วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จ.กาฬสินธุ์ประชุมเพื่อรับฟังประเด็นปัญหาการดำเนินงานโครงการพัฒนาปิโตรเลียมแหล่งดงมูล

จังหวัดกาฬสินธุ์เรียกประชุมส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังประเด็นปัญหาการดำเนินงานโครงการพัฒนาปิโตรเลียมแหล่ง ดงมูล แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L 27/43 ก่อนลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่วันพรุ่งนี้

วันนี้ 25 มิถุนายน 2556 นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้เป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องเพื่อรับฟังประเด็นปัญหาการดำเนินงานโครงการพัฒนาปิโตรเลียมแหล่งดงมูล แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L 27/43 เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ดำเนินการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียม มีความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานจะส่งผลกระทบต่อที่ดินทำกิน พืชผลทางการเกษตร และสภาพแวดล้อมอื่นๆ จึงได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ และจากการลงพื้นที่ประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2556 พบว่ายังมีข้อประเด็นคำถามบางประเด็นที่ชี้แจงไม่ชัดเจน เช่น ประเด็นการแนวท่อส่งก๊าซต้องใช้พื้นที่มากน้อยเท่าใด ประเด็นการทำประโยชน์ในพื้นที่แนวท่อ เช่น เพาะปลูกหรือปลูกต้นไม้ได้หรือไม่ ประเด็นปริมาณก๊าซสามารถผลิตได้กี่ปี ประเด็นผลกระทบจากการเผาก๊าซธรรมชาติต่อพืชผลทางการเกษตรข้างเคียง เช่น ข้าวไม่ออกรวง ประเด็นผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ และประเด็นคำถามอื่นๆรวมทั้งสิ้น 16 ประเด็น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และคณะจะลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน ในพื้นที่ ที่บริเวณวัดศรีนวล ทรายทอง ตำบลทรายทอง อำเภอห้วยเม็กในวันพรุ่งนี้ 26 มิถุนายน 2556 นี้อีกครั้ง ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป




สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว

พลเมืองดีเก็บเงินกว่า 3.7 หมื่นบาท แจ้งตำรวจตามหาเจ้าของ

นักศึกษา ม.ราชภัฎชัยภูมิ น้ำใจงาม เก็บเงินกว่า 3 หมื่นได้ ไม่คิดงุบงิบเข้าประเป๋า นำไปแจ้งตำรวจ ให้เจ้าของไปติดต่อขอรับคืนด่วน

เมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 25 มิ.ย. 56 นายญาณาทัย พุ่มบ้านเช่า อายุ 23 ปี อยู่บ้านบ้านเลขที่ 245 ม.6 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้นำถุงใส่เงินสีแดง ในนั้นมีแบ๊งค์ 1,000 จำนวน 37,000 บาท มาแจ้งความต่อร.ต.อ.ทรงธรรม ศรีวงษ์ชัย พนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อตามหาเจ้าของมารับคืน หลังจาก เก็บถุงเงินดังกล่าวได้ เมื่อเวลา 13.00น. ที่ผ่านมา บริเวณใต้เก้าอี้ ภายในร้าน ณ ชัยภูมิ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากขึ้นชื่อของ จ.ชัยภูมิ ริมถนนสายชัยภูมิ-บ้านเขว้า

นายญาณาทัย พุ่มบ้านเช่า เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ ม.ราชภัฎชัยภูมิ ตนเองเป็นลูกชายเจ้าของร้าน ช่วงนั้นได้เดินเข้าบ้านเพื่อไปหาแม่ มองเห็นถุงเงินดังกล่าวตกอยู่ด้านล่างเก้าอี้ ทีแรกนึกว่าเป็นทองคำอยู่ข้างใน เพราะถุงสีแดง ระบุชื่อร้านทองเยาวราช แต่พอเกิดออกดู พบว่าเป็นธนบัตรใบละ1,000 นับได้ 37 ใบ เป็นเงิน 37,000 บาท ตอนนั้นในใจคิดเพียงว่า มันไม่ใช่ของตนเอง ไม่ควรเอาไป จึงนำมาแจ้งความกับตำรวจ หากผู้ใดเป็นเจ้าของ ขอให้รีบมาติดต่อขอรับด่วน ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ แต่ต้องสามารถบอกที่มา ที่ไปได้ ว่ามาร้านตอนไหน ซึ่งคุณแม่ที่อยู่ร้านตลอดเวลา สามารถยืนยันได้





สุระพงค์  สวัสดิ์ผล /ข่าว

หอการค้าชัยภูมิจัดแข่งแรลลี่ “ดอกกระเจียว ดีใจ ที่ชัยภูมิ”ชิงถ้วยพระราชทาน

จังหวัดชัยภูมิ จัดแข่งขันแรลลี่ ดอกกระเจียวดีใจ ที่ชัยภูมิ เสริมงานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ  เป็นปีแรก เน้นแรลลี่แบบครอบครัวหรรษา

เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 25 มิถุนายน 2556 นายบรรยงค์ วงศ์กนิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับนายวรวุฒิ ฉวีชัย ประธานหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ แถลงข่าวการจัดแข่งขันแรลลี่ดอกกระเจียวดีใจ ที่ชัยภูมิ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบครอบครัวสุขสันต์ ไม่มุ่งแข่งเพื่อชัยชนะ เปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปเข้าร่วมแข่งขัน ขับรถ หาอาซี เล่นกิจกรรม ที่เพลิดเพลิน สนุกสนาน ตลอดเส้นทาง เมืองชัยภูมิ-อ.จัตุรัส –บานวังเสมา – อ.ซับใหญ่ – นายางกลัก –อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ในระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2556 กลางคืนพักผ่อน และร่วมกิจกรรมภาคกลางคืน ที่ บ้านไร่อิงดอย

ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละอียดและสมัครได้ที่ หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ โทรฯ 0-4481-1511 หรือ 08-9717-007 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ซึ่งผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ  ถือเป็นปีแรกที่จังหวัดได้รับพระราชทาน นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง ต่อวงการท่องเที่ยวของจังหวัด นอกจากนั้นยังมีรางวัลให้ลุ้นมากมาย เช่น รางวัลใจสู้ รางวัลครอบครังหรรษา รางวัลถ้วยบู้บี้ รางวัลขวัญใจแรลลี่ และรางวัลสติ๊กเกอร์สวย เป็นต้น




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

พบพฤติกรรมส่อทุจริตโรงสีร่วมโครงการรับจำนำข้าวที่ชัยภูมิ

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิสั่งรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับ โรงสี หลังพบหลักฐานปลอมแปลงเอกสาร ขนย้ายข้าวในโกงดังไปสวมสิทธิ์จำนำอีกรอบ แถมกล้องวงจรปิดถูกลบข้อมูลอีกด้วย

ภายหลักเรียกประชุมด่วนกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต ปี2555/56 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการทุจริตของโรงสีแห่งหนึ่ง ที่เข้าร่วมโครงการจำนำข้าว ตั้งอยู่ในพื้นอำเภอบ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ มีการปลอมแปลงเอกสาร ลายเซ็นต์จนท.อคส. รับรองออกใบประทวนเวียนเทียนสวมสิทธิ์ชาวนาที่มีใบประทวนแต่ไม่มีข้าวในมือ ในพื้นที่จำนวนมาก และลักลอบขนข้าวในโกดังออกมาขายใช้ชาวนากิโลกรัมละ 11 บาท หรือตันละ 11,000 บาท เพื่อนำกลับมาสวมสิทธิ์ใบประทวนได้ราคาเพิ่มอีกสูงกว่า กิโลกรัมละ 15 บาท หรือ ตันละ 15,000 บาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ อคส.ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐาน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบพฤติกรรมส่อไปในทางกระทำผิด จากนี้ไปชุดตรวจสอบของจังหวัด ได้ร่วมมือกับตำรวจชุดเฉพาะกิจ จะลงไปตรวจสอบ เพื่อหาหลักฐานพยาน ดำเนินคดีกับโรงสีดังกล่าว ในชั้นนี้ได้สั่งปิดการรับจำนำข้าวของโรงสีแห่งนี้เอาไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโครงการอีก สืบหาสาเหตุการหายไปของข้าวในโกดัง สาเหตุของการลบข้อมูลในกล้องวงจรปิด และการปลอมแปลงเอกสาร งานนี้ถ้าพบหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ตั้งแต่เรื่องการออกใบรับรองเกษตรกร ไปจนถึงการขนข้าวไปขาย ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งเกษตรกรเจ้าของใบรับรองด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก

ส่วนการดำเนินการหลังจาก ครม.มีมติ ปรับราคารับจำนำปีการผลิต 2555/56 จากเดิม 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาท จะมีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 56 นั้น ยังไม่มีผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่มากนัก ซึ่งทางจ.ชัยภูมิ ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดชุดลงไปสร้างความรู้ ความเข้าใจกับเกษตรกร และผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เข้าใจถึง ความจำเป็น ของรัฐบาล ที่ต้องปรับราคารับจำนำ ให้เป็นไปตามกลไก ที่เป็นจริงของตลาด การประกาศปรับราคาเหลือ 12,000 บาทต่อตันครั้งนี้ ก็เพื่อที่ทางภาครัฐต้องการให้การรับจำนำข้าว เดินหน้าต่อไป และเป็นไปตามกลไกการตลาดที่เป็นจริงมากขึ้นตามตลาดโลก จึงจำเป็นต้องปรับราคาลง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาด โลกให้มากขึ้น





สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

จังหวัดนครราชสีมา จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (11 ก.ค.นี้)

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า จังหวัดนครราชสีมา จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๐๐ น. ณ หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
 

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ เห็นชอบให้วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ของทุกปีเป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือว่าเป็นวันหยุดราชการ จังหวัดนครราชสีมา จึงกำหนดจัดงานวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยจัดให้มีพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงมีต่อแผ่นดินสยาม

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นกษัตริย์นักรบผู้กล้าหาญ ปกครองอาณาประชาราษฎร์ ด้วยทศพิธราชธรรม ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์เดียวในบูรพาปะเทศ ที่เจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป เลือกเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเหนียวแน่นกับประเทศฝรั่งเศส เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับประเทศฮอลันดา ทำให้เกิดผลดีในด้านการถ่ายทอดอารยธรรม เกิดการพัฒนา ความเจริญด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การค้า และสถาปัตยกรรม แก่ประเทศสยามในสมัยนั้น นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระปรีชา ด้านศิลปะวรรณคดี ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไทยไว้หลายเรื่อง ได้แก่ พระโคลงเรื่องทศรถสอนพระราม พาลีสอนน้อง ราชสวัสดิ์ และสมุทรโฆษ คำฉันท์ เป็นต้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231 เสด็จดำรงราชสมบัตินานถึง 32 ปี สิริพระชนมายุ ได้ 56 พรรษา

ในโอกาสวัน "พระนารายณ์มหาราช” วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เวลา ๐๘.๐๐ น. ณ หอประชุมเปรมติณ สูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

การแต่งกาย ข้าราชการ ใส่เครื่องแบบปกติขาว ประชาชนทั่วไป ใส่ชุดสากลนิยม หรือชุดสุภาพ

ตำรวจ จังหวัดนครราชสีมา จับ พ่อค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 8 แสนเม็ด สารไอซ์ 5 กิโลกรัม มูลค่าหลายร้อยล้านบาท

ที่สถานีตำรวจภูธรจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อม พันตำรวจเอกพงษ์เดช พรหมมิจิตร รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และพันตำรวจเอกชลาสินธุ์ ชลาลัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจอหอ อำเภอเมือง ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายทองพูน สอนนายอ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 9 และนายพนมไพร สีดาน้อย อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ทั้งสองเป็นชาว ต.ดงบัง อ.บึงโขงโหลง จ.บึงกาฬ พร้อมของกลางยาบ้า 8 แสนเม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบพลาสติกสีฟ้า 3 กระสอบ ไอซ์ จำนวน 5 แท่ง น้ำหนักรวม 5 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสีน้ำตาล เงินสด 95,000 บาท รวมมูลค่าของกลางประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งหมดซุกซ่อนรถเก๋งโตโยต้าฟอร์จูเนอร์ สีดำ ทะเบียน ชภ 2330 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ลำเลียง
พ.ต.อ.พงษ์เดช เปิดเผยว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดผ่าน จ.นครราชสีมา จึงมอบหมาย พ.ต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย ผกก.สภ.จอหอ นำกำลังตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติด บริเวณบ้านหนองกระดังงา ถนนเลี่ยงเมืองบายพาส ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร ต.จอหอ อ.เมือง นครราชสีมา กระทั่งเวลา 02.30 น. พบรถเก๋งต้องสงสัย ขับมาด้วยความเร็ว ตำรวจระดมกำลังปิดล้อม พร้อมส่งสัญญาณให้รถต้องสงสัยหยุดเพื่อตรวจค้น ทันทีที่รถหยุดนิ่ง บุคคลในรถเป้นชายฉกรรจ์ 2 คน เปิดประตูพร้อมพากันวิ่งหลบหนีหายเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังติดตาม จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองคน ได้ จากตรวจสอบในรถพบยาบ้า และไอซ์จำนวนมากซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณท้ายรถเก๋ง


จากการสอบถามนายทองพูน บอกว่ามีนายทุนชาวลาว ว่าจ้างให้ขนยาเสพติดจาก อ.บ้านแพง จ.นครพนม มีจุดหมายปลายทางที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีคนมาติดต่อรับรถไป โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 100,000 บาท

มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดและมูลนิธิคนตาบอดไทย ลงนามความร่วมมือ พัฒนาสื่อให้กับผู้พิการทางสายตา

ที่อาคารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ มูลนิธิคนตาบอดไทย ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับองค์กรเครือข่ายด้านการผลิตและบริการสื่อ รวมทั้งระบบบริการงานหอสมุดเบญญาลัย โดยมีนายมุข วงษ์ชวลิตกุล รองประธานกรรมการมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาจังหวัดนครราชสีมา และนายวิรัช ศรีตุลานนท์ ประธานมูลนิธิคนตาบอดไทย ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ สำหรับพิธีลงนามความร่วมมือในการพัฒนาและผลิตสื่อให้กับผู้พิการทางสายตา ระบบบริการงานหอสมุดเบญญาลัย โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดนครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการทางเทคโนโลยีในรูปแบบหอสมุดออ นไลท์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้มีแหล่งบริการข้อมูลความรู้ทางวิชาการ สำหรับคนพิการทางการมองเห็นทั้งในประเทศไทย และเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้จากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตและบริการสื่อความรู้ทุกประเภท ระหว่างหอสมุดออนไลท์ ซึ่งเป็นกลไกใหม่กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อคนพิการ ทางการมองเห็น
 

ด้านนายมุข วงษ์ชวลิตกุล รองประธานกรรมการมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับนักเรียน นักศึกษา คนพิการทางการมองเห็นในความรับผิดชอบของโรงเรียนในสังกัดมูลนิธิ และโรงเรียนสอนคนตาบอดในประเทศไทย มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 2,195 คน และคนพิการทางการมองเห็นทั่วไป มีจำนวนทั้งสิ้น 3,200 คน ซึ่งในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการก่อตั้งหอสมุด อาคาร เบญญาลัย จะทำให้คนพิการทางการมองเห็นสามารถเชื่อมโยงการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดในสังกัดมูลนิธิ สถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องได้อย่างทั่วถึง นายมุข กล่าว

สคร.5 นครราชสีมา ติวเข้มสถานศึกษาโคราชเป็นต้นแบบปลอดไข้เลือดออก ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เผย 4 จังหวัดอีสานใต้มีผู้ป่วย 3,885 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

สคร.5 นครราชสีมา ติวเข้มสถานศึกษาโคราชเป็นต้นแบบปลอดไข้เลือดออก ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เผย 4 จังหวัดอีสานใต้มีผู้ป่วย 3,885 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

ที่โรงเรียนบุญวัฒนา ต.ทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา (ผอ.สคร.5 นครราชสีมา), ตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายสมัคร ไวยขุนทด ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวัฒนา พร้อมด้วยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ร่วมเปิดโครงการ "รณรงค์โรคไข้เลือดออก และโรคติดต่อในโรงเรียน เปิดประตูสู่อาเซียนในพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 9 ปีการศึกษา 2556” เพื่อสนับสนุนให้สถานศึกษาได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการป้องกันและควบคุมโรคไข้ เลือดออก ภายในงานมีกิจกรรมการแสดงของนักเรียน พร้อมรับฟังการบรรยายเรื่อง "ปัญหาสาธารณสุขกับการเปิดประตูสู่อาเซียน และสถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออก” จาก นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผอ.สคร.5 นครราชสีมา ชมทอล์กโชว์เรื่อง สารเคมีหรือสมุนไพรใช้ปราบยุงได้ดีกว่า โดยทีมนักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลการประกวดชนะเลิศระดับประเทศมา และละครเวที "ปราบยุงอย่างไรจะได้ผล” นอกจากนี้ยังจัดให้มีกิจกรรมการขับเคลื่อนงานควบคุมไข้เลือดออกจากโรงเรียน สู่ชุมชน ด้วยหลัก 5 ป. 1 ข. ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รับการแจ้งเตือนจากองค์การอนามัยโลกว่า ปีนี้สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในกลุ่มประเทศอาเซียนน่าเป็นห่วงที่สุดในโลก พอๆ กับภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ดังนั้น ทุกประเทศในอาเซียนจึงร่วมจัดงานวันไข้เลือดออกอาเซียนขึ้นเพื่อเป็นการ รณรงค์ให้ประชาชนใน 10 ประเทศอาเซียน ซึ่งมีประชากรประมาณ 600 ล้านคน ตระหนักในการป้องกันโรคและร่วมกันแก้ปัญหา ลดความเสี่ยงการระบาดใหญ่ของโรคไข้เลือดออก สร้างชุมชนอาเซียนให้ปลอดไข้เลือดออกเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน ปี 2558

นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผอ.สคร.5 นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-7 มิถุนายน 2556 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวน 43,606 ราย สำหรับพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 9 ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 729 ราย, จ.ชัยภูมิมีผู้ป่วย 415 ราย, จ.นครราชสีมามีผู้ป่วย 1,535 ราย เสียชีวิต 2 ราย และ จ.สุรินทร์มีผู้ป่วย 1,206 ราย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย รวมมีผู้ป่วย 3,885 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยเรียน และผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบก็เป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนจึงเป็นสถานที่สำคัญที่จะต้องมีการป้องกันและควบคุมไม่ให้เป็นแหล่ง เพาะพันธุ์ยุง ดังนั้น กิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้จึงเน้นที่โรงเรียนและนักเรียนเป็นสำคัญ "หากมีอาการป่วยมีไข้ กินยาลดไข้แล้วไข้ยังไม่ลด 2-3 วัน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจเพื่อรักษาให้ทันท่วงที ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการช็อกและเสียชีวิต หากมีข้อสงสัยติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0-2590-3333” นพ.ธีรวัฒน์กล่าว

สถานพินิจจังหวัดบึงกาฬออกให้ความรู้เรื่องภัยยาเสพติดแก่เด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดบึงกาฬออกพื้นที่ให้ความรู้เรื่อง โทษและภัยจากยาเสพติดกับนักเรียนโรงเรียนหนองแข็งวิทยาคม อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งน้องๆนักเรียนให้ความสนใจร่วมรับฟังความรู้จากวิทยากรเป็นจำนวนมาก


เนื่องจากเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 14-17 ปี กำลังตกเป็นเหยื่อรายใหม่ของวงจรยาเสพติด มีการใช้ยาเสพติดมากขึ้นโดยเฉพาะแอมเฟตามีน สถิติของเด็กและเยาวชนจังหวัดบึงกาฬที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เมื่อปี พ.ศ. 2555 จำนวน 265 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวน 180 คดี คิดเป็นร้อยละ 67.92 ของจำนวนคดีทั้งหมดซึ่งจะเห็นได้ว่าปัญหามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดบึงกาฬ มีหน้าที่ในการป้องกัน บำบัดแก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำผิดและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมรวม ทั้งเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกระทำผิดของ เด็กและเยาวชนในสังคมให้ลดน้อยลง จึงได้จัดทำโครงการ "สถานพินิจสัญจร” อันเป็นการเผยแพร่ความรู้เรื่องยาเสพติดให้โทษแก่เด็กและเยาวชนและกระตุ้น ให้บุคคลทั่วไปให้หันมาให้ความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาดังกล่าวไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ โทษ เพื่อสังคมประเทศชาติจะเกิดความสงบสุข มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญต่อไป

จังหวัดบึงกาฬออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน”

( 19 มิถุนายน 2556) นายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นำทีมหน่วยงานราชการในจังหวัดบึงกาฬออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ "บำบัดทุก บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” ณ โรงเรียนประวิตร(หนองบ่อ) บ้านหนองบ่อ ตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีส่วนราชการในอำเภอมารอต้อนรับและประชาชนมารอรับบริการเป็นจำนวนมาก


ซึ่งการออกหน่วยจังหวัดเคลื่อนที่ในครั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หลังจากนั้นได้มี การมอบทุนการศึกษาและชุดนักเรียนให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนและสภากาชาด จังหวัดบึงกาฬได้มอบถุงยังชีพและเวชภัณฑ์ให้กับประชาชน จากนั้นได้เดินทางไปปล่อยปลาที่บริเวณสระของโรงเรียนเพื่อเลี้ยงเป็นโครงการ อาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนและร่วมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใน โรงเรียน จากนั้นได้เดินพบปะประชาชน ตรวจเยี่ยมบูธที่หน่วยงานต่างๆออกให้บริการเช่นสาธารณสุขออกตรวจสุขภาพ ปศุสัตว์ บริการทำหมัน รักษาสัตว์และจำหน่ายไข่ไก่ราคาถูก ธกส.ให้บริการฝากและเงินพร้อมทั้งมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกร พาณิชจังหวัดออกร้านจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และหน่วยงานราชการอื่นๆที่ออกบูธบริการให้ความรู้และคำปรึกษาต่างๆ เมื่อตรวจเยี่ยมบูธและพบปะประชาชนเสร็จก็ได้เข้าประชุมหัวหน้าส่วนระดับ จังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอบุ่งคล้าเพื่อรับฟังปัญหาซึ่งปัญหาที่ปัญหาที่ทางตำบล โคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้าได้นำเสนอคือปัญหาน้ำดื่มไม่เพียงพอ ปัญหาแหล่งเพื่อการเกษตรไม่เพียงพอ ปัญหากระแสไฟฟ้าในหมู่บ้านและเข้าพื้นที่ทำการเกษตรไม่เพียงพอ ถนนเข้าสู่พื้นที่การเกษตรชำรุดและถนนคสล.ในหมู่บ้านมีขนาดเล็กรถไม่สามาร วิ่งสวนทางกันได้ ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละ เรื่องลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาและหาทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือด ร้อนอย่างเร่งด่วนต่อไป

สิ่งแวดล้อมภาค 9 ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบึงกาฬลงพื้นที่ตรวจร้านรับซื้อของเก่า

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 อุดรธานี ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬพร้อมด้วยคณะกรรมการ ตรวจประเมินร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวจังหวัดบึงกาฬลงพื้นที่ตรวจประเมิน ร้านรับซื้อของเก่าในเขตพื้นที่จังหวัดบึงกาฬตามโครงการร้านรับซื้อของเก่า สีเขียวจังหวัดบึงกาฬ ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 18-21 มิถุนายน 2556


ซึ่งโครงการร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวจังหวัดบึงกาฬจัดขึ้นโดยมีวัตถุ ประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าให้มีระบบ การจัดการร้านที่ดีไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่ตั้ง ของร้านและเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูร้านรับซื้อของเก่าที่มีระบบการจัดการ ร้านที่ดีมีประสิทธิภาพต่อสาธารณชน โดยโครงการนี้เกิดขึ้นจากสำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้จังหวัดบึงกาฬสนับสนุนกรมควบคุมมลพิษและสำนัก งานสิ่งแวดล้อมภาค 9 จังหวัดอุดรธานี ดำเนินโครงการสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งจะมีกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการประกอบด้วย 1.การลดการใช้ซ้ำและแปรรูปกลับมาใช้ใหม่ 2.ร้านรับซื้อของเก่าสีเขียว 3. การเรียกคืนวัสดุอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน 4.การสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการของเสียอันตรายชุมชน 5.การจัดทำระบบข้อมูลและเครือข่ายข้อมูลด้านการจัดการขยะมูลฝอย 6.การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน สำหรับกิจกรรมการรับซื้อของเก่าสีเขียวที่คณะกรรมการลงพื้นที่ในครั้งนี้มี รายละเอียดขั้นตอนการดำเนินโครงการคือเริ่มตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลร้านรับ ซื้อของเก่าสีเขียวในทุกพื้นที่ของจังหวัด และรับสมัครร้านรับซื้อของเก่าเข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีร้านรับซื้อของเก่าในจังหวัดบึงกาฬเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 17 แห่ง การประชุมชี้แจงคณะกรรมการตรวจประเมิน และจัดอบรมผู้ประกอบการให้ดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมควบคุม มลพิษกำหนด มีการออกตรวจแนะนำปรับปรุงร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวครั้งที่ 1 และการตรวจประเมินผลให้คะแนนครั้งที่ 2 รวมถึงการพิจารณารับรองร้านรับซื้อของเก่าที่ผ่านเกณฑ์ประเมินรวมถึงการรับ มอบรางวัลระดับภาคและระดับประเทศตามลำดับ

สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดบึงกาฬ ประชุมคณะทำงานด้านการเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ สนับสนุนภารกิจด้านการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดบึงกาฬ

วันนี้ (17 มิถุนายน 2556 ) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ได้มีการประชุมคณะทำงานด้านการเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำ จังหวัดบึงกาฬ

นายมงคล มณีกิจ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดบึงกาฬ ประธานการประชุม กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการชี้แจงถึงบทบาทภารกิจของคณะทำงานฯ ซึ่งมีหน้าที่ ในการวางแผนประชาสัมพันธ์ จัดทำเผยแพร่ข่าวสารตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเป้าหมายทราบโดยประสานกับส่วนราชการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน กำหนดช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้ส่งข้อมูลข่าวสาร ข้อคิดเห็น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล หน่วยงาน องค์กร ขั้นตอนการปฏิบัติในการสรรหาและคัดเลือกกรรมการ ป.ป.จ. ให้สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัด และจัดทำรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ และดำเนินการในขั้นตอนต่อไปให้ประชาชนทราบทุกระยะ คณะทำงานชุดดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้แทน จาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนจาก สวท.บึงกาฬ ประธานชมรมสื่อมวลชนบึงกาฬ ประธานชมรมวิทยุชุมชน และผู้แทนจาก กกต.บึงกาฬ ซึ่งจะมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง


นายมงคล มณีกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่าการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำ จังหวัดบึงกาฬ จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี พ.ศ. 2556

ผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่บึงกาฬเปิดประชุมคณะกรรมการธรรมมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 เวลา 13.00 น.นางสมลักษณ์ ส่งสมพันธ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขตตรวจราชการที่ 10 ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬ (ก.ธ.จ. บึงกาฬ) ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬชั้น 2 การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ ก.ธ.จ. บึงกาฬ ที่ประชุมมีมติที่จะจัดสัมมนาเพื่อรับมอบนโยบายจากรัฐบาลในการขับเคลื่อนธร รมาภิบาลจังหวัดบึงกาฬ โดยในส่วนของการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ ก.ธ.จ.นั้น สวท.บึงกาฬได้จัดสรรเวลาในการผลิตรายการของ ก.ธ.จ.บึงกาฬให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. – 10.30 น.เป็นเวลา 30 นาที ซ่งจะทำให้ประชาชนทราบความเคลื่อนไหวการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. บึงกาฬ อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ทั้งนี้การจัดรายการวิทยุครั้งแรกจะเริ่มประมาณเดือน กรกฎาคม 2556 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ ยังได้ร่วมการประชาสัมพันธ์งานของ ก.ธ.จ. บึงกาฬ โดยการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อมวลชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเปิด แบนเนอร์พิเศษของ ก.ธ.จ. บึงกาฬเพื่อเผยแพร่ผลงานโดยเฉพาะทางเว็ปไซด์ของสำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดบึงกาฬอีกด้วย


คณะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรียังได้เดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านดอนปอ หมู่ที่ 3 ตำบลหนองเข็ง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เพื่อตรวจดูการแก้ปัญหาภัยแล้งของจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการจัดซื้อถังบรรจุน้ำ การพัฒนาเส้นทางการส่งน้ำ ขุดเจาะบ่อบาดาล การจัดหารถบรรทุกเครื่องสูบน้ำระยะไกล รวมทั้งการจ้างแรงงานราษฎรในพื้นที่ทำฐานรองรับถังบรรจุน้ำกลาง ซึ่งประชาชนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก

วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬจัดอบรมผู้ปฏิบัติศาสนพิธีเพื่อรักษาเพื่อรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามสืบไป

( 14 มิถุนายน 2556) เวลา 10.00 น. นายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬเดินทางไปทำพิธีปิดโครงการถวายความรู้แด่พระ ภิกษุสงฆ์และไวยาวัจกรและร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ณ วัดอรัญญานี ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ และมีนายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมได้เดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานโครงการดัง กล่าวด้วย


นายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ ได้กล่าวว่าการจัดโครงการถวายความรู้แด่พระภิกษุสงฆ์และไวยาวัจกรประจำปีงบ ประมาณ 2556 มีขึ้น 2 วันคือในวันที่ 13 และ 14 มิถุนายน 2556 เพื่อถวายความรู้ด้านศาสนพิธีประเภทต่างๆเช่น งานพระราชพิธี งานพระราชกุศล งานรัฐพิธี และงานราษฎ์พิธี เป็นต้น แด่พระภิกษุสงฆ์และไวยาวัจกรในจังหวัดบึงกาฬให้เป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน นอกจากนั้นยังเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของพระภิกษุสงฆ์และไวยาวัจกรใน จังหวัดบึงกาฬเองและพระภิกษุสงฆ์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เดิน ทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ด้านศาสนพิธีและการสวดเจริญพระ พุทธมนต์แบบพื้นเมือง เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูการเจริญพระพุทธมนต์แบบพื้นเมืองคือสวดชัยน้อยอันเป็นมรดกทางศาสนาและ วัฒนธรรมที่ล้ำค่าให้คงอยู่สืบไป ซึ่ง การอบรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ปฏิบัติงานด้านศาสนพิธี ประกอบด้วยพระภิกษุสงฆ์ในจังหวัดบึงกาฬจำนวน 108 รูปและไวยาวัจกรทุกอำเภอ ทุกตำบลในจังหวัดบึงกาฬจำนวน 119 คน นอกจากนี้แล้วสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬยังได้จัดให้มีการสวดเจริญพระ พุทธมนต์แบบพื้นเมืองคือสวดชัยน้อยเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระ เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถอีกด้วย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬจัดการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย คัดเลือกตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมแข่งขันระดับประเทศ

วันนี้ (12 มิ.ย. 56) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมวิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ สวท.บึงกาฬ จัดการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตยสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เยาวชนประชาธิปไตย ปีที่ 3 หรือ Yong DPR Awards ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีนายเทวัญ สรรค์นิกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน


นายสาโรช บุญบุตร ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันตอบ ปัญหาในครั้งนี้ว่าเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและกระตุ้นให้เยาวชนตระหนัก ถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงการแสดงออกทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและเหมาะสมและคัด เลือกตัวแทนของจังหวัดบึงกาฬเข้าร่วมการแข่งขันระดับภาค และระดับประเทศต่อไป สำหรับโรงเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้มีทั้งหมด 10 แห่ง ๆ ละ 3 คน ประกอบด้วย, วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬจำนวน 2 ทีม , โรงเรียนบึงกาฬ, วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจรักไทย, โรงเรียนหนองเข็งวิทยาคม , โรงเรียนศรีวิไลวิทยา, โรงเรียนเซกา, โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม, โรงเรียนปากคาดพิทยาคมและโรงเรียนพรเจริญวิทยาคม ซึ่งข้อสอบที่ใช้ในการแข่งขันในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนศรีวิลัยวิทยา , ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนบึงกาฬ , ทีมรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนปากคาดพิทยาคม ซึ่งทีมชนะเลิศการแข่งขันครั้งนี้จะได้เป็นตัวแทนของจังหวัดบึงกาฬ เข้าร่วมการแข่งขันระดับภาค ณ สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 1 จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 25 มิถุนายน 2556 และเพื่อคัดเลือกตัวแทนระดับภาคเข้าร่วมแข่งขันในระดับประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2556 ต่อไป

พัฒนาฝีมือแรงงานบึงกาฬจัดฝึกอบรมภาษาอังกฤษรองรับอาเซียน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 นายพลพัฒน์ ศรศักดา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬเป็นประธานในพิธีเปิด การอบรมหลักสูตร ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ตามโครงการพัฒนาขีดความสามารถของแรงงานไทยเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอา เซียน ณ ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดโดย ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดบึงกาฬ


นายสง่า วงศ์ษาพาน ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงานจังหวัดบึงกาฬได้กล่าวถึงการจัดอบรมภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารในครั้งนี้ว่าตามที่ทางจังหวัดได้มีนโยบายให้แต่ละ หน่วยงานมีการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน เพื่อรองรับการแข่งขันกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมองค์กรภาคราชการและกำลังแรงงาน ของจังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศ สปป.ลาวและในอนาคตจะมีการก่อสร้างสะพานเชื่อมต่อกันซึ่งจะมีชาวต่างชาติเดิน ทางมาที่จังหวัดบึงกาฬเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดบึงกาฬจึงได้จัดอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อ การสื่อสารขึ้นในวันนี้เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีทักษะในการใช้ภาษ อังกฤษและสามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างประเทศ องค์กรหน่วยงาน ภาคราชการ เอกชน ของประชาคมอาเซียนได้ การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ศาลเยาวชนและครอบ ครัวจังหวังกาฬ ศาลจังหวัดบึงกาฬ และภาคเอกชน จำนวน 26 คน โดยมีทีมวิทยากรที่เป็นชาวต่างชาติและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยว ชาญเรื่องภาษาอังกฤษมาฝึกอบรมให้ตลอดหลักสูตรระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน 2556 – 3 กรกฎาคม 2556 ฝึกอบรมทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดีเวลา 17.00-19.00 น. วันละ 2 ชั่วโมง รวม 30 ชั่วโมง

คุมประพฤติบึงกาฬเปิดค่ายพุทธธรรมนำชีวิต

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เดินทางไปเปิดกิจกรรมค่ายพุทธธรรมนำชีวิตสำหรับผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ติดยาเสพติดและบรรยายพิเศษเรื่องนโยบายการแก้ปัญหาและปราบปรามยาเสพติด ณ วัดป่าบ้านพันลำ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ


สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบึงกาฬ สังกัดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยเฉพาะผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการเป็นรายบุคคลสำนัก งานคุมประพฤติจังหวัดบึงกาฬร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมได้จัดกิจกรรมค่ายพุทธธรรมนำชีวิตขึ้นเพื่อฝึกปฏิบัติตาม หลักพระพุทธศาสนาตามแนวทางการแก้ไขฟื้นฟูคืนคนดีสู่สังคม ทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการพื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้ปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ เรียนรู้ พัฒนาขัดเกลาจิตใจ พัฒนาทางความคิดและทัศนคติเพื่อกลับตัวเป็นคนดีของสังคม โดยมีพนักงาน เจ้าหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือ ดูแลให้คำปรึกษา แนะนำ ตลอดจนสงเคราะห์ เพื่อให้ผู้กระทำผิดเหล่านั้นได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของตัวเองและเป็นการ เสริมสร้างทัศนคติที่ดีและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างปกติสุข โดยไม่หวนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษและกระทำความผิดขึ้นใหม่อีก การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพ ติที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบึงกาฬจำนวน 120 คน

เหล่ากาชาดมหาสารคาม ออกรับบริจาคโลหิตที่ ม.มหาสารคาม

เหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับโรงพยาบาลมหาสารคาม ออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ปริมาณโลหิต รวม 44,100 ซีซี

ที่ลานชั้น 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับโรงพยาบาลมหาสารคาม ออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตขึ้น เพื่อให้คณาจารย์ บุคลากร และนิสิต ได้ร่วมสร้างบุญกุศล โดยเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2555 นอกจากนี้ ยังเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้มีผู้บริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสให้นิสิตได้มีโอกาสร่วมทำความดีสร้างบุญกุศลด้วยการบริจาคโลหิต ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ในการให้ความช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย/ บาดเจ็บ ที่ต้องการโลหิตตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที

การบริจาคโลหิตครั้งนี้ มีคณาจารย์ นิสิต บุคลากร จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และประชาชนให้ความสนใจ มาร่วมบริจาคโลหิตจำนวน 98 คน ได้ปริมาณโลหิตรวม 44,100 ซีซี




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

เปิดศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงานอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย

รองปลัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เปิดศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ใช้แรงงาน

วันนี้เวลา 09.45 น. 25 มิถุนายน 2556 ณ หอประชุมอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม นายพูลศักดิ์ เศรษฐนันท์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ได้เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ในพิธีเปิดศูนย์ศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ใช้แรง งานในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและเขตพื้นที่จังหวัดข้างเคียง

กระทรวงแรงงานตระหนักในปัญหาการเข้าถึงบริการด้านแรงงานของประชาชนในพื้นที่ ห่างไกลที่ยากต่อการเข้าถึงบริการทั้งในพื้นที่ปกติและพื้นที่เสี่ยงภัย เป้าหมายของกระทรวงแรงงานประชากรวัยแรงงานต้องได้รับบริการอย่างทั่วถึง ดังนั้น กระทรวงแรงงาน โดยศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงานของทุก จังหวัดได้มีแผนการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงานในพื้นที่ปกติ และมีเป้าหมายจัดตั้งให้ครอบคลุมทุกจังหวัดภายในปี พ.ศ. 2558 อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง ปัจจุบันจัดตั้งแล้ว 55 จังหวัด สำหรับพื้นที่อันตรายเสี่ยงภัยจะมี "โครงการจ้างบัณฑิตอาสา” ทำหน้าที่นำบริการสู่ประชาชน

ซึ่งศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ วันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ครั้งนั้นใช้ชื่อว่า "ศูนย์บริการประชาชนกระทรวงแรงงาน” ซึ่งเป็นโครงการจังหวัดนำร่อง โดยมีอาสาสมัครแรงงานแกนนำประจำตำบลหมุนเวียนมาให้บริการประชาชนเป็นประจำ ทุกวันราชการ และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 จึงได้พัฒนาจัดตั้งเป็นศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อยู่ 1คน ศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงานอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย มีการให้บริการตามภารกิจกระทรวงแรงงาน ครอบคลุมเกือบทุกภารกิจ เช่น การให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านแรงงาน การรับสมัครงาน การประกันสังคม การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานการรับสมัครฝึกทักษะ พัฒนาฝีมือ       

พิธีเปิดศูนย์บริการ่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย วันนี้มีกิจกรรมต่างๆเช่น การออกร้านนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัด/ การสาธิตอาชีพอิสระและการจัดจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มอาชีพต่างๆที่ได้รับการ สนับสนุนส่งเสริมโดยยจังหวัดมหาสารคามและกระทรวงแรงงาน/ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้า โดยสำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม/ การจัดจำหน่ายสิ้นค้า OTOP จากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย การจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพที่ส่งเสริมสนับสนุนโดย กศน. อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ประมาณ 1,200 คน ตามคำขวัญของศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย "ศบร. พยัคฆภูมิพิสัย บริการฉับไว ถูกใจ ใกล้บ้าน”




ภาณุวัชร คนเชี่ยว สปชส. มค.

ขนส่งจังหวัดมหาสารคามจัดอบรมเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัดมหาสารคาม

25-06-56 ที่โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคามสํานักงานขนส่งจังหวัดมหาสารคามจัดอบรมโครงการเสริมสร้าง ศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัดมหาสารคาม ประจําปีงบประมาณ 2556 เพื่อเพิ่มพูนความรู้สำหรับพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการและรณรงค์ป้องกัน ลดอุบัติเหตุทางถนน

นายสตวัน มะโนเครื่อง ขนส่งจังหวัดมหาสารคามกล่าวในการเปิดการอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพ พนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัดมหาสารคาม ประจําปีงบประมาณ พ.ศ 2556 ซึ่งสํานักงานขนส่งจังหวัดมหาสารคามได้ดําเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพิ่มพูนความรู้ความจําเป็นสําหรับพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัด มหาสารคามเพื่อปลูกจิตสํานึกด้านความปลอดภัย ความสําคัญของการเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนน เพื่อขยายเครือข่ายด้านความปลอดภัยในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยได้รับความร่วมมือจากพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัดมหาสารคาม จํานวนกว่า 200 คนโดยมีวิทยากรจากตํารวจภูธรเมืองมหาสารคาม วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามมาให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

บสย.จัดกิจกรรมสร้างความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเอสเอ็มอีเสริมสภาพคล่องธุรกิจ จ.มหาสารคาม

บสย.จัดกิจกรรมสร้างความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเอสเอ็ม อีเสริมสภาพคล่องธุรกิจ จ.มหาสารคาม สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสร้างโอกาสให้แก่สมาชิกในการขอรับคํา ปรึกษา คําแนะนําที่มีประโยชน์ เพื่อให้ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้เพิ่มมากขึ้นและง่ายขึ้น
 
25-06-56 ที่ห้องโกสัมพี โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคามบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส) จัดกิจกรรมสร้างความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเอสเอ็มอีเสริม สภาพคล่องธุรกิจ จ.มหาสารคาม นางปิยะธิดา ตั้งวิไลเสถียร ผู้ช่วยผู้จัดการสํานักงานสาขานครราชสีมา กล่าวในการแถลงข่าวโครงการฯว่าในปี 2556 บสย.สํานักงาน นครราชสีมาจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องรวมถึงให้การสนับสนุนกิจกรรมที่มีประโยชน์ซึ่ง กันและกันเพื่อรับทราบปัญหาและข้อจํากัดของผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นสมาชิกของ หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สามารถนําข้อมูลมากําหนดแนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ บสย. เพื่อสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสร้างโอกาสให้แก่สมาชิกในการขอรับคํา ปรึกษา คําแนะนําที่มีประโยชน์ เพื่อให้ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้เพิ่มมากขึ้นและง่ายขึ้น
 

ด้านนนายณรงค์ เหล่าสุวรรณ ประธานหอการค้าจังหวัดมหาสารคามกล่าวว่าจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดขนาด เล็กการขยายตัวของอุตสาหกรรมแต่ก่อนไม่ค่อยมีการขยายตัวมากนักแต่ในปัจจุบัน การคมนาคมขนส่งสะดวกทําให้มีการค้าการลงทุนภายในจังหวัดเพิ่มมากขึ้นแต่ยัง ขาดแหล่งเงินทุนสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ SMEs ภายในจังหวัดฯ สำหรับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวงการคลัง ทําหน้าที่คํ้าประกันสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ดีแต่ขาดหลักทรัพย์ในการขอกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อเพียงพอต่อความต้องการขณะเดียวกันเป็น การสร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินในการปล่องสินเชื่อให้แก่ผู้ประการ SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ม.มหาสารคาม จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดให้มีการปลูกต้นไม้ ในโครงการวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2556 ณ บริเวณหน้าคณะเทคโนโลยีและด้านข้างอาคารบริการนิสิต เพื่อให้ บุคลากร และนิสิต มหาวิทยาลัยได้บำเพ็ญประโยชน์ สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ที่บริเวณหน้าคณะเทคโนโลยีและด้านข้างอาคารบริการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำบุคลากร และนิสิต มหาวิทยาลัย ร่วมปลูกต้นไม้ ในโครงการวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2556 เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยทรัพยากรป่าไม้ของชาติ และเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรมหาวิทยาลัยได้เห็นคุณค่าในการบำรุง รักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนเป็นการฟื้นคืนสมดุลให้ระบบนิเวศน์ให้ยั่งยืนในระยะยาว สร้างความสมัครสมานสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรมหาวิทยาลัย มหาสารคาม โดยมีผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนิสิต เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน ทั้งนี้ ต้นไม้ที่นำมาปลูกในครั้งนี้ ได้แก่ ต้นกัลปพฤกษ์ จำนวน 170 ต้น

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ยังสร้างประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทั้งคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตจะได้มีความร่มรื่นและส่งเสริมการพัฒนาภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคามให้สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย มุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว รวมทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้พลังงานในด้านต่างๆ ทั้งยังเป็นการลดภาวะโลกร้อน ด้วย




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหารเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเหล่ากาชาดจังหวัดภาค ๗

วันนี้ (๒๕ มิ.ย. ๕๖) ณ ห้องดุสิตา โรงแรมมุกดาหารแกรนด์ โฮเทล นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดการประชุมเหล่ากาชาดจังหวัด ภาค ๗ ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ รวมทั้งกิ่งกาชาดอำเภอ กำหนดให้มีการประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เพื่อสรุปผลการดำเนินงานของเหล่ากาชาดจังหวัด ภาค ๗ ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน ๒๕๕๖ ของแต่ละเหล่ากาชาดจังหวัดให้กรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดได้รับทราบโดยทั่ว กัน

นางสุธิดา บุญประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมเหล่ากาชาดจังหวัดภาค ๗ เพื่อให้คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด สมาชิก เจ้าหน้าที่ ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ ทัศนคติ ร่วมกันเพื่อให้เกิดความรักสามัคคี ความสมานฉันท์ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในการทำงานอันจะสามารถสนับสนุนช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีและจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจของเหล่า กาชาดจังหวัดในภาค ๗ ยิ่งขึ้น




 
 พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารมอบเกียรติบัตรแก่นักเรียนและคณะทำงานโครงการ“Football For All in Vietnam Cup ๒๐๑๓”

วันนี้ (๒๖ มิ.ย. ๕๖) ณ ห้องประชุม ๑ สพป.มุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน มอบเกียรติบัตรแก่นักเรียนและคณะทำงานโครงการแข่งขันกีฬานักเรียน "Football For All in Vietnam Cup ๒๐๑๓ " ด้วยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเถือเทียนเว้ ร่วมกับแผนกการศึกษาและฝึกอบรมเถือเทียนเว้และสมาพันธ์กีฬาฟุตบอลนอร์เวย์ใน เวียดนาม ได้เชิญจังหวัดมุกดาหารจัดส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ในปี ๒๕๕๖ ผู้จัดกำหนดกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ ๓,๐๐๐–๔,๐๐๐ คน จาก ๓ ประเทศ คือ เวียดนาม ลาวและไทยและจังหวัดมุกดาหารจัดส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน ๓ ทีม รุ่นอายุ ๑๒ ปี ชาย ๑ ทีม หญิง ๑ ทีมในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร รุ่นอายุ ๑๕ ปี ชาย ๑ ทีม(นักเรียนพิการจากโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดมุกดาหาร) มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด ๓๖ คน ครูผู้ฝึกสอน ผู้บริหารการศึกษา คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ ร่วมเดินทาง ๓๓ คน

ผลการแข่งขันกีฬา ทีมนักกีฬาจากประเทศไทยได้รับคำชมเชย และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่มี วินัยและมีทักษะความสามารถด้านกีฬาที่ดีเยี่ยมชนะเกือบทุกแมทการแข่งขัน ทั้งนักเรียนปกติและนักเรียนพิการทุกคนมีความสุขกับการได้เข้าร่วมกิจกรรม



 
นายพิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

นายสุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

ตำรวจภูธรมุกดาหารปล่อยแถว ระดมกวาดล้างอาชญากรรม เตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเยือนจังหวัดมุกดาหาร

หน้าสถานีตำรวจ เมืองมุกดาหาร พันตำรวจเอกอุกกฤษฎ์ ทรงชัยสงวน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหารในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินให้กับประชาชน และเป็นการเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเยือนจังหวัดมุกดาหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร เจ้าหน้าที่เทศกิจและเครือข่ายผู้ประสานพลังแผ่นดิน ๓๔ ชุมชน เทศบาลเมืองมุกดาหาร ตำรวจอาสาตำบลบางทรายใหญ่ ตำบลคำอาฮวน และตำบลนาสีนวน ในจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมในการปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมครั้งนี้กว่า ๓๐๐ นาย

ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นยำการปราบปรามยาเสพติด อาวุธสงครามและภัยต่อความมั่นคงของชาติและคดีค้างเก่าที่ยังหลบหนี และยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาเยือนจังหวัดมุกดาหาร ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกับให้มีการสอดส่อง สิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท เพื่อความสงบของประชาชนในพื้นที่





 ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ยโสธรอบรมข้าราชการพลเรือน

จังหวัดยโสธรจัดประชุมสัมมนาการเสริมสร้างจริยธรรมข้าราชการที่ดีศรียโสธร ที่ โรงแรมเจ.พี.เอ็มเมอรัลด์ จังหวัดยโสธร นายจรรยา สุคนธ์คันธชาติ ปลัดจังหวัด ยโสธร เป็นประธานเปิดประชุมสัมมนาการเสริมสร้างจริยธรรมข้าราชการที่ดีศรียโสธร โดยสำนักงานจังหวัดยโสธร จัดสัมมนาขึ้น เพื่อให้ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนทุกตำแหน่งมีหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติราชการแผ่นดินในส่วนที่ตนรับผิดชอบให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่สังคม และประเทศชาติ ข้าราชการพลเรือนทุกคน จำเป็นต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ดังนั้นจังหวัดยโสธรโดยคณะกรรมการจริยธรรมประจำจังหวัดร่วมกับสำนักงาน กพ. จึงได้ดำเนินการจัดประชุมสัมมนาขึ้นในนครั้งนี้/โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้/ความเข้าใจในเจตนารมณ์ของประมวลจริยธรรมข้าราชการ พลเรือน/ เพื่อให้ส่วนราชการมีแนวทางปฏิบัติ/ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือนได้ อย่างเป็นรูปธรรม / เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม/และสร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนประมวล จริยธรรมข้าราชการพลเรือน/และเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม การประชุมสัมมนาในวันนี้/มีผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา/ประกอบด้วยหัวหน้าส่วน ราชการ/และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการประจำจังหวัดยโสธร/จำนวน 100 คน

ยโสธรชี้แจงแรงงานต่างด้าว

ยโสธรชี้แจงแรงงานต่างด้าว การนำเข้าสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา ที่ หอประชุม ที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร นายจรรยา สุคนคันธ์ชาติ ปลัดจังหวัด เป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา โดยมี นายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวเข้าร่วมรับฟังจำนวนกว่า 100 คน การประชุมวันนี้มีการชี้แจงถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมประกาศแจงให้นายจ้างทราบถึงการขยายระยะเวลาการผ่อนผันให้แรงงาน ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ลักลอบทำงานอยู่กับนายจ้างในประเทศไทย รวมทั้งบุตรของแรงงานต่างด้าวดังกล่าวที่อายุไม่เกิน 15 ปี ให้มาขอจดทะเบียนถึงวันที่ 13 เมษายน 2556

ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนลงพื้นที่ยโสธร

ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่ยโสธรเปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านวิชาการ ที่โรงแรม เดอะกรีนปาร์คแกรนด์ อ.เมืองยโสธร จังหวัดยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ นางชูสม รัตนนิตย์ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ในเขตตรวจราชการที่ 13 ในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานเปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านวิชาการ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธรดำเนินการจัดขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนมีความรู้เรื่องหลักวิชาการมากขึ้น ซึ่งได้รับเกียรติ จากมีด.ร ขนิฏฐา กาญจนรังสีนนท์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนร่วมเป็นวิทยากรให้คำปรึกษาด้านวิชาการ ในประเด็นด้านยุทธศาสตร์ OTOP และการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดยโสธร,อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ,อำนาจเจริญและร้อยเอ็ด และคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดยโสธร รวมมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 310 คน 

สระแก้วสร้างพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด

ที่ อาคารเอนกประสงค์เทศบาลวังน้ำเย็น อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดกิจกรรม "วันต่อต้านยาเสพติดโลก”  โดยมีนายธรรมศักดิ์  รัตนธัญญา นายอำเภอวังน้ำเย็นเป็นผู้กล่าวรายงาน

กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นโดยศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอำเภอ วังน้ำเย็นบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกหน่วยงานในพื้นที่ ได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิเช่น  เวทีเสวนาหาทางออกในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่วังน้ำเย็น กิจกรรมวาดภาพประกวด นิทรรศการต่อต้านยาเสพติด และการมอบธงสัญลักษณ์และป้ายหมู่บ้านสีขาวปลอดยาเสพติดให้แก่หมู่บ้านที่มี ผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็งและได้ผ่านการ ประเมินความเข้มแข็งให้เป็นหมู่บ้านสีขาวปลอดยาเสพติด จำนวน 63 หมู่บ้าน และยังเหลืออีก 21 หมู่บ้านที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะเป็นหมู่บ้านสีขาว

นายธรรมศักดิ์  รัตนธัญญา นายอำเภอวังน้ำเย็น เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดสระแก้ว ได้มอบหมายให้ทุกอำเภอจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก เพื่อรณรงค์ กระตุ้นจิตสำนึกของประชาชนให้ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติดและเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอำเภอวังน้ำเย็นเป็นองค์กรกลางในการบูรณาการให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่ หันมาผลึกกำลังร่วมกันในการต่อสู้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องจึงได้จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้นมา


นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า การป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ ได้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแต่ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้อง อาศัยความร่วมมือของทุกๆฝ่ายเพื่อมาช่วยกันแก้ และหยุดยั้งการแพร่ระบาด ซึ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้นเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น  ต้องมีการรณรงค์และการป้องกันอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบผลสำเร็จ  ปัญหายาเสพติดนี้อาจจะไม่หมดไปอย่างเด็ดขาดแต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถ ยับยั้งยั้งยาเสพติดไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้มีการป้องกันละรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อ คุณภาพในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพต่อไป   

สระแก้วสร้างความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานของสภาวัฒนธรรมตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553

ที่ ห้องประชุมปางสีดา ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว ตำบลท่าเกษม อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว นายวินัย  วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดการประชุมสภาวัฒนธรรมเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติ งานของสภาวัฒนธรรม จังหวัดสระแก้ว ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 โดยมีนายสมเกียรติ  พันธรรม วัฒนธรรมจังหวัดสระแก้วเป็นผู้กล่าวรายงาน  การประชุมในวันนี้เป็นการสร้างความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานของสภาวัฒนธรรม จังหวัดสระแก้ว ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง  เพื่อให้สภาวัฒนธรรมในทุกระดับได้รับทราบเกี่ยวกับบทบาท  หน้าที่ ความสำคัญของการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมและแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับ ภารกิจและความต้องการของท้องถิ่น โดยทางจังหวัดสระแก้ว ได้ดำเนินการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมจำนวนทั้งสิ้น 69 แห่ง โดยแบ่งเป็นสภาวัฒนธรรมตำบล/เทศบาล 59 แห่ง สภาวัฒนธรรมอำเภอ 9 แห่งและสภาวัฒนธรรมจังหวัด 1 แห่ง 


สภาวัฒนธรรมเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเวทีทางวัฒนธรรมของชุมชนใน รูปแบบที่หลากหลาย เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมได้แลกเปลี่ยนความรู้ ผนึกประสานกำลังในการแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนร่วมกัน บนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยปรัชญาที่ว่า วัฒนธรรมเป็นของประชาชนการดำเนินงานวัฒนธรรมให้บรรลุผลต้องให้ประชาชนผู้ เป็นเจ้าของวัฒนธรรมเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบดำเนินงานวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมจึงเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันและนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เกิด ผลอย่างเป็นรูปธรรม

สระแก้วจัดประชุมถวายความรู้ตามโครงการดูแลทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรมของชาติพระสังฆาธิการ

ณ วัดศาลาลำดวน อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี จัดการประชุมถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการและฆารวาสผู้สนับสนุนวัดในเขต จังหวัดสระแก้วตามโครงการดูแลทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรมของชาติของพระสังฆาธิ การโดยมีพระสิริวุฒิเมธี เจ้าคณะอำเภออรัญประเทศเป็นประธานในพิธีเปิดครั้งนี้และนายวิเศษ  เพชรประดับ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรีเป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งการจัดการประชุมในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พระสังฆาธิการและฆารวา สผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม ต่างๆโดยเฉพาะมรดกทางด้านโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางด้านศิลปกรรมที่อยู่ภายในวัด ตลอดจนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของวิธีการดำเนินงานด้าน อนุรักษ์และการดูแลรักษาทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรมของชาติตามหลักวิชาการ รวมทั้งทราบถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมเหล่า นี้ให้คงอยู่สืบไป