วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

วัฒนธรรมจังหวัดเลยจัดโครงการไหว้พระ 9 วัด

นายสัมฤทธิ์ สุภามา ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเลย  เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ และมอบนโยบาย ให้หน่วยงานราชการทุกสังกัดปฏิบัติภายใต้แนวคิด "ประเทศไทยก้าวไกลไร้ทุจริต และต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น"  ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงและความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ สังคม  และสื่อการเทคโนโลยี  มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สังคมบริโภควัตถุนิยมและแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดปัญหาทางสังคมด้านต่างๆ ที่สำคัญที่สุด สังคม องค์กรของภาครัฐ และภาคเอกชนไม่มีเวลาเข้าวัดศึกษาหลักธรรม   ทางศาสนา เพื่อนำไปพัฒนาตนเองและบุคลากรในหน่วยงานให้มีคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนนำไปใช้ในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้อย่างถูกต้อง

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย มีนโยบายให้หน่วยงานทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยใช้มิติทางศาสนามาพัฒนาการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพตลอดจนสร้างจิตสำนึก มีคุณธรรมจริยธรรม โดยนำหน่วยงานราชการ องค์กรทุกภาคส่วน ไปสักการะบูชา  ฟังเทศน์ที่วัดในเทศกาลเข้าพรรษา จึงได้กำหนดจัดทำโครงการไหว้พระ 9 วัด ประจำปี 2556     เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานทุกสังกัด  ได้นำหลักธรรมทางศาสนา มาปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ทำบุญไหว้พระ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว  เริ่มจากวัดศรีบุญเรืองของเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย ไปสิ้นสุดที่วัดศรีอภัยวัน ของหลวงปู่ท่อน ญานธโร

สภาเด็กและเยาวชนศรีสะเกษ จัดกิจกรรมเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556

วันนี้ (13 กันยายน 2556) ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายนิวัฒน์ น้อยผาง นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดงานฯขึ้น โดยมีนายพงษ์ภัค มงคลชัยพาณิชย์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมกิจกรรม ให้การต้อนรับ ซึ่งสภาเด็กและเยาวชนศรีสะเกษ ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันเยาวชน แห่งชาติ ประจำปี 2556 ตามโครงการ "มหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2556” ภายใต้ชื่อ "รวมพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้านภัยยาเสพติด จุดประกายความเลิศสู่อาเซียน” และองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี พุทธศักราช 2528 เป็นปีเยาวชนสากล เพื่อมุ่งเน้นให้หนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 15-25 ปี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของตนเองเพื่อที่จะเป็นพลังในการพัฒนาประเทศในอนาคต เราสามารถช่วยส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2528 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 20 กันยายน ของทุกปี เป้ฯวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์สองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ซึ่งทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จึงถือได้ว่าเป็นวันสิริมงคลที่เยาวชนควรสำนึกในพะรมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ทั้งสองพระองค์ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ "วันเยาวชนแห่งชาติ” จึงร่วมกับองค์การบริการส่วนจังหวัดศรีสะเกษ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ กำหนดจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติจังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2556 ภายใต้ชื่อ "รวมพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้านภัยยาเสพติด จุดประกายความเลิศสู่อาเซียน” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน รวมทั้งให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสแสดงออกถึงความสามารถในด้านต่างๆ อีกทั้งได้ตระหนักถึงวินัย และหน้าที่ของตนเอง เป็นการรวมพลังกลุ่มเด็กและเยาวชน
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 2,000 คนเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีกิจกรรมมากมาย ประกอบด้วย การออกบูทนิทรรศการ, การแสดงเยาวชนศรีสะเกษร่วมใจ เทิดไท้องค์ภูมินทร์, การแสดง B-boy OSCC 1300 จังหวัดศรีสะเกษ, การมอบโล่เชิดชูเกียรติ "บุคคลดีเด่นเมืองศรี แบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน”, มอบเกียรติบัตร เชิดชูเกียรติเยาวชนดีเด่นจังหวัดศรีสะเกษ และบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน, มอบเกียรติบัตร โรงเรียนที่มีการดำเนินขับเคลื่อนกิจกรรมสู่โรงเรียนสีขาว ปลอดเหล้า บุหรี่ สิ่งเสพติด และอบายมุข เพื่อการสร้างสรรค์เยาวชน และมอบเกียรติบัติ หน่วยงานและบุคคลที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมเด็กและเยาวชน, การแสดง เปิดตัวเพลงพลังเยาวชนศรีสะเกษ จากโครงการ Neo stars project 2, การแสดงสุนทรพจน์ เรื่อง เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด จุดประกายความคิดสู่อาเซียน, การแสดงโต้วาที, การแสดง B-boy TO BE NUMBER ONE, การแสดงร้องเพลงประกอบจินตลีลา จากโครงการ Neo stars project 2 และการแสดงจากศิลปินนักร้อง เสถียร ทำมือ, ข้าวทิพย์ ธิดาดิน, เอิ้นขวัญ วรัญญา, ต้นคูณ อนันตา และทองไท วรยุทธ 

เมืองลำดวน เฟ้นหา เพลงประจำการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ศรีสะเกษเกมส์

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ก.ย. 56 ที่ห้องปฏิบัติการรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสนิท ขาวสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในการประชุมร่วมกับคณะกรรมการประกวดเพลงประจำการแข่งขัน กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ศรีสะเกษเกมส์ ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 23 มีนาคม 2557 ภายใต้คำขวัญ กีฬาสร้างสรรค์ สมานฉันฑ์สร้างชาติ สำหรับวาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือการพิจารณาเพื่อคัดสรรเพลงประจำการแข่งขันกีฬาฯ ศรีสะเกษเกมส์ ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้จัดทำการประกวดขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงาน และเป็นส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งหมดเขตการรับผลงานตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2556 โดยมีประชาชนผู้สนใจ จากทั่วประเทศ ส่งบทเพลงเข้าร่วมประกวด จำนวน 18 ราย ซึ่งหลักเกณฑ์การประกวดจังหวะเพลง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย จังหวะมาร์ช และจังหวะทั่วไป ซึ่งเนื้อหาของเพลงต้องมีสาระเนื้อหาเกี่ยวกับจังหวัดศรีสะเกษ และการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ โดยมีความยาวไม่เกิน 4 นาที ทั้งนี้ สำหรับผลการประกวดเพลงประจำการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ศรีสะเกษเกมส์ จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 15 กันยายน 2556 และผลงานเพลงของประชาชนท่านใด ที่ชนะใจกรรมการ ทั้ง 2 ประเภท จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่เชิดชูเกียรติ

ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นการรณรงค์งดจับสัตว์น้ำเนื่องในวันประมงแห่งชาติ 1 ล้านตัว

เมื่อเวลา 10.0 น. 12 กันยายน 2556 ที่บริเวณหนองน้ำสาธารณะประโยชน์หนองน้ำบ้านแต้ หมู่ที่ 1 ตำบลแต้ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ นายสนิท ขาวสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงหนองน้ำสาธารณประโยชน์หนองน้ำบ้านแต้ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 ภายใต้ชื่องาน "รวมพลคนตำบลแต้ ร่วมเผยแพร่พันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และรณรงค์การอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้มีความอุดมสมบูรณ์สืบไป และขอความร่วมมือกับชาวประมง งดจับสัตว์น้ำในวันประมงแห่งชาติ 1 วัน โดยมี นายกำจัด ราชคำ ประมงจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ นายกำจัด กล่าวว่า สำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2549 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ให้วันที่ 21 กันยายน ของทุกปี เป็นวันประมงแห่งชาติ ประกอบกับเป็นวัน สถาปนากรมประมงด้วย โดยที่ประบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชโองการ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2469 ให้ตั้งกรมการสัตว์น้ำขึ้น ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกรมการประมง ตามลำดับ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้มี ข้าราชการ กลุ่มผู้นำชุมชน อพปร. กลุ่มพลังมวลชน นักเรียน และพี่น้องประชาชนชาวตำบลแต้ ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา ลงในหนองน้ำสาธารณะประโยชน์หนองน้ำบ้านแต้ หมู่ที่.1 ตำบลแต้ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ จำนวนทั้งสิ้น 400,009 ตัว (สี่แสนเก้าตัว) ประกอบด้วย ปลาตะเพียนขาว, ปลานิล, ปลายี่สกเทศ, ปลาดุก, ปลาสวาย และปลาไน ซึ่งนอกจากากรปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ในหอนงน้ำสาธารณบ้านแต้ แห่งนี้แล้ว ยังได้มีการอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ชุมชน และโรงเรียนต่างๆ เพื่อปล่อยในแหล่งน้ำชุมชนอีก 600,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 1,000,000 ตัว (หนี่งล้านตัว) 

จังหวัดสระแก้ว จัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์และ “สระแก้วผูกใจประสานให้บริการประชาชน”

วันนี้ (13 ก.ย. 56) นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วนออกหน่วยให้บริการประชาชน ตามโครงการ"หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” และกิจกรรม "สระแก้วผูกใจประสาน ให้บริการประชาชน” ประจำทุกเดือนกันยายน 2556 ณ วัดบ่อนางชิง หมู่4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ได้จัดให้มีเทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์และหลังจากนั้นเป็นพิธีเปิดโครงการ ซึ่งเป็นการออกหน่วยของส่วนราชการ มีการให้บริการในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งยังแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินให้แก่ผู้ด้อยโอกาส และยากจน เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อกับหน่วยงานของทางราชการได้อย่างถูกต้อง สำหรับการจัดกิจกรรม "สระแก้ว ผูกใจประสานให้บริการประชาชน” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ได้รับทราบปัญหาความต้องการที่แท้จริงของประชาชน และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุก ๆ ด้านซึ่งปัญหาในพื้นที่ตำบลห้วยโจดประสบอยู่จะเป็นเรื่องของถนนและน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคซึ่งทางผู้ว่าได้ให้ทุกอำเภอได้สำรวจพื้นที่ของตัวเองเพื่อนำมาหาวิธีในการแก้ปัญหาต่อไป อีกทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้สะดวก รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ในการเดินทางมาติดต่อราชการ และลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในภาระเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างส่วนราชการกับประชาชนพื้นที่ อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่และชุมชน

สระแก้วแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคี

ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดสระแก้ว นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีระหว่างหัวหน้าส่วนราชการโดยเป็นการแข่งขันกีฬาร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนราชการทุกภาคส่วนเพื่อเป็นการเชื่อมความสามัคคีพร้อมทั้งให้บุคลากรของหน่วยงาน ได้มีโอกาสพบปะกันโดยใช้กีฬาเป็นสื่อเชื่อมความสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความสามัคคี มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการออกกำลังกายให้ร่างการแข็งแรงมีสุขภาพจิตที่ดี

ส่วนกิจกรรมกีฬาที่ใช้ในการการแข่งขัน ประกอบด้วย กอล์ฟ วีไอพี กอล์ฟโลโซ วิ่งผลัดกระสอบ วิ่งพลัดไม้ผลัด วอลเล่ย์บอลน้ำพร้อมทั้งฟุตบอลคู่พิเศษและการประกวดกองเชียร์

จังหวัดอำนาจเจริญจัดประชุมร่วมคณะสงฆ์และฝ่ายฆราวาสเตรียมพร้อมการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ ๑๙๙ รูป เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖

วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖  ที่ห้องประชุมพระมงคลมิ่งเมือง ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ได้มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการีที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับคณะสงฆ์จากทุกอำเภอของจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อปรึกษาหารือและเตรียมความพร้อมดำเนินโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ ๑๙๙ รูป เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และฉลองครบรอบ ๒๐ ปี จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระราชปรีชาญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ทั้งนี้ จังหวัดอำนาจเจริญ กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองครบ ๒๐ ปีการจัดตั้งเป็นจังหวัดในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญคือ โครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ ๑๙๙ รูป เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยกำหนดจัดพิธีอุปสมบท ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๖  ณ วัดเสลาราม ตำบลห้วย อำเภอปทุมราชวงศา โดยมีการเปิดรับสมัครผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนาเข้าอุปสมบทตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ พร้อมเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาเป็นเจ้าภาพกองบวช หรือร่วมบริจาคถวายภัตตาหาร น้ำปานะ อาหารโรงทานผู้ที่ไปร่วมงาน ตลอดช่วงเวลาของการจัดงาน

สำหรับกิจกรรมงานครบรอบ ๒๐ ปีของการจัดตั้งเป็นจังหวัดใช้ชื่อว่า "ฉลองซาวปี ฮุ่งเฮือง เมืองอำนาจ” ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการและการแสดงฮีตสิบสอง ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ  การโยงสายสิญญจน์ ประดับธงทิว  การเจริญพระพุทธมนต์ / การปฏิบัติธรรมเจริญจิตภาวนา (สวดมนต์ข้ามคืน) ของชาวจังหวัดอำนาจเจริญทั้งจังหวัด ในคืนวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖  และการทำบุญตักบาตร ในเช้าวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖  ณ พุทธอุทธยานพระมงคลมิ่งเมือง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โอกาสที่เป็นมงคลนี้จังหวัดอำนาจเจริญขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญและผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนา ร่วมในกิจกรรมหรือบริจาคทำนุบำรุงศาสนาตามแต่ศรัทธาโดยทั่วกัน



สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ. /ข่าว

จังหวัดอำนาจเจริญออกแบบตราสัญลักษณ์ในการจัดงานเฉลิมฉลองก่อตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ ครบ ๒๐ ปี

จังหวัดอำนาจเจริญออกแบบ          LOGO สัญลักษณ์การจัดงานเฉลิมฉลองจังหวัดอำนาจเจริญ จัดตั้งมาครบ ๒๐ ปี ในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ นี้

เวลา ๐๙.๒๐ น. วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖  ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้มีการประชุมคณะกรรมการเตีรยมจัดงานเฉลิมฉลองจังหวัดอำนาจเจริญ ครบ ๒๐ ปี โดยมีนางพวงคำ ทองทั่ว วัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธาน ทั้งนี้เพื่อร่วมกันพิจารณาออกแบบตราสัญลักษณ์ หรือ โลโก้ การจัดงาน  ทั้งนี้จังหวัดอำนาจเจริญ เดิมเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๖  และในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่จะถึงนี้ก็จะครบ ๒๐ ปี ทางนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดอำนาจเจริญทุกหมู่เหล่า กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองของการครบรอบ ๒๐ ปี ขึ้น  โดยจะมีการจัดกิจกรรมเฉลอมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลโดยจะยึดถือแนวทางวิถีธรรมของชาวอำนาจเจริญมาเป็นแนวทางทางในการจัดงาน ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

เพื่อให้การประชาสัมพันธ์การจัดงานเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้รับทราบทางจังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานราชการและผู้มีความรู้เรื่องความเป็นมาของจังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมกันคิดออกแบบ ตราสัญลักษณ์ การจัดงานครบ ๒๐ ปี เพื่อสื่อถึงอัตลักษณ์ที่โดดเด่นและดีงามของชาวจังหวัดอำนาจเจริญ  โดยในการจัดงานได้มีการตั้งชื่อการจัดงานเป็นสำเนียงภาษาอีสานว่า "ฉลองซาวปี ฮุ่งเฮือง เมืองอำนาจ” และเห็นชอบรูปแบบตราสัญลักษณ์โดยมีรูปลายเส้นพระมงคลมิ่งเมือง ตรงฐานพระมีรวงข้าวหอมมะลิรองรับ และมีเลข ๒๐ ประดับด้วยดอกจานส้ม ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ส่วนด้านล่างของตราสัญลักษณ์ ก็จะเป็นชื่องาน  โดยในที่ประชุมได้มีการแสดงความเห็นอย่างสอดคล้องกัน ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงตัวตนของจังหวัดอำนาจเจริญได้ ซึ่งหลังจากได้รูปแบบที่สมบูรณ์นี้แล้วก็จะได้นำเสนอให้คณะกรรมการระดับจังหวัดให้การพิจารณาก่อนนำไปใช้เป็นทางการต่อไป



สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ. /ข่าว

จังหวัดอำนาจเจริญเดินหน้าลดอุบัติเหตุทางถนนเตรียมจัดทำป้ายรณรงค์เชิญชวนประชาชนร่วมกันป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

หน่วยงานราชการในจังหวัดอำนาจเจริญ เดินหน้าสนองนโยบายรัฐบาลรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุเตรียมใช้มาตรการทั้งการให้ความรู้ และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการส่งเสริมสวมหมวกนิรภัยและจัดทำป้ายรณรงค์ เตือนสติผู้ใช้ถนนเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ

วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖  ที่ห้องประชุมฝ้ายขิดคำพระ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ นายวิฑูรย์ ศิริบูลย์ภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดอำนาจเจริญ ครั้งที่ ๖ / ๒๕๕๖ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยทางถนน เพื่อนำข้อมูลและสภาพปัญหามาวิเคราะห์พร้อมพิจารณาหาทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการลดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดอำนาจเจริญ  โดยมีนายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอำนาจเจริญ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กรมการปกครอง สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจภูธรจังหวัด ภาคเอกชน และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมประชุมหารือและรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและเป้าหมายที่จะทำงานให้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้หยิบยกนโยบายของรัฐบาลที่ขยายระยะเวลาโครงการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ออกไปอีก ๓ ปี ( ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ซึ่งกำหนดเป้าหมายให้เพิ่มอัตราการสวมหมวกขึ้นอย่างน้อยร้อยละ ๒๐  โดยเน้นในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาและกลุ่มวัยใช้แรงงาน ซึ่งได้มีมติร่วมกันจะนำมาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมายมาใช้ ควบคู่ไปกับการอบรมให้ความรู้ปลุกจิตสำนึก แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ตระหนักถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะการเคารพกฎจราจร การสวมหมวกนิรภัย  นอกจากนี้ ศูนย์ลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนหนึ่งที่ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันและลดอุบัติเหตุมาตลอด ได้จัดทำโครงการจัดทำป้ายบอกทางสถานที่สำคัญ และจะจัดทำป้ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ติดตั้งในจุดเสี่ยง เพื่อเป็นสื่อเตือนสติผู้สัญจรบนทางถนนได้คำนึงถึงกฎจราจร และการใช้รถบนทางถนนด้วยความปลอดภัย



สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ. /ข่าว

อุดรธานีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำร่วมเฉลิมฉลอง 121 ปีอุดรธานีและเนื่องในวันประมงแห่งชาติประจำปี 2556

สำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ อำเภอสร้างคอม ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอุดรธานี จัดพิธีปล่อยพันธ์สัตว์น้ำร่วมเฉลิมฉลอง 121 ปี อุดรธานี และเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556

ที่ อ่างน้ำพานหมู่ที่ 4 และ 12 ตำบลสร้างคอม อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี เช้าวันนี้ ( 12 ก.ย.56 ) นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการเป็นประธานพิธีปล่อยพันธ์สัตว์น้ำร่วมเฉลิมฉลอง 121 ปี อุดรธานี และเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 โดยมีนายคนึง มีพรหม นายอำเภอสร้างคอม ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน นักเรียน ในพื้นที่อำเภอสร้างคอมร่วมพิธี

นายพรศักดิ์ ศักดิ์ธานี ประมงจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า อำเภอสร้างคอมเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสภาพแหล่งน้ำที่มีแม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบกันที่อ่างน้ำพาน และเชื่อมต่อลำห้วยหลวง จึงเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ ดังคำขวัญอำเภอสร้างคอมที่ว่า "ต้อนคอม พร้อมบ่อน้ำ หัตถกรรมฟูเฟื่อง ลือเลื่องแหล่งปลาชุม ลุ่มน้ำปลาชะโด โอชาปลาร้าหอม เพียบพร้อมประเพณี” ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ได้มีการก่อสร้างฝายเก็บน้ำแบบถาวรที่อ่างน้ำพานเกิดเป็นอ่างเก็บน้ำพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวงจรชีวิตของปลาชนิดต่างๆจากลำห้วยหลวงและแม่น้ำโขง ประกอบกับการทำการประมงผิดวิธีและมากเกินกว่ากำลังการผลิตของธรรมชาติ เป็นเหตุให้จำนวนสัตว์น้ำลดน้อยลงตามลำดับ

อำเภอสร้างคอม ร่วมกับ เทศบาลตำบลสร้างคอม องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดา องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะอาด สำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานี และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จึงจัดทำโครงการธนาคารกลางชุมชนอ่างน้ำพาน หรือ NAM PAN FISH BANK เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 121 ปี อุดรธานี และเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้วันที่ 21 กันยายน ของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ กิจกรรมในวันนี้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือการดำเนินกิจการธนาคารปลาชุมชน โดยการประกาศพื้นที่อนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำในอ่างน้ำพาน ประมาณ 400 ไร่ จัดทำแนวเขตอนุรักษ์ บริหารการจับสัตว์น้ำในอ่างน้ำพานและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำอย่างต่อเนื่อง ระหว่างสำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานี นายอำเภอสร้างคอม นายกเทศมนตรีตำบลสร้างคอม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะอาด โดยมีนายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน พิธีเปิดป้ายเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำอ่างน้ำพาน พิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงในอ่างน้ำพาน ซึ่งพันธุ์สัตว์น้ำที่นำมาปล่อยในวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอุดรธานีจำนวน 300,121 ตัว อาทิ ปลายี่สกเทศ 300,000 ตัว ปลกาดำ 100 ตัว และ ปลาตะเพียนขาว 21 ตัว



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมร่วมมือป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกับแขวงสาละวัน สปป.ลาว

อุบลราชธานี : เห็นชอบให้มีความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบผลิต ค้าขายและเสพยาเสพติด ตามชายแดน โดยการประสานงานของคณะประสานงานชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกันรวมทั้งการจัดทำทะเบียนเรือ กำหนดท่าจอดตามลำแม่น้ำโขง,การประสานงานทางตำรวจ,ทหาร รวมทั้งการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้

เช้าวันนี้ (๑๓ ก.ย. ๕๖) ที่ห้องประชุมประทุมวรราช ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-ลาว ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน สปป.ลาว นำโดยท่านคำบุ่น ด้วงปันยา เจ้าแขวงสาละวัน ซึ่งที่ประชุมได้หารือ ถึงการร่วมมือในการป้องกันและปราบรามยาเสพติด ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้มีการร่วมมือทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการลักลอบผลิต ค้าขายและเสพยาเสพติดตามชายแดน โดยให้มีการหารือร่วมกันระหว่างคณะประสานงานชายแดนอำเภอและเมืองที่มีชายแดนติดต่อกันในการจัดทำทะเบียนเรือ การกำหนดท่าจอดเรือตามหมู่บ้านของทั้งสองฝ่ายให้มีความชัดเจน นอกจากนี้ยังให้ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการลาดตระเวนตรวจพื้นที่ชายแดนของตน เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยทางทหาร ตำรวจ เพื่อหารือกำหนดวิธีการรายละเอียดในการตรวจตราลาดตระเวนร่วมกันหรือคู่ขนาน ตามลำแม่น้ำโขง เพื่อสกัดกั้นและควบคุมยาเสพติด ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีการประชุมว่าด้วยความร่วมมือในการปราบรามาเสพติด ครั้งที่ ๖ ระหว่างไทย –ลาว ที่แขวงจำปาสัก สปป.ลาว เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๔๖ และการประชุมทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ระหว่างไทย – ลาว ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๕

ภายหลังการประชุม นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และ ท่านคำบุ่น ด้วงปันยา เจ้าแขวงสาละวัน ได้ร่วมลงนามในบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบตามแนวชายแดนไทย – ลาว ครั้งที่ ๘ ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๑๓ ก.ย.๕๖

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบตามแนวชายแดนไทย – ลาว ครั้งที่ ๘

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบตามแนวชายแดนไทย – ลาว ครั้งที่ ๘ อุบลราชธานี

ร่วมประชุมกับแขวงสาละวัน สปป.ลาว หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทบทวนการปฏิบัติตามบันทึกความร่วมมือ ในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน,การเดินทางข้ามชายแดน การแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ,การพัฒนาจุดผ่านแดนและการจัดระเบียบสัญจรตามบริเวณชายแดน,การร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,การส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือด้านแรงงานในการพัฒนาฝีมือแรงงานและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์,การร่วมมือในการรักษาป้องกันตลิ่งพังและการแก้ไขปัญหาตามลำแม่น้ำโขง,การส่งเสริมสนับสนุนการร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เช้าวันนี้ (๑๓ ก.ย. ๕๖) ที่ห้องประชุมประทุมวรราช ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-ลาว ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน สปป.ลาว นำโดยท่านคำบุ่น ด้วงปันยา เจ้าแขวงสาละวัน ซึ่งที่ประชุมได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทบทวนการปฏิบัติตามบันทึกการประชุมคณะกรมการฯ ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๒๙-๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ แขวงสาละวัน สปป.ลาว พร้อมทั้งหารือถึงแนวทางปฏิบัติในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยให้ทั้งสองฝ่ายให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงการปฏิบัติตามกฎหมายรวมทั้งไม่อนุญาตให้ใช้กำลังทางทหาร ตำรวจ ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวลาดตระเวนล่วงล้ำดินแดน ยกเว้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัย,การเดินทางข้ามชายแดน การแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ซึ่งจะมีการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้เดินทางเข้า-ออก ที่ประกอบอาชีพสุจริต ทั้งการจัดระเบียบเรือและการเดินเรือตามลำแม่น้ำโขงและการตรวจตราบุคคลสองสัญชาติ หากพบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน, การพัฒนาจุดผ่านแดนและการจัดระเบียบสัญจรตามบริเวณชายแดน ซึ่งรัฐบาลลาว ได้ยกระดับด่านปากตะพาน เมืองละครเพ็ง แขวงสาละวัน ให้เป็นด่านท้องถิ่นและให้มีการทบทวนการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านท่าคันเกวียน ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม กับด้านประเพณีบ้านคันทุงไซ เมืองคงเซโดน

ส่วนการร่วมมือในการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติด นั้น ให้มีการจัดทำทะเบียนเรือ กำหนดท่าจอดเรือตามหมู่บ้านชายแดนให้ชัดเจน ทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและร่วมปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,การส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือด้านแรงงานในการพัฒนาฝีมือแรงานและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่นมีการสัมมนา ฝึกอบรมด้านวิชาการ การทัศนศึกษา การแลกเปลี่ยนด้านศิลปวัฒนธรรม การสาธารณสุขและการกีฬา, การร่วมมือในการรักษาป้องกันตลิ่งพังและการแก้ไขปัญหาตามลำแม่น้ำโขง, การส่งเสริมสนับสนุนการร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น เช่นการจัดคู่ธุรกิจด้านเกษตรกรรมรวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งและการกำหนดอัตราค่าปรับตามกฎหมายในอัตราต่ำสุดบุคคลที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งไทย-ลาว ที่ออกนอกเขตที่อนุญาตและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่นศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ ๖ อุบลราชธานี-สาละวัน โดยให้มีการประชุมหารือระดับเจ้าหน้าทีทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ภายหลังการประชุม นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และ ท่านคำบุ่น ด้วงปันยา เจ้าแขวงสาละวัน ได้ร่วมลงนามในบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบตามแนวชายแดนไทย – ลาว ครั้งที่ ๘ ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๑๓ ก.ย.๕๖

ร้อยเอ็ดเกมส์ชิงชัย 10 วัน โคราช 81 ทอง ขณะที่ร้อยเอ็ดเจ้าภาพ 15 ทอง อันดับ 7 ตัวแทนภาค 3

ผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่ 42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ชิงชัย 10 วัน   จังหวัดนครราชสีมา  81  เหรียญทอง  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพคว้า  15 ทอง ติดอันดับ 7  ของภาค 3  พร้อมเปิดตัว มวยไทยสมัครเล่น2 เหรียญทอง และมวยสากลสมัครเล่น 2 เหรียญทอง เป็นตัวแทนภาค 3

ช่วงเช้าที่ผ่านมา  (12 ก.ย. 56) นายปราโมทย์  เอกก้านตรง  ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  เปิดแถลงข่าวสรุปผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ระหว่างวันที่  2 –12  กันยายน  ที่ผ่านมา  ชิงชัย  10  วัน ปรากฏว่า   จังหวัดนครราชสีมา  นำ  81 เหรียญทอง, จังหวัดศรีสะเกษ  42  เหรียญทอง   จังหวัดอุบลราชธานี  38 เหรียญทอง, ตามลำดับ  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพได้  15  เหรียญทอง  ติดอันดับ  7  ของตัวแทนภาค  3  จังหวัดที่ไม่ได้เหรียญทองได้แก่  จังหวัดหนองบัวลำภู  6  เหรียญเงิน  8 ทองแดง สำหรับการแข่งขันในวันนี้ (12 ก.ย. 56)  มีการแข่งขัน 10  ชนิดกีฬา  ได้แก่  เทนนิส,  บิลเลียต- สนุกเกอร์,วอลเลย์บอล , วอลเลย์บอลชายหาด, เรือพาย, ฮอกกี้,ฟุตซอล, บาสเกตบอล และวูซู

และในเวลา 10.40 น. นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เดินทางมาให้กำลังใจนักกีฬา ที่ได้รับเหรียญทองและเหรียญอื่นๆ ณ ศูนย์  Press  Center    "ร้อยเอ็ดเกมส์" พร้อมกล่าวว่าขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกคน และพร้อมที่จะไปเชียร์ นักกีฬาร้อยเอ็ดที่เป็นตัวแทนภาค 3 ที่ สุพรรณบุรีเกมส์ อีกด้วย




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-257117

ทม.ร้อยเอ็ดทำบุญโรงฆ่าสัตว์ ประจำปี 2556

วันที่ 12 กันยายน 2556 ที่ โรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ดร.นุชากร มาศฉมาดล ดร.วัฒนพงษ์ ชิตทรงสวัสดิ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ประธานสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเจ้าหน้าที่สังกัดเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ประชาชน ร่วมกันทำบุญตักบาตร เลี้ยงพระ เนื่องในวันทำบุญโรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ทั้งนี้เพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้กับเจ้ากรรมนายเวรและสัพสัตวที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อองค์กร ผู้บริหาร พนักงาน อีกด้วย..

รพ.สต.เมืองบัว คว้า “หนึ่งเดียว” รพ.สต. ดีเด่น ระดับเขต ปี ๕๖

นายแพทย์สุระ  วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ ๗  ได้กำหนดให้มีการจัดประกวดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีเด่นระดับเขต เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ปฏิบัติงานดีเด่น และเพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพระบบบริการปฐมภูมิอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ในการนี้ หน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดทุกแห่ง ได้พร้อมใจกันคัดเลือกและส่งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองบัว อำเภอเกษตรวิสัย เข้าร่วมการประกวดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีเด่น ระดับเขตสุขภาพที่ ๗ ประจำปี ๒๕๕๖

และเมื่อวันอังคารที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖   โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองบัว ก็สามารถคว้าตำแหน่ง "หนึ่งเดียว” โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีเด่น ระดับเขตสุขภาพที่ ๗ ประจำปี ๒๕๕๖มาครอง ตามประกาศผลการประกวดของคณะกรรมการฯซึ่งนำโดยนายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ  สาธารณสุขนิเทศก์  เขตสุขภาพที่ ๗ กระทรวงสาธารณสุขและคณะจาก "ร้อยแก่นสารสินธุ์” (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์)

นางระเบียบ  โนริรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองบัวและคณะเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและนำเสนอผลการดำเนินงานที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยได้มีการพัฒนาคุณภาพตามภารกิจของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ การรักษาพยาบาล การควบคุมป้องกันโรค           การฟื้นฟูสภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้ง การพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยเน้นการบริการเชิงรุก ให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันตลอดจนการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเอง ในครั้งนี้ คณะกรรมการได้สัมผัสถึงบรรยากาศต้อนรับอันอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงรำพื้นเมือง การจัดนิทรรศการมีชีวิต ภูมิทัศน์ที่สวยสดงดงามและหลากหลายดูไม่เบื่อ แม้กระทั่งผลงานก็เป็นอันเป็นที่ประจักษ์อย่างสุดยอดจริงๆ

อปท.จัดแข่งขันพัฒนาการบริหารจัดการศึกษา โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่น (SBMLD)

นายวัลลภ  พริ้งพงษ์  อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  เป็นประธานเปิดการแข่งขันกิจกรรมโครงการพัฒนาการบริหารจัดการศึกษา  โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่น  (School  Based  Management  for  Local  Development:  SVMLD)  เมื่อช่วงเย็นวันที่  12  กันยายน  2556  ณ  บริเวณบึงพลาญชัยจังหวัดร้อยเอ็ด  โดยมีนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดและคณะให้การต้อนรับ

นายวัลลภ  พริ้งพงษ์  อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  กล่าวว่า  ปัจจุบันมีโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  จำนวน  8,805  แห่ง  เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการศึกษาในระบบจำนวน  1,437  แห่ง  และนอกระบบจำนวน  7,308  แห่ง  กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  ได้กำหนดให้การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่น  เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสถานศึกษาให้สามารถพัฒนาเด็ก  เยาวชน  และประชาชนในท้องถิ่นได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต  ทั้งการศึกษาในระบบ  การศึกษานอกระบบ  และการศึกษาตามอัธยาศัย  มุ่งสู่ความเป็นเลิศตามอัจฉริยภาพของแต่ละบุคคล  อันจะส่งผลให้ประชาชนในท้องถิ่นเป็นคนดี  มีอาชีพสุจริต  สามารถดำรงชีวิตอยู่ในท้องถิ่นได้อย่างมีความสุข

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ตามที่รัฐบาล  ฯพณฯ  นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ  เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ  ซึ่งจะต้องจัดการศึกษาให้เด็ก  เยาวชน  และประชาชน  มีอาชีพและรายได้  สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีวัสดุ  อุปกรณ์  สื่อการเรียนรู้เป็นจำนวนมาก  และประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก  จึงควรส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้สถานศึกษาในสังกัดเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่นด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต

นายบรรจง  โฆษิตจิรนันท์  นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด  กล่าวว่า  การจัดแข่งขันกิจกรรมตามโครงการพัฒนาการบริหารจัดการศึกษา  โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่น  SBMLD  ระดับประเทศ  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้โรงเรียนจัดฝึกอบรมให้ความรู้ตามความต้องการของเด็ก  เยาวชน  ให้มีทักษะชีวิตและได้รับการพัฒนาให้มีความเป็นเลิศด้านอาชีพ  จนสามารถประกอบอาชีพในท้องถิ่นได้  และเพื่อเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษา  ภูมิปัญญาท้องถิ่น  และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น

หลังจากนั้น ได้ ร่วมกันเดินชมกิจกรรมนักเรียน ที่จัดการแข่งขันแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา  มัธยมศึกษาตอนต้น  และมัธยมศึกษาตอนปลาย  มีการประกวดทำอาหาร  ประกวดทำขนม  ประกวดประดิษฐ์ของใช้และของที่ระลึก  ประกวดอาชีพบริการนวดเพื่อสุขภาพ  และประกวดอาชีพบริการตัดผมชาย/หญิง  โดยมีโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ  จำนวน  184  แห่ง




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117

ร้อยเอ็ดเกมส์ โคราช แชมป์ 120 เหรียญทอง อุบลฯ 62 ทอง เจ้าภาพร้อยเอ็ด 17 ทอง เสมอบุรีรัมย์

ผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่ 42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ชิงชัย 11 วัน ระหว่างวันที่  2 –12  กันยายน 2556  จังหวัดนครราชสีมา  ได้แชมป์  120  เหรียญทอง  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพคว้า  17 เหรียญทอง เสมอบุรีรัมย์ ติดอันดับ 9  เป็นตัวแทนภาค 3   เข้าชิงชัยสุพรรณบุรีเกมส์ ต้นปีหน้า

ช่วงเช้าที่ 13กันยายน 2556  นายปราโมทย์  เอกก้านตรง  ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด   กล่าวว่า ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด ได้สรุปผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ระหว่างวันที่  2 –12  กันยายน  ที่ผ่านมา  ชิงชัย  11  วัน ปรากฏว่า   จังหวัดนครราชสีมาได้แชมป์  120 เหรียญทอง 68  เหรียญเงิน 36 เหรียญทองแดง , จังหวัดอุบลราชธานี  62 เหรียญทอง 35 เหรียญเงิน 47 เหรียญทองแดง , จังหวัดศรีสะเกษ  56  เหรียญทอง 37 เหรียญเงิน 41 เหรียญทองแดง,จังหวัดขอนแก่น 38  เหรียญทอง 54 เหรียญเงิน 49 เหรียญทองแดง,  สุรินทร์  34  เหรียญทอง  40 เหรียญเงิน 23 เหรียญทองแดง, สกลนคร 21  เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 17 เหรียญทองแดง,อำนาจเจริญ  20  เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง,    มหาสารคาม  19  เหรียญทอง   31  เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง, บุรีรัมย์ 17 เหรียญทอง 22  เหรียญเงิน 14 เหรียญทองแดง,  ร้อยเอ็ด 17 เหรียญทอง  22 เหรียญเงิน 14  เหรียญทองแดง, นครพนม 15 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง, อุดรธานี  12 เหรียญทอง 24  เหรียญเงิน 25 เหรียญทองแดง,ชัยภูมิ 12 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน 16 เหรียญทองแดง, หนองคาย 10 เหรียญทอง 11  เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง,  เลย  10 เหรียญทอง 3  เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง, กาฬสินธุ์ 7 เหรียญทอง 11   เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง,  หนองบัวลำภู  7  เหรียญทอง 7  เหรียญเงิน  9  เหรียญทองแดง, บึงกาฬ 6 เหรียญทอง 5  เหรียญเงิน 11 เหรียญทองแดง, ยโสธร  5  เหรียญทอง 11  เหรียญเงิน 20 เหรียญทองแดง, และมุกดาหาร  2  เหรียญทอง  1  เหรียญเงิน 0 เหรียญทองแดง,

ซึ่งนักกีฬาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง ทุกประเภทกีฬาจาก จังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน  จะได้เป็นของตัวแทนภาค  3    เข้าชิงชัย  ที่ สุพรรณบุรีเกมส์  ต้นปีหน้า ต่อไป




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ยโสธรจัดกิจกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ

จังหวัดยโสธรจัดกิจกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ  ที่ถนนคนเดิน เมืองเก่า  ๒00  ปี  บ้านสิงห์ท่า  อ.เมือง จังหวัดยโสธร    ที่เวทีกลาง ถนนคนเดินเมืองเก่า  ๒00  ปี  บ้านสิงห์ท่า  นายนิรันดร์  สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดงาน วันเยาวชนแห่งชาติ  ด้วยวันที่  ๒o  กันยายนของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ   เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล  พระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติขณะยังทรงพระเยาว์  รัฐบาลจึงกำหนดให้วันที่  ๒o  กันยายนของทุกปีเป็น "วันเยาวชนแห่งชาติ” เพื่อให้เยาวชนมีความกระตือรืนร้นที่จะพัฒนาตนเอง  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน  อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนและเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมของเยาวชน โดยให้สภาเด็กและเยาวชน  เป็นตัวขับเคลื่อน  ซึ่งการจัดงานในวันนี้มีสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดยโสธรเป็นผู้ริเริ่มในการจัดกิจกรรมต่างๆประกอบไปด้วย จัดการแสดงและนิทรรศการ  การให้ความรู้ด้านเยาวชน การมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่เด็ก,เยาวชนคนดีศรียโสธร 46 คน  พร้อมทั้งผู้ให้การสนับสนุน ดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆ และชมการแสดงของเด็กเยาวชนจากคุ้มต่างๆ

อบจ.ยโสธรฟื้นฟูผู้ติดยา

ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดยโสธร ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแนววิถีพุทธ ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร นายชัยภัทร   หิรัณยเลขา   รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน เปิดการอบรมฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแนววิถีพุทธ รุ่นที่ 4  ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ร่วมกับสำนักคุมประพฤติจังหวัดยโสธรนำหลักการทางพระพุทธศาสนามาใช้ในการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม โดยมีทั้งระบบสมัครใจและระบบต้องโทษ  วันนี้มีผู้ปกครองและญาติพี่น้องมาร่วมเป็นขวัญและกำลังใจ ในการเข้าค่ายบำบัดฟื้นฟูของผู้เสพยา  และครั้งนี้ มีผู้เสพผู้ติด เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูจำนวน 60 คน ใช้ระยะเวลา 15 วัน ใช้วัดเป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟู จำนวน 3 วัดได้แก่ วัดอัมพวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 20 คน วัดป่าบ้านค้อใต้ ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 20 คน และวัดบ้านเดิดตำบลเดิด อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 20 คน

วิทยาลัยเทคนิคยโสธร รับสมัครนักเรียน นักศึกษาระดับ ปวช. , ปวส. ภาคเรียนที่ 2

วิทยาลัยเทคนิคยโสธร ประสงค์รับสมัครนักเรียน นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 รับสมัครระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2556 ที่วิทยาลัยเทคนิคยโสธร สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.045-709106

ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 13 กันยายน 2556

ขนส่งจังหวัดมุกดาหารให้บริการชำระภาษีประจำปีในวันเสาร์แรงของทุกๆ เดือน

นายโอภาส พิเศษสกุลวงศ์ ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2557 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ถึงเดือนกันยายน 2557สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหารจะให้บริการชำระภาษีประจำปีในวันเสาร์แรกของทุกๆ เดือน ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่จะให้บริการ คือ รับชำระภาษีรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่จดทะเบียนในเขตจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดอื่น เช่น รถเก๋ง รถปิ๊กอัพ รถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ รถอีแต๋น ขอให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะชำระภาษีให้แนบหลักฐาน ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสำเนาคู่มือ หลักฐานแสดงการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ( พ.ร.บ. ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน ( ตรอ.) สำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วเกิน 5 ปี

ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายทะเบียนรถสำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร โทร 042-613028



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ จัดงานเชิดชูเกียรติสถานศึกษารางวัลพรราชทาน “ บันทึกเกียรติยศ ...ที่ภาคภูมิ”

วันนี้ (13 ก.ย. 56) คณะครู นักเรียน นักศึกษา ได้ร่วมขบวนแห่รางวัลพระราชทานจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ ไปสี่แยกวัดหนองบัว ผ่านสี่แยกศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ วิทยาลัยเทคนิตสุรินทร์ สู่หอประชุมสุรินทร์วัฒนา วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ โดยมี นายธงชัย มุ่งเจริญพร ประธานคณะกรรมการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานเชิดชูเกียรติสถานศึกษารางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา 2555 "บันทึกเกียรติยศ...ที่ภาคภูมิ " ในการรับรางวัล ต่าง ๆ มากมาย

นางชไมพร ตุ้มพงษ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ ได้กล่าวถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ โดยได้มีการพัฒนาการจัดการศึกษาที่มุ่งสู่คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ตามนโยบายการศึกษาเชิงปฏิรูปการจัดการเรียนรู้ทั้งระบบ โดยเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชนได้มีส่วนร่วมจัดการศึกษาในระบบปกติและระบบทวิภาคีให้มีมาตรฐานระดับสากลเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จากการดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่น สร้างความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทำให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยได้รับรางวัลในด้านต่างๆมากมาย อาทิ สถานศึกษาที่จัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสู่ความเป็นเลิศ 5 ดาว ระดับประเทศ ปี 2556 รางวัลสุดยอดส้วม ระดับประเทศ ปี 2555 จากกรมอนามัย วิทยาลัยนำร่องการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนภาคภาษาอังกฤษ รางวัลครูวิทยาศาสตร์ดีเด่นระดับประเทศ นักศึกษารางวัลพระราชทาน 3ปีซ้อน และรางวัลสถานศึกษาอาชีวศึกษา รางวัลพระราชทาน ปี การศึกษา 2555 นี้ นอกจากนี้ นางชไมพร ตุ้มพงษ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อำนวยการระดับสูง (ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในเร็ว ๆ นี้ด้วย นับว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ ประสบผลสำเร็จอย่างสูงสุด จึงจัดกิจกรรมรวบรวมผลงานเพื่อเชิดชูเกียรติและบันทึกเกียรติยศ...ที่ภาคภูมิ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกท่านร่วมใจกันพัฒนาสถานศึกษาให้ยั่งยืนตลอดไป

กกต.สุรินทร์ประกาศพร้อมแล้วในการจัดการเลือกตั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครบวาระทั้ง 90 แห่ง

นายยุทธนา วิริยะกิตติ ประธาน กกต. จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์พร้อมแล้วในทุกๆด้าน ทั้งสถานที่ หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ในการจัดการเลือกตั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครบวาระทั้ง 90 แห่ง โดยจังหวัดสุรินทร์ มีนายกและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน2556 รวมทั้งสิ้น 90 แห่ง กำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 19 ตุลาคม 2556 และได้เปิดรับสมัครเมื่อ 9 กันยายน เป็นตันมา และวันนี้ 13 กันยาน 2556 เป็นวันสุดท้าย ประกอบด้วย อ.เมืองสุรินทร์ ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.ตระแสง ตั้งใจ บุฤๅษี และ อบต.แสลงพันธ์, อ.ชุมพลบุรี ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.กระเบื้อง ไพรขลา ศรีณรงค์ และ อบต.หนองเรือ อ.ท่าตูม ครบวาระ 8 แห่ง มี อบต.กระโพ ท่าตูม บะ บัวโคก พรมเทพ โพนโครก หนองบัว และ อบต.หนองเมธี, อ.สำโรงทาบ ครบวาระ 9 แห่ง มี อบต.กระออม เกาะแก้ว ประดู่ ศรีสุข สะโน สำโรงทาบ เสม็จ หนองไผ่ล้อม และ อบต.หนองฮะ, อ.ปราสาท ครบวาระ 16 แห่ง มี อบต.กังแอน โคกยาง โคกสะอาด เชื้อเพลิง โชคนาสาม ตานี ตาเบา ทมอ ทุ่งมน บ้านไทร บ้านพลวง ปราสาททนง ปรือ ไพล สมุด และ อบต.หนองใหญ่ , อ.รัตนบุรี ครบวาระ 8 แห่ง มี อบต.กุดขาคีม แก ดอนแรด น้ำเขียว เบิด ไผ่ หนองบัวบาน และ อบต. ธาตุ เฉพาะสมาชิก อ.ศีขรภูมิ ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.ขวาวใหญ่ คาละแมะ ตรมไพร และ อบต. ระแงง, อ.เขวาสินรินทร์ ครบวาระ 4 แห่ง อบต.เขวาสินรินทร์ บ้านแร่ บึง และ อบต.ปราสาททอง , อ.กาบเชิง ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.คูตัน โคกตะเคียน ตะเคียน และ อบต.แนงมุด อ.พนมดงรัก ครบวาระ 4 แห่ง มี อบต.โคกกลาง จีกแดก ตาเมียง และ อบต.บักได, อ.บัวเชด ครบวาระ 5 แห่ง มี อบต.จรัส ตาวัง สะเดา สำเภาลูน และ อบต.อาโพน อ.จอมพระ ครบวาระ 6 แห่ง มี อบต.จอมพระ ชุมแสง บ้านผือ เป็นสุข ลุ่มระวี และ อบต.หนองสนิท อ.ลำดวน ครบวาระ 5 แห่ง มี อบต.โชคเหนือ ตระเปียงเตีย ตรำดม ลำดวน และ อบต. อู่โลก อ.สนม ครบวาระ 5 แห่ง มี อบต.นานวน หนองระฆัง หนองอียอ และ อบต. หัวงัว สนม เฉพาะสมาชิก อ.โนนนารายณ์ ครบวาระ 3 แห่ง มี อบต.โนน หนองเทพ และ อบต.ระเวียง เฉพาะสมาชิก และ อ.ศรีณรงค์ ครบวาระ 1 แห่ง คือ อบต.หนองแวง ส่วน อบต.ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 กันยายน 2556 มี อ.รัตนบุรี ครบวาระ 1 แห่ง มี อบต.หนองบัวทอง เฉพาะนายกฯ ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 2 ตุลาคม 2556 มี อ.เมืองสุรินทร์ ครบวาระ 1 แห่ง มี อบต.นอกเมือง เฉพาะนายกฯ ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 10 ตุลาคม 2556 มี อ.สำโรงทาบ ครบวาระ 1 แห่ง ทต.สำโรงทาบ เฉพาะสมาชิก ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 24 ตุลาคม 2556 มี อ.ปราสาท ครบวาระ 1 แห่ง ทต.กันตรวจระมวล อ.กาบเชิง ครบวาระ 1 แห่ง ทต.กาบเชิง อ.ท่าตูม ครบวาระ 1 แห่ง มี ทต.เมืองแก อ.ชุมพลบุรี ครบวาระ 1 แห่ง ทต.สระขุด อ.สำโรงทาบ ครบวาระ 1 แห่ง ทต.หมื่นศรี ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 อ.ชุมพลบุรี ครบวาระ 1 แห่ง มี ทต.ยะวึก อ.ศรีณรงค์ ครบวาระ 1 แห่ง มี อบต.แจนแวน เฉพาะนายกฯ ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 มี อ.จอมพระ ครบวาระ 1 แห่ง ทต.กระหาด ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 26 ธันวาคม2556 อ.โนนนารายณ์ ครบวาระ 1 แห่ง มี อบต.คำผง เฉพาะนายกฯ ซึ่งในภาพรวมจังหวัดสุรินทร์พร้อมแล้วในทุกๆด้านที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 90 แห่งในวันที่ 19 ต.ค. 2556 นี้



ประนนท์ ไม้หอม / ส.ปชส. สุรินทร์ / รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการ”สภากาแฟ” เพื่อเปิดโอกาสในการพบปะสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน อําเภอเมืองสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการ "สภากาแฟ" ประจำปี 2556 ซึ่งเจ้าภาพในครั้งนี้ ประกอบด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและชมรมธนาคารจังหวัดสุรินทร์ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในการปฏิบัติงาน ได้มีโอกาสปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และติดต่อประสานการทำงานกัน ซึ่งจะทำให้งานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยจัดให้มีการพบปะระดมความคิดจากทุกภาคส่วนในรูปแบบการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ทุกวันพฤหัสสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน โดยการจัดสภากาแฟในครั้งนี้ ทุกภาคส่วนที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้มีโอกาสในการพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ หรือเป็นการประชาสัมพันธ์งานของส่วนราชการให้ส่วนราชการและสื่อมวลชนได้รับทราบ เพื่อนำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์งานของทางจังหวัด

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้กล่าวถึงผลการทำงานที่จังหวัดสุรินทร์จัดในรอบปีที่ผ่านมาว่าได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดีจนทำให้การปฏิบัติงานประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของจังหวัด การจำหน่ายสินค้า OTOP และการแสดงสินค้าของดีเมืองสุรินทร์ โดยการไป Road show เพื่อไปจำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ผ้าไหม สินค้า OTOP ที่จังหวัดต่าง ๆ และในวันที่ 17-20 กันยายน 2556 นี้ จะไปจัดกิจกรรม Road show เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว "มหัศจรรย์ท่องเที่ยวนครชัยบุรินทร์” จาก 4 จังหวัด ในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามด้วย นอกจากนี้จังหวัดสุรินทร์ได้มีการพัฒนาสนามบินสุรินทร์ภักดีรองรับการจัดงานมหัศจรรย์งานช้างในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย

จังหวัดสุรินทร์ จัดงาน "มหกรรมไหมสุรินทร์ สุดยอดไหมโลก ร้อยสี พันลาย ไหมสุรินทร์ สู่สากล” ประจำปี 2556 วันที่ 13 ก.ย.นี้

นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมตามโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด ประจำปี 2556 โดยกำหนดจัดงานโครงการ"มหกรรมไหมสุรินทร์ สุดยอดไหมโลก ” ประจำปี 2556 เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศักยภาพภูมิปัญญาไหมสุรินทร์ นำเสนอภูมิปัญญาไหมสุรินทร์ร่วมกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมสุรินทร์ และเปิดหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว โดยความร่วมมือของจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสว่าง องค์การ และส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 13 – 17 กันยายน 2556 ณ หมู่บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในปีนี้จะมีกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย อาทิ นิทรรศการไหม "เปิดกรุผ้าไหมเมืองสุรินทร์” โดยวันที่ 13 กันยายน 2556 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ณ หมู่บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ จะมีการเปิดบ้านของอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย จำนวน 3 อาคาร ให้ได้ชมการจัดแสดงและสาธิตผ้าไหมโบราณ อาคารที่ 1 เปิดกรุผ้าในราชสำนักสยามโบราณ อาคารที่ 2 เปิดกรุผ้าไหมพื้นเมืองโบราณ และอาคารที่ 3 ชมโรงย้อมไหม ย้อมคราม โรงทอผ้าไหมยกทอง และ กระบวนการผลิต นอกจากนี้ ยังมีการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไหมสุดอลังการ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน จึงขอเชิญประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมเป็นเกียรติในการเปิดงาน "มหกรรมไหมสุรินทร์ สุดยอดไหมโลก ร้อยสี พันลาย ไหมสุรินทร์ สู่สากล” ประจำปี 2556 ในวัน เวลา ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

จังหวัดสุรินทร์เดินหน้าจัดระเบียบหอพัก เน้นการให้ความคุ้มครอง ดูแล พิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชนในหอพัก

คณะทำงานออกตรวจจัดระเบียบหอพักจังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วยตัวแทนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องหลสายหน่วยงาน ออกตรวจจัดระเบียบหอพักในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ และพื้นที่ ต. นอกเมือง อ. เมือง จ. สุรินทร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการคุ้มครอง ดูแล พิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชนในขอพัก ตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 ดังมีรายละเอียดการตรวจและจัดระเบียบหอพักดังนี้ ได้รับอนุญาตจัดตั้งหอพักจากนายทะเบียนโดนถูกต้องหรือไม่ เจ้าของและผู้จัดการหอพักต้องแสดงใบอนุญาตไว้ ณ ที่เปิดเผย แสดงป้ายชื่อหอพัก ประเภทของหอพักเป็นภาษาไทยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะสมควรจากภายนอกอาคาร หอพักต้องจัดระเบียบผู้เข้าพักให้เป็นปัจจุบัน ต้องควบคุมดูแลมิให้หญิงเข้าอยู่ในหอพักชาย และมิให้ชายเข้าอยู่ในหอพักหญิง ต้องมีป้ายหรือประกาศเตือนเกี่ยวกับพิษภัยหรืออันตรายโทษเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ให้มีการมั่วสุมเพื่อการกระทำผิดหรือมีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่จำหน่ายสุรา หรือบุหรี่แก่เด็ก ไม่ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ไม่ก่อสร้าง ดัดแปลง โครงสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต อาคารต้องมีสภาพแข็งแรง ไม่รกรุงรังจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยหรือสุขลักษณะถูกต้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำ ทางระบายน้ำ ที่อาบน้ำ ห้องส้วม ที่ถูกสุขลักษณะ และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่บริเวณหอพัก ซึ่งจากการออกตรวจหอพักในครั้งนี้ หอพักส่วนใหญ่ทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด แต่ยังมีบางหอพักที่ยังปล่อยปละละเลยไม่ทำตามระเบียบ ซึ่งทางจังหวัดสุรินทร์จะได้ดำเนินการแจ้งเตือนให้ทางหอพักได้ดำเนินให้ถูกต้องต่อไป สำหรับจังหวัดสุรินทร์มีหอพักที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องอยู่จำนวนกว่า 400 หอพัก และยังมีที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก และในอนาคตคาดว่าจะมีการดำเนินการธุรกิจหอพักอีกเป็นจำนวนมากเนื่องจากจังหวัดสุรินทร์ยังคงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง



ประนนท์ ไม้หอม / ส. ปชส. สุรินทร์ / รายงาน

ธนารักษ์มหาสารคาม นำร่องจดทะเบียนไม้มีค่าในพื้นที่ราชพัสดุ

จังหวัดมหาสารคาม โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่มหาสารคาม ร่วมกับโรงเรียนชุมชนบ้านลาด อบต.ลาดพัฒนา จัดโครงการนำร่องทะเบียนพิเศษทรัพย์ต้นยางในพื้นที่ราชพัสดุ เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้มีค่า สร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพย์สินของรัฐ

นายนิลวัฒน์ สุนทรนิพัทธ์ ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า สำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ได้จัดทำโครงการบริหารจัดการที่ราชพัสดุเชิงรุกโดยการบริการรับขึ้นทะเบียน ที่ราชพัสดุ พร้อมเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายอาคาร หลักเขตที่ราชพัสดุ สภาพการใช้พื้นที่ราชพัสดุ ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่ราชพัสดุให้กับสถานศึกษา ท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ประชาชน ให้เห็นสภาพภูมิประเทศ สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินแล้วยังมีทรัพย์สินอีกอย่างหนึ่งที่ได้มีการสำรวจ ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุคือต้นไม้ ต้นยางนา ต้นสัก ต้นพะยูง ต้มจามจรี จากภาพถ่ายต้นไม้เหล่านี้นอกจากเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า ต้นไม้ลำดับทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ที่หาอยาก ที่กำลังจะสูญพันธุ์ รวมไว้ในทะเบียนดังกล่าว เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน และเป็นการอนุรักษ์เพื่อการเรียนรู้พันธุ์ไม้ในพื้นที่ราชพัสดุด้วย

ซึ่งกิจกรรมในโครงการดังกล่าวมีโรงเรียนชุมชนบ้านลาด องค์การบริหารส่วนตำบลลาดพัฒนา อำเภอเมืองมหาสารคาม ร่วมรณรงค์ โดยมีนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานการจัดกิจกรรม โดยนำร่องพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่โรงเรียนชุมชนบ้านลาด เพื่อ ให้ทะเบียนที่ราชพัสดุทันสมัย ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน นำไปสู่การบริหารที่ราชพัสดุที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ราชพัสดุและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ในที่ราชพัสดุ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพย์สินของรัฐ และรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสร้างเครือข่ายแนวร่วมในการจัดการทะเบียนที่ราชพัสดุให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักการมีส่วนร่วม



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ม.มหาสารคามซ้อมแผนดับเพลิงและอพยพหนีไฟบนอาคารสูง

ม.มหาสารคาม ซ้อมแผนดับเพลิงและอพยพหนีไฟบนอาคารสูง เพื่อให้บุคลากรได้มีความพร้อม มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการดับไฟในสถานการณ์จริง

ภาพเหตุการณ์กรณีเหตุเพลิงไหม้บนอาคารเรียน ภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นี้ เป็นสถานการณ์จำลอง ที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมด้วยบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมกว่า 200 คน ร่วมซ้อมแผนในสถานการณ์สมมติว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บนอาคารบรมราชกุมารี หลังจากนั้นผู้ประสบเหตุได้แจ้งให้ผู้บริหารทราบ พร้อมติดต่อขอรับความช่วยเหลือไปที่งานบรรเทาสาธารณภัย กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยดับเพลิง ทีมกู้ชีพกู้ภัยจากอำเภอกันทรวิชัย อำเภอเมืองมหาสารคาม และอำเภอนาดูน

สำหรับการจำลองสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ซ้อมแผนดับเพลิงและอพยพหนีไฟบนอาคารสูง อาคารบรมราชกุมารี” โดยมีนายวชิรพล อนุโณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ สำนักงานเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ "ทฤษฎีการเกิดไฟไหม้” "ความปลอดภัยจากการใช้แก๊สหุงต้ม” และ "การใช้อุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น” นอกจากนี้ยังได้มีการสาธิตการดับไฟ เหตุการณ์จำลองที่เกิดจากรถบรรทุกถังแก๊สระเบิด การดับไฟที่เกิดถังแก๊สหุงต้มระเบิด

ทั้งนี้บุคลากรมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้มีส่วนร่วมปฏิบัติการดับไฟในสถานการณ์จริง เป็นการให้ความรู้ด้านการดับเพลิงเบื้องต้นและอพยพหนีไฟบนอาคารสูงแก่บุคลากร เป็นการเพิ่มระดับศักยภาพเครือข่ายงานบรรเทาสาธารณภัย เพื่อสามารถควบคุมและแก้ไขสถานการณ์จากการเกิดอัคคีภัยเบื้องต้นได้ ที่สำคัญเป็นการสร้างขวัญและสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยเทาสาธารณภัย กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

องคมนตรี นำชาวจังหวัดมหาสารคามปลูกป่าถวายแม่ของแผ่นดิน

องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม และนายอำเภอกุดรัง นำส่วนราชการ ผู้นำชุมชนและประชาชนชาวอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันปลูกต้นไม้ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี

ที่บริเวณสวนป่า ด้านหลังที่ว่าการอำเภอกุดรัง พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีปลูกป่าตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายกานต์ ศรีบุญลือ นายอำเภอกุดรัง พร้อมด้วยส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนและประชาชนชาวอำเภอกุดรัง ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว สนองแนวพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในการเพิ่มพื้นที่ป่า รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันรักษาและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ที่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน

สำหรับพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกในครั้งนี้ได้พันธุ์ต้นพฤกษ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม และพันธุ์ไม้อื่นๆ โดยปลูกบนเนื้อที่ 20 ไร่ ภายในสวนป่า ด้านหลังที่ว่าการอำเภอกุดรัง



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรจังหวัดมหาสารคาม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม โดยมีพลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบความช่วยเหลือพระราชทาน ที่หอประชุมโรงเรียนนาโพธิ์พิทยาสรรค์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม

พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบความช่วยเหลือพระราชทาน โดยได้มอบทุนประกอบอาชีพและสิ่งของพระราชทานแก่ครอบครัว ของนางเข็มพร ขันสีโพธิ์ และมอบทุนสนับสนุนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและสิ่งของพระราชทานแก่ครอบครัวของนางลาภิส ขาวธรรมมา ราษฎรจังหวัดมหาสารคาม ที่ได้ฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ ที่หอประชุมโรงเรียนนาโพธิ์พิทยาสรรค์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม

โอกาสนี้ พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังได้ร่วมกันมอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 500 ชุด ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ พร้อมทั้งนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มาให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป โรคทางทันตกรรม สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาให้บริการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ประชาชน และหน่วยเคลื่อนที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ออกมาให้ความรู้แก่ประชานในครั้งนี้ด้วย




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตลอดทั้งสัปดาห์ มหาสารคามยังมีฝนตกร้อยละ 30-60 ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศ ช่วงวันที่ 13-18 ก.ย. นี้ ตอนบนของภาคมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่จังหวัดมหาสารคาม ตลอดทั้งสัปดาห์มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศประเทศไทย ในช่วงระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน 2556 ร่องมรสุมจะเคลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง                  ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนในช่วงวันที่ 1418 กันยายน .บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออก ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

สำหรับจังหวัดมหาสารคาม ในช่วงวันที่ 13-18 กันยายน จะมีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มทร.วิทยาเขตกาฬสินธุ์ เสริมสร้างความรักชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์แก่นักศึกษา

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ร่วมกับ ศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ จัดโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้กับนักศึกษา ระหว่างวันที่ 13-14 กันยายน 2556 เพื่อให้ตระหนักถึงความเป็นไทย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2556 ที่อาคารกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ร่วมกับ ศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 กันยายน 2556 เพื่อให้นักศึกษามีความสำนึกในความเป็นไทย มีความเข้าใจในความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย และสำนึกในบุญคุณของพระมหากษัตริย์ เพื่อทำการป้องกันสถาบันชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่ในจิตสำนึกของคนไทยตลอดไป และสร้างความรัก ความสามัคคีให้กับคนในชาติ โดยมีอาจารย์ นักศึกษา จำนวน 500 เข้าร่วม

ผศ.นวลจันทร์ สิมะสุวรรณรงค์ รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ได้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกความสามัคคี และยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่เปิดเผยได้ทำการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องและขยายเป็นวงกว้างจากสังคมเมืองสู่ชนบท และสู่สถาบันการศึกษา ทำให้เยาวชนอาจเข้าใจผิด หลงเชื่อ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการทำลายดังกล่าว พร้อมกับสร้างความรู้ ความเข้าใจ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนระดับอุดมศึกษา จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นมามีกิจกรรมนิทรรศการพระราชกรณียกิจ การบรรยายพิเศษเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยและพรมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย โดยคณะวิทยากรจากศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ การศึกษาดูงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จริง

ด้านนายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่นักศึกษาจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ ได้รับทราบถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย และพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่มีต่อปวงชนชาวไทย ได้รู้ซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้กับพสกนิกรชาวไทยมาจนถึงปัจจุบัน เกิดความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ที่ควรเคารพ เทิดทูน บูชาไว้เหนือสิ่งอื่นใด



ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว

เหล่ากาชาดกาฬสินธุ์ออกเยี่ยมนักเรียนในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคณะกรรมการ ออกเยี่ยม ให้กำลังใจ และให้คำปรึกษาแก่นักเรียนในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีการศึกษา 2556 จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 5 ราย พร้อมมอบเงินสด ถุงยังชีพ ไว้ใช้ในครอบครัว

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2556 นางราณี สุบงกฎ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เดินทางไปที่โรงเรียนบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อมอบทุนการศึกษาจำนวน 2,000.-บาท นายเกรียงไกร หาศิริ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเดิมเป็นนักเรียนโรงเรียน ตชด.การท่าอากาศยาน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 และเป็นนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีการศึกษา 2556 และได้มอบถุงยังชีพของสภากาชาดไทย และเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมได้สอบถามถึงผลการเรียน ได้ให้คำแนะนำในการใช้จ่ายเงินทุนพระราชทานอย่างรอบคอบและให้เกิดประโยชน์ในการเรียนให้มากที่สุด

จากนั้นนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ และคณะได้เดินทางไปที่โรงเรียนเขาวงพิทยาคาร อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เดินทางไปมอบทุนการศึกษา ถุงยังชีพสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ให้กับ นางสาวสุดารัตน์ คำประเทือง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6, นายธวัชชัย นิลมาตย์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5, นางสาวกุลนิษฐ์ ปัจสุรีย์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเด็กหญิง ปวีณา เชื้อคำฮด อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเดิมเป็นนักเรียนโรงเรียน ตชด.การท่าอากาศยาน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23

นางราณี สุบงกฎ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวว่า ในปีการศึกษา 2556 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้โปรดเกล้าฯ รับนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริในถิ่นทุรกันดาร และพระราชทานพระราชานุเคราะห์ในการศึกษาต่อในชั้นที่สูงขึ้นตามความสามารถและความเหมาะสม โดยมีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ ศึกษาในสถานศึกษาต่าง ๆ จำนวน 393 แห่ง ใน 61 จังหวัด จำนวน 1,636 คน และสภากาชาดไทย ได้มอบหมายให้เหล่ากาชาดจังหวัดติดตาม ตรวจเยี่ยม ดูแลนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์มีนักเรียนได้รับพระราชานุเคราะห์ จำนวน 6 ราย มี 1 ราย ไม่ได้ศึกษาต่อ ซึ่งเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ออกเยี่ยมดูแลนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ จำนวน 5 คน ในด้านการเรียน ความประพฤติ และการใช้จ่ายเงินทุนพระราชทาน พร้อมสอบถามถึงความเป็นอยู่ในชีวิตครอบครัว และขอให้นักเรียน เป็นคนดี ทำความดี ตอบแทนผืนแผ่นดินไทย เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่โปรดเกล้าฯ รับเป็นนักเรียนในพระราชานุเคราะห์




ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว

ประมาณการภาวะเศรษฐกิจจังหวัดขอนแก่น ปี 55 มีมูลค่าเพิ่ม 180,000 ล้านบาท คาดขยายตัวร้อยละ 9.4

คณะกรรมการบริหารภาวะเศรษฐกิจจังหวัดขอนแก่น ประมาณการภาวะเศรษฐกิจจังหวัดขอนแก่น ปี 2555 มีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ 180,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15,169 ล้านบาท คาดขยายตัวร้อยละ 9.4 ภาคนอกเกษตร ขยายตัวร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกำกับดูแลและอำนวยการจัดเก็บข้อมูลภาวะเศรษฐกิจจังหวัดขอนแก่น ปี 2555 เพื่อพิจารณาการนำเสนอประมาณการการจัดทำสถิติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ( GPP ) ปี 2555 จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมี นายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุม มีผู้แทนหน่วยงานราชการ , หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารกำกับดูแลและอำนวยการการจัดเก็บข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น จำนวนกว่า 200 คน เข้าประชุม และมีผู้แทนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าร่วมประชุมด้วย

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการนำเสนอข้อมูลประมาณการภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น พ.ศ. 2555 ว่า ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดขอนแก่น ในปี 2555 มีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจำปี เท่ากับ 180,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 165,572 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา เท่ากับ 15,169 ล้านบาท โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 9.4 จากที่ขยายตัวร้อยละ 4.0 ในปีที่ผ่านมา โดยภาคนอกเกษตร ขยายตัวร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพื่อทดแทนโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 ประกอบกับจังหวัดขอนแก่นได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 และกีฬาคนพิการแห่งชาติครั้งที่ 30 ส่งผลให้การผลิตสินค้าและบริการของภาคนอกเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ สาขาการขายส่ง การขายปลีก และสาขาโรงแรมและภัตตาคาร โดยการผลิตที่ขยายตัว ได้แก่ สาขาเหมืองแร่และเหมืองหิน ขยายตัวร้อยละ 12.5 สาขาอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.2 สาขาไฟฟ้า ประปา และโรงแยกก๊าซ ขยายตัวร้อยละ 10.9 สาขาก่อสร้าง ขยายตัวร้อยละ 18.9 สาขาการขายส่ง การขายปลีก ขยายตัวร้อยละ 24.8 สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ขยายตัวร้อยละ 9.0 และสาขาลูกจ้างในครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ 62.6 ส่วนสาขาการผลิตที่ชะลอตัว ได้แก่ สาขาตัวกลางทางการเงิน ชะลอตัวร้อยละ 14.5 สาขาบริหารราชการฯ ชะลอตัวร้อยละ 6.0 สาขาการศึกษา ชะลอตัวร้อยละ 1.3 และสาขาการให้บริการด้านชุมชนฯ ชะลอตัวร้อยละ 1.0 ในขณะที่ภาคเกษตร หดตัวร้อยละ 2.5 จากที่ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในปีที่ผ่านมา จากการผลิตในสาขาเกษตรกรรม หดตัวร้อยละ 1.1 และสาขาประมง หดตัวร้อยละ 23.1 เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ประสบภัยแล้ง ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเพาะปลูกและจับสัตว์น้ำจืดจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

ผู้ว่าฯขอนแก่นเยี่ยมศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กกลุ่มเสี่ยงของอำเภอเขาสวนกวาง

นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเดินทางไปที่วัดป่าสว่างพรติดทางขึ้นสวนสัตว์เขาสวนกวางอำเภอเขาสวนกวาง เพื่อเยี่ยมค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กกลุ่มเสี่ยงที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและต้องการเลิกจึงสมัครใจเข้าค่ายอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้เลิกเสพยาเสพติดได้โดยเป็นความยินยอมของผู้ปกครองด้วย สำหรับค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของอำเภอเขาสวนกวางเป็นการบูรณาการของหน่วยงานราชการในพื้นที่มาร่วมเป็นวิทยากรอบรมโดยมีสถานีตำรวจเขาสวนกวางเป็นแม่งาน มีผู้สมัครใจมาเข้าค่ายจำนวน 30 คนโดยใช้วัดป่าสว่างพรเป็นสถานที่เข้าค่ายระหว่าง วันที่ 9 - 13 กันยายน 2556

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นกล่าวให้กำลังใจกับเยาวชนที่มาเข้าค่ายทุกคนขอให้ตั้งใจในการอยู่ในค่ายแห่งนี้ในช่วงหนึ่งอาทิตย์อย่างมีความสุขเพราะเจ้าหน้าที่วิทยากรที่มาให้ความรู้จะช่วยให้ทุกคนเลิกยาเสพติดได้และทุกคนโชคดีอย่างมากเพราะหากผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและถูกจับเข้าคุกจะทำให้ลำบากมาก ไม่มีความสุขอยู่ในห้องขังไม่ใหญ่แต่อยู่กันอย่างแออัดขาดอิสระภาพ ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจฝึกปฏิบัติไปก่อนที่จะออกไปสู่สังคมในชุมชนหมู่บ้านของตนเองอย่างมีความสุขทุกคนจะยอมรับเราเมื่อเราเลิกยาเสพติดได้

ผู้ว่าฯขอนแก่น ร่วมแสดงความยินดีกับ อังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนซีไรต์ ปี 56 ชาวจังหวัดขอนแก่น

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ร่วมแสดงความยินดีกับ อังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนซีไรต์ ปี 2556 ชาวอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ในงานจัดให้มีเสวนาวรรณกรรม การมอบช่อดอกไม้ แสดงความชื่นชมยินดี และการแสดง

เมื่อบ่ายวันนี้ ( 12 ก.ย.56) ที่ห้องประชุมพลตำรวจเอก เภา สารสิน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ธีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ได้ร่วมกันมอบช่อดอกไม้ และกล่าวแสดงความยินดีกับ นายอังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนซีไรต์ ปี 2556 ชาวอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเครือข่ายศิลปินภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมกับชาวจังหวัดขอนแก่นทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันจัดงาน แสดงความยินดีกับ นายอังคาร จันทาทิพย์ นักเขียนชาวอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ที่ได้รับรางวัลนักเขียนซีไรต์ ประจำปี 2556 โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันนี้ ( 12 กันยายน 2556 )

ในงานนี้ นอกจากจะมีการมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับนักเขียนซีไรต์ ปี 2556 ชาวจังหวัดขอนแก่นแล้ว ในงานก็จะมีการจัดเสวนาวรรณกรรม หัวข้อ " แรงบันดาลใจจากครูสู่ศิษย์ ก่อนคว้าซีไรต์ ” การอ่านบทกวีชื่นชมยินดี โดย ไพวรินทร์ ขาวงาม กวีซีไรต์ รุ่นพี่ การฉายวีดีทัศน์ จาก คำพูน บุญทวี ถึงกวีซีไรต์ อังคาร จันทาทิพย์ การแสดงผลงานกวี งานเขียนของ อังคาร จันทาทิพย์ การแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ และการแสดงจากโรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

ตัวแทนชาวขอนแก่น ทุกภาคส่วนร่วมต่อจิกซอข้อความชาวขอนแก่นต่อต้านคอร์รัปชั่น

ตัวแทนชาวขอนแก่น ทุกภาคส่วนกว่า 50 องค์กรร่วมต่อจิกซอข้อความชาวขอนแก่นต่อต้านคอร์รัปชั่น พร้อมกล่าวปฏิญาณต่อต้านคอร์รัปชั่น เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่น

ที่ห้องขอนแก่นฮอล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายสมิง ยิ้มศิริ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยตัวแทนชาวจังหวัดขอนแก่น กว่า 50 องค์กรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้รวมกันต่อแผ่นจิกซอ ข้อความ "ชาวขอนแก่นต่อต้านคอร์รัปชั่น บนพื้นธงชาติไทย แดง ขาว น้ำเงิน และมีสัญลักษณ์ มือกำกำปั้นแขนสองข้างไขว้เป็นรูปกากบาท  สัญลักษณ์การต่อต้านคอร์รัปชั่น โดยมี        ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษากว่า 1,000 คน มาร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งหอการค้าจังหวัดขอนแก่นจัดขึ้น

ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำผู้ร่วมงานทั้งหมดกล่าวคำปฏิญาณต่อต้านคอร์รัปชั่นด้วย สำหรับการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น ตรงกับวันที่ 6 กันยายน ของทุกปี โดยเริ่มจัดกิจกรรมมาตั้งแต่ปี 2554 สืบเนื่องจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ได้รวมพลังจัดงานสัมมนาเรื่อง ต่อต้านคอร์รัปชัน : จุดเปลี่ยนประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 เพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือ ร่วมใจในการต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์การรวมพลังและให้มีการนำเสนอสาระ ความคืบหน้าและเป้าหมายในอนาคตของการต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง และเป็นการรำลึกถึง คุณดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย)ท่านแรก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จึงได้เห็นชอบให้วันที่ 6 กันยายน ของทุกปีเป็น "วันต่อต้านคอร์รัปชั่น” การจัดกิจกรรมในวันนี้ มีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อตอกย้ำให้สังคม โดยเฉพาะภาคเอกชนตระหนักถึงภารกิจที่ต้องทำร่วมกัน และกระตุ้นให้สังคมพร้อมใจ ร่วมมือในการเปลี่ยนค่านิยมของสังคม เพื่อให้เครือข่ายขยายตัวและมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายการต่อต้านคอร์รัปชั่นให้กว้างขวาง ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการแสดงออกถึงพลังในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ด้วย




สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวไร่หลังรื้อตออ้อย

วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวไร่หลังรื้อตออ้อย ที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง การจัดงานครั้งนี้เป็นการให้ความรู้กับเกษตรกรที่ปลูกอ้อยครบ 3 ตอหลังรอปลูกอ้อยอีกรอบก็พักดินไว้โดยการปลูกข้าวไร่เพื่อเพิ่มรายได้ซึ่งจะต้องปลูกช่วงเดือนมิถุนายน และเก็บเกี่ยวปลายเดือนตุลาคมจากนั้นก็ทำการปลูกอ้อยได้จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก

นายสาธิต รัชตเสรีกุล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น กล่าวว่างานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวไร่หลังรื้อตออ้อยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพิ่มรายได้ชาวไร่อ้อยโดยการปลูกข้าวไร่เป็นความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นที่เห็นว่าการทำไร่อ้อยโรงงานหลังอ้อยครบสามตอจะมีเวลาการพักแปลงประมาณ 6 เดือนซึ่งอยู่ในช่วงหน้าฝนจึงได้ประสานกรมการข้าวนำข้าวไร่มาให้เกษตรกรปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่การปลูกข้าวไร่ของจังหวัดขอนแก่นที่เป็นจังหวัดที่เพาะพันธุ์ข้าวไร่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยมีการปลูกข้าวไร่นำร่องใน 6 อำเภอจาก 26 อำเภอคือ อำเภอบ้านแฮด ชนบท ซำสูง กระนวน อุบลรัตน์และอำเภอเขาสวนกวาง โดยใช้พันธุ์ข้าวสกลนครที่ผลิตที่แปลงปลูกข้าวไร่อำเภอบ้านแฮดพื้นที่ปลูกข้าวไร่แหล่งใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันพื้นที่ปลูกข้าวไร่ของจังหวัดขอนแก่นมีประมาณ 13,000 ไร่โดยได้ผลผลิต 300-450 กิโลกรัมต่อไร่ และเกษตรกรยังมีที่จำหน่ายและโรงสีแย่งกันรับจำนำด้วยโดยปีที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ 16 -18 บาทต่อกิโลกรัมทำให้เกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังรอปลูกอ้อยรอบต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นทัณฑสถานพิเศษขอนแก่นตามวาระจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดเพื่อนำร่องสู่เรือนจำสีขาว

วันนี้ (12 ก.ย. 56) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 กองอาสารักษาดินแดนขอนแก่น กว่า 150 นาย เพื่อระดมกำลังตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด และเครื่องมือสื่อสาร ตามนโยบายจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นโดยมี นายเกษม ธุวพาณิชยานันท์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น นำตรวจค้นในครั้งนี้ โดยตรวจผู้ต้องขังในเรือนนอนทั้ง 3 หลัง เป็นผู้ต้องขังยาเสพติดได้รับโทษคุมขังไม่เกิน 10 ปี จำนวน 958 คนในการตรวจค้นครั้งนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายพวกโทรศัพท์มือถือหรือยาเสพติดพบแต่พวกเจลหล่อลื่น หนังสือลามก หลอดพลาสติก ซึ่งยังไม่ได้สรุปผลการตรวจสอบต้องรอสายๆวันนี้ถึงจะทราบผลที่แน่นอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้ถือเป็นไปตามนโยบายปฏิบัติการต่อสู้เอาชนะยาเสพติดของจังหวัดขอนแก่นเพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้หมดจากจังหวัดขอนแก่นเป็นปฏิบัติการในการทำกระบวนการเรือนจำสีขาว ซึ่งขอนแก่นทำทั้งชุมชนสีขาว บ้านเรือนสีขาว โรงงานสีขาว โรงเรียนสีขาว โบสถ์ วัดสีขาว สถานบริการสีขาว นำผู้เสพผู้ติดเข้าอบรมเข้าบำบัดเพื่อให้กลับมาเป็นคนดีของสังคมและปราบปรามผู้ค้าผู้ขายให้หมดไป นอกจากนี้การสนธิกำลังจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เข้าตรวจค้นทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการตามนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยาเสพติดมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยผู้ค้ารายใหญ่ที่ถูกจับกุมและคุมขังอยู่ตามเรือนจำทั่วประเทศ ยังดำเนินการค้ายาเสพติดมีเครือข่ายอยู่ทั้งในและนอกเรือนจำ จังหวัดจึงต้องดำเนินการระดมกวาดล้างยาเสพติด โดยมุ่งไปที่ผู้เสพ และผู้ค้า ซึ่งหากจับกุมผู้เสพได้ให้ส่งตัวเข้ารับการบำบัด ส่วนผู้ค้าให้ดำเนินคดี ติดตามยึดทรัพย์ รวมถึงขยายผลไปยังต้นตอที่จำหน่าย ซึ่งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยอมรับว่ารับยาเสพติดมาจากเครือข่ายในเรือนจำ

หลังจากตรวจเรือนนอนในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นที่เป็นเรือนนอน และภายในบริเวณทัณฑสถานฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็ได้อบรมสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักโทษทุกคนที่อยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นกว่า 900 คนเพื่อให้ทุกคนสำนึกโดยยึดถือครอบครัวเป็นหลักอดทนเพื่อรอกลับไปอยู่กับครอบครัวและอยู่ในสังคมที่ดีไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป

โปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ซึ่งทูลเกล้าขอพระราชทานความช่วยเหลือ พร้อมมอบถุงยังชีพพระราชทานจำนวน 500 ถุง แก่ราษฎรด้วย

วานนี้ ( 11 ก.ย.56 ) เวลา 14.30 น. ที่โรงเรียนบ้านหนองแขมอีโล อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานความช่วยเหลือ ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ครอบครัว นางจุม น้อยผาง ราษฎรตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น ครอบครัว นางเพียน สาครเจริญ ราษฎรตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ ครอบครัวเด็กหญิงเบญจมาศ เรืองศรี ราษฎรตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น และครอบครัว นางนัยนา เศรษฐวิภักดิ์ ราษฎรตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ โดยทั้ง 4 ราย ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือทุนสนับสนุนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ทุนประกอบอาชีพ ทุนการศึกษาต่อเนื่อง และสิ่งของพระราชทาน

ต่อจากนั้น องคมนตรี ผู้แทนสำนักราชเลขาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมมอบถุงพระราชทาน จำนวน 500 ถุง แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ณ โรงเรียนบ้านหนองแขมอีโล อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น

ในการนี้ หน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การรักษาพยาบาล และบริการด้านทันตกรรมราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มาร่วมให้บริการด้านกฎหมาย และให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ด้วย.



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานศูนย์ประสานงานอาเซียน

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ประสานงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจังหวัดขอนแก่น

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จังหวัดตั้งศูนย์ประสานงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจังหวัดขอนแก่น ณ ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดขอนแก่น ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะอนุกรรมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีหน้าที่รับผิดชอบจัดหาวัสดุ อุปกรณ์เพื่อใข้ในการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานงานเจ้าสู่ประชาคมอาเซียนจังหวัดขอนแก่นในวันที่ 13กันยายน 2556ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเรียกประชุมปรึกษาหารือภารกิจมอบภารกิจ ที่ห้องประชุมเสียงแคน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นอกจากนี้ยังมีคณะอนุกรรมของจังหวัด ด้านการพัฒนาเมือง การคามนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ด้านเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านการศึกษา ด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านความั่นคง กฎหมาย วัฒนธรรม งบประมาณการเบิกจ่าย ด้านวัสดุอุปกรณ์ หมายเลขโทรศัพท์ 043-331515เว็ปไซด์ www.khonkaenpoc.comwww.khonkaen.go.th email:khonkaen@moi.go.th



นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี / ข่าว/ พิมพ์ 
ส.ปชส.ขอนแก่น

ชัยภูมิติวเข้ม อบต.ขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือทางสังคมรับ AEC

จังหวัดชัยภูมิ เร่งพัฒนา ศูนย์ OSCC ช่วยเหลือทางสังคม หรือศูนย์ประชาบดีเดิม ซึ่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นด่านแรก รับเรื่อง และส่งต่อผู้ประสบปัญหาสังคม ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังที่ผ่านการทำงานยังมีปัญหา

ศูนย์ OSCC ช่วยเหลือทางสังคม เกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล โดยบูรณาการทุกหน่วยงาน เพื่อให้การช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ มีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) เป็นหน่วยงานหลัก ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับแจ้งเหตุ เบาะแส ประสานการส่งต่อ และรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชา เกี่ยวกับปัญหาการกระทำรุนแรงในครอบครัว แรงงานเด็ก การค้ามนุษย์ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม โดยตั้งศูนย์ดังกล่าว กระจายไปทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้เสียหาย หรือผู้ต้องการร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแส สามารถติดต่อได้โดยสะดวก รวดเร็ว ใกล้ที่ไหน ไปใช้บริการที่นั่น พร้อมมีระบบการเตือน หากดำเนินการล่าช้า สามารถติดตามผลได้ ทุกเรื่องต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง ต่อเนื่อง จนสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และสังคมได้อย่างปกติสุข

นายธนสุนทร สว่างสาลี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดชัยภูมิ ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชัยภูมิ และโรงพยาบาลชัยภูมิ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ซึ่งเป็นด่านแรก ที่ต้องรับเรื่องจากประชาชน แต่ยังมีบางแห่ง ยังขาดความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับระบบการทำงานของศูนย์ ครั้งนี้จึงเชิญปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่ง รวม 107 แห่ง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาประชุมร่วมกัน ที่โรงแรมสยามรีเวอร์รีสอร์ท เมื่อ 13 ก.ย. 56 มีนายนิพนธ์ สาธิตสมิธพงษ์ รอง ผวจ.ชัยภูมิ เป็นประธาน เพื่อซักซ้อมขั้นตอนการทำงาน ในระดับผู้บังคับบัญชา ระดับสูง ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายของรัฐบาล เตรียมพร้อมสังคมไทย สู่เวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ในปี 2558 นี้



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว