วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

อบต.จอมพระจัดกีฬาต้านยาเสพติด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน

องค์การบริหารส่วนตำบลจอมพระ จัดกีฬาต้านยาเสพติด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนและให้รู้จักใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ไปในทางสร้างสรรค์

วันที่ 18 ม.ค.57 ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ นายคงคา ชื่นจิต ปลัดอำเภอจอมพระเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาตำบลจอมพระต้านยาเสพติด ประจำปี 2557 จัดขึ้นระหว่าง17 – 23 ม.ค.2557 โดย องค์การบริหารส่วนตำบลจอมพระ มีนายสุพจน์ สายบุตร เป็น นายก อบต.จอมพระ และให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้ ทั้งนี้จัด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน ประชาชนในเขต ต.จอมพระ เพื่อให้เด็กและเยาวชน ประชาชนรู้จักใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น และเพี่อให้เด็กและเยาวชนรู้จักปรับตัวและพึ่งตนเองได้โดยไม่หันไปใช้ยาเสพติด โดยในพิธีเปิดการแข่งขัน ได้มีขบวนพาเหรดของเด็ก เยาวชน และประชาชน จาก 15 หมู่บ้านเข้าร่วมเดินขบวนพาเหรดเคารพประธานอย่างสวยงามและคึกคักอย่างยิ่ง

สำหรับการแข่งขันกีฬาตำบลจอมพระต้านยาเสพติดในครั้งนี้มี การแข่งขันรวม 8 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอลเยาวชนชาย ฟุตบอลเยาวชนหญิง ฟุตบอลประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป วอลเลย์บอลชาย วอลเลย์บอลหญิง เซปักตระกร้อชาย และเปตอง นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ได้แก่ วิ่งผลัดกระสอบ วิ่ง 3 ขา วิ่งซุปเปอร์แมนอุ้มลูกมะพร้าว พายเรือบก และวิ่งส่งน้ำ วิ่งผลัดล้อรถยนต์ และมวยทะเล



อุทัย  มานาดี /รายงาน

เหล่ากาชาดชุมพลบุรี แจกผ้าห่มและเสื้อกันหนาวให้นักเรียนและประชาชน กว่า 500ชุด

นายกกิ่งกาชาดชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ได้นำผ้าห่มและเสื้อกันหนาว กว่า 500 ชุด มอบให้นักเรียนและพี่น้องประชาชน ในพื้นที่เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นในขณะนี้ หากท่านประสงค์จะร่วมบริจาคผ้าห่มเสื้อกันหนาวเชิญได้ที่เหล่ากาชาดทุกแห่ง

นางสลักจิต สกุลรักษ์ นายกกิ่งกาชาดชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผย หลังจากที่ได้นำผ้าห่มกันหนาวและเสื้อกันหนาว นำมามอบให้แก่เด็กนักเรียนและพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ชุมพลบุรี จำนวน 500 ชุด ว่า ทางกิ่งกาชาดชุมพลบุรี ได้รับการอนุเคราะห์สนับสนุนผ้าห่มกันหนาวและเสื้อกันหนาว ซึ่งเราได้ไปแจกแล้วที่เขตตำบลชุมพลบุรี ทั้งราษฎรและนักเรียนในโรงเรียนบ้านกุดชุม และหมู่บ้านใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อความบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้อากาศได้หนาวเย็นในทุกพื้นที่ นอกจากนั้นเราได้เฝ้าระวังได้ให้ทาง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน อบต. ให้สำรวจดูว่ามีราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนและขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มแล้วเราจะเข้าไปสนับสนุนถึงที่ และไปเยี่ยมบ้านด้วย นี้คือการเตรียมการของเหล่ากาชาดของเรา ที่เราได้ดำเนินการและเตรียมพร้อมเป็นส่วนหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม หากท่านมีความประสงค์ จะมอบเงินหรือสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภค-อุปโภค ผ้าห่มและเสื้อกันหนาว ขอเชิญท่านร่วมบริจาคสิ่งของดังกล่าวได้ที่เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ ได้ทุกวัน



อุทัย มานาดี / รายงาน

ผู้ว่าฯ-กาชาด มหาสารคาม เร่งช่วยเหลือครอบครัวถูกไฟไหม้ที่อำเภอกันทรวิชัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำสิ่งของและเงินสด มอบให้กับครอบครัวราษฎรซึ่งถูกไฟไหม้ ที่บ้านหนองหญ้าม้า ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นางพูลทรัพย์ สิงห์ศักดา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นไปมอบให้กับครอบครัวของ นางพุฒ มหาราช บ้านเลขที่ 9 หมู่7 บ้านหนองหญ้าม้า ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งถูกเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2557 เสียหายทั้งหลัง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้มอบเงินสดสมทบอีกจำนวน 10,000 บาท ให้กับครอบครัวของนางพุฒ อีกทั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ยังได้เตรียมที่จะขออนุมัติสร้างบ้าน ตามโครงการบ้านท้องถิ่นไทย เทิดไท้องค์ราชัน ให้ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ในระยะนี้สภาพอากาศหนาวเย็น แห้งแล้ง และมีลมแรง หากประชาชนได้มีการจุดไฟเพื่อประกอบอาหาร หรือก่อไฟผิงคลายหนาว หากใช้งานเสร็จแล้ว ควรดับไฟให้สนิท อีกทั้งควรหมั่นตรวจสายไฟฟ้าภายในบ้าน นอกบ้าน หากมีสภาพเก่า ชำรุด เสียหาย ควรเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้



ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมอบนโยบายด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน

ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  มอบนโยบายด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม  เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

พล.ต.ท.ภาณุ  เกิดลาภผล  ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  เดินทางมาตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม  สะพานมิตรภาพ 3 นครพนม-คำม่วน  เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  โดยเข้าร่วมประชุมและมอบนโยบายข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด่านนครพนม  และได้กล่าวภายหลังจากประชุมและมอบนโยบาย ว่า  ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต้องเตรียมพร้อมและพัฒนาเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  โดยเตรียมพร้อมและพัฒนาใน  4 ด้าน  ได้แก่  1. ด้านสถานที่  ต้องพัฒนาให้พร้อมซึ่งในอนาคตอาจต้องใช้ด่านร่วมกันกับต่างประเทศ  2. ด้านเทคโนโลยี  ขณะนี้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ทุกด่าน  ตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็ว  3. ด้านระเบียบต้องสอดคล้องกันทั้งไทย  ลาว  เขมร และเมียนมาร์  4.ด้านการพัฒนาคน  โดยเจ้าหน้าที่ต้องมีความรู้เรื่องภาษาต่างประเทศ  เช่น ลาว  เวียดนาม เมียนมาร์  จีน และภาษาอังกฤษ  พัฒนาการตรวจศักยภาพคนเข้าออกเมืองให้เป็น  สำหรับช่วงนี้เป็นช่วงตรุษจีนชาวเวียดนามได้เดินทางผ่านประเทศไทยจำนวนมาก  เพื่อกลับไปไหว้บรรพบุรุษ  และเดินทางกลับมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว  แต่มาลักลอบทำงาน  ซึ่งแรงงานเวียดนามมิใช่กลุ่มผ่อนผันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง  โดยแรงงานเหล่านี้ข้ามผ่านเข้าออกตามช่องธรรมชาติ   จึงต้องขอร่วมมือกับ ตชด. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง  ตรวจสอบจับกุม  โดยให้สังเกตดูกระเป๋าเดินทาง   ปริมาณเสื้อผ้า  เงินที่พกติดตัวมา  เพื่อเป็นปัจจัยในการตัดสินใจว่าเป็นแรงงานลักลอบหลบหนีเข้าเมืองหรือเป็นนักท่องเที่ยว

อุดรธานีจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาการก่อตั้งเมืองอุดรธานีครบรอบ 121 ปี

จังหวัดอุดรธานี ประกอบพิธีวันที่ระลึกการตั้งเมืองอุดรธานีครบ 121 ปี ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 122 รูป ถวายพานพุ่มดอกไม้ สักการะพระอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้สร้างเมืองอุดรธานี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และประกอบพิธีสู่ขวัญบ้านสู่ขวัญเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลของประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี

เมื่อเช้าวันที่ ( 18 ม.ค.57 ) ที่ บริเวณพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมจังหวัดอุดรธานี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย ทายาทราชนิกูล ทองใหญ่ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ตุลาการ และประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี จำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 122 รูป ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา บำเพ็ญพระกุศล และถวายพานพุ่มดอกไม้สดสักการะพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญบ้านสู่ขวัญเมือง พิธีพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวง รำบวงสรวงและกล่าวสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระผู้สร้างเมืองอุดรธานี เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกการตั้งเมืองอุดรธานี 121 ปี

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 25 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวราชการที่ 4 กับเจ้าจอมมารดาสังวาล ประสูติเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2399 มีพระนามเดิม พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทองกองก้อนใหญ่ พระองค์ทรงเป็นต้นราชสกุล ทองใหญ่ เมื่อรัตนโกสินทร์ศก 112 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2436 ในรัชสมัยขอพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ไทยเกิดกรณีพิพาทเรื่องดินแดน กับประเทศผรั่งเศล โดยฝรั่งเศลได้ส่งเรือรบเข้ามาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา และบีบบังคับให้ไทยยกดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง อันได้แก่บริเวณประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตบประชาชนลาวในปัจจุบันให้แก้ฝรั่งเศล โดยไทยจะต้องมีกองกำลังทหารในรัศมี 25 กิโลเมตรบนฝั่งฟากตะวันตกของแม่น้ำโขงซึ่งในขณะนั้นพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ ผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ มีกองบัญชาการตั้งอยู่ ณ เมืองหนองคาย จำเป็นต้องทรงย้ายที่ตั้งกองบัญชาลงมาทางใต้และมาตั้ง ณ บ้านเดื่อหมากแข้ง เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2436 และได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ขณะยังมีพระชนชีพทรงเป็นนักการทหาร นักปกครองที่ปรีชาสามารถยิ่งพระองค์หนึ่ง และทรงเชี่ยวชาญในศิลปะวิทยาการหลายแขนงทั้งการช่าง ด้านกวีนิพนธ์ การคลัง และยังทรงรับราชการในตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการทหารกรมทหารล้อมพระราชวัง แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ ยกกำลังไปปราบปรามพวกฮ่อ ณ มณฑลลาวพวน ผู้บังคับราชการทหารประจำซองในพระบรมมหาราชวัง และองคมนตรีสำหรับตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตของพระองค์ ทรงรับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรั้งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พระองค์ทรงสิ้นพระชนด้วยโรคอันตะพิการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2467 รวมสิริชันษาได้ 68 ชันษา
ด้วยสำนึกในพระเกียรติคุณพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้สร้างเมืองอุดรธานี ชาวจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยราชนิกุล ทองใหญ่ จึงพร้อมใจกันประกอบพิธีวันที่ระลึกการตั้งเมืองอุดรธานี ในวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี สำหรับปีนี้มีคณะภริยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการสตรี คหปัตตานี สุภาพสตรี สุภาพบุรุษ ชาวอุดรธานี นำโดยนางช่อผกา จิตตเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี รำบวงสรวงฯ จำนวนกว่า 26,000 คน พร้อมกันนี้ยังมีการบันทึกสถิติใหม่การรำบวงสรวงในจินเน็ตบุ๊คที่ 5,515 คน และการมอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณคนดีศรีอุดรธานีจำนวน 121 คน



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

มบท.24ประกอบพิธี กระทำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลและสวนสนาม

มณฑลทหารบกที่ 24 และหน่วยงานทหารในพื้นที่ จัดพิธีกระทำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลและสวนสนาม เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2557

ที่ลานเอนกประสงค์หน้าพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ในค่ายประจักษ์ศิลปาคม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มณฑลทหารบกที่ 24 และหน่วยทหารบก ทหารอากาศในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จัดให้มีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล การสวนสนามของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับทหารใหม่ หรือกำลังพลที่ยังไม่เคยร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล การกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เป็นการประกาศตนให้ผู้บังคับบัญชาและประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน ว่าทหารพร้อมจะเสียสละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกป้องรักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และผืนแผ่นดินไทยไว้ให้กับลูกหลานไทย และทหารที่ได้กระทำพิธีปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลแล้ว จึงจะถือว่าเป็นทหารที่สมบูรณ์

แต่เดิมทุกปีที่ผ่านมารัฐบาลกำหนดให้วันที่ 25 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อรองรับ เมื่อปี 2550 มีการเปลี่ยนแปลงวันกองทัพไทยอย่างเป็นทางการ ตามมติคณะรัฐมนตรีและสภากระทรวงกลาโหมในการประชุมครั้งที่ 6/49 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2549 โดยรัฐบาลได้ประกาศกำหนดให้วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม 2550 เป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนแปลง ตามคำร้องเรียนของพลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์ อดีตเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า วันที่สมเด็จพระนเรศวร ทรงมีชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราช แม่ทัพจากพม่า ที่ถูกต้องเป็นวันจันทร์ เดือน 2 แรม 2 ค่ำ จุลศักราช 954 ซึ่งในวันดังกล่าว หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลเคยมีการคำนวณไว้เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ว่าตรงกับวันที่ 18 มกราคม และศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร รองประธานกรรมการในคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยก็ได้คำนวณ และเขียนบทความไว้ว่าตรงกับวันที่ 18 มกราคม เช่นกัน



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

จังหวัดอุดรธานีจัดงานวันยุทธหัตถี ประจำปี 2557

จังหวัดอุดรธานีจัดงานวันยุทธหัตถี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงได้รับชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชแม่ทัพพม่า

บ่ายวันที่ (18 ม.ค.57 ) ที่หอประชุมทองใหญ่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีถวายราชสักการะดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกระทำยุทธหัตถี มีชัยชนะต่อ สมเด็จพระมหาอุปราชา แห่งพม่า ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย และทรงสถาปนาความเข้มแข็งมั่นคงแก่ประเทศไทยมาในอดีตกาล อันนำมาซึ่งความสงบสุขและเกียรติภูมิของราชอาณาจักรมาจนถึงปัจจุบัน

สมเด็จพระนเรศวร มหาราช เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษฯโลก เมื่อพุทธศักราช 2098 เสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2133 และเสด็จสวรรคตเมื่อพุทธศักราช 2148 สมเด็จพระนเรศวร มหาราชทรงเป็นวีรกษัตริย์ ผู้มีพระอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถยอดเยี่ยมในด้านการทหารและการสงคราม ซึ่งเป็นที่เทิดทูนเล่าขานของคนร่วมสมัยในบูรพทิศ ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความองอาจ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงแกร่งกล้าในการเผชิญและคลี่คลายปัญหาทุกประการทรงสร้างสรรค์ความศักดิ์สิทธิ์ของตัวบทกฎหมายและเป็นพระประมุขของประเทศที่ทรงทุ่มเทอุทิศกำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา เพื่อประโยชน์อันยั่งยืน พระวีรกรรมสำคัญยิ่ง ที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติจารึกไว้เพื่อให้อนุชนทุกยุคทุกสมัยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คือ การที่ทรงมุ่งมั่นกระทำสงครามกอบกู้เอกราชและประกาศอิสรภาพจากพม่า เมื่อพุทธศักราช 2127 และทรงทำสงครามน้อยใหญ่ เพื่อปกป้องพระราชอาณาเขตประเทศไทย รวมถึง 15 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามยุทธหัตถีปราบปรามอริราชศัตรู ให้พ้นจากผืนแผ่นดินไทย ขจัดภัยสงคราม และทรงปลูกฝังความรักชาติ ความกล้าหาญ ปลอดจากความหวาดหวั่นพรั่นเกรงภัยสงคราม แก่อาณาประชาราษฎร์ จึงสามารถดำรงชีวิตได้เป็นปกติสุข ซึ่งชาวไทยทุกยุคทุกสมัย จารึกไว้ในจิตวิญญาณ และความทรงจำ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดมามิรู้ลืม

นอกจากทรงเป็นวีรกษัตริย์ ผู้ทรงพระปรีชาสามารถโดดเด่นในการศึกสงครามแล้ว ยังทรงมีโลกทัศน์อันกว้างไกล ทรงปราดเปรื่องปรีชา ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในด้านการปกครอง และการเมืองระหว่างประเทศ ทรงส่งเสริมการค้าพาณิชย์กับนานาประเทศ เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าสู่ท้องพระคลัง ทรงสร้างเสริมสัมพันธไมตรี กับมิตรประเทศ เช่น อังกฤษ ฮอลันดา สเปน โปรตุเกส จีน ลาว เขมร และญี่ปุ่น เพื่อทรงเผยแพร่พระบรมกฤษฎาบารมี ของพระมหากษัตริย์ไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงทุ่มเทอุทิศพระองค์ ตลอดรัชสมัยเพื่อสร้างความมั่นคง นำกรุงศรีอยุธยาไปสู่ความเป็นมหาอำนาจ ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ผู้แทนพระองค์ ในการประกอบพิธีอัญเชิญ ผ้าห่มและเสื้อกันหนาวพระราชทาน มอบแด่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ

วันที่ (18 มกราคม 2557) ณ โรงเรียนบ้านหนองแวง และโรงเรียนบ้านโคกสะอาด ตำบลหนองกุง อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประกอบพิธีอัญเชิญผ้าห่มและเสื้อกันหนาวพระราชทาน มอบให้ แด่ พระภิกษุสงฆ์ ผู้สูงอายุ คนพิการ และราษฎรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ บ้านหนองแวง และบ้านโคกสะอาด ตำบลหนองกุง อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ตามโครงการ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ รวมจำนวน 1,020 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร โดยมีนายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, นายวีรวัฒน์ วงศรีรักษา นายอำเภอโนนคูณ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มพลังมวลชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรผู้รับความเดือดร้อนจากเหตุภัยหนาว ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราการจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ในปีนี้หนาวมากกว่าปีที่ผ่านมา และสภาพอากาศหนาวติดต่อกันต่อเนื่องหลายวัน และมีอากาศหนาวและอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งจังหวัดลดต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ทุกพื้นที่ในทุกอำเภอ รวม 22 อำเภอ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2556 ซึ่งจังหวัดฯ ได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2556 เป็นต้นมา และกรมอุตุนิยมวิทยายังได้คาดการณ์อีกว่า ช่วงวันที่ 13 – 16 มกราคม 2557 ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยอีก ซึ่งจะทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลงอีก 5-7 องศา

ซึ่งจากสภาพอากาศดังกล่าวจะส่งผลให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอากาศหนาวและขาดแคลนเครื่องกันหนาว รวมทั้งยังมีความต้องการเครื่องกันหนาวอีก จำนวน 199,582 ครอบครัว 302,878 ชิ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประสานหน่วยงาน องค์กรการกุศล มูลนิธิต่างๆ เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องกันหนาว เพื่อนำมามามอบให้แก่พี่น้องชาวศรีสะเกษที่ประสบความเดือดร้อนแล้ว แต่ยังไม่พอพียงเมื่อเทียบกับจำนวนพี่น้องชาวศรีสะเกษ ที่ขาดแคลนและมีความต้องการเครื่องกันหนาว

ในการนี้ผู้แทนพระองค์ ได้อัญเชิญพระกระแส ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่ทรงห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ท่าน ที่ต่างประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งพสกนิกรต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่
                                             


ฉัตรชัย พรหมมาศ/ภาพ/ข่าว

กองพลทหารราบที่ 6 จักงานวันกองทัพไทย เพื่อระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เมื่อเวลา 15.00 น. ( วันที่ 18 มกราคม 2557 ) ที่กองพลทหารราบที่ 6 ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พลตรี ธรากร ธรรมวินทร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 เป็นประธานนำกล่าวสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล และทำพิธีสวนสนามของเหล่าทหาร 9 กองพัน เนื่องในวันกองทัพไทย โดยมีนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ข้าราชการ ทหาร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ร่วมเป็นเกียรติ และชมการแสดง และสวนสนามในครั้งนี้

งานวันกองทัพไทย จัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า ซึ่งเดิมกระทรวงกลาโหมกำหนดวันที่ 8 เมษายน ของทุกปี ต่อมาในปี 2523 ได้เปลี่ยนเป็นวันที่ 23 มกราคม ของทุกปี ภายหลังได้มีนักประวัติศาสตร์หลายท่านได้ตรวจสอบและพบว่า การกระทำยุทธหัตถีน่าจะตรงกับวันที่ 18 มกราคม และในวันที่ 22 สิงหาคม 2549 คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมเสนอการเปลี่ยนแปลง จึงกำหนดให้ วันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย ซึ่งทางกองพลทหารราบที่ 6 ค่าย สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ร่วมกับจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีการสวนสนามของเหล่าทหารหาญ 9 กองพัน การแสดงมวยไชยา การต่อสู้อาวุธโบราณ โดยมีข้าราชการทหาร แม่บ้านทหาร ตลอดจนประชาชนเข้าร่วมอย่างเนื่องแน่น
                                                 
                                                       

บุญมี / ข่าว/ ภาพ
กมลพร คำนึง บก ข่าว

ผู้ว่าฯ สารคาม นำทุกภาคส่วน ร่วมถวายราชสักการะ เนื่องในวันยุทธหัตถีและวันกองทัพไทย

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำพสกนิกรชาวจังหวัดมหาสารคาม ทุกภาคส่วน ร่วมถวายราชสักการะ แสดงความจงรักภักดีรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันยุทธหัตถี และวันกองทัพไทย

วันที่ (18 ม.ค.57) นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำคณะข้าราชการ ตำรวจ ทหาร รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน ในจังหวัดมหาสารคาม ประกอบพิธีถวายราชสักการะเนื่องในวันยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 18 มกราคม 2557 ที่หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม วางพานพุ่มถวายราชสักการะ จุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย พร้อมนำกล่าวคำถวายราชสดุดี ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเป็นวันรัฐพิธี โดยไม่เป็นวันหยุดราชการ พร้อมให้ประชาชนร่วมประกอบพิธี เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย และสถาปนาความเข้มแข็งมั่นคงของชาติสืบจนปัจจุบัน ซึ่งนักปฏิบัติการจิตวิทยาทุกคนต่างยกย่องให้พระองค์ ทรงเป็น พระบิดา ของนักปฏิบัติการจิตวิทยา อีกทั้งยังกำหนดให้วันนี้เป็นวันกองทัพไทยด้วย




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดทหารบกนครพนมจัดพิธี จัดพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพไทย ปี 57

 เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ (18 มกราคม 2557)   พลตรี สนธยา  ศรีเจริญ  ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครพนม  เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล และสวนสนาม ประจำปี 2557  เนื่องในโอกาสวันกองทัพไทย ประจำปี 2557 ของเหล่าทหารในสังกัดจังหวัดทหารบกนครพนม  ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณสนามหน้าอาคารกองบังคับการ  ภายในค่ายพระยอดเมืองขวาง  ตำบลนาโพธิ์  อำเภอเมือง  จังหวัดนครพนม  โดยมีเหล่านายทหารทั้งสัญญาบัตร และประทวน ในสังกัดจังหวัดทหารบกนครพนม  หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง  ฝูงบินที่ 238  ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครพนม  เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ในการนี้ นายอดิศักดิ์  เทพอาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  พร้อมคณะร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย  ซึ่งภายในบริเวณงานประกอบด้วยกิจกรรม  การแสดงประวัติพระยอดเมืองขวาง  โดยนักเรียนโรงเรียนอุเทนพัฒนา  พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล และสวนสนาม

ในโอกาสนี้ พลตรีสนธยา  ศรีเจริญ  ได้อ่านโอวาท ของพลเรือเอก ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งให้ไว้เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2557 โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ในวันที่ 18 มกราคมของทุกปี   เป็นวันสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ ชาติไทย คนไทยทุกคนต่างน้อมรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและ บรรพชนไทยที่ได้สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้อง ผืนแผ่นดินไทยให้คงความเป็นเอกราชมาจวบจน ปัจจุบัน จึงถือเอาวันนี้ เป็นวันกองทัพไทย และ พวกเราเหล่าทหาร ก็ได้จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณ ตนต่อธงชัยเฉลิมพล ความปลอดภัยอยู่รอดของประเทศชาติเป็น หน้าที่หลักของทหารทุกนาย ดังนั้น จึงต้องมี ความสามัคคีร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว และเห็นแก่ ประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ขอให้ทหารทุกนายยึด มั่นในระเบียบวินัย ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ด้วยความเสียสละ รอบคอบ และซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติอย่างยั่งยืน

อธิการบดีมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัยวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนรวมมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม

 เมื่อเวลา 13.29 น. ของวันที่ (18 มกราคม 2557)  พระพรหมบัณฑิต  อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย  ประธานพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนรวมมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย  วิทยาลัยสงฆ์นครพนม    เพื่อเป็นที่เรียนของพระภิกษุ  สามเณร และคฤหัสถ์  เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก  2 หลัง  4 ชั้น  มีพื้นที่ใช้สอย  7,600  ตารางเมตร  โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานอำนวยการ  ห้องเรียน  ห้องประชุม   พื้นที่อเนกประสงค์  ห้องสมุด   ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวัดพระธาตุพนม  ในพื้นที่ 9 ไร่  3 งาน  76 ตารางวา  ออกแบบโดย ผศ.ดร.เขมโชต   ภู่ประเสิรฐ  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น และทีมงาน  โดยมีนายอดิศักดิ์  เทพอาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและลาวเข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้  ผศ.ดร.สุรพล  สุริยะพรหม  รองผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย  ฝ่ายกิจการทั่วไป  ได้กล่าวรายงานว่า  วิทยาลัยสงฆ์นครพนมได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2539  โดยการนำของพระธรรมปริยัติมุนี (นวล  เขมะจารี)  อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม  ในระยะเริ่มแรกเป็นการขยายห้องเรียนคณะครุศาสตร์  สาขาวิชาสังคมศึกษา จากมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หนองคาย  ต่อยกระดับเป็นวิทยาลัยสงฆ์ปี 2540  วิทยาลัยสงฆ์นครพนม จัดการเรียนการสอนในระดับชั้นปริญญาตรี  6 สาขา  ระดับประกาศนียบัตร  1 หลักสูตร   ปริญญาตรี  ประกอบด้วยสาขาวิชาพระพุทธศาสนา  คณะพุทธศาสน์ /2 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ  คณะมนุษยศาสตร์ / สาขาวิชารัฐศาสตร์  วิชาเอกการเมืองการปกครอง  คณะสังคมศาสตร์  /3 สาขาวิชารัฐศาสตร์   วิชาเอกการเมืองการปกครอง   คณะสังคมศาสตร์/4 สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ  คณะสังคมศาสตร์ /5.สาขาวิชาสังคมศึกษา  คณะครุศาสตร์  6.สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ  คณะครุศาสตร์  / ระดับประกาศนียบัตร  ได้แก่  การบริหารกิจการคณะสงฆ์  หรือ ปปส. หลักสูตร 1 ปี สำหรับปีการศึกษา 2556  วิทยาลัยสงฆ์นครพนม  มีนิสิตนักศึกษา  จำนวน  497 รูป/คน  ภิกษุ  โดยมีภิกษุ  สามเณรจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  60 รูป  ปัจจุบันอาคารการเรียนการสอนอยู่ในวัดพระธาตุพนม  อาคารการเรียนการสอนไม่เพียงพอ จึงได้ทำการสร้างอาคารเรียนแห่งใหม่  โดยใช้ที่ของวัดพระธาตุพนมซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ทำการก่อสร้าง   และในปี 2557 วิทยาลัยสงฆ์นครพนมได้งบประมาณ  120 ล้านบาท ในการสร้างอาคารแห่งใหม่

จากนั้น  พระพรหมบัณฑิต  ได้มอบเกียรติบัตรผู้มีอุปการคุณ และมอบทุนการศึกษาแด่ภิกษุจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  จำนวน  4 ทุน