เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ นางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะ ดำเนินการตามโครงการเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบทุนอาหารกลางวัน และมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษา ในปี ๒๕๕๖ ณ โรงเรียนบ้านหนองขี้เห็น ม.๖ ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่นพร้อมกันนี้ก็ได้ร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 881 ล้านกล้าเพิ่มพื้นที่ป่าให้กับจังหวัดขอนแก่นด้วย จากนั้นได้ไป มอบรถโยกฯ ให้กับนางพิกุล สุดจริง บ้านเลขที่ ๓๐ ม.๔ ต.โนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น และนายทองสุข ภะคะยะ บ้านเลขที่ ๕๐ ม.๑ ต.โนนแดง อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ตามโครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ปี ๒๕๕๖
วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556
กระทรวงเกษตรเร่งสร้างความเข้าใจการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2556/57 ให้เจ้าหน้าที่เกษตรภาคอีสาน หวังได้ข้อมูลที่เป็นจริงมากที่สุด
นายวราเทพ รัตนกร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานเปิดการสัมมนาสร้างความเข้าใจการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2556/2557 ให้กับเจ้าหน้าที่ใน 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจัดขึ้นที่โรงแรมเซนทราราขอนแก่นโดยมีเกษตรจังหวัดรวมทั้งเกษตรอำเภอ เกษตรตำบล เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนเกษตรจาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2,250 คนเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรเป็นไปอย่างมีคุณภาพมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลที่เป็นความจริงมากที่สุด
สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบใหม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่1 ก.ค. 2556 ถึง 30 มิ.ย.2557 และมีการประชาคมในชุมชนตั้งแต่ 15 ก.ค. 2556 ถึง 14 ก.ค. 2557 และจะมีการออกใบรับรองตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2556 ถึง 15 กันยายน 2557 นายวราเทพ รัตนากร กล่าวว่าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในรอบนี้กระทรวงเกษตรฯได้ทบทวนและปรับปรุงการขึ้นทะเบียนไว้ 3 ขั้นตอน 1 การรับขึ้นทะเบียน จะมีการประชาสัมพันธ์ตามหมู่บ้านชุมชน การเข้มงวดในการตรวจเอกสารต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือน เป็นเจ้าของผลผลิตในแปลง ขั้นที่2 จะเป็นการประชาคมกลุ่มย่อย 5 - 10 คนลงชื่อรับรองร่วมกันและประชาคมกลุ่มรวมขั้นตอนนี้จะนำภาพถ่ายดาเทียมมาร่วมประกอบด้วยรวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่จริง ขั้นตอนที่ 3 การออกใบรับรองจะมีการเข้มงวดมากขึ้นจะมีการเพิ่มใบเตือนว่า ให้ใช้สิทธิจำนำผลผลิตตามจำวนที่ได้จากการปลูกจริงเท่านั้น การขายใบรับรองและยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิในใบรับรองของตนเอง มีความผิดตามกฎหมาย หากมีการแจ้งข้อมูลเท็จเมื่อตรวจสอบพบจะมีการเพิกถอนสิทธิ์จำนำข้าวจาก 1 ปีเป็น 3 ปีและมีความผิดตามกฎหมาย...สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผุ้ปลูกข้าวปี 2555/56มีผู้ขึ้นทะเบียนไว้ 4,215,426 ครัวเรือนยอดถึง 12 ส.ค.2556 ผ่านประชาคมแล้ว 4,170,049 ครัวเรือน ออกใบรับรองแล้ว 4,129,104 ครัวเรือน สำหรับภาคอีสาน 20 จังหวัดมีผู้ขึ้นทะเบียนไว้ 2,391,899 ครัวเรือน ผ่านประชาคม 2,375,393 ครัวเรือน ออกใบรับรองแล้ว 2,364,603 ครัวเรือน
รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณืการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมกับเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ เกษตรตำบลว่าในช่วงนี้ใกล้ฤดูการโยกย้ายกระทรวงเกษตรจะพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการแต่งตั้งห้ามไม่ให้มีการวิ่งเต้นเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและของตนเองด้วย
สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบใหม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่1 ก.ค. 2556 ถึง 30 มิ.ย.2557 และมีการประชาคมในชุมชนตั้งแต่ 15 ก.ค. 2556 ถึง 14 ก.ค. 2557 และจะมีการออกใบรับรองตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2556 ถึง 15 กันยายน 2557 นายวราเทพ รัตนากร กล่าวว่าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในรอบนี้กระทรวงเกษตรฯได้ทบทวนและปรับปรุงการขึ้นทะเบียนไว้ 3 ขั้นตอน 1 การรับขึ้นทะเบียน จะมีการประชาสัมพันธ์ตามหมู่บ้านชุมชน การเข้มงวดในการตรวจเอกสารต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือน เป็นเจ้าของผลผลิตในแปลง ขั้นที่2 จะเป็นการประชาคมกลุ่มย่อย 5 - 10 คนลงชื่อรับรองร่วมกันและประชาคมกลุ่มรวมขั้นตอนนี้จะนำภาพถ่ายดาเทียมมาร่วมประกอบด้วยรวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่จริง ขั้นตอนที่ 3 การออกใบรับรองจะมีการเข้มงวดมากขึ้นจะมีการเพิ่มใบเตือนว่า ให้ใช้สิทธิจำนำผลผลิตตามจำวนที่ได้จากการปลูกจริงเท่านั้น การขายใบรับรองและยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิในใบรับรองของตนเอง มีความผิดตามกฎหมาย หากมีการแจ้งข้อมูลเท็จเมื่อตรวจสอบพบจะมีการเพิกถอนสิทธิ์จำนำข้าวจาก 1 ปีเป็น 3 ปีและมีความผิดตามกฎหมาย...สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผุ้ปลูกข้าวปี 2555/56มีผู้ขึ้นทะเบียนไว้ 4,215,426 ครัวเรือนยอดถึง 12 ส.ค.2556 ผ่านประชาคมแล้ว 4,170,049 ครัวเรือน ออกใบรับรองแล้ว 4,129,104 ครัวเรือน สำหรับภาคอีสาน 20 จังหวัดมีผู้ขึ้นทะเบียนไว้ 2,391,899 ครัวเรือน ผ่านประชาคม 2,375,393 ครัวเรือน ออกใบรับรองแล้ว 2,364,603 ครัวเรือน
รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณืการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมกับเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ เกษตรตำบลว่าในช่วงนี้ใกล้ฤดูการโยกย้ายกระทรวงเกษตรจะพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการแต่งตั้งห้ามไม่ให้มีการวิ่งเต้นเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและของตนเองด้วย
มทส. สัมมนารอบรู้ประชาคมอาเซียน : ความร่วมมือสหกิจศึกษา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)
จัดสัมมนาโครงการ รอบรู้ประชาคมอาเซียน : ความร่วมมือสหกิจศึกษา
ระดมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลาย ทั้งนักวิชาการ สถานประกอบการ
และนักศึกษา ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมประสบการณ์
มุ่งเตรียมความพร้อมและพัฒนาความสามารถของบัณฑิตไทยเพื่อเข้าสู่การแข่งขัน
ในตลาดแรงงานประชาคมอาเซียน วันนี้ (16 สิงหาคม 2556)
ศาสตราจารย์ ดร. ประสาท สืบค้า
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
เป็นประธานในการสัมมนาวิชาการโครงการรอบรู้ประชาคมอาเซียน :
ความร่วมมือสหกิจศึกษา ณ ห้องสุรนารี สุรสัมมนาคาร มทส.
โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คน จากหลายภาคส่วน ประกอบด้วย นักวิชาการ
สถานประกอบการ และนักศึกษา ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ทั้งนี้การสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ
เสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานด้านสหกิจศึกษา
ตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้คณาจารย์
บุคลากรและสถานประกอบการ
ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน
อันจะนำไปสู่การพัฒนาดำเนินงานสหกิจศึกษาในกลุ่มประชาคมอาเซียนได้อย่างมี
ประสิทธิผล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์. ดร. บุญชัย วิจิตรเสถียร
ผู้อำนวยการศูนย์สหกิจศึกษาและพัฒนาอาชีพ มทส. กล่าวว่า
"ตามที่ได้มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Community)
โดยให้อาเซียนรวมตัวเป็นประชาคมเดียวกันภายในปี พ.ศ. 2558
และได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN
Economic Community – AEC)
ย่อมส่งผลให้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับตัว
เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในส่วนของสถาบันการศึกษา
จำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาความสามารถของบัณฑิต
เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภายในประเทศอีกต่อไป
สหกิจศึกษาถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการสนับสนุนโอกาสให้นักศึกษา
ได้ประสบการณ์การทำงานในสถานประกอบการ
เพื่อที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองระหว่างการออกปฏิบัติงานสหกิจ
ศึกษา และเพิ่มความพร้อมในการทำงานจริงต่อไปในอนาคต ในส่วนของ มทส.
และเครือข่ายพัฒนาสหกิจศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนนักศึกษาไปปฏิบัติงานสหกิจศึกษาในประเทศ
กลุ่มประชาคมอาเซียน จึงได้จัดโครงการ "รอบรู้ประชาคมอาเซียน :
ความร่วมมือสหกิจศึกษา” เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษา
และบุคลากรของสถาบันสมาชิก จำนวน 15 สถาบัน
ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน
ผลกระทบของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานสหกิจศึกษานานาชาติในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน
โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน
การสัมมนาในครั้งนี้มีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยายพิเศษ อาทิ
ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสมาคมสหกิจศึกษาไทย บรรยายในหัวข้อ
"แนวทางการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสหกิจศึกษานานาชาติในกลุ่มประชาคม
อาเซียน” คุณวิรัตน์ ศรีอมรกิจกุล ผู้อำนวยการอาวุโส Benchmark Electronics
(Thailand) Public Co., Ltd. บรรยายเรื่อง
"มุมมองของสถานประกอบการต่อคุณภาพบัณฑิตในยุคประชาคมอาเซียน”
และการเสวนาในหัวข้อ
"การดำเนินงานสหกิจศึกษานานาชาติในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน :
ความร่วมมือสหกิจศึกษา” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ ข้อคิดเห็น มุมมอง
และแนวทางการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสหกิจศึกษานานาชาติในกลุ่ม
ประชาคมอาเซียน
อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของแต่ละ
สถาบันต่อไป”
BOI จัดการสัมมนาผู้ประกอบการภาคอีสาน เตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC
วันนี้ (17 ส.ค. 56) เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ เออีซี รุกหรือรับ พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อนักลงทุนไทยพร้อมรุกสู่ เออีซี โดยในการสัมมนาในครั้งนี้ ได้มีผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคอีสานร่วมสัมมนากว่า 200 คน
ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ได้มีวิทยากรที่มีความรู้ในเรื่องเออีซี ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และการทำธุรกรรมการเงินในต่างประเทศ จะร่วมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อนำไปสร้างความพร้อมและช่วยลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับฟังประสบการณ์ตรงของผู้ประกอบการที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศแล้วเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่น่าสนใจ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะนักธุรกิจในภูมิภาคกลุ่มเออีซี ยังต้องการข้อมูล และการถ่ายทอดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างโอกาสจากการเข้าสู่เออีซี บีโอไอจึงได้จัดให้มีกิจกรรมนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ในการวางแผนการลงทุนรวมถึงใช้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มเออีซีได้อย่างเต็มที่
ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ได้มีวิทยากรที่มีความรู้ในเรื่องเออีซี ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และการทำธุรกรรมการเงินในต่างประเทศ จะร่วมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อนำไปสร้างความพร้อมและช่วยลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับฟังประสบการณ์ตรงของผู้ประกอบการที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศแล้วเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่น่าสนใจ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะนักธุรกิจในภูมิภาคกลุ่มเออีซี ยังต้องการข้อมูล และการถ่ายทอดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างโอกาสจากการเข้าสู่เออีซี บีโอไอจึงได้จัดให้มีกิจกรรมนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ในการวางแผนการลงทุนรวมถึงใช้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มเออีซีได้อย่างเต็มที่
จังหวัดนครราชสีมา อบรมข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
จังหวัดนครราชสีมา
อบรมข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยชู 7
ยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้งเรื่องศูนย์กลางอาหารปลอดภัย
พลังงานสะอาดใหญ่ที่สุดของอาเซียน และเป็นประตูเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์
กระจายสินค้าสำคัญในภูมิภาค เพื่อเป็นเมืองหลวง แห่งภาคอีสานในอนาคต
ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
จังหวัดนครราชสีมา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ
ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตัวแทนสถาบันการศึกษาเข้าร่วมอบรมจำนวนมาก
โดยในการอบรมทางจังหวัดได้เชิญวิทยากรมาให้ความรู้ในด้านต่างๆ อาทิ
นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ รองประธานหอการค้าภาคอีสาน บรรยายพิเศษ เรื่อง
อาเซียน 3 เสาหลัก นางรพีพร มณีพงษ์ จากสำนักงาน กพ. บรรยายเรื่อง
ข้าราชการยุคอาเซียน และมีการเสวนา เรื่อง อนาคตโคราช :
ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ในปี 2558
ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน
ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม และทุกจังหวัด
ให้ความรู้แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และประชาชนได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
โดยทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดนครราชสีมาได้ตระหนัก
และมีความพร้อม เนื่องจากมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ภูมิสังคม
และตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม คือ เป็นประตูสู่อีสาน
ศูนย์กลางเศรษฐกิจการเกษตร อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ไหม และการท่องเที่ยว
มีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นมรดกโลก และมีคุณค่า
ซึ่งในอนาคตจะมีบทบาทสำคัญเพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี
2558 คือ เป็นเมืองหลวง แห่งภาคอีสาน
ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมามีจุดยืนทางยุทธศาสตร์สำคัญ 7 ประการ คือ
1.เป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัย และพลังงานสะอาดใหญ่ที่สุดของอาเซียน
2.เป็นประตูเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ และกระจายสินค้าสำคัญในภูมิภาค
3.เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสีเขียว ประวัติศาสตร์ อารยธรรม
และภูมิปัญญาท้องถิ่น 4.เป็นแหล่งอุตสาหกรรมการเกษตร และเทคโนโลยีชั้นสูง
5.เป็นศูนย์กลางการศึกษา การแพทย์ และการสาธารณสุข
6.เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยั่งยืน และ
7.เป็นกองกำลังเสริมสร้างความมั่นคงทางการทหารที่สำคัญในภูมิภาคและประเทศ
จังหวัดมุกดาหารจัดโครงการปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ ปี ๒๕๕๖ ๑๒ สิงหามหาราชินี – ๕ ธันวามหาราช
เวลา ๑๐.๐๐ น. นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดิน ปี ๒๕๕๖ ที่บริเวณโรงเรียนกกตูมประชาสรรค์ บ้านปากช่อง หมู่ที่ ๙ ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหาร ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนจังหวัดมกดาหาร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรภูพานภิวัฒน์ หมุ่ที่ ๑๐ ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนและราษฎร ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดิน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๑๒ สิงหามหาราชินี – ๕ ธันวามหาราช ปี ๒๕๕๖
นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ท่านมีพระราชปณิธาน ให้ความสำคัญต่อทรัพยากรน้ำและป่าไม้ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งบางส่วนมีสภาพเสื่อมโทรม พร้อมส่งเสริมปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสนับสนุนโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านต้นกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี โดยมีผู้ร่วมโครงการปลูกต้นไม้ ประมาณ ๕๐๐ คน พื้นที่เป้าหมาย ๑๔๐ ไร่ ในเขตพื้นที่อำเภอดงหลวง
นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ท่านมีพระราชปณิธาน ให้ความสำคัญต่อทรัพยากรน้ำและป่าไม้ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งบางส่วนมีสภาพเสื่อมโทรม พร้อมส่งเสริมปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสนับสนุนโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านต้นกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี โดยมีผู้ร่วมโครงการปลูกต้นไม้ ประมาณ ๕๐๐ คน พื้นที่เป้าหมาย ๑๔๐ ไร่ ในเขตพื้นที่อำเภอดงหลวง
สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร/ภาพ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เผยการลดต้นทุนการผลิตข้าวจะทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นหากมีการปรับประสิทธิภาพโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเปิดงาน "วันรณรงค์ลดต้นทุนการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ปี 2556 " ที่จังหวัดร้อยเอ็ดวันนี้ (17 ส.ค. 56) ว่า การลดต้นทุนการผลิตข้าวจะทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น หรือรายได้คงเดิม หากมีการปรับประสิทธิภาพโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในอนาคต ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยงานได้รณรงค์ให้มีการลดต้นทุนการผลิตข้าวอย่างจริงจัง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จ สามารถลดต้นทุนการผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่าหมื่นบาท
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จ สามารถลดต้นทุนการผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่าหมื่นบาท
วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก./ข่าว
17 ส.ค.56
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดงานรณรงค์ลดต้นทุนการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้อยไห้ ปี 2556 และเยี่ยมชม “ศูนย์ข้าวชุมชน” ที่จังหวัดร้อยเอ็ด
วันนี้ (17 ส.ค. 56) นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ลดต้นทุนการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ณ อาคารตลาดแพลตินั่ม อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมการข้าว ร่วมกับ 8 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต และรักษาคุณภาพข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดข้าว และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและองค์กรชาวนา
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเสวนา "ลดต้นทุนการผลิตข้าวหอมมะลิ : ทำได้จริง” การจัดนิทรรศการและการสาธิตการลดต้นทุนการผลิต และผลการดำเนินงานหมู่บ้านต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว หมู่บ้านอินทรีย์ และการผลิตข้าว GI หอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ การผลิต การจำหน่าย การเชื่อมโยงเครือข่าย เมล็ดพันข้าวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ร่วมในงานกว่า 1,500 คน จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมศูนย์ข้าวข้าวชุมชนบ้านเล้า ตำบลหนองแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีเกษตรกรและชาวประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเสวนา "ลดต้นทุนการผลิตข้าวหอมมะลิ : ทำได้จริง” การจัดนิทรรศการและการสาธิตการลดต้นทุนการผลิต และผลการดำเนินงานหมู่บ้านต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว หมู่บ้านอินทรีย์ และการผลิตข้าว GI หอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ การผลิต การจำหน่าย การเชื่อมโยงเครือข่าย เมล็ดพันข้าวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ร่วมในงานกว่า 1,500 คน จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมศูนย์ข้าวข้าวชุมชนบ้านเล้า ตำบลหนองแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีเกษตรกรและชาวประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ
วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
17 ส.ค. 56
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอทางออกของประเทศไทยของรัฐบาล
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอทางออกประเทศไทยของรัฐบาล เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปอง สร้างสรรค์ และความไว้วางใจ
นายสถาพร มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินเพื่อให้เกิดการปรองดองภายในชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์ และความไว้วางใจ โดยจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการดำเนินการรับฟังปัญหาโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศผ่านโครงการประชาเสวนาในการหาทางออกของประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่จะส่งเสริมให้การเมืองมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นด้วย
นายสถาพร มงคลสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังให้การสนับสนุนแนวคิดการจัดตั้งสภาปฎิรูปการเมือง และแนวคิดที่จะสร้างความปรองดอง ความสามัคคีของคนในชาติ โดยยินดีที่จะสนับสนุนทุกแนวท
นายสถาพร มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินเพื่อให้เกิดการปรองดองภายในชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์ และความไว้วางใจ โดยจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการดำเนินการรับฟังปัญหาโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศผ่านโครงการประชาเสวนาในการหาทางออกของประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่จะส่งเสริมให้การเมืองมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นด้วย
นายสถาพร มงคลสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังให้การสนับสนุนแนวคิดการจัดตั้งสภาปฎิรูปการเมือง และแนวคิดที่จะสร้างความปรองดอง ความสามัคคีของคนในชาติ โดยยินดีที่จะสนับสนุนทุกแนวท
วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
17 ส.ค. 56
จังหวัดร้อยเอ็ดขอเชิญชวนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมยกย่องประกาศเกียรติคุณบุคคลดีเด่นทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ร่วมกับมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน หน่วยราชการและองค์กรต่างๆ จะจัดงาน "วันหม่อมจิตต์ บุรฉัตร” งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรม ครั้งที่ 29 ประจำปี พ.ศ.2556 ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถึงแก่กรรมของหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และเผยแพร่เกียรติคุณผลงานของหม่อมงานจิตต์ฯ ที่มีต่อประเทศชาติและชาวโลก โดยได้กราบทูลเชิญพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ องค์ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิฯ เสร็จเป็นประธานในงานเช่นปีที่ผ่านมา โดยในวันงานจะมีพิธีประทานรางวัล "หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร” รางวัลสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรมให้แก่บุคคลดีเด่นประเภทต่างๆ และหมู่บ้านหัตถกรรมดีเด่นทั่วประเทศ รวม 5 โครงการเช่นทุกปี อาทิ อาจารย์ – ระดับอุดมศึกษา ตำรวจจราจร พนักงานกวาดถนน พนักงานขับรถโดยสารคนพิการฯ
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า ผู้สนใจที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในครั้งนี้สามารถร่วมบริจาคเงินได้ตามแต่จะเห็นสมควร ซึ่งใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และมูลนิธิจะจัดพิมพ์นามของผู้บริจาคลงในหนังสือ "วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร”ประจำปี พ.ศ. 2556 ขนาด 8 หน้ายก จำนวน 2,000 เล่ม และจะจำออกเผยแพร่ในวันงาน อีกทั้งแจกจ่ายไปทุกจังหวัด หน่วยงานต่างๆ และห้องสมุดทั่วประเทศ ผู้บริจาคเงินตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป มูลนิธิฯ ขอเชิญเข้าเฝ้ารับของที่ระลึกประทานจากองค์ประธานในงาน และหากบริจาคตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไปขอเชิญร่วมโต๊ะเสวย โดยแจ้งจังหวัดร้อยเอ็ดทราบทันที หรือภายในวันที่ 6 กันยายน 2556
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า ผู้สนใจที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในครั้งนี้สามารถร่วมบริจาคเงินได้ตามแต่จะเห็นสมควร ซึ่งใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และมูลนิธิจะจัดพิมพ์นามของผู้บริจาคลงในหนังสือ "วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร”ประจำปี พ.ศ. 2556 ขนาด 8 หน้ายก จำนวน 2,000 เล่ม และจะจำออกเผยแพร่ในวันงาน อีกทั้งแจกจ่ายไปทุกจังหวัด หน่วยงานต่างๆ และห้องสมุดทั่วประเทศ ผู้บริจาคเงินตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป มูลนิธิฯ ขอเชิญเข้าเฝ้ารับของที่ระลึกประทานจากองค์ประธานในงาน และหากบริจาคตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไปขอเชิญร่วมโต๊ะเสวย โดยแจ้งจังหวัดร้อยเอ็ดทราบทันที หรือภายในวันที่ 6 กันยายน 2556
วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/กบ.ข่าว
17 ส.ค. 56
พมจ.ร้อยเอ็ด ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคม ณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
วันนี้ เวลา 10.30 น. ( 17 สิงหาคม 2556 ) นายพศิน โกมลวิชญ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคม ณ สำนักงานพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายอาณัติ ทัศนกิจ พัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่าคณะกรรมการบริ หารชมรมอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด (อพม) และเครือข่ายได้ร่วมกันจัดทำผ้ าป่าสามัคคี เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคม จึงได้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่ วมเป็นเจ้าภาพบริจาคจตุปัจจั ยสมทบทุนร่วมทำบุญทอดผ้าป่ าตามกำลังศรัทธา ดังกล่าว
กิจกรรมในวันนี้มี คณะกรรมการบริ หารชมรมอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด (อพม)พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ร่วมเจ้าภาพทอดผ้าป่า 300 คน อิ่มบุญกันถ้วนหน้า
กิจกรรมในวันนี้มี คณะกรรมการบริ หารชมรมอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสั งคมและความมั่นคงของมนุษย์จั งหวัดร้อยเอ็ด (อพม)พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ร่วมเจ้าภาพทอดผ้าป่า 300 คน อิ่มบุญกันถ้วนหน้า
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้ อยเอ็ด
17 ส.ค. 56
ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ดระบุรถไฟรางคู่จะสร้างความเจริญแก่จังหวัดร้อยเอ็ดทุกด้าน
ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ดระบบรถไฟรางคู่จะสร้างความเจริญแก่จังหวัดร้อยเอ็ดในทุกด้านทั้งการคมนาคม การขนส่งสินค้าการเกษตร และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
นางบัณจง ธนะแพสย์ ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีโครงการรถไฟรางคู่ผ่านจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผ่านจังหวัดร้อยเอ็ดด้วยนั้น โครงการดังกล่าวจะส่งผลให้จังหวัดพร้อยเอ็ดมีความเจริญมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งจะทำให้การคมนาคม และการขนส่งสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของจังหวัดออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดร้อยเอ็ดได้อีกทางหนึ่งด้วย
นางบัญจง ธนะแพทย์ ยังกล่าวด้วยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดมีศักยภาพที่จะรองรับนโยบายด้านการพัฒนาของรัฐบาลทุกนโยบาล เพื่อให้จังหวัดร้อยเอ็ดมีความเป็นเลิศ
นางบัณจง ธนะแพสย์ ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีโครงการรถไฟรางคู่ผ่านจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผ่านจังหวัดร้อยเอ็ดด้วยนั้น โครงการดังกล่าวจะส่งผลให้จังหวัดพร้อยเอ็ดมีความเจริญมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งจะทำให้การคมนาคม และการขนส่งสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของจังหวัดออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดร้อยเอ็ดได้อีกทางหนึ่งด้วย
นางบัญจง ธนะแพทย์ ยังกล่าวด้วยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดมีศักยภาพที่จะรองรับนโยบายด้านการพัฒนาของรัฐบาลทุกนโยบาล เพื่อให้จังหวัดร้อยเอ็ดมีความเป็นเลิศ
วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
17 ส.ค. 56
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)