕ –๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ซี่งจะส่งผลทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมแรง ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปเมืองดานังประเทศเวียดนามตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงอีกละรอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ ๑๕ –๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลงกับมีอากาศเย็นในตอนเช้า

จังหวัดมุกดาหารประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากสภาพอากาศดังกล่าว



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผวจ.มหาสารคาม เน้นลดอุบัติเหตุมหาสารคาม ขับขี่มอเตอร์ไซค์ต้องสวมหมวกกันน็อค100 เปอร์เซ็นต์ ย้ำข้าราชการในพื้นที่ต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง

11-10-56 ในการประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติเหตุรายใหญ่ในพื้นที่ ที่ห้องประชุม 406 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ เป็นประธาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติเหตุรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและกำหนดแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุและอุบัติภัยให้เป็นไปตามหลักวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยประกาศให้การดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เป็นนโยบายหลักของจังหวัดมหาสารคาม

การจัดทำโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน ใช้แนวทาง5 เสาหลัก คือการบริหารจัดการ ถนนปลอดภัย ยานพาหนะปลอดภัย ผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัยและการตอบสนองภายหลังการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดมหาสารคามเดือนกันยายน 2556 พบว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วขับและขับรถเร็วเกินกำหนด

ด้านนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กำชับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ราชการ สถาบันการศึกษาโดยบังคับใช้กฎหมายควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อเพิ่มอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัย และปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งนี้ เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้น



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มหาสารคามเปิดเวทีเสวนาการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา

ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ร่วมเปิดเวทีเสวนาโครงการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา ภายใต้หัวข้อ อิทธิพลของสื่อที่มีผลต่อปัญหาสุขภาพ กับการบริโภคยาของประชาชน หวังสร้างเครือข่ายชุมชนร่วมเฝ้าระวังความปลอดภัยในการใช้ยา

(14-1056) ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองมหาสารคาม ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดยโสธร นำเครือข่ายแกนนำของศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง ตำบลโคกสีทองหลาง ตำบลบ้านหวาย ตำบลดงใหญ่ อำเภอวาปีปทุม และตำบลบรบือ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และนำเสนอข้อคิดเห็นต่อการจัดเวทีเสวนาตามโครงการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา ภายใต้หัวข้อ อิทธิพลของสื่อที่มีผลต่อปัญหาสุขภาพ กับการบริโภคยาของประชาชน โดยมี นายแพทย์กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีมืองมหาสารคาม รองนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดมหาสารคาม ผู้แทนเภสัชกร ผู้แทนสื่อมวลชนจังหวัดมหาสารคาม ร่วมเสวนา

ทั้งนี้ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดยโสธร ได้ร่วมกันเนินโครงการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา ในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์การใช้ยาได้อย่างสมเหตุสมผล พัฒนาแกนนำของศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนเพื่อพัฒนาเป็นกลไก การเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา โดยความร่วมมือกับหน่วยบริการในชุมชน และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งจัดทำแผนความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯมหาสารคาม เตือนรับมือ คาดแม่น้ำชีมีระดับสูงขึ้น

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีที่มหาสารคาม มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เฉลี่ยวันละ 15 เซนติเมตร ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเฝ้าระวัง พร้อมเตือนราษฎรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชีเตรียมรับมือ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง หากสถานการณ์รุนแรง ประสานขอรับความช่วยเหลือได้ทันที

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคามได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ปี 2556 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยขณะนี้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีที่จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน แจ้งว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์ได้มีการปล่อยน้ำลงสู่แหล่งน้ำสาขา โดยระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เฉลี่ยวันละประมาณ 15 เซนติเมตร จึงขอให้ผู้รับผิดชอบผนังกั้นน้ำชี อาคารระบายน้ำต่าง ๆ ได้ตรวจสอบสภาพการใช้งาน และความมั่นคงแข็งแรง พร้อมเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการเสริมความมั่นคงของผนังกั้นน้ำและอาคารต่าง ๆ ให้พร้อม ส่วนราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำชี ขอให้เฝ้าระวัง และเตรียมย้ายสิ่งของขึ้นไปไว้ในที่สูง เพื่อช่วยเหลือตนเองเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ราษฎรที่อยู่พื้นที่เสี่ยงภัยไม่ควรตระหนก แต่ขอให้มีความพร้อม ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงบางส่วนอาจได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่นนารี ทำให้ปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากสถานการณ์เกิดความรุนแรง ขอให้หน่วยงานในระดับท้องถิ่นประสานการขอรับความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม ศาลากลางจังหวัด ชั้น 2 โทรศัพท์หมายเลข 043 777 314 เพื่อจะได้ออกไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

เทศบาลเมืองบ้านทุ่มแถลงเตรียมพร้อมจัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2556

นายเสน่ห์ เสนะไพรวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านทุ่ม อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่นนำคณะผู้บริหารฯแถลงความพร้อมการจัดโครงการส่งเสริมการจัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2556 ซึ่งจะจัดงานในวันที่ 24 พ.ย. 2556 ที่ สนามกีฬาหนองแล้ง บ้านทุ่ม ในงานจะมีการประกวด นางฟ้าจำแลง ชิงเงินรางวัล 50,000 บาท โดยเปิดรับสมัครนางฟ้าจำแลง(กะเทย)ระหว่างวันที่ 15 - 30 ตุลาคม 2556 ที่กองการศึกษาเทศบาลเมืองบ้านทุ่ม คุณสมบัติ เป็นสาวประเภทสอง อายุ 15 ปีขึ้นไปค่าสมัคร 1 พันบาท เปิดโอเพ่น ผู้สนใจก็ส่งสาวงามประเภทสองในสังกัดเข้าร่วมประกวดได้ ผู้ชนะเลิศรับสายสะพายนางฟ้าจำแลงพร้อมถ้วยเกียรติยศเงินรางวัล 15,000 บาท รองอันดับ 1 รับ 12,000 บาท รองอันดับ 2 รับ 10,000 บาท ขวัญใจประชาชน รับ 8,000 บาทชมเชย 2 รางวัลๆละ 2,000 บาท สอบถามรายละเอียดที่เทศบาลเมืองบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในงานยังมีการประกวดขบวนแห่กระทงสวยงามด้วยสำหรับชุมชนต่างๆในเขตเทศบาลเมืองบ้านทุ่ม



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ นำถุงยังชีพพระราชทาน ๒,๐๐๐ ชุด ไปมอบให้ราษฎรที่ถูกน้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์และคณะ  พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นำถุงยังชีพพระราชทานจำนวน ๒,๐๐๐ ชุด ไปมอบให้ราษฎรอำเภอมัญจาคีรี, อำเภอชนบท และอำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ที่เดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วม

เช้าวันนี้ (๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖) ที่หอประชุมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้  นายพร อุดมพงศ์ รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และคณะจากส่วนกลาง พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น และหัวหน้าส่วนราชการนำถุงยังชีพพระราชทานจำนวน ๕๐๐ ชุด ไปมอบให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอมัญจาคีรี

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดขอนแก่นว่า สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดขอนแก่น อันเนื่องมาจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำชี เกิดการเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าว พืชไร่ พืชสวน บ่อเลี้ยงปลา ถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน และที่อยู่อาศัยของราษฎร ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนในการสัญจรไปมา และการประกอบอาชีพ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นมา ในพื้นที่อำเภอแวงใหญ่ แวงน้อย โคกโพธิ์ไชย มัญจาคีรี ชนบท บ้านไผ่ พระยืน และบ้านแฮด รวม ๘ อำเภอ จากการสำรวจเบื้องต้นมีพื้นที่ประสบภัย ๒๔ ตำบล ๑๕๒ หมู่บ้าน ผู้ประสบภัย ๑๓,๗๖๐ ครัวเรือน ๔๓,๐๐๒ คน น้ำท่วมนาข้าว ๕๔,๒๓๑ ไร่ พืชสวน ๑๐,๓๒๙ ไร่ บ่อเลี้ยงปลา ๑๓ บ่อ มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำที่อำเภอแวงใหญ่ ๑ ราย อำเภอมัญจาคีรี ๑ ราย รวม ๒ ราย และจังหวัดได้ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว ซึ่งได้มีการสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบฯ ต่อไป

สำหรับการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นจังหวัดได้ดำเนินการ ตั้งศูนย์อำนวยการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยขึ้นที่ศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยบูรณาการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ทั้งในภาครัฐและเอกชน และเครือข่ายมูลนิธิอาสาสมัครต่างๆ แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงภัย และให้มีการอพยพประชาชน/ทรัพย์สิน ไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย และได้ร่วมกับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ศูนย์ อปพร. อำเภอทั้ง ๘ แห่ง มณฑลทหารบกที่ ๒๓ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๖ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานอาสาสมัครภาคเอกชน นำเรือท้องแบนช่วยในการอพยพสิ่งของและการสัญจรไปมา จำนวน ๒๑ ลำ เครื่องสูบน้ำขนาด ๘ นิ้ว อำเภอละ ๑ เครื่อง รวม ๘ เครื่อง รถยนต์ผลิตน้ำดื่ม ๑ คัน รถยนต์บรรทุก ๒ คัน สุขาเคลื่อนที่ ๒ หลัง จัดให้มีการมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยแล้ว จำนวน ๑,๖๘๐ ชุด จากนั้นคณะได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพพระราชทานให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอชนบท จำนวน ๕๐๐ ชุด และที่อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด รวมเป็นถุงยังชีพพระราชทานที่นำมามอบให้ราษฎรใน ๓ อำเภอ ของจังหวัดขอนแก่นในครั้งนี้ จำนวน ๒,๐๐๐ ชุด



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว/พัณณิตา/พิมพ์/๑๔ ต.ค. ๕๖

ชัยภูมิจัดยิ่งใหญ่งานบุญกระธูปถวายเป็นพุทธบูชาวันออกพรรษาแห่งเดียวในโลก

ประเพณีบุญกระธูปออกพรรษาของชาวอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิปีนี้ ได้จัดใหญ่กว่าทุกปี มีพิธีเปิดงานอย่างสวยงาม ยิ่งใหญ่ ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอหนองบัวแดง มีนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 สส.ชัยภูมิ เป็นประธานเปิดงาน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา โชว์ความอลังการ ของการแสดง แสง สี เสียง ในชุด ตำนานกระธูปหนองบัวแดง ท่วมกลางนักแสดงกว่า 500 ชีวิต และการแสดงชุดบูชาองค์สมเด็จพระสัมมนา สัมพุทธเจ้า ตอนที่พระองค์เสด็จลงจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งการเสด็จลงจากสวรรค์ครั้งนี้เป็นการเปิดโลกพร้อมกันทีเดียวทั้ง 3 โลก คือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกบาดาล ซึ่งแต่ละโลกต่างประกอบพิธีต่าง ๆ เพื่อส่งและรับการเสด็จของพระพุทธองค์ ด้วยการทำบุญตักบาตร การรับฟังพระธรรมเทศนา การไหลประทีปเทียนไฟ ตลอดจนการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่

สำหรับชาวอำเภอหนองบัวแดง ได้จัดทำต้นกระธูป โดยชาวบ้าน จะช่วยกันนำ ใบอ้ม ใบเนียม ที่แห้งแล้ว มาบดให้เป็นผง ผสมกับขุยมะพร้าว ห่อด้วยกระดาษให้เป็นรูปทรงเหมือนธูป แล้วพันด้วยกระดาษสี ให้เป็นลวดลายต่างๆ ก่อนนำมาประกอบเป็นต้นกระธูป นำไปจุดตามวัดต่างๆ ในวันเวียนเทียนออกพรรษา ต้นกระธูปนี้ ชาวบ้านได้ประกอบกันเป็นทรงฉัตร สูง 3- 5 เมตร ออกแบบให้สวยงาม เป็นลวดลาย สีสันต่างๆ ก่อนจะนำไปแห่ และจุดไฟบูชา ทำเป็นประเพณีสืบต่อกันมาเป็นประจำทุกปี จนถึงปัจจุบัน งานประเพณีบุญกระธูป กลายเป็นอัตลักษณ์ของอำเภอหนองบัวแดง จนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ามาสนับสนุน นำสื่อมวลชน เข้ามาทำข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก

ในปีนี้ ได้จัดใหญ่พิเศษ ได้ทำต้นกระธูปสูง 7 เมตร จำนวน 9 ต้น ตั้งโชว์ไว้บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ พร้อมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง มีการแสดงและจำหน่ายสินค้าโอทอป ออกร้านหรรษากาชาด การเดินแบบผ้าฝ้าย ผ้าไหม การประกวดธิดากาชาด และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ในระหว่างวันที่ 13 – 17 ตุลาคม 2556



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

กระทรวงการท่องเที่ยวขานรับ “มอหินขาวชัยภูมิ” หนึ่งในสมบัติของชาติ

รมว.ท่องเที่ยว เห็นด้วยกับ ข้อเสนอ ให้ มอหินขาว จ.ชัยภูมิ เป็นสมบัติของชาติ เพราะมีแห่งเดียวในโลก เตรียมวางระบบการพัฒนา ให้เป็นการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน มีระบบบริหารจัดการ ที่ดี และเน้นความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นำคณะสื่อมวลชน และตัวแทนบริษัทนำเที่ยว เข้าเที่ยวชมและสัมผัส มหัศจรรย์ผืนป่าในจังหวัดชัยภูมิ ตามโครงการ ก๊อกแก๊กทัวร์ เคาะประตูเมืองชัยภูมิ ปี 2556 ที่อุทยานน้ำตกตาดโตน อ.เมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นน้ำตก แห่ง เดียวในอีสาน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ที่เดินทางไปสัมผัสย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล หยุดยาววันมหาสงกรานต์ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ จะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว ขณะที่ทางอุทยานแห่งชาติตาดโตนได้จัดระบบความปลอดภัย สถานที่จอดรถ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำ ลานจอดรถ และระบบ รักษาความปลอดภัยไว้เป็นอย่างดี

จากนั้น เดินทางขึ้นไปยังมอหินขาว บ้านวังคำแคน ต.ซับสีทอง อ.เมืองชัยภูมิ ชมความมหัศจรรย์ของแท่งหิน ขนาดใหญ่ ที่ถูกธรรมชาติสรรสร้างเป็นรูปร่างแปลกตา สูงใหญ่ ขนาด 20 คนโอบ กระจายเป็นกลุ่มๆทั่วทั้งบริเวณ กลุ่มแรกคือกลุ่มหิน 5 แห่ง ถัดไปเป็นกลุ่มหินช้างหมอบ และบริเวณจุดชมวิวผาหัวนาค ซึ่งหินที่นี่มีอายุกว่า 170 ล้านปี ถือเป็นสมบัติของชาติ ที่ต้องได้รับการส่งเสริม พัฒนาและอนุรักษ์ไว้ ให้คงอยู่คู่ชาติไทยสืบไป


ในโอกาสนี้ พรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้นำเสนอแผนการพัฒนา มอหินขาว ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยจะพัฒนาภูมิทัศน์ให้สวยงาม เป็นระเบียบ โดยจะยังคงรักษาธรรมชาติเดิมๆ ไว้ให้มากที่สุด คาดว่าใช้งบประมาณเบื้องต้นประมาณ 40 ล้านบาท และจะจัดกิจกรรม ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว ลงในหมู่บ้าน ชุมชน ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เห็นด้วย และนำเข้าแผนปี 2558 และเสนอแนวทางการพัฒนา ที่ยั่งยืน โดยตั้งองค์กรขึ้นมาดูแล เป็นพิเศษ จะได้ดูแลรักษา สิ่งที่สร้างไว้ ให้มั่นคงถาวร บริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ได้อย่างมีคุณภาพ




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ผู้ว่าฯโคราช ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมากจากผลิตผลการเกษตร

วันนี้ (14 ต.ค. 56) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมากจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด โดยมี นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พาณิชย์จังหวัด การค้าภายใน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทางรัฐบาลได้มีนโยบายให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556/2557 ประกอบด้วยมาตรการหลัก 2 มาตรการ และมาตรการเสริม 3 มาตรการ ประกอบด้วย การแทรกแซงรับซื้อและเชื่อมโยงผ่านผู้รวบรวมในพื้นที่ ให้ผู้รวบรวมในพื้นที่ รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ด ความชื้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ กก ละ 9.00 บาท (ความชื้น 30 เปอร์เซ็นต์ กก ละ 7.00 บาท จากเกษตรกรตามใบรับรองเกษตรกร รายละไม่เกิน 25 ตัน โดยรัฐบาลจ่ายชดเชยให้กับผู้ซื้อ ในอัตรา กก ละ 1.50 บาท ระยะเวลา ตั้งแต่เดือน กย-ธค 2556 วงเงิน 1,500 ล้านบาท มาตรการขยายปริมาณการรับซื้อ ระหว่างเดือน กย – ธค 2556 จากปกติ เพิ่มขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ – 20 เปอร์เซ็นต์ และรับซื้อในราคาที่เกษตรกรได้รับประโยชน์เต็มที่ สำหรับมาตรการเสริม ทางรัฐบาลได้มามาตรการ การเชื่อมโยงสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ โดยตรง การผลักดันการส่งออก และการกำกับดูแลเสริมสภาพคล่องตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์