วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เขตพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 10 จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาบุคลากรผู้ประเมินมาตรฐานพัฒนาระบบงานยาเสพติด ปี 2556

วันนี้ ( 3 มิ.ย. 56 ) ที่โรงแรมลายทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาบุคลากรผู้ประเมินมาตรฐานพัฒนา ระบบงานยาเสพติด ปี 2556 เขตพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 170 คน จากนโยบายของรัฐบาล กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ประสานพลังเพื่อให้เกิดเป็นพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยหน่วยงานในสังกัดสาธารณสุข ประกอบด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นเจ้าภาพหลักในการเตรียมความพร้อมในด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ ป่วยยาเสพติดในระบบสมัครใจ และบำบัดรักษาผู้ป่วยกรณีการรับ-ส่งต่อ และติดตามหลังการบำบัดรักษา จากหน่วยงานบำบัดกระทรวงยุติธรรม กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานยาเสพติด หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเป็น ไปในทิศทางเดียวกันทันทั้งประเทศ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการงานยาเสพติดด้านการบำบัดรักษาและ ฟื้นฟูสมรรถภาพให้สอดคล้องนโยบายยาเสพติดของชาติ.
 
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินการพัฒนารูปแบบแนวทางและจัดทำเกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาระบบยาเสพติด ของหน่วยงานสาธารณสุขส่วนภูมิภาค ให้สอดคล้องกับนโยบายยาเสพติดของประเทศ ตาม เกณฑ์มาตรฐาน 4 ด้าน คือ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการองค์กรงานยาเสพติดของหน่วยงานแบบบูรณาการ การป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพ ติด การป้องกันกลุ่มเสี่ยงมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องยาเสพติด และยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและสารเคมี


 
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ 

นายวันชัย สุทธิวรชัย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 3 มิถุนายน 2556 นายวันชัย สุทธิวรชัย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 3 ห้องประชุมสุบงกช ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี วาระสำคัญ คือ กำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินงานด้านการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ หน่วยงานเกี่ยวข้อง ปกครองจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด ถือปฏิบัติรายงานผลทุกเดือน


เรื่องเพื่อพิจารณา การประชุมร่วมมือระหว่างจังหวัดอุบลและแขวงจำปาสัก เรื่องการค้ามนุษย์ ตามลงนามบันทึกการประชุมว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ เมื่อ 5 พ.ย.53 วัตถุประสงค์ร่วมกันสกัดกั้น คุ้มครองผู้เสียหาย ปราบปรามดำเนินคดี ส่งผู้เสียหายกลับสู่ครอบครัว ป้องกันการการทำผิดซ้ำ 

ผวจ.อด.อบรมหลักสูตร กอร.(ปป.)

กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายเสนีย์รณยุทธ จัดอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร กลุ่มงานป้องกันและปราบปราม ประจำปี 2556

ที่ห้องประชุมอินทรีย์ กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายเสนีย์รณยุทธ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เช้าวันนี้ ( 3 มิ.ย.56 ) นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็น ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร กลุ่มงานป้องกันและปราบปราม หรือ กอร.ปป ประจำปี 2556

พันตำรวจโททวี สาวิสิทธิ์ สารวัตรกอบกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อนุมัติเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรม ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญา บัตร กลุ่มงานป้องกันและปราบปราม ประจำปี 2556 โดยให้กองบัญชาการศึกษาเป็นหน่วยหลักในการจัดทำหลักสูตร พร้อมมอบหมายให้หน่วยในสังกัด สำนักงานตำรงวจแห่งชาติที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมและหรือหน่วยที่ได้รับมอบหมายให้ เป็นสถานฝึกอบรม ทำการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว

ซึ่งกองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายเสนีย์รณยุทธ ได้รับมอบหมายให้เป็นสถานที่ฝึกอบรมข้าราชการตำรวจที่ได้รับจัดสรรและอัตรา เพื่อบรรจุในสังกัด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 197 นาย โดยมีระยะเวลาในการฝึกอบรม 8 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2556-27 กรกฎาคม 2556 โดยในการฝึกดังกล่าวจะประกอบด้วยด้านวิชาการ และภาคการฝึก การจัดการเรียนการสอน รวม 24 รายวิชา โดยได้รับการสนับสนุน ครู อาจารย์ จากตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี หน่วยงานเฉพาะทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะครูฝึก กองกำกับการ 4ฯ โดยมุ่งเน้นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ กระบวนทัศน์ พัฒนาต่อยอดความรู้และทักษะในสายงานเดิม ให้มีความเหมาะสม เฉพาะสายทั้งในส่วนของคุณลักษณะ บุคลิกภาพ พฤติกรรมที่พร้อม ด้านคุณธรรม จริยธรรม จรรยายบรรณ ความซื่อสัตย์สุจริต การมีความเสียสละและความสำนึกในหน้าที่ ตลอดจนการสร้างเสริมสุขภาพ กายใจ จิต ค่านิยมของผู้รับการฝึกอบรมต่อการปฏิบัติหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรอย่างสมบูรณ์ อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาบุลากร และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันจะส่งผลดีต่อความเชื่อมมั่นและความศรัทธาจากประชาชนในพื้นที่

นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังวัดอุดรธานี ฝากให้ผู้เข้ารับการอบรมช่วยกันแก้ไขปัญหา 4 ภัยให้ประชาชน อาทิ ภัยความยากจน ภัยยาเสพติด ภัยธรรมชาติและอุบัติภัย โดยในการทำงานนั้นต้องดูทั้งผลสำเร็จ และผลสัมฤทธิ์ กล่าวคือผลสำเร็จคือการทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนด แต่ผลสัมฤทธิ์คือจากผลสำเร็จส่งผลให้ปัญหาบาบางลง ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และขอให้นำผลสัมฤทธิ์จากการทำงานไปขยายผล วางแผน แก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพและความยั่งยืน ทั้งนี้ภายหลังเปิดอบรมแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย ผู้กำกับการ กองกำกับการ 4กองบังคับการฝึกพิเศษ ฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าหน่วย ได้ร่วมกันปลูกต้นรังต้นไม้ประจำจังหวัด และเยี่ยมชมสนามยิงปืนของพกกองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ ในโอกาสดังกล่าวด้วย



ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

รมช.เกษตรฯเปิดมหกรรมแข่งสาวไหมไทยพื้นบ้าน

กรมหม่อนไหม จัดมหกรรมการแข่งสาวไหมไทยพื้นบ้าน ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหม ระดับประเทศ ประจำปี 2556 สร้างความตื่นตัวในการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาผ้าไหมในท้องถิ่น ในการพัฒนาสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าตามยุคสมัยให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

วันนี้ (3 มิ.ย. 56)ที่ยูดีฮอลล์ ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ อุดรธานี นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดมหกรรมแข่งขันสาวไหมพื้นบ้าน ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ประจำปี 2556 โดยมีนายชยพล ธิติศักดิ์ รองผวจ.อุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน เยาวชนและเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ร่วมงาน

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กรมหม่อนไหมจัดกิจกรรมนี้มุ่งสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมให้มีคุณภาพ และสร้างความตื่นตัวในการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาผ้าไหมในท้อง ถิ่นเกี่ยวกับการผลิตผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น และตระหนักถึงคุณค่าของไหมไทย โดยมีการจัดแข่งขันสาวไหมไทยพื้นบ้าน การแข่งขันทำอาหารจากหม่อนไหม การแข่งขันสิ่งประดิษฐ์จากรังไหม และการแข่งขันกองเชียร์ เพื่อให้เยาวชน เกษตรกรและกลุ่มผู้ผลิตไหมและสินค้าไหมไทยมีความตื่นตัวที่จะพัฒนาสินค้า และสร้างสรรค์ผลงานได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงและตรงตามความต้องการของตลาด ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนารูปแบบในการนำผ้าไหมมาใช้ในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น อันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและสามารถขยายตลาดผ้าไหมไทยให้กว้าง ขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กรมหม่อนไหม มอบหมายให้สำนักงานเขตและศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 26 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินการจัดแข่งขันและคัดเลือกทีมที่ชนะการประกวดในระดับจังหวัด เข้าแข่งขันในระดับประเทศ ในประเภทต่างๆทั้งการแข่งสาวเส้นไหมน้อยและเส้นไหมหลืบ ในระดับประถม มัธยม บุคคลทั่วไป การแข่งขันกองเชียร์ ทำอาหารคาวหวานจากหม่อนและไหม สิ่งประดิษฐ์จากรังไหม ระดับเยาวชนและมืออาชีพ

สำหรับเส้นไหมและสิ่งประดิษฐ์จากรังไหมที่ชนะการประกวด จะนำไปจัดแสดงในงาน "ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย และงานพระมารดาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2556” ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 8-12 สิงหาคม 2556 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และผู้ชนะการประกวดแต่ละประเภทจะเข้ารับโล่พระราชทาน โล่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โล่กรมหม่อนไหม ในงานดังกล่าวต่อไป

นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การสาวไหม และการทอผ้าไหมเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทยที่ทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่ คู่กับประเทศไทย ตามพระราชปณิธานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนรุ่นใหม่และผู้มีอาชีพด้านการ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และทอผ้าได้เห็นถึงความสำคัญของอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย



เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อด.

ม็อบไล่ปลัด อบต.สามพร้าว

ชาวตำบลสามพร้าวประมาณ 300 คน ชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ขอให้ย้ายปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าวออกนอกพื้นที่ อ้างไม่สนองนโยบายผู้บริหาร ว่าล่วงอำนาจ และแทรกแซงฝ่ายสภา มีเรื่องร้องเรียน กลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ยอมเป็นกรรมการในการจัดซื้อจัดจ้าง

โดยเมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ ( 3 มิ.ย. 56) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายจีระศักดิ์ คำรณฤทธิศร ปลัดจังหวัดอุดรธานี ได้เข้ารับหนังสือเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ชุมนุม พร้อมกล่าวว่าจะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ในหนังสือดังกล่าวกล่าวว่า นายไพโรจน์ หาญเชิงชัย ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าว มีปัญหาขัดแย้งกับคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าว และปฏิบัติหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ราชการส่งผลให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้นในหน่วยงาน โดยมีพฤติกรรมคือไม่สนองนโยบายของคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าว ว่าล่วงอำนาจ และแทรกแซงฝ่ายสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าว ปฏิบัติราชการในพื้นที่มานานเกินจนสร้างอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ส่วนราชการยังไม่มีความเจริญทัดเทียมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่อยู่ในฐานะ และขนาดเดียวกัน บริการประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนล่าช้า และใช้วาจาไม่สุภาพ ถูกประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมิชอบด้วยกฏหมาย โดยมีหน่วยงาน สตง.ปปช. ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่ามีความผิดจริง และคืนเงินให้กลับทางราชการไปแล้วหลายเรื่อง ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติราชกการในหน่วยงาน โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ยอมเป็นกรรมการใดๆ



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัดอำนาจเจริญเห็นชอบการผลักดันสนามบินกองทัพบกเลิงนกทาเป็นสนามบินพาณิชย์

ที่ห้องประชุมพระมงคลมิ่งเมือง ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วม ๒ คณะ ได้แก่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดอำนาจเจริญ(ก.บ.จ.อจ.) และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดอำนาจเจริญ (กรอ.อจ.) โดยมีนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธาน ทั้งนี้ เพื่อติดตามผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในการพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญ และรับทราบปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานเพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขร่วมกัน  โดยในที่ประชุม หอการค้าจังหวัดอำนาจเจริญ ได้เสนอให้ที่ประชุมรับทราบและพิจารณาให้ความเห็นเรื่องการผลักดันสนามบินกองทัพบกเลิงนกทา อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นสนามบินพาณิชย์

สืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้พิจารณาศึกษาเรื่องโครงการพัฒนาสนามบินกองทัพบกเลิงนกทาให้เป็นสนามบินพาณิชย์  เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)  และได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก ๓ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดมุกดาหาร เพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ตลอดจนแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ซึ่งผลสรุปจากการประชุมดังกล่าวทุกหน่วยงานได้นำเสนอข้อมูลสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสนามบินกองทัพบกเลิงนกทาเป็นสนามบินพาณิชย์  และมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนของประเทศไทยเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำหน้าที่ศึกษาข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาผลักดันต่อไป

ในส่วนของการดำเนินงานของจังหวัดนั้น คณะกรรมาธิการ ให้ภาคธุรกิจเอกชน ทั้ง ๓ จังหวัด ทำการสำรวจจำนวนนักธุรกิจที่มีความสนใจในการเดินทางหากมีการเปิดใช้สนามบิน และแจ้งให้คณะกรรมการ กรอ.จังหวัดทราบ ทั้งนี้ในการประชุม กรอ.จังหวัดอำนาจเจริญ  คณะกรรมการที่มาจากภาคราชการและเอกชน ทุกคนมีความเห็นชอบด้วยที่จะมีสนามบินพาณิชย์เลิงนกทา เพื่อเพิ่มโอกาสและศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศในภูมิภาค รองรับการเดินทางของนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว รวมทั้งกระตุ้นการค้า การลงทุน สร้างเศรษฐกิจและรายได้ใน ๓ จังหวัดนี้

สำหรับสนามบินกองทัพบกเลิงนกทา เดิมชื่อสนามบินบ้านโคกตลาด สร้างขึ้นในช่วงสงครามเย็น เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๖๓ (พ.ศ.๒๕๐๖)  โดยทหารของประเทศอังกฤษและนิวซีแลนด์  เป็นรันเวย์คอนกรีตยาว ๑,๕๓๐ เมตร  ส่วนหัวท้ายของรันเวย์เป็นลาดยางแอสฟัลด้านละ ๑๕๐ เมตร สภาพโดยทั่วไปยังมีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานได้  มีแท็กซีเวย์ขนาด ๔๐๐ * ๕๐๐ เมตร หากมีการลงทุนสร้างอาคารผู้โดยสาร สิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ครบ ก็จะสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวได้



สุรพล  บุตรวงศ์ / ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญกำชับหัวหน้าส่วนราชการทุกระดับนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสอดส่องดูแลและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มประชาชนผู้ชุมนุม

นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่า ปัจจุบันมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมตัวชุมนุมกันและเดินทางประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และหน่วยงานต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชนผู้ชุมนุมได้รับความเดือดร้อน เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งกรณีความเดือดร้อนบางเรื่อง สามารถแก้ไขเยียวยาจากหน่วยงานในระดับจังหวัดได้ โดยผู้เดือดร้อนที่ชุมนุมกันไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางเข้าร้องเรียนต่อราชการในกรุงเทพมหานคร

ดังนั้น จังหวัดอำนาจเจริญ จึงมีหนังสือถึงหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอทุกอำเภอ  นายกเทศมนตรี  และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด  คอยตรวจตรา สอดส่อง และติดตามสถานการณ์ชุมนุมประท้วงของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกรณีต่างๆ ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด  โดยดูแลความปลอดภัย การจราจร  ลงไปรับทราบปัญหาและแก้ไข  ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยุติการชุมนุม  หากการประท้วงไม่ยุติและกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวเดินทางไปชุมนุมที่ส่วนกลางในกรุงเทพมหานคร  ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญทราบทันที และให้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเดินทางไปแก้ไขปัญหาร่วมกับส่วนกลางด้วย



สุรพล  บุตรวงศ์ / ข่าว

ร้อยเอ็ด เผย คาดมีพายุพัดผ่านประเทศไทย 4 ลูก มีฝนชุกเดือน ส.ค.-ก.ย. นี้

จังหวัดร้อยเอ็ด เตือนประชาชนเตรียมรับสถานการณ์ อิทธิพลพายุฤดูร้อนพัดผ่านประเทศไทย 4 ลูก ส่งผลให้ฝนตกชุกถี่ขึ้น เดือนสิงหาคมและกันยายน นี้
 
 นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวกับประชาชนพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศของไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม 2556 ว่าประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ประเทศไทยจะเกิดฝนเป็นระยะและช่างปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือน กรกฎาคม อาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ระยะหนึ่งและส่งผลกระทบการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในบางพื้นที่โดยเฉพาะ พื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน และสภาวะฝนทิ้งช่วงทั่วไป จะดีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน ในช่วงฤดูฝนนี้คาดว่าประเทศไทยจะได้รับอิทธิพล จากพายุหมุนเขตร้อนประมาณ 2 ลูก โดยมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบนในช่วงเดือนสิงหาคม หรือ กันยายน 1 ลูก และจะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคใต้ช่วงเดือนตุลาคม หรือเดือนพฤศจิกายน อีก 1 ลูก ในช่วงต้นฤดูฝนคาดว่าหลายพื้นที่ของไทยตอนบนมีฝนตกดี โดยปริมาณมากกว่าค่าปกติ ส่วนในช่วงปลายฤดูฝนส่วนใหญ่จะมีค่าใกล้เคียงค่าปกติในรอบ 30 ปี ฤดูฝนของไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือน ตุลาคม ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนต่อไปอีก โดยจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2556 – ธันวาคม 2556 และลดน้อยลงในเดือน มกราคม 2557
 
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ย้ำเตือนประชาชน ได้ระมัดระวังเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันอุทกภัย ที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝนนี้ด้วย



กมลพร คำนึง ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ร้อยเอ็ด จัดงาน "สานสัมพันธ์รำวงย้อนยุค อป.มช.ร้อยเอ็ด” ได้ผลเกินเป้า ตั้งกองทุน อป.มช.ร้อยเอ็ด ได้สำเร็จ กว่าห้าหมื่นบาท

จังหวัดร้อยเอ็ด จัดงาน "สานสัมพันธ์รำวงย้อนยุค อป.มช.ร้อยเอ็ด” ใจกลางเมือง หวังอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่สืบไป เชิดชูศิลปินท้องถิ่นมรดกอีสาน พบราชินีหมอลำดัง ปะทะรำวงย้อนยุคคณะศรีชมชี่นคมโบ้ ราชินีรำวงย้อนยุคแห่งอำเภอเชียวขวัญ ได้ผลเกินเป้า ตั้งกองทุนอาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้านและชุมชนร้อยเอ็ด (อป.มช.) ได้สำเร็จ 52,000 บาท
นางกมลพร คำนึง ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตามที่ ส.ปชส.ร้อยเอ็ด ,สวท.ร้อยเอ็ด , วัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด , อป.มช.ร้อยเอ็ด , สภาวัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2556ที่ผ่านมา โดยมีนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดงานพร้อมมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่ศิลปินมรดกอีสานซึ่งเป็นชาว จังหวัดร้อยเอ็ด . ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมให้คงอยู่สื่อสืบไป ยกย่องเชิดชูศิลปินท้องถิ่นมรดกอีสาน ที่ได้รับรางวัลจากหาวิทยาลัยขอนแก่นเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ซึ่งเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด 11 คน เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง อาสาสมัครประชาสัมพันธ์หม่าบ้านและชุมชน หรือ อป.มช.ร้อยเอ็ด กับ หน.ส่วนราชการภาครัฐภาคเอกชนและสื่อมวลชน และตั้งกองทุน อป.มช.ร้อยเอ็ด เพื่อการประสานงานระหว่าง อป.มช.ร้อยเอ็ด และเพื่อเป็นสวัสดิการฯ อป.มช.ร้อยเอ็ด ภายในงานมีซุ้มถ่ายภาพย้อนยุค"มนต์รักลูกทู่ง" พบศิลปินชื่อดังราชินีหมอลำ ชาวร้อยเอ็ด 11 ท่าน อาทิ รัญจวน ดาวดวงเด่น,พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย , มอบเกียรติบัตรยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปิน , สนกสนานกับรำวงย้อนยุค คณะรำวงศรีชมชื่นคอมโบ้ ราชินีรำวง แห่งอำเภอเชียงขวัญ การออกร้านโชว์ห่วยโบราณ ชมรมรถโบราณ ย้อนอดีตเรียนรู้แบบ โบราณ เป็นต้น แต่งกายย้อนยุคมนต์รักลูกท่ง เน้นแบบไทยย้อนยุค อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นร้อยเอ็ดให้คงอยู่สืบไป บรรยากาศการจัดงานเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางประชาชนมาร่วมงานเกือบ พันคน ได้พร้อมใจแต่งกายรำวงย้อนยุคมาร่วมสนุกสนาน สานสามัคคี การจัดงานดังกล่าวไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด และยังได้ตั้งเป็นกองทุนอาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้านและชุมชน (อป.มช.)ร้อยเอ็ด ขึ้น วงเงิน 52,000 บาทด้วย
 ขณะที่ ดร.สาทิต กฤตลักษณ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวภายหลังการจัดงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด เตรียมนำเสนองานรำวงย้อนยุคดังกล่าวเพื่อขยายผลในการส่งเสริมอนุรักษ์ วัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไปและเป็นงานที่ส่งเสริมให้ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีส่วนร่วมสนุกสนาน สานสามัคคี เป็นแบบอย่างที่ดีที่ควรอนุรักษ์และเชิดชูให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ต่อ ไป



กมลพร คำนึง ข่าว 3 มิย.56 

เกษตรจังหวัดมุกดาหารกำหนดจัดงานผลไม้ไทย

นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหารร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง กำหนดจัดงานผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ภาคตะวันออกจากระยองสู่มุกดาหาร ปี ๒๕๕๖ กระจายขยายตลาดผลไม้ภาคตะวันออกไปสู่ผู้บริโภคโดยการจำหน่ายผลไม้จากชาวสวน โดยตรง มีเงาะ ทุเรียน ลองกอง สับปะรด สละ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ การเจรจาธุรกิจการค้าผลไม้ระหว่างชาวสวนผลไม้จังหวัดระยองกับผู้ค้าผลไม้ใน จังหวัดมุกดาหาร แขวงสะหวันนะเขต(สปป.ลาว)และจังหวัดใกล้เคียง จำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนดีเด่นของจังหวัดมุกดาหารและจังหวัด ใกล้เคียงและยังมีการจัดกิจกรรมการแข่งขันกินผลไม้ การประกวดกองเชียร์การแข่งขันกินผลไม้ การแข่งขันวิ่งแบกแข่งผลไม้ นาทีทองจากชาวสวนผลไม้ ชิมฟรีผลไม้ดีเมืองระยองและชมดนตรีและการประกวดสาวประเภทสอง โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร


 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

น้องใหม่ ม.มหาสารคาม ทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคลเริ่มต้นการศึกษาใหม่

น้องใหม่ ม.มหาสารคาม กว่า 12,000 คน ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเริ่มต้นการศึกษาใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย ที่บริเวณสนามกีฬา อาคารพลศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รุ่นพี่ได้จัดให้กิจกรรมรับน้องใหม่อย่างสร้างสรรค์ โดยได้ชวนน้องใหม่กว่า 12,000 คน มาร่วมกันทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์จำนวน 246 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และนิสิต ร่วมตักบาตร พร้อมฟังธรรมจาก พระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม เจ้าอาวาสวัดมหาชัย พระอารามหลวง

พระเทพสิทธาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถา แก่นิสิตใหม่ ว่า ขอให้รู้จักการประคับประคองการดำรงชีวิตและการศึกษาเล่าเรียน และปรับตัวจากการใช้ชีวิตจากโรงเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัย ให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสถาบันแห่งนี้ โดยชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนับเป็นช่วงชีวิตหนึ่ง ที่นิสิตจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นอิสระทั้งด้านเวลา การร่วมกิจกรรมต่างๆ เป็นโอกาสสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยการทำงานในอนาคต ซึ่งทำให้นิสิตต้องเรียนรู้ในการปรับตัวเพื่อรองรับกับการใช้ชีวิตในรูปแบบ ใหม่ซึ่งแตกต่างจากการเรียนในโรงเรียน การพัฒนาทักษะโดยการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตัวเอง รักการเรียน กระตือรือร้นและขวนขวายในการเรียนรู้อยู่เสมอ



ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ภาพ/ข่าว

ปศุสัตว์มหาสารคามวางแผนครอบครัวสุนัข-แมว แก้ปัญหาสุนัข-แมวจรจัดอย่างยั่งยืน

สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม รณรงค์ผ่าตัด ทำหมัน สุนัข และแมว เป้าหมาย 3,000 ตัว ระหว่างวันที่ 11-30 มิถุนายน นี้ ครอบคลุมทั้งจังหวัด ตามโครงการวางแผนครอบครัวสุนัขและแมว เพื่อแก้ไขปัญหาสุนัข-แมว จรจัด อย่างยั่งยืน

นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่าจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมบริการผ่าตัด ทำหมัน สุนัข และแมว ตามโครงการวางแผนครอบครัวสุนัขและแมว เพื่อแก้ไขปัญหาสุนัข-แมว จรจัด อย่างยั่งยืน โดยถือเป็นมาตรการหนึ่งในการลดจำนวนสัตว์พาหะของโรคพิษสุนัขบ้า ตามนโยบายกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2563 อีกทั้งยังเป็นการลดจำนวนประชากร สุนัข และแมว จำกัดจำนวนให้เหมาะสมกับผู้เลี้ยงที่สามารถดูแลได้โดยไม่เกิดปัญหาการทิ้ง ให้เป็นสุนัข หรือแมวจรจัด ตลอดจนแก้ไขปัญหาสุนัขที่ผู้เลี้ยงไม่ต้องการ แล้วถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ สำหรับโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายดำเนินในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดมหาสารคา จำนวน 142 แห่ง จำนวน 3,000 ตัว โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม จะดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในระหว่างวันที่ 11-30 มิถุนายน 2556

ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับระยะเวลาดำเนินการในแต่ละในแต่ละพื้นที่ เป็นดังนี้ สัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 11-15 มิถุนายน ดำเนินการในพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคาม บรบือและกุดรัง วันที่ 16-20 มิถุนายน พื้นที่ดำเนินการอำเภอวาปีปทุม นาดูน และแกดำ วันที่ 21-25 มิถุนายน พื้นที่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย นาเชือกและยางสีสุราช และระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน ดำเนินการในพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัย กันทรวิชัย เชียงยืนและชื่นชม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถนำสุนัข และแมวมารับการบริการดังกล่าว โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม 043 777960 กลุ่มงานพัฒนาสุขภาพสัตว์ 081 2659165 และที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอทุกแห่ง




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดบึงกาฬเดินรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก

จังหวัดบึงกาฬจัดเดินรณรงค์งดสูบบุหรี่เนื่องในสัปดาห์งดสูบบุหรี่โลก ปัจจุบันคนไทย 65 ล้านกว่าคนมีผู้สูบบุหรี่กว่า 12ล้านคนแม้จะมีความพยายามรณรงค์กันมานานแต่ก็ถือว่ายังมีผู้ติดบุหรี่จำนวน ไม่น้อยและยังเป็นการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนต่อต้านยาเสพติดรวมทั้งการอยู่ อย่างพอเพียง มีนักเรียนเห็นความสำคัญร่วมเดินรณรงค์กว่า 3,300 คน


วันที่ 31-5-56 เวลา 09.00 น. นักเรียนโรงเรียนมัธยมบึงกาฬกว่า 3300 คน ร่วมกันเดินรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ให้ประชาชนตระหนักถึงโทษ ภายใต้ คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก "ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้ายทำลายชีวิต ” จังหวัดบึงกาฬร่วมกับสถานศึกษาจัดเดินรณรงค์ให้ชาวจังหวัดบึงกาฬ ได้ตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ และลด ละ เลิกบุหรี่ ตามที่องค์กรอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พ.ค.2556 ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เนื่องจากสถานการณ์จำนวนผู้สูบบุหรี่ทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจข้อมูลล่าสุดของวกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ประเทศไทยมีผู้สูบบุหรี่มากถึง 12 ล้านคน จากจำนวนประชาการที่มีอยู่ประมาณ 65 ล้านคน ซึ่งผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอัตราผู้เสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากบุหรี่เฉลี่ยปีละประมาณ 48,000 คน โดยในจำนวนประชากรชายทั้งหมดประมาณ 32 ล้านคนของประเทศมีผู้สูบบุหรี่มากถึงร้อยละ 45 และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญตัวเลขอายุของผู้ สูบบุหรี่จะลดน้อยลงในทุกๆปี ดังนั้นองค์และหน่วยงานต่างๆในจังหวัดเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุก คนตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ เพราะนอกจากการสูบบุหรี่จะเป็นการทำร้ายตัวเองแล้วยังเป็นการทำลายผู้ที่ อยู่รอบข้างที่จะได้รับควันบุหรี่มือ 2 ซึ่งสามารถที่จะเป็นโรคต่างๆเหมือนเช่นผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงได้เช่นกัน นอจากนี้ยังมีการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ต่อต้านยาเสพติดทุกรูปแบบ การประหยัดพลังงาน การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันตามแนวพระราชดำริ

การค้าภายในจังหวัดบึงกาฬจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าช่วยเหลือประชาชน

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดบึงกาฬจำหน่ายไข่ธงฟ้าราคาประหยัดฟองละ 3 บาท ช่วยเหลือประชนช่วงวิกฤตไข่ไก่ราคาแพง ณ หน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดบึงกาฬในระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2556 โดยประชาชนให้ความสนใจทยอยกันมาซื้อไข่จนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว


นางสาวเมรินี โมรมัต นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่าทางสำนักงานการค้าภายในจังหวัดบึงกาฬจัดจำหน่ายไข่ราคาถูกเพื่อ ช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาไข่ที่เพิ่มสูงขึ้นใน ระยะนี้ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน อีกทั้งต้นทุนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรง หรืออาหารสัตว์ซึ่งทำให้ไข่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าสถานการณ์ไข่ไก่แพง จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในเดือนมิถุนายน หลังจากสภาพอากาศเย็นลง ก็จะทำให้ผลผลิตเริ่มออกมาเพิ่มขึ้น จากเหตุการณ์นี้ทางการค้าภายในจังหวัดบึงกาฬได้ออกสำรวจราคาไข่ในจังหวัด ซึ่งมีราคาเพิ่มสูงขึ้นประมาณฟองละ 50 สตางค์ คือจากเดิมราคาไข่เบอร์ 3 ราคาอยู่ที่ 4 บาท ณ ปัจจุบันปรับเป็น 4.50 บาท ซึ่งไข่ที่ขายในจังหวัดบึงกาฬเป็นไข่ที่รับมาจากต่างจังหวัด จากการสำรวจผู้เลี้ยงไก่ในจังหวัดบึงกาฬเองมีแค่ 2 แห่งซึ่งเลี้ยงไก่ฟาร์มละประมาณ 4000-5000 ตัว ผลผลิตที่ได้ประมาณ 110-120 ถาดต่อวัน ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการในจังหวัด ทั้งนี้การค้าภายในจังหวัดบึงกาฬจะตรวจสอบราคาและควบคุมราคาไข่ไม่ให้แพง เกินจริง เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้า 

สหกรณ์จังหวัดบึงกาฬทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาสำนักงาน

วันนี้ ( 2 มิถุนายน 2556) นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินทางมาทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ ณ บริเวณศาลากลางแห่งใหม่บ้านท่าไคร้ ตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยมีนายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬให้การต้อนรับพร้อมด้วยผู้นำสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรจังหวัดบึงกาฬ


นายพีรพนธ์ กิจโกศล สหกรณ์จังหวัดบึงกาฬกล่าวถึงการก่อสร้างอาคารสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ ว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีประกาศตั้งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬตาม ประกาศกรมฯลงวันที่ 18 เมษายน 2554 ซึ่งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬได้เริ่มปฏิบัติงานในรูปแบบสำนักงานตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2554 โดยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬได้ดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนิน การก่อสร้างอาคารสำนักงานและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งกรมได้จัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2256 เป็นจำนวนเงิน 6,184,000 บาทเพื่อเป็นค่าดำเนินการก่อสร้าง อาคารสำนักงาน รั้วคอนกรีตรอบสำนักงาน ป้ายสำนักงาน เสาธง ป้อมยามและโรงจอดรถ ซึ่งสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬได้ประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 ถึงเดือนธันวาคม 2555 โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดรศรีวิไลก่อสร้างเป็นผู้รับจ้างด้วยวงเงินที่ได้ รับจัดสรร ซึ่งลงนามสัญญาตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2556 กำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 21 มีนาคม 2557 เพื่อความเป็นศิริมงคลในการก่อสร้างอาคารสำนักงานและสิ่งปลูกสร้างอาคาร อื่นๆตลอดจนเพื่อเป็นศิริมงคลให้กับเจ้าหน้าที่ที่ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติ ราชการ รวมถึงสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่มาติดต่อราชการจึงได้กำหนดจัดให้มีพิธีวาง ศิลาฤกษ์ในวันนี้

ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43

ข่าวที่ 695/2556 ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43
 
วันที่ ๓ มิ.ย. ๕๖ เวลา ๐๙.๓๐ น. ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในการประชุมดังกล่าว ได้ปรึกษา หารือการเตรียมความพร้อมสนามแข่งขัน/ฝึกซ้อม ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๓ และกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๓ เพื่อถามความคืบหน้า ชนิดกีฬา สนามแข่งขัน/ฝึกซ้อม และได้พิจารณาการขอรับงบประมาณจากองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสำนึกในคุณค่าของการกีฬา ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า”กีฬามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของแต่ละคนและชีวิตของบ้านเมือง” เป็นการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมา ให้มีความโดดเด่นระดับชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของจังหวัดนครราชสีมาอย่างยั่งยืน เป็นการสร้างความสงบสุขในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มีการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดนครราชสีมา ในด้านการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นการสนับสนุนเยาวชน และประชาชนในท้องถิ่น ให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แสดงออกถึงความสามารถด้านกีฬา และได้มีการผลักดันการพัฒนากีฬาในระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านมาตรฐาน บุคลากรทางการกีฬา สถานที่อุปกรณ์และมาตรฐานการจัดการแข่งขัน มุ่งสู่ระดับชาติและระดับสากลต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๓ พ.ศ.๒๕๕๗ "นครราชสีมาเกมส์” ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๓ พ.ศ.๒๕๕๘ "โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ จึงขอเชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ร่วมชมและเชียร์การแข่งขันตามวันเวลา ดังกล่าว



นางสาวชนิกุล จันทรไพศาลสิน/นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว/พิมพ์
ชนัดดา ส.ปชส.นม/ตรวจทาน 3 มิ.ย. 56

56/com7

กระทรวงยุติธรรม เดินหน้าเปิดตัวโครงการพ่อแม่อาสา นำพาปลอดยาเสพติด ถวายพ่อของแผ่นดิน

นายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดโครงการพ่อแม่อาสา นำพาปลอดยาเสพติด ถวายพ่อของแผ่นดิน ที่อำเภอหนองบัวแดง ย้ำชาวชัยภูมิและคนอีสาน ต้องการอ่างเก็บน้ำ ช่วยภัยแล้ง น้ำท่วม วอนช่วยกันตรวจสอบ อย่าให้ผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาส วาบเงินชดเชย
 
ในโอกาสเป็นประธานเปิดโครงการพ่อแม่อาสา นำพาปลอดยาเสพติด ถวายพ่อของแผ่นดิน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ จัดที่โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยาคม อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ นายนายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงปัญหาการสร้างบ้านหวังค่าชดเชยจากการสร้างอ่างเก็บน้ำโปร่งขุน เพชร ยางนาดี และอ่างเก็บน้ำสะพุง ว่า อ่างเก็บน้ำเหล่านี้ รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ทุ่มงบประมาณก่อสร้างเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในกับประชาชน ดังนั้นในฐานะคนชัยภูมิ เข้าใจดีถึงความต้องการอ่างเก็บน้ำ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง ถึงอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามแผนที่รัฐบาลวางเอาไว้ เรื่องที่มีชาวบ้านบางกลุ่มไปสร้างบ้าน ขุดสระ ปลูกต้นไม้ เพื่อหวังเงินค่าชดเชยนั้น เชื่อว่าทุกหน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังเร่งตรวจสอบ ความถูกต้อง รัฐบาลไม่เพิกเฉยแน่ ถ้าหากมีการ ดำเนินการไม่ตรงไปตรงมา รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
 
อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงประชาชนว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนชาวชัยภูมิ ได้เขื่อนกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภค บริโภค ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ชัยภูมิซึ่งเป็นต้นน้ำชี ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน เป็นหูเป็นตา อย่าปล่อยให้บุคลฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด เข้ามาเบียดบัง หาผลประโยชน์จากโครงการโดยมิชอบ ขณะเดียวกันกระทวงยุติธรรม ก็พร้อมช่วยเหลือจังหวัด ในการตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ในชั้นนี้ทราบว่าทางผู้ว่าฯ ทางตำรวจ ยังพอรับมือได้ แต่ถ้าไม่ไหว จะให้ทางดีเอสไอเข้ามาช่วย
 


สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

อบจ.ชัยภูมิหนุนเกษตรกรใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายแทนการเผาตอซังข้าว

องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สนับสนุนเกษตรกร 7 อำเภอ ปรับเปลี่ยนจากการเผาตอซังข้าว มาใช้จุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อยสลาย คืนความสมบูรณ์ให้ดิน ลดต้นทุนการผลิต รักษาสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน ได้อย่างยั่งยืน

โดยในฤดูการทำนาปีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ นำโดยนายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิ ได้รณรงค์ให้เกษตรกร พื้นที่เป้าหมาย 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองชัยภูมิ จัตุรัส บ้านเขว้า เนินสง่า คอนสวรรค์ ภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ ปรับเปลี่ยนวิถีการทำนา จากการเผาตอซัง มาใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารชีวภาพ แทนการใช้สารเคมี เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดปัญหาโลกร้อน ที่สำคัญจะทำให้คุณภาพคืนกลับความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน เป็นการสนองนโยบายวาระแห่งชาติของรัฐบาล ด้านเกษตรอินทรีย์อีกด้วย โดยจัดโครงการส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ฟางข้าว ขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ที่ เทศบาลตำบลลุ่มลำชี อ.บ้านเขว้า มีเกษตรกรร่วมโครงการกว่า 100 คน นอกจากเกษตรกรจะได้รับความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ การทำฮอร์โมนพืช การทำสารไล่แมลงจากพืช จากวิทยากร สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยภูมิแล้ว ยังมีการสาธิตทำปุ๋ยหมักจากวัชพืช และการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายฟางข้าวในแปลงนาสาธิตอีกด้วย

นายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ยังใช้ความคุ้นเคยแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมาในอดีต คือการเผาตอซังข้าวก่อนไถกลบ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการเผาตอซังข้าว ทำให้หน้าดินแข็ง จับตัวกันแน่น นอกจากนั้นยังทำให้จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตในดินตายไปด้วย ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ผลที่ตามมาคือเกษตรกรต้องเสียเงินซื้อปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงเพิ่มขึ้นทุกปี คิดว่าหากเกษตรกรนำความรู้ที่ได้รับ ไปปรับใช้ จะช่วยทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิต ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล/ข่าว

จังหวัดขอนแก่นนำพลังมวลชนปฏิญาณตนต่อต้านการค้ามนุษย์ในการจัดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์

ที่ศาลาประชาคมขอนแก่นนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานและตัวแทนอำเภอทั้ง 26 อำเภอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554เสนอให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ปัจจุบันรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ตระหนักดีว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นภัยอันร้ายแรง เป็นอาชญากรรมข้ามชาติและเป็นเรื่องที่ประเทศต่างๆทั่วโลกให้ความสำคัญและ จับตามองเป็นพิเศษ ถือเป็นนโยบายที่เร่งด่วนที่ต้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง และเด็ดขาดเพราะการค้ามนุษย์เป็นปรากฏการณ์สังคมที่เกี่ยวพันกับปัญหา เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง เป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีแนวโน้ม ที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นการค้ามนุษย์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งประเทศไทยเป็นทั้งประเทศต้นทางที่มีการแสวงประโยชน์จากการค้าประเวณี ของหญิงไทยในต่างประเทศ เป็นประเทศทางผ่านและประเทศปลายทางของหญิงและเด็กต่างชาติในอนุภูมิภาคลุ่ม แม่น้ำโขง ซึ่งถูกนำมาแสวงหาประโยชน์จากการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการรณรงค์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ให้สาธารณชนได้ รับทราบ เพื่อให้เกิดความตระหนักในปัญหาและเป็นการเฝ้าระวังบุตรหลานสมาชิกในครอบ ครัว สังคม ให้รู้เท่าทันและเอาตัวรอดจากการตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ จังหวัดขอนแก่นจึงได้มีการลงนามบันทึกความตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้าน การป้องกัน ปราบปราม ในทั้ง 26 อำเภอ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็นำกล่าวประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการค้า มนุษย์ให้หมดไปโดยย้ำว่าผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต้องได้รับการคุ้มครอง ช่วยเหลือโดยเร็ว ผู้ทำผิดต้อได้รับการลงโทษ ต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ทันในการป้องกันปราบปราม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องป้องกันทุกรูปแบบทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีความ เสี่ยงที่อาจนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ จังหวัดขอนแก่นยินดีให้ความร่วมมือกับนานาประเทศในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หมดไป      

ตำรวจภูธรภาค 4 แถลงตรวจยึดรถยนต์หรู 13 คัน ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย

วันนี้ (3 มิ.ย. 56) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท. กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้แถลงข่าวกรณีชุดเฉพาะกิจปราบปรามโจรกรรมรถ ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ตรวจยึดรถยนต์หรูที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 13 คัน ประกอบด้วย ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ 5 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 1 คัน โตโยต้าอัลพาท 2 คัน นิสสัน คิวบ์ 3 คัน โฟล์คสวาเก้น บิทเทล 1 คัน และซูซูกิ วาก้อน อาร์ อีก 1 คัน

ผู้บัญชาการภาค 4 กล่าวว่าขณะนี้มีขบวนการลักลอบนำรถหรูราคาแพงเข้ามาในประเทศ โดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร ส่งผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้เลือกซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกกฎหมาย หากเป็นรถมือสองที่มีราคาแพงต้องตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ละเอียด

โดยเฉพาะรถที่มีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาดมากผิดปกติ ต้องสืบหาที่มาที่ไปของรถยนต์หรูเหล่านี้อย่างละเอียด เพราะหากถูกตรวจพบว่าเป็นรถยนต์หนีภาษี ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย นอกจากจะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ยังจะถูกยึดรถอีกด้วย

สำหรับรถที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้แยกประเภทดังนี้ คือ รถที่นำเข้าทั้งคันไม่เสียภาษีศุลกากร และทะเบียนขนส่ง โดยใช้ป้ายแดงติดตลอด ทั้งที่บางครั้งรถตกรุ่นไปแล้ว หรือติดป้ายขาวปลอมของกรมการขนส่งพร้อมป้ายวงกลมและสมุดทะเบียนรถปลอม นอกจากนี้ ยังมีรถที่นำเข้ามาในรูปแบบเสียภาษีอะไหล่แยกชิ้นและนำเข้ามาประกอบใหม่เป็น ตัวถังรถ

กฎหมายใหม่ห้ามนำมาจดทะเบียน ทำให้มีขบวนการที่นำเข้ามาในรูปอะไหล่แล้วนำมาประกอบขายในราคาถูก และบางส่วนของรถที่ตกค้างได้ถูกลำเลียงจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีกฎหมายลงโทษเหมือนประเทศไทย

พล.ต.ท.กวี กล่าวว่า รถทั้ง 13 คันเป็นรถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กทม. ซึ่งรถทั้ง 13 คัน เจ้าของรถก็มีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ส่วนรถทั้งหมดก็จะเข้าสู่กระบวนการของศุลกากรซึ่งอาจจะมีการนำมาประมูลต่อไป

ด้าน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปตรวจสอบรถทั้งหมดด้วยตัวเองในวันนี้ และระบุว่าจะดำเนินการแจ้งความเพื่อเอาผิดเจ้าของรถทั้งหมด

อธิบดีกรมโรงงานกล่าวว่า ในขบวนการลักลอบนำเข้ารถหรูจะพบว่าการนำจะมีการแยกอินวอยซ์ตัวถัง ประตู ล้อ เพื่อมาประกอบในประเทศ แล้วก็มีวิศวกรเซ็นรับรอง ซึ่ง สมอ.กำหนดว่าถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลหรือเบนซินจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตาม มอก. 2550-2554 และตาม มอก.2540-2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 ธ.ค.2555 เป็นต้นมา แต่มีผ่านมา ความพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการเอาแก๊สมาติด โดยเฉพาะก่อน 8 ธ.ค.55 โดยรถที่ประกอบหลังจากนั้นถ้ามีถังน้ำมันเกินกว่า 15 ลิตร ต้องผ่านสมอ.แม้จะติดแก๊สหรือไม่ก็ตาม

จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ในประเทศมีรถนำเข้าโดยหลีกเลี่ยงภาษีทั้งระบบร่วม 3,000คัน ส่วนซูเปอร์คาร์มีประมาณหลักร้อยคัน และในอดีตที่เข้ามาตรวจสอบขึ้นทะเบียนกับ สมอ.แค่ หลัก 10 คันเท่านั้น ซึ่งรถทั้งหมดกระจายไปทั่วประเทศไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบมาตรฐานคันละประมาณ 1.2 แสนบาท      

กาฬสินธุ์ขอเชิญผู้ประสบภัยทางถนนรับเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ

นางวิไลลักษณ์ ศรีวณิชชากร ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก จะจัดสรรเงินเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยจาก การใช้รถใช้ถนน ในส่วนที่นอกเหนือจากค่าสินไหมทดแทนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจาก รถ เพื่อช่วยเหลือผู้พิการตามความเหมาะสมและสภาพการใช้งานได้ รายละไม่เกิน 100,000 บาท อุปกรณ์ช่วยเหลือที่ขอรับการจัดสรรได้ เช่น แขนเทียม ขาเทียม รถนั่งสำหรับผู้พิการ ไม้เท้าหรือไม้คำยัน ที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ หรือเตียงนอนสำหรับผู้พิการที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ผู้สนใจขอรับการช่วยเหลือให้ยื่นคำขอรับการจัดสรรเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือ ผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ได้ที่กลุ่มงานวิชาการ สำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 0 4382 1703 ต่อ 13 ในระหว่างวันที่ 3 – 14 มิถุนายน 2556 นี้
 


สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว