วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชาวจังหวัดมหาสารคามร่วมเวทีรับฟังความเห็นต่อแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

ชาวจังหวัดมหาสารคาม จากทั้ง 13 อำเภอรวม 200 คน เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน งบ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล ซึ่งจังหวัดมหาสารคาม เป็น 1 ใน 41 จังหวัดที่ไม่มีโครงการ ด้านประชาชนขอให้รัฐบาลเคร่งครัดการใช้งบประมาณด้วยความโปร่งใส เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

(18-11-56) ประชาชนทุกภาคส่วนจากทั้ง 13 อำเภอ ของจังหวัดมหาสารคาม รวม 200 คน ต่างเข้าร่วมในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ที่ใช้งบประมาณโครงการ 3.5 แสนล้านบาท โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธาน ซึ่งในเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว ได้มีการจัดแสดงข้อมูลรายละเอียดของโครงการ การบรรยายสรุปโครงการ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนนี้จะมีการจัดครอบคลุมทั้ง 36 จังหวัดที่มีโครงการ และ อีก 41 จังหวัดอื่น เพื่อให้ครอบคลุม ทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทย

นายอดิศร เหล่าสะพาน กำนันตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย บอกว่า เห็นด้วยกับแผนบริหารจัดการน้ำดังกล่าว และการเปิดให้มีเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศเป็นสิ่งที่ประชาชนได้มีโอกาสนำเสนอความคิดเห็นต่อรัฐบาล เพื่อจะได้นำข้อมูลไปปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรต่อไป

ส่วนนายเต็ม ชินช้าง ซึ่งเป็นปราชญ์ชาวบ้าน บอกว่า หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จะเกิดประโยชน์มาก เพราะใช้งบประมาณมหาศาล ฝนแล้ง น้ำท่วม เกิดปัญหามาตลอด หากแก้ปัญหาได้จะเป็นเรื่องดีแต่ขอให้ใช้งบอย่างคุ้มค่า และโปร่งใส

การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดมหาสารคาม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งจังหวัดมหาสารคาม เป็น 1 ใน 41 จังหวัด ที่ไม่มีโครงการ



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์มอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์แก่เยาวชนจังหวัดมหาสารคาม

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์มอบทุนการศึกษาสงเคราะห์และอุปกรณ์การเรียนระดับอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัย แก่เยาวชนจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 6 ราย

(18-11-56) ที่ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะ ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีมอบทุนพระราชทานเพื่อการศึกษาสงเคราะห์ประจำปี 2556 แก่เยาวชนจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 6 ราย โดยพิจารณาคัดเลือกจากนักเรียนที่มีผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 5 ภาคเรียน ตั้งแต่ 3.5 ขึ้นไป ซึ่งในครั้งนี้ มีนักเรียนเข้ารับมอบทุนพระราชทานภาคเรียนละ 15,000 บาท จำนวน 3 ราย และทุนพระราชทานภาคเรียนละ 10,000 บาท จำนวน 3 ราย

โอกาสนี้เยาวชนที่เข้ารับพระราชทานทุนการศึกษาสงเคราะห์ต่างกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะปฏิบัติตนเป็นนักเรียนที่ดี ตั้งใจเรียน ขยันหมั่นเพียร อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน เมื่อจบการศึกษาแล้วจะประกอบอาชีพสุจริต และเป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ชาวมหาสารคาม แห่ร่วมลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคา

ชาวจังหวัดมหาสารคาม แห่ร่วมงานประเพณีวันลอยกระทง ที่เทศบาลเมืองจัดขึ้น ณ บริเวณริมคลองสมถวิล เพื่อขอขมาพระแม่คงคา อย่างคึกคัก

ประชาชนชาวจังหวัดมหาสารคาม แห่ร่วมงานแห่ร่วมงานประเพณีวันลอยกระทง ซึ่งสำนักงานเทศบาลเมืองมหาสารคามจัดขึ้น ณ บริเวณริมคลองสมถวิล ภายใต้ชื่อ "คืนสิบสองเพ็ญ เล่นโคมไฟ ไต้แสงประทีป และบูชาพระแม่คงคาพร้อมลอยกระทงในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง” โดยมี นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน และนำกล่าวคำบูชาลอยกระทง พร้อมนำข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนร่วมลอยกระทง เพื่อขอขมาพระแม่คงคาและเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้อยู่คงสืบต่อกันไป

พร้อมนี้สำนักงานเทศบาลเมืองมหาสารคาม ยังได้จัดการประกวดขบวนแห่กระทง การแข่งขันโคมไฟลอยฟ้าขึ้นสูง และการประกวดนางนพมาศจาก 30 ชุมชนเมือง ภายในงานมหกรรมอาหารท้องถิ่น ปลอดเหล้า ปลอดภัย



ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ตำรวจภูธรนามนจับกุมผู้ต้องหาได้ ๒ ราย พร้อมของการกลางยาบ้า ๓๙๓ เม็ด

นายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอนามน ได้แจ้งว่า เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลาประมาน ๐๕.๐๐ - ๐๙.๓๐ น. นายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอนามน พ.ต.อ. ณรงค์ฤทธิ์ สุริยะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนามน เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอนามน ชุดเฉพาะกิจอำเภอนามน ได้ออกปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด จำนวน ๔ จุด ได้เข้ากับการจับกุมนายเอกพล สุวรรณรงค์ อายุ ๒๙ ปี และนางสาวสมพร แถลงศรี อายุ ๓๐ ปี ภรรยา ได้ที่บ้านเลขที่ ๑๙๕ หมู่ที่ ๒ ดำบลมามน อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้าสีแดง จำนวน 389 เม็ด สีเขียว 4 เม็ด รวม 395 เม็ด และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บบ ๗๘๖๔ กาฬสินธุ์ จำนวน ๑ คัน พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ( ยาบ้า ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย



วันเพ็ญ สาริศรี นศ.ฝึกงาน / ข่าว

เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดงานลอยกระทงวิถีพุทธ ประจำปี 2556

เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จัดงานลอยกระทงวิถีพุทธ ประจำปี 2556 ร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทย และมีการจัดพิธีลงนามถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 ที่บริเวณสวนสาธารณะกุดน้ำกิน เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นาย สุรพจน์ รัชชุศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ ได้ร่วมลงนามถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จากนั้นได้เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2556 ซึ่งเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกับประชาชนทั้ง 9 คุ้มวัดได้จัดขึ้นเพื่อร่วมสืบสาน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป และนำข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยว กล่าวอธิษฐานถวายกระทงเป็นพุทธบูชา ขอขมาพระแม่คงคา และร่วมลอยกระทงประจำปี 2556 ปล่อยโคมลอย ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานประเพณีลอยกระทงประจำปี 2556 ทางเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ได้ปรับเปลี่ยนการจัดงานเพื่อเป็นการร่วมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ด้วยการจัดงาน "ลอยกระทงวิถีพุทธ” มีขบวนแห่กระทงจาก 9 คุ้มวัด การแสดงธรรมเทศนา การจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับพระราชประวัติ พระกรณียกิจ หลักคำธรรมสอนให้กับประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมของท่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ได้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติได้รับชมอีกด้วย

มหาวิทยาลัยขอนแก่น เตรียมนำนวัตกรรมไหมอีรี่มาแสดงในงานไหมนานาชาติฯจังหวัดขอนแก่น

มหาวิทยาลัยขอนแก่นเตรียมนำนวัตกรรมไหมอีรี่มาแสดงในงานไหมนานาชาติฯ จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้เป็นทางเลือกของเกษตรกรในการสร้างเศรษฐกิจและการค้า

รศ.ดร ศิรลัย ศิริมังครารัตน นักวิจัยจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่นเปิดเผยในการแถลงข่าว งานเทศกาลไหมนานาชาติจังหวัดขอนแก่นว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่นกำหนดให้มีการจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2556 นั้น ในส่วนของมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ โดยจะได้นำนวัตกรรมการเลี้ยงไหมอีรี่ หรือ ไหมป่าเข้ามาร่วมแสดงให้ประชาชนผู้สนใจ เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมได้ศึกษาและเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ และการค้าเกี่ยวกับวิธีการเพาะเลี้ยงและแปรรูปผลิตภัณฑ์ไหมและนวัตกรรมสิ่งทอ โดยจะนำมาแสดงภายในโดมนิทรรศการปรับอากาศในงานตลอดทั้ง 12 วัน 12 คืน

รศ.ดร ศิรลัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่าในงานจะมีการสาธิตและแสดงการแปรรูปอาหารจากดักแด้ และหนอนไหมอีรี่ให้ผู้มาเที่ยวชมงานได้ชิมวันละ1เมนู เช่นซาลาเปาไส้ดักแด้ ซูชิไส้หนอนไหมข้าวเกรียบไหมเป็นต้นนอกจากนี้ก็จะมีการนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากไหม อาหารกระป๋องจากดักแด้ไหม และผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากไหมอีรี่มาแสดงด้วย



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว
ศุภัชญา นศ.ฝึกงาน/พิมพ์/18 พ.ย. 56

บริษัทฟินิคซ์ พลัพ แอน เพเพอร์ในเครือ SCG PAPER ทอดกฐินสามัคคีสืบสานประเพณีไทยช่วยพัฒนาชุมชน

คุณอำนวย ผลพืช กรรมการผู้จัดการ บริษัทฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด(มหาชน) ในเอสซีจี เปเปอร์  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พนักงานในเครือ รวมทั้งคู่ธุรกิจ และชาวบ้านชาวชุมชนรอบๆโรงงาน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดศรีพัฒนาราม บ้านโนนขามแป หมู่ที่ 5 ตำบลกุดน้ำใส อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เพื่อรวบรวมปัจจัยปรับปรุงศาลาการเปรียญแก่วัดศรีพัฒนารามซึ่งเป็นสถานที่ทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างคนในชุมชนกับพระสงฆ์เป็นวัดหลัก นอกจากนั้นก็ได้ร่วมทอดกฐินสามัคคีทอดถวายวัดรองในตำบลกุดน้ำใสจำนวน 7 วัดรอบๆโรงงานถือเป็นกิจกรรมที่ทางบริษัทได้ร่วมทำกิจกรรมกับสังคม เพื่อสืบทอดประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนให้มั่นคงสถาพรสืบไป

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานเปิดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ปี 2556

วันนี้ ( 18 พย. 56 ) เวลา 10.00 น. ณ ห้องดอกคูน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายวิวัฒ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานประชุมเตรียมพิธีเปิดงานานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ปี 2556 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 เชิญ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด และเชิญเอกอัครราชทูต 17 ประเทศและเขยฝรั่ง คู่เสี่ยวทั้งไทย-และต่างประเทศ ร่วมงานจังหวัดขอนแก่นได้ยกระดับงานไหมสู่งานระดับสากล เปิดประชาคมอาเซียน โดยร่วมกับ 6 ชาติลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย กัมพูชา จีน ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม พิธีเปิดในวันที 29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 14.00 น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานในพิธีสรุปผลการดำเนินงาน ๑ ปี โครงการจังหวัดขอนแก่นไม่ยิ่งเกี่ยวยาเสพติด(มกราคม –ธันวาคม 2556ณ หอประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เวลา 15.35 น เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2556 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ชมการแสดงชุดโขงเชื่อมสายใย สืบไหมเลื่อมลายคำ ชมโดมนิทรรศการและการแสดงจำหน่ายสินค้าผ้าไหมนานาชาติ สมาชิกลุ่มน้ำโขง เยี่ยมชมคุ้มศิลปวัฒนธรรมเพื่อทำพิธีผูกเสี่ยว ณ ศาลาผูกเสี่ยว ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) และร้านธารากาชาดตักธารากาชาดซึ่งจะมีการบันทึกเทปพิธีเปิดช่วงเวลา 15.30-16.30 น เผยแพร่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ปีนี้มี 16 ขบวน รถแต่ขบวน 15 คันแห่เริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่เวลา 11.30 จากห้างสรรพสินค้าแฟรี่ –สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเวลา 13.00 น ส่วนจุดที่มีการแสดงอยู่ที่ หน้าโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนและสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น




ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น 

คณะอนุกรรมการกองทุนหมู่บ้าน จ.ขอนแก่น เห็นชอบให้ 141 กองทุน จาก 14 อำเภอ เพิ่มทุน

คณะอนุกรรมการดำเนินงานและติดตามการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน จังหวัดขอนแก่น มีมติเห็นชอบให้ 141 กองทุนหมู่บ้าน จาก 14 อำเภอ เพิ่มทุน ทำให้เหลือกองทุนหมู่บ้าน ในจังหวัดขอนแก่น ที่ยังไม่ยื่นขอเพิ่มทุน 368 กองทุน จากทั้งหมด 2,424 กองทุน

ในการประชุมคณะอนุกรรมการการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้าน จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 3/2556 ซึ่งมีนายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้กองทุนหมู่บ้าน ที่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไข ของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) จำนวน 141 กองทุน จาก 14 อำเภอ ของจังหวัดขอนแก่น สามารถเพิ่มกองทุนหมู่บ้านได้ โดยแยกเป็นอำเภอเมืองขอนแก่น 21 กองทุน, อำเภอพล จำนวน 4 กองทุน, อำเภอน้ำพอง 3 กองทุน, อำเภอกระนวน 1 กองทุน, อำเภอภูเวียง 20 กองทุน, อำเภอหนองเรือ 18 กองทุน, อำเภอหนองสองห้อง 15 กองทุน, อำเภอบ้านไผ่ 22 กองทุน, อำเภอชุมแพ 4 กองทุน, อำเภอแวงใหญ่ 6 กองทุน, อำเภอมัญจาคีรี 3 กองทุน, อำเภอบ้านฝาง 15 กองทุน, อำเภอหนองนาคำ 7 กองทุน และอำเภอบ้านแฮด 2 กองทุน ทำให้จนถึงขณะนี้ จังหวัดขอนแก่น มีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ยังไม่ยื่นขอเพิ่มทุน จำนวน 368 กองทุน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเป็นกองทุนที่มีหนี้ค้างชำระ ของสมาชิก, สมาชิกมีการออมเงินสมทบกองทุนไม่ถึง 7% ตามเงื่อนไขของ กทบ. และเป็นกองทุนที่จัดทำงบดุล ยังไม่เรียบร้อย

นายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้มอบนโยบายให้สำนักงานพัฒนาชุมชน ทั้งระดับอำเภอและจังหวัด ในฐานะฝ่ายเลขานุการ อนุกรรมการ กองทุนหมู่บ้าน ของจังหวัดขอนแก่น เข้าไปแก้ไขปัญหา ให้คำแนะนำกองทุนหมู่บ้านที่มีปัญหา อันไหนที่ไม่ถูกต้องก็อย่าให้การสนับสนุน เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ตามนโยบายของรัฐบาลสามารถดำเนินการต่อไปได้

สำหรับจังหวัดขอนแก่น มีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวนทั้งสิ้น 2,424 กองทุน จากทั้งหมด 26 อำเภอ คณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับจังหวัด ได้มีมติในที่ประชุม พิจารณาให้เห็นชอบและรับรองให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองยื่นขอเพิ่มทุนไปแล้วทั้งสิ้น 2,057 (รวมครั้งนี้ 141 กองทุนด้วย)



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว
วิภาอนงค์ นศ.ฝึกงาน/พิมพ์/18 พ.ย. 56

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) บริษัทที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่เป็นแห่งแรกของภาคอีสาน รองรับการเติบโตของธุรกิจเมืองขอนแก่น

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมด้วย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหารกองทุนร่วมเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) บริษัทที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน โดยเปิดที่ทำการเป็นแห่งแรกของภาคอีสาน ที่ศูนย์ อาหารคอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่รองรับการเติบโตของธุรกิจ ของภาคอีสาน ทั้ง20 จังหวัดและเมืองขอนแก่น สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภท "การจัดการกองทุนส่วนบุคคล” ในปี 2540 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2551 เท่ากับ 25,235 ล้านบาท บริษัทยังได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน รวมถึงบุคคลธรรมดาให้ทำหน้าที่บริหารจัดการสินทรัพย์กองทุนส่วนบุคคล กองทุนดังกล่าวมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทางด้านการลงทุนมาให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุน ป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุน ในปัจจุบันผู้มีเงินออมและนักลงทุนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต่างก็ให้ความสนใจกับการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น โดยหวังว่าจะเป็นหนทางที่จะทำให้มีอนาคตทางการเงินที่สดใสและมั่นคง นักลงทุนแต่ละท่านต่างก็มีความต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนและข้อจำกัดในการลงทุนที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกันไป ซึ่ง บริษัทกองทุนหลักทรัพย์ เอ็มเอฟซี สามารถออกแบบรูปแบบการลงทุนในสไตล์ของคุณ และได้รับคำปรึกษา คำแนะนำและการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนก็จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนของคุณได้ภายใต้ความเสี่ยงที่คุณยอมรับ

รองนายกรัฐมนตรีตรวจพื้นที่สร้างแก้มลิงแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถาวรเมืองขอนแก่น

นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเพื่อรับฟังปัญหาสถานการณ์น้ำของจังหวัดขอนแก่นหลังจากที่ขอนแก่นประสบน้ำท่วมถาวรตลอด 10 ปีที่ผ่านมาโดยมีทั้งภาครับเข้านำเสนอแผนงานโครงการและมีสส.ของจังหวัดขอนแก่นกว่า10 คนเข้าร่วมเสนอโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของจังหวัดขอนแก่นตลอดลำน้ำชีที่ผ่านอำเภอแวงน้อย แวงใหญ่ ชนบท มัญจาคีรี บ้านไผ่ บ้านแฮด พระยืน และอำเภอเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำของลำน้ำชีและอีกเส้นหนึ่งพื้นที่ลำน้ำเชิญผ่านอำเภอชุมแพ ภูผาม่าน หนองเรือ เข้าสู่เขื่อนอุบลรัตน์ มีการเสนอความเห็นที่หลากหลาย ส่วนภาคราชการมีนายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำเสนอปัญหาทั้งจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำคณะรองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่แก่งน้ำต้อน ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองขอนแก่นเพื่อดูพื้นที่ในการสร้างแก้มลิงแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถาวรของอำเภอเมืองขอนแก่นมีการลงเรือตรวจพื้นที่และปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงในแก่งน้ำต้อนหลายแสนตัว สำหรับแก่งน้ำต้อนมีโครงการเสนอของงบกลางจากรัฐบาลผ่าน สส.ในพื้นที่เพื่อทำแก้มลิงแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองขอนแก่นจำนวน 4 โครงการมีโครงการขุดลอกแก้มลิงพร้อมคันกั้นน้ำ โครงการพนังกั้นน้ำบดอัดแน่น โครงการถนนลาดยางพนังกั้นน้ำและโครงการปรับภูมิทัศเป็นแหล่งท่องเที่ยว จำนวน 225 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณนอกเหนือจากงบ 3.5 แสนล้านบาท จากนั้นคณะรองนายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปที่แก่งละว้า อำเภอบ้านแฮดเพื่อดุดครงการแก้มลิงแก้ปัญหาน้ำท่วมในสองฝั่งลำน้ำชี

บรรยากาศการลอยกระทงที่บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่นร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดงานลอยประทงประจำปี 2556 ที่บริเวณบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่นปีนี้มีการจัดขบวนแห่ที่สวยงาม รวมทั้งบรรยากาศในงานมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาร่วมลอยกระทงที่บึงสีฐานจำนวนเป็นแสนคนสร้างรายได้ให้กับหลากหลายอาชีพทั้งจากากรขายกระทง จากที่จอดรถ จากการเก็บเงินค่าเข้าห้องน้ำ การขายสินค้าโอท็อป สินค้าทั่วไปและในงานนี้เป็นงานลอยกระทงปลอดแอลกอฮอลไม่ให้ใครนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้ามาในงานและปลอดพุ ดอกไม้ไฟที่สิ่งต่อการเกิดอันตรายแต่ก็มีโคมลอยมีผู้นำมาปล่อยอยู่บ้างสร้างสีสันในงาน เป็นบรรยากาศงานลอยกระทงที่สวยงามมากนอกจากนั้นมีการประกวดนางนพมาศประจำปี 2556ผู้ชนะเลิศได้แก่... ว่าที่ ดร.อภิยดา นนท์ปัญญา นักศึกษาปริญญาเอก คณะเภสัชศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มข.ส่งเข้าประกวด สำหรับจังหวัดขอนแก่นจุดที่มีคนไปลอยกระทงมากๆก็มีที่บึงสีฐาน บึงหนองโคตร บึงแก่นนคร เขื่อนอุบลรัตน์

อบจ.ชัยภูมิ ลงนามความร่วมมือจ่ายค่าตอบแทน อสม.

องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ จัดพิธีลงนามความร่วมมือ ในการจ่ายค่าตอบแทน อสม.กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามนโยบายรัฐบาล ที่สนับสนุนให้ อสม.เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพประชาชนเชิงรุกอย่างเป็นระบบ

ที่ศาลาประชาคมจังหวัดชัยภูมิ เช้าวันนี้ 18 พ.ย. 56 นายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง กับ ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน ให้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญแก่ อสม. และส่งเสริมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของประชาชนเชิงรุก อย่างเป็นระบบ โดยสนับสนุนค่าตอบแทนแก่ อสม.ทั่วประเทศ ในอัตรา คนละ 600 บาทต่อเดือน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ซึ่ง ในจังหวัดชัยภูมิ มี อสม. ที่มีสิทธิ์ได้รับค่าตอบแทน จำนวน 24,418 คน

ซึ่งที่ผ่านมสา สำนักงบประมาณ ได้โอนเงินมายังกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อโอนมายัง อบจ.ชัยภูมิ สำนักงานสาธารณสุขได้ทำโครงการขึ้นมารองรับ เพื่อขออนุมัติ ซึ่ง อบจ.ชัยภูมิ ได้อนุมัติ งบปี 2557 งวดที่ 1 ระหว่างเดือนตุลาคม 2556 – กุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 37 ล้าน 2 แสน 4หมื่น 5,000 บาท และได้ลงนามในข้องตกลงกันในวันนี้



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

สมาคมขนส่งภาคอีสานจัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีด้านยานยนตร์รถบรรทุก รับ AEC

เมื่อวันที่ 16 พย 2556 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 ของสมาคมขนส่งภาคอีสาน ภายใต้ชื่องานสมาคมขนส่งภาคอีสานรวมใจพร้อมก้าวไกลสู่อาเซียน เพื่อแสดงถึงความที่สมาคมได้ให้ความสำคัญกับการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะมีการเปิดเสรีด้านการค้าและบริการ รวมทั้งเพื่อสรุปผลการดำเนินงานของสมาคมในรอบปี 2556 เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ หารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้บริหารและเพื่อนสมาชิกในสมาคม สำหรับกิจกรรมภายในงานงานประกอบด้วย การแสดงเทคโนโลยีด้านยานยนตร์ของรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถขนาดเล็ก จากค่ายต่างๆตลอดจนการแสดงเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในธุรกิจขนส่ง และนิทรรศการเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย

จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมเตรียมการจัดการแข่งขัน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติครั้งที่ ๖ จังหวัดมุกดาหาร

วันนี้ (๑๘ พ.ย.๕๖) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายธวัชชัย ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการปะชุมส่วนราชการ คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมจัดการแข่งขัน มุกดาหาร – สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ ๖ จังหวัดมุกดาหาร

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดมุกดาหารกำหนดจัดการแข่งขัน มุกดาหาร – สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ ๖ จังหวัดมุกดาหาร โดยมติที่ประชุมเห็นชอบกำหนดจัดการแข่งขันในวันอาทิตย์ ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ณ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดมุกดาหาร กับแขวงสะหวันนะเขต ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชนทั่วไปได้เห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายและให้ประชาชน เยาวชนทั่วไป ตระหนักถึงการรักษาสุขภาพ จึงขอเชิญชวนสมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงาน กกท.จังหวัดมุกดาหาร โทรศัพท์ ๐๔๒ ๖๑๓๘๒๗



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมเตรียมพร้อมการจัดงานกาชาดและงานของดีจังหวัดมุกดาหารประจำปี ๒๕๕๗

วันนี้ (๑๘ พ.ย. ๕๖) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เวลา ๑๐.๐๐ น. นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการซักซ้อมความเข้าใจการจัดงานกาชาดและงานของดีจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๗ โดยมี นางสุธิดา บุญประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร นายธวัชชัย ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ทั้ง ๒ ท่าน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารได้กำหนดจัดงานกาชาดและงานของดีจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๗ มกราคม ๒๕๕๗ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเป็นการหารายได้ให้กับเหล่ากาชาดจังหวัด สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการสาธารณกุศล การช่วยเหลือสังคมและผู้ด้อยโอกาส ทั้งเป็นการส่งเสริมสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหารให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

ทั้งนี้ ในการจัดงานดังกล่าวมีกิจกรม การจัดนิทรรศการ ของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน การแสดง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สินค้า OTOP ของจังหวัด การออกร้านนาวากาชาด การประกวดธิดากาชาด และการเดินแบบผ้าไหมและผ้าพื้นเมือง ที่สำคัญมีการแข่งขันกีฬาตะกร้อ ส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งในปีนี้มีการจัดกิจกรมต่างๆ อย่างยิ่งใหญ่ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยว ร่วมเที่ยวชมงาน จับจ่ายสินค้าราคาประหยัด ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของชุมชน และร่วมทำกุศลกับร้านนาวากาชาด บริเวณศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ระหว่าง ๙ – ๑๗ มกราคม ๒๕๕๗



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหาร จัดทอดกฐิน แก่วัดที่ไม่มีเจ้าภาพ

วันนี้ 18 พฤศจิกายน 256 ตามที่จังหวัดมุกดาหารได้จัดทำโครงการถวายกฐินแก่วัดที่ไม่มีเจ้าภาพ ประจำปี 2556 เพี่อช่วยเหลือวัดที่ไม่มีเจ้าภาพกฐิน พร้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฏราชกุมาร และถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว พบว่ามีวัดที่ไม่มีเจ้าภาพกฐิน 1 แห่ง คือวัดสว่างป่งเชือก บ้านโนนสว่าง ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จึงได้จัดกฐินมาทอดถวาย เจ้าภาพ เพี่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ พร้อมสร้างขวัญและกำลังใจพระสงฆ์ และประชาชนในพื้นที่ โดยมีนายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานนำตัวแทนส่วนราชการ พี่น้องประชาชนชาวบ้านโนนสว่าง และใกล้เคียงร่วมทอดถวายกฐินในครั้งนี้ โดยได้ยอดปัจจัยรวม 100,655 บาท

ทั้งนี้ปัจจัยที่ได้จากการทอดถวายกฐิน ทางคณะกรรมการวัดมีความเห็นจะนำไปใช้ในการก่อสร้างซ่อมแซมหลังคาศาลาการเปรียญที่ชำรุดต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร/ไอลดา สุทธิประภา/ส.ปชส.มห./ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท/เนตรนภา ไยสาร/ส.ปชส.มห./ภาพ

หอการค้าจังหวัดมุกดาหารจัดสัมมนา “โอกาสและความท้าทายของมุกดาหาร สู่เวทีการค้าเศรษฐกิจอาเซียนและการค้าโลก”

วันนี้ (๑๘ พ.ย. ๕๖) ณ ห้องกระดุมเงิน กระดุมทอง โรงแรมมุกดาหาร แกรนด์ โฮเทล อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร นายสมศักดิ์ สีบุญเรือง คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร กล่าวต้อนรับ คุณดวงกมล สุริยฉัตร หัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบโลจิสติกส์ สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง "โอกาสและความท้าทายของมุกดาหาร สู่เวทีการค้าเศรษฐกิจอาเซียนและการค้าโลก” เพื่อการพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์อุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจชายแดนและส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจในเขตเศรษฐกิจชายแดนได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของตนโดยการนำแบบจำลองกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้

ทั้งนี้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดฝึกอบรมองค์ความรู้เกี่ยวกับการค้า การลงทุน และองค์ความรู้ในการบริหารการจัดการโลจิสติกส์เพื่อเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการในการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสทางการค้าและบริการที่สะดวกต่อการเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจการค้าในเขตชายแดนเพื่อยกระดับการแข่งขันสู่สากลและพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายใต้การเปิดเสรีภาคบริการโลจิสติกส์ตามกรอบของ AEC



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

จังหวัดมุกดาหารประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำพิพากษาในคดีตีความคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่า นายกรัฐมนตรีได้มีคำแถลงต่อสาธารณชนภายหลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำพิพากษาประสาทพระวิหารและได้เน้นยำว่าประเทศไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ยังเป็นสมาชิกอาเซียนทีต้องพึ่งพาอาศัยกันต่อไปเพื่อความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองอีกทั้งประชาชนไทยและกัมพูชามีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกันมาช้านาน ทั้งสองประเทศจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อเท็จจริง กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำพิพากษาในคดีตีความคำพิพากษาและคำแถลงของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คำกล่าวสุนทรพจน์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแถลงการณ์ภายหลังการอ่านคำพิพากษาของศาลโลก กรณีปราสาทพระวิหาร ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.20 น. สวัสดีค่ะ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรัก

ตามที่ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 ประเทศกัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ "ศาลโลก” เพื่อขอให้ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 โดยเห็นว่าประเทศไทยและประเทศกัมพูชามีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับคำพิพากษาของคดีฯ เมื่อปี 2505 ในเรื่องของขอบเขต "บริเวณใกล้เคียงปราสาท” ซึ่งประเทศกัมพูชาเห็นว่าต้องเป็นไปตามเส้นเขตแดนระหว่างประเทศในแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ระวางดงรัก นั้น คณะดำเนินคดีฝ่ายไทยได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ดีที่สุด ได้ต่อสู้ในแง่กฎหมายและตามกติกาสากลอย่างเต็มที่ ดังเป็นที่ประจักษ์ในการให้การทางวาจาต่อศาลโลก เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลทราบดีว่าภารกิจการต่อสู้คดีฯ ในครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ท้าทายและยากลำบากมาก เพราะเป็นคดีที่ตีความคำพิพากษาเดิมที่ผ่านมาแล้ว 50 ปี และประเทศไทยจำเป็นต้องกลับไปต่อสู้ที่ศาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้ศาลพิจารณาเพียงเอกสารหลักฐาน และคำให้การของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น คณะดำเนินคดีของประเทศไทยจึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และประชาชนในทุกด้านอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสบายใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด บัดนี้ ศาลโลกได้พิจารณาเอกสารหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ซึ่งพี่น้องประชาชนทุกท่านคงได้มีโอกาสติดตามการถ่ายทอดสดคำพิพากษา โดยรัฐบาลเห็นว่า เป็นคำพิพากษาที่ให้ความสำคัญกับการที่ทั้งสองประเทศจะต้องเจรจากัน และมีหลายส่วนที่เป็นคุณกับประเทศไทย โดยมีประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

1. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทย และได้ตัดสินยืนยันที่จะตัดสินภายในขอบเขตของคำพิพากษาเดิม เมื่อปี2505

2. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทย โดยยืนยันว่า คำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 นั้น ไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับประเด็น เขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะเป็นประเด็นที่อยู่นอกเหนือจากคำพิพากษาเดิม ซึ่งหมายความว่าศาลไม่รับพิจารณาข้อเรียกร้องของกัมพูชาเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่สำคัญศาลไม่ได้ตัดสินว่าแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ผูกพันกับไทย โดยผลของคำพิพากษาเมื่อปี 2505

3. ศาลรับตีความเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 โดยศาลอธิบายว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ประกอบขึ้นเป็นยอดเขาพระวิหาร โดยไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน และที่สำคัญไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งในส่วนของพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทนี้ ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไปโดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่

4. ศาลได้แนะนำให้ความสำคัญกับการที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการอนุรักษ์และพัฒนาปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลก ดังนั้นรัฐบาลได้สั่งให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายศึกษารายละเอียดและสาระสำคัญของคำพิพากษา เพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปประกอบพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลต่อไป

ต่อจากนั้น ไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือภายใต้กลไกที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติให้เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย และจะคำนึงถึงขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในโอกาสนี้ ดิฉันขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลจะรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง รวมทั้งเกียรติภูมิของชาติและความเป็นประชาคมอาเซียน พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้สั่งการและกำชับให้ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคงยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณชายแดน รักษาอธิปไตยและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสันติภาพ สันติสุขและความสงบเรียบร้อยดังที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด พี่น้องประชาชนที่เคารพรัก ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันที่นอกจากจะมีพรมแดนติดต่อกันถึงเกือบ 800 กิโลเมตร ยังเป็นสมาชิกอาเซียนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันต่อไป เพื่อความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง อีกทั้ง ประชาชนไทยและกัมพูชาก็มีความสัมพันธ์ฉันญาติมิตร มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกันมาช้านาน ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ ในนามของรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนและของชาติอย่างสูงสุด ขอบคุณค่ะ




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

เหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหารรับบริจาคโลหิต ประจำปี 2557

นางสุธิดา บุญประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่าสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ได้จัดทำแผนรับบริจาคโลหิตของเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี 2557 เพื่อเป็นการรณรงค์และสร้างเสริมพลังคนรุ่นใหม่ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นผู้บริจาคโลหิต โดยโลหิตที่ได้จะต้องเป็นโลหิตที่ปลอดภัยและเพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยรวมทั้งเสริมสร้างคนรุ่นใหม่ให้มาเป็นผู้บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์เชิญชวน นักเรียน ประชาชน จังหวัดมุกดาหารร่วมบริจาคโลหิตตามแผนรับบริจาคโลหิตประจำปี 2557 รับบริจาคโลหิตในวันที่ 8 เดือน มกราคม 2557 อำเภอเมืองมุกดาหาร เวลา 08.00-14.00 น หอประชุมอำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร



สุภาวดี อัมไพพันธ์/ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ตม มุกดาหารสนธิกำลังตรวจยึดไม้พะยูง ริมฝั่งแม่น้ำโขง

วันนี้ ( 18 พ.ย. 56) พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสาย ว่า มีกลุ่มมอดไม้พะยูง ได้นำไม้พะยูง มากองรวมกันไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านบางทรายใหญ่ ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภโชค พณิชยพงศ์ สว.ตม.จว.มุกดาหาร ประสาน พ.อ.ยุทธนา ม่วงพูลสวาสดิ์ รอง ผอ.กอ.รมน.มุกดาหาร ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นาย สถิตย์ พิสัยสวัสดิ์ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าไซเตส มุกดาหาร ทหารพราน 2105 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำกำลังไปยังท้ายหมู่บ้าน บางทรายใหญ่ ตำบลบางทรายใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร พบ ไม้พะยูงวางกระจัดกระจาย จำนวน 61 ท่อน /เหลี่ยม คิดมูลค่า ประมาณ 3 แสนบาท ปริมาตร 1.842 ลูกบาศก์เมตร ที่ป่าละเมาะริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อนำไปส่งขายยังฝั่ง สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไม้ไม่พบรูปรอยดวงตราของทางราชการแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งขอกล่าวหาผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช2484 มาตรา 48 มีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง)โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไม้พะยูงทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้นเชื่อว่าขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติลำเลียงมาพักรอการขนส่งลงเรือ ข้ามไปขายประเทศเพื่อนบ้านผ่านลาว เวียดนาม ปลายทางที่ประเทศจีน ซึ่งมีการตรวจยึดจับกุมบ่อยครั้งเนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดจีนสั่งนำเข้าจากไทยจำนวนมาก จึงมีการลักลอบส่งออกต่อเนื่อง เพราะมีราคาแพงซื้อขายเป็นกิโลกรัมละประมาณ 2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลติดตามเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไป



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร/ข่าว

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบมุกดาหาร ประกาศห้ามไม่ให้บุคคลเข้า-ออก ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบโดยเด็ดขาด

นายมณเฑียร วิริยะพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ด้วยในปัจจุบันสถานการณ์การลักลอบตัดไม้พะยูงที่มีค่าในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบอยู่ในสภาวะการที่เริ่มทวีความรุนแรง และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 ได้เกิดการยิงต่อสู้กับกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้พะยูง บริเวณภูถ้ำพระ (ดงใหญ่) ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ท้องที่บ้านนาสีนวน ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้นายพิพัฒน์ กลางประพันธ์ พนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขืน และฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ โดยมี หรือใช้อาวุธปืน หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เพื่อเป็นการดูแลทรัพยากรป่าที่มีค่าให้คงอยู่ และป้องกันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งป้องกันอันตรายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องดูแลผืนป่า สัตว์ป่า และราษฎร รอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ

ทั้งนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 , 18 และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 19 เมษายน 2547 โดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ขอให้ดำเนินงานใช้มาตรการการป้องกันอย่างเข้มข้น อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ แจ้งว่า ห้ามบุคคล/กลุ่มบุคคล เข้า-ออก หรือกระทำการใดๆในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบโดยเด็ดขาด ยกเว้นบริเวณภูผาเทิบ และบริเวณที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ มห.1 (ห้วยสิงห์) จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หากบุคคลใด หรือฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จะมีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 500-20,000 บาท หรือทั้งจำคุกเเละปรับ



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร/ข่าว

มุกดาหารเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

ที่ห้องพลอยบอลรูม โรงแรมพลอยพาเลซ จังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นประธานเปิดการประชุมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัย ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยมี รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวยดุสิต เป็นวิทยากรในการชี้แจงถึงกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีงบประมาณสูงถึงกว่า 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท จึงมีความจำเป็นที่ประชาชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศจะต้องรับรู้และร่วมออกความคิดเห็น ถึงแม้จังหวัดมุกดาหารจะไม่อยู่ในกลุ่ม 36 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรโครงการก็ตาม

ทั้งนี้การเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในครั้งนี้ก็เพื่อเผยแพร่ข้อมูล เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการดำเนินการตามแผนแม่บท และเพื่อประมวลความคิดเห็น ความเดือดร้อนหรือความเสียหายของประชาชนที่อาจเกิดขึ้น จากการดำเนินหารตามแผนแม่บทนี้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม



พิพัฒน์ เพชรสังหาร/ ส.ปชส.มุกดารหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ ส.ปชส.มุกดารหาร/ภาพ

ชาวบ้านในจังหวัดยโสธรใช้สื่อวิทยุชุมชนลงแขกเกี่ยวข้าว

ชาวบ้านจังหวัดยโสธรใช้สื่อวิทยุชุมชน อนุรักษ์สืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ที่แปลงนา นายพิษณุ มูลสาร ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร มีการจัดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว ผู้มาลงแขกล้วน เป็น ดีเจ นักจัดรายการ และแฟนเพลง นายพิษณุ มูลสาร ผู้บริหารสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ เอฟ เอ็ม 102 .25 กล่าวว่า เมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยว คนในชุมชนหรือชาวบ้าน จะใช้สื่อวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ เป็นสื่อกลางในการประกาศ ส่งข่าว เชิญชวน ผู้ที่ติดตามรับฟังรายการ มาร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวด้วยกัน ซึ่งเป็นการใช้สื่อวิทยุชุมชนในการอนุรักษ์ประเพณีอันงามของไทยให้คงอยู่ สำหรับการลงแขกเกี่ยวข้าวในครั้งนี้ มีดีเจหนุ่มพลากร นครยศ / บ่าวคำเตย และดีเจอีกหลายคน ต่างคนต่างมีแฟนเพลงของตน มาร่วมลงแขก และมีการจัดรายการสดๆให้ฟังอีกด้วย ทำให้บรรยากาศสนุกสนาน อาหารที่ใช้ในการรับประธาน ประกอบไปด้วย ส้มตำ/ ตำถั่วฝักยาว/ ปิ้งปลา/ ก้อยปลาก้อยหอย/ ข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวอีสาน ทั้งนั้น การร่วมกลุ่มจัดกิจกรรมแบบนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ ที่ต้องการให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เกิดความรักใคร่สามัคคีกัน โดยใช้สื่อวิทยุชุมชนเป็นตัวช่วยนั้นเอง



วรรณทอง ภูโสภา
ส ปชส.ยโสธร/ ภาพ/ข่าว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงพระราชทานพระประทีปส่วนพระองค์ร่วมลอยในงานสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีปจังหวัดร้อยเอ็ด

จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด และเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดงานประเพณี "สมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป" ครั้งที่ 15 ประจำปี 2556 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ดบึงพลาญชัยร้อยเอ็ดได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงพระราชทานพระประทีปส่วนพระองค์ร่วมลอยในงานครั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวจังหวัดร้อยเอ็ดทุกหมู่เหล่า นอกจากนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลส่วนพระองค์ สำหรับการประกวดกระทงประทีปใหญ่ ประเภท ก. ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

        เมื่อเวลา 19.00น. วันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิดงานมีชาวร้อยเอ็ดจังหวัดใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมาร่วมงานกว่า   นับหมื่นคน

        นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า งานประเพณี "สมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป" เดิมใช้ชื่องานประเพณีลอยกระทง และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อการจัดงานเป็นงานประเพณี "สมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป" ในปี พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่มีความหมายครอบคลุมถึงการขอขมาพระแม่คงคา ผู้ให้น้ำเพื่อการดำรงชีวิตในรอบปีที่ผ่านมาสำหรับในปี 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงพระราชทานพระประทีปส่วนพระองค์ร่วมลอยในงานครั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวจังหวัดร้อยเอ็ดทุกหมู่เหล่านอกจากนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลส่วนพระองค์ สำหรับการประกวดกระทงประทีปใหญ่ ประเภท ก. ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ทั้งนี้เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม สร้างความสมัครสมานสามัคคี ความภาคภูมิใจ และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดร้อยเอ็ด

        กิจกรรมที่จัดขึ้นได้แก่ การประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ, การประกวดกระทงประทีปขนาดใหญ่ ประเภท ก. ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, การประกวดกระทงประทีปขนาดใหญ่ ประเภท ข., การประกวดขบวนแห่ 12 หัวเมืองร่วมสมัยตามตำนานเมืองร้อยเอ็ด , พิธีอัญเชิญลอยพระประทีป และการจัดฟ้อนรำวงสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป เพื่อเผยแพร่เป็นเอกลักษณ์ท่ารำวงประจำจังหวัดร้อยเอ็ดมีคู่เต้นรำที่มาเที่ยวภายในงานลอยกระทง หลายพันคู่ สนุกสนานกันไปทั้งงาน

ผลการประกวดขบวนแห่กระทงประทีป12เมือง ร่วมสมัย

รางวัลที่1. ได้แก่ เมืองหงส์ ได้รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัล

           2. เมืองบัว ได้รับรางวัลเงินสด 45,000 บาท พร้อมโล่รางวัล

           3.  เมืองทอง ได้รับรางวัลเงินสด  40,000 บาท พร้อมโล่รางวัล

       

ผลการประกวดกระทงประทีปใหญ่ ประเภท ข

รางวัลที่1. ได้แก่ โรงเรียนพลาญชัยพิทยาคม รางวัล10000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

           2. มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด รางวัล 8,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

            3. หจก.ร้อยเอ็ดเฮอท์แคร์แอนด์ซัพพลาย รับเงินสด 5,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล

         

ผลการประกวดกระทงประทีปใหญ่ ประเภท ก

รางวัลที่ 1. ได้แก่ โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย รับเงินสด 30,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทาน

             2. วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด รับเงินสด 20,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

              3. โรงเรียนสตรีศึกษา เงินสด 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

               รับรางวัลเงินสด10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

รางวัลชมเชยได้แก่ 1. วิทยาลัยอาชีวะศึกษาร้อยเอ็ด

                           2. สำนักงาน ก.ศ.น.ร้อยเอ็ด

                    รับรางวัล เงินสด5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

ผลการประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ

รางวัลที่1 ได้แก่ โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง

รับเงินสด4,000บาทพร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่2.ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวะศึกษาร้อยเอ็ด

     รับรางวัลเงินสด 30,00 บาท พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่3. ได้แก่ แผนกการโรงแรมวิทยาลัยอาชีวะศึกษาร้อยเอ็ด

            รับรางวัลเงินสด 2,000บาท พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลชมเชย 1.นายภาสกร มธุเสน

                   2. นายกิตติศักดิ์ ฤทธิ์น้อย

     รางวัลเงินสด 1,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร



////////////////

 คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง บก.ข่าว

 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117 

รอง ผวจ.อด.ตรวจโรงสีโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2556/57

รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการของโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2556/57 ของจังหวัดอุดรธานี ที่อำเภอหนองหาน พร้อมเชิญชวนเกษตรกรร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2557

บ่ายวันนี้ ( 18 พ.ย. 56 ) ที่โรงสีข้าวหนองหานไทยง่วน อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดธานี พร้อมด้วยนายเวียนชัย แก้วพินิจ นายอำเภอหนองหาน เกษตรอำเภอหนองหาน เจ้าหน้าที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดอุดรธานี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์อำเภอหนองหาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและการให้บริการของเจ้าหน้าที่ประจำจุดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 พร้อมเยี่ยมชมขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพข้าว ซึ่งในวันนี้มีเกษตรกรในพื้นที่เดินทางมาจำนำเป็นระยะ

ในปีการผลิต 2556/57 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียน 93,956 คน พื้นที่ปลูก 1,494,025.50 ไร่ ผลผลิต 540,055.89 ตัน คิดเป็นร้อยละ 84.86 ของปี2555 ผ่านการประชาคม 91,831 คน พื้นที่ปลูก 1,454,836.25 ไร่ ผลผลิต 525,826.74 ตัน คิดเป็นร้อยละ 97.74 มีการออกใบรับรองเกษตรกรและ 89,993 คน พื้นที่ปลูก 1,427,336.75 ไร่ ผลผลิต 518,747.85 ตัน คิดเป็นร้อยละ 97.98 ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการแล้ว 6 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 21.666 ตัน

ในขณะที่อำเภอหนองหานมีเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียน 7,368 ครัวเรือน พื้นที่ 128,333.50 ไร่ ผลผลิต 46,307,963.00 ตัน ผ่านการประชาคม 7,323 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 99.39 พื้นที่ 127,389.75 ไร่ ผลผลิต 45,967.18 ตัน ออกใบรับรองให้เกษตรกรแล้ว 7,308 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 99.8 พื้นที่ 127,106.75 ไร่ ผลผลิต 45,948.34 ตัน ปัจจุบันมีเกษตรกรมารับใบรองเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ในการนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอหนองหานจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ยังไม่มารับในรับรองเดินทางมาขอรับใบรับรองเกษตรกรได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอหนองหาน ซึ่งตั้งอยู่หลังเทศบาลตำบลหนองหาน ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานเกษตรอำเภอหนองหาน 0-4226-1157 ในวันเวลาราชการ

นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า วันนี้ก็ได้มาเยียมโรงสีไทยง่วนหนองหาน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ซึ่งได้เปิดจุดรับจำนำข้าวมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน วันนี้ได้เห็นประชาชนทยอยนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการและก็ได้ซักถามชาวบ้าน ส่วนใหญ่มีทั้งเกี่ยวข้าวเองและใช้รถเพื่อการเกษตรเกี่ยว เท่าที่สังเกตุดูพบว่าข้าวของชาวบ้านส่วนใหญ่คุณภาพดี คือไม่ถูหักความชื้น ความชื้นน้อยกว่า 15 % เรื่องของต้นข้าวส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คือได้ราคาเต็มที่เลย สำหรับข้าวเปลือกราคา 2 หมื่นบาทก็ได้ 2 หมื่นบาทหรือได้ 2 หมื่นกว่าๆ เนื่องจากกรัมข้าวสูงกว่า 42 กรัม จากการตรวจเยี่ยมพบว่า โรงสีให้บริการที่ดี และมีพื้นที่รับผิดชอบกว้าง จึงเชิญชวนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอหนองหานและพื้นที่ใกล้เคียง ได้รับใบรับรองที่ได้รับรองแล้วจากทางสำนักงานเกษตรและนำข้าวมาจำนำที่นี้ ทาง ธกส.ตอนนี้มีเงินมีการเพิ่มวงเงินมาแล้ว พร้อมรับเกษตรกร จึงเชิญชวนพี่น้องที่เป็นเกษตรกรนำข้าวมารับบริการจำนำข้างที่โรงสีแห่งนี้



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
นิพาภร โคกโพธิ์ นศ.ฝึกงานพิมพ์ทาน
เมวิกา ศรีหาวงษ์ นศ.ฝึกงาน ภาพนิ่ง 

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และ คณะกรรมการติดตามกำกับดูแลและการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 เพื่อให้การรับจำนำข้าวตามโครงการของรัฐบาล เป็นไปด้วยความ โปร่งใส ยุติธรรม

อุบลราชธานี : วันนี้ ( 18 พ.ย. 56) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย คณะกรรมการติดตามกำกับดูแลและการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 เพื่อให้การรับจำนำข้าวตามโครงการของรัฐบาล เป็นไปด้วยความ โปร่งใส ยุติธรรม โดยได้ลงพื้นที่ติดตามการรับจำนำข้าวที่โรงสีเอกไพบูลย์ อำเภอวารินชำราบ และโรงสีประสิทธิ์ชัยอุบล อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยจังหวัดอุบลราชธานีได้ดำเนินการเปิดโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2556/57 ซึ่งได้ดำเนินการเปิดโครงการรับจำนำข้าว เมื่อต้อนเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา และมีผู้ประกอบการโรงสีเข้าร่วมโครงการเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 จำนวน 39 ราย มีเกษตรกรข้าวร่วมโครงการ 17,965 ราย ปริมาณข้าวที่รับจำนำจำนวน ในขณะนี้ 89,313.09 ตัน การรับจำนำข้าวที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่ได้รับการร้องเรียนแต่อย่างไร เนื่องจาก เจ้าของโรงสีข้าว และผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนเกษตรกร เข้าใจถึงข้อปฏิบัติของโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการพร้อมแนวทางในการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อให้การรับจำข้าวในปีนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเป็นอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบราชธานี กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้ประกอบการโรงสีรับซื้อข้าวเป็นไปตามกฏเกณฑ์รับจำนำข้าวตามกำเกณฑ์ ตามระเบียบ ที่ถูกต้องและไม่เอาเปรียบเกษตรกร นอกจากนั้น ขอแนะนำให้เกษตรกรตากข้าวที่เก็บเกี่ยวมาแล้วให้ทำการตากแห้งก่อนนำมารับจำนำข้าว หากข้าวที่ไม่มีความชื้นแล้วข้าวจะได้ราคาที่ดี



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์
ส.ปชส.อุบลราชธานี 

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลออกเตรียมเยี่ยมโรงสีข้าวที่เข้าร่วมรับจำนำข้าวเปลือกประจำปีการผลิต 2556แห่งที่ 2

อุบลราชธานี : วันนี้ (18 พ.ย. 2556 ) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลได้ออกเตรียมเยี่ยมโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกในปีการผลิต 2556 นั้น
แห่งที่สอง คือ โรงสีประสิทธิชัยอุบล 2011 ตำบล นาส่วง อำเภอเดชอุดม เวลา10.30 พบชาวนานำข้าวมาจำนำเป็นจำนวนมากและได้ราคาจากการรับในราคาสูง และท่านผู้ว่าฯ ดูการตรวจสอบความชื้นของข้าวด้วยตนเอง

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลออกเตรียมเยี่ยมโรงสีข้าวที่เข้าร่วมรับจำนำข้าวเปลือกประจำปีการผลิต 2556 แห่งที่ 1

อุบลราชธานี : วันนี้ (18 พ.ย. 2556 ) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลได้ออกเตรียมเยี่ยมโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกในปีการผลิต 2556 นั้น

แห่งแรกที่ โรงสีข้าว เอกไพบูลย์ ต.ธาตุ อ.วาริน พบชาวนาทยอยนำข้าวเข้ามาจำนำ ข้าวสดความชื้นไม่เกิน 25 % ราคาตัน ละ 17,000 บาท และราคา จะเพิ่มขึ้นตามความชื้นที่ลดลง หากเป็นข้าวแห้งความชื้นเกิน15%ไปบ้างก็จะคิดที่15จะรับจำนวนที่19,700เป็นไปจนเต็มราคาตามน้ำหนักต้นข้าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ในสถานการณ์ปกติ คุณภาพ ข้าวก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ท่านผู้ว่าฯ กล่าวต่ออีกว่า หากชาวนาพบปัญหาสามารถแจ้ง ผู้ว่าได้โดยตรง หรือ หน่วยงานการค้าภายใน

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประทานมอบใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร

อุบลราชธานี  : วันนี้ (18 พ.ย. 2556) เวลา 09.30 นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานพิธีมอบใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ตามโครงการแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557 ณ หอประชุมพรรคเพื่อไทย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

เทศบาลเมืองสุรินทร์จัดงานประเพณีลอยกระทงย้อนยุค

วันที่ 17 พ.ย.56 เวลา 18.10 น. ที่สระน้ำวัดจุมพลสุทธาวาส เทศบาลเมืองสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผุ้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทงย้อนยุค เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป และเพื่อเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมการประกวดต่าง ๆ มากมาย ปีนี้มีการประกวดกระทงใหญ่ กระทงเล็ก โดยจะมีขบวนแห่กระทงที่เข้าประกวด จากชุมชนต่างๆไปรอบเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ และมีวงดนตรีลูกทุ่งชิงช้าสวรรค์ มาร่วมสร้างสีสันการลอยกระทงย้อนยุคในปีนี้ พร้อมรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนได้ใช้กระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายง่าย และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกระทงที่ทำจากใบตอง หรือสิ่งที่ย่อยง่าย ไม่ใช้กระทงโฟม หรือ กระทงที่ย่อยสลายยาก พร้อมขอให้ประชาชนร่วมป้องกันอัคคีภัยและการเล่นดอกไม้เพลิง

ชาวบ้านจังหวัดยโสธรใช้สื่อวิทยุชุมชนลงแขกเกี่ยวข้าว

ชาวบ้านจังหวัดยโสธรใช้สื่อวิทยุชุมชน อนุรักษ์สืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ที่แปลงนา นายพิษณุ มูลสาร ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร มีการจัดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว ผู้มาลงแขกล้วน เป็น ดีเจ นักจัดรายการ และแฟนเพลง นายพิษณุ มูลสาร ผู้บริหารสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ เอฟ เอ็ม 102 .25 กล่าวว่า เมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยว คนในชุมชนหรือชาวบ้าน จะใช้สื่อวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ เป็นสื่อกลางในการประกาศ ส่งข่าว เชิญชวน ผู้ที่ติดตามรับฟังรายการ มาร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวด้วยกัน ซึ่งเป็นการใช้สื่อวิทยุชุมชนในการอนุรักษ์ประเพณีอันงามของไทยให้คงอยู่ สำหรับการลงแขกเกี่ยวข้าวในครั้งนี้ มีดีเจหนุ่มพลากร นครยศ / บ่าวคำเตย และดีเจอีกหลายคน ต่างคนต่างมีแฟนเพลงของตน มาร่วมลงแขก และมีการจัดรายการสดๆให้ฟังอีกด้วย ทำให้บรรยากาศสนุกสนาน อาหารที่ใช้ในการรับประธาน ประกอบไปด้วย ส้มตำ/ ตำถั่วฝักยาว/ ปิ้งปลา/ ก้อยปลาก้อยหอย/ ข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวอีสาน ทั้งนั้น การร่วมกลุ่มจัดกิจกรรมแบบนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน ตำบลคำเตย อ.ไทยเจริญ ที่ต้องการให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เกิดความรักใคร่สามัคคีกัน โดยใช้สื่อวิทยุชุมชนเป็นตัวช่วยนั้นเอง



วรรณทอง ภูโสภา
ส.ปชส.ยโสธร/ข่าว