วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร ประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นจังหวัดมุกดาหาร

นายศิริพงษ์  มุขศรี ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณีแทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน ๑ คน เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ไปแล้วนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๖๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จึงขอประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นจังหวัดมุกดาหาร อำเภอดอนตาล ลำดับที่ ๑ เขตเลือกตั้งที่ ๑ คือ นายพิชัย  จันทพันธ์ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน





สุภาวดี   อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 ศรีสะเกษมอบน้ำดื่มสนับสนุนหน่วยปฏิบัติงานตามประกาศ คสช.ที่จังหวัดศรีสะเกษ

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 เวลา 13.00 น. ที่ห้องโถงศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ พันเอก โกศล กิจกุลธนันต์ ผู้บังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 ศรีสะเกษ ได้เป็นประธานมอบน้ำดื่มสนับสนุนหน่วยปฏิบัติงานตามประกาศ คสช.ที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพันเอก ณรงค์ กลั่นวารี รองผู้บังคับการกองกำลังสุรนารี พล.ร.6 จังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้รับมอบน้ำดื่มเพื่อนำน้ำดื่มไปสนับสนุนหน่วยทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ตามประกาศ ของคสช.ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษต่อไป




ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียงอำเภอกันทรารมย์

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 ที่ศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงตำรวจภูธรภาค 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำเภอกันทรารมย์ นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานได้นำคณะกรรมการหอการค้า จังหวัดศรีสะเกษศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง อำเภอกันทรารมย์ โดยมีนายเชิดชัย จิณะแสน ผู้นวยการสำนักงานศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงตำรวจภูธรภาค 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำเภอกันทรารมย์ นำคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง โครงการปลูกไม้ผล พืชไร่ การเพาะเห็ดฟาง การเลี้ยงปลาในบ่อดินและการส่งเสริมปลูกไม้ดอกไม้ประดับ โดยมีพื้นที่ทำการจำนวน 9 ไร่ การศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียงในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษได้ศึกษาเกี่ยว กับการจัดทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในเบื้องต้น สามารถนำไปจัดทำโครงการและเผยแพร่ให้ประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษได้อย่างถูก ต้องต่อไป





ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษมอบเงินสงเคราะห์ราษฎรที่ประสบอัคคีภัยอำเภอกันทรารมย์

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรารมย์ นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานเป็นมอบเงินสงเคราะห์ให้แก่ราษฎรที่ประสบอัคคีภัย อำเภอกันทรารมย์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 โดยมี นายนพ พงศ์ผลาพิสัย นายอำเภออำเภอกันทรารมย์ นำราษฎรบ้านคำเนียม หมู่ 10 ตำบลคำเนียม อำเภอกันทรารมย์ประสบอัคคีภัยจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นางแพง สมปาน บ้านเลขที่ 1 นายกร นิลแสง บ้านเลขที่ 4นายคำดี กุทอง บ้านเลขที่ 3/1 นายบุตร คำโสภา บ้านเลขที่ 6/1และ นางบุญ นามวงษา บ้านเลขที่ 76 เข้ารับเงินสดรายละประมาณ 8,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 40,500 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยอำเภอกัทรารมย์ในเบื้องต้นต่อไป




ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางให้สอดคล้องกับแผนของชาติ

( 3 มิ.ย. 57 ) ที่ห้องประชุม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งพบว่า ยังคงมีปัญหาการค้ามนุษย์เกิดขึ้น เนื่องจาก จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง ลาว และกัมพูชา ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในลักษณะที่ถูกล่อลวง

สำหรับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับมาตรการและแนวทางการปฏิบัติของแผนชาติ นอกจากนี้ มีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนโดยพัฒนากลไกความร่วมมือในระดับพื้นที่ชุมชน จังหวัดอุบลราชธานี ของประเทศไทยและชุมชนประเทศเพื่อนบ้าน ตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน





ภาคภูมิ บุญรักษา /ข่าว/
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี

สันติบาลนครพนมจัดโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

วันที่ 2  มิถุนายน 2557  ที่โรงเรียนชุมชนเทศบาล 3  อ.เมือง จ.นครพนม  กองบัญชาการตำรวจสันติบาล  จัดโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ประจำปี 2557 กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนชุมชนเทศบาล 3      

          พ.ต.ท.อำนาจ  มาหาธนานันท์  สารวัตรตำรวจสันติบาลนครพนม กล่าวว่า  กองบัญชาการตำรวจสันติบาล  ได้จัดทำโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ประจำปี 2557  โดยมอบหมายให้สันติบาลจังหวัดในพื้นที่ดำเนินการจัดการอบรมให้กับนักเรียน  นักศึกษา  หรือกลุ่มประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ  เพื่อให้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  และต่อต้านภัยคุกคามต่างๆ  ที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  อีกทั้งยังดำรงชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี

          โดยหน่วยงานสันติบาลจังหวัดนครพนม  เลือกโรงเรียนเทศบาล 3 เป็นสถานที่อบรม จำนวน 2 รุ่น  คือ  รุ่นที่ 1  วันที่ 2 มิถุนายน 2557 เวลา 08.00-16.00 น. และรุ่นที่ 2 วันที่ 9 มิถุนายน 2557 เวลา 08.00-16.00 น. กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 200 คน

สาธารณสุขจังหวัดนครพนม รณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม  ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน)  และศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข  จัดทำและสนับสนุนรณรงค์วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุ ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ

          นายพีระ  อารีรัตน์  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม  กล่าวว่า  โรคไข้หวัดใหญ่เป็นปัญหาที่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วย  โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงมากต่อการติดเชื้อ  การภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง  เช่น ปอดบวม  ปอดอักเสบ  และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต  การรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ  วัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์การได้รับวัคซีนป้องกันโรไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มผู้สูงอายุและพัฒนารูปแบบการณรงค์สื่อสารความรู้การป้องกันไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ขึ้นไป  ในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ ปลาปาก  ศรีสงคราม  ธาตุพนม  และอำเภอเมืองนครพนม  โดยมีกิจกรรม  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้  ผ่านซุ้มสาระน่ารู้เรื่องไข้หวัดใหญ่  การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรค  การตรวจสุขภาพ  และเมนูชูสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ

จังหวัดนครพนมมอบกล้าไม้โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี

จังหวัดนครพนมมอบกล้าไม้ให้กับหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ ในการปลูกต้นไม้โครงการประชาอาสาปลูกป่า  800 ล้านกล้า  80  พรรษามหาราชินี  ณ โรงเรียนบ้านผึ้งวิทยาคม อ.เมือง  จ.นครพนม

นายอดิศักดิ์  เทพอาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  กล่าวว่า  จังหวัดนครพนมได้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้  โดยกำหนดให้มีมาตรการดูแลรักษาป่าไม้  3 มาตรการ  คือ การปราบปรามโดยจัดตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า  ทั้งพลเรือน  ตำรวจ  ทหาร  สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 สาขานครพนม  กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครพนม  จังหวัดทหารบกนครพนม    อาสารักษารักษาดินแดน  สืบหาข่าวการลักลอบตัดไม้พะยูงในป่าสงวนแห่งชาติป่าภูผายลและในพื้นที่ต่างๆ  มาตรการปลูกป่าเพิ่มเติมรณรงค์โดยในปี 2557  หน่วยงานที่มีพื้นที่ว่าง  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โรงเรียน  โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และพื้นที่ที่ตรวจยึดคืน  ให้ปลูกป่าตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า  80 พรรษามหาราชินี  และมาตรการปลูกจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่าเป็นการปลูกป่าในใจคน

ทางด้านนายวีระ  มานิสสรณ์  ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 สาขานครพนม  กล่าวว่า  ไม้พะยูงในพื้นจังหวัดนครพนมส่วนใหญ่เหลืออยู่ในที่สาธารณะ  วัด  โรงเรียน  พื้นที่สาธารณะประโยชน์  ต้องเฝ้าระวังการลักลอบตัด   โดยให้มวลชนมีส่วนร่วมในการบวชป่า  การทำพันธสัญญาดูแลไม้พะยูง   ส่วนไม้พะยูงที่นำมาจากต่างจังหวัดเพื่อข้ามแม่น้ำโขงที่จังหวัดนครพนม   ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือ  ภาคประชาชนให้ข่าวเพื่อป้องกันปราบปราม

สำนักนโยบายและแผนพลังงาน ประกาศผลสุดยอดโรงเรียนลดใช้พลังงานระดับจังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โครงการ “พลังคิด สะกิดโลก”

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประกาศผล 40 สุดยอดโรงเรียนลดใช้พลังงาน ระดับจังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โครงการ "พลังคิด สะกิดโลก” แผนการลดใช้พลังงานของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้สามารถลดใช้ไฟฟ้าได้กว่า 2.1 ล้านหน่วย (กิโลวัตต์/ชั่วโมง) คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้จำนวนกว่า 9.9 ล้านบาท นางเอมอร ชีพสุมล ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบเงินรางวัลให้สถานศึกษาละ 250,000 บาท โล่และใบประกาศเกียรติคุณให้โรงเรียนที่ชนะเลิศการประกวดในระดับมัธยมศึกษาและระดับประถมศึกษา เมื่อบ่ายวันนี้ (3 มิ.ย. 57) ที่โรงแรมพูลแมนจังหวัดขอนแก่นว่า ขณะนี้โครงการ "พลังคิด สะกิดโลก” ได้มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยผลการประกวดได้โรงเรียนลดใช้พลังงานระดับจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 40 โรงเรียน แบ่งเป็นระดับอนุบาล-ประถมศึกษา จำนวน 20 โรงเรียน และมัธยมศึกษา หรือเทียบเท่า จำนวน 20 โรงเรียน จากโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์การแข่งขันทั้งหมด 1,594 โรงเรียน ทั้งนี้ที่โรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3,380 โรงเรียน สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในสถานศึกษาได้รวมจำนวน2,139,214.26 หน่วย (กิโลวัตต์/ชั่วโมง) คิดเป็นมูลค่าเงินที่ประหยัดค่าไฟฟ้า 9,904,562.02 บาท โครงการ "พลังคิด สะกิดโลก” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 20 จังหวัด โดยโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 1,594 แห่ง ได้ส่งแผนรณรงค์การลดใช้พลังงานของสถานศึกษา ให้คณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับจังหวัด พิจารณาคัดเลือกสุดยอดโรงเรียนลดใช้พลังงานผลการตัดสินของคณะกรรมการ ปรากฏว่า มีสุดยอดโรงเรียนลดใช้พลังงานระดับจังหวัดประเภทอนุบาล-ประถมศึกษา ได้แก่ 1.โรงเรียนกุดหว้าวิทยา จังหวัดกาฬสินธุ์ 2.โรงเรียนสนามบิน จังหวัดขอนแก่น 3.โรงเรียนบ้านหนองระเหว จังหวัดชัยภูมิ 4.โรงเรียนบ้านหนองหญ้าม้า จังหวัดนครพนม 5.โรงเรียนบ้านห้วยตะแคง จังหวัดนครราชสีมา 6.โรงเรียนบ้านคำไผ่ จังหวัดบึงกาฬ 7.โรงเรียนบ้านโคกโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ 8.โรงเรียนบ้านหนองแสง(หนองราษฎร์วิทยา) จังหวัดมหาสารคาม 9.โรงเรียนบ้านคำป่าหลาย จังหวัดมุกดาหาร 10.โรงเรียนบ้านโนนม่วง จังหวัดยโสธร 11.โรงเรียนบ้านโพนหิน จังหวัดร้อยเอ็ด 12.โรงเรียนเลยตาดโนนพัฒนา จังหวัดเลย 13.โรงเรียนบ้านเสียว จังหวัดศรีษะเกษ 14.โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่ จังหวัดสกลนคร 15.โรงเรียนเมืองที จังหวัดสุรินทร์ 16.โรงเรียนบ้านไร่ จังหวัดหนองคาย 17.โรงเรียนโนนสวาทหนองไพบูลย์ จังหวัดหนองบัวลำภู 18.โรงเรียนบ้านโนนค้อทุ่ง จังหวัดอำนาจเจริญ 19.โรงเรียนธาตุดอนตูม จังหวัดอุดรธานี 20.โรงเรียนบ้านทุ่งนาเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ประเภทมัธยมศึกษา หรือเทียบเท่า 1.โรงเรียนสหัสขันธ์ศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ 2.โรงเรียนฝางวิทยายน จังหวัดขอนแก่น 3.โรงเรียนบางอำพันธ์วิทยาคม จังหวัดชัยภูมิ 4.โรงเรียนธรรมโฆษิตวิทยา จังหวัดนครพนม 5.โรงเรียนกระเบื้องนอกพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา 6.โรงเรียนพรเจริญ จังหวัดมหาสารคาม 9.โรงเรียนบ้านโนนสวาท จังหวัดมุกดาหาร 10.โรงเรียนโพนทันเจริญวิทย์ จังหวัดยโสธร 11.โรงเรียนไพโรจน์วิชชาลัย จังหวัดร้อยเอ็ด 12.โรงเรียนเลยสว่างวิทยาคม จังหวัดเลย 13.โรงเรียนเบญจลักษณ์พิทยา จังหวัดศรีษะเกษ 14.โรงเรียนบ้านดอนแดงเม่นใหญ่ จังหวัดสกลนคร 15.โรงเรียนสุรินทร์ราชมงคล จังหวัดสุรินทร์ 16.โรงเรียนถ่อนวิทยา จังหวัดหนองคาย 17.โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ หนองบัวลำภูฯ จังหวัดหนองบัวลำภู 18.โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ 19.โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร จังหวัดอุดรธานี 20.โรงเรียนสะพือวิทยาคาร จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมรับทุนสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนละ 250,000 บาท





สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว
ดวงเนตร/นศ.ฝึกงาน/พิมพ์/3 มิ.ย.57

ชัยภูมินำร่อง 11 อำเภอ ตั้งศูนย์ปรองดองสานฉันท์สู่การปฎิรูป

ชัยภูมิ ระดมเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนประกอบกำลัง ประจำศูนย์ปรองดองสมานฉันท์สู่การปฎิรูประดับจังหวัด พร้อมนำร่องระดับอำเภออีก 11 อำเภอ หวังเป็นต้นแบบขยายผลครบทั้ง 16 อำเภอ

                เมื่อเวลา 13.30น. วันนี้ 3 มิ.ย.57 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ นายพรศักดิ์  เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ  ประชุมสร้างความเข้าใจกับส่วนราชการต่างๆ และนายอำเภอ พื้นที่เป้าหมาย นำร่อง 11 อำเภอ ที่จะตั้งเป็นศูนย์ปรองดองสมานฉันท์สู่การปฎิรูป ตามนโยบายของ คสช. ที่ให้ตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ในทุกพื้นที่ โดยเป็นศูนย์กลางให้ทุกฝ่ายที่เห็นต่าง ประชาชนในพื้นที่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยศูนย์ดังกล่าวจะให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจ และให้ความรู้ในการบริหารราชการของ คสช. เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปบิดเบือน ซึ่งทำให้วงจรความขัดแย้งไม่คลี่คลาย  

                ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ   กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัด ได้มีคำสั่งตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์สู่การปฎิรูป ขึ้นใน 2 ระดับ คือระดับจังหวัด ตั้งเป็นศูนย์ใหญ่ ระดมเจ้าหน้าที่หน่วยงานทุกภาคส่วน เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนยฺ์เพื่อความสะดวกต่อการประสานงาน นอกจากนี้ยัง ตั้งศูนย์ระดับอำเภอ โดยนำร่องที่ 9 อำเภอก่อน ประกอบด้วย อำเภอเมือง, แก้งคร้อ, คอนสวรรค์, หนองบัวแดง, เทพสถิต, จัตุรัส, เนินสง่า,  ซับใหญ่,บำเหน็จณรงค์,บ้านเขว้า และอำเภอหนองบัวระเหว  เมื่อดำเนินการได้ผล จึงค่อยขยายให้ครบทั้ง 16 อำเภอ




สุระพงค์  สวัสดิ์ผล /ข่าว 

ชัยภูมิแถลงข่าวพร้อมรับนักท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวบาน

พร้อมแล้วสำหรับงานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน "กระเจียวสู่อาเซี่ยน” สัมผัสหมอก หยอกดอกกระเจียว กลางขุนเขา แห่งเดียวที่ชัยภูมิ ตลอดทั้ง 3 เดือนช่วงฤดูฝน ระดมทุกภาคส่วน เป็นเจ้าบ้าน สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับคนชัยภูมิ

เมื่อเวลา 10.00น. วันนี้ 3 มิ.ย.57 นายพรศักดิ์  เจียรณัย ผวจ..ชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต  มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกระเจียวผุดขึ้นมาจากใต้ดิน กลางขุนเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700 -1,000 ฟุต ชูช่อใบและดอก สีชมพูอมม่วง และสีขาว เบ่งบานบนลานทุ่งกว้าง ที่ปกคลุมด้วยหญ้าเพ็กสีเขียว และต้นไม้แคระ ช่วงเช้าๆมีเมฆหมอกปกคลุมทั่วบริเวณ เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศ เดินทางไปสัมผัสทุกปี  เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ สดชื่น  จนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวว่า เหมือนเป็นสวิชเซอร์แลนด์เมืองไทย

สำหรับปีนี้ ได้จัดเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา กำหนดพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิถุนายน 2557 เวลา 10.00น. ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต เน้นการบริการนักท่องเที่ยวให้มีความสะดวก ปลอดภัย และประทับใจกับการบริการทุกๆด้าน ทั้งเรื่องการจราจร ช่วงวันหยุดยาว และวันหยุดเสาร์อาทิตย์  เรื่องที่พัก อาหาร การดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การรักษาความสะอาด เป็นต้น  

นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวผาสุดแผ่นดินบนความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร และป่าหินงามที่มีหินรูปร่างแปลกตาให้ชมและจินตนาการมากมาย เช่น หินรูปเรดาร์ หินแม่ไก่  หินรูปถ้วยฟีฟ่า ซึ่งท่านไม่ต้องเดินทางไปถึงประเทศบราซิล มาที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามท่านจะได้ถ่ายรูปและสัมผัสถ้วยฟีฟ่าอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว   นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติป่าหินงามได้จัดรถนำเที่ยวพร้อมมัคคุเทศก์ไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยคิดค่าบริการ 20 บาทต่อคน ตลอดเส้นทาง

ด้าน พล.ต.ต.พินิต  มณีรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ได้ปรับปรุงระบบจราจรบริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โดยมุ่งให้การจราจรลื่นไหล เพิ่มกำลังตำรวจ อปพร. ประจำตามจุดทางเลี้ยวทางแยก ลานจอดรถและหน้าร้านอาหาร  และเพิ่มลานจอดรถให้สามารถรองรับได้มากกว่าปีที่แล้ว

นักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินทางไปสัมผัสความงามของดอกกระเจียว  สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ  โทรศัพท์ 044-857105 ต่อ 6 สถานีตำรวจภูธรอำภอเทพสถิต 044-857100 อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทรศัพท์ 044-056141-2  องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์  044-811376  และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ  โทรศัพท์  0-4482-2502




สุระพงค์  สวัสดิ์ผล/ข่าว

ผู้ว่าโคราชมอบนโยบายสร้างความปรองดองให้กับหัวหน้าส่วนราชการ โดยใช้การทำกิจกรรมร่วมกัน มั่นใจสร้างความปรองดองในพื้นที่ได้เร็ว

วันที่ 3 มิถุนายน 2557 นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกแห่ง และหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป โดยใช้พื้นที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เป็นที่จัดตั้งศูนย์ และมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นหัวหน้าศูนย์ฯ นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ปรองดองฯในระดับอำเภอทั้ง 32 อำเภอด้วย ทั้งนี้ศูนย์ปรองดองฯต้องดำเนินการปรับทัศนคติของพี่น้องประชาชนเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งในอนาคต

ทั้งนี้การขับเคลื่อนนโยบายปรองดองสมานฉันท์อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้การทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ กิจกรรมบันเทิง หรือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ และยุติความขัดแย้งทางการเมือง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามั่นใจว่า จะสามารถสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาได้โดยเร็ว 

โคราช จับมือ สคบ. จัดประกวดภาพยนตร์โฆษณาดีเด่นเพื่อผู้บริโ¬ภคครั้งที่ 13

วันที่ 3 มิ.ย. 57 ที่โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดโครงการภาพยนตร์โฆษณาดีเด่นทางโทรทัศน์ เพื่อผู้บริโภค ครั้งที่ 13 (สคบ.แอด อะวอร์ด) ประจำปี 2557 เพื่อให้กับประชาชน นักศึกษา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินภาพย­นตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ และประกาศเกียรติคุณให้ผู้ประกอบการที่มีจ­ริยธรรมในการโฆษณาสินค้าหรือบริการทางสื่อ­วิทยุโทรทัศน์ อีกทั้งเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ประกอบการธุ­รกิจที่จัดทำโฆษณาด้วยความรับผิดต่อต่อสัง­คมและผู้บริโภค หรือข้อความที่อาจจะก่อให้เกิดความสูญเสีย­ต่อสังคม ในลักษณะโฆษณาที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง ภาพยนตร์ที่อาจจะก่อให้เกิดในสาระสำคัญเกี­่ยวกับสินค้าหรือการบริการ ภาพยนตร์โฆษณาที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรื­อโดยอ้อม ให้มีการกระทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม หรือนำไปสู่ความเสื่อมเสียในวัฒนธรรมของธร­รมชาติและภาพยนตร์โฆษณาที่อาจจะก่อให้เกิด­ความแตกแยกหรือเสื่อมเสียความสามัคคีในประ­ชาชน

ผู้ว่าโคราชมอบสิ่งของเป็นกำลังใจแก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบตามจุดต่างๆ

วันที่ 2 มิ.ย. 57 นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พลตรีวุฒิ แสงจักร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 พลตำรวจตรีพงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางมอบสิ่งของให้แก่ทหาร ตำรวจ และ อส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ ประกอบด้วย บริเวณศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี บริเวณแยกตำบลจอหอ อ.เมืองนครราชสีมา บริเวณริมถนนมิตรภาพ หน้าสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ต.สุรนารี และบริเวณแยกไฟแดง 5 แยก หัวรถไฟ เขตเทศบาลฯ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา

กอ.รมน.จ.บุรีรัมย์จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป

กอ.รมน.จังหวัดบุรีรัมย์ จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประจำจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อ สร้างความรักความสามัคคี สร้างความปรองดองสมานฉันท์และความสงบสุขให้เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์
(๓ มิถุนายน ๒๕๕๗) เวลา ๑๕.๐๐ น. ที่ สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ศาลากลางจังหวัด นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ประจำพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยสนธิกำลังทุกฝ่าย ได้แก่ พลเรือน ตำรวจ และทหาร ร่วมเป็นคณะทำงาน มุ่งแก้ไขความขัดแย้ง สร้างความปรองดองสมานฉันท์และความสงบสุข โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ไม่แยกสีเสื้อ ลืมอดีตที่ขัดแย้ง หันหน้าเข้าหากัน สร้างความสามัคคี วางระบบประเทศใหม่แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน และการจัดตั้งศูนย์ปรองดองฯ ระดับอำเภอและตำบล เพื่อลดข้อขัดแย้ง และเปิดเวทีระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยกของคนในชาติ รวบรวมปัญหาความต้องการเร่งด่วน และแก้ไขปัญหาความต้องการของหมู่บ้าน/ตำบลต่อไป   

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับจังหวัดทหารบก ออกตรวจเยี่ยมพร้อมจ่ายเงินจำนำข้าวแก่เกษตรกร

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก เป็นประธานมอบเงินให้เกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าวฯ จำนวน 500 ราย ในพื้นที่ 2 อำเภอ ของจังหวัดบุรีรัมย์ รวมเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท โดยทยอยจ่ายเงินสดและเข้าบัญชีเกษตรกรลูกค้า ตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามลำดับและจะสามารถจ่ายได้ครบตามยอดเงินที่ได้รับการจัดสรรมาแล้วภายในสัปดาห์นี้

(3 มิ.ย. 57) นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พลตรีเสริมศักดิ์ นิยะโมสถ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ เป็นประธานมอบเงินให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จำนวน 500 ราย เป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท โดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีของลูกค้า ธกส. ขณะที่บางรายได้มีการนัดรับเงินสดกับทางธนาคาร ธกส. ตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินจำนำข้าวที่ได้รับการจัดสรรมาก้อนแรกเม็ดเงินกว่า 1,240 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรเสร็จสิ้น ภายในสัปดาห์นี้

สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ รวม 64,656 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 297,260 ตัด วงเงิน 5,588.39 ล้านบาท ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2557 ธ.ก.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 49,769 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 240,236 ตัน วงเงิน 4,577.052 ล้านบาท คงเหลือค้างจ่ายเกษตรกร 14,887 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 57,025 ตัน วงเงิน 1,011.345 ล้านบาท

ประชาชนจากทุกภาคส่วนในมหาสารคาม ร่วมเสนอแนวทางสร้างความปรองดอง เฉลิมฉลอง 150 ปี

ประชาชนจากทุกภาคส่วนในจังหวัดมหาสารคาม ร่วมเสนอแนวทางการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดมหาสารคาม ลดความขัดแย้ง สร้างความสงบสุขมาสู่เมืองมหาสารคาม ตามแนวทาง " 150 ปี มหาสารคาม กินดี มีสุข รู้รักสามัคคี”

                   ที่ห้องประชุม 406 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ประชาชนจากทุกภาคส่วน ทั้งพระสงฆ์ ข้าราชการ นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มพลังมวลชน ได้ร่วมกันเสนอแนวทางในการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดมหาสารคาม ภายหลังจากที่ จังหวัดมหาสารคาม ได้หารือนอกรอบกับผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเห็นต่างทางการเมือง นักวิชาการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ซึ่งการรับฟังความเห็นในวันนี้ (3-6-57) มีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.อ.สมชาย เพ็งกรูด รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 ในฐานะ ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบ จังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยพระสุทธิธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายธรรมยุต ร่วมเป็นประธานรับฟังความคิดเห็น

                    ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า การหารือในวันนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้จังหวัดมหาสารคามและประเทศไทย ไปสู่ความสุขสงบโดยเร็ว โดยจังหวัดมหาสารคาม ได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 พร้อมจัดตั้งศูนย์ฯในระดับอำเภอ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกฝ่าย พร้อมรวบรวมมาเป็นแนวคิดเห็น นำมาสู่การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น โดย การมีส่วนร่วมของประชาชนถือว่าสำคัญที่สุด ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย และก้าวสู่การพัฒนาประชาธิปไตยต่อไปในอนาคต

                     สำหรับแนวทางการหารือในเบื้องต้น เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดมหาสารคาม นั้น ยึดกระบวนการชุมชนเข้มแข้ง สร้างความไว้วางใจในชุมชน ลดความขัดแย้ง สอบถามความต้องการของประชาชน พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่มหาสารคาม มีอายุครบ 150 ปี ในปี พ.ศ.2558 ภายใต้แนวทาง " 150 ปี มหาสารคาม กินดี มีสุข รู้รักสามัคคี”




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมหาสารคาม จัดอบรม-ทดสอบความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ

จังหวัดมหาสารคาม นำข้าราชการเข้ารับการอบรมและทดสอบความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 เพื่อเป็นแนวทางนำไปสู่การเป็นต้นแบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการประจำจังหวัด

(3-6-57) จังหวัดมหาสารคาม ได้จัดให้มีโครงการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 พร้อมจัดให้มีการทดสอบ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติญ ดังกล่าว โดยมีข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดมหาสารคาม มาเข้ารับการอบรม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมได้มีความรู้เกี่ยวกับ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีการปฏิบัติงานเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฯดังกล่าว อันจะไปสู่การเป็นต้นแบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการประจำจังหวัด รวมถึงได้ใช้ประโยชน์ในการทดสอบความรู้ ซึ่งผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่จังหวัดมหาสารคาม ได้กำหนดการทดสอบในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2557 ที่หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ในการอบรมความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พร้อมจัดให้มีการทดสอบ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติญ ดังกล่าว นั้น เป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารของทางราชการแก่ประชาชน โดยประชาชนสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายที่ระบุใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ทั้งสิทธิการได้รู้ การตรวจดูสำเนา ขอสำเนา ร้องเรียนและอุทธรณ์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐให้มีความโปร่งใส ตามหลักการ เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น

สำหรับปี 2557 จังหวัดมหาสารคาม มีหน่วยงานที่ให้ความสนใจในการจัดทำศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ รวม 8 หน่วยงาน คือ สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด แขวงการทาง สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด สำนักงานประกันสังคม และเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว 

ผู้ว่าฯ-ตำรวจ-ทหาร จ.มหาสารคาม แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า12,000 เม็ด

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า โดยได้ของกลางหลายรายการ พร้อมยาบ้ารวม 12,000 เม็ด

                          (3 มิ.ย. 2557) ที่ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรมหาสารคาม พ.อ.สมชาย เพ็งกรูด ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ กก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด 3 ราย คือ รายที่ 1 จับกุมนายบุญทัน หรือ ทัน พรมวงษา อายุ 48 ปี เลขที่ 42 ม.9 ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จว.นครพนม และ นายธีระเดช หรือ โจ้ ครุฑคำ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 228/5 ถนนเจริญเมือง ต.พระธาตุเชิงชุม อ.เมือง จว.สกลนคร โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน10,000 เม็ด โทรศัพท์ 3 เครื่อง รถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ พรีรันเนอร์ สีดำ 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสายบรบือ-นาเชือก

                     อีกราย เป็นการจับกุม นายหนูจี หรือ กุง เทียงดี อายุ 36 ปี เลขที่ 5 ถนนนาเชือก-บรบือ ต.นาเชือก อ.นาเชือก จว.มหาสารคาม ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลาง - ยาบ้า 2,000 เม็ด - โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่บริเวณริมถนนสายบรบือ-นาเชือก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 19 บ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

                     ซึ่งการแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาในคดียาบ้าครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ดำเนินการกวาดล้างภายใต้การประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม โดยได้จับกุมผู้ต้องหารวม 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า รวม 12,000 เม็ด โดยได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่ยึดได้ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

กลุ่มความเห็นแตกต่างจังหวัดเลยจับมือปรองดอง สมานฉันท์

กลุ่มความเห็นแตกต่างทางการเมืองในจังหวัดเลย  จับมือปรองดองสมานฉันท์  เลิกแบ่งฝ่ายหันกลับมาสร้างความสามัคคี สร้างความสงบสุขในสังคม และร่วมมือกันพัฒนาบ้านเมือง

                เมื่อเช้านี้ (๒ มิ.ย. ๕๗) ที่หอประชุมอำเภอวังสะพุง  จังหวัดเลย พลตรีวรทัต  สุพัฒนานนท์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ ประจำจังหวัดเลย  นายวิโรจน์  จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และ พลตำรวจตรีศักดา  วงศ์ศิริยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ในฐานะที่ปรึกษากองกำลังรักษาความสงบพื้นที่จังหวัดเลย ได้ร่วมเป็นสักขีพยาน พิธีสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ของกลุ่มที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองของอำเภอวังสะพุง

                ผู้บัญชาการการกองกำลังรักษาความสงบประจำจังหวัดเลย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ ๑๐ ปี    ที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป  ประชาชนชาวไทยไม่มีรอยยิ้ม  ไม่มีความสุข การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม ไม่ก้าวหน้า เนื่องมาจากความแตกแยกทางการเมือง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศยึดอำนาจการปกครอง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ทุกฝ่ายในบ้านเมือง แม้จะเคยมีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง แต่ต่างก็มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ประเทศชาติสงบสุข มีความมั่นคง เจริญก้าวหน้า        จะได้หันหน้าเข้าหากัน เลิกความแตกแยก และหันมาสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าต่อไป

                ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า  ช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน นับเป็นโอกาสที่ดีที่คนไทย จะได้ร่วมมือกันสถาปนาความมั่นคง ยั่งยืนให้กับ สถาบันชาติ  ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติการทำกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ในครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของคนไทยทั้งประเทศที่จะร่วมกันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชาวไทยเทิดทูนเหนือสิ่งใด และจะเป็นส่วนสนับสนุนให้ระบบการเมืองไทย มีคุณธรรม  ด้วยหลักธรรมาภิบาล  ร่วมกันทำบ้านเมืองให้ดี  มีความสงบสุข และมั่นคง

                ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย กล่าวว่า ภาพการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ครั้งนี้ จะเป็นประวัติศาสตร์ของจังหวัดเลย  เป็นภาพที่ผู้ใดพบเห็นย่อมจะนำมาซึ่งความดีใจ  ความสุขใจ และความสงบสุขของบ้านเมือง จะกลับคืนมาจากการสร้างความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ ในครั้งนี้

                นายธนกฤต  อันทะระ และ นายสากล  สาหล้า  แกนนำกลุ่มที่มีความเห็นทางการเมืองต่างกัน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า  ยินดีสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมไทยให้สงบสุข  ร่วมมือกันสร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองต่อไป  จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้เปลี่ยนไปใส่เสื้อสีเดียวกัน เพื่อยืนยันว่า จะไม่แตกแยกแบ่งฝ่ายอีกต่อไป  จากนั้นได้มีการบายศรีสู่ขวัญผู้ร่วมปรองดองสมาฉันท์

                ในขณะเดียวกัน  ที่อำเภอนาด้วง  ก็ได้จัดกิจกรรมสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ที่หอประชุมอำเภอนาด้วง  มีกลุ่มผู้มีความเห็นแตกต่างทางการเมือง กลุ่มพลังมวลชน  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ผู้บริหาร และผู้นำท้องถิ่น  ภาคประชาชน และนักเรียนนักศึกษา ของอำเภอนาด้วงเข้าร่วมกิจกรรมประกาศสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อร่วมกันนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง  และสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติบ้านเมืองด้วย

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ เตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ

พันโท วรากร ธนยั่งยืน เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประจำจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารหรือมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นทหาร เข้าทำการตรวจค้นและทำยึดสิ่งของตามบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยอ้างว่าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก นั้น

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ ขอชี้แจงให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การกระทำของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ และขอแจ้งว่า ปัจจุบัน มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดี มีการปล่อยข่าวว่ามีการกระทำดังกล่าว และมีกลุ่มคนที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้าปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อสร้างความแตกแยกและสร้างความเช้าใจผิดกับพี่น้องประชาชน และอาจมีกลุ่มมิจฉาชีพใช้สถานการณ์ปัจจุบันแอบอ้างปฏิบัติ

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า อย่าได้หลงเชื่อกับข่าวลือดังกล่าว หรือหากมีการกระทำดังกล่าวจริง ก็ไม่ใช่การกระทำของหน่วยกองกำลังของทหาร และขอแจ้งให้ทราบว่า หากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัด ศรีสะเกษ จะมีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นหรือเข้ายึดสิ่งของที่ผิดกฎหมายจากประชาชน จะมีการดำเนินการดังนี้

1. เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจ จะแต่งเครื่องแบบถูกต้องทุกครั้งในการเข้า ปฏิบัติงาน

2. การเข้าปฏิบัติทุกครั้ง จะมีเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติร่วม ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน

3. หากมีการตรวจพบผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัด ศรีสะเกษ จะนำผู้กระทำความผิดและของกลางส่งมอบให้ สภอ.ในพื้นที่ ดำเนินการต่อไป

หากมีการปฏิบัตินอกเหนือที่แจ้งไป การปฏิบัตินั้น ๆ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ หากพี่น้องประชาชนทราบข่าว หรือถูกดำเนินการจากบุคคล กลุ่มบุคคล ขอให้เจ้งเจ้าหน้าที่ปกครองในท้องที่เข้าดำเนินการ หรือแจ้งได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ โทร 045-.611815 หรือ พ.ท.วรากร ธนยั่งยืน เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประจำจังหวัดศรีสะเกษ โทร 080-6397121



สมกมล คงอาชวะ/ข่าว/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
 2 มิ.ย. 2557

กองทัพภาคที่ 2 จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชนประจำจังหวัดศรีสะเกษ หลังประกาศกฏอัยการศึก

พลตรี ทวีศักดิ์ ไชยโย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ แจ้งมายัง นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษว่า หลังจากที่มีประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมานั้น กองทัพภาคที่ 2 ได้จัด”กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ” และ”จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชน” เพื่อรับข่าว แจ้งข่าว ช่วยเหลือและแนะนำประชาชนในการปฏิบัติในห้วงที่มีประกาศกฎอัยการศึก

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดศรีสะเกษ” และ”ศูนย์ประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชน” ตั้งอยู่ที่ห้องประชุมไกรภักดี ชั้น 2 อาคารศาลากลางจังหวัด(หลังเก่า) โดยมี พันเอก อัครเดช บุญเทียม ผู้บังคับกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด เป็นผู้รับผิดชอบ

จึงประชาสัมพันธ์ มายังพี่น้องประชาชนให้ทราบ หากพี่น้องมีข่าวสารใด ๆ ที่จะแจ้ง หรือขอคำแนะนำ ช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานได้ตามที่อยู่ข้างต้น




สมกมล คงอาชวะ/ข่าว/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
2 มิ.ย. 2557

อุดรธานีประชุมติดตามการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล

จังหวัดอุดรธานีร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ประชุมติดตามความคืบหน้าในการเตรียมการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล "หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ที่ห้องประชุมสบายดี ชั้น4 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี บ่ายวันนี้ ( 2 มิ.ย.57 ) นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าในการเตรียมการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโนโดยมีคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ร่วมประชุม

โดยในการประชุมดังกล่าวที่ประชุมมีการหารือเกี่ยวกับปรับเปลี่ยนสถานที่ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิ สุทธิมงคลจากเดิมกำหนดจัดสร้างขึ้นในบริเวณจิตกาธานองค์หลงตา ต่อมาที่ประชุมพระมหาเถระและพระเถระ ๒๐ รูป เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับองค์หลวงตาฯ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อาทิ เจ้าคุณพระอุดมญาณโมลี(หลวงปู่จันทร์ศรี) วัดโพธิสมภรณ์, หลวงปู่บุญมี วัดป่านาคูณ, หลวงปู่บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล, หลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เป็นต้น คณะสงฆ์มีมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันสถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ให้เป็นไปตามความเมตตาขององค์หลวงตาฯที่เมตตายอมรับคำปวารณาในที่ดิน ๓๑ ไร่ ซึ่งนางประไพพร เดชตีรยากร ถวายเพื่อโครงการนี้ ทั้งนี้เนื่องจากผู้บริจาคที่ดินรายนี้ได้ประสบกับภาวะโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าสมาชิกในครอบครัวอย่างรุนแรง จึงเป็นเหตุสำคัญให้ได้เข้ากราบขอความเมตตาและแสดงเจตนารมณ์ ต่อองค์หลวงตาฯ แม้ในทีแรกองค์หลวงตาฯไม่ได้ว่ากล่าวประการใด แต่ต่อมาองค์ท่านก็ปรารภเรื่องนี้ขึ้นและเมตตาโดยลงนามรับมอบการโอนที่ดินจนแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ซึ่งแม้มิใช่การชี้จุดด้วยองค์ท่านเอง แต่คณะสงฆ์ทุกรูปก็ได้รับทราบชัดเจนในเจตนารมณ์ขององค์หลวงตาฯที่ได้รับมอบที่ดินดังกล่าว ดังนั้น คณะสงฆ์จึงยอมรับและดำเนินโครงการในที่ดินแปลงนี้ได้ด้วยเคารพบูชาอย่างสูงสุดในพระเมตตาขององค์หลวงตาฯ ที่มีต่อผู้ป่วยไข้และต่อโลก

สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมสมทบทุนการก่อสร้างสามารถบริจาคสามารถบริจาคโดยตรงได้ที่วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี หรือบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี "ร่วมสร้างเจดีย์ถวายหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนโดยพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน” ธนาคาร กสิกรไทย สำนักงานสาขาอุดรธานีเลขที่บัญชี 110-2-33344-4 , ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า เลขที่บัญชี 859-223576-1, ธนาคาร กรุงเทพ สาขาอุดรธานีเลขที่บัญชี 284-7-38388-8, ธนาคาร กรุงไทย สาขาอุดรธานีเลขที่บัญชี 401-3-13864-6 , ธนาคาร กรุงไทย สาขาตลาดหนองบัวเลขที่บัญชี 426-0-35998-3ชื่อบัญชี "กองทุนสร้างเจดีย์พระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน” ธนาคาร กรุงเทพ สาขาเอกมัยเลขที่บัญชี 063-0-30191-9, ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเอกมัยเลขที่บัญชี 059-2-63333-9, ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาเอกมัย เลขที่บัญชี 078-233067-4และท่านใดต้องการให้ออกใบอนุโมทนาบัตรของวัดป่าบ้านตาด ให้ส่งรายละเอียดการโอนพร้อมที่อยู่ติดต่อได้ มาที่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน309/1 ม.1 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000โทร. 042-214114 โทรสาร 042-214115Email: sbttvfm@hotmail.com, sbt_radio@hotmail.comและร่วมบริจาคผ่านบัญชีสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชี "มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ หลวงตามหาบัวณ วัดป่าบ้านตาด”ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่าเลขที่บัญชี 229-0-98333-3 และส่งแบบฟอร์มพร้อมสำเนาการโอนเงินมาที่ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์54 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่กรุงเทพฯ 10210(เพื่อดำเนินการจัดส่งใบเสร็จรับเงิน นำไปลดหย่อนภาษีได้)

สำหรับยอดเงินบริจาคเพื่อพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ จนถึงขณะนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 369,931,677.39 บาท (สามร้อยหกสิบเก้าล้านเก้าแสนสามหมื่นหนึ่งพันหกร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาท สามสิบเก้าสตางค์)





ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
อภิธรรม สิทธิเดชกุลศิลป์ / ภาพนิ่ง

อุดรธานีจัดงานมหกรรมรวมพลคน TO BE NUMBERONE ศรีอุดรธานี ครั้งที่ ๒

จังหวัดอุดรธานี จัดงานมหกรรมรวมพลคน TO BE NUMBERONE ศรีอุดรธานี ครั้งที่ ๒ ต้อนรับคณะกรรมการประเมินโครงการทูบีนัมเบอร์วันกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการเป็นจังหวัดทูบีนัมเบอร์วันวันดีเด่นระดับประเทศและเพื่อการก้าวสู่จังหวัดทูบีนัมเบอร์วันดีเด่นระดับประเทศ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 2 มิ.ย.57 ) ที่ห้องประชุมทองใหญ่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะกรรมการทูบีนัมเบอร์วันจังหวัดอุดรธานี องค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนคณะกรรมการประเมินโครงการทูบีนัมเบอร์วันกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วยนายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงานในฐานะ ประธานกรรมการ นางธิดา จุลินทร ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 8 กรมสุขภาพจิต กรรมการ , นางกัญญารัตน์ จิรจินดา นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรรมการ และ นางสาวดวงกมล พลศิริพิพัฒน์ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักงานโครงการ TO BE NUMBER ONE เลขานุการ ซึ่งในการเดินทางมาตรวจประเมิน คณะกรรมการมีกำหนดการลงประเมินในระดับพื้นที่เพื่อนำคะแนนไปประกอบในการประกวดระดับประเทศและเพื่อดูผลการดำเนินงานเชิงประจักษ์

นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จังหวัดอุดรธานีได้ร่วมโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีมาตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบันและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้มีกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงบวกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยในปี 2557 จังหวัดอุดรธานีได้ร่วมการประกวดกิจกรรม จังหวัด/ชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 โดยส่งชมรมเข้าร่วมการประกวด 6 ชมรม และผ่านการประกวดเป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อเข้ารอบประกวดระดับประเทศในวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2557 จำนวน 4 ประเภท คือ จังหวัด TO BE NUMBER ONE (โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ,ชมรมในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทพร้อมเป็นต้นแบบระดับเงินปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี สังกัดเทศบาลนครอุดรธานี,ชมรมในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทดีเด่น โรงเรียนพันดอนวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี และชมรมในสถานประกอบการขนาดกลาง-เล็ก ประเภทดีเด่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาอุดรธานี

ทั้งนี้จากผลจากการที่จังหวัดอุดรธานี ได้ดำเนินงานTO BE NUMBER ONE มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดกิจกรรมดีๆที่เป็นความภาคภูมิใจของเด็ก เยาวชน ประชาชนในจังหวัดอุดรธานี อาทิ ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าประกวดระดับประเทศ 3 ปี ซ้อน ( ปี 2553-2555 ) , โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี สังกัดเทศบาลนครอุดรธานีได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ ประเภทชมรมในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทดีเด่นปี 2556 ,รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 6 ระดับประเทศ เยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE ปี 2555 นายพฤหัส นาคเสน สมาชิกชมรม ฯจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี , รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE ( TO BE NUMBRR ONE IDOLS ) ปี 2556 นายอภิวัฒน์ จันทลีลา สมาชิกชมรม ฯจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และรองชนะเลิศอันดับ 3 ระดับประเทศ TO BE NUMBER ONE TEEN THAILAND DANCERCISE ปี 2554




ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
อภิธรรม สิทธิเดชกุลศิลป์ / ภาพนิ่ง

ภาคอีสาน 20 จังหวัด จับคู่ธุรกิจกัมพูชา 54 สัญญา เร่งนโยบายจำหน่ายผลผลิตสู่อาเซียนและเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มขึ้น

นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ นำโดย นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นำคณะผู้แทนภาครัฐจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดและผู้ประกอบการภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ร่วมบันทึกจัดทำข้อตกลงสินค้าเกษตร (Contract Farming) และเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับ 5 จังหวัดของราชอาณาจักรกัมพูชา ประกอบด้วย จังหวัดเสียมราฐ กำปงธม พระวิหาร อุดรมีชัย สตรึงเตร็ง โดยมีพิธีลงนามในสัญญาข้อตกลงซื้อขายสินค้าเกษตร(Contract Farming ) และ จับคู่ธุรกิจ(Business Matching ) ปี 2557 จำนวน 54 สัญญา มูลค่ารวม 328 ล้านบาท เป็นบันทึกข้อตกลงซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร(Contract Farming ) จำนวน 17 ฉบับ โดยเป็นผู้ประกอบการไทย 7 ราย ผู้ประกอบการราชอาณาจักรกัมพูชา 13 ราย รวม 9 ชนิดสินค้า ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวสาร มันสำปะหลัง มันเส้น เมล็ดกาแฟคั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กล้วยน้ำว้า ถั่วเหลือง และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และบันทึกความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน (Business Matching) 37 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการไทย 17 ราย ผู้ประกอบการราชอาณาจักรกัมพูชา 20 ราย รวม 17 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ มุ้ง ปุ๋ย ยาปราบศัตรพืช จิ้งหรีด สารเร่งฮอร์โมนในข้าว ธุรกิจท่องเที่ยว สบู่ แชมพู เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่พร้อมปรุง รถแทรกเตอร์ น้ำมันสมุนไพร พันธุ์ปลา อาหารสัตว์ น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์พลาสติก น้ำยาขจัดกลิ่นในห้องน้ำ และการแสดงศิลปวัฒนธรรม

นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือด้านข้อตกลงในการส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งได้มีการทบทวนคู่สัญญาปี 2556-57 ในเรื่อง Contract Farming และ Business Matching เพื่อมุ่งสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 โดยจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องการเจรจา หารือทุกด้าน เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในการดำเนินงานพร้อมการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี การอำนวยความสะดวกการข้ามแดน แม้กระทั่งเสนอที่จะส่งเสริมให้มีการพัฒนาจุดผ่อนปรนช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ตรงข้ามกับช่องอานแซะ อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา และช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ตรงข้ามกับช่องจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ให้ทั้ง 2 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งในขณะนี้ส่วนกลางของราชอาณาจักรกัมพูชาได้อนุมัติให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้แล้วและจะมีการเปิดเป็นทางการระหว่าง 2 ประเทศในโอกาสต่อไป

เกษตรกรปลูกหอมแบ่งนครพนมได้รับความเดือดร้อนราคาตกต่ำ

เกษตรกปลูกหอมแบ่งนครพนม  ได้รับความเดือดร้อนราคาตกต่ำ  ต้องการจำหน่ายทั้งในและนอกจังหวัด

นายสมหวาน  ลางวงษ์  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงขวาง  อำเภอเมือง  จังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  ชาวตำบลดงขวางปลูกหอมแบ่งเป็นอาชีพเสริมเพื่อไว้ขายในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคมที่ผ่านมา  ต้องประสบปัญหาเนื่องจากต้นทุนสูงและผลผลิตที่ออกมาไม่สามารถขายได้  ทางจังหวัดนครพนมได้มีการช่วยเหลือในเบื้องต้นโดยให้ทุกอำเภอรับไปจำหน่าย  จำนวน  162 ตัน  ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท  เป็นเงิน 1,296,000 บาท  ซึ่งยังมีหอมแบ่งอีกกว่า 300 ตัน ที่รอการจำหน่ายทั้งในและต่างจังหวัด  จึงอยากให้ผู้ต้องการหรือพ่อค้ามารับซื้อหอมแบ่งไปจำหน่าย  ซึ่งหากเกินระยะเวลาอีกหนึ่งเดือนหรือเกิดฝนตกจะทำให้หอมแบ่งเน่าเสียเกษตรกรต้องขาดทุนเพิ่มขึ้น

การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุในชุมชน ปี 2557

จังหวัดนครพนมจัดโครงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุอย่างมีคุณค่า  เพื่อให้ผู้อายุได้ปรับตัวก่อนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ

นายคุมพล  บรรเทาทุกข์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  กล่าวว่า   การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและโครงสร้างกลุ่มผู้สูงอายุของประเทศไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  ขณะที่สัดส่วนประชากรวัยแรงงานที่ต้องรับภาระดูแลผู้สูงอายุมีแนวโน้มลดลง  การเปลี่ยนแปลงจึงมีผลกระทบต่อผู้สูงอายุทั้งทางตรงและทางอ้อม  ซึ่งปัจจุบันผู้สูงอายุต้องเผชิญกับภาวะเสี่ยงในการดำรงชีวิตด้านต่างๆ ได้แก่  ปัญหาสุขภาพตั้งแต่พื้นฐานถึงระดับเรื้อรัง  ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมในการบริโภคและวิธีดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม  รวมถึงต้องอยู่ตามลำพังและพึ่งพาตนเองมากขึ้น การตกอยู่ในภาวะยากจนรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ  จังหวัดนครพนมจึงได้จัดกิจกรรมเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุในชุมชน รุ่นที่ 4 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลดงขวาง  อ.เมืองนครพนม โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 250 คน  เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความรู้  ความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ  อาทิ  การปรับตัว  การวางแผนการดำรงชีวิต  การปรับสภาพกาย จิตใจ  อารมณ์  สังคมและสุขภาพให้สามารถเผชิญกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมือเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ  และนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการปฏิบัติตนเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพต่อไป