วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปีใหม่ ๒๕๕๗ กาฬสินธุ์ห้ามตายเกิน ๑ คน บาดเจ็บไม่เกิน ๓๐ คน

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ห้องประชุม ๔/๑ ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๗ โดยมีนายสิริรัฐ ชุมอุปการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นประธาน  ผลการประชุมสรุปได้ว่า การดำเนินการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน ได้แก่ เมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดดำเนินการตามมาตรการเน้นหนักควบคู่กับไปกับการดำเนินการมาตรการทั่วไป ดังนี้

๑. บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ ๑๐ มาตรการ ได้แก่ ๑) ไม่สวมหมวกนิรภัย ๒) มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย ๓) เมาสุรา ๔) ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ๕) ไม่มีใบขับขี่ ๖) ความเร็วเกินกำหนด ๗) ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ๘) ขับรถย้อนศร ๙) แซงในที่คับขัน ๑๐) ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ แก่รถทุกชนิดโดยให้เน้นหนักกับรถจักรยานยนต์ รถโดยสารสาธารณะ และรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

๒. ควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่โดยสารยานพาหนะ โดยให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

๓. ควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด

๔. เพิ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกชนิดทั้งในจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เน้นบทบาทการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังต่อเนื่อง

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในภาพรวมในปีใหม่ ๒๕๕๗ ให้ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยปี ๒๕๕๗ จำนวนอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๒๖ ครั้ง เสียชีวิต ๑ ราย บาดเจ็บ ๓๒ คน และในช่วงปีใหม่ ๒๕๕๗ กำหนดจำนวนอุบัติเหตุไม่เกิน ๒๔ ครั้ง เสียชีวิต ไม่เกิน ๑ ราย และบาดเจ็บ ไม่เกิน ๓๐ คน



สุรพล คุณภักดี / ข่าว

กาฬสินธุ์เตือนจุดไฟเผาป่าต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 -15 ปีและปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท

นายวิชัย ตะวัน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า เนื่องจากในฤดูแล้งของทุกปี จะเกิดไฟป่าเป็นประจำ สาเหตุการเกิดไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งที่ตั้งใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การเผาป่าหรือการกระทำใดๆ ให้เกิดไฟป่าทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน ไฟป่าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินเสื่อมโทรม ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องใช้และยานพาหนะ เพื่อเข้าดำเนินการระงับดับไฟป่าเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว ทั้งให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า กรมป่าไม้จึงกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่าดังนี้ เมื่อมีความจำเป็นต้อเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ขอความร่วมมือให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว จัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยให้ประสานงานกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หรือหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ หรือหน่วยงานภาคสนามของกรมป่าไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมในการดำเนินการต่อไป และขอความร่วมมือราษฎร เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใดให้ช่วยกันดับไฟโดยเร็วเพื่อมิให้ไฟขยายเป็นวงกว้าง ถ้ากรณีไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งและประสานงานศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท้องที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้(สาขา)ท้องที่ หรือสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ โทรศัพท์ 1310 กด 3 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทันการณ์

ส่วนกรณีจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มีความผิดดังนี้ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 31 จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท กรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท และ พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปีและปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท



สุวรรณ ศรีอาภรณ์ / ข่าว

ขอนแก่นเตรียมรณรงค์สนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

จังหวัดขอนแก่น เตรียมเดินรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งสนับสนุน ส.ส. เป็นการทั่วไป ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ในเขตอำเภอเมือง ส่วนอำเภอต่างๆ จะเร่งรณรงค์ปูพรมเต็มพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอก่อนปีใหม่

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่ ฯพณฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และได้มีพระราชกฤษฏีกา กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นการทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ. การเลือกตั้ง เพื่อให้มี ส.ส. มีรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และตามครรลองของการปกครองในระบอบประธาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น จึงกำหนดให้มีการรณรงค์สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปตามที่ กกต.กำหนดไว้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยในส่วนของพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น และในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จะจัดให้มีการเดินรณรงค์ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จาก 4 มุมเมือง จำนวนประมาณ 5,000 คน ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป เพื่อมารวมตัวกันที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และมอบป้ายชาวขอนแก่นสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และ กกต.จังหวัด ส่วนในอำเภออื่น ๆ อีกทั้ง 25 อำเภอก็จะมีการเดินรณรงค์สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในสัปดาห์ถัดไป คือระหว่างวันที่ 23 – 27 ธันวาคม 2556

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้จังหวัดก็จะขอความร่วมมือให้อำเภอทุกอำเภอ หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดทำป้ายสนับสนุนให้ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ตามกรอบของกฎหมายเลือกตั้งที่ได้กำหนดไว้ เพื่อจะได้มี ส.ส. มีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ต่อจากรัฐบาลที่รักษาการต่อไป

ชัยภูมิบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2557

ชัยภูมิบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2557 เป้าหมายลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ในช่วง 7 วัน ให้เหลือน้อยที่สุด

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. 56 นายนิพนธ์ สาธิตสมิธพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ประชุมภาคีเครือข่ายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2556 ถึง 2 มกราคม 2557 ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ ได้ตั้งศูนย์อำนวยการฯ อยู่ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยภูมิ และจัดทำแผนบูรณาการทุกภาคส่วน ร่วมมือกันลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งปัจจัยด้านยานพาหนะ ปัจจัยด้านถนน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ ภายใต้หัวข้อหลักในการณรงค์ "ปีใหม่สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” เป้าหมายลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งเมื่อปี 56 เกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง เสียชีวิต 1 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุราขณะขับรถ ขับรถเร็ว ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ขับรถประมาท และไม่สวมหมวกนิรภัย ยานพาหนะเกิดอุบัติเหตุมากสุดคือ รถจักรยานยนต์

โดยในปีนี้ ทุกหน่วยงานจะดำเนินการตามมาตรการทั่วไปและ มาตรการเน้นหนักควบคู่กันไป เริ่มตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด 10 มาตรการ ได้แก่ ขับขี่และโดยสารมอเตอร์ไซด์ไม่สวมหมวกนิรภัย, ขับขี่มอเตอร์ไซด์ไม่มีความปลอดภัย, เมาสุราขณะขับรถ, ผู้ขับรถและผู้นั่งข้างคนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ขับรถเร็วเกินกำหนด, ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร , ขับรถย้อนศร, แซงในทื่คับขัน และ โทรศัพท์ขณะขับรถ

นอกจากนี้ยังใช้มาตรการควบคุมการดื่มเครื่องดื่มอัลกอร์ฮอร์แล้วขับขี่ยานพาหนะ การควบคุมดารเข้าถึงเครื่องดื่มอัลกอร์ฮอร์ เพิ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกชนิด โดยแบ่งช่วงการรณรงค์ออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ช่วงเตรียมการ 1 พฤศจิกายน – 26 ธันวาคม 2556 และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2556 – 2 มกราคม 2557 ซึ่งช่วงนี้ มีการตั้งจุด ตั้งด่านตรวจร่วมทั่วทั้งจังหวัด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มูลนิธิ อาสาสมัคร ผลัดเวรเข้าปฎิบัติงานตลอด 24 ชาวโมง



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรร่วมโครงการรับจำนำข้าวที่ชัยภูมิ

เกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปีกับรัฐบาล อยากได้เงินไปใช้หนี้รถเกี่ยวข้าว ฝากรัฐบาลเร่งให้ด้วย ขณะที่ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่รับทราบ เชื่อว่าจะได้รับเงินก่อนปีใหม่นี้

เมื่อเวลา 09.30น. วันนี้ 17 ธันวาคม 2556 นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13 และ เขต 14 ได้เดินทางมาตรวจติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณ ในการประชุม ครม.สัญจรนอกสถานที่ และ ตรวจติดตามงาน ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านการจำนำสินค้าการเกษตร โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 โดยมีนางนภา ศกุนตนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ และนำเสนอผลการดำเนินงาน ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ก่อนจะดินทางลงพื้นที่ ที่ดำเนินการตามโครงการ

ในส่วนของโครงการรับจำนำข้าว ปีนี้มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนทั้งสิ้น 96,012 ครัวเรือน พื้นที่ปลูก 1 ล้าน 4 แสน4หมื่น กว่าไร่ ผ่านประชาคมและออกใบรับรองแล้ว 95,387 ครัวเรือน พื้นที่ 1ล้าน 4 แสน 3หมื่นกว่าไร่ ในส่วนที่ไม่ผ่านประชมคม 457 ครัวเรือน จำนวน 1,116 แปลง 9,800 ไร่ เนื่องจากเป็นเกษตรกรรายใหม่ ที่มีพื้นที่ปลูกอยู่นอกเหนือเอกสารสิทธิ์ ซึ่งไม่เคยขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2552/53 ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมติ ครม. และบางส่วนไม่ได้มาร่วมการประชุมประชาคม จึงไม่สามารถยืนยันได้

ผลการดำเนินงานภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเกษตรกรนำข้าวมาจำนำกับโรงสี ณ 5 ธันวาคม 2556 จำนวน 22,224 กว่าตัน ส่วนแผนงาน/โครงการ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณ ในการประชุม ครม.สัญจรนอกสถานที่ จังหวัดชัยภูมิได้รับการอนุมัติงบประมาณทั้งสิ้น 18 โครงการ มีทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ สาธารณูปโภคการ และการพัฒนาอาชีพ ปลูกพริกครบวงจร วงเงินรวม 115 ล้านกว่าบาท ขณะนี้ผลการเบิกจ่ายได้ถึง 100% แล้ว

ภายหลังการตรวจนายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13 และ เขต 14 ได้ฝากให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็ง และยั่งยืนให้กับชาวบ้าน ไม่สนับสนุนให้ชาวบ้านมุ่งที่จะรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยัง ลงพื้นที่ จุดรับจำนำข้าว รับทราบปัญหา ความต้องการของเกษตรกร โดยมากต้องการให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงิน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ค่าจ้างเกี่ยวข้าว ซึ่งประเด็นนี้ รัฐบาลรับทราบปัญหา และได้เร่งจัดสรรงบประมาณมาให้ ล่าสุดท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงข่าว รัฐบาลขายข้าวได้อีก 6 หมื่นล้าน นำเงินส่วนนี้มาจ่ายเกษตรกร ที่เข้าร่วมโรงการจำนำข้าว ก่อนปีนี้ใหม่นี้ นอกจากนี้ยังพบปัญหาข้าวปลอมปน ทำให้คุณภาพข้าวต่ำ ซึ่งจะนำเข้าไปหาทางแก้ไข เรื่องการปรับปรุงพันธุ์ข้าว ส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนพันธุ์ข้าวให้ฤดูการผลิตปีต่อไป



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

จังหวัดนครราชสีมาเตรียมจัดงานประเพณีแข่งขันเรืออีโปง ทานตะวันบานที่บึงหัวทะเลประจำปี 2556

วันนี้ (18 ธ.ค.56) ที่สำนักงานเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวทะเล พร้อมด้วย นาย อนุวัฒน์ ทินราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีแข่งขันเรืออีโปง ทานตะวันบานที่บึงหัวทะเลประจำปี 2556 ซึ่งกำหนดจัดขึ้น ในวันพุธที่ 25 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณบึงหัวทะเล ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนาย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน

ด้าน นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวทะเล กล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดขึ้นในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเรืออีโปงให้คงอยู่สืบไป รวมทั้งเพื่อสร้างความสามัคคี และส่งเสริมการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ให้เกิดในชุมชน สำหรับกิจกรรมภายในงาน ได้มีการจัดการแข่งขันพายเรืออีโปง การแข่งขันชกมวยทะเล การแข่งขันหมาเน่าลอยน้ำ การแข่งขันพายกระทะ การแข่งขันสาวน้อยลอยน้ำ รวมทั้งการแข่งขันทำอาหารไทยพื้นบ้าน อาทิ การแข่งขันขั่วหมี่โคราช การแข่งขันส้มตำโคราชพื้นบ้าน การแข่งขันส้มตำลีลา การแข่งขันขนมจีนน้ำยาปลากระทิ ชมทุ่งทานตะวันบาน บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันการประกวดร้องเพลงโคราช การประกวดขบวนแห่เรืออีโปง การประกวดเทพธิดาเรืออีโปง และเทพบุตรเรืออีโปง รวมทั้งชมคอนเสิร์ต จากศิลปิน รัชนก ศรีโลพันธ์ เอิร์น เดอะสตาร์ และตั๊กแตนชลดา เป็นต้น

ผลการออกรางวัลสลากการกุศล "งานกาชาดและงานยางพาราจังหวัดบึงกาฬ" ประจำปี ๒๕๕๖

รางวัลที่ 1  ได้แก่ หมายเลข  080871

รางวัลที่ 2  ครั้งที่ 1 ได้แก่ หมายเลข  082272
                  ครั้งที่ 2 ได้แก่ หมายเลข  087208

รางวัลที่ 3  ครั้งที่ 1 ได้แก่ หมายเลข  041756
                  ครั้งที่ 2 ได้แก่ หมายเลข  086721
                  ครั้งที่ 3 ได้แก่ หมายเลข  042162
                  ครั้งที่ 4 ได้แก่ หมายเลข  098440
                  ครั้งที่ 5 ได้แก่ หมายเลข  073960
                  ครั้งที่ 6 ได้แก่ หมายเลข  036334
                  ครั้งที่ 7 ได้แก่ หมายเลข  030642
                  ครั้งที่ 8 ได้แก่ หมายเลข  053095
                  ครั้งที่ 9 ได้แก่ หมายเลข  073559
                 ครั้งที่ 10 ได้แก่ หมายเลข  095270

รางวัลที่ 4 ครั้งที่ 1 ได้แก่ หมายเลข  002226
                 ครั้งที่ 2 ได้แก่ หมายเลข  033817
                 ครั้งที่ 3 ได้แก่ หมายเลข  090120
                 ครั้งที่ 4 ได้แก่ หมายเลข  009630
                 ครั้งที่ 5 ได้แก่ หมายเลข  040966
                 ครั้งที่ 6 ได้แก่ หมายเลข  064890
                 ครั้งที่ 7 ได้แก่ หมายเลข  063922
                 ครั้งที่ 8 ได้แก่ หมายเลข  087169
                 ครั้งที่ 9 ได้แก่ หมายเลข  014011
                 ครั้งที่ 10 ได้แก่ หมายเลข  016688

รางวัลที่ ๕ ครั้งที่ 1 ได้แก่ หมายเลข  030174
                 ครั้งที่ 2 ได้แก่ หมายเลข  095680
                 ครั้งที่ 3 ได้แก่ หมายเลข  087923
                 ครั้งที่ 4 ได้แก่ หมายเลข  050823
                 ครั้งที่ 5 ได้แก่ หมายเลข  005820
                 ครั้งที่ 6 ได้แก่ หมายเลข  021330
                 ครั้งที่ 7 ได้แก่ หมายเลข  056910
                 ครั้งที่ 8 ได้แก่ หมายเลข  083936
                 ครั้งที่ 9 ได้แก่ หมายเล  096042
                 ครั้งที่ 10 ได้แก่ หมายเลข  037167

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว  ครั้งที่ 1 ได้แก่ หมายเลข  896  ครั้งที่ ได้แก่ หมายเลข  945

มุกดาหารจัดงาน มหกรรมตลาดนัดสุขภาพ 6 อ

ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก หนองนาบึง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดงานมหกรรมตลาดนัดสุขภาพ 6 อ. ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันทำให้วิถีชีวิตของคนไทยเราเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ซึ่งมีเวลาให้ตนเองน้อยลง โดยเฉพาะส่วนใหญ่หันมาพึ่งพาการรับประทานอาหารนอกบ้านเช่น ร้านอาหาร และร้านแผงลอย กันมากขึ้น ดังนั้นทางโรงพยาบาลมุกดาหารจึงร่วมกับเทศบาลเมืองมุกดาหารและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารได้จัดงาน มหกรรมตลาดนัดสุขภาพ 6 อ อาหารสะอาด รสชาติอร่อย (ClEAN FOOD DOOD TASTE CFGT) ขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นผู้ประกอบการได้เห็นความสำคัญในการดำเนินการปรับปรุงด้านสุขภิบาลอาหารและจัดการบริการอาหารที่ถูกสุขลักษณะแก่ประชาชน โดยมีการมอบป้ายให้แก่ร้านอาหารที่ผ่านเกฌฑ์จำนวน 16ร้านค้าและแผงลอย16ร้าน

นายเมธี แสนวิเศษ  รองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า  เทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้ร่วมกับโรงพยาบาลมุกดาหาร ส่งเสริมการจัดมหกรรมตลาดนัดสุขภาพ 6 อ. เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นผู้ประกอบการเห็นความสำคัญในการดำเนินการ ปรับปรุงสุขาภิบาลอาหาร และจัดบริการอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อจะรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงปี ใหม่  สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาให้สังเกตุที่หน้าร้านจะมีป้ายรับรองความอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ได้ รับรองเป็นร้านที่ถูกสุขลักษณะ



พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มห/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มห/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นำผู้แทนสมุหราชองครักษ์ลงตรวจความพร้อมพื้นที่รับเสด็จฯ ในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระอธิการจาม มหาปุญโญ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

18 ธ.ค 56 เวลา 10.00 น. นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายสรสิสิทธิ์ ฤทธิ์ไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัด นำผู้แทนสมุหราชองครักษ์ลงตรวจความพร้อมพื้นที่รับเสด็จฯ ในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระอธิการจาม มหาปุญโญ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ.ห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร



แสงทอง อนันตภักดิ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๗

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหาร โดย สำนักงานพระพุทธศาสนา กำหนดจัดโครงการสวดมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๗ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ครอบครัว และสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เป็นมงคล แทนการละเล่นหรือกิจกรรมรื่นเริงอย่างอื่น ตลอดทั้งเพื่อเป็นการลด ละ เลิกอบายมุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในวันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๒๑.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ วัดศรีบุญเรือง ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ร่วมพิธีสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๗ โดยพร้อมเพรียงกัน โดย แต่งกายชุดสีขาวปฏิบัติธรรม หรือชุดสุภาพ



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร
ไอลดา สุทธิประภา นักศึกษาฝึกประสบการณ์/ข่าว

สำนักงานธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหาร เชิญชวนธุรกิจในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเข้าร่วม “โครงการประกวดธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๖ ”

นางสาวอสมา พรหมพูล หัวหน้าสำนักงานธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำ "โครงการประกวดธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๖ ” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจตระหนัก ตื่นตัว และมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งผลักดันให้ธุรกิจนำธรรมาภิบาลไปปรับใช้ในการประกอบกิจการ รวมทั้งเป็นแบบอย่างและแนวทางที่ดีเพื่อให้ธุรกิจอื่นนำไปปฏิบัติ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในหลักธรรมาภิบาลธุรกิจของไทยและชาวต่างชาติ เพื่อสามารถแข่งขันกับธุรกิจอื่นหรือในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ คุณสมบัติของธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นธุรกิจในจังหวัดมุกดาหาร ประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนและดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และต้องส่งงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าต่อเนื่องทุกปี (ย้องหลัง ๔ ปี) สำหรับเกณฑ์ในการตัดสินจะใช้หลักธรรมาภิบาล ๖ หลัก ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ธุรกิจที่ได้รับการตัดสินเป็นธุรกิจธรรมาภิบาลดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๖ ของจังหวัดมุกดาหาร (ห้างหุ้นส่วนจำกัด ๑ รางวัล และ บริษัท ๑ รางวัล) จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ และได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าประกวดธรรมาภิบาลดีเด่นในระดับประเทศต่อไป

พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า "โครงการประกวดธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๖ ” จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งธุรกิจที่ได้รับรางวัลจะได้รับประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ธุรกิจอื่นในจังหวัดมุกดาหารต่อไป

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยขอรับสมัคร และยื่นความจำนงได้ที่ สำนักงานธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหารโทรศัพท์ ๐-๔๒๖๓-๒๗๓๓ หรือ ดาวน์โหลดราบละเอียดและใบสมัครได้ที่ www.dbd.go.th ลิงค์ไป สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดมุกดาหาร



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร
ไอลดา สุทธิประภา นักศึกษาฝึกประสบการณ์/ข่าว

วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหารจัดการแข่งขันกีฬานวมินทราชินีเกมส์ ครั้งที่ ๒๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖

นายสนอง แสนเสร็จ รองผู้อำนวยการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร เปิดเผยว่า วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร ได้จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬานวมินทราชินีเกมส์ ครั้งที่ ๒๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖ ในระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ สนามกีฬาวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักเรียน นักศึกษา และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพสุขภาพพลานามัย ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาและคัดเลือกนักกีฬาที่มีความสามารถไว้ฝึกซ้อมเป็นตัวแทนวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร ต่อไป

ทั้งนี้ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหารประชาสัมพันธ์เชิญชวน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปร่วมชมและเชียร์การแข่งขันกีฬานวมินทราชินีเกมส์ ครั้งที่ ๒๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ สนามกีฬาวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร



สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดมุกดาหาร จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป

นายวิเชียร ทวีโคตร ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เห็นชอบกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดวันและเวลาลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง รับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ วันที่ ๒๓ – ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ สถานที่รับสมัคร ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพมหานคร รับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ – ๑ มกราคม ๒๕๕๗ และ ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตจังหวัด วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.

ทั้งนี้ สถานที่รับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร สถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้งและสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตจังหวัด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานการมีส่วนร่วม โทรศัพท์ ๐๔๒-๖๑๓๖๘๐



สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์การแข่งขันมวยไทยลีก ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๕๖

นายฉลอง เผ่าแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย กำหนดดำเนินกิจกรรมการแข่งขันมวยไทยลีก ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๕๖ เพื่อเป็นการอนุรักษ์เผยแพร่กีฬามวยไทย รณรงค์สร้างกระแสความตื่นตัวในกีฬามวยไทย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการประชาสัมพันธ์และปิดรับสมัคร ในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗

ทั้งนี้ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดมุกดาหาร ได้กำหนดระเบียบและกติกาการแข่งขันโดยผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันในนามจังหวัดมุกดาหาร สามารถติดต่อได้ที่ งานกีฬามวย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดมุกดาหาร สนามกีฬากลางจังหวัดมุกดาหาร ถนนสองนางสถิต ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โทรศัพท์ ๐๔๒-๖๑๓๘๒๗ ในวัน เวลาราชการ



สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขามุกดาหาร รับสมัครอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัด

นางสาวฐิติรัตน์ แสนสุข หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้มีการประกาศรับสมัครอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นไปตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ.๒๕๔๒ และให้ได้มาซึ่งอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัด ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย การกระจายอำนาจการบริหาร ซึ่งอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดได้ครบวาระเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ นั้น

ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์ องค์กรเกษตรกร ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจและองค์กรเอกชน ที่สนใจการรับสมัครอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัด ในระหว่างวันที่ ๑๒ ธันวาคม ถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ สถานที่รับสมัครสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร (ภายในโรงเรียนมุกดาลัย) ถนนพิทักษ์พนมเขต อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดมุกดาหาร โทร. ๐๔๒-๖๑๔๗๒๔



สุภาวดี  อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดยโสธร จัดงานประชุมพบปะระหว่างผู้ประกอบการ กับ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน

จัดหางานยโสธร  จัดพบปะระหว่างผู้ประกอบการ กับ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน  30 กลุ่ม

จังหวัดยโสธร  จัดงานประชุมพบปะระหว่างผู้ประกอบการ กับ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน  จำนวน 30 กลุ่ม เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับกลุ่มอาชีพอิสระในครัวเรือน  พร้อมแสดงผลิตภัณฑ์งานที่รับไปทำที่บ้านได้

สำนักงานจัดหางานจังหวัดยโสธร  จัดงานส่งเสริมและพัฒนาการรับงานสู่บ้าน  เพิ่มรายได้ในครัวเรือน ที่โรงแรมเดอร์กรีน ปาร์ค ยโสธร  มีนายจรรยา   สุคนธ์คันธชาติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  เป็นประธาน .ในงานมีนายจ้าง  ผู้ประกอบการ  10  แห่ง  และกลุ่มอาชีพอิสระ    รับงานไปทำที่บ้าน  30  กลุ่ม  มาประชุม  พบปะ พร้อมมีการแสดงผลิตภัณฑ์ของนายจ้าง           ที่สามารถรับงานไปทำที่บ้านได้  เช่น งานฝีมือ  ศิลปะประดิษฐ์  งานเย็บเสื้อผ้า  และการสาธิตอาชีพอิสระอีก  30  อาชีพ

เพื่อเปิดโอกาสให้  กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอาชีพอิสระ  ได้มาพบปะ  มาเจรจาทำความเข้าใจ    ตกลงการจ้าง  ทำให้มีงานทำ  เพิ่มรายได้กับครอบครัว


ไพชยนต์ / ข่าว  ปชส. ยโสธร
17 ธ.ค 56

อบจ.ยโสธร ใช้วัดอบรมฟื้นฟูผู้ติดยา

ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด  อบจ. ยโสธร ใช้วัดเป็นที่ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแบบวิถีพุทธ ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร นายนิรันดร์  สมสมาน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  เป็นประธาน  เปิดการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  ตามแนววิถีพุทธ โดยศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด  องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ร่วมกับ  สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ดำเนินการจัดขึ้น โดยการนำผู้ที่ถูกคุมประพฤติด้านยาเสพติด และผู้ติดยาเสพติดที่สมัครใจที่จะบำบัด เข้ารับการบำบัด  ใช้วัดเป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟู นำหลักทางพระพุทธศาสนา  ทางสังคม  ทางสาธารณสุข  เป็นแนวทางในการบำบัด มีผู้ปกครอง นำบุตรหลาน เข้ารับการบำบัดในครั้งนี้กว่า 40 คน ใช้ระยะเวลา 60 วัน สถานที่บำบัดประกอบด้วย วัดอัมพวัน ,  วัดเนรมิตวนาราม  ต.ในเมือง อำเภอเมืองยโสธร , วัดบ้านค้อใต้  ต.ค้อเหนือ  และวัดป่าศรีสุนทร  ต. ดู่ทุ่ง  อำเภอเมืองยโสธร

ปีใหม่นี้ ศรีสะเกษตั้งเป้าห้ามตายเกิน 3 คน

เมื่อบ่ายวานนี้ (17 ธ.ค. 56) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมไกรภักดี ชั้น 2 อาคารศาลากลางหลังเก่า นายสนิท ขาวสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 กับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางและบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้ตั้งเป้าหมายลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ร้อยละ 15 หรือลดลงเหลือน้อยที่สุด จากสถิติเมื่อปี 2556 เกิดอุบัติเหตุ 14 ครั้ง ปีนี้ต้องไม่เกิน 12 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ปีนี้ต้องไม่เกิน 3 ราย ผู้บาดเจ็บ 13 ราย ปีนี้ต้องไม่เกิน 11 ราย

นายสนิท ขาวสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจในมาตรการการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และรักษาระเบียบวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด แล้วปัญหาอุบัติเหตุจะค่อย ๆ ลดลง สำหรับมาตรการเน้นหนัก ก็คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตาม 10 มาตรการ ได้แก่ 1)ไม่สวมหมวกนิรภัย 2) มอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัย 3) เมาสุรา 4) ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5) ไม่มีใบขับขี่ 6) ความเร็วเกินกำหนด 7) ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร 8) ขับรถย้อนศร 9) แซงในที่คับขัน 10)ใ ช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ และนอกจาก 10 มาตรการนี้แล้ว ยังใช้มาตรการควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่หรือโดยสารยานพาหนะอีกด้วย



สมกมล คงอาชวะ/ข่าว/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
18 ธ.ค. 56

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ที่ศรีสะเกษ ตรวจราชการและเยี่ยมราษฎร

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ ยมราษฎรในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงใ ห้การต้อนรับวันนี้ (18 ธันวาคม 2556) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และเยี่ยมราษฎรในพื้นที่จัง หวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้เดินทางโดยขบวนรถไฟจ ากสถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์  ในเวลา 09.30 น. ระยะทาง 100 กิโลเมตร แวะเยี่ยมราษฎรที่มาให้การต้อนรับตามสถานีรถไฟที่อำเภอ ห้วยทับทัน และอำเภออุทุมพรพิสัย และเมื่อเวลา 13.05 น. ได้เดินทางถึงสถานีรถไฟจังหวัดศรีสะเกษ มีนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ  และกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงรอใ ห้การต้อนรับ พร้อมกับมอบช่อดอกกุหลาบสีแดงให้กับนายกรัฐมนตรี

สำหรับภารกิจในครั้งนี้ ได้เดินทางไปสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีรับฟังสรุปผลการดำเนินงานของมูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ พบปะคณะกรรมการและสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดศรีสะเกษ และพบปะและเยี่ยมชมกิจกรรมนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษและนักเรียนชาวกัมพูชาที่ได้รับทุนพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดยโสธร

ศรีสะเกษ ประชุมแจงผลการดำเนินการเก็บข้อมูล จปฐ.

วันนี้ (18 ธ.ค. 56) เวลา 10.50 น ณ ห้องประชุมไกรภักดี ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อาคารหลังเก่า ชั้น 2 นายเสน่ห์ พรหมโครต พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ    เป็นประธานการประชุมคณะบริหารการจัดเก็บข้อมูล จปฐ./กชช.2ค ระดับจังหวัด จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผลการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน ปี 2556 ในเขตชนบท (อบต.และเทศบาลที่ยกฐานะมาจาก อบต.) ในพื้นที่ 22 อำเภอ 202 ตำบล 2,549 หมู่บ้าน 223,349 ครัวเรือน มีรายได้เฉลี่ย 52,525 บาท/คน/ปี โดยอำเภอบึงบูรพ์ มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงสุด 241,544 บาท อำเภอศรีรัตนะมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่ำสุด 183,485 บาท มีครัวเรือนตกเกณฑ์รายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 30,000 บาท/คน/ปี จำนวน 1,715 ครัวเรือน ใน 21 อำเภอ ยกเว้นอำเภอโนนคูณ

ส่วนในปี 2557 จังหวัดศรีสะเกษ มีเป้าหมายในการจัดเก็บข้อมา จปฐ.เขตชนบทและเขตเมือง จำนวน 298,502 ครัวเรือน แยกเป็นเขตเมือง 14 แห่ง จำนวน 35,483 ครัวเรือน เขตชนบท 263,019 ครัวเรือน



สมกมล คงอาชวะ/ข่าว/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
18 ธ.ค. 56 

มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ ติวเข้มบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์ ตามโครงการ "การอบรมเชิงปฏิบัติการ การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์”

วันนี้ (18 ธันวาคม 2556) ที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 3305 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา สิรินธร (สธ.) อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประกาศิต อานุภาพแสนยากร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดการอบรมฯ ขึ้น โดยมี นายฉัตรชัย ไชยโยธา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานประชาสัมพันธ์ เอกสารการพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ สำนักงานอธิการบดี และบุคลากรผู้เข้าร่วมอบรม ให้การต้อนรับ ซึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงานที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารและสนับสนุนแก่บุคลากรทีมาติดต่อทั้งภายใน และภายนอก การประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์ มีความสำคัญอย่างมากในการสนับสนุนผลักดันการบิหารจัดการ การดำเนินงานและขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่ความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ เนื่องด้วยการดำเนินการใดๆ ย่อมต้องเกี่ยวข้องอาศัยและพึ่งพาบุคลากรภายในองค์กร ในระดับใกล้เคียง

และจากความสำคัญข้องต้อน ฝ่ายประชาสัมพันธ์จึงได้กำหนดจัดการอบรมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการอบรมให้ความรู้เรื่อง การเขียนข่าว การถ่ายภาพและการส่งข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งหวังเพ่อพัฒนาศักยภาพและ เป็นการสร้างเครือข่ายการเขียนข่าวและสามารถเขียนข่าวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ต่างๆ

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ใช้เวลา 1 วัน โดยมีบุคลากรจากคณะต่างๆภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จำนวนทั้งสิ้น 40 คน เข้าร่วมการอบรม และได้รับเกียรติจาก นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ และนายทองจันทร์ ศรีสุธรรม จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดศรีสะเกษ เป็นวิทยากรให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมอบรม

พช.อด.จัดอบรมวิทยากรเครือข่ายโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุดรธานี จัดอบรมวิทยากรระดับตำบลโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยต่อยอดโครงการฯเพื่อเผยแพร่การจัดเวทีประชาเสวนาฯ สู่ประชาชนสร้างความเข้าใจอันดีและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของชาติ

ที่โรงแรมอุดรโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดอุดธานี นายธนิต แสงพันธ์ พัฒนาการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานการฝึกอบรมวิทยากรระดับตำบลโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยสู่ประชาชน เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจผลการจัดเวทีประชาเสวนาฯสู่สาธารณในระดับพื้นที่

นายพงษ์ศักดิ์ เชาวนาศิริ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้รับมอบหมายให้คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ไปหาแนวทางจัดประชาเสวนาในการจัดเวที "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” โดยมีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อำนวยความสะดวกและได้เปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วทั้งประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอันเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวไปสู่ทางออกประเทศไทยร่วมกัน โดยมีการจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวทีทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึง 28 กรกฎาคม 2556 มีประชาชนเข้าร่วมเวทีทั่วประเทศ 101,683 คน

กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนพิจารณาจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2557 ในการต่อยอดโครงการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย เพื่อเผยแพร่การจัดเวทีประชาเสวนาฯ สู่ประชาชนสร้างความเข้าใจอันดีและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของชาติ ซึ่งกรมการพัฒนาชุมได้ดำเนินการ จัดฝึกอบรมวิทยากรระดับจังหวัดโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยจังหวัดละ 5 คน เมื่อวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2556 และมอบหมายให้แตะละจังหวัดจัดฝึกอบรมวิทยากรระดับตำบลตำบลละ 3 คน ซึ่งจังหวัดอุดรธานี จัดให้มีการฝึกอบรม 2 รุ่น รุ่นล่ะ 1 วันระหว่างวันที่ 17 และ 18 ธันวาคม 2556 ผู้เข้าร่วมการอบรมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน (พัฒนากร) 1 คน ผู้นำชุมชน 2 คน ซึ่งรุ่นที่ 1 เป็นการจัดอบรมให้กับวิทยากรระดับตำบล 216 คน จาก 76 ตำบล 9 อำเภอ ในพื้นที่อำเภอวังสามหมอ กุมภวาปี น้ำโสม ประจักษ์ศิลปาคม ศรีธาตุ นายูง หนองวัวซอ หนองหานและอำเภอบ้านผือ และรุ่นที่ 2 จัดอบรมให้กับวิทยากรระดับตำบล 243 คน จาก 77 ตำบล 11 อำเภอ อาทิอำเภอโนนสะอาด จุดจับ เมือง บ้านดุง ไชยวาน หนองแสง ทุ่งฝน เพ็ญ สร้างคอม พิบูลย์รักษ์ และอำเภอกู่แก้ว โดยคณะวิทยากรดำเนินการฝึกอบรม คือวิทยากรระดับจังหวัด ที่ผ่านการฝึกอบฯ จากส่วนกลางมาแล้ว ประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ เชาวนาศิริ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน อาจารย์รพีพรรณ จังทรสา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นายวรพันธ์ ศรีไตรเมือง ท้องถิ่นอำเภอสร้างคอม นายสำเนียง เดชศร ประธานเครือข่ายผู้นำ อช.จังหวัดอุดรธานี และนางสุนิสา สำแดงชัย ผู้นำ อช.ดีเด่นจังหวัดจากอำเภอกุดจับ งบประมาณดำเนินการ จากกรมการพัฒนาชุมชน เป็นเงิน 342,900 บาท

หลังจากการฝึกอบรมวิทยากรระดับตำบลฯในวันนี้ อำเภอจะดำเนินการประชุมชี้แจงระดับหมู่บ้านเพื่อเผยแพร่การจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยแก่ประชาชน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน เดือนกุมภาพันธ์ 2557 โดยภายในเดือน ธันวาคม 2556 แต่ละตำบลต้องจัดประชุมชี้แจงระดับหมู่บ้านให้ได้ 1 หมู่บ้าน



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
เมวิกา ศรีหาวงษ์ –ปรียานุช โพธิชัย นศ.ฝึกงานภาพนิ่ง/พิมพ์/ทาน

คลังจังหวัดอุดรธานีจัดอบรมโครงการหลังบ้านระบบปฏิบัติการ GFMIS

สำนักงานคลังจังหวัดอุดธานีจัดอบรมเจ้าหน้าที่การเงิน 136 แห่งเสริมความรู้เกี่ยวกับกฏหมาย ระเบียบ การเงินการคลัง การบัญชี การพัสดุ เสริมศักยภาพในการเบิกจ่ายเงินในระบบ GFMISให้ถูกต้องรวดเร็วทันเวลา

จังหวัดอุดรธานี อนุมัติโครงการหลังบ้านระบบปฏิบัติการ GFMIS (จีเอฟเอ็มไอเอส)(Back home GFMIS) แก่สำนักงานคลังจังหวัดอุดรธานี เพื่อดำเนินงาน 5 กิจกรรมคือจัดอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในระบบ Web Online ,จัดฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินทุกประเภท ,จัด Clinic Mobile ลงพื้นที่ติดตามให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับกฏหมาย ระเบียบการเงินการคลัง การบัญชี การพัสดุและการตรวจสอบภายในแก่ส่วนราชการ ,ประเมินผลและให้รางวัลหน่วยงานที่จัดทำบัญชีตามเกณฑ์การประเมินผลได้ครบทั้ง 5 เรื่อง

วันนี้เป็นการดำเนินงานตามกิจกรรมที่ 1 เป็นการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในระบบ Web Online ให้แก่เจ้าหน้าที่การเงินของส่วนราชการในจังหวัดอุดรธานี 136 แห่ง มีผู้เข้ารับการฝึกอบรม 150 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่การเงินมีความรู้เกี่ยวกับกฏหมายระเบียบ การเงินการคลัง การบัญชี การพัสดุ และสามารถเบิกจ่ายเงินในระบบ GFMIS ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทันเวลา โดยส่งเสริมให้ส่วนราชการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร สิ่งสำคัญคือช่วยตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ2557 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย อันจะส่งผลไปยังประชาชนให้ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการลงทุนภาครัฐ ซึ่งรูปแบบในการฝึกอบรมในวันนี้เป็นกรบรรยายโดยวิทยากรจากสำนักงานคลังจังหวัดอุดรธานี



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
เมวิกา ศรีหาวงษ์ นศ.ฝึกงาน / ภาพนิ่ง
ปรียานุช โพธิชัย นศ.ฝึกงาน พิมพ์/ทาน 

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ข้าราชการ ทหาร เฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีประจำปีการศึกษา ๒๕๕๕

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ข้าราชการ ทหาร เฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีประจำปีการศึกษา ๒๕๕๕

วันที่ (18 ธันวาคม 2556) ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 21 อุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุบลราชธานี แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ผู้บังคับการกองบิน 21 คณะเหล่ากาชาด ประชาชน และข้าราชการเข้าเฝ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีประจำปีการศึกษา ๒๕๕๕ รุ่นที่ ๒๒ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี



จักรกฤษณ์ มาลาสาย /ข่าว
ทองปัก ทวีสุข /ภาพ

นายกยิ่งลักษณ์พบปะชาวยโสธรและกลุ่มเกษตรอินทรีย์แทนรักษ์ พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปและการตลาดของกลุ่มเกษตรอินทรีย์แทนรักษ์

วันที่ 18 ธันวาคม 2556  เวลา 18.00 น.  :  นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านและกลุ่มเกษตรอินทรีย์แทนรักษ์ ต. เขื่องคำ อ.เมือง จ.ยโสธร พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปและการตลาดของกลุ่มเกษตรอินทรีย์แทนรักษ์ "OTOP MART YASOTHON” โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร. พีรพันธุ์ พาลุสุข , ผู้ว่าฯราชการจังหวัดยโสธร นาย ประวัติ ถีถะแก้ว , ส.ส.เขต 1 นายปิยวัฒน  พันธ์สายเชื้อ , ส.ส.เขต 3 นาย บุญแก้ว สมวงศ์ พร้อมข้าราชการและประชาชนชาวยโสธรต้อนรับกว่า 3,000 คนให้การต้อนรับพร้อมผูกผ้าขาวม้าให้แก่นายกฯ โดยนายกรัฐมนตรี นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ลงจากรถพบปะกับประชาชนชาวจังหวัดยโสธรที่คอยมอบดอกกุหลาบให้เป็นกำลังใจเป็นจำนวนมากเป็นระยะทาง 500 เมตร ซึ่งมีทีม จ.ส.ต. ศักดิ์สิทธิ์ อุปจันโท ประธาน นปช. , พันโท ฐาปกรณ์ พันธ์เพ็ง ข้าราชการบำนาญทหาร   ที่ปรึกษา นปช. และชาวเสื้อแดงให้การชูป้ายต้อนรับพร้อมกับตะโกนว่า "ยิ่งลักษณ์สู้ๆ" ให้กำลังใจนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตลอดทาง ระหว่างพบปะกับประชาชนอยู่นั้นเป็นเวลาค่ำและค่อนข้างมืดมาก ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีชายวัยกลางคน 1 คน สวมเสื้อสีดำแหวกฝูงชนเข้ามาเป่านกหวีดใส่นายกรัฐมนตรี ซึ่ง     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หันไปมองพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะบอกกับทีมรักษาความปลอดภัยว่า ไม่เป็นไรๆ พร้อมกล่าวว่า "ขอจับมือด้วยหน่อย" ทำให้ชายคนดังกล่าวถึงกับทำหน้างงๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมเข้มพร้อมเชิญตัวออกนอกพื้นที่ไปทันที ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ได้จับมือกับชายคนดังกล่าว  โดยนายกรัฐมนตรี นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจแต่อย่างใดและได้เดินพบปะและทักทายชาวยโสธรที่มาให้การต้อนรับกว่า 3,000 คนต่อไปอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกันนี้นายกฯได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP MART YASOTHON ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์แทนรักษ์ ชาวยโสธรอย่างสนใจก่อนจะเดินทางไปที่จังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป



                                                                                                                       นายศราวุธ  แสงทอง
                                                                                                                     ผู้สื่อข่าว  สวท.ยโสธร

จัดหางานยโสธร จัดพบปะระหว่างผู้ประกอบการ กับ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน 30 กลุ่ม

จังหวัดยโสธร  จัดงานประชุมพบปะระหว่างผู้ประกอบการ กับ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน  จำนวน 30 กลุ่ม เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับกลุ่มอาชีพอิสระในครัวเรือน  พร้อมแสดงผลิตภัณฑ์งานที่รับไปทำที่บ้านได้

สำนักงานจัดหางานจังหวัดยโสธร  จัดงานส่งเสริมและพัฒนาการรับงานสู่บ้าน  เพิ่มรายได้ในครัวเรือน ที่โรงแรมเดอร์กรีน ปาร์ค ยโสธร  มีนายจรรยา   สุคนธ์คันธชาติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  เป็นประธาน .ในงานมีนายจ้าง  ผู้ประกอบการ  10  แห่ง  และกลุ่มอาชีพอิสระ    รับงานไปทำที่บ้าน  30  กลุ่ม  มาประชุม  พบปะ พร้อมมีการแสดงผลิตภัณฑ์ของนายจ้าง           ที่สามารถรับงานไปทำที่บ้านได้  เช่น งานฝีมือ  ศิลปะประดิษฐ์  งานเย็บเสื้อผ้า  และการสาธิตอาชีพอิสระอีก  30  อาชีพ

เพื่อเปิดโอกาสให้  กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอาชีพอิสระ  ได้มาพบปะ  มาเจรจาทำความเข้าใจ    ตกลงการจ้าง  ทำให้มีงานทำ  เพิ่มรายได้กับครอบครัว. ไพชยนต์ / ข่าว  ปชส. ยโสธร    17 ธ.ค 56

อบจ.ยโสธร ใช้วัดอบรมฟื้นฟูผู้ติดยา

ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด  อบจ. ยโสธร ใช้วัดเป็นที่ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแบบวิถีพุทธ ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร นายนิรันดร์  สมสมาน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  เป็นประธาน  เปิดการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด  ตามแนววิถีพุทธ โดยศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด  องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ร่วมกับ  สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ดำเนินการจัดขึ้น โดยการนำผู้ที่ถูกคุมประพฤติด้านยาเสพติด และผู้ติดยาเสพติดที่สมัครใจที่จะบำบัด เข้ารับการบำบัด  ใช้วัดเป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟู นำหลักทางพระพุทธศาสนา  ทางสังคม  ทางสาธารณสุข  เป็นแนวทางในการบำบัด มีผู้ปกครอง นำบุตรหลาน เข้ารับการบำบัดในครั้งนี้กว่า 40 คน ใช้ระยะเวลา 60 วัน สถานที่บำบัดประกอบด้วย วัดอัมพวัน ,  วัดเนรมิตวนาราม  ต.ในเมือง อำเภอเมืองยโสธร/ , วัดบ้านค้อใต้  ต.ค้อเหนือ  และวัดป่าศรีสุนทร  ต. ดู่ทุ่ง  อำเภอเมืองยโสธร

คำขวัญ วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557

นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557

กตัญญู   รู้หน้าที่
เป็นเด็กดี  มีวินัย
สร้างไทย  ให้มั่นคง