วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 นางจุรีย์ พุทธานุ
ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านตานี ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมสามี
เดินทางไปยัง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 จังหวัดสุรินทร์
มอบกระเช้าของขวัญเพื่อเป็นการขอบคุณ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ภาโว
สารวัตรแผนงานและงบประมาณกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21
ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ที่มีเงิน อยู่จำนวนประมาณ 5,000 บาทเศษ
และนำเงินส่งคืนที่หน้าศาลากลาง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อ 23 มิถุนายน
ที่ผ่านมา หลังจากที่นางจุรี และสามี
ไปเดินชมงานโอทอบที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด และทำกระเป๋าตกไว้
พ.ต.ท.สมศักดิ์ ภาโว เดินผ่านมาเก็บได้
แต่ในกระเป๋าไม่มีเอกสารระบุว่าเป็นของใคร
จึงได้แจ้งไว้ที่เจ้าหน้าที่งานและศาลากลางจังหวัด
หลังจากนั้นจึงมีผู้มาติดต่อรับว่าเป็นเจ้าของและเงินจำนวนดังกล่าว
ตรวจสอบแล้วว่าเป็นเจ้าของจริงจึงมอบคืน ซึ่งหลังจากนั้น นางจุรีย์ พุทธานุ
ข้าราชการครู พร้อมด้วยสามี จึงเดินทางไปยัง
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21
เพื่อติดต่อขอมอบกระเช้าของขวัญเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจของ
พ.ต.ท.สมศักดิ์ ภาโว
สารวัตรแผนงานและงบประมาณกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21
ที่มีความเป็นผู้พิทักษ์สันติราชและความมีน้ำใจในการเป็นพลเมืองดีในครั้ง
นี้
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
จังหวัดอุบลราชธานีคณะอนุกรรมการการปฏิบัติการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555
วันนี้ 1 กรกฎาคม 2556 ณ
ห้องประชุมบัวทิพย์ 2 ชั้น 4 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการ
การปฏิบัติการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า
800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555
โดยมีหัวหน้าส่วนราชการนายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมแนว
ทางการดำเนินโครงการปลูกป่า และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า
800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินีจังหวัดอุบลราชธานี
โครงการปลูกป่าดังกล่าว
เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555
เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง
เจ้าฯพระบรมราชินีนาถ มาเป็นกรอบแนวทางในการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศต้นน้ำ
กลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์และเกิดวามสมดุลของ
ระบบนิเวศเป็นแหล่งสำคัญในการดูดซับน้ำ ชะลอน้ำ ลดความรุนแรงการไหลของน้ำ
รวมทั้งช่วยเกาะยึดและปกคลุมพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาภัยพิบัติจากดิน
ถล่มหรือการกัดเซาะชายฝั่งซึ่งจะส่งผลต่อการป้องกัน
บรรเทาและลดความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยและภัยแล้ง
ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนทั้งภาค
รัฐ ภาคประชาสังคม เอกชน ชุมชนและประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกันอนุรักษ์
ฟื้นฟูและเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอัน
เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป
โดยมีเป้าหมายของโครงการ
เพิ่มความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรมจังหวัดอุบลราชธานีเนื้อที่ 1,434 ไร่
และพื้นที่ป่าชายเลนที่ไม่มีสภาพป่าและพื้นที่ชายฝั่งทะเล
รวมทั้งพื้นที่อื่น ให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2556
ไม่น้อยกว่า 345,481 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์/ป่าสงวนฯ/พื้นที่อื่นๆ
ประมาณ 326,879 ไร่ และพื้นที่ป่าชายเลน/ชายฝั่งทะเล 18,602 ไร่
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ข่าว
คณะบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรอบรมภาษาเวียดนามพื้นฐาน การสื่อสารการเตรียมความพ้อมสู่ปะชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมเพชร
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ผศ.ดร.ชมพูนุท โมราชาติ
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
ประธานการประชุมคณะกรรมการ เพื่อเตรียม
การจัดทำหลักสูตรอบรมภาษาเวียดนามพื้นฐานขยายผลชุมชนต้นแบบและการสื่อสารการ
เตรียมความพ้อมสู่ปะชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน
มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาคุภาพการเรียนรู้
ร่วมกับภาคีภาคส่วนต่างๆ
รวมถึงรณรงค์สร้างคุณค่าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ในการสร้างสังคมแห่งการ
เรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่สังคม
ก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558
เพื่อพัฒนาและขยายผลต้นแบบชุมชนตัวอย่างในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอา
เซียน เพื่อสร้างความตระหนัก
และกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนของภาค
ประชาชน และภาคประชาสังคม
โดยผ่านกิจกรรมและการสื่อสารต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในทาง
ปฏิบัติ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษา
ผู้แทนภาคีหน่วยงานที่มีอิทธิพลในระดับยุทธศาสตร์ ได้แก่ มูลนิธิร่มฉัตร
ผู้นำชุมชน ผู้นำทางศาสนา ผู้บริหารการศึกษา ประชาชนในชุมชน
จังหวัดอุบลราชธานี จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติประจำปี 2556 เพื่อน้อมรำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย
วันที่ 1 กรกฎาคม 2556
ที่สนามกีฬากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน จ.อุบลฯ นายวันชัย สุทธิวรชัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
เป็นประธานพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของลูกเสือเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา
คณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2556 โดยมีผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ลูกเสือ
เนตรนารี จากโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานพื้นที่เขตการศึกษา ประถมศึกษา
และลูกเสือชาวบ้าน ในจังหวัดอุบลราชธานี
เข้าร่วมพิธีประกอบกิจกรรมทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามอย่างพร้อมเพรียงกัน
เพื่อแสดงความเคารพและกล่าวทบทวน คำปฏิญาณ
ต่อองค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ประกาศความเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง
เป็นการรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย
และถวายความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 ได้ทรงสถาปนากิจการลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.
2454 จึงได้ยึดถือวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี
วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ที่ผ่านมากิจการลูกเสือของจังหวัดอุบลราชธานี มีความก้าวหน้า
การเรียนการสอนลูกเสือในโรงเรียนได้รับความสนใจเป็นอย่างดีมีการเรียนการ
สอนอย่างจริงจัง ได้จัดการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ลูกเสือชาวบ้าน
และกลุ่มโรงเรียนต่างๆ ได้จัดการฝึกอบรมทบทวน ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ
ลูกเสือ เนตรนารี เพื่อให้บุคลากร นักเรียน ได้พัฒนาความรู้
ความเข้าใจมีเจตนคติที่ดีมีทักษะในการจัดกิจกรรมลูกเสืออย่างถูกต้อง
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ
เปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2
อัยการสูงสุด เป็นประธานเปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2
ซึ่งจัดสร้างขึ้นบริเวณบ้านพักอัยการเดิม
เพื่อใช้เป็นอาคาสำนักงานคดีปกครองอุดรธานี สำนักงานคดีแรงงานภาค 4
และสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี
ในการรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีที่เพิ่มมากขึ้นใน
ปัจจุบัน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ ( 1 ก.ค. 56) ที่บริเวณคุ้มอัยการ ถนนศรีสุข อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นประธานเ เปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 โดยมีนายสาโรช แสงอรุณ นายชยพล ธิติศักดิ์ นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ พลตรีสิทธิ จันทร์สมบูรณ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 พลตรีบุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการจำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี อัยการ ผู้พิพากษา ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภาคเอกชนและสื่อมวลชนในพื้นที่ร่วมพิธี ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจุบัน ปริมาณคดีเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าคดีอาญาหรือคดีเพ่งจึงต้องแยกเป็นคดีปกครองและ คดีแรงงาน ประกอบกับจังหวัดอุดรธานี มีการตั้งศาลคดีเยาวชนและครอบครัว ศาลปกครองอุดรธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย อุดรธานี หนองบังลำภู เลย สกลนคร นครพนม หนองคาย และบึงกาฬ และศาลแรงงานภาค 4 (อุดรธานี) ซึ่งมีเขตอำนาจการการปกครองดูแลครอบคลุมในเขตพื้นที่ภาค 4 คือ 12 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และจากบทบาทภารกิจหน้าที่หลักของอัยการ ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมีการจัดตั้งอัยการคดีปกครองอุดรธานี อัยการคดีแรงงานภาค 4 และอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานีขึ้นในพื้นเพื่อรองรับการให้ บริการประชาชนได้สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม แต่เนื่องจากสำนักงานอัยการ1 คับแคบ จึงต้องมีการจัดสร้างอาคารหลังใหม่ เพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานอัยการทั้ง 3 คดี
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุด ได้อนุมัติงบประมาณ ให้ก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 พร้อมบ้านพักข้าราชการอัยการ 5 หลัง และอาคารที่พักอาศัยข้าราชการอัยการและธุรการจำนวน 55 หน่วย วงเงิน 141,600,000 บาท เพื่อเป็นอาคาสำนักงานอัยการคดีปกครองอุดรธานี สำนักงานอัยการคดีแรงงานภาค 4 และสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ในการรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่ให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม และแก้ไขปัญหาความคับแคบและไม่เพียงพอกับจำนวนบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2555 และมีการทยอยเข้าใช้อาคารเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 จนครบถ้วน รวมทั้งได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ และเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ ( 1 ก.ค. 56) สำหรับพิธีเปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 อย่างเป็นทางการในวันนี้ ได้จัดให้มีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา โดยมีพระอาจารย์ขันตี ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดป่าม่วงไข่ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์ การรำอวยพร และการรำเซิ้ง การรำภูไทของชาวเรณูนคร การมอบเกียรติโล่ให้กับผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของสำนักงานอัยการจังหวัด อุดรธานี 2 พิธีเปิดป้ายอาคารสำนักงานคดีปกครองอุดรธานี สำนักงานคดีแรงงานภาค 4 และสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ ( 1 ก.ค. 56) ที่บริเวณคุ้มอัยการ ถนนศรีสุข อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นประธานเ เปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 โดยมีนายสาโรช แสงอรุณ นายชยพล ธิติศักดิ์ นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ พลตรีสิทธิ จันทร์สมบูรณ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 พลตรีบุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการจำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี อัยการ ผู้พิพากษา ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภาคเอกชนและสื่อมวลชนในพื้นที่ร่วมพิธี ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจุบัน ปริมาณคดีเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าคดีอาญาหรือคดีเพ่งจึงต้องแยกเป็นคดีปกครองและ คดีแรงงาน ประกอบกับจังหวัดอุดรธานี มีการตั้งศาลคดีเยาวชนและครอบครัว ศาลปกครองอุดรธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย อุดรธานี หนองบังลำภู เลย สกลนคร นครพนม หนองคาย และบึงกาฬ และศาลแรงงานภาค 4 (อุดรธานี) ซึ่งมีเขตอำนาจการการปกครองดูแลครอบคลุมในเขตพื้นที่ภาค 4 คือ 12 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และจากบทบาทภารกิจหน้าที่หลักของอัยการ ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมีการจัดตั้งอัยการคดีปกครองอุดรธานี อัยการคดีแรงงานภาค 4 และอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานีขึ้นในพื้นเพื่อรองรับการให้ บริการประชาชนได้สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม แต่เนื่องจากสำนักงานอัยการ1 คับแคบ จึงต้องมีการจัดสร้างอาคารหลังใหม่ เพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานอัยการทั้ง 3 คดี
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุด ได้อนุมัติงบประมาณ ให้ก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 พร้อมบ้านพักข้าราชการอัยการ 5 หลัง และอาคารที่พักอาศัยข้าราชการอัยการและธุรการจำนวน 55 หน่วย วงเงิน 141,600,000 บาท เพื่อเป็นอาคาสำนักงานอัยการคดีปกครองอุดรธานี สำนักงานอัยการคดีแรงงานภาค 4 และสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ในการรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่ให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม และแก้ไขปัญหาความคับแคบและไม่เพียงพอกับจำนวนบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2555 และมีการทยอยเข้าใช้อาคารเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 จนครบถ้วน รวมทั้งได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ และเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ ( 1 ก.ค. 56) สำหรับพิธีเปิดอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี 2 อย่างเป็นทางการในวันนี้ ได้จัดให้มีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา โดยมีพระอาจารย์ขันตี ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดป่าม่วงไข่ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์ การรำอวยพร และการรำเซิ้ง การรำภูไทของชาวเรณูนคร การมอบเกียรติโล่ให้กับผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของสำนักงานอัยการจังหวัด อุดรธานี 2 พิธีเปิดป้ายอาคารสำนักงานคดีปกครองอุดรธานี สำนักงานคดีแรงงานภาค 4 และสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี
ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ
อยุธยา / ข่าว
กาชาดอุดรฯ รับบริจาคโลหิต
คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานีพร้อมด้วยคณะแพทย์
พยาบาลโรงพยาบาลอุดรธานี ออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ประจำเดือนกรกฎาคม
2556 ตามแผนรับบริจาคโลหิตประจำเดือนกรกฎาคม 2556
เช้าวันนี้ ( 1 ก.ค. 56 ) ที่ชั้น 3 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นางศิริลักษณ์ พลละเอียด รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอุดรธานี ออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ จากผู้บริหาร พนักงานและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเซ็นทารา โดยมียอดบริจาคโลหิต 42 คน หรือ 16,800 (42X400)ซีซี นางศิริลักษณ์ พลละเอียด รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า สำหรับกำหนดแผนออกรับบริจาคโลหิตประจำเดือนกรกฎาคม 2556 ในวันพรุ่งนี้ จะออกรับบริจาคโลหิต ที่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ และในรอบเดือนมีกำหนดออกรับริจาคโลหิตตามวัน สถานที่ดังนี้
วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี
วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอกู่แก้ว
วันที่ 8 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนอุดรพัฒนาการ
วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอเมืองอุดรธานี
วันที่ 11 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอพิบูลย์รักษ์
วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี
วันที่ 16 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอกุมภวาปี
วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก
วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอวังสามหมอ
วันที่ 20 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอุดรธานี
วันที่ 24 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี
วันที่ 25 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอบ้านดุง
วันที่ 26 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ กรมทหารราบที่ 13
วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ บริษัท เอ ไอ เอ ประกันชีวิตจังหวัดอุดรธานี
วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอประจักษ์ศิลปาคม
วันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนช่างกลอุดรธานี
วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร
ในการนี้จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตอันเป็นกุศลที่ต้องการบริจาคโลหิต เพื่อช่วยชีวิตเพื่อมนุษย์และสำรองไว้ในยามฉุกเฉินร่วมบริจาคโหลิตกับหน่วย รับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ได้ตามวันและสถานที่ดังกล่าว สำหรับการออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ เดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา มีการออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตรวม 14 ครั้ง มีผู้บริจาคโลหิต 2,353 คน ได้ยอดโลหิตรวม 941,200 ซีซี
เช้าวันนี้ ( 1 ก.ค. 56 ) ที่ชั้น 3 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นางศิริลักษณ์ พลละเอียด รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอุดรธานี ออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ จากผู้บริหาร พนักงานและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเซ็นทารา โดยมียอดบริจาคโลหิต 42 คน หรือ 16,800 (42X400)ซีซี นางศิริลักษณ์ พลละเอียด รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า สำหรับกำหนดแผนออกรับบริจาคโลหิตประจำเดือนกรกฎาคม 2556 ในวันพรุ่งนี้ จะออกรับบริจาคโลหิต ที่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ และในรอบเดือนมีกำหนดออกรับริจาคโลหิตตามวัน สถานที่ดังนี้
วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี
วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอกู่แก้ว
วันที่ 8 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนอุดรพัฒนาการ
วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอเมืองอุดรธานี
วันที่ 11 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอพิบูลย์รักษ์
วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี
วันที่ 16 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอกุมภวาปี
วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก
วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอวังสามหมอ
วันที่ 20 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอุดรธานี
วันที่ 24 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี
วันที่ 25 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอบ้านดุง
วันที่ 26 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ กรมทหารราบที่ 13
วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ บริษัท เอ ไอ เอ ประกันชีวิตจังหวัดอุดรธานี
วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ อำเภอประจักษ์ศิลปาคม
วันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนช่างกลอุดรธานี
วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ออกรับบริจาคโลหิต ที่ โรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร
ในการนี้จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตอันเป็นกุศลที่ต้องการบริจาคโลหิต เพื่อช่วยชีวิตเพื่อมนุษย์และสำรองไว้ในยามฉุกเฉินร่วมบริจาคโหลิตกับหน่วย รับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ได้ตามวันและสถานที่ดังกล่าว สำหรับการออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ เดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา มีการออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตรวม 14 ครั้ง มีผู้บริจาคโลหิต 2,353 คน ได้ยอดโลหิตรวม 941,200 ซีซี
ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศพจ่าเอกพันศักดิ์ โสดาภักดิ์ ทหารกล้าที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับถึงจังหวัดอำนาจเจริญแล้วท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของภรรยา พ่อ แม่ และญาติพี่น้องชาวบ้านนาหมอม้าทั้งหมู่บ้านที่มารอรับศพ
ที่จังหวัดอำนาจเจริญ/ชาวบ้านนาหมอม้าทั้งหมู่บ้านพร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกเทศบาล และ อบต. ร่วมรับศพทหารกล้า จ่าเอก พันธ์ศักดิ์ โสดาภักดิ์ ทั้งน้ำตา รวมถึงภรรยาที่ตั้งท้องได้ 2 เดือน และพึ่งแต่งานกันใหม่ๆ ได้ไม่ถึง 3 เดือนกอดภาพถ่ายสามีร้องไห้ระงม พ่อแม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ลูกตายเพื่อชาติสมชายชาติทหาร เตรียมบุตรหลานสืบต่อเลือดทหารกล้า เพราะผู้เป็นพ่อก็เป็นทหาร ส่วนแม่เป็นครู และภรรยาทหารกล้าก็เป็นครู บรรจุได้ประมาณ 1 ปี
บรรยากาศการนำศพจ่าเอก พันธ์ศักดิ์ โสดาภักดิ์ อายุ 26 ปี กองพันทหารปืนใหญ่ กระสุนเบาวีถีโค้งที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เวลา 23.00 น. จากเหตุการณ์หนีการชุ่มโจมตีของคนร้าย เพื่อเข้าที่พัก รถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วบวกกับมีฝนตกหนักเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ และจ่าเอก พันธ์ศักดิ์ โสดาภักดิ์ เสียชีวิตคาที่ ณ บ้านโคกอิฐ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 19.00 น.ได้นำศพจ่าเอก พันธ์ศักดิ์ โสดาภักดิ์ มาถึงบ้านนาหม้อม้า ต.นาหม้อม้า อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พอศพมาถึงหมู่บ้านชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างพากันมาร่วมรับศพและร้องไห้ระงมทั่วทั้งหมู่บ้าน เพราะสงสารทหารกล้า ภรรยาชื่อนางจรินทร์ทิพย์ โสดาภักดิ์ อายุ 25 ปี พี่งบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ไม่ถึง 1 ปี และเพิ่งแต่งงานได้ม่นานและกำลังตั้งท้องได้ 2 เดือน ออกมายืนกอดภาพถ่ายของผู้สามี(ทหารกล้า)อย่างน่าสลดใจยิ่ง น้ำตาแทบเป็นสายเลือด โดยบอกว่าตนรู้สึกเสียใจมากแต่ก็ภูมิใจที่สามีของบตนตายในหน้าที่สละชีพเพื่อชาติ บรรยากาศการรดน้ำศพเป็นไปอย่างเศร้าสะลด ประชาชน ภรรยา พ่อ แม่ ต่างร้องให้กันระงมที่ได้เห็นศพของทหารกล้านายนี้
จ.ส.อ. ภักดี โสดากักดิ์ อายุ 53 ปีผู้เป็นพ่อบอกว่าตนอายุ 53 ปี เป็นทหารพรานป่าหวายมาหลายปีดีใจและภูมิใจมากที่ลูกชายของตนตายอย่างสมเกียรติ สมชายชาติทหาร ที่ปกป้องประเทศชาติ ถึงตนจะเสียใจตนก็ภูมิใจมาก ตนอยากจะให้ลูกหลานตนตนสืบต่อในการเป็นทหารแทนลูกชายของตนเอง ลูกของตนไปดีแล้วและขอให้ทุกคนจงรักชาติ มีความสามัคคีกัน มีระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา คือหัวใจของทหาร ด้านนางวิชุณี โลภาภักดิ์ อายุ 52 ปี รับราชการครูเป็นมารดาของทหารกล้ากล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนเสียใจมากแต่ก็ภูมิใจที่ลูกชายของตนทำงานปกป้องประเทศชาติเต็มความสามารถ และตายอย่างสมเกียรติ ฝากให้ทหารทุกคนรักกัน ช่วยกันปกป้องประเทศชาติไว้เท่าชีวิต ตนรักลูกชายคนนี้มากที่เขาได้เป็นทหารเหมือนพ่อเขา ตนจะเอาลูกหลานเข้ารับราชการทหารอีกเพื่อปกป้องชาติไทยต่อไป
บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างเศร้าสลดใจ มีแขกผู้มีเกียรติไปร่วมรดน้ำศพเป็นจำนวนมาก โดยมีนายสมศักดิ์ แสนหิรันรัณย์ เดินทางไปเป็นประธานในพิธี การจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านนาหม้อม้า ต.นาหมอม้า อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
จรูญ พิตะพันธ์/ข่าว
ผู้เข้าอบรมค่ายคนดีศรีอำนาจเจริญ มอบมาลัยกราบไหว้ผู้ปกครองที่มารับกลับบ้านในพิธีปิดการอบรมค่ายคนดีศรีอำนาจเจริญ รุ่นที่ ๑ ปี ๕๖
ผู้ปกครองของเยาวชนที่เข้าค่ายอบรมคนดีศรีอำนาจเจริญ หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ในพิธีปิดการอบรมคนดีศรีอำนาจเจริญ ประจำปี ๒๕๕๖ รุ่นที่ ๑ เพื่อรับบุตรหลานกลับบ้าน หลังจากมาเข้าค่ายอบรมอยู่ ๙ วัน ๘ คืน
ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ ๑ นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการอบรมค่ายคนดีศรีอำนาจเจริญ ประจำปี ๒๕๕๖ รุ่นที่ ๑ โดยมี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ตลอดจนผู้ปกครอง เข้าร่วมเป็นเกียรติและให้กำลังใจให้กับผู้ผ่านการอบรม ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลกำหนดแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เป็นยุทธศาสตร์หลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้กลยุทธ์ ๗ แผน ๔ ปรับ ๓ หลัก ๖ เร่ง โดยในแผนงานที่ ๓ เป็นแผนการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา โดยจังหวัดอำนาจเจริญได้จัดอบรมเยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษาจำนวน ๑๐๐ คน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ พิษภัยของยาเสพติด และสร้างภูมิคุ้มกัน ลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา โดยการเข้าค่ายอบรม ตั้งแต่วันที่ ๒๐ – ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นเวลา ๙ วัน ๘ คืน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่าย ได้มีพิธีปิดการฝึกอบรม โดยทางคณะวิทยากรได้นิมนต์ พระครูมลคลวรวัตร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองอำนาจเจริญ มาเทศน์กล่อมเกลาจิตใจและรดน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล และจัดให้มีพิธีมอบพวงมาลัยกราบไหว้ขออโหสิกรรมจากผู้ปกครอง และจะตั้งใจกลับตัวเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ท่ามกลางความความปลาบปลื้มและน้ำตาที่พรั่งพรูด้วยความดีใจของผู้ปกครองและ คณะผู้บริหารสถานศึกษาและหัวหน้าส่วนราชการที่ไปร่วมเป็นเกียรติและกำลังใจ ก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน
นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวแสดงความชื่นชมยินดีกับเยาวชนที่เข้ารับการอบรมด้วยความตั้งใจ จนทำให้การเข้าค่ายครั้งนี้ประสบความสำเร็จ โดยไม่มีการหนีการอบรมแม้แต่คนเดียว และผลการตรวจสุขภาพของผู้เข้าอบรมทุกคนปราศจากสารเสพติด และต่างสัญญากับคณะวิทยากรและทางราชการว่า จะตั้งใจเป็นคนดีและเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกันทางราชการและสถานศึกษาของเยาวชนก็จะได้มีการติดตามพฤติกรรมและประเมินผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เยาวชนที่ผ่านการอบรมไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกต่อไป
ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ ๑ นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการอบรมค่ายคนดีศรีอำนาจเจริญ ประจำปี ๒๕๕๖ รุ่นที่ ๑ โดยมี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ตลอดจนผู้ปกครอง เข้าร่วมเป็นเกียรติและให้กำลังใจให้กับผู้ผ่านการอบรม ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลกำหนดแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เป็นยุทธศาสตร์หลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้กลยุทธ์ ๗ แผน ๔ ปรับ ๓ หลัก ๖ เร่ง โดยในแผนงานที่ ๓ เป็นแผนการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา โดยจังหวัดอำนาจเจริญได้จัดอบรมเยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษาจำนวน ๑๐๐ คน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ พิษภัยของยาเสพติด และสร้างภูมิคุ้มกัน ลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา โดยการเข้าค่ายอบรม ตั้งแต่วันที่ ๒๐ – ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นเวลา ๙ วัน ๘ คืน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่าย ได้มีพิธีปิดการฝึกอบรม โดยทางคณะวิทยากรได้นิมนต์ พระครูมลคลวรวัตร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองอำนาจเจริญ มาเทศน์กล่อมเกลาจิตใจและรดน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล และจัดให้มีพิธีมอบพวงมาลัยกราบไหว้ขออโหสิกรรมจากผู้ปกครอง และจะตั้งใจกลับตัวเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ท่ามกลางความความปลาบปลื้มและน้ำตาที่พรั่งพรูด้วยความดีใจของผู้ปกครองและ คณะผู้บริหารสถานศึกษาและหัวหน้าส่วนราชการที่ไปร่วมเป็นเกียรติและกำลังใจ ก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน
นายสัจจะ ฤทธิกุลประเสริฐ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวแสดงความชื่นชมยินดีกับเยาวชนที่เข้ารับการอบรมด้วยความตั้งใจ จนทำให้การเข้าค่ายครั้งนี้ประสบความสำเร็จ โดยไม่มีการหนีการอบรมแม้แต่คนเดียว และผลการตรวจสุขภาพของผู้เข้าอบรมทุกคนปราศจากสารเสพติด และต่างสัญญากับคณะวิทยากรและทางราชการว่า จะตั้งใจเป็นคนดีและเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกันทางราชการและสถานศึกษาของเยาวชนก็จะได้มีการติดตามพฤติกรรมและประเมินผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เยาวชนที่ผ่านการอบรมไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกต่อไป
สุรพล บุตรวงศ์ / ข่าว
จังหวัดอำนาจเจริญออกตรวจร้านเกมเพื่อคัดเลือกให้เป็นร้านเกมสีขาวเป็นต้นแบบให้เยาวชน ประจำปี 2556
จังหวัดจังหวัดอำนาจเจริญ ออกตรวจร้านเกม เพื่อคัดเลือกให้เป็นร้านเกมสีขาวเป็นต้นแบบให้เยาวชน ประจำปี 2556 เพื่อเป็นการส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ สร้างภูมิคุ้มกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตลอดจนเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสถานประกอบกิจการร้านเกมในการยกระดับและพัฒนาร้านเกม ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการร้านเกมได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคม มีจิตสำนึกที่ดีในการให้บริการ โดยไม่มีสิ่งมึนเมา หรือยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง
นางพวงคำ ทองทั่ว วัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า...จังหวัดอำนาจเจริญ โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดทำโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชน ประจำปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายผลโครงการ "ร้านเกมสีขาว เพื่อเยาวชน” ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งปีที่ผ่านมาสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดทำโครงการ 1 อำเภอ 1 ร้านเกมสีขาว และในปีนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญได้จัดทำโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชนระดับจังหวัด เพื่อนำไปเป็นต้นแบบร้านเกมสีขาว เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ประกอบกิจการร้านเกม เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้มีส่วนร่วมในสร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อสังคม และพัฒนาร้านเกมสีขาวไปสู่แหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยสำหรับเด็กและเยาวชนในอนาคต จากผลการประเมินของคณะกรรมการตรวจประเมินร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่าทุกอำเภอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะพัฒนาร้านเกมให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนต่อไป สำหรับผลการประเมินจากทั้งหมด 219 แห่ง จากทุกอำเภอปรากฏว่า ร้านปริญญา จากอำเภอหัวตะพาน ได้รับรางวัลดีเยี่ยมระดับจังหวัดโดยจะได้รับโล่เกียรติยศ ร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชนจากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ รองชนะเลิศลำดับที่ 1 ได้แก่บริษัทดีเนตสปอร์ตเกมส์ จำกัด จากอำเภอเมือง และรองชนะเลิศลำดับที่ ๒ ได้แก่ ร้านอาเจเน็ต จากอำเภอชานุมาน โดยจะได้รับเกียรติบัตร จากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ
นางพวงคำ ทองทั่ว วัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า...จังหวัดอำนาจเจริญ โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดทำโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชน ประจำปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายผลโครงการ "ร้านเกมสีขาว เพื่อเยาวชน” ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งปีที่ผ่านมาสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดทำโครงการ 1 อำเภอ 1 ร้านเกมสีขาว และในปีนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญได้จัดทำโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชนระดับจังหวัด เพื่อนำไปเป็นต้นแบบร้านเกมสีขาว เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ประกอบกิจการร้านเกม เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้มีส่วนร่วมในสร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อสังคม และพัฒนาร้านเกมสีขาวไปสู่แหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยสำหรับเด็กและเยาวชนในอนาคต จากผลการประเมินของคณะกรรมการตรวจประเมินร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่าทุกอำเภอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะพัฒนาร้านเกมให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนต่อไป สำหรับผลการประเมินจากทั้งหมด 219 แห่ง จากทุกอำเภอปรากฏว่า ร้านปริญญา จากอำเภอหัวตะพาน ได้รับรางวัลดีเยี่ยมระดับจังหวัดโดยจะได้รับโล่เกียรติยศ ร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชนจากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ รองชนะเลิศลำดับที่ 1 ได้แก่บริษัทดีเนตสปอร์ตเกมส์ จำกัด จากอำเภอเมือง และรองชนะเลิศลำดับที่ ๒ ได้แก่ ร้านอาเจเน็ต จากอำเภอชานุมาน โดยจะได้รับเกียรติบัตร จากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ
ประกาศิต สุวะทอง / ข่าว
จังหวัดอำนาจเจริญเผยช่องทางการร้องเรียนสำหรับผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายวิฑูรย์ ศิริบูลย์ภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ด้วยจังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ประชาสัมพันธ์ช่องทางการร้องเรียนสำหรับผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบหรือถูกละเมิดสิทธิจากผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือจากผู้ประกอบการและร้านค้าสะดวกซื้อ จำนวน ๔ แห่ง ที่จะเป็นสถานที่รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภค ได้แก่ ๑. บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ณ ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส จำนวน ๑,๓๐๐ สาขา ๒. บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ณ ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำนวน ๑๕๐ สาขา ๓. บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด ณ ร้านจิฟฟี่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. จำนวน ๑๕๐ สาขา และ ๔. บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
จังหวัดอำนาจเจริญ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้บริโภคทราบช่องทางการร้องทุกข์ เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยผู้บริโภคสามารถขอรับแบบบันทึกคำร้องทุกข์พร้อมซอง จากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อดังกล่าว และส่งกลับทางไปรษณีย์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
จังหวัดอำนาจเจริญ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้บริโภคทราบช่องทางการร้องทุกข์ เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยผู้บริโภคสามารถขอรับแบบบันทึกคำร้องทุกข์พร้อมซอง จากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อดังกล่าว และส่งกลับทางไปรษณีย์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติประกาศรับสมัครสรรหาคณะกรรมการลุ่มน้ำมูลภาคส่วนที่ไม่ใช่ราชการ
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แจ้งว่า ด้วยคณะกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามคำสั่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ ๒๘/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พ้นจากตำแหน่งตามวาระ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จึงต้องมีการสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นคณะกรรมการลุ่มน้ำ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค ๕ ฐานะเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำ จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้มีคุณสมบัติ สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการลุ่มน้ำมูล ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดและขอใบสมัครได้ที่ ส่วนประสานและบริหารจัดการลุ่มน้ำมูลตอนล่าง (อุบลราชธานี) สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค ๕ เลขที่ ๔๓๐ ถนนคลังอาวุธ ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณพรพรรณ ฉลาดล้ำ โทร ๐๘๙-๙๔๙๘๗๗๒ โทรสาร ๐๔๕-๓๑๖๔๖๔ ในวันเวลาราชการ
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ เปิดรับสมัครนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓-๔ เข้าโครงการค่ายยุวเกษตรปราดเปรื่อง ครั้งที่ ๑
ด้วยมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ เตรียมเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์การเกษตรในระดับปริญญาตรีขึ้นในเร็วๆ นี้ ในการนี้จึงได้มีการเตรียมนักเรียนในจังหวัดอำนาจเจริญ ที่สนใจด้านการเกษตรเพื่อจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีดังกล่าว โดยได้มีการจัด "โครงการค่ายยุวเกษตรปราดเปรื่อง ครั้งที่ ๑” ซึ่งจะเปิดรับสมัครนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เปิดโลกทัศน์ด้านการเกษตร ทั้งทางด้านวิชาการ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้เรียนรู้กับเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ และได้รับการประเมินคะแนนด้านการทำกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อจัดเก็บเป็นคะแนนสะสมสำหรับเป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษา ในหลักสูตรด้านการเษตรระดับปริญญาตรีในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญแล้ว แต่ในภายหลังเมื่อจบจากชั้นมัธยมศึกษาแล้ว ไม่ประสงค์เรียนต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์การเกษตรของวิทยาเขตอำนาจเจริญ นักเรียนก็สามารถเรียนต่อที่อื่นได้โดยไม่ถือเป็นการบังคับแต่อย่างใด กำหนดการเข้าค่าย ๓ วัน ๒ คืน ระหว่างวันเสาร์ที่ ๒๐ – วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยสถานที่จัดกิจกรรมค่ายประกอบด้วย ๒ แห่ง คือ ที่โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ และที่ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน จังหวัดร้อยเอ็ด หมู่ที่ ๖ ตำบลหนองพอก อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด รับจำนวนทั้งหมด ๘๐ คน แบ่งเป็น มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๔๐ คน และมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๔๐ คน
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นักเรียนที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ โทร. ๐๘๑-๙๑๐๘๙๑๖ , ๐๘๔-๑๐๘๘๒๐๖ , ๐๘๑-๖๗๑๔๑๔๕ ทุกวัน เวลา ๑๔.๐๐ น.- ๑๘.๐๐ น.
ทั้งนี้ นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญแล้ว แต่ในภายหลังเมื่อจบจากชั้นมัธยมศึกษาแล้ว ไม่ประสงค์เรียนต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์การเกษตรของวิทยาเขตอำนาจเจริญ นักเรียนก็สามารถเรียนต่อที่อื่นได้โดยไม่ถือเป็นการบังคับแต่อย่างใด กำหนดการเข้าค่าย ๓ วัน ๒ คืน ระหว่างวันเสาร์ที่ ๒๐ – วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยสถานที่จัดกิจกรรมค่ายประกอบด้วย ๒ แห่ง คือ ที่โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ และที่ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน จังหวัดร้อยเอ็ด หมู่ที่ ๖ ตำบลหนองพอก อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด รับจำนวนทั้งหมด ๘๐ คน แบ่งเป็น มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๔๐ คน และมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๔๐ คน
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นักเรียนที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ โทร. ๐๘๑-๙๑๐๘๙๑๖ , ๐๘๔-๑๐๘๘๒๐๖ , ๐๘๑-๖๗๑๔๑๔๕ ทุกวัน เวลา ๑๔.๐๐ น.- ๑๘.๐๐ น.
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
จังหวัดอำนาจเจริญกำหนดจัดเวทีเสวนาพูดจาหาทางออกประเทศไทย ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ
นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ด้วยคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เห็นชอบให้ดำเนินการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย) ทั่วประเทศ รวม ๑๐๘ เวที
สำหรับจังหวัดอำนาจเจริญ กำหนดจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย ณ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๐๐ น. เป็นต้นไป โดยจะมีผู้เข้าร่วมเวทีเสวนา จำนวน ๔๐๐ คน ในการนี้จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญ ทุกภาคส่วนเข้าร่วมรับฟังการเสวนา "พูดจาหาทางออกประเทศไทย” ได้ในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ
สุรพล บุตรวงศ์ /ข่าว
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ รับจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อย่างมีประสิทธิภาพ
นายพินิจ วงษ์โสภา
ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1
ก.ค. 56 ที่โรงแรมพรหมพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ
ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ
เป็นประธานเปิดฝึกอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการท่องเที่ยว
ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้
เป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่าง
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ และมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการมีส่วน
ร่วมเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว
และยกระดับทักษะบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมรับการเข้าสู่
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยมี นายสรศาสตร์ ครองยุติ
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ นำ เครือข่ายบุคลากรด้านการท่องเที่ยว
จำนวน 100 คน เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้
นายสรศาสตร์ กล่าวว่า การท่องเที่ยว
ถือเป็นรายได้อันดับหนึ่งของประเทศไทย เพราะฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุด
คือการพัฒนาบุคลากรให้เป็นผู้ที่มีศักยภาพพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มการท่องเที่ยว 4 จังหวัด ประกอบด้วย
จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี
ในส่วนของจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 2,000,000 บาท
เพื่อนำมาบริหารจัดการ
พัฒนาศักยภาพเครือข่ายบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
โดยมีการแบ่งการอบรมออกเป็น 4 รุ่น รุ่นละ 100 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 400 คน
ซึ่งสิ่งที่ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้
คือ การเป็นเจ้าภาพที่ดี
รู้จักภาษาและวัฒนธรรมประเพณีของเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษ
จิรภัทร หมายสุข / ภาพ/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ โดยคณะกรรมการฯ เร่งติดตาม และประเมินประกวด การพัฒนา ตามนโยบาย “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ในพื้นที่จังหัดศรีสะเกษ เพื่อเข้าเป็นตัวแทนในการประกวด อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนในระดับเขต และระดับชาติ
นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
รายงานว่า วันนี้ (1 กรกฎาคม 2556) ที่ห้องประชุมเอนกประสงค์
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายพยม
ธารีชาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
เป็นประธานกล่าวต้อนรับคณะกรรมการตรวจติดตาม และประเมิน
เพื่อเข้าเป็นตัวแทนในการประกวดอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนในระดับเขต
และระดับชาติ โดยมีนายแพทย์ประวิ อ่ำพันธุ์
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ บุคลากร
และคณะกรรมการตรวจติดตาม และประเมินฯ ให้การต้อนรับ ซึ่งการติดตาม
และประเมินอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนนั้น เป็นปีที่ 3
ทำให้มีบทเรียนในการพัฒนาการดำเนินงาน ประกอบกับในปีงบประมาณ 2556
จังหวัดศรีสะเกษ ได้กำหนดเป็นตัวชี้วัด
ในการจัดทำคำรบรองและการประเมินผลการปฎิบัติราชการของจังหวัด
และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) ในมิติที่ 1 ประกอบด้วย
มิติด้านประสิทธิผลตามแผนปฏิบัติราชการ โดยมีน้ำหนักคะแนนร้อยละ 4
ซึ่งสามารถสนับสนุนและผลักดันให้เกิดกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายสู่การ
ปฏิบัติ ทั้งนี้
เพื่อให้อำเภอสามารถดำเนินงานได้ตามคุณลักษณะที่กำหนดในแต่ละด้าน เป็น
"อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ต่อไป
โดยจังหวัดยึดกรอบแนวทาการดำเนินงานอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนตาม คุณลักษณะ 5 ด้าน ได้แก่ มีคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ, มีระบบระบาดวิทยาที่ดีในระดับอำเภอ, มีการวางแผน กำกับติดตามและประเมินผลการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ, มีการระดมทรัพยากร หรือการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นรูปธรรม และมีผลสำเร็จของการควบคุมป้องกันโรคที่สำคัญตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 โรค ประกอบด้วย โรคเอดส์ โรคไข้เลือดออก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และโรคที่เป็นปัญหาใน พื้นที่อย่างน้อยอำเภอละ 2 เรื่อง นอกจากนี้ จังหวัดศรีสะเกษยังได้มีระบบและกลไกการบริหารจัดการให้เกิดการพัฒนา อำเภอควบคุมโรคเข้มแข้งแบบยั่งยืน ดังนี้ นำข้อมูลทางระบาดวิทยาของโรคและภัยสุขภาพมาประเมินสถานการณ์ รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มากำหนดเป้าหมาย วางแผนและปฏิบัติร่วมกันในการพัฒนาให้เกิด "อำเภอ ควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ระหว่างหน่วยงานภายในจังหวัด หน่วยงานภายนอก และองค์กรอื่นๆ, จังหวัดมีกลไก ลการสนับสนุนให้อำเภอผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน, จังหวัดมีระบบการติดตามความก้าวหน้าแผลสำเร็จ พร้อมสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาให้ เกิด "อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน, จังหวัดมีระบบเฝ้าระวังโรค สอบสวนโรค และการป้องกันควบคุมโรค และภัยสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และอำเภอผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนตามเป้าหมาย
สำหรับการออกประเมินคัดเลือกอำเภอ เพื่อเป็นตัวแทนในการประกวดอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนในพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ มีอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบเข้มข้น ได้แก่ อำเภออุทุมพรพิสัย, อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบดีเด่น มีอำเภอเมือง, กันทรลักษ์, ขุขันธ์, โนนคูณ, เมืองจันทร์, ห้วยทับทัน, ศรีรัตนะ และอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยมีสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยคณะ ออกประเมินให้คะแนนอำเภอในจังหวัด ศรีสะเกษ
โดยจังหวัดยึดกรอบแนวทาการดำเนินงานอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนตาม คุณลักษณะ 5 ด้าน ได้แก่ มีคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ, มีระบบระบาดวิทยาที่ดีในระดับอำเภอ, มีการวางแผน กำกับติดตามและประเมินผลการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ, มีการระดมทรัพยากร หรือการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นรูปธรรม และมีผลสำเร็จของการควบคุมป้องกันโรคที่สำคัญตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 โรค ประกอบด้วย โรคเอดส์ โรคไข้เลือดออก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และโรคที่เป็นปัญหาใน พื้นที่อย่างน้อยอำเภอละ 2 เรื่อง นอกจากนี้ จังหวัดศรีสะเกษยังได้มีระบบและกลไกการบริหารจัดการให้เกิดการพัฒนา อำเภอควบคุมโรคเข้มแข้งแบบยั่งยืน ดังนี้ นำข้อมูลทางระบาดวิทยาของโรคและภัยสุขภาพมาประเมินสถานการณ์ รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มากำหนดเป้าหมาย วางแผนและปฏิบัติร่วมกันในการพัฒนาให้เกิด "อำเภอ ควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ระหว่างหน่วยงานภายในจังหวัด หน่วยงานภายนอก และองค์กรอื่นๆ, จังหวัดมีกลไก ลการสนับสนุนให้อำเภอผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน, จังหวัดมีระบบการติดตามความก้าวหน้าแผลสำเร็จ พร้อมสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาให้ เกิด "อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน, จังหวัดมีระบบเฝ้าระวังโรค สอบสวนโรค และการป้องกันควบคุมโรค และภัยสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และอำเภอผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนตามเป้าหมาย
สำหรับการออกประเมินคัดเลือกอำเภอ เพื่อเป็นตัวแทนในการประกวดอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนในพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ มีอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบเข้มข้น ได้แก่ อำเภออุทุมพรพิสัย, อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบดีเด่น มีอำเภอเมือง, กันทรลักษ์, ขุขันธ์, โนนคูณ, เมืองจันทร์, ห้วยทับทัน, ศรีรัตนะ และอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยมีสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยคณะ ออกประเมินให้คะแนนอำเภอในจังหวัด ศรีสะเกษ
สุรศักดิ์ สร้อยเพชร
ภาพ/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิ์มนุษยชนแห่งชาติเชิญเสนอชื่อบุคคลองค์กรเพื่อรับรางวัล
เนื่องในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธันวาคม ประจำปี 2556
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ขอเชิญร่วมเสนอชื่อบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง
และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เข้ารับรางวัล
เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานและเป็นตัวอย่างแก่สาธารณะ
รวมทั้งเพื่อรณรงค์ให้คนในสังคมตระหนักและเห็นความสำคัญของการส่งเสริม
ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดรางวัลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทบุคคล ประกอบด้วย - บุคคลทั่วไป (ไม่เกิน 3
รางวัล) - เด็กและเยาวชน (อายุไม่เกิน 25 ปี) (ไม่เกิน 3 รางวัล) -
บุคคลภาคสื่อมวลชน (ไม่เกิน 3 รางวัล)
2. ประเภทองค์กร ประกอบด้วย - ภาครัฐ (ไม่เกิน 3 รางวัล) -
ภาคเอกชน (ไม่เกิน 3 รางวัล) -
สื่อมวลชนหรือรายการที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (ไม่เกิน 3 รางวัล)
ทั้งนี้ บุคคลและองค์กรที่ได้รับการคัดเลือก
จะได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล ๆ ละ 25,000 บาท
(สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เสนอชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม
2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โทรศัพท์ 02-1413922 , 02-1413925
โทรสาร 02-1439576 ดาวน์โหลดแบบเสนอชื่อได้ที่ http://www.nhrc.or.th/
ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 1 กรกฎาคม 2556
เกษตรจังหวัดยโสธรแนะนำเฝ้าระวังปูนาทำลายต้นข้าว
นายบุญศรี อ่อนละออ เกษตรจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ขณะนี้
เกษตรกรได้ทำการปลูกข้าวแล้ว ข้าวอยู่ในระยะกล้า – แตกกอ
นาข้าวบางแห่งอาจมีน้ำขัง เกษตรกรต้องระวังปูนา
โดยปูนาจะกัดต้นข้าวหมดทั้งต้น ทำให้ต้นข้าวเสียหายเป็นหย่อม ๆ
ในนาที่เพิ่มปักดำใหม่หรือนาหว่านที่เพิ่งปล่อยน้ำเข้านาหรือมีน้ำขัง
ปูนาจะเข้ากัดทำลายทันทีและในท้องที่ใดที่มีประชากรปูนาจะเสียหายหมดทั้ง
แปลงเกษตรกรควรปฏิบัติ ดังนี้
1. วิธีกล - ก่อนปลูกข้าวควรขุดหลุมดักจับปูนา
โดยขุดหลุมลึกประมาณ 30 เซนติเมตร
หรือใช้ปิ๊บฝังบริเวณคันนาเพื่อดักจับปูนานำไปทำลายหรือเป็นอาหาร
2. การใช้สารเคมี ควรใช้เมื่อจำเป็นและเลือกใช้สารเคมีดังต่อไปนี้
- เฟนิโตรไธออน ใช้อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อไร่
โดยคลุกกับข้าวสุก หว่าน หรือผสมน้ำตักหยอดเป็นจุด ๆ ริมคันนา
หลังปักดำข้าว ขณะน้ำในนาสูงไม่เกิน 10 เซนติเมตร
และทำซ้ำอีกครั้งหลังจากครั้งแรก 15 วัน
- เพอร์เมทริน ชัอัตรา 60 มิลลิลิตรต่อไร่
โดยผสมน้ำแล้วฉีดพ่น หรือใช่บัวรดน้ำ โดยรอบคันนา ขณะน้ำในนาสูงไม่เกิน 10
เซนติเมตร และทำซ้ำอีก 5-7 วัน
ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 1 กรกฎาคม 2556
เกษตรยโสธรเตือนเฝ้าระวังหอยเชอรี่ในนาข้าว
นายบุญศรี อ่อนละออ เกษตรจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ขณะนี้ เกษตรกรได้ทำการหว่านข้าวแล้ว นาข้าวบางแห่งอาจมีน้ำขัง ทำให้หอยเชอรี่ระบาดสร้างความเสียหายให้กับต้นข้าว โดยเฉพาะต้นข้าวที่อยู่ในระยะกล้าหรือหลังปักดำใหม่ ๆ ไปจนถึงระยะแตกกอ หอยเชอรี่ทำลายต้นข้าวโดยกัดกินโคนที่อยู่ใต้น้ำ เหนือจากพื้นที่ 1-1.5 นิ้ว หลังจากนั้นจะกัดกินส่วนใบที่ลอยน้ำจนหมดใช้เวลากินทั้งต้นเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น นอกจากจะพบในนาข้าวแล้ว ยังพบในพืชอื่นอีกด้วย เช่น ผักกระเฉด ผักบุ้ง แหน สาหร่าย เป็นต้น เนื่องจากหอยเชอรี่สามารถกินพืชที่มีลักษณะนุ่มเกือบทุกชนิด ตลอดจนซากพืชซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยด้วย หากเกิดการระบาดของหอยเชอรี่อย่างรุนแรงย่อมส่งผลเสียหายต่อผลผลิตของเกษตรกรเป็นอย่างมาก เกษตรกรควรปฏิบัติ ดังนี้
1. หมั่นเก็บหอยและไข่มาทำลาย
2. ใช้ตาข่ายหรือสิ่งกีดขวางกั้นตามทางน้ำผ่าน
3. ใช้ไม้ปักหลักในนาข้าว โดยปักหลักในที่ลุ่ม หรือทางหอยผ่าน เพื่อล่อให้หอยมาวางไข่ง่ายต่อการเก็บทำลาย
4. ใช้เหยื่อล่อโดยใช้พืชที่มียางขาวคล้ายน้ำนม เช่น ใบมันสำปะหลัง ใบมะละกอ ใบยางอินเดีย มาวางในนาข้าวแล้วจับทำลาย
5. การใช้สารเคมี ควรใช้เมื่อมีระดับน้ำสูง 5-10 เซนติเมตร โดยใช้สารเคมีจำกัดหอยเชอรี่ ดังนี้
- นิโคลซาไมด์ ชื่อการค้า ไบลุสไซด์ 70 เปอร์เซ็นต์ WP อัตรา 50 กรัมต่อไร่ โดยนำสารเคมีมาละลายน้ำ และพ่นด้วยเครื่องฉีดพ่นหรือใส่บัวรดน้ำก็ได้
- เมทัลดีไฮด์ ชื่อการค้า แองโกลสลัก 5 เปอร์เซ็นต์ หรือเดทมีล 5 เปอร์เซ็นต์ สารชนิดนี้เป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูปดัดเม็ดใช้หว่านอัตรา 0.5 – 1 กิโลกรัมต่อไร่
1. หมั่นเก็บหอยและไข่มาทำลาย
2. ใช้ตาข่ายหรือสิ่งกีดขวางกั้นตามทางน้ำผ่าน
3. ใช้ไม้ปักหลักในนาข้าว โดยปักหลักในที่ลุ่ม หรือทางหอยผ่าน เพื่อล่อให้หอยมาวางไข่ง่ายต่อการเก็บทำลาย
4. ใช้เหยื่อล่อโดยใช้พืชที่มียางขาวคล้ายน้ำนม เช่น ใบมันสำปะหลัง ใบมะละกอ ใบยางอินเดีย มาวางในนาข้าวแล้วจับทำลาย
5. การใช้สารเคมี ควรใช้เมื่อมีระดับน้ำสูง 5-10 เซนติเมตร โดยใช้สารเคมีจำกัดหอยเชอรี่ ดังนี้
- นิโคลซาไมด์ ชื่อการค้า ไบลุสไซด์ 70 เปอร์เซ็นต์ WP อัตรา 50 กรัมต่อไร่ โดยนำสารเคมีมาละลายน้ำ และพ่นด้วยเครื่องฉีดพ่นหรือใส่บัวรดน้ำก็ได้
- เมทัลดีไฮด์ ชื่อการค้า แองโกลสลัก 5 เปอร์เซ็นต์ หรือเดทมีล 5 เปอร์เซ็นต์ สารชนิดนี้เป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูปดัดเม็ดใช้หว่านอัตรา 0.5 – 1 กิโลกรัมต่อไร่
ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 1 กรกฎาคม 2556
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิ์มนุษยชนแห่งชาติเชิญเสนอชื่อบุคคลองค์กรเพื่อรับรางวัล
เนื่องในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธันวาคม ประจำปี 2556
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ขอเชิญร่วมเสนอชื่อบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง
และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เข้ารับรางวัล
เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานและเป็นตัวอย่างแก่สาธารณะ
รวมทั้งเพื่อรณรงค์ให้คนในสังคมตระหนักและเห็นความสำคัญของการส่งเสริม
ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดรางวัลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทบุคคล ประกอบด้วย - บุคคลทั่วไป (ไม่เกิน 3 รางวัล)
- เด็กและเยาวชน (อายุไม่เกิน 25 ปี) (ไม่เกิน 3 รางวัล) -
บุคคลภาคสื่อมวลชน (ไม่เกิน 3 รางวัล)
2. ประเภทองค์กร ประกอบด้วย - ภาครัฐ (ไม่เกิน 3 รางวัล) -
ภาคเอกชน (ไม่เกิน 3 รางวัล) - สื่อมวลชนหรือรายการที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
(ไม่เกิน 3 รางวัล)
ทั้งนี้ บุคคลและองค์กรที่ได้รับการคัดเลือก
จะได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล ๆ ละ 25,000 บาท
(สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เสนอชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม
2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โทรศัพท์ 02-1413922 , 02-1413925
โทรสาร 02-1439576 ดาวน์โหลดแบบเสนอชื่อได้ที่ http://www.nhrc.or.th/
ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 1 กรกฎาคม 2556
ศาลยโสธรจัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีกองทุนเงินยืมเพื่อการศึกษาถึงสิ้น กรกฎาคม นี้
ในปี พ.ศ.2556
มีคดีฟ้องเข้ามายังศาลจังหวัดยโสธรเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคดีกองทุนเงินให้กู้
ยืมเพื่อการศึกษาฟ้องเข้ามามีจำนวนเกือบ 1,000 กว่าเรื่อง
ศาลจังหวัดยโสธร
ได้คำนึงถึงประโยชน์ของคู่ความจึงได้จัดให้มีโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทขึ้น
ระหว่างเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม 2556
เพื่อเปิดโอกาสให้คู่ความได้มีวิธีระงับข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งคู่ความจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
อีกทั้งยังเป็นการดำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ก่อนที่จะนำคดีเข้าสู่ระบบการพิจารณาของศาล
แต่เนื่องจากผู้ที่ถูกฟ้องอาจจะไม่เข้าใจถึงวิธีการหรือขั้นตอนการปฏิบัติ
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ถ้าประชาชนที่ถูกฟ้องได้รับหมายศาลให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. ให้ตรวจดูว่าเป็นหมายศาลของศาลใด ขอให้ไปที่ศาลนั้น
ตามวัน เวลาที่ระบุไว้ในหมายศาล กรณีที่ไม่สามารถไปศาลได้
ให้ทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลหรือญาติที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ไปทำการแทน
ซึ่งศาลได้แนบหนังสือมอบอำนาจและตัวอย่างหนังสือมอบอำนาจไปพร้อมกับหมายศาล
(ให้อ่านและปฏิบัติตามเอกสารแนะนำอย่างเคร่งครัด)
2. เมื่อได้รับหมายศาล อย่างพึ่งนำเงินไปชำระกับทางธนาคาร
ให้ไปดำเนินการตามกระบวนการ ขั้นตอน ของศาลให้เสร็จก่อน
แล้วจึงติดต่อกับธนาคารเพื่อผ่อนชำระ ต่อไป
3. หากมีเหตุขัดข้องหรือสงสัยประการใด ๆ :
ขอได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศาลจังหวัดยโสธร โทร.045-712560 ต่อ
35 หรือโทร. 045-712118
ส.ปชส.ยโสธร/ 1 กรกฎาคม 2556
ฯพณฯนายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร
วันนี้ (๑ ก.ค. ๕๖)
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี
เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร
โดยนายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายอนุรักษ์
ตั้งปณิธานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๑
ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร
พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดมุกดาหารและนักเรียนวิทยาลัยการอาชีพนวมิ
นทราชินีมุกดาหารให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก
นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ได้เยี่ยมชมกิจกรรมของนักศึกษาและผลงานจาการเรียนการสอน อาทิ
ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix It Center
ซึ่งเป็นโครงการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพและ
เครื่องใช้ในครัวเรือนแก่ประชาชนในท้องถิ่น
รวมทั้งเยี่ยมชมการสาธิตนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษา
เครื่องสีข้าวกล้องงอก เครื่องปอกตีไยขุยมะพร้าว
เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ในโอกาสนี้
นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานปล่อยคาราวานศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน
เพื่อออกไปให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องมือเครื่องใช้ภายใต้สโลแกน
"ซ่อมถึงบ้าน บริการถึงที่ "แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารต่อไป
พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ
มหาสารคามเสริมความรู้ PMQA. พัฒนาเป็นองค์กรคุณภาพ
ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานด้านกำกับตัวชี้วัดจังหวัดมหาสารคาม
เข้ารับการอบรมเสริมความรู้ตามโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
จังหวัดมหาสารคามสู่การเป็นองค์กรคุณภาพ ตามกรอบ PMQA
ปีงประมาณพ.ศ.2552 สำนักงาน ก.พ.ร.
ได้นำเกณฑ์การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐระดับพื้นฐาน
มาเป็นกรอบในการปรับปรุงองค์กรโดยส่วนราชการและจังหวัด
จะต้องปาับปรุงองค์กรตามเกณฑ์ ให้ครบทุกหมวด
ก่อนเข้าสู่รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจประเมินตัวชี้วัดการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
(PMQA) ประจำปีงบประมาณ2555 จังหวัดมหาสารคาม.
มีผลคะแนนการประเมินในบางหมวดน้อยกว่าร้อยละ 80
จึงยังไม่ผ่านการประเมินการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐระดับพื้นฐาน
ดังนั้นจึงได้นำ ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานด้านกำกับตัวชี้วัดจังหวัดมหาสารคาม
เข้ารับการอบรมเสริมความรู้ตามโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
จังหวัดมหาสารคามสู่การเป็นองค์กรคุณภาพ ตามกรอบ PMQA.
เพื่อขับเคลื่อนให้จังหวัดมหาสารคามผ่านการตรวจประเมินการตรวจรับรองตาม
เกณฑ์คุุณภาพการจัดการภาครัฐระดับพื้นฐานปีงบประมาณ 2557
และผ่านการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปีงบระมาณ2556
การอบรมผู้ปฏิบัติงานตามโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
จังหวัดมหาสารคามสู่การเป็นองค์กรคุณภาพ ใช้เวลา2วัน (1-2 กค 56).
โดยมีดร.ไพบูลย์ โพธิ์สุวรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ
สถาบันตำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
เป็นวิทยากรบรรยาย
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
จังหวัดมหาสารคามจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2556
จังหวัดมหาสารคามจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี
2556
เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า
อยู่หัว พระผู้พระทานกำเนิดลูกเสือไทยและเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
แสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
องค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ
01-07-56
ที่สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม
จังหวัดมหาสารคามจัดงานวันวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี
2556 โดยมีนายนพวัชร สิงศักดา
ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดมหาสารคาม
เป็นประธานเปิดงาน
ดร.สุรัตน์ ดวงชาทม
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคามเขต 1
ในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคามเขต 1
กล่าวว่าเนื่องด้วยวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี
เป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ เหล่พี่น้องผู้บังคับบัญชาลูกเสือ
วิทยากรลูกเสือชาวบ้าน ลูกเสือชาวบ้าน
ลูกเสือเนตรนารีและผู้บำเพ็ญประโยชน์ จำนวน 800
คนได้มาชุมนุมกันเพื่อประกอบพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามเพื่อน้อมรำลึกใน
พระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระทานกำเนิดลูกเสือไทยและเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
แสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
องค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ
ซึ่งทุกจังหวัดได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับในส่วนกลางคือประกอบพิธีทบทวนคำปฏิญาณ
และสวนสนาม ณ หน้าพระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ ด้านนายนพวัชร สิงศักดา
ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดมหาสารคาม
กล่าวว่ากิจการลูกเสือเป็นกระบวนการพัฒนาเด็กไทยเป็นกิจกรรมสร้างเสริม
ลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ให้เด็กเยาวชนเป็นคนดีของสังคมและเป็นพลเมืองที่ดี
ของประเทศชาติ
จึงเป็นมาตรการสำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการได้ยึดเป็นแนวทางการดำเนินงานอย่าง
ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานในการพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดีของประเทศชาติสืบ
ไป การดำเนินกิจกรรมดังกล่าว สำนักงานลูกเสือจังหวัดมหาสารคาม
พิจารณาคัดเลือกและมอบประกาศเกียรติคุณให้กับกองลูกเสือโรงเรียนที่เข้าร่วม
การประกวดระเบียบแถวลูกเสือเนตรนารีประจำปี 2556 ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
14 กอง ระดับจังหวัด 9 กองและระดับผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น ประจำปี
2555 จำนวน 10 ราย
จากนั้นเป็นการกล่าวทบทวนคำปฏิญาณและประกอบพิธีสวนสนามแสดงแสนยานุภาพพร้อม
กับพี่น้องลูกเสือ เนตรนารีทั่วประเทศ
ทัศนัย
ศรีมุลตรี ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตร ครบรอบ 100 ปี โรงเรียนสารคามพิทยาคม
โรงเรียนสารคามพิทยาคม จัดพิธีทำบุญตักบาตร
ตั้งกองผ้าป่าการศึกษาและมอบทุนการศึกษา ในโอกาสที่มีอายุครบรอบ 100 ปี
ในวันที่ 10 กรกฎาคม นี้
นายอดิศักดิ์ มุ่งชู
ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม กล่าวว่า โรงเรียนสารคามพิทยาคม ร่วมกับ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่า
สมาคมผู้ปกครองและครู คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนสารคามพิทยาคม
กำหนดจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ บริเวณรอบเสาธง
เนื่องในวาระที่โรงเรียนสารคามพิทยาคม มีอายุครบรอบ 100 ปี พร้อมเชิญชวนครู
นักเรียน ผู้ปกครอง ร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าการศึกษา โดยกำหนดพิธีในวันที่
10 กรกฎาคม 2556 เริ่มตั้งแต่เวลา 06.59-12.00 น.
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ100 ปีของโรงเรียน
นำรายได้ไปใช้ในการจัดซื้อรถบัสปรับอากาศ
สำหรับนำมาใช้ประโยชน์ต่อการศึกษาของนักเรียน เช่น
การนำนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันทักษะทางวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัด
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระดับชาติหรือนานาชาติ
ตลอดจนการนำนักเรียนไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทัศนศึกษาในแหล่งเรียนรู้
อื่น ๆ
ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในการจัดงานดังกล่าวยังได้มีพิธีมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน ประจำปี พ.ศ.
2556 ด้วย จึงขอเชิญชวน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า
และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ร่วมทำบุญตักบาตร
และร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าการศึกษา ในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว
จังหวัดบึงกาฬจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย
จังหวัดบึงกาฬ จัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย
(พูดจาหาทางออกประเทศไทย)
เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และหาข้อเสนอที่สร้างสรรค์ในการยุติความขัดแย้ง
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของชาติ ในวันที่ 23
มิถุนายน 2556 เวลา 09.00 – 16.30 น. ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดร
วิทยาเขตบึงกาฬ โดยมีตัวแทนเข้าร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ข้าราชการ
ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ผู้นำศาสนา
นักการเมือง องค์กรภาคเอกชน (NGO) สื่อมวลชน และผู้สนใจ รวมทั้งสิ้น 400 คน
การจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย)
ในครั้งนี้เนื่องจาก
คณะกรรมการการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ
อิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.)
เห็นชอบให้ดำเนินการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย
(พูดจาหาทางออกประเทศไทย) ทั่วประเทศรวม 108 เวที
เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ
เสนอแนะแนวทางยุติความขัดแย้ง โดยมอบให้กรมพัฒนาชุมชน
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ จังหวัดบึงกาฬ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ
จึงได้กำหนดจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ดังกล่าว
กำหนดการในภาคเช้า จะเป็นการชี้แจงเหตุผล
ความเป็นมาและความจำเป็นในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นของตน ต่อความปรองดองที่จะเกิดขึ้นในประเทศ
เวทีพูดคุยดังกล่าว
ถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการปรองดองที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจร่วม
กันของสังคม ส่วนในภาคบ่ายจะเป็นการแบ่งกลุ่มตามความสนใจในประเด็นปัญหา
พร้อมข้อเสนอที่จะหาทางออกประเทศ
ซึ่งจะมีการนำสรุปผลความคิดเห็นของประชาชนจังหวัดบึงกาฬ
และอีกทั่วทั้งประเทศ รวม 108 เวที จัดส่งไปยัง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
เพื่อสรุปเป็นภาพรวมของประเทศ นำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
ชัยภูมิจับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ หลบหนีไปได้ 1 เป็นถึงอดีตกำนัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ อส. และฝ่ายปกครอง ผนึกกำลังกดดัน
ปราบปรามขบวนการค้ายาบ้าอย่างหนัก ล่าสุดจับได้ยกชุด แต่หลบหนีไปได้ 1
เป็นถึงอดีตกำนัน ขณะที่ผู้ว่าฯเตือนให้รีบมอบตัวโดยด่วน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ก.ค.56 นายพรศักดิ์ เจียรณัย
ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ พ.ต.อ.ไอยศูรย์ สิงหนาท รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ
และพ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สภ.เมืองจ.ชัยภูมิ
ร่วมแถลงข่าวการจับกุมยาบ้ารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหารวม 2 รายๆแรก
จับกุมนายปรีชา ศรีทอง อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 161 ม.8 ต.ห้วยยาง
อ.เมืองสกลนคร นายดาวเรือง หรือหงา ยาศูนย์ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 333 ม.8
ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร และนางสาวลลิตา ธิวะโต อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 199
ม.12 ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนครพร้อมของกลาง ยาบ้า รวม 5,000 เม็ด
และยึดทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีรถยนต์เก๋ง
โตทะเบียน กจ7821 สกลนคร, รถยนต์กระบะแค็บสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
หลังสืบทราบว่า นายโต้ง หรือปรีชัย ศรีทอง
นำยาบ้าจากจังหวัดสกลนครเพื่อนำมาจำหน่ายในพื้นที่ตำบลท่าหินโงมและหมู่บ้าน
ใกล้เคียง จึงวางแผนเข้าจับกุมดังกล่าว
รายที่ 2
จ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ
ตาดโตน สนธิกำลังร่วมกันจับกุมตัวนายบัวผาน นอกชัยภูมิ อายุ 30 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 170 ม.4 บ้านวังโพน ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
และนางพรวารินทร์ ชินอาจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 ม.4 บ้านวังโพน
ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 109 เม็ด
อุปกรณ์สำหรับเสพยาบ้า โทรศัพท์มือถือ เงินสด 3,160 บาท
อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ทั้งปืนพกสั้น ขนาด 11 มม. ปืนเอ็ม16
ปืนลูกซอง และบัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
ระบุชื่อนายสฤษดิ์ ฤาชา อายุ 37 ปี เป็นอดีตกำนันตำบลท่านหินโงม
ซึ่งขณะตรวจจับ ไหวตัว หลบหนีไปได้ทัน
นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า
การที่สามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ครั้งนี้และยึดของกลางยา
บ้าได้รวมกว่า 5,000 เม็ด และยึดทรัพย์ได้อีกเกือบ 2 ล้านบาท
ซึ่งมีการสั่งติดตามเครือข่ายกลุ่มนี้มานานจนแน่นใจ
ที่ยังรวมไปถึงบุคคลที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียเอง
ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมากว่าสถานการณ์
ยาเสพติดเข้าไประบาดรุนแรงในทุกกลุ่ม
ที่ทางจังหวัดจะต้องเข้มงวดมากขึ้นต่อไป
ไม่ว่าใครเกี่ยวข้องต้องดำเนินตัดวงจรอุบาทพวกนี้ให้ได้ทันท่วงทีต่อไป
ส่วนผู้ต้องหารายนี้ที่หลบหนีไปได้คือนายสฤษดิ์ ฤาชา เป็นถึงอดีตกำนัน
ต.ท่าหินโงม ที่ยังหลบหนีไปได้ ขณะเข้าจับ
จะได้ดำเนินการเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
และอยากเตือนว่าควรจะรีบมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่จะดีกว่า
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว
ร้องผู้ว่าฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้กันที่ปลูกป่าทับที่ทำกินราษฎร
ชาวบ้านดงคำน้อย ต.ห้วยต้อน อ.เมืองชัยภูมิ กว่า 100 คน
ชุมชนุมร้องผู้ว่าฯ แก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ป่าไม้
กันที่ปลูกป่าทับที่ทำกินราษฎร อ้างอยู่มาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ
เมื่อเวลา 09.30น. วันที่ 1 ก.ค. 56 ราษฎรจากบ้านดงคำน้อย ต.ห้วยต้อน
อ.เมืองชัยภูมิ กว่า 100 คน
ได้เดินทางมาปักหลักชุมนุมบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
เรียกร้องให้นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
สั่งให้อุทยานแห่งชาติตาดโตน ยุติการปลูกป่าในพื้นที่ทำกินของราษฎร
พร้อมดำเนินการกันที่ทำกินและที่อยู่อาศัยเป็นเขตแก้ปัญหา และเลิกข่มขู่
ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปทำกิน จับกุม ดำเนินคดี จนกว่าจะหาข้อยุติได้
ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
เข้าไปปักแนวเขต เพื่อเตรียมปลูกป่า
แต่ล้ำเข้าไปในเขตที่ทำกินของชาวบ้านดงคำน้อย ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ
จึงรวมกันมาชุมนุมขอให้แก้ปัญหาโดยด่วน
ต่อมานายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ไปพบกับผู้ชุมนุมและเชิญขึ้นไปพูดคุย
ในห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เปิดโอกาสให้ชาวบ้านตัวจริง
นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง และให้หน่วยงานได้ชี้แจง
พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน
และได้รับความคุ้มครองจาก มติ ครม. 30 มิ.ย. 2541
ให้กันพื้นที่ทำกินออกจากที่อุทยานที่ผ่านมาทั้งชาวบ้านและส่วนราชการ
ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง จนสามารถกันพื้นที่ออกได้
และยังมีบางส่วนได้กันออกจากเขตลำห้วย
และเหลือพื้นที่บางส่วนเป็นป่าเสื่อมโทรม
ทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ
จึงเสนอให้เป็นพื้นที่ปลูกป่า แผนปฏิบัติโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินีฯ
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 (ปี พ.ศ.2556 –
2560) เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่
ที่ประชุม ได้ข้อสรุป ให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง
ออกไปเดินสำรวจพื้นที่จริง ร่วมกับชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อขอข้อมูล จริง มาประชุม หาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง แต่ให้ความมั่นใจว่า
รัฐบาลมีนโยบายปลูกป่าคืนธรรมชาติให้กับสิ่งแวดล้อม
ตรงไหนเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญจริงๆ หรือเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดง
ก็ต้องหวงห้ามเด็ดขาด เพื่อเก็บไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
แต่ถ้าเป็นพื้นที่สีเหลือง คือพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องสิทธิ
อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยืนยันว่าจะใช้มาตรการผ่อนผันให้มากที่สุด
เพื่อให้คนมีอาชีพ มีรายได้ มีที่ทำกิน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่สีเขียว ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพได้ตามความเหมาะสม
แต่ห้ามขายต่อมือ หรือขายให้นายทุนต่างถิ่น
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว
กาฬสินธุ์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท
นายสุวิทย์ สุบงกฎ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า การดำเนินโครงการเงินกู้ 2.2
ล้านล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินมาใช้ในโครงการก่อสร้างระบบราง
รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ การขยายถนนเป็นสี่ช่องจราจร
จังหวัดกาฬสินธุ์มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบใหม่
เพื่อให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมที่ยั่งยืนต่อไป
จึงมียุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้ แก่โครงการก่อสร้างเส้นทาง
หมายเลข 12 แนวใหม่ East West Economic Corridor New route สาย
กาฬสินธุ์-บ้านนาไคร้ งบประมาณดำเนินการระหว่างปี 2557-2560 จำนวน 3,000
ล้านบาท และโครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร เส้นทางหมายเลข 12 แนวเก่า East
West Economic Corridor Old route สาย กาฬสินธุ์ – สมเด็จ
งบประมาณดำเนินระหว่างปี 2558-2560 จำนวน 760 ล้านบาท
และนอกจากนั้นสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดกาฬสินธุ์ยังมีแผนงานโครงการได้แก่
การขยายถนนเลี่ยงเมืองรอบอำเภอ เช่น อำเภอยางตาด และอำเภอกมลาไสย
รวมทั้งยังมีแผนงานโครงการก่อสร้างสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว แห่งที่ 2 และ
3 ด้วย
สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว
กาฬสินธุ์เตรียมปลูกป่าโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษาฯ รวม 4 แปลงเนื้อที่ 343 ไร่
นายสุวิทย์ สุบงกฎ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า คณะทำงานโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800
ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555
ระดับจังหวัดกาฬสินธุ์ได้เห็นชอบคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกป่า
จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 343 ไร่ ดังนี้ แปลงที่ 1 ท้องที่บ้านสวนผึ้ง
ตำบลเหล่าไฮงาม อำเภอกุฉินารายณ์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาน้ำทิพย์เนื้อ
ที่ 250 ไร่ แปลงที่ 2 ท้องที่บ้านคำม่วง ตำบลคำบง
อำเภอห้วยผึ้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห้วยฝา เนื้อที่ 45 ไร่ แปลงที่ 3
ท้องที่บ้านนกขาบ ตำบลภูปอ อำเภอเมือง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านาจาร-ดงขวาง
เนื้อที่ 27 ไร่ และแปลงที่ 4 ท้องที่บ้านโนนสวรรค์ ตำบลภูปอ อำเภอเมือง
เนื้อที่ 21 ไร่
สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว
สำนักงานลูกเสือจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2556
กองลูกเสือ เนตรนารี
และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1,663 คน
ร่วมพิธีสวนสนามลูกเสือและ ทบทวนคำปฏิญาณ
เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ประจำปี 2556
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 กรกฎาคม 2556)
ที่สนามโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์
เป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ประจำปีพุทธศักราชการ 2556
ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1
โดยมีการจัดกิจกรรมทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ
เพื่อเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่
หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือแห่งชาติ
โดยมีกองลูกเสือจากทุกสังกัดในจังหวัดกาฬสินธุ์เข้าร่วมพิธี
โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์
ได้มอบเกียรติบัตรให้กองลูกเสือโรงเรียนที่ชนะเลิศการประกวดระเบียบแถวลูก
เสือ เนตรนารี ประจำปีก 2556 ระดับเขตพื้นที่การศึกษาระดับจังหวัด
กองลูกเสือสามัญ ได้แก่ โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสัย
กองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่โรงเรียนบ้านหนองกุงใหญ่ และกองลูกเสือวิสามัญ
โรงเรียนกมลาไสย
นายกฤตชญา วิเชียรเพริศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2454 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงจัดตั้งกองลูกเสือ และกองลูกเสือกองแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง(โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ประเทศไทยจึงนับว่าเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่มีกิจการลูกเสือ รองจากอเมริกา ลูกเสือจึงเป็นองค์การสากลและมีความสัมพันธ์กันทั่วโลก เป็นสื่อผูกไมตรีกัน โดยใช้กฎของลูกเสือ 10 ประการ ผู้สัมพันธ์กันได้ไม่เว้นเชื้อชาติใด ศาสนาใดทั้งสิ้น ถือว่าลูกเสือทั่วโลกเป็นพี่น้องกัน สำหรับจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาลูกเสือ ประจำปี 2556 มีกิจกรรมทบทวนคำปฏิญาณ และสวนสนามของลูกเสือ โดยมีกองลูกเสือ เนตรนารี และผู้บังคับบัญชาลูกเสือจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อาทิ กองลูกเสือเกียรติยศโรงเรียนเมืองกาฬสินธุ์,กองลูกเสือที่ชนะการประกวด ระเบียบแถวลูกเสือ เนตรนารี ประจำปี 2556 คือ โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสัย, โรงเรียนบ้านหนองกุงใหญ่, โรงเรียนกมลาไสย,กองลูกเสือสำรองโรงเรียนเทศบาล 4 วัดใต้โพธิ์ค้ำ, กองลูกเสือสามัญโรงเรียนอนุบาลกาฬสินธุ์, โรงเรียนอนุบาลทุ่งมน, กองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์, โรงเรียนเมืองกาฬสินธุ์, โรงเรียนอนุกูลนารี, วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์, กองลูกเสือวิสามัญวิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์, วิทยาลัยสารพัดช่างกาฬสินธุ์ และชมรมลูกเสือชาวบ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1,663 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว
กาฬสินธุ์เร่งทำความเข้าใจโครงการรับจำนำข้าวแก่เกษตรกร
นายสุวิทย์ สุบงกฎ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า
รัฐบาลได้ปรับปรุงรายละเอียดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ฤดูการผลิต
2556 โดยได้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือก ความชื้น 15% ลงจากตันละ 15,000
บาท เป็นตันละ 12,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นไป
และจำกัดวงเงินในการนำข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำไม่เกิน 500,000 บาท
มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2556
จึงได้กำชับและมอบหมายให้นายอำเภอทุกแห่งเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้
กับเกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบอย่างทั่วถึง
และให้นายอำเภอดูปฏิกิริยาของเกษตรกร
หากมีการเคลื่อนไหวให้รีบรายงานให้จังหวัดทราบโดยด่วน
สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)