วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กรมควบคุมโรคลงพื้นที่ ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ แนะแนวทางประชาชนป้องกันภัยการจัดขยะอันตราย

กรมควบคุมโรค นำคณะเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน ลงพื้นที่ดูงานการจัดการขยะอันตราย ที่ตำบลโคกสะอาด อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เกิดจากซากเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมแนะการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการรับ สัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย เสร็จงานควรล้างมือ และไม่ให้เด็กเล็กเข้าใกล้บริเวณทำงานโดยเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสะอาด อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ นายแพทย์บุญเลิศ ศักดิ์ชัยนานนท์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน ได้ลงพื้นที่ดูงานการจัดการขยะอันตรายที่เกิดจากซากเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งที่ตำบลโคกสะอาด อำเภอฆ้องชัย ซึ่งมีแหล่งใหญ่การรับซื้อของเก่า คัดแยกของเก่า พร้อมให้คำแนะนำแก่ประชาชนผู้ประกอบอาชีพดังกล่าวให้รับทราบแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการรับ สัมผัส สารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายที่อาจเป็นอันตราย โดยมีนายอำเภอฆ้องชัย ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและให้การต้อนรับ

นายแพทย์บุญเลิศ ศักดิ์ชัยนานนท์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า โดยทั่วไปขยะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้ 1.ขยะมูลฝอยทั่วไป 2.ขยะอันตราย จากโรงเรียนอุตสาหกรรม จากชุมชน และ 3.ขยะมูลฝอยติดเชื้อ ได้แก่ ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซากวิทยุโทรทัศน์ แอร์ ถ่ายไฟฉาย แบตเตอรี่มือถือ ซากคอมพิวเตอร์ สารเคมีที่ใช้ในครัวเรือน เช่น สเปรย์ น้ำยาทำความสะอาด สี น้ำมันเครื่อง ซึ่งสารเคมีจากขยะอันตรายนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางคือ ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางผิวหนัง และหากเป็นลักษณะพิษเฉียบพลันจะเกิดอาการแพ้ ส่วนพิษเรื้อรัง จะมีผลต่อระบบประสาท ตับ ไต การป้องกันง่าย ๆ คือเวลาทำงานควรใส่ถุงมือ ใส่เครื่องป้องกันฝุ่นละออง หลังเลิกงานทุกครั้งต้องล้างมือให้สะอาด เปลี่ยนชุด หากมีเด็กเล็ก ควรไม่ให้เข้าใกล้บริเวณทำการคัดแยกของเก่าโดยเด็ดขาดเพราะเด็กไม่สามารถทนต่อพิษ โลหะ สารเคมีจากขยะได้เท่าผู้ใหญ่ และอาจส่งผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กได้

นายแพทย์บุญเลิศ ศักดิ์ชัยนานนท์ กล่าวต่อไปว่า หากพบว่ามีอาหารหายใจเข้าไปแล้วแสบจมูก แน่นหน้าอก อึดอัด แสดงว่าเราได้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย แต่ส่วนใหญ่เมื่อเราอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทุกวันมานานร่างกายจะทนต่อพิษภัยเหล่านี้ สำหรับขยะที่ตำบลโคกสะอาด ถ้ามองด้วยสายตาเราก็จะพบแค่ปัญหาฝุ่นละออง ที่มีอยู่ทั่วไป แต่ถ้าสังเกตก็จะพบว่ามีพวกโลหะหนัก เช่น แคทเมียม, ตะกั่ว, แมงกานีส ส่วนขยะคอมพิวเตอร์ ยังมีทอง ทองคำขาว ที่เป็นโลหะหนัก เมื่อโดนความร้อนมาก ๆ ก็จะเป็นไอระเหยเข้าทางจมูกได้ หรือถ้าเราไม่ล้างมือให้สะอาดหากไปจับอาหารก็จะเข้าสู่ร่างกายคนได้ แม้ปริมาณจะน้อยแต่สะสมไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ก็จะมีผลต่อร่างกายคนเราได้ ในส่วนของการเข้ามาดูแลพื้นที่ตำบลโคกสะอาด ทางกรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น ได้เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนตั้งแต่ปี 2553 ให้ความรู้ประชาชน พัฒนาบ้านต้นแบบที่มีการคัดแยกขยะอย่างปลอดภัย การเฝ้าระวังทางสิ่งแวดล้อมเพื่อประเมินโลหะหนักในดินและน้ำในพื้นที่ทิ้งขยะและบริเวณบ้าน และเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจคัดกรองระดับตะกั่วในผู้ประกอบอาชีพและครอบครัว พร้อมคืนข้อมูลดังกล่าวให้กับประชาชนและให้คำแนะนำในการดูแลตนเองด้วย



ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว

มหกรรมเห็ดเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษามหาราชินี

อบต.ดงใหญ่ร่วมกับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคามจัดงาน มหกรรมเห็ดเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา มหาราชินี

16/08/2556 ที่โรงเรียนดงใหญ่วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ต.ดงใหญ่ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมเห็ดเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษามหาราชินี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด้จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลอง 81 พรรษามหาราชินี และเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนตำบลดงใหญ่ และตำบลใกล้เคียงเห็นความสำคัญของป่าชุมชนดงใหญ่ และใช้ประโยชน์จากป่าอย่างชาญฉลาดเพื่อความยั่งยืน

เนื่องจากพื้นที่ป่าดงใหญ่ได้รับเลือกให้เป็นป่าชุมชนตำบลดงใหญ่ตั้งแต่ปี พ.ศ 2542 เป็นต้นมา โดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ควบคุมดูแล ป่าดงใหญ่เป็นป่าเต็งมีพื้นที่ประมาณ 757 ไร่มีหมู่บ้านจำนวน 13 หมู่รายรอบป่า จำนวน 906 หลังคาเรือน ประชาชนประมาณ 5,000 คนเศษ ซึ่งได้รับประโยชน์จากป่าดงใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด เช่น นกนานาชนิด พืชสมุนไพร ไข่มดแดง เผือก มัน แมงกีนูน หน่อไม้ ผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ ไม้แห้งเพื่อทำฟืน เห็ดที่ขึ้นชุกชุมมากว่า 80 ชนิด โดยเฉพาะเห็ด ชาวบ้านได้เก็บกิน เก็บขาย ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากเห็ดโดยรวมปีละหลายหมื่นบาท  จากงานวิจัยเชิงสำรวจ ความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดกับวิถีชีวิตของชาวตำบลดงใหญ่เมื่อปี 2545 โดยรองศาสตรจารย์อรุณ โมนะตระกูล และคณะ ได้ทำการวิจัยในสมัยนั้น พบว่าพฤติกรรมการเก็บเห็ดของชาวบ้าน คือ เก็บเห็ดทั้งดอกอ่อน ดอกแก่ เป็นสัญญาณเตือนว่าในอนาคตลูกหลานมีกิน มีขาย อย่างยั่งยืน จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อเป็นการรณรงค์ให้คนในตำบลดงใหญ่รักป่าเพื่อรักษาเห็ด และของป่าอื่นๆให้คงอยู่วิถีชีวิตกับธรรมชาติให้ยืนยาวตลอดไป อีกทั้งยังเป็นการสนองพระมหาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต่อไปด้วย

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย การแสดงดนตรี การแข่งขันการเขียนเรียงความเกี่ยวกับการอนุรักษ์เห็ด  นิทรรศการเกี่ยวกับเห็ด  และการแข่งขันการเต้นแอโรบิก จาก 13 อำเภอของจังหวัดมหาสารคาม




ภาณุวัชร คนเชี่ยว ข่าว/ส.ปชส.มค.

หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน มหาสารคาม จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา มหาราชินี

หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมกับภาคเอกชนและชาวบ้านตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันจัดกิจกรรมปลูกป่า ปล่อยปลา และไถ่ชีวิตโคถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ที่วัดบ้านกุดแคน ตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน นำโดย นายวสันต์ชาย เคหะวันยะ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับบริษัทภาคเอกชน อาทิ บริษัทวี เอ เอส การณ์เมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อีฮง มอเตอร์ จำกัด บริษัท โกลบอล เฮาส์ จำกัด โรงพยาบาลสารคามอินเตอร์ อาสาสมัครแรงงาน และชาวบ้านตำบลหนองโน จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อาสาสมัครแรงงานร่วมใจประสานพัฒนาบ้านเกิด โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดกรวยดอกไม้ และนำกล่าวคำถวายราชสดุดี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นนำหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และชาวบ้านปลูกต้นไม้ อาทิ ต้นสักทอง ต้นไผ่ ต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ และต้นสะเดา บนพื้นที่ป่าบ้านกุดแคน เนื้อที่ 24 ไร่ ปล่อยพันธุ์ปลาสวาย จำนวน 200 ตัว มอบโค ให้กับเกษตรกร จำนวน 3 ราย เพื่อไปเลี้ยงเป็นต้นทุนของตนเอง

พร้อมนี้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน มหาสารคาม ยังเปิดให้บริการซ่อมบำรุงรถจักยานยนต์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดบริการรับสมัครงาน สอบถามปัญหาด้านแรงงาน แจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้และแจกจ่ายอาหาร กินฟรีตลอดงาน




ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

ยโสธรเตรียมต้อนรับน้องเมย์ น.ส.รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลกแบดมินตันหญิงเดี่ยว เดินทางเยี่ยมบ้านเกิดที่ยโสธร


แบดมินตันแชมป์โลก เมย์ รัชนก อินทนนท์

ชั่วโมงนี้คงไม่มีใคร ที่จะไม่รู้จัก น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตัน ที่มีฝีมือการเล่นที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากการเล่นกีฬาแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก จนสร้างชื่อให้กับตัวเองเมื่อ การแข่งกีฬาซีเกมส์ ในปี 2011 หลังจากนั้นได้มีการจับตามองถึงฝีมือการเล่นที่เด็ดขาด จนล่าสุดได้คว้าเหรียญทองในการแข่งแบดมินตันชิงแชมป์โลก กับชาวจีน ที่ได้ฉายาว่าเป็นเจ้าราชาขนไก่ ถึงบ้านมังกรแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว

น้องเมย์รัชนก อินทนนท์ เป็นนักกีฬาแบดมินตันชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นคนจังหวัด ร้อยเอ็ด โดยน้องเมย์ รัชนก ได้เริ่มเล่นกีฬาแบดมินตันตั้งแต่เด็ก และมีแววมาเรื่อยๆ จนทำให้สามารถคว้าแชมป์แรกได้ตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบ

ปัจจุบัน น้องเมย์ รัชนก และครอบครัว ได้ย้ายบ้านเข้ามาพักอยู่ในบ้านทองหยอด ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตบางแค โดยได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี และมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ต่อมา


พรสวรรค์ด้านกีฬาแบดมินตัน

- ในปี พ.ศ. 2552 น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ คว้าแชมป์ที่มีอายุน้อยที่สุดในการแข่งขัน บีดับเบิ้ลยู เอฟเวิลด์จูเนียร์ แชมเปียนชิพ ครั้งที่ 14 ที่ประเทศ มาเลเซีย

- ต่อมาในปี พ.ศ. 2553 น้องเมย์ รัชนก สามารถป้องกันแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในรายการ บีดับเบิ้ลยู เอฟเวิลด์จูเนียร์ แชมเปียนชิพ ได้อีกด้วย

- ในการแข่งขัน บีดับเบิ้ลยู เอฟเวิลด์จูเนียร์ แชมเปียนชิพ ครั้งที่ 16 น้องเมย์ รัชนก สามารถเอาชนะคว้าเหรียญทองการแข่งขันได้เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ด้วยอายุเพียง 16 ปี ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการแบดมินตัน ที่คว้าแชมป์ได้ติดต่อกัน 3 ปี ซ้อน

การแข่งขันแบดมินตันที่สร้างชื่อให้กับน้องเมย์ รัชนก มากที่สุด คือ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2011 น้องเมย์ รัชนก ได้เป็นตัวแทนนักกีฬาแบดมินตันหญิงทีมชาติไทย และสามารถเอาชนะคว้าเหรียญทองแดง ในการแข่งขันเดี่ยว และคว้าเหรียญทองในการแข่งขันแบบทีม ซึ่งทำให้ น้องเมย์ รัชนก รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมหญิงจากสยามกีฬา ที่ประเทศไทยอีกด้วย

ล่าสุด วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ได้คว้าเหรียญทองการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก ที่ประเทศจีน กรุงกว่างโจว ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นครั้งแรกอีกครั้งกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และประวัติศาสตร์วงการแบดมินตันที่มีแชมป์โลกอายุน้อยที่สุดอีกด้วย



น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลกนักแบดบินตันหญิงเดี่ยว ปี 2013 เป็นชาวจังหวัดยโสธร เกิดที่บ้านค้อเหนือ ต.ค้อเหนือ ชาวจังหวัดยโสธร เตรียมต้อนรับครั้งยิ่งใหญ่ในโอกาสจะมาเยี่ยมบ้านเกิด

วันนี้ (16 ส.ค.56) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมยศสุนทร ศาลากลางจังหวัดยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ, ประธานหอการค้าจังหวัด, ประธานอุตสาหกรรมจังหวัด, เทศบาลเมืองยโสธร และ อบจ.ยโสธร ประชุมเตรียมจัดงาน ต้อนรับน้องเมย์ น.ส.รัชนก อินทนนท์ จะเดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิด พบปะญาติพี่น้อง และไหว้บรรพบุรุษ โดยมีกำหนดเดินทางมาในวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2556 เวลา 14.00 น. ที่บ้านค้อเหนือ ต.ค้อเหนือ จ.ยโสธร หลังจากนั้น ก็จะเดินทางไปไหว้พระธาตุพระอานนท์ ที่วัดมหาธาตุ และศาลหลักเมือง

หลังจากนั้น ก็จะขึ้นรถขบวนแห่เปิดประทุน แห่รอบเมืองยโสธรแล้วเข้าสู่บริเวณโดมอเนกประสงค์ โรงเรียนยโสธรพิทยาคม ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญและรับมอบรางวัล นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร จะมอบรางวัล ในนามชาวจังหวัดยโสธร เป็นสร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง พระแก้วบุษยรัตน์ มูลค่า 1 แสนบาท และเทศบาลเมืองยโสธร, อบจ.ยโสธร, ส่วนราชการกระทรวงมหาดไทย ก็จะทยอยขึ้น มอบรางวัล เพื่อแสดงความยินดี และจัดเลี้ยงอาหาร, เมนูเด็ดลาบหมูหนังเยอะ ชมการแสดงโปงลาง 4 ชุดใหญ่ จากโรงเรียนมัธยมศึกษา และเดินทางกลับขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด เวลา 19.25 น.



ส.ปชส.ยโสธร/ไพชยนต์ 16 สิงหาคม 2556

พมจ.ร้อยเอ็ด เชิญร่วม ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคม ณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 17 ส.ค. นี้

นางนนทินี  เพ็ชญไพศิษฐ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  กล่าวว่าคณะกรรมการบริหารชมรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด (อพม) และเครือข่ายได้ร่วมกันจัดทำผ้าป่าสามัคคี เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคม ของจังหวัดสุดท้าย จึงขอเชิญชวนผู้มีจิดศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคจตุปัจจัยสมทบทุนร่วมทำบุญทอดผ้าป่าตามกำลังศรัทธา ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556 ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำเดือน 9 เวลา 08.00 น. รวบรวมต้นผ้าป่า ณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด

เวลา 10.30 น. พิธีทอดผ้าป่าและถวายภัตตาหารเพล โดยมี พระครูวิมลบุญโกศล เจ้าอาวาสวัดวิมลนิวาส เป็นประธานฝ่ายสงฆ์เสร็จแล้วเชิญร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมเจ้าภาพทอดผ้าป่า   ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตามวันและเวลา ดังกล่าว




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว

กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
16 ส.ค. 56

การค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ดประกาศราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกร เนื้อสุกรแนะนำ

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ดประกาศราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกร เนื้อสุกรแนะนำ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 – 13 สิงหาคม 2556

นางสาวนิภา กาลพันธา นักวิชากาพาณิชย์ปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งการค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกร เนื้อสุกรแนะนำ เพื่อให้ผู้ประกอบการรับซื้อและจำหน่ายสุกรจังหวัดร้อยเอ็ดดำเนินการตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง ราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกร เนื้อสุกรแนะนำโดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 – 13 สิงหาคม 2556 ดังนี้

1. รับซื้อสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มจากเกษตร ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 72 บาท    

2. จำหน่ายส่งสุกรชำแหละ (หมูซีก) ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 85 บาท

3. จำหน่ายส่งชิ้นส่วนหมูเนื้อแดง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 117 บาท

4. จำหน่ายปลีกเนื้อสุกร เฉพาะเนื้อแดง ไม่ตัดแต่ง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ยกเว้นเนื้อสุกรที่มี คุณภาพพิเศษ เช่น เนื้อสุกรอนามัย เนื้อสุกรไร้สาร ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 132 บาท

5. จำหน่ายปลีกเนื้อสุกร เฉพาะเนื้อแดง ตัดแต่ง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ยกเว้นเนื้อสุกรที่มี คุณภาพพิเศษ เช่น เนื้อสุกรอนามัย เนื้อสุกรไร้สาร ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ในราคาไม่สูงบกว่ากิโลกรัมละ 143 บาท

6. ในกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้รับซื้อ หรือผู้จำหน่าย หรือได้รับการร้องเรียนว่ามีการไม่รับ ซื้อหรือไม่จำหน่ายในราคาตามที่กำหนด สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะใช้มาตรการทางกฎหมายกำกับดูแลอย่างเข้มงวดต่อไป และยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.25542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ผู้จำหน่ายปลีกต้องแสดงราคาจำหน่ายและจำหน่ายให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท




วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
19 ก.ค. 56

ร้อยเอ็ด ออกให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง อ.โพนทอง

จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดร้อยเอ็ดและหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ออกให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร   ประจำปีงบประมาณ 2556

วันนี้ เวลา 10.00 น. (16 ส.ค. 56) นายธัชชัย  สีสุวรรณ   รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ณ อาคารเอนกประสงค์ วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด  โดยการดำเนินการของหน่วยงาน สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นายปรีชา  เชาว์ตระกูล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ ฯ พร้อมกันทั่งประเทศ ในระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 - 31 สิงหาคม 2556 จังหวัดร้อยเอ็ดได้จัดขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม 2556  ณ วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง มีการออกให้บริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 14 หน่วยงาน  อาทิ คลินิกดิน  คลินิกพืช คลินิกประมง คลินิกสัตว์ เป็นต้น  นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว การประกวดผลผลิต ทางการเกษตร การแสดงของนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพโพนทอง การจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน

นายธัชชัย  สีสุวรรณ   รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวว่า นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร   ทรงเห็นความลำบากของพี่น้องเกษตรกร จึงได้ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ออกให้บริการ คลินิกเกษตรเคลื่อนที่แก่เกษตรกรจนถึงพื้นที่ ทำให้สะดวก  ลดค่าใช้จ่าย และ เวลาในการเดินทางไปรับบริการ ถึงหน่วยงาน นอกจากนี้ยังได้รณรงค์ให้ชาวโพนทองเลิกกินปลาดิบเนื่องจากเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งตับและมะเร็งถุงน้ำดี ซึ่งในขณะนี้ประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด  ป่วยและเสียชีวิต จากโรคมะเร็งตับและถุงน้ำดี  ติดอันดับแชมป์ ประเทศไทย

กิจกรรมในวันนี้มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา มาใช้บริการ กว่า 1 พัน คน  การมอบพันธุ์  ปลาน้ำจืดให้กับวิทยาลัยการอาชีพโพนทอง กว่า 2 พัน ตัว การมอบบัตรเกษตรกร  การแจกพันธุ์ต้นกล้ามะเขือ มะละกอ และจับฉลากบัตรลงทะเบียนลุ้นรับโชคหมูป่า อีกจำนวน 3 ตัว



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
16 ส.ค. 56

ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ระดม เจ้าหน้าที่ออกกวาดล้างโรคพิษสุนัขบ้า หลังพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้แล้ว 1 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. 56 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงเหนือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายนัทธ์เวโรจน์ บูชาพัฒน์ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ นำเจ้าหน้าที่ ออกหน่วยให้บริการประชาชน เพื่อทำหมันสุนัขและแมว ตามโครงการบูรณาการวางแผนครอบครัวสุนัข-แมว โดยกำหนดเป้าหมายควบคุมและลดประชากรสุนัขและแมว ตลอดจนเป็นปัญหาการระบาดของโรคพิษสุนัข หลังจากในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้แล้ว จำนวน 1 ราย
 
นายนัทธ์เวโรจน์ เปิดเผยว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากร สุนัขและแมว ซึ่งเป็นสัตว์พาหะนำโรคที่สำคัญ เนื่องจากยังมีสุนัขและแมวที่ยังไม่มีเจ้าของเป็นจำนวนมาก ที่ไม่ได้รับการดูแล ทำให้จำนวนประชากรสุนัขและแมวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวิธีการลดจำนวนประชากรที่ได้ผลยั่งยืนที่สุด คือการผ่าตัดทำหมันถาวร โดยเฉลี่ยจะสามารถลดจำประชากรได้ 10 ตัวต่อการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมวเพศเมีย 1 ตัว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและลดการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคน และสัตว์ เพื่อแก้ไขปัญหาสุนัขและแมว ที่ผู้เลี้ยงไม่ต้องการ ถูกนำไปซื้อขาย แลกเปลี่ยนเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
 
 นายนัทธ์เวโรจน์ กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ พบว่า เมื่อประมาณ เดือน พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนับบ้าจำนวน 1 ราย ที่บ้านตะเคียนช่างเหล็ก อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นชายชราอายุประมาณ 80 ปี และเลี้ยงสุนัขโดย ไม่ได้ดูแลมากนัก ซึ่งขณะที่กำลังหยอกเล่นกับสุนัข เกิดถูกสุนัขที่เลี้ยงกัด แต่ไม่ได้มาทำการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ เพื่อตรวจหาโรคพิษสุนัขบ้า เป็นเหตุทำให้ชายชราคนดังกล่าว เสียชีวิต ในส่วนของสุนัขจรจัด ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ตนได้ขอความร่วมมือไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลทุกพื้นที่ เพื่อนำเจ้าหน้าที่ออกจับสุนัขจรจัด และนำมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอทุกท้องที่ ใกล้บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้านในพื้นที่ชุมชนต่อไป



 

จิรภัทร  หมายสุข / ข่าว

เลขาธิการสภากาชาดไทยเยี่ยมโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม ฯ สถานีกาชาดอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พร้อมตรวจความพร้อมสำหรับเปิดให้บริการอาคารผ่าตัดผู้ป่วยโรคตาหลังใหม่

นางสมพร มโนรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว ได้รับแจ้งจากสภากาชาดไทยว่า วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556 เวลา 11.00 น. นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย ออกเดินทางตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่มาใช้บริการผ่าตัดรักษาโรคตา กับโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ณ สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พร้อมตรวจเยี่ยมความพร้อมในการเปิดใช้อาคารผ่าตัดผู้ป่วยโรคตาหลังใหม่ที่จะใช้ในการรองรับประชาชนที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ในปี 2538 สภากาชาดไทยได้จัดชุดจักษุแพทย์ เพื่อออกปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ป่วยโรคตาในท้องถิ่นทุรกันดาร  ให้บริการตรวจรักษาและผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นโรคตาในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ใกล้เคียง โดยออกปฏิบัติงานที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และได้รับพระราชทานชื่อชุดปฏิบัติงานนี้จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า   "หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติองค์อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทยในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา ครบ 40 พรรษา และให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคตา      ในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่มีฐานะยากจนให้ได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกับผู้ป่วยในเมือง และไม่เสียเวลาในการเดินทางมารับการรักษาในเมือง นอกจากนี้ ยังเป็นการแบ่งเบาภาระการงานของจักษุแพทย์ในท้องถิ่น  ซึ่งมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคตา ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากตลอดจนเป็นการขยายงานของสภากาชาดไทย ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากยิ่งขึ้น

โครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศ ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยทุกวันเสาร์-อาทิตย์สัปดาห์ที่ 3  ของเดือน และ     ทำผ่าตัดผู้ป่วยที่นัดไว้ในวันพุธ-พฤหัสบดี-ศุกร์ทุกสัปดาห์ที่ 3  ของเดือน มีผู้ป่วยโรคตาในจังหวัดสระแก้วและจังหวัดใกล้เคียงมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจรักษาไปแล้ว 140,000 ราย และมีผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตาไปแล้ว 30,000 ราย นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ขยายออกมาจากโครงการหน่วยแพทย์จักษุ ฯ อีก 2 โครงการ คือ โครงการขยายงานหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ฯ ซึ่งเป็นโครงการที่สภากาชาดไทย นำรถเครื่องมือแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ไปตรวจรักษาผ่าตัดให้แก่ประชาชนในโรงพยาบาลชุมชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากอำเภอ 100 กิโลเมตรขึ้นไป และ โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ ฯ ซึ่งสภากาชาดไทยได้รับมอบรถผ่าตัดนี้จาก สโมสรโรตารีทุ่งคา เพื่อนำไปใช้ในการช่วยผ่าตัดรักษาประชาชนที่อยู่ในถิ่นห่างไกล ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในตัวเมืองเพื่อรับการรักษา แต่สภากาชาดไทยมีรถผ่าตัดเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อความสะดวกของประชาชนที่จะไม่ต้องลำบากในการเดินทางด้วย 

สระแก้วเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์

วันนี้ (16 ส.ค.) นายชูศักดิ์  ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพฯ ณ โรงเรียนบ้านทุ่งพระ ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยมี นายสมจิตร  ธีระบุญชัยกุล เกษตรจังหวัดสระแก้วพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชน ผู้นำท้องถิ่น และส่วนราชการ ร่วมพิธีเปิดโครงการในวันนี้ โดยได้จัดกิจกรรมให้บริการแก่เกษตรกรในรูปแบบ คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ จากหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได่แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกกฎหมาย คลินิกชลประทาน คลินิกบัญชีและกิจกรรมสนับสนุนสายใยรักแห่งครอบครัว โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จัดขึ้นเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร การเสริมสร้างความรู้ทางการเกษตร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกัน ระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

จังหวัดสระแก้ว จัดกิจกรรม “สระแก้วผูกใจประสานให้บริการประชาชน”

วันนี้ (16 ส.ค.) นายชูศักดิ์  ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วนออกหน่วยให้บริการประชาชน ตามโครงการ"หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” และกิจกรรม "สระแก้วผูกใจประสาน ให้บริการประชาชน” ประจำทุกเดือนสิงหาคม 2556 ณ โรงเรียนบ้านทุ่งพระ หมู่ 4 ตำบลท่าเกษม อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ได้จัดให้มีเทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์และหลังจากนั้นเป็นพิธีเปิดโครงการ ซึ่งเป็นการออกหน่วยของส่วนราชการ มีการให้บริการในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล บริการการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า การแนะนำการประกอบวิชาชีพ การเพาะปลูก การบริการต่อทะเบียนรถ พร้อมทั้งยังแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินให้แก่ผู้ด้อยโอกาส และยากจน พร้อมทั้งให้คำแนะนำการศึกษาทางด้านวิชาชีพสถานศึกษา การลงทะเบียนแรงงาน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและสามารถติดต่อกับหน่วยงานของทางราชการได้อย่างถูกต้อง สำหรับการจัดกิจกรรม "สระแก้ว ผูกใจประสานให้บริการประชาชน” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ได้รับทราบปัญหาความต้องการที่แท้จริงของประชาชน และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุก ๆ ด้าน อีกทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้สะดวก รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ในการเดินทางมาติดต่อราชการ และลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในภาระเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างส่วนราชการกับประชาชนพื้นที่ อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่และชุมชน

โครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน อำเภอประจักษ์ศิลปาคม

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี แนะวิธีแก้จนประชาชนต้องลดรายจ่าย ออมก่อนใช้ ทำสวนครัวเลี้ยงสัตว์ จัดทำบัญชีครัวเรือน ประกันตนตามมาตร 40 สร้างหลักประกันสำหรับอนาคต โดยสามารถทำได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 20 อำเภอ และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี

เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (16 ส.ค.56 ) ที่โรงเรียนสามพาดวิทยาคาร อำเภอประจักษ์ศิลปาคมจังหวัดอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้ประชาชนอำเภอประจักษ์ศิลปาคม พร้อมนำนางช่อผกา จิตตเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมลงนามถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้พบปะประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม มอบทุนการศึกษากองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชอุปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี 4 ทุนๆละ 500 บาท มอบจักรยานแก่นักเรียนเรียนดีแต่ยากจน 15 คัน มอบรถเข็นคนพิการ 4 คัน มอบสิ่งของสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีและสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานีให้การสนับสนุนนำมามอบให้กับประชาชนรวม 300 ชุด มอบแว่นสายตาแก่ประชาชน 450 คน ปลูกต้นไม้ เยี่ยมชมนิทรรศการ ร้านOTOP และการออกหน่วยให้บริการของส่วนราชการ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ปัญหาความยากจนเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ อยากเห็นเกษตรกรมีสุขภาพดี การใช้สารเคมีในการเกษตรจะส่งผลให้ประชาชนมีโรคตามมาเพราะสารเคมีตกค้างในร่างกาย อาทิ โรคมะเร็ง โรคความดันและโรคเบาหวาน จึงอยากให้ประชาชนหัวมาทำเกษตรอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี โดยตนได้จัดทำขอให้ประชาชนลดรายจ่ายในครัวเรือนด้วยการร่วมจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อให้รู้รายรับ บริหารรายจ่าย ใช้เงินให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจังหวัดได้จัดนำบัญชีครัวเรือนออกแจกจ่ายให้กับประชาชนทั้ง 20 อำเภอ และหากมีใครที่ต้องการสามารถขอรับได้ที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมฝากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นพลังแผ่นดินเอาสชนะยาเสพติด ร่วมกันสอดส่องดูแล นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบังคับบำบัด จัดให้มีการตรวจติดตามอย่างเข้มงวด ช่วยเหลือด้านอาชีพหลังบำบัดเพื่อไม่ให้หวนกลับไปมีพฤติกรรมซ้ำ และดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ค้าทุกรูปแบบ พร้อมกันนี้ได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งเกษตรกร หรือประชาชนที่มีอาชีพอิสระสามารถสร้างหลักประกันให้กับชีวิตได้ด้วยการทำการประกันตามมาตร 40 ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยจ่ายค่าเบี้ยประกันเพียงวันละ 3 บาท หรือ เดือนละ 100 บาท หรือ ปีละ1,200 บาท

นายสมภพ ร่วมญาติ นายอำเภอประจักษ์ศิลปาคม กล่าวว่า อำเภอประจักษ์ศิลปาคม แบ่งเขตการปกครองจากอำเภอกุมภวาปี เป็นกิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2540 และได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2550 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอ 81 อำเภอ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 ปัจจุบันแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 3 ตำบล 41 หมู่บ้าน 3 องค์การบริหารส่วนตำบล ประชากร 25,085 คน 6,177 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้เฉลี่ย 58,414 บาท/คน/ปี

สำหรับปัญหาความต้องการของประชาชนชาวห้วยสามพาดที่ผู้บริหารท้องถิ่นและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้นำเสนอขอรับการสนับสนุนจากจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านอนามัยไทยเจริญ หมู่ที่ 13 –บ้านหนองแก หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยสามพาด โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านโคกสง่า หมู่ 5 –บ้านวังขอนกว้าง หมู่ 6 ตำบลห้วยสามพาด และโครงการติดตั้งและวางระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ภายในตำบลห้วยสามพาด
            นายสมัคร บุญปก รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านอนามัยไทยเจริญ หมู่ที่ 13 –บ้านหนองแก หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยสามพาด จะนำเรื่องเข้าแผน 3 ปี ส่วนโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านโคกสง่า หมู่ 5 –บ้านวังขอนกว้าง หมู่ 6 ตำบลห้วยสามพาด บรรจุในแผนปี 2557 แล้ว ส่วนในประเด็นโครงการติดตั้งและวางระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ภายในตำบลห้วยสามพาด นายวรพัฒน์ พงษ์บุตร ท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานี ชี้แจงว่า ได้นำเรื่องเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณไปยังส่วนกลางแล้วและอยู่ระหว่างการติดตามเรื่อง ซึ่งหากไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณก็จะขอรับการสนับสนุนจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี หรือ ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดอุดรธานีแทน พร้อมกันนี้นายประจักษ์ อุดชาชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสามพาดได้เสนอขอรับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีปรับปรุงซ่อมแซมถนนสาย อด.3042 ระยะทาง 6 กิโลเมตร ผ่าน 2 ตำบล คือ ตำบลห้วยสามพาด 4 กิโลเมตร และตำบลนาม่วง 2 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนสัญจรไปมาติดต่อกับส่วยราชการ และเป็นเส้นทางหลักที่ นักเรียนใช้เดินทางมาเรียนหนังสือ




ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ