นายสงคราม ขำตันวงษ์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภาค 4 เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันชกมวยมิตรภาพไทย-ลาว ศึกวันรวมใจสองฝั่งโขง ครั้งที่ 12 ที่โรงเรียนเชียงคาน อำเภอชียงคาน จังหวัดเลย ศูนย์เยาวชนอำเภอเชียงคาน นายจีรศักดิ์ ยายืน คณะกรรมการศูนย์เยาวชนอำเภอเชียงคาน กล่าวว่า การแข่งขันชกมวยครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านกีฬามวยระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2556 และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของศูนย์ฝึกกีฬามวย เยาวชนอำเภอเชียงคาน โดยได้เชิญค่ายมวยฝ่ายไทย และจากนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว รวม 8 คู่ ได้รับการสนับสนุนถ้วยรางวัลเกียรติยศจากนายจตุรงค์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 4 มอบเงินสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท หัวหน้าทีมนักมวยไทยไฟต์ จากอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี การเดินทางมาแข่งขันชกมวยจากนครหลวงเวียงจันทน์ นำคณะโดย ดร.บุนตา เทพพะวง รองหัวหน้าแผนกศึกษาและกีฬานครหลวงเวียงจันทน์ และคณะผู้จัดการแข่งขันชกมวยทางสถานีโทรทัศน์ลาวสตาร์ ผลการแข่งขันชกมวยทั้ง 8 คู่ ปรากฏว่า ฝ่ายไทยชนะ 5 คู่ ส่วนฝ่าย สปป.ลาวชนะ 3 คู่ โดยเป็นการชนะน็อกนักมวยไทย 2 คู่ โดยมีแฟนมวยและผู้สนใจเข้าชมกว่า 500 คน
วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ผู้ศรัทธานับหมื่นแห่ร่วมงานศพหลวงพ่อผจญ อสโม
หม่อมเจ้าหญิงมาลินีมงคล (ยุคล) อมาตยกุล ทรงเสด็จเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทำพิธีประชุมเพลิงเผาสรีระสังขารหลวงพ่อผจญ อสโม ประธานสงฆ์ พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ วัดป่าสิริปุญญาราม บ้านหมากแข้ง หมู่ 9 ตำบลหนองงิ้ว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยมีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย เขต 3 นางนันทนา ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย เขต 2 หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ลูกศิษย์ พระเถระ พระลูกวัด ประชาชน พุทธศาสนิกชนชาวไทยจากทั่วสารทิศ ที่เคารพสักการะกว่า 2 หมื่นคน เดินทางมาร่วมสักการะอาลัย ท่ามกลางการจราจรติดขัด ต้องลงจากรถเดินด้วยเท้าเข้าวัดระยะ 5 ก.ม. แต่ไม่สามารถลดแรงศรัทธาและความตั้งใจมาร่วมไว้อาลัยครั้งนี้ โดยมีพระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย บนเนื้อที่วัดสิริปุญญาราม กว่า 70 ไร่ แออัดไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาร่วมพิธีต่างนุ่งขาวห่มขาว ผู้ใหญ่บ้างจูงลูกจูงหลาน หรือจูงผู้สูงอายุ ด้วนสีหน้าด้วยความมุ่งมั่น โรงทานนับร้อยเปิดให้บริการตั้งแต่เช้ามืด บางคณะเดินทางมาเปิดโรงทานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่นำศพของหลวงพ่อผจญ อสโม ที่ละสังขารจากโรคมะเร็ง เมื่อวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 แรม 9 ค่ำ เดือน 8 เวลา 21.10 น. ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาปิ่นเกล้า กรุงเทพมหานคร รวมสิริอายุได้ 70 ปี 6 เดือน พรรษา 48 พรรษา พระเถระ พระลูกวัดที่ศรัทธา เดินทางมาลงทะเบียนร่วมงานกว่า 1,000 รูป หม่อมเจ้าหญิงมาลินีมงคล (ยุคล) อมาตยกุล ท่านเคยมาปลูกบ้านพักที่บ้านขอนแก่น ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งอยู่ใกล้วัดป่าสิริปุญญาราม ระยะทางเพียง 10 ก.ม. เลื่อมใสในวัตรปฏิบัติ เป็นพระป่าฝ่ายธรรมยุต สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง ที่ละสังขารไปแล้วเช่นกัน หลังจากบวชครั้งแรกมักน้อยสันโดษ เรียบง่าย พอเพียง ไม่สะสมทรัพย์ หลังทราบข่าวจึงเดินทางมาร่วมพิธี ระหว่างพิธีดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หลังพิธีทางศาสนาเสร็จเรียบร้อย พอเริ่มให้แขกผู้มีเกียรติถวายผ้าบังสุกุล และวางไม้หอม พร้อมดอกไม้จันทน์บนเมรุต่อหน้าศพ ท้องฟ้ากลับสว่างไสว เหมือนไฟสปอร์ตไลท์พุ่งลงมาที่เมรุ พร้อมทั้งมีลมกรรโชกเบา ๆ เป็นช่วง ๆ แต่ไม่มีฝน ทั้งที่เมื่อวานนี้ตลอดจนถึงเที่ยงก่อนพิธีเริ่ม ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆ มีฝนตกลงมาปรอย ๆ ตลอดทั้งคืน สร้างความอัศจรรย์แก่ผู้มาร่วมงาน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีเทวดามาร่วมงาน ส่งศพครั้งนี้
สพป.เลย 2 จัดงาน "เด็กเก่งเลย 2 เปิดประตูสู่อาเซียน"
นายสุภชัย จันปุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "เด็กเก่งเลย 2 เปิดประตูสู่อาเซียน” ที่ลานเอนกประสงค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ถนนมลิวรรณ ตำบลศรีสงคาม อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยมีสถานศึกษาครู นักเรียน บุคลากรในสังกัดฯ และผู้ปกครองร่วมงานจำนวนมาก การจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุน การมีส่วนร่วม การจัดกิจกรรม เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ให้แก่ครู นักเรียน บุคลากรในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 และประชาชนทั่วไปได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับ การเมือง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งคณะกรรมการจัดงาน ดำเนินการให้มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การแสดงของนักเรียนที่ชนะเลิศการคัดเลือก เพื่อเข้าแข่งขันระดับภาคที่จังหวัดอุดรธานี กิจกรรมร้องเพลงชาติ, ท่องสูตรคูณ, การอ่านคล่องภาษาไทย และอ่านคล่องภาษาลาว, การประกวดแข่งขันตามโครงการค้นฟ้า คว้าดาว (Loei 2 got Talent ) ตลอดจนกิจกรรมด้านความรู้ความสามารถที่หลากหลาย นิทรรศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ของคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาต่างประเทศ การงานอาชีพ และเทคโนโลยีนิทรรศการอาเซียนสัญจร นิทรรศการโรงเรียนต้นแบบ และการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน นิทรรศการภาษาและวัฒนธรรมลาว และเวียดนาม การแสดงโปงลาง โดยนักศึกษาปริญญาโทเจ้าของประเทศ การประกวดแข่งขันทักษะวิชาการเกี่ยวกับอาเซียน ได้แก่การตอบปัญหาความรู้เกี่ยวกับอาเซียน การวาดภาพเกี่ยวกับอาเซียน และการแสดงกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียน
หน่วยงานราชการทุกภาคส่วนในจังหวัดศรีสะเกษ ยกทัพ ออกให้บริการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน ในถิ่นทุรกันดาร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกูฎราชกุมาร
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ส.ค.56 ณ
ที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ นายสนิท
ขาวสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ
และโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกูฎราชกุมาร
เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพการดำรงชีวิตของประชาชน
ตลอดจนฟื้นฟูความรู้ในเรื่องการเกษตรกร แบบครบวงจร
ให้กับประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร โดยมีนายบุญเกื้อ คุณาธารกุล
นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ นำประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ และ นาย สุรสิทธิ์
สิงห์พรพงศ์ เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ
กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ
ตลอดจนหน่วยงานราชการจากทุกภาคส่วนของจังหวัดศรีสะเกษ
ทื่เดินทางลงพื้นที่ออกให้บริการประชาชนในครั้งนี้
หลังกล่าวพิธีเปิดเสร็จสิ้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
ประธานในพิธี ได้มอบปัจจัยทางการเกษตร และถุงยังชีพให้กับตัวแทนเกษตรกร
และเยี่ยมชมนิทรรศการ กิจกรรมโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว
และกิจกรรมการออกหน่วยให้บริการของส่วนราชการต่างๆ ตลอดจนพบปะ
และถามถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่
นายสนิท กล่าวว่า การจัดโครงการ
โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ และโครงการบำบัดทุกข์
บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน
เป็นรูปแบบของการถ่ายทอดความรู้ในด้านการเกษตรซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชน
ในพื้นที่ ตลอดจนช่วยเหลือและแก้ไขความเดือดร้อน ของประชาชน
โดยการบูรณาการความร่วมมือกันของส่วนราชการทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัด
ศรีสะเกษ และมีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ การ พัฒนาความสุข
และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในดียิ่งขึ้น
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้ความรู้ประชาชนจังหวัดสระแก้ว
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่หอประชุมปางสีดา ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขตพื้นที่2 จัดสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "การมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ” โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธานเปิดการสัมมนาในครั้งนี้ โดยมี พ.ต.ท. ชัยวิณ เสมาทอง ผอ.สำนักงาน ปปท. เขตพื้นที่ 2 เป็นผู้กล่าวถึงวัตุประสงค์การสัมนาในวันนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐและเพื่อให้ประชาชนมีความตื่นตัวต่อปัญหาการทุจริตร่วมกัน โดยสร้างค่านิยมในการป้องกันและปรามปรามการทุจริตเหมือนเป็นกลไกเฝ้าระวังในการติดตาม ตรวจสอบแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ สายด่วยที่หมายเลข 1206 ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
พ.ต.ท. ชัยวิณ เสมาทอง เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ท.มีภารกิจอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการกำกับดูแลและผลักดันเพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการขจัดปัญหาการทุจริตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามเป้าหมายสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(สำนักงาน ป.ป.ช.)และเป็นศูนย์กลางประสานงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งกำหนดมาตรการต่างๆเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ดำเนินการในลักษณะบูรณาการและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พ.ต.ท. ชัยวิณ เสมาทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่สามารถทำได้โดยการบังคับใช้กฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีการบูรณาการจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีจิตสำนึกในการทำความดี มีความเสียสละ ทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในคุณงามความดีตามวิถีชีวิตแบบพอเพียง ต้องมีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบจึงได้จัดการสัมนาภาคประชาชนในวันนี้ขึ้นมาเนื่องจากปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเกิดขึ้นมานานและนับวันยิ่งแพร่หลายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐและเอกชนและมีความยากลำบากในการป้องกันและปราบปรามเป็นตัวบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศและความผาสุกของประชาชน
พ.ต.ท. ชัยวิณ เสมาทอง เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ท.มีภารกิจอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการกำกับดูแลและผลักดันเพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการขจัดปัญหาการทุจริตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามเป้าหมายสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(สำนักงาน ป.ป.ช.)และเป็นศูนย์กลางประสานงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งกำหนดมาตรการต่างๆเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ดำเนินการในลักษณะบูรณาการและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พ.ต.ท. ชัยวิณ เสมาทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่สามารถทำได้โดยการบังคับใช้กฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีการบูรณาการจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีจิตสำนึกในการทำความดี มีความเสียสละ ทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในคุณงามความดีตามวิถีชีวิตแบบพอเพียง ต้องมีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบจึงได้จัดการสัมนาภาคประชาชนในวันนี้ขึ้นมาเนื่องจากปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเกิดขึ้นมานานและนับวันยิ่งแพร่หลายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐและเอกชนและมีความยากลำบากในการป้องกันและปราบปรามเป็นตัวบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศและความผาสุกของประชาชน
สระแก้ว จัดงาน “แอโรบิกรวมพลคนรักแม่ 12 สิงหา มหาราชินี” ประจำปี 2556
วันที่ 13 ส.ค. 56 ที่โรงเรียนสระแก้ว นายชูศักดิ์ ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการรวมพลคนรักแอโรบิค "แอโรบิครวมพลคนรักแม่ 12 สิงหา มหาราชินี” ประจำปี 2556 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหาร อาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนสระแก้ว เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยจัดให้มีการเต้นแอโรบิคและการแข่งขันการเต้นแอโรบิค โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว
ดร.กิรดา ลำโครัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้ว โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว จัดทำโครงการรวมพลคนรัก แอโรบิค จังหวัดสระแก้ว "แอโรบิค รวมพลคนรักแม่ 12 สิงหา มหาราชินี” ประจำปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 และเพื่อส่งเสริม กระตุ้นให้เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปเห็นความสำคัญในการออกกำลังกาย อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายที่ดี รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเพื่อสร้างเสริมความรักสามัคคีในการทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งนี้ การออกกำลังกายเป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมสุขภาพ อันจะนำไปสู่การมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่ดีปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
ดร.กิรดา ลำโครัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้ว โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว จัดทำโครงการรวมพลคนรัก แอโรบิค จังหวัดสระแก้ว "แอโรบิค รวมพลคนรักแม่ 12 สิงหา มหาราชินี” ประจำปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 และเพื่อส่งเสริม กระตุ้นให้เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปเห็นความสำคัญในการออกกำลังกาย อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายที่ดี รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเพื่อสร้างเสริมความรักสามัคคีในการทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งนี้ การออกกำลังกายเป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมสุขภาพ อันจะนำไปสู่การมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่ดีปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
จังหวัดอำนาจเจริญประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี จังหวัดอำนาจเจริญ
นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อพุทธศักราช 2536 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2536 ยกฐานะจากอำเภออำนาจเจริญขึ้นเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ โดยให้แยกอำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม และกิ่งอำเภอลืออำนาจ (ปัจจุบันเป็นอำเภอลืออำนาจ) ออกจากการปกครองของจังหวัดอุบลราชธานีรวมกันขึ้นเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ และเนื่องจากจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดตั้งจะครบ 20 ปี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจังหวัดอำนาจเจริญ จึงมีมติจัดให้มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อให้ประชาชนได้เกิดความประทับใจและชื่นชม ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวจังหวัดอำนาจเจริญกำหนดจัดงานประเพณีฮีตสิบสองและงานกาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ ประจำปี 2556 ดังนั้นเพื่อให้การจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยิ่งใหญ่สมดังเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงได้ประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อพิจารณาหาแนวทางการจัดกิจกรรม และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 จังหวัดอำนาจเจริญจึงได้จัดให้มีพิธีอุปสมบทพระภิกษุสามเณร เฉลิมพระเกียรติ ในงานดังกล่าวด้วย
จรูญ พิตะพันธ์ / ข่าว
ผู้ทรงคุณวุฒิ สสค.ติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการยกระดับพัฒนาการเรียนรู้ระดับจังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ คณะผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) นำโดย นายนคร ตังตะพิภพ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมพบปะคณะกรรมการฯ และติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการยกระดับการพัฒนาการเรียนรู้ ระดับจังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีนายนรงฤทธิ์ จันทรเนตร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมคณะกรรมการให้การต้อนรับและร่วมประชุมรายงานสรุปผลการดำเนินงานให้ทราบ ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ
ทั้งนี้ จากการที่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ได้ดำเนินโครงการ "ยกระดับพัฒนาการเรียนรู้ ระดับจังหวัดกับจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นจังหวัดที่มีกระบวนการคัดเลือกครูสอนดีดีเด่น ๑๐ จังหวัด รวมทั้งจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมทั้งจัดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิสนับสนุน ติดตามประเมินผลโครงการ รับทราบปัญหา และให้คำปรึกษาแนะนำ สำหรับจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ จำนวน ๔ กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมการพัฒนาอาชีพเพื่อการมีงานทำ , กิจกรรมพัฒนาขีดความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ , กิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้สู่การเลิกยาเสพติดอย่างยั่งยืนของเด็กและเยาวชนจังหวัดอำนาจเจริญ , กิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในเด็กและเยาวชน รวมทั้งการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลจังหวัดอำนาจเจริญ
ในการประชุมพบปะกับคณะกรรมการระดับจังหวัดอำนาจเจริญ ของผู้ทรงคุณวุฒิ สสค. ในครั้งนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยสรุปความก้าวหน้าการดำเนินงานของแต่ละกิจกรรม ซึ่งแต่ละกิจกรรมต่างก็มีผลการดำเนินงานก้าวหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในเด็กและเยาวชน ซึ่งกำลังดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย คือ อำเภอหัวตะพาน โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ รับผิดชอบดำเนินรายการให้ข่าวสารความรู้ ผ่านราย "สสค.บอกกล่าวเล่าเรื่อง” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นรายการที่ประชาชนผู้รับฟังทางบ้านให้ความนิยมและร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการอย่างหนาแน่น โดยรายการจะมีทุกวันพุธ เวลา ๑๕.๑๐-๑๖.๐๐ น. สามารถติดตามรับฟังได้ที่ ระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ ๑๐๓.๒๕ เมกกะเฮิร์ซ
ทั้งนี้ จากการที่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ได้ดำเนินโครงการ "ยกระดับพัฒนาการเรียนรู้ ระดับจังหวัดกับจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นจังหวัดที่มีกระบวนการคัดเลือกครูสอนดีดีเด่น ๑๐ จังหวัด รวมทั้งจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมทั้งจัดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิสนับสนุน ติดตามประเมินผลโครงการ รับทราบปัญหา และให้คำปรึกษาแนะนำ สำหรับจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ จำนวน ๔ กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมการพัฒนาอาชีพเพื่อการมีงานทำ , กิจกรรมพัฒนาขีดความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ , กิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้สู่การเลิกยาเสพติดอย่างยั่งยืนของเด็กและเยาวชนจังหวัดอำนาจเจริญ , กิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในเด็กและเยาวชน รวมทั้งการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลจังหวัดอำนาจเจริญ
ในการประชุมพบปะกับคณะกรรมการระดับจังหวัดอำนาจเจริญ ของผู้ทรงคุณวุฒิ สสค. ในครั้งนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยสรุปความก้าวหน้าการดำเนินงานของแต่ละกิจกรรม ซึ่งแต่ละกิจกรรมต่างก็มีผลการดำเนินงานก้าวหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในเด็กและเยาวชน ซึ่งกำลังดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย คือ อำเภอหัวตะพาน โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ รับผิดชอบดำเนินรายการให้ข่าวสารความรู้ ผ่านราย "สสค.บอกกล่าวเล่าเรื่อง” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นรายการที่ประชาชนผู้รับฟังทางบ้านให้ความนิยมและร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการอย่างหนาแน่น โดยรายการจะมีทุกวันพุธ เวลา ๑๕.๑๐-๑๖.๐๐ น. สามารถติดตามรับฟังได้ที่ ระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ ๑๐๓.๒๕ เมกกะเฮิร์ซ
สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ./ข่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำข้าราชการทุกหมู่เหล่า และพสกนิกร จุดเทียนชัยถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
วันที่ 12 ส.ค. 56 ที่บริเวณทุ่งศรีเมืองเทศบาลนครอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานนำพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
และกลุ่มพลังมวลชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
และถวายเครื่องราชสักการะพานพุ่มเงิน และพานพุ่ม
พร้อมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล โดยในปีนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ได้ประกาศขอให้ทุกร่วมถวายความสมัครสมานสามัคคีร่วมกัน
เพื่อประเทศชาติได้เป็นปึกแผ่น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาส
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
ซึ่งนับเป็นวันมหามงคลยิ่งอีกวาระหนึ่ง
และทุกคนได้ร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านมีต่อปวงชนชาวไทย
จักรกกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ และสามเณร พร้อมประกอบพิธีลงนามถวายพระพร เนื่องวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี ประจำปี 2556
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2556 ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักศึกษา และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ และสามเณร จำนวน 80 รูปเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา หรือวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี ประจำปี 2556 ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทั้งประเทศ
เวลา 09.00 น.ที่หอประชุมไพรพะยอมมหาวิทยาลันราชภัฎอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักศึกษา และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2556 เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงเป็นแม่ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ อีกทั้งถวายภัตตาหารเช้าและเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป
เวลา 09.00 น.ที่หอประชุมไพรพะยอมมหาวิทยาลันราชภัฎอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักศึกษา และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2556 เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงเป็นแม่ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ อีกทั้งถวายภัตตาหารเช้าและเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป
จังหวัดอุบลราชธานี จัดพิธีเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 56 ที่วิหารพระแก้วโกเมน
วัดมณีวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้ด้วยกรมการศาสนา
กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดให้ในปี พ.ศ.2556 เป็นปีเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี
แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประกอบกับเป็นปีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา
จึงนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะร่วมใจน้อมรำลึกใน
พระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ได้ทรงสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างอเนก
อนันต์ // จังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ร่วมกับคณะสงฆ์
และประชาชนทุกภาคส่วน จึงได้ร่วมใจกันจัดพิธีเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดกขึ้น
เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยมีข้าราชการ
ประชาชน และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นจำนวนมาก
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
จังหวัดอุบลราชธานี จัดการประกวด ร้องสรภัญญ์ สวดมนต์ยกชั้น และสาธยายพระไตรปิฎก ได้บุญยกทีม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 56 ที่วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดการประกวดร้องสรภัญญ์ สวดมนต์ยกชั้น และสาธยายพระไตรปิฎก ได้บุญยกทีม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 จัดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เป็นการเผยแผ่คำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการเพิ่มพูนศรัทธาใน พระรัตนตรัยแก่เยาวชนไทย และเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ตามหลักวิถีไทย วิถีพุทธ
สำหรับการจัดประกวดร้องสรภัญญ์ สวดมนต์ ยกชั้น และสาธยายพระไตรปิฎก ได้บุญยกทีม ในวันนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ มีทีมจากทั้ง 25 อำเภอเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 84 ทีม โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงชั้น คือ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวศึกษา โดยในวันนี้มีทีมที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้งสิ้น 11 ทีม ซึ่งทีมที่ชนะเลิศการประกวด จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
สำหรับการจัดประกวดร้องสรภัญญ์ สวดมนต์ ยกชั้น และสาธยายพระไตรปิฎก ได้บุญยกทีม ในวันนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ มีทีมจากทั้ง 25 อำเภอเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 84 ทีม โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงชั้น คือ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวศึกษา โดยในวันนี้มีทีมที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้งสิ้น 11 ทีม ซึ่งทีมที่ชนะเลิศการประกวด จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 56 โดยจัดขึ้นที่บริเวณโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยนางมัณฑะนา สุทธิวรชัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางมาให้กำลังใจผู้ที่มาร่วมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 ซึ่งเหล่ากาชาดจังหวัด โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จัดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2556 และแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่าน นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ที่เข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆภายในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
จักรกกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคม ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง ฝั่งไทย-ลาว ที่ผ่านแดนถาวรบ้านปากแซงอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2556 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมด่านชายแดนถาวรบ้านปากแซง ตำบลพะลาน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดูความพร้อมสถานที่ก่อสร้าง ที่ทำการสำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านปากแซง ตลอดจุดโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง ฝั่งไทย-ลาว ที่บ้านปากแซง ตำบลพะลาน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รายงานโครงการเตรียมพัฒนาด้านการค้าจุดผ่านแดนถาวรเพื่อสร้างสะพานระหว่างไทย-ลาว ที่บ้านปากแซง และยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าขึ้นให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร จำนวน 2 แห่ง ที่ด่านหน้าที่ว่าการอำเภอเขมราฐ และด่านช่องตาอู อำเภอบุณฑริก โดยจังหวัดอุบลราชธานีมีความเหมาะสมทางด้านยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดการค้าตามแนวชายแดน และเป็นจุดผ่านแดนเพื่อรองรับการค้าทางเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านตลอดจนก้าวเข้าสู่อาเซียน ในปี 2558 อีกด้วย
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะ การจัดการตนเองของคนอุบลราชธานีในกรณีสิ่งแวดล้อมของเมือง
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2556 เวลา 09.00 น. นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดเวทีสาธารณะ การจัดการตนเองของคนอุบลราชธานีในกรณีสิ่งแวดล้อมของเมือง : ในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอวารินชำราบ ที่ห้องประชุมบุษยรัตน์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ,โครงการสะพานเสริมสร้างประชาธิปไตย,สื่อสร้างสุขและสภาเครือข่ายพลเมืองอุบลราชธานี จัดทำโครงการเวทีสาธารณะ การจัดการตนเองของคนอุบลราชธานีในกรณีสิ่งแวดล้อมของเมือง : ในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอวารินชำราบ ขึ้นเพื่อให้เกิดเวทีสาธารณะในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจในประเด็นที่มีผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขยายแนวคิดการสร้างความเข้าใจต่อประเด็นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องน้ำ การใช้ที่ดินและผังเมือง เพื่อนำความคิดเห็นและระดมสมองตามโครงการ สำหรับโครงการเวทีสาธารณะฯ ครั้งนี้มีประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องการใช้ประโยชน์จากที่ดินผังเมืองรวมของจังหวัดในปัจจุบัน และแหล่งน้ำที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอวารินชำราบ คือลำมูลน้อย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักที่ใช้ในการผลิตประปาหล่อเลี้ยงชุมชน มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนที่มีความซับซ้อนของปัญหาแตกต่างกัน
จักรกฤษณ์ มาลาสาย / ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
พิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพร แด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ เนื่องในมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
จังหวัดสุรินทร์จัดพิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพร แด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ เนื่องในมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 18.30 น. ที่บริเวณมณฑลพิธี หน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนชัยถวายพระพร เนื่องในวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหา มหาราชินี ประจำปี 2556 โดยมีส่วนราชการต่างๆ นำพานพุ่มดอกไม้ ถวายสักการะหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ประธานในพิธี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มดอกไม้ จุดเทียนชัยถวายพระพร และ การกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ กล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล จบแล้วผู้ร่วมพิธีร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 18.30 น. ที่บริเวณมณฑลพิธี หน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนชัยถวายพระพร เนื่องในวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหา มหาราชินี ประจำปี 2556 โดยมีส่วนราชการต่างๆ นำพานพุ่มดอกไม้ ถวายสักการะหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ประธานในพิธี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มดอกไม้ จุดเทียนชัยถวายพระพร และ การกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ กล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล จบแล้วผู้ร่วมพิธีร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย
อีสานดรัมไลน์ ร่วมเทิดพระเกียรติวันแม่ โชว์ดรัมไลน์แบทเทิลที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก
แชมป์ดรัมไลน์แบทเทิลโลก "อีสานดรัมไลน์" (E-sarn Drumline) ร่วมแสดงในงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา12สิงหามหาราชินี ที่สถานกงสุลใหณ่ณนครชิคาโกสหรัฐอเมริกา
วันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลา12.00 น. ตามเวลาท้องถ่ิน นายมีศิลป์ ชินภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนผดุงนารีจังหวัดมหาสารคาม นำวง "อีสานดรัมไลน์" (E-sarn Drumline). แชมป์ดรัมไลน์ แบทเทิลโลก จากงานDCI world championships 2013 เมืองอินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกา ร่วมแสดงในงานวันเฉลืมพระชนมพรรษา12สิงหามหาราชินี ที่สถานกงสุลใหญ่ณนครชิคาโก จัดขึ้น ตามคำเชิญของนายทรงพล สุขจันทร์ กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชีนาถ ซึ่งการแสดงของวงอีสานดรัมไลน์" (E-sarn Drumline)ครั้งนี้ จัดแสดงขึ้นที่บริเวณลานสาธารณะ The pepper family plaza สร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั้งที่เป็นชาวต่างชาตืและชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนครชิคาโกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สถานกงสุลใหญ่ณนครชิคาโกยังนำการแสกงรำไทย รำกินรี มาร่วมแสดงเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติเช่นกัน โอกาสนี้กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ยังได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นอาหารไทยแก่วงอีสานดรัมไลน์ จากโรงเรียนผดุงนารีจังหวัดมหาสารคามด้วย
วันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลา12.00 น. ตามเวลาท้องถ่ิน นายมีศิลป์ ชินภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนผดุงนารีจังหวัดมหาสารคาม นำวง "อีสานดรัมไลน์" (E-sarn Drumline). แชมป์ดรัมไลน์ แบทเทิลโลก จากงานDCI world championships 2013 เมืองอินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกา ร่วมแสดงในงานวันเฉลืมพระชนมพรรษา12สิงหามหาราชินี ที่สถานกงสุลใหญ่ณนครชิคาโก จัดขึ้น ตามคำเชิญของนายทรงพล สุขจันทร์ กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชีนาถ ซึ่งการแสดงของวงอีสานดรัมไลน์" (E-sarn Drumline)ครั้งนี้ จัดแสดงขึ้นที่บริเวณลานสาธารณะ The pepper family plaza สร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั้งที่เป็นชาวต่างชาตืและชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนครชิคาโกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สถานกงสุลใหญ่ณนครชิคาโกยังนำการแสกงรำไทย รำกินรี มาร่วมแสดงเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติเช่นกัน โอกาสนี้กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ยังได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นอาหารไทยแก่วงอีสานดรัมไลน์ จากโรงเรียนผดุงนารีจังหวัดมหาสารคามด้วย
ชนกพร โพธิสาร สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม
รายงานจากสถานกงสุลใหญ่ณนครชิคาโกประเทศสหรัฐอเมริกา
สวท.มหาสารคาม ลงนาม MOU ร่วมผลิตรายการ “อาเซียนทูเดย์” กับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น และ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม ลงนามทำบันทึกข้อตกลง ผลิตรายการ 2 ภาษา "อาเซียนทูเดย์" กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
วันที่ 14-08-56 ที่ห้องประชุมชั้น ๓ อาคาร ๑๕ ชั้น (ตึกอธิการบดี) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นายเสรี จูบุญส่ง ผู้อำนวยการ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น นายเอกชัย บูรณกิจ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม ร่วมลงนามทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การผลิตและเผยแพร่รายการวิทยุ 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) ภายใต้ชื่อรายการ "อาเซียนทูเดย์" กับ รศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และ ผศ.ดร.พรทิพย์ วรกุล คณะบดีคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยมีคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในพื้นที่ ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558
สำหรับรายการ "อาเซียนทูเดย์” กำหนดจัดขึ้นทุกวันจันทร์ ช่วงเวลา 18.30 – 19.00 น. ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดมหาสารคาม (สวท.มหาสารคาม) ระบบ เอฟ เอ็ม ความถี่ 106.50 เมกะเฮิรตซ์ และระบบ เอ เอ็ม ความถี่ 531 กิโลเฮิรตซ์ โดยผู้ฟังที่อยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ สามารถรับฟังได้ทางวิทยุออนไลน์ ของกรมประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ www.prd.go.th
วันที่ 14-08-56 ที่ห้องประชุมชั้น ๓ อาคาร ๑๕ ชั้น (ตึกอธิการบดี) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นายเสรี จูบุญส่ง ผู้อำนวยการ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น นายเอกชัย บูรณกิจ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม ร่วมลงนามทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การผลิตและเผยแพร่รายการวิทยุ 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) ภายใต้ชื่อรายการ "อาเซียนทูเดย์" กับ รศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และ ผศ.ดร.พรทิพย์ วรกุล คณะบดีคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยมีคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในพื้นที่ ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558
สำหรับรายการ "อาเซียนทูเดย์” กำหนดจัดขึ้นทุกวันจันทร์ ช่วงเวลา 18.30 – 19.00 น. ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดมหาสารคาม (สวท.มหาสารคาม) ระบบ เอฟ เอ็ม ความถี่ 106.50 เมกะเฮิรตซ์ และระบบ เอ เอ็ม ความถี่ 531 กิโลเฮิรตซ์ โดยผู้ฟังที่อยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ สามารถรับฟังได้ทางวิทยุออนไลน์ ของกรมประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ www.prd.go.th
ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว
มหาสารคาม ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ประชาชนชาวตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
ร่วมกันปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
วันที่ 13-08-56 ที่บริเวณป่าชุมชนโคกสูงหนองโก เขตตำบลโคกพระ
อำเภอกันทรวิชัย เหล่าข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน
และประชาชนชาวตำบลโคกพระ กว่า 200 คน ร่วมกันประกอบพิธีเปิด
"โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี”
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556
โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน
และนำปลูกต้นไม้ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระ
ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เพาะชำกล้าไม้จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 7,000 ต้น
ประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด อาทิ ไม้ประดู่ ไม้เต็ง ไม้ยางนา เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่
มีส่วนร่วมในการปลูกป่าน้อมเกล้าถวายในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81
พรรษา 12 สิงหาคม 2556 และร่วมกันฟื้นฟู
เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้มีความสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในชุมชน
สนองพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี
2555 – 2559
ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว
มหาสารคาม เปิดการแข่งขัน “วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” ชิงถ้วยพระราชทานฯ
จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย และสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดการแข่งขัน "วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอบคัดเลือกตัวแทนจังหวัด ประจำปี 2556
(13-08-56) ที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดการแข่งขัน "วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอบคัดเลือกตัวแทนจังหวัด ประจำปี 2556 พร้อมรับมอบเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวมจำนวน 10,000 บาท จากนายแมนชัย เด่นฟ้านภาพล นายกสมาคมชาวจังหวัดมหาสารคาม และนายประกิต แสงซื่อ ร้านบิ๊กสปอตมหาสารคาม ซึ่งการจัดแข่งขัน "วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 14 ของการแข่งขัน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นยุวชนระดับประถมศึกษา อายุไม่เกิน 12 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนการกีฬาตามนโยบายของรัฐบาล และส่งเสริมให้ยุวชนระดับประถมศึกษาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลยาเสพติด มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความรับผิดชอบ รู้จักทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นของตนและประเทศชาติต่อไป ตลอดจนเป็นการพัฒนาขีดความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศในด้านกีฬาวอลเลย์บอล โดยนการปั มีโรงเรียนระดับประถมศึกษา ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 15 ทีม แบ่งเป็นทีมชาย 8 ทีม ทีมหญิง 7 ทีม กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 13 – 16 สิงหาคม 2556
(13-08-56) ที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดการแข่งขัน "วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอบคัดเลือกตัวแทนจังหวัด ประจำปี 2556 พร้อมรับมอบเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวมจำนวน 10,000 บาท จากนายแมนชัย เด่นฟ้านภาพล นายกสมาคมชาวจังหวัดมหาสารคาม และนายประกิต แสงซื่อ ร้านบิ๊กสปอตมหาสารคาม ซึ่งการจัดแข่งขัน "วิทยุการบินฯ มินิวอลเล่ย์บอล” บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 14 ของการแข่งขัน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นยุวชนระดับประถมศึกษา อายุไม่เกิน 12 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนการกีฬาตามนโยบายของรัฐบาล และส่งเสริมให้ยุวชนระดับประถมศึกษาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลยาเสพติด มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความรับผิดชอบ รู้จักทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นของตนและประเทศชาติต่อไป ตลอดจนเป็นการพัฒนาขีดความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศในด้านกีฬาวอลเลย์บอล โดยนการปั มีโรงเรียนระดับประถมศึกษา ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 15 ทีม แบ่งเป็นทีมชาย 8 ทีม ทีมหญิง 7 ทีม กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 13 – 16 สิงหาคม 2556
ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว
ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ประกาศรายชื่อหน่วยงาน หรือองค์กรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนส่งผู้แทนเพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหากรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร
นางสาวนุชนาถ ด้วงสงฆ์ เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร ได้ดำเนินการจัดให้มีการขอขึ้นทะเบียนของหน่วยงานหรือองค์กรส่งผู้แทนเพื่อคัดเลือกกันเองเป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างวันที่ 1-9สิงหาคม 2556 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ได้ตรวจสอบลักษณะ คุณสมบัติ และการดำเนินการของหน่วยงานหรือองค์กรแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด พ.ศ.2555ข้อ 23ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.ประจำจังหวัด จึงประกาศรายชื่อหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนส่งผู้แทนเพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดมุกดาหาร จำแนกตามประเภทของหน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย
1. สมาคมหรือชมรมครู อาจารย์ หรือสมาคมทางด้านการศึกษา จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สมาคมรองผู้อำนวยการสถานศึกษาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 4จังหวัดมุกดาหาร สมาคมผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจังหวัดมุกดาหาร สมาคมสร้างสรรค์คุณภาพวิชาการ และ สมาคมผู้บริหารการศึกษาจังหวัดมุกดาหาร
2. สภาทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สภาทนายความจังหวัดมุกดาหาร
3. สมาคมหรือชมรมพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือสภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล
4. สภาหอการค้าจังหวัดหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดมุกดาหาร
5. กลุ่มอาสาสมัคร จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย มูลนิธิวิสุทธิธรรม อาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม จังหวัดมุกดาหาร ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองมุกดาหาร และ เครือข่ายชมรมผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน สาขาจังหวัดมุกดาหาร
6. องค์กรเอกชน จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย พุทธสมาคมจังหวัดมุกดาหาร สมาคมคนพิการจังหวัดมุกดาหาร สมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนมุกดาลัย และ สมาคมผู้สูงอายุวัดคำสายทอง
7. องค์กรเกษตร จำนวน 6 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกรปลอดหนี้ กลุ่มพัฒนาเกษตรกรตำบลนาอุดม กลุ่มรักเกษตรรักพ่อด้วยพอเพียง 2553กลุ่มเกษตรธรรมชาติ กลุ่มเลี้ยงโคบ้านขอนแก่น และ วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงวัวตำบลนาโสก
8. สมาคมหรือชมรมสื่อมวลชน จำนวน 2 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สมคมสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร และ สมาคมสื่อสารมวลชนไทยอินโดจีน และ
9. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด จำนวน 2 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย ที่ทำการปกครองจังหวัดมุกดาหาร และ สำนักงานคลังจังหวัดมุกดาหาร
โดยผู้มีส่วนได้เสียผู้ใด ประสงค์จะโต้แย้งหรือคัดค้านการขึ้นทะเบียนหรือถูกปฏิเสธการขึ้นทะเบียน สามารถยื่นคำร้องตามแบบ ป.ป.จ. 9 ต่อผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เวลา 08.30 น. – 16.30 น. ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2556 เวลา 08.30 น. – 16.30 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร อาคารฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ ถนนวิวิธสุรการ จังหวัดมุกดาหาร 49000 โทร 042-620905
1. สมาคมหรือชมรมครู อาจารย์ หรือสมาคมทางด้านการศึกษา จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สมาคมรองผู้อำนวยการสถานศึกษาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 4จังหวัดมุกดาหาร สมาคมผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจังหวัดมุกดาหาร สมาคมสร้างสรรค์คุณภาพวิชาการ และ สมาคมผู้บริหารการศึกษาจังหวัดมุกดาหาร
2. สภาทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สภาทนายความจังหวัดมุกดาหาร
3. สมาคมหรือชมรมพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือสภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล
4. สภาหอการค้าจังหวัดหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด จำนวน 1 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดมุกดาหาร
5. กลุ่มอาสาสมัคร จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย มูลนิธิวิสุทธิธรรม อาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม จังหวัดมุกดาหาร ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองมุกดาหาร และ เครือข่ายชมรมผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน สาขาจังหวัดมุกดาหาร
6. องค์กรเอกชน จำนวน 4 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย พุทธสมาคมจังหวัดมุกดาหาร สมาคมคนพิการจังหวัดมุกดาหาร สมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนมุกดาลัย และ สมาคมผู้สูงอายุวัดคำสายทอง
7. องค์กรเกษตร จำนวน 6 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกรปลอดหนี้ กลุ่มพัฒนาเกษตรกรตำบลนาอุดม กลุ่มรักเกษตรรักพ่อด้วยพอเพียง 2553กลุ่มเกษตรธรรมชาติ กลุ่มเลี้ยงโคบ้านขอนแก่น และ วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงวัวตำบลนาโสก
8. สมาคมหรือชมรมสื่อมวลชน จำนวน 2 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย สมคมสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร และ สมาคมสื่อสารมวลชนไทยอินโดจีน และ
9. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด จำนวน 2 หน่วยงานหรือองค์กร ประกอบด้วย ที่ทำการปกครองจังหวัดมุกดาหาร และ สำนักงานคลังจังหวัดมุกดาหาร
โดยผู้มีส่วนได้เสียผู้ใด ประสงค์จะโต้แย้งหรือคัดค้านการขึ้นทะเบียนหรือถูกปฏิเสธการขึ้นทะเบียน สามารถยื่นคำร้องตามแบบ ป.ป.จ. 9 ต่อผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เวลา 08.30 น. – 16.30 น. ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2556 เวลา 08.30 น. – 16.30 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดมุกดาหาร อาคารฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ ถนนวิวิธสุรการ จังหวัดมุกดาหาร 49000 โทร 042-620905
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว
จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนครัวเรือน เพิ่มขึ้น ระดับจังหวัด ปี 2556
วันที่ 14 ส.ค. 56 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร จัดประชุมคณะทำงานการขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน เพิ่มขึ้นระดับจังหวัด ปี 2556โดยมี นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุม
นายสมาน พั่วโพธิ์ รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ กรมการพัฒนาชุมชน และสำนักนโยบายและแผน สป.มท.เป็นเจ้าภาพหลักขับเคลื่อน พร้อมกับให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานสนับสนุนกิจกรรม โดยใช้ฐานข้อมูลรายได้ครัวเรือนทั้งประเทศของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2554รายได้เฉลี่ย 39,708บาทต่อครัวเรือนเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินงาน และวัดผลลัพธ์การดำเนินงานจากฐานข้อมูล จปฐ.ที่จะจัดเก็บในปี พ.ศ.2557 โดยมีเป้าหมายระดับ 5ที่รายได้ 80,164บาทต่อครัวเรือนในปัจจุบันข้อมูล จปฐ.ปี พ.ศ.2556ได้จัดเก็บเรียบร้อยแล้ว มีรายได้เฉลี่ย 68,484บาท และจังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินงานโครงการยกระดับรายได้ครัวเรือนทั้งประเทศเพิ่มขึ้น จังหวัดมุกดาหาร เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้กับประชาชน ตอบสนองกิจกรรมขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ )เพิ่มขึ้น ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมายระดับ 5ที่รายได้ 80,164บาทต่อครัวเรือนซึ่งจังหวัดมุกดาหารได้มอบหมายภารกิจในการขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ)เพิ่มขึ้น ให้อยู่ในภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดมุกดาหาร (ศจพ.จ )เพื่อให้การขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ ) เพิ่มขึ้น บรรลุเป้าหมายและเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการร่วมกัน ขับเคลื่อนตามภารกิจ กิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหารต่อไป
นายสมาน พั่วโพธิ์ รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ กรมการพัฒนาชุมชน และสำนักนโยบายและแผน สป.มท.เป็นเจ้าภาพหลักขับเคลื่อน พร้อมกับให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานสนับสนุนกิจกรรม โดยใช้ฐานข้อมูลรายได้ครัวเรือนทั้งประเทศของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2554รายได้เฉลี่ย 39,708บาทต่อครัวเรือนเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินงาน และวัดผลลัพธ์การดำเนินงานจากฐานข้อมูล จปฐ.ที่จะจัดเก็บในปี พ.ศ.2557 โดยมีเป้าหมายระดับ 5ที่รายได้ 80,164บาทต่อครัวเรือนในปัจจุบันข้อมูล จปฐ.ปี พ.ศ.2556ได้จัดเก็บเรียบร้อยแล้ว มีรายได้เฉลี่ย 68,484บาท และจังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินงานโครงการยกระดับรายได้ครัวเรือนทั้งประเทศเพิ่มขึ้น จังหวัดมุกดาหาร เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้กับประชาชน ตอบสนองกิจกรรมขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ )เพิ่มขึ้น ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมายระดับ 5ที่รายได้ 80,164บาทต่อครัวเรือนซึ่งจังหวัดมุกดาหารได้มอบหมายภารกิจในการขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ)เพิ่มขึ้น ให้อยู่ในภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดมุกดาหาร (ศจพ.จ )เพื่อให้การขับเคลื่อน รายได้ครัวเรือน (ทั้งประเทศ ) เพิ่มขึ้น บรรลุเป้าหมายและเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการร่วมกัน ขับเคลื่อนตามภารกิจ กิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหารต่อไป
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว
จังหวัดมุกดาหารแจ้งเตือนประชาชนจากพายุใต้ฝุ่น “อูตอร์”
นายเวชสุวรรณ อาจวิชัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุใต้ฝุ่น อูตอร์” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน หรือที่ละติจูด ๑๘.๐ องศาเหนือ ลองจิจูด ๑๑๖.๕ องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ ๑๔๐ กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็วประมาณ ๒๕ กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไหหลำ ประเทศจีน ในวันที่ ๑๔ สิงหาคมนี้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ตะวันตก ขอให้ประประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันสูง ประมาณ ๒ เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร ได้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในช่วงระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ไว้ด้วย
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร ได้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในช่วงระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ไว้ด้วย
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
จังหวัดมุกดาหารจัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ๑๒ สิงหามหาราชินี
ที่หอประชุมโรงเรียนมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นางสุธิดา บุญประดิษฐ์
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยส่วนราชการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน กลุ่มพลังมวลชน นักเรียน
นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ร่วมพิธีอัญเชิญและถวายเครื่องราชสักการะ
จากสนามโรงเรียนมุกดาลัย
เคลื่อนไปตามเส้นทางถนนพิทักษ์พนมเขตเพื่อร่วมกิจกรรมในพิธีถวายเครื่องราช
สักการะและพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษา ในวันที่
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ มีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ เฉลิมพระเกียรติ
ภายในโรงเรียนมุกดาหาร
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารนำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมทำบุญตักบาตรและร่วมพิธีลงนามถวายพระพร พิธีถวายพระราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖
ที่หน้าศาลหลักเมืองจังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นางสุธิดา บุญประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร นำพสกนิกรชาวจังหวัดมุกดาหาร ทุกหมู่เหล่า ร่วมกิจกรรมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยภาคเช้าได้ทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระสงฆ์ ๘๐ รูป
ที่หอประชุมโรงเรียนมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมข้าราชการทุกหมู่เหล่าร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและลงนามถวายพระพรต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจมากมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพและความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและยังอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้านที่มีความงดงามหลายสาขา เช่น การปั้น การทอ การจักสาน เป็นต้น
ที่หอประชุมโรงเรียนมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมข้าราชการทุกหมู่เหล่าร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและลงนามถวายพระพรต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจมากมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพและความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและยังอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้านที่มีความงดงามหลายสาขา เช่น การปั้น การทอ การจักสาน เป็นต้น
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ
สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 ประชุมการคัดกรอง RE X-Ray นักเรียนสร้างภูมิคุ้มกันนักเรียนกลุ่มเสี่ยง
สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 ประชุมครูโรงเรียนกลุ่มเสี่ยง และโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สีแดง จำนวน 60 โรงเรียน ในการคัดกรอง RE X-Ray นักเรียนในสถานศึกษา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การป้องกันการแพร่ระบาดของสารเสพติดในสถานศึกษา
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 (สพป.กาฬสินธุ์เขต ) ได้มีการประชุมการคัดกรอง RE-X-Ray นักเรียนในสถานศึกษาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 จัดขึ้นเพื่อให้ครูจากโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จากโรงเรียนที่คัดกรองแล้วพบกลุ่มเสี่ยง จำนวน 15 โรงเรียน, โรงเรียนที่มีครูตำรวจ หรือครูแดร์ (D.A.E.R) เข้าไปสอน จำนวน 11 โรงเรียน และโรงเรียนที่มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ที่อยู่ในชุมชนพื้นที่สีแดง (ชุชนที่มีความเสี่ยงสูง) รวมทั้งสิ้น 60 โรงเรียน 60 คน ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนการดูแลนักเรียนของตนเองให้หลีกไกล ห่างไกลยาเสพติด รวมถึงเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการแก้ไขปัญหาสารเสพติดในสถานศึกษา การจัดทำแผนบูรณาการทักษะชีวิต และการดำเนินงานที่ประสบผลสำเร็จ ในแต่ละบทบาทของครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และครูตำรวจ (D.A.E.R) นำไปสู่ BEST PARCTICE ของสถานศึกษาที่เข้มแข็งโดยมีทีมครูตำรวจ (D.A.E.R) จากตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ โดย พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มอบหมาย พ.ต.อ.ประสาท โสมภีร์ รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, พ.ต.ท.สุรพล เทพรังสฤษฎิ์ สว.ฝอ. ภ.จว.กาฬสินธุ์, ด.ต.หญิง จิณห์นิภา สำราญพงษ์ กก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์, ร.ต.ต.สมเพชร จี้กระโทก และ ด.ต.อำนาจ จันทะโม สภ.ยางตลาด มาเป็นวิทยากรให้ความรู้
นายผดุงศักดิ์ แสงสว่าง รองผู้อำนวยการ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และ ฯพณฯ เสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ ศพส.ศธ. และ ศพส.กส. สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา ได้สำรวจการใช้สารเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ในสถานศึกษาของจังหวัดกาฬสินธุ์ พบกลุ่มเสี่ยงจากการเสพสารเสพติดประเภทยาบ้า จำนวน 15 โรงเรียน มีเด็กกลุ่มเสพ 2 คน กลุ่มเสี่ยง 132 คน ได้แก่ นักเรียนชั้น ป.5-6 จำนวน 51 คน ชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 81 คน โดยได้รายงานให้ สพฐ. และผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับทราบแล้วพร้อมสั่งการให้ดำเนินการ RE-X-Ray นักเรียนในสถานศึกษาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้อนุเคราะห์ชุดตรวจสารเสพติด จำนวน 300 ชุด ในการปฏิบัติการ RE-X-Ray ซ้ำอีกครั้ง ก่อนนำเด็กไปบำบัด รักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 (สพป.กาฬสินธุ์เขต ) ได้มีการประชุมการคัดกรอง RE-X-Ray นักเรียนในสถานศึกษาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 จัดขึ้นเพื่อให้ครูจากโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จากโรงเรียนที่คัดกรองแล้วพบกลุ่มเสี่ยง จำนวน 15 โรงเรียน, โรงเรียนที่มีครูตำรวจ หรือครูแดร์ (D.A.E.R) เข้าไปสอน จำนวน 11 โรงเรียน และโรงเรียนที่มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ที่อยู่ในชุมชนพื้นที่สีแดง (ชุชนที่มีความเสี่ยงสูง) รวมทั้งสิ้น 60 โรงเรียน 60 คน ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนการดูแลนักเรียนของตนเองให้หลีกไกล ห่างไกลยาเสพติด รวมถึงเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการแก้ไขปัญหาสารเสพติดในสถานศึกษา การจัดทำแผนบูรณาการทักษะชีวิต และการดำเนินงานที่ประสบผลสำเร็จ ในแต่ละบทบาทของครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และครูตำรวจ (D.A.E.R) นำไปสู่ BEST PARCTICE ของสถานศึกษาที่เข้มแข็งโดยมีทีมครูตำรวจ (D.A.E.R) จากตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ โดย พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มอบหมาย พ.ต.อ.ประสาท โสมภีร์ รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, พ.ต.ท.สุรพล เทพรังสฤษฎิ์ สว.ฝอ. ภ.จว.กาฬสินธุ์, ด.ต.หญิง จิณห์นิภา สำราญพงษ์ กก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์, ร.ต.ต.สมเพชร จี้กระโทก และ ด.ต.อำนาจ จันทะโม สภ.ยางตลาด มาเป็นวิทยากรให้ความรู้
นายผดุงศักดิ์ แสงสว่าง รองผู้อำนวยการ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และ ฯพณฯ เสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ ศพส.ศธ. และ ศพส.กส. สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา ได้สำรวจการใช้สารเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ในสถานศึกษาของจังหวัดกาฬสินธุ์ พบกลุ่มเสี่ยงจากการเสพสารเสพติดประเภทยาบ้า จำนวน 15 โรงเรียน มีเด็กกลุ่มเสพ 2 คน กลุ่มเสี่ยง 132 คน ได้แก่ นักเรียนชั้น ป.5-6 จำนวน 51 คน ชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 81 คน โดยได้รายงานให้ สพฐ. และผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับทราบแล้วพร้อมสั่งการให้ดำเนินการ RE-X-Ray นักเรียนในสถานศึกษาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้อนุเคราะห์ชุดตรวจสารเสพติด จำนวน 300 ชุด ในการปฏิบัติการ RE-X-Ray ซ้ำอีกครั้ง ก่อนนำเด็กไปบำบัด รักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว
ยุติธรรมกาฬสินธุ์ เสวนาขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมชุมชน
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดเสวนาหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัด เพื่อระดมความคิดเห็นรวมกันระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมภายในจังหวัดเกิดการบูรณาการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมชุมชน โดยมีผู้แทนจากอำเภอ สภ.ทุกแห่งในจังหวัด กว่า 150 คน เข้าร่วมเสวนา
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (13 สิงหาคม 2556) ที่ห้องทศพร โรงแรมริมปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสันชัย จันทร์นวล ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการเสวนาหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัด ของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดขึ้นเพื่อให้ระดมความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการบูรณาการ การขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมชุมชน โดยมีผู้แทนจากอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจาก 18 อำเภอ หน่วยงาน อปท., สมาชิกเครือข่ายยุติธรรมชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 150 คน เข้าร่วมเสวนา
นายประเสริฐ สงขาว ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีอยู่หลายหน่วยงาน เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ คุมประพฤติ ทนายความ ยังขาดการประสานงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นรูปธรรม ในการให้บริการประชาชนที่ไปติดต่อ ดังนั้น สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้จัดเวทีเสวนาขึ้นในครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละหน่วยงานได้ประชาสัมพันธ์ ชี้แจงบทบาทภารกิจ การติดต่อ การเชื่อมโยง เพื่อลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนในการใช้บริการ ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการเสวนาครั้งนี้มีการเชิญตัวแทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ ศาล ทนายความ ฝ่ายปกครอง และตัวแทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรมในจังหวัด และการระดมความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (13 สิงหาคม 2556) ที่ห้องทศพร โรงแรมริมปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสันชัย จันทร์นวล ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการเสวนาหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัด ของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดขึ้นเพื่อให้ระดมความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการบูรณาการ การขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมชุมชน โดยมีผู้แทนจากอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจาก 18 อำเภอ หน่วยงาน อปท., สมาชิกเครือข่ายยุติธรรมชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 150 คน เข้าร่วมเสวนา
นายประเสริฐ สงขาว ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีอยู่หลายหน่วยงาน เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ คุมประพฤติ ทนายความ ยังขาดการประสานงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นรูปธรรม ในการให้บริการประชาชนที่ไปติดต่อ ดังนั้น สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้จัดเวทีเสวนาขึ้นในครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละหน่วยงานได้ประชาสัมพันธ์ ชี้แจงบทบาทภารกิจ การติดต่อ การเชื่อมโยง เพื่อลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนในการใช้บริการ ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการเสวนาครั้งนี้มีการเชิญตัวแทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ ศาล ทนายความ ฝ่ายปกครอง และตัวแทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรมในจังหวัด และการระดมความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย
ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว
ประกันสังคมกาฬสินธุ์ นำผู้ประกันตน เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น
นางภัทรินทร์ พัฒนจักร ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำนายวีระชาติ ภูใบบัง ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ซึ่งได้รับอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ จนทำให้กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 53 ไร่ หมู่ ที่ 1 ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยนายวีระชาติ ภูใบบัง ได้เตรียมที่จะเลือก ฝึกอาชีพ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เพื่อต่อยอดภูมิความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว
นายวีระชาติ ภูใบบัง อายุ 25 ปี ชาวตำบลโพนงาม อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ อดีตเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทำงานที่บริษัท อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ จังหวัดระยอง ได้รับอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ จนทำให้กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ ต้องสิ้นสภาพการเป็นคนงาน และได้สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จากนั้นเดินทางกลับมาอยู่ยังภูมิลำเนา จังหวัดกาฬสินธุ์ ในเวลาต่อมานายวีระชาติ ภูใบบัง มีความพร้อม จึงได้ขอยื่นแสดงความจำนงขอเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานต่อมายังประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ดังกล่าว
นางภัทรินทร์ วัฒนจักร ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เปิดให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือร่างกายสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน โดยมีบริการ 2 แบบคือ 1.ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ เช่นแก้ไขอวัยวะที่บกพร่องให้กลับสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียงด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งฟรีสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดหาอุปกรณ์เทียมหรือค่ารักษาพยาบาล แบบที่ 2. คือ ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ มีหลากหลายสาขา เช่นงานตัดเย็บ งานไม้ งานโลหะ งานซ่อม งานประดิษฐ์ เป็นต้น โดยใช้เวลา ประมาณ 3 – 12 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ยังมีบริการฟรี เช่น หอพัก,อาหาร 3 มื้อ ,ชุดเครื่องแบบ เครื่องแต่งกาย ,กิจกรรมสันทนาการ เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลโทร.ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ 043-811-171
นายวีระชาติ ภูใบบัง อายุ 25 ปี ชาวตำบลโพนงาม อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ อดีตเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทำงานที่บริษัท อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ จังหวัดระยอง ได้รับอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ จนทำให้กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ ต้องสิ้นสภาพการเป็นคนงาน และได้สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จากนั้นเดินทางกลับมาอยู่ยังภูมิลำเนา จังหวัดกาฬสินธุ์ ในเวลาต่อมานายวีระชาติ ภูใบบัง มีความพร้อม จึงได้ขอยื่นแสดงความจำนงขอเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานต่อมายังประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ดังกล่าว
นางภัทรินทร์ วัฒนจักร ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เปิดให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือร่างกายสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน โดยมีบริการ 2 แบบคือ 1.ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ เช่นแก้ไขอวัยวะที่บกพร่องให้กลับสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียงด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งฟรีสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดหาอุปกรณ์เทียมหรือค่ารักษาพยาบาล แบบที่ 2. คือ ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ มีหลากหลายสาขา เช่นงานตัดเย็บ งานไม้ งานโลหะ งานซ่อม งานประดิษฐ์ เป็นต้น โดยใช้เวลา ประมาณ 3 – 12 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ยังมีบริการฟรี เช่น หอพัก,อาหาร 3 มื้อ ,ชุดเครื่องแบบ เครื่องแต่งกาย ,กิจกรรมสันทนาการ เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลโทร.ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ 043-811-171
วิภาดา รัตนโรจนา / ข่าว
ตำรวจบ้านไผ่จับกัญชาอัดแท่งได้ของกลางกว่า 400 กิโลกรัม
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ส.ค. 2556 พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตต์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ พร้อมด้วย พ.ต.ท.พีระฉัตร สาขา รอง ผกก.(ป.) สภ.บ้านไผ่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจบน ถ.มิตรภาพ หน้าจุดตรวจบ้านนาโน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ฝั่งขาล่อง มุ่งหน้า สู่ กรุงเทพฯ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยขับรถหลบหนีด่านตรวจเข้ามาภายในหมู่บ้านก่อนจะทิ้งถุงดำและกระสอบปุ๋ยจำนวนมากในป่าสาธารณะข้างทางใกล้หนองน้ำสาธารณะของชุมชน ห่างจากจุดตรวจประมาณ 800 เมตร
จึงได้เข้าทำการตรวจสอบพร้อมกับนายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย นายอำเภอบ้านไผ่ พบถุงห่อหุ้มด้วยพลาสติกจำนวนหลายห่อแช่อยู่ในสระน้ำใกล้หมู่บ้าน จึงนำขึ้นมาตรวจสอบพบว่าเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งอย่างดี รวม 401 ห่อ น้ำหนัก 401 กก. รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่พร้อมจัดส่งจำหน่ายได้โดยทันที จึงนำของกลางดังกล่าวมาเก็บไว้ที่โรงพักเพื่อขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการค้ากัญชาดังกล่าวต่อไป
จึงได้เข้าทำการตรวจสอบพร้อมกับนายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย นายอำเภอบ้านไผ่ พบถุงห่อหุ้มด้วยพลาสติกจำนวนหลายห่อแช่อยู่ในสระน้ำใกล้หมู่บ้าน จึงนำขึ้นมาตรวจสอบพบว่าเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งอย่างดี รวม 401 ห่อ น้ำหนัก 401 กก. รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่พร้อมจัดส่งจำหน่ายได้โดยทันที จึงนำของกลางดังกล่าวมาเก็บไว้ที่โรงพักเพื่อขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการค้ากัญชาดังกล่าวต่อไป
จังหวัดขอนแก่นประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับจังหวัด
คณะอนุกรรมการระดับจังหวัดกลั่นกรองโครงการขับเคลื่อนพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของขอนแก่น
นายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดกลั่นกรองโครงการขับเคลื่อนพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของขอนแก่น ครั้งที่ 1/2556 ณ ห้องประชุมเสียงแคน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ขั้น 2 ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น โดยจังหวัดได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานอนุกรรมการ ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของโครงการ จัดอันดับความสำคัญ โครงการโครงการขับเคลื่อนพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของขอนแก่น เพื่อส่งให้คณะอนุกรรมการอำนวยการฯภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณและเร่งดำเนินการโครงการภายในวันที่ 1 กันยายน 2556 ในการพิจารณาวันนี้เป็นประเภท สมาคม มูลนิธิ สหกรณ์การเกษตร และองค์กรเอกชน งบประมาณโครงการไม่เกิน 2,000,000 ล้านบาท พิจารณจำนวน6 หน่วยงาน 7 โครงการเป็นเงิน10 ,562,700 บาท เรียงลำดับดังนี้ คือสามาคมคนตาบอดกระนวน 2 โครวงการ 1ส่งเสริมเลี้ยงปลา,ดุกบ่อซีเมนต์ 369,200 บาท 2 ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนพิการ 193,500 บาท 3 สมาคมเวียงสร้างสรรค์เพื่อเด็กและผู้พิการ พัฒนาเด็ก เยาวชนชุมชนตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ งบ 2ล้านบาท 4.มูลนิธิน้ำลุคุณภาพชีวิต พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ส้วยสายบาตร อ.กระนวนและลุ่มน้ำเซิน อ.ภูผาม่าน งบ 2 ล้านบาท 5.สหกรณ์โคนมขอนแก่น งบ 2 ล้านบาท 6.ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรและพืชพลังน้ำภาคอีสาน อ.หนองเรือ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ งบ 2 ล้านบาท 7.สมาคมนิติศาสตร์ สัมพันธ์ เครือข่ายศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครบวงจร 2 ล้านบาท
นายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดกลั่นกรองโครงการขับเคลื่อนพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของขอนแก่น ครั้งที่ 1/2556 ณ ห้องประชุมเสียงแคน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ขั้น 2 ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น โดยจังหวัดได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานอนุกรรมการ ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของโครงการ จัดอันดับความสำคัญ โครงการโครงการขับเคลื่อนพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของขอนแก่น เพื่อส่งให้คณะอนุกรรมการอำนวยการฯภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณและเร่งดำเนินการโครงการภายในวันที่ 1 กันยายน 2556 ในการพิจารณาวันนี้เป็นประเภท สมาคม มูลนิธิ สหกรณ์การเกษตร และองค์กรเอกชน งบประมาณโครงการไม่เกิน 2,000,000 ล้านบาท พิจารณจำนวน6 หน่วยงาน 7 โครงการเป็นเงิน10 ,562,700 บาท เรียงลำดับดังนี้ คือสามาคมคนตาบอดกระนวน 2 โครวงการ 1ส่งเสริมเลี้ยงปลา,ดุกบ่อซีเมนต์ 369,200 บาท 2 ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนพิการ 193,500 บาท 3 สมาคมเวียงสร้างสรรค์เพื่อเด็กและผู้พิการ พัฒนาเด็ก เยาวชนชุมชนตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ งบ 2ล้านบาท 4.มูลนิธิน้ำลุคุณภาพชีวิต พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ส้วยสายบาตร อ.กระนวนและลุ่มน้ำเซิน อ.ภูผาม่าน งบ 2 ล้านบาท 5.สหกรณ์โคนมขอนแก่น งบ 2 ล้านบาท 6.ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรและพืชพลังน้ำภาคอีสาน อ.หนองเรือ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ งบ 2 ล้านบาท 7.สมาคมนิติศาสตร์ สัมพันธ์ เครือข่ายศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครบวงจร 2 ล้านบาท
นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี : ข่าว/พิมพ์
ส.ปชส.ขอนแก่น
ขอนแก่น ประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานเข้าสู่ประชาคมเอเซียนจังหวัดขอนแก่น
จังหวัดขอนแก่น จัดประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจังหวัดขอนแก่น เตรียมตั้งคณะทำงานตามกรอบ 3 เสาหลักอาเซียนคือด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่น ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2558และจังหวัดขอนแก่น ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประจำศูนย์ประสานงานเข้าสู่อาเซียนจังหวัดขอนแก่น ขึ้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานกรรมการอำนวยการ มีหัวหน้าส่วนราชการ, อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานหอการค้า, ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด, นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว เป็นกรรมการ นั้น เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางแนวทางการการกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานของศูนย์ประสานงานการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จังหวัดขอนแก่น จึงได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ขึ้น เมื่อบ่ายวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการประชุมที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการกำหนดกรอบยุทธศาสตร์แนวทางการทำงานของศูนย์ประสานงานฯ ไว้ 3 ด้านตามกรอมแนวทางประชาคมอาเซียน คือ ด้านการเมือง และความมั่นคง ,ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในด้านเศรษฐกิจจะประกอบด้วยการเกษตร, อุตสาหกรรม, การค้าการลงทุนและบริการ,การท่องเที่ยว ,แรงงาน ,คมนาคม โลจิสติกส์ , OTOP และการพัฒนาเมือง ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคงจะประกอบด้วย ความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับยาเสพติด ,แรงงานต่างด้าว, การหลบหนีเข้าเมือง อาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย, ทรัพยากรธรรมชาติ,การค้ามนุษย์ ด้านที่ 3 คือ ด้านสังคมและวัฒนธรรม จะประกอบด้วย การดูแลผู้ด้อยโอกาส, ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม โดยจังหวัดขอนแก่นจะเชิญคณะกรรมการมาประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดของทั้ง 3ด้าน อีกครั้งหนึ่ง
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่น ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2558และจังหวัดขอนแก่น ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประจำศูนย์ประสานงานเข้าสู่อาเซียนจังหวัดขอนแก่น ขึ้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานกรรมการอำนวยการ มีหัวหน้าส่วนราชการ, อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานหอการค้า, ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด, นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว เป็นกรรมการ นั้น เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางแนวทางการการกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานของศูนย์ประสานงานการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จังหวัดขอนแก่น จึงได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ขึ้น เมื่อบ่ายวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการประชุมที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการกำหนดกรอบยุทธศาสตร์แนวทางการทำงานของศูนย์ประสานงานฯ ไว้ 3 ด้านตามกรอมแนวทางประชาคมอาเซียน คือ ด้านการเมือง และความมั่นคง ,ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในด้านเศรษฐกิจจะประกอบด้วยการเกษตร, อุตสาหกรรม, การค้าการลงทุนและบริการ,การท่องเที่ยว ,แรงงาน ,คมนาคม โลจิสติกส์ , OTOP และการพัฒนาเมือง ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคงจะประกอบด้วย ความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับยาเสพติด ,แรงงานต่างด้าว, การหลบหนีเข้าเมือง อาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย, ทรัพยากรธรรมชาติ,การค้ามนุษย์ ด้านที่ 3 คือ ด้านสังคมและวัฒนธรรม จะประกอบด้วย การดูแลผู้ด้อยโอกาส, ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม โดยจังหวัดขอนแก่นจะเชิญคณะกรรมการมาประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดของทั้ง 3ด้าน อีกครั้งหนึ่ง
สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว/อารมย์/พิมพ์/13 ส.ค.56
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นำเกษตรกร, กรรมกรหอการค้าทำนาโยนในแปลงสาธิตศูนย์การเรียนรู้โครงการ 1 ไร่ ได้ 1 แสน แห่งที่ 1 อำเภออุบลรัตน์ เพื่อเป็นต้นแบบในการปฏิบัติพื้นที่จริง
เช้าวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่แปลงนาสาธิตศูนย์การเรียนรู้โครงการ 1 โร่ ได้เงิน 1 แสน แห่งที่ 1 บ้านหนองแต้ ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำเกษตรกรในพื้นที่บ้านหนองแต้ และเครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดกาฬสินธุ์ , กรรมการหอการค้าจังหวัดขอนแก่น , กาฬสินธุ์ และสกลนคร จำนวนกว่า 100 คน ร่วมกันทำนาโยนลงในบนพื้นที่แปลงนาสาธิตของศูนย์การเรียนรู้ โครงการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน แห่งที่ 1 ตามโครงการปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ โดยพันธุ์กล้าข้าวที่นำมาโยนในแปลงนาสาธิต ครั้งนี้ เป็นพันธุ์ข้าวมะลิหอมนิล เพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติในพื้นที่จริง และเป็นต้นแบบการขยายไปยังเครือข่ายเกษตรกรที่สนใจอยากทำการเกษตรอินทรีย์ แบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน ซึ่งหอการค้าไทยนำมาเผยแพร่และหอการค้าขอนแก่น นำมาขยายผลเป็นจังหวัดนำร่อง และต้นแบบรวม 4 จุด ในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภออุบลรัตน์ , อำเภอเวียงเก่า และอำเภอน้ำพอง เพื่อให้เกษตรกรได้มาศึกษาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติจริง นายสมิง ยิ้มศิริ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า โครงการ 1 ไร่ 1 แสน ขึ้น โดยมีเป้าประสงค์สำคัญเพื่อสร้างต้นแบบการทดลองการปฏิบัติในพื้นที่จริง จากกลุ่มเครือข่ายผู้นำทางการเกษตร ที่ประสบผลสำเร็จ ให้เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้กระบวนการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถสร้างต้นแบบ และองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในชนบทได้นำไปทดลองปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นการยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ตลอดจนส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และในการดำเนินโครงการนั้นจะประกอบด้วยภาคีร่วม 4 ส่วน ประกอบด้วยหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมีจังหวัดนำร่องดำเนินโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ได้แก่ หมู่บ้านหนองแต้ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้แก่เกษตรกรทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในการเกษตรแบบผสมผสานด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช และเพื่อสร้างองค์ความรู้เชิงประจักษ์ (ตำรา) ในการทำการเกษตรผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกร
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำเกษตรกรในพื้นที่บ้านหนองแต้ และเครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดกาฬสินธุ์ , กรรมการหอการค้าจังหวัดขอนแก่น , กาฬสินธุ์ และสกลนคร จำนวนกว่า 100 คน ร่วมกันทำนาโยนลงในบนพื้นที่แปลงนาสาธิตของศูนย์การเรียนรู้ โครงการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน แห่งที่ 1 ตามโครงการปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ โดยพันธุ์กล้าข้าวที่นำมาโยนในแปลงนาสาธิต ครั้งนี้ เป็นพันธุ์ข้าวมะลิหอมนิล เพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติในพื้นที่จริง และเป็นต้นแบบการขยายไปยังเครือข่ายเกษตรกรที่สนใจอยากทำการเกษตรอินทรีย์ แบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน ซึ่งหอการค้าไทยนำมาเผยแพร่และหอการค้าขอนแก่น นำมาขยายผลเป็นจังหวัดนำร่อง และต้นแบบรวม 4 จุด ในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภออุบลรัตน์ , อำเภอเวียงเก่า และอำเภอน้ำพอง เพื่อให้เกษตรกรได้มาศึกษาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติจริง นายสมิง ยิ้มศิริ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า โครงการ 1 ไร่ 1 แสน ขึ้น โดยมีเป้าประสงค์สำคัญเพื่อสร้างต้นแบบการทดลองการปฏิบัติในพื้นที่จริง จากกลุ่มเครือข่ายผู้นำทางการเกษตร ที่ประสบผลสำเร็จ ให้เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้กระบวนการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถสร้างต้นแบบ และองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในชนบทได้นำไปทดลองปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นการยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ตลอดจนส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และในการดำเนินโครงการนั้นจะประกอบด้วยภาคีร่วม 4 ส่วน ประกอบด้วยหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมีจังหวัดนำร่องดำเนินโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ได้แก่ หมู่บ้านหนองแต้ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้แก่เกษตรกรทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในการเกษตรแบบผสมผสานด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช และเพื่อสร้างองค์ความรู้เชิงประจักษ์ (ตำรา) ในการทำการเกษตรผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกร
เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการน้ำพระทัยพระราชทานสู่ภูมิภาค 76 จังหวัดน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
งานนี้จัดที่เรือนจำกลางขอนแก่นโดยมีนางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานเปิดงานซึ่งมีหลายกิจกรรมทั้งโครงการส่งเสริมอาชีพโครงการเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำรวมทั้งเหล่ากาชาดขอนแก่นนำสิ่งของธารน้ำใจมามอบให้กับผู้ต้องขังหญิงกว่า 450 คนในวันแม่แห่งชาติด้วยนายกเหล่ากาชาดขอนแก่นกล่าวว่าเนื่องในโอกาสที่โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ตามพระเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถดำเนินมาเป็นปีที่ 15 ทางสภาสังคมสงเคราะแห่งประเทศไทยจึงร่วมมือกับ 76 จังหวัดจัดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ตกงานผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ 2 พระองค์ ซึ่งจังหวัดขอนแก่นได้สมทบทุนและร่วมกับสภาสังคมสงเคราะห์จัดเลี้ยงอาหารให้กับผู้ต้องขังรวมทั้งมอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังให้กับผู้ต้องขังด้วย นางนิภา สุวรรณสุจริตกล่าวอีกว่าผู้ต้องขังในเรือนจำทุกคนเป็นคนเหมือนกันมีอะไรเหมือนกับทุกคนเพียงเพราะอาจจะเดินไปตามเส้นตรงเหมือนพวกเราไม่ได้อาจมีแวะซ้ายแวะขวาได้แต่เราก็พร้อมจะรอเขากลับมาเดินไปเส้นตรงพร้อมกับเราและเป็นการคืนคนดีกลับสู่สังคมสำหรับงานนี้ทางผู้ต้องขังหญิงก็มีการแสดงและกิจกรรมบันเทิงมาสร้างสีสันในงานนี้ด้วย
ผู้ว่าฯ ขอนแก่นนำชาวขอนแก่นจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลวันแม่แห่งชาติ
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมด้วยนางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดขอนแก่นนำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สาล อัยการ พ่อค้าประชาชน นักเรียนนักศึกษาชาวจังหวัดขอนแก่นร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยลัยขอนแก่นงานนี้มีชาวขอนแก่นมาร่วมจุดเทียนชัยจำนวนมาก
คนร้ายบุกเดี่ยวปล้นแบ๊งค์กรุงเทพ สาขาห้างบิ๊กซี ชัยภูมิ
คนร้ายบุกเดี่ยวปล้นแบ๊งค์กรุงเทพ สาขาห้างบิ๊กซี ชัยภูมิ กวาดเงินสดไปได้กว่า 1 แสน ตำรวจ เร่งแกะรอยจากภาพวงจรปิด คาดเป็นวัยรุ่น ที่อยู่ใกล้เคียง ระดมกำลังไล่ล่า
เหตุเกิดเมื่อ 15.48 น. วันที่ 14 ส.ค.56 ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมกไหมพรม และหมวกกันน๊อคอีกชั้นหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่สี ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบริเวณด้านหลัง ห้างบิ๊กซี ต.บุ่งคล้า อ.เมืองชัยภูมิ จากนั้นได้รีบเดินเข้าไปในที่ทำการธนาคารกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นล่าง ติดกับประตูทางเข้าด้านหลัง ใช้อาวุธปืน ไม่ทราบขนาด จี้พนักงานหน้าเค๊าท์เตอร์ บังคับให้หยิบธนาบัตร เอาเฉพาะใบละ 1,000 เท่านั้น แต่พนักงานบอกว่า ไม่มี มีแต่แบ๊งค์ 500 คนร้ายจึงใช้ปืนขู่ พร้อมทั้งใช้มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้าในลิ้นชัก กวาดเงิน ยัดใส่ถุงสีดำที่เตรียมมาด้วย จากนั้นรีบวิ่งออกไป ขัยรถจักรยายนต์ดังกล่าวหลบหนีไปอย่างลวยนวล ตรวจสอบแล้ว เงินสดหายไป 1 แสน 3 หมื่นบาท
ต่อมา นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมชุดสืบสวน สอบสวน ได้เดินทาง ไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัว ซึ่งบันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้ เป็นชายรูปร่างท้วมสูง สวมแจ๊คเก็ตสีดำ ใช้เวลาปล้นไม่ถึง 5 นาที จากการดูพฤติกรรม ตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นวัยรุ่น ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งได้ตั้งชุดไล่ล่า ตามตัวอย่างกระชั้นชิด เช่อว่าจะสามารถจับกุมตัวในเร็วๆนี้
เหตุเกิดเมื่อ 15.48 น. วันที่ 14 ส.ค.56 ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมกไหมพรม และหมวกกันน๊อคอีกชั้นหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่สี ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบริเวณด้านหลัง ห้างบิ๊กซี ต.บุ่งคล้า อ.เมืองชัยภูมิ จากนั้นได้รีบเดินเข้าไปในที่ทำการธนาคารกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นล่าง ติดกับประตูทางเข้าด้านหลัง ใช้อาวุธปืน ไม่ทราบขนาด จี้พนักงานหน้าเค๊าท์เตอร์ บังคับให้หยิบธนาบัตร เอาเฉพาะใบละ 1,000 เท่านั้น แต่พนักงานบอกว่า ไม่มี มีแต่แบ๊งค์ 500 คนร้ายจึงใช้ปืนขู่ พร้อมทั้งใช้มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้าในลิ้นชัก กวาดเงิน ยัดใส่ถุงสีดำที่เตรียมมาด้วย จากนั้นรีบวิ่งออกไป ขัยรถจักรยายนต์ดังกล่าวหลบหนีไปอย่างลวยนวล ตรวจสอบแล้ว เงินสดหายไป 1 แสน 3 หมื่นบาท
ต่อมา นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมชุดสืบสวน สอบสวน ได้เดินทาง ไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัว ซึ่งบันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้ เป็นชายรูปร่างท้วมสูง สวมแจ๊คเก็ตสีดำ ใช้เวลาปล้นไม่ถึง 5 นาที จากการดูพฤติกรรม ตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นวัยรุ่น ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งได้ตั้งชุดไล่ล่า ตามตัวอย่างกระชั้นชิด เช่อว่าจะสามารถจับกุมตัวในเร็วๆนี้
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล / ข่าว
จังหวัดชัยภูมินำเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเข้าค่ายบำบัดรักษายาเสพติด
จังหวัดชัยภูมิ นำเยาวชนกลุ่มเสี่ยงจากภัยยาเสพติด ตามศาลเยาวชนฯ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด เข้าค่ายบำบัดรักษา หวังเป็นพลังแผ่นดิน คืนคนดีสู่สังคม
การเข้าค่ายเยาวชนครั้งนี้ จัดขึ้นที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชัยภูมิ ระหว่างวันที่ 13 - 29 สิงหาคม 2556 จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 4 วัน มีนายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ปลัดจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดการเข้าค่าย โดยนำเยาวชนผู้หลงผิดเคยไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด หรือสาระเหย แต่ละรุ่นกว่า 100 คน จากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดชัยภูมิ ตามศาลเยาวชนฯ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดชัยภูมิ มาเข้าค่ายในหลักสูตรเยาวชนอาสารักษาดินแดน ต้านภัยยาเสพติดจังหวัดชัยภูมิ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขพฤติกรรมของเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัย และพัฒนาบุคลิกภาพให้เป็นเยาวชนที่มีลักษณะของความเป็นผู้นำ เกิดความภาคภูมิใจ และมีสำนึกรักบ้านเกิด มีความเสียสละ รวมทั้งเพื่อจัดตั้งเยาวชน ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นเยาวชนอาสาพลังแผ่นดิน การเข้าค่าย จึงเป็นโอกาสดี ของผู้หลงผิด เพราะหลังการอบรม จนภาวะจิตใจเข้าภาวะปกติแล้ว จะมีหน่วยงานด้านสาธารณสุข มาตรวจสุขภาพ จนแน่ใจว่าไม่มีสารเสพติดในร่างกาย คืนคนดีสู่อ้อมอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ และของสังคมต่อไป
การเข้าค่ายเยาวชนครั้งนี้ จัดขึ้นที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชัยภูมิ ระหว่างวันที่ 13 - 29 สิงหาคม 2556 จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 4 วัน มีนายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ปลัดจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดการเข้าค่าย โดยนำเยาวชนผู้หลงผิดเคยไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด หรือสาระเหย แต่ละรุ่นกว่า 100 คน จากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดชัยภูมิ ตามศาลเยาวชนฯ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดชัยภูมิ มาเข้าค่ายในหลักสูตรเยาวชนอาสารักษาดินแดน ต้านภัยยาเสพติดจังหวัดชัยภูมิ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขพฤติกรรมของเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัย และพัฒนาบุคลิกภาพให้เป็นเยาวชนที่มีลักษณะของความเป็นผู้นำ เกิดความภาคภูมิใจ และมีสำนึกรักบ้านเกิด มีความเสียสละ รวมทั้งเพื่อจัดตั้งเยาวชน ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นเยาวชนอาสาพลังแผ่นดิน การเข้าค่าย จึงเป็นโอกาสดี ของผู้หลงผิด เพราะหลังการอบรม จนภาวะจิตใจเข้าภาวะปกติแล้ว จะมีหน่วยงานด้านสาธารณสุข มาตรวจสุขภาพ จนแน่ใจว่าไม่มีสารเสพติดในร่างกาย คืนคนดีสู่อ้อมอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ และของสังคมต่อไป
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล/ข่าว
สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ 32 อำเภอ มีอัตราป่วยในระดับที่ 32 ของประเทศ
นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ว่า
ในพื้นที่รับผิดชอบ 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา มีอัตราป่วยในระดับที่
32 ของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ราย อัตราตาย 0.12 ต่อแสนประชากร และป่วย
3,274 ราย คิดเป็นอัตรา 126.64 ต่อแสนประชากร
แนวทางสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยซึ่งมีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง นั่นคือ พี่น้อง ประชาชน
ต้องร่วมมือปฏิบัติในการกำจัดยุงลายอย่างต่อเนื่อง โดยมี
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการช่วยเหลือสนับสนุนในทุกพื้นที่
ตัวอย่างที่ผ่านมา เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม
เพียงสัปดาห์เดียว พบชาวบ้านในเขต ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย
ป่วยเป็นไข้เลือดออกกว่าร้อยราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก
จึงมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด และอำเภอ
ลงพื้นที่ดำเนินกิจกรรมเน้นการมีส่วนร่วมกับภาคเครือข่าย โดยมีท้องถิ่น และ
อาสาสมัครสาธารณสุข เป็นพลังขับเคลื่อน
พบแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายหลายพื้นที่ ซึ่งมีทั้งในเศษพลาสติก กระถาง กระป๋อง
เศษขยะมูลฝอย ยางรถยนต์ ใบไม้ใหญ่ที่ขังน้ำได้ โอ่งน้ำ ฯ
จึงได้ร่วมกันจัดการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ให้สิ้นซาก
ทำให้ลดจำนวนผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว
การกำจัดแหลางเพาะพันธุ์ยุงลาย
โดยคว่ำโอ่งอย่างเดียวไม่ได้
ต้องขัดภายในโอ่งด้วยเพื่อให้ไข่ยุงหลุดไม่มีโอกาสเพาะตัว
เพราะยุงสามารถฟักตัวได้ภายใน 7 วัน
และไข่ยุงลายสามารถอยู่ในภาชนะที่ไม่มีน้ำได้นานถึง 3 ปี
หากมีน้ำจะพัฒนาเป็นตัวแก่และมีเชื้อยุงลายเหมือนเดิม ดังนั้น
บ้านไหนพบผู้ป่วยยุงลายต้องฉีดพ่นยาฆ่ายุง ทุก 3 - 7 วัน
และไข่ยุงที่ติดตามโอ่งน้ำ หรือกะโหลก กะลา หากไม่ขัดไข่ออก หรือทำลาย
โอ่งน้ำที่คว่ำไว้ 1-3 ปี ไข่ยุงลายยังอยู่ หากถูกน้ำ
ก็สามารถฟักเป็นตัวได้ เพราะไข่ยุงลาย สามารถอยู่ติดตามกะโหลก กะลา
หรือโอ่งน้ำที่คว่ำได้นานถึง 3 ปี ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด หากเป็นกะโหลก
กะลา ก็ทิ้งเลย/ทำลายไปเลย หากเป็นโอ่ง กระถาง ต้องขัดภายในให้ไข่หลุดหมดไป
อย่าให้มีโอกาสฟักตัว
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 นครราชสีมา โครงการ “ เปิดโลกกว้าง สร้างรอยยิ้ม ”
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 นครราชสีมา
ร่วมกับ เดอะมอลล์นครราชสีมา และมูลนิธิ เมเจอร์แคร์ จัดโครงการ "
เปิดโลกกว้าง สร้างรอยยิ้ม ” นำน้องๆโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1
นครราชสีมา กว่า 300 คน เข้าชมภาพยนตร์แอนนิเมชั่นรอบพิเศษ เรื่อง "epic”
บุกอาณาจักต้นไม้ โดยมีคุณปราโมทย์ แสนกล้า
รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 นครราชสีมา
ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และ คุณกิตติศักดิ์ พันธ์เกษม
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการดีพาร์ท 2 ร่วมให้การสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้
เมื่อวันที่ 8 หสิงหาคม 2556 ณ โรงภาพยนตร์ EGV ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมา
มทส. - บชร. 2 ร่วมมือพัฒนาฐานเรียนรู้ด้านการเกษตรและการบริการวิชาการ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และ
กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร. 2) ค่ายสุรนารี
ร่วมมือพัฒนาฐานเรียนรู้ด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร
ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ
ศูนย์สาธิตและส่งเสริมงานศิลปาชีพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เพื่อให้สามารถให้บริการวิชาการทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ในการนี้
ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดี มทส. และ พลตรีมารุต ลิ้มเจริญ
ผู้บัญชาการ บชร. 2 ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ณ ห้องสารนิเทศ อาคารบริหาร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า "มทส. ได้ประกาศตัวเป็นมหาวิทยาลัยคู่เคียงสังคม และดำเนินนโยบายจากหิ้งลงสู่ห้าง โดยนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยไปสู่การปรับแปลง ถ่ายทอด และพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม ใช้งานได้จริง รวมทั้งให้บริการทางวิชาการแก่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งนี้ มทส. และ ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ศูนย์สาธิตและส่งเสริมงานศิลปาชีพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มีความร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนเกิดโครงการความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง มทส. กับศูนย์เรียนรู้ฯ เพื่อพัฒนาศูนย์เรียนรู้ฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สนองตอบต่อแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า "มทส. ได้ประกาศตัวเป็นมหาวิทยาลัยคู่เคียงสังคม และดำเนินนโยบายจากหิ้งลงสู่ห้าง โดยนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยไปสู่การปรับแปลง ถ่ายทอด และพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม ใช้งานได้จริง รวมทั้งให้บริการทางวิชาการแก่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งนี้ มทส. และ ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ศูนย์สาธิตและส่งเสริมงานศิลปาชีพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มีความร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนเกิดโครงการความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง มทส. กับศูนย์เรียนรู้ฯ เพื่อพัฒนาศูนย์เรียนรู้ฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สนองตอบต่อแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยกรอบแนวทางความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางวิชาการและสาธารณประโยชน์ของทั้งสอง
ฝ่าย
สนับสนุนการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม
การให้ความรู้วิชาการด้านการเกษตรและเทคโนโลยีด้านการเกษตรพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐานฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตรของศูนย์เรียนรู้ฯ
เพื่อนำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติและเป็นต้นแบบอาชีพทางเลือก
สำหรับเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไป รวมถึงกำลังพลของกองทัพภาคที่
2 ซึ่งถือเป็นบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
ภายใต้กรอบแนวทางความร่วมมือนี้ ในระยะเวลา 3 ปี
นับตั้งแต่เดือนตุลาคมศกนี้เป็นต้นไป”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารักษ์ ธีรอำพน
รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มทส. กล่าวด้วยว่า
"โครงการความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง มทส. กับ
ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ
ศูนย์สาธิตและส่งเสริมงานศิลปาชีพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เพื่อพัฒนาศูนย์เรียนรู้ฯ
ให้เป็นสถานที่เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร
ในรูปแบบการให้บริการฝึกอบรมและฐานเรียนรู้ 8 ฐาน ได้แก่ 1)
ฐานเรียนรู้ปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ปีก 2) ฐานเรียนรู้ดิน น้ำ และปุ๋ย
เพื่อการปรับปรุงคุณภาพดิน คุณภาพน้ำ
การผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ 3) ฐานเรียนรู้การประมง
การเลี้ยงปลานิลในกระชัง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเบื้องต้น 4)
ฐานเรียนรู้พืชสมุนไพร ความรู้เรื่องการปลูกและการนำไปใช้ประโยชน์
การจำหน่ายพันธุ์พืชสมุนไพรเพื่อเป็นรายได้เสริม 5)
ฐานเรียนรู้การขยายพันธุ์พืช
การจัดการเพื่อให้ได้ต้นกล้าหรือต้นพันธุ์ที่ดี
เทคโนโลยีการขยายพันธุ์พืชที่ทันสมัย 6) ฐานเรียนรู้นาข้าว ดำเนินกิจกรรม
"หว่านวันแม่ เกี่ยววันพ่อ” การปลูกข้าวแบบประณีต
และการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ 7) ฐานเรียนรู้การเลี้ยงกบด้วยชีวภาพ
ในรูปแบบของการผลิตเชิงเศรษฐกิจ และ 8) ฐานเรียนรู้การปลูกพืชไร้ดิน
โดยผลผลิตใช้เป็นวัตถุดิบภายในศูนย์ฯ
รวมทั้งจำหน่ายให้กับกำลังพลและบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ จะมีการวางแผน การติดตาม
วิเคราะห์ และประเมินผลการดำเนินการร่วมกัน โดย มทส.
รับผิดชอบดำเนินการออกแบบปรับปรุงการใช้พื้นที่ ทรัพยากร
การจัดทำฐานข้อมูลเผยแพร่ความรู้
การให้คำปรึกษาโดยคณาจารย์จากสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
และนักวิชาการเกษตรจากฟาร์ม มทส. เพื่อพัฒนาในแต่ละฐานเรียนรู้
ส่วนศูนย์การเรียนรู้ฯ
ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐานหรือตามความเหมาะ
สม เช่น อาคารสถานที่ โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงเรือนปลูกพืช เป็นต้น
รวมทั้งปฏิบัติงานตามแผนพัฒนาในแต่ละฐานเรียนรู้ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ
เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไป และกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ประมาณ
10,000 คน ต่อปี”
รองฯ ผวจ.นม. นำข้าราชการ ประชาชน เข้าวัดทำบุญตามโครงการ “ผู้ว่าฯ พาเยี่ยมวัด” วันพระนี้ ที่วัด อิสาน อำเมืองนครราชสีมา
สำหรับวันนี้ (14 ส.ค. 56) ซึ่งเป็นวันพระ
ได้จัดพิธีทำบุญตักบาตร โครงการ "ผู้ว่าฯ พาเยี่ยมวัด
จังหวัดนครราชสีมา”และปล่อยปลา ที่วัดอิสาน อำเภอเมืองนครราชสีมา
โดยมีนายสุชาติ นพวรรณ รอง-ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน
หลังจากทำบุญตักบาตรถวายภัตราหารแล้ว พระครูศรีปริยัติกิจ
เจ้าอาวาสวัดอิสาน ได้นำคณะข้าราชการและประชาชน นักศึกษา
ไปปล่อยปลาในสระน้ำภายในบริเวณวัด เข้ากราบพระประธานในอุโบสถ
ซึ่งมีอายุกว่า 316 ปี ซึ่งกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว
พร้อมทั้งร่วมปลูกต้นไม้บริเวณหน้าพระอุโบสถด้วย
ในการทำบุญในวันพระวันนี้ (14 สค. 56)
พระครูศรีปริยัติกิจ เจ้าอาวาสวัดอิสาน ได้ให้ธรรมะแก่คณะข้าราชการประชาชน
และนักศึกษา ยึดถือไปปฏิบัติ จดจำได้ง่ายๆ ดังนี้
"บริหารตน ให้สดชื่น
บริหารคนอื่น ให้เบิกบาน
บริหารงาน ให้มีค่า
บริหารเวลา ให้มีคุณ (ประโยชน์)
บริหารทุน ให้มีกำไร
บริหารใจ ให้มีอิสระ (ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส) ”
สำหรับ วัดอิสาน เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่ ถนนกุดั่น
ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ตั้งขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2220
โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีพระยายมราช หรือ สังข์ เป็นผู้สร้าง
และมีช่างชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ช่วยออกแบบผังเมือง เมื่อสร้างผังเมืองเสร็จ
จึงโปรดเกล้าให้ประชาชน และคฤหบดีและขุนนาง สร้างวัด 6 วัด คือ
วัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลาง) วัดบูรพ์ วัดอิสาน วัดพายัพ วัดบึง
และวัดสระแก้ว เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชน
เพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนา ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูป
ปูชนียวัตถุที่ชาวนครราชสีมาได้ร่วมกันสร้าง นับว่าเป็นของล้ำค่า โดยเฉพาะ
พระศรีรัตนปาติการส แปลว่า
"พระแก้วมงคลผู้ให้ความปรารถนาสำเร็จยิ่งกว่าปรารถนา” อายุกว่า 316 ปี
ยังคงสภาพที่สมบูรณ์ คงเอกลักษณ์ศิลปะสมัยเชียงแสน
สร้างในสมัยอยุธยาไว้ได้อย่างครบถ้วน
พระพุทธรูปตั้งอยู่เป็นพระประธานในอุโบสถ กว้าง
11.28 เมตร ยาว 22.60 เมตร สูง 14 เมตร มีเสา 12 ต้น เป็นเสาแปดเหลี่ยม
มีหัวบนหัวเสา หรือเรียกว่า เสามรรค 8 ฐานแอ่นโค้งทรงสำเภา
หน้าบันและหลังคาได้ซ่อมใหม่ มีลวดลายแกะสลัก ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง
ฐานเสมาคู่ และเสาหัวเม็ดที่กำแพง
สำหรับโครงการ "ผู้ว่าฯ พาเยี่ยมวัด
จังหวัดนครราชสีมา จัดในทุกวันพระ ติดต่อกันมาทุกวันพระ โดยครั้งแรก
พาไปที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร เมื่อวันพระที่ 23 ตุลาคม 2555
โคราช จัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ 21 ส.ค. นี้ ชื่องาน “ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกาย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา”
ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า เดือนสิงหาคมนี้ เป็นเดือนมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงกำหนดให้มีการจัดกิจกรรม "ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกายฯ” กำหนด 21 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
วันที่ 13 ส.ค. 56 ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาวัน เวลา ที่เหมาะสม ที่ห้องมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และกล่าวว่า เรื่องของกีฬา เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมา จึงดำริว่าในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนมหามงคล จึงเห็นควรจัดกิจกรรมด้านกีฬา สนับสนุนวันแม่ พร้อมเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 โดยใช้ชือกิจกรรมว่า "ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกาย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา”
กำหนดจัดในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ ลานนวมินทร์ บุ่งตาหลัว ซึ่งเป็นสวนน้ำที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาทรงเปิดด้วยพระองค์เอง สวนน้ำแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกเต็มว่า "สวนน้ำบุ่งตาหลัว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี” โดยกิจกรรมมีทั้ง เดิน วิ่ง และแอโรบิค โดยตั้งเป้าหมายว่า จะเชิญชวน แม่-ลูก ร่วมกิจกรรม จำนวน 981 คู่ (ความหมายตัวเลขคือ รัชกาลที่ 9 และ 81 พรรษา บรมราชินีนาถ) และประชาชนทั่วไปอีกนับหมื่นคน
โอกาสนี้ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงขอเชิญชวนชาวโคราชทุกคนร่วมกิจกรรม "ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกาย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา” ในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่ สวนน้ำบุ่งตาหลัว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา แต่งกายชุดออกกำลังกาย โทนฟ้าหรือส้ม ระยะทาง 3 กิโลเมตร และเชิญชวนลงนามถวาย พระพร ช่วงพิธีเปิดงานด้วย
อนึ่ง กิจกรรมจะมีการคัดเลือกให้รางวัล แม่-ลูกที่อายุมากที่สุด แม่สาว-ลูกสวย, แม่สาว-ลูกหล่อ และแม่ลูกมาก
วันที่ 13 ส.ค. 56 ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาวัน เวลา ที่เหมาะสม ที่ห้องมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และกล่าวว่า เรื่องของกีฬา เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมา จึงดำริว่าในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนมหามงคล จึงเห็นควรจัดกิจกรรมด้านกีฬา สนับสนุนวันแม่ พร้อมเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 โดยใช้ชือกิจกรรมว่า "ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกาย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา”
กำหนดจัดในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ ลานนวมินทร์ บุ่งตาหลัว ซึ่งเป็นสวนน้ำที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาทรงเปิดด้วยพระองค์เอง สวนน้ำแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกเต็มว่า "สวนน้ำบุ่งตาหลัว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี” โดยกิจกรรมมีทั้ง เดิน วิ่ง และแอโรบิค โดยตั้งเป้าหมายว่า จะเชิญชวน แม่-ลูก ร่วมกิจกรรม จำนวน 981 คู่ (ความหมายตัวเลขคือ รัชกาลที่ 9 และ 81 พรรษา บรมราชินีนาถ) และประชาชนทั่วไปอีกนับหมื่นคน
โอกาสนี้ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงขอเชิญชวนชาวโคราชทุกคนร่วมกิจกรรม "ชาวโคราช พาแม่ออกกำลังกาย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา” ในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่ สวนน้ำบุ่งตาหลัว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา แต่งกายชุดออกกำลังกาย โทนฟ้าหรือส้ม ระยะทาง 3 กิโลเมตร และเชิญชวนลงนามถวาย พระพร ช่วงพิธีเปิดงานด้วย
อนึ่ง กิจกรรมจะมีการคัดเลือกให้รางวัล แม่-ลูกที่อายุมากที่สุด แม่สาว-ลูกสวย, แม่สาว-ลูกหล่อ และแม่ลูกมาก
มันนี่ เอ็กซ์โป โคราช ครั้งที่ 7 คนแน่นแห่กู้ และลงทุนกว่า 1.1 หมื่นล้าน เตรียมจัดส่งท้ายปีอีก 2 ครั้ง ที่อุดรธานี และเชียงใหม่
มันนี่ เอ็กซ์โป โคราช ครั้งที่ 7
คนแน่นแห่กู้และลงทุนกว่า 1.1 หมื่นล้าน เตรียมจัดส่งท้ายปีอีก 2
ครั้งที่อุดรธานีและเชียงใหม่ งานมหกรรมการเงิน โคราชครั้งที่ 7 MONEY EXPO
Korat 2013
ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงชมงานแน่นขนัด
แห่กู้เงินและลงทุนล้นหลามกว่า 11,000 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานกว่า 200,000
คน สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 0% ยังครองอันดับหนึ่งยอดเงินกว่า 7.5
พันล้านบาท สินเชื่อ SMEs ยอดขอกู้กว่า 2 พันล้านบาท
และลงทุนในกองทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์
ประธานบรรณาธิการวารสาร "การเงินธนาคาร” ประธานจัดงาน งานมหกรรมการเงิน
โคราช ครั้งที่ 7 Money Expo Korat 2013 ภายใต้แนวคิด สีสันแห่งเงินตรา
:Money Carnival ระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม 2556 ณ เอ็มซีซีฮออล์
เดอะมอลล์ นครราชสีมา เปิดเผยว่า เป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอีกครั้ง
โดยมีประชาชนชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงขอใช้บริการทางการเงินและการลงทุน
ยอดรวมกว่า 11,000 ล้านบาท
และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานอย่างล้นหลามกว่า 200,000 คน
มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
มีผู้สมัครใช้บริการทางการเงินและการลงทุนของสถาบันการเงินในงานทั้ง
ธนาคาร, บริษัทการเงิน, บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนรวม
บริษัทผู้ค้าทองคำ/โกลด์ฟิวเจอร์ส และบริษัทประกันชีวิต/ประกันภัยรวม
22,289 ราย
งานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 7
ในปีนี้ มีผู้เข้าชมงานกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยมางานมาก่อน
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวนมาก
โดยเป็นประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาและจากจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากการสมัครใช้บริการทางการเงินและการลงทุนที่ตรงกับความต้องการแล้ว
ยังได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินที่ให้บริการในงานเพื่อวางแผนการเงิน
การลงทุน วางแผนธุรกิจ ในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย
บริการทางการเงินที่ผู้เข้าชมงานสมัครใช้บริการมากที่สุด คือ สินเชื่อบ้าน
โดยมีผู้สมัครใช้บริการกว่า 3,000 ราย รวมวงเงินสินเชื่อกว่า 7,500 ล้านบาท
อันดับรองมาคือ สินเชื่อเอสเอ็มอี วงเงินสินเชื่อกว่า 2,000 ล้านบาท
ด้านบริการการออมการลงทุนก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมากเช่น
กัน โดยมียอดลงทุนในกองทุนรวมกว่า 430 ล้านบาท สินชื่อบุคคล
มียอดเงินรวมกว่า 230 ล้านบาท
และยอดการเปิดบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงในงานอีกกว่า 157 ล้านบาท
การลงทุนในบริการทางการเงินประเภทอื่น เช่น การซื้อบริการประกันชีวิต
บริการประกันภัย จากบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยที่ร่วมออกงานโดยตรง
มีทุนประกันรวมกว่า 238 ล้านบาท
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มอเตอร์ไซด์และรถแลกเงินมีสินเชื่อรวมกว่า 104
ล้านบาท สินเชื่อบัตรเครดิต มีผู้สมัครกว่า 7,000 ราย
และมีผู้สมัครเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหุ้น อนุพันธ์ และโกลด์ฟิวเตอร์อีกกว่า
1,500 ราย
จากการสำรวจความคิดเห็นของธนาคารและสถาบันการเงินที่ร่วมออกงาน
ต่างก็มีความพึงพอใจ นอกจากได้เป้าวงเงินที่ตั้งไว้แล้ว
ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์และสร้างความจดจำในแบรนด์ของธนาคารและสถาบันการเงิน
กับลูกค้ารายใหม่ๆในภาคอีสานอีกด้วย
สำหรับ การจัดงานมหกรรมการเงินภูมิภาค
ของวารสาร "การเงินธนาคาร” ในปี 2556 นี้ ยังเหลือการจัดงานอีก 2 ครั้ง คือ
งานมหกรรมการเงินอุดรธานี ครั้งที่ 1 Money Expo Udon Thani 2013
ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2556 ที่ห้องอุดรธานี ฮอลล์
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา จังหวัดอุดรธานี และ งานมหกรรมการเงินเชียงใหม่
ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2556 ที่ห้องเชียงใหม่ฮอลล์
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)