วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

ยโสธรประกาศเตือนพายุฤดูร้อนช่วง 27-30 เมษายน นี้

นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่า พายุฤดูร้อน บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคเหนือแล้ว ซึ่งจะปกคลุมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2557 ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่

จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ในช่วงวันที่ 27-30 เมษายน 2557 จังหวัดยโสธร จึงประกาศเตือนประชาชน และเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด อันเกิดจากสภาวะอากาศแปรปรวน เป็นลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน บ้านเรือน โรงเรือน และพืชผลทางการเกษตร ให้เตรียมการป้องกันระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติ ในวันที่ 27-30 เมษายน 2557 และให้ระมัดระวังการใช้เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ กลางที่โล่งแจ้งในขณะเกิดฟ้าคะนอง



ส.ปชส.ยโสธร
ปิยะนุช ศรีแก่นจันทร์
29 เมษายน 2557

ร้อยเอ็ดมอบรังวัล อสม.ดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2557

จังหวัดร้อยเอ็ดโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดมอบรางวัลอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ดีเด่นระดับจังหวัด และทีมผู้สนับสนุนงานพัฒนาสุขภาพภาคประชานดีเด่น ประจำปี 2557 วันนี้ (29 เม.ย. 57) เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ดีเด่นระดับจังหวัดและทีมผู้สนับสนุนงานพัฒนาสุขภาพภาคประชานดีเด่น ประจำปี 2557 ณ ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า นับตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข ได้ริเริ่มมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2523 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 36 ปี มีจำนวนกว่า 1 ล้านคนเศษ จังหวัดร้อยเอ็ดมี อสม.จำนวน 33,887 คน มาเป็นอันดับ 2 รองจากจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติ จึงได้กำหนดให้มีการคัดเลือก อสม.ดีเด่นระดับจังหวัดขึ้น ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานและประกาศเกียรติคุณ ตลอดจนร่วมงานเฉลิมฉลองวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติในวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับสมาคมอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีการพัฒนาศักยภาพ อสม.อย่างต่อเนื่อง และดำเนินการคัดเลือก อสม.ดีเด่น เพื่อเชิดชูเกียรติ อสม.และส่งเข้าประกวดต่อไปในระดับเขต ภาค และระดับชาติ จำนวน 10 สาขา ทุกปี เป็นจังหวัดที่มีผลงานโดดเด่น 1 ใน ภ ของระเทศที่มี อสม.ได้รับรางวัลทุกระดับ มากสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จึงได้มีพิธีมอบโล่รางวัล และแหวนทองคำให้แก่ สุดยอด อสม.เมืองสาเกตนคร อสม.ดีเด่นระดับชาติ ภาค เขต จังหวัด และมอบโล่รางวัลแก่ผู้ที่สนับสนุนการพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนในที่ประชุมกรมการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีผู้เข้ารับรางวัลดังกล่าว จำนวน 22 คน โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบ



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
29 เม.ย. 57

จังหวัดร้อยเอ็ดมอบเกียรติบัตรเด็กผู้ชื่อสัตย์เก็บทองคำรูปพรรณ หนัก1 บาท ส่งคืนเจ้าของ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือน เมษายน โดยมีการมอบเกียรติบัตรเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติตนชอบด้วยความซื่อสัตว์สุจริต โดยคณะกรรมการ ป.ป.จ.ร้อยเอ็ด มีมติเห็นว่ากรณีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2557 เด็กหญิงธวัลรัตน์ ไชวงศา อายุ 7 ขวบ นักเรียนโรงเรียนอนุบาลไพโรจน์ ชั้น ป1/3 เป็นบุตรของนางสาว หนูนิล บุญผาลา บ้านเลขที่ 118/120 ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เก็บสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท ได้ที่บริเวณโรงเรียนบ้านหัวโนนตาล อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เป็นสถานที่จัดงานประเพณีสงกรานต์ของเทศบาลตำบลหัวโนนตาล ประจำปี 2557 หญิงธวัลรัตน์ ไชวงศา จึงนำสร้อยคอทองคำมอบให้นางสาว หนูนิล บุญผาลาที่เป็นมารดา จึงได้แจ้งไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของงานเพื่อแจ้งให้เจ้าของทรัพย์และมีเจ้าตัวมอขอรับไป และได้มอบเงินรางวัลจำนวนหนึ่งเป็นรางวัลกับความดีของเด็กต่อไป นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กล่าวขอบคุณนางสาว หนูนิล บุญผาลา ที่เป็นมารดา และสถานศึกษา ที่สอน เด็กได้กระทำความดี เป็นต้นกล้าที่มีความซื่อสัตย์ที่พร้อมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตของชาติที่มีคุณธรรมและคุณค่า ในสังคม



บุญมี /ข่าว/ภาพ
กมลพร /คำนึง บก ข่าว
สปชส ร้อยเอ็ด

กองกำลังสุรนารีปลูกป่าอาเซียน สร้างความสัมพันธ์ไมตรีไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 09.00 น. ที่บริเวณตลาดเก่าช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดสรีสะเกษ พลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลตรี ธรากร ธรรมวินธร ประธานฝ่ายไทย พลเอก เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประธานฝ่ายกัมพูชา ได้ร่วมกันเป็นประธานเปิดโครงการปลูกป่าอาเซียนไทย-กัมพูชา โดยมีกำลังพลทหารจากกองกำลังสุรนารีและกองอำนวยการ รักษาความมั่งคงภายในภาค 2 ส่วนกอง 2 ข้าราชการ ประชาชนและนักเรียนในเขตอำเภอภูสิงห์เข้าร่วมโครงการจำนวน 500 นาย ร่วมกันปลูกป่าในพื้นที่ 102 ไร่ ประกอบด้วยต้นราชพฤษณ์ ฝั่งไทยและต้นปาล์ม ฝั่งกัมพูชา ที่บ้านสระซุก ตำบลตรอเปียงไปร์ อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ในการสร้างสันติภาพและความร่วมมือกันระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างถาวร เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทหาร ข้าราชการประชาชนและนักเรียนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเป็นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายแดนให้สมบูรณ์ เพื่อให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร เพื่อป้องกันการบุกรุกเข้าครอบครองเพื่อตั้งถิ่นฐานและที่ทำกินของราฎรอันก่อให้เกิดปัญหาการรุกล้ำเขตแดน และเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อบ้านไทย-กัมพูชาต่อไป

พลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ประธานฝ่ายไทย กล่าวว่าปัจจุบันสถานการณ์พื้นที่ป่าไม้ บริเวณชายแดน คงประสบปัญหาอันต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลัดลอบตัดไม้ การบุกลุกพื้นที่ การล่าสัตว์ อยู่เป็นประจำ กองกำลังสุรนารี จึงได้จัด"โครงการปลูกป่าอาเซียน” ขึ้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูผืนป่าไม้ให้กลับมาอุดมสมบรูณ์ เป็นแหล่งน้ำลำธาร และป้องกันการบุกรุก เข้าครองครองเพื่อตั้งถิ่นฐานและถิ่นราษฎร นอกนี้ยังเป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อกันระหว่างเพื่อนบ้านไทย-กัมพูชาด้วย

แม่ทัพกองที่ 2 กล่าวต่อไปว่า การจัดกิจกรรมปลูกป่าอาเซียน ครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดี จาก พลเอก เจีว มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประธานฝ่ายกัมพูชา โดยฝั่งไทยปลูกต้นราษพฤษ์ ส่วนฝั่งกัมพูชาปลูกต้นปาล์ม เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ในการสร้างสัมพันธภาพและความร่วมมือกันอย่างถาวรหรือผื้นที่ปลูกป่านั้น ฝั่งไทยจะทำการปลูกบริเวณใต้ตลาดเก่าช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนฝั่งกัมพูชา ทำการปลูก บริเวณ บ้านสระชุก ตำบลตรอ-เปียงไปร์ อำเภอวัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา




บุญทัน/ฉัตรชัย ข่าว/ภาพ
โทร.0818781747

นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญออกช่วยเหลือราษฎร 3 อำเภอ ที่ประสบวาตะภัย

วันนี้ (29 เมษายน 2557) นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ มอบหมายให้ นางนิภาภรณ์ ชื่นวาริน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ นายสุนทร พิญพงษ์ หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอำนาจเจริญ เดินทางไปที่บ้านจิกดู่ ตำบลจิกดู่  อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ  นำถุงยังชีพ จำนวน 58 ชุด ผ้าห่มไหมพรม จำนวน 58 ผืน ไปมอบให้กับราษฎร จำนวน 58  ครอบครัว  ที่ได้รับความเดือดร้อนบ้านเรือนพังเสียหาย เช่น หลังคาบ้านปลิวหายไปทั้งหลัง หรือบ้านพังเสียหายบางส่วน  หลังจากถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา เสร็จแล้วได้เดินทางต่อไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบลแมด อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อนำถุงยังชีพ จำนวน 30 ชุด ผ้าห่มไหมพรมจำนวน 30 ผืน ไปมอบให้กับราษฎรที่ประสพวาตะภัย จำนวน 30 ครัวเรือน พร้อมกับเยี่ยมปลอมขวัญให้กำลังใจบ้านที่ประสบวาตะภัย ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ด้านหน้าเปิดเป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ซึ่งถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มในคืนวันที่ 27 เมษายน 2557 ที่ผ่านมาส่งผลทำให้หลังคาบ้านปลิวหายไปทั้งหลัง  และได้เดินทางต่อไปยัง บ้านโคกก่อง ตำบลปลาค้าว อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อมอบถุงยังชีพจำนวน 9 ชุด ผ้าห่มไหมพรมจำนวน 9 ผืน ให้กับราษฎรที่ประสบวาตภัยซึ่งถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม เช่นเดียวกัน ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร พังเสียหาย บางหลังถึงกับหลังคาหายไปทั้งหลัง ในบางหลังก็ได้รับความเสียเพียงเล็กน้อย

ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญรู้สึกเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก  นางนิภาภรณ์ ชื่นวาริน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญจึงได้นำคณะกรรมการเหล่ากาชาด เดินทางมาเยี่ยมราษฎรด้วยตนเอง พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจประเมินค่าความเสียหายและดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างสำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎรผู้ประสบภัยให้สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ตามปกติต่อไป

ทางด้าน ราษฎรที่ประสบวาตภัยภัยบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ต่างพากันขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน เหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างสูง ที่เข้ามาให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทันท่วงทีหลังประสบภัย ทำให้อบอุ่นใจที่ทางราชการไม่ทอดทิ้งและคอยเอาใจใส่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข อย่างใกล้ชิด ส่วนการซ่อมแซมบ้านนั้น ในเบื้องต้นก็ได้รับการช่วยเหลือด้านแรงงานจากเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ และเพื่อนบ้านมาช่วยกันซ่อมแซม และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเข้าอาศัยได้ตามปกติในไม่ช้านี้ จึงขอขอบคุณทุกฝ่ายมา ณ โอกาสนี้



สรุพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ// บก.ข่าว
กฤษดา เนตรพันธ์/ ข่าว/ภาพ

รัฐสภาอุบลราชธานี จัดอบรมโครงการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนเป็นอาสารัฐสภาให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ

วันนี้ (๒๙  เมษายน  ๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ หอประชุมพญานาครินทร์ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ   นายอภิชาติ คำทอง ผู้ตราจราชการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนเป็นอาสารัฐสภาให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญโดยมีนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  นายอภิชาติ งามกมล   รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญและหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ

นางสาวสิตาวีร์ ธีรวิรุฬห์ หัวหน้าสำนักงานรัฐสภาอุบลราชธานีกล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการจัดอบรมครั้งนี้เพื่อให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจกฎหมายเบื้องต้น มีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนพร้อมทั้งเพื่อพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง เป็นฐานพลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆเพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนและสังคม ในการจัดอบรมมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมโครงการจำนวน ๒๓๐ คน

ปัจจุบันปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเกิดขึ้นมากและมีความซับซ้อนเกินกำลังของรัฐที่จะดูแลอย่างทั่วถึงได้ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนของสังคมต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ถึงแม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรตัวแทนประชาชนของประเทศ    ได้มีการสะท้อนปัญหาของประชาชนในแต่ละพื้นที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาเพื่อหาแนวทางการแก้ไขโดยวิธีดำเนินงานของฝ่ายนิติบัญญัติมาโดยตลอด เช่นเดียวกับการดำเนินงานด้านเรื่องร้องทุกข์ ซึ่งเป็นภารกิจการประสานเพื่อขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรตัวแทนของประชาชนซึ่งมีหน้าที่หลักในการตรากฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่มีอำนาจโดยตรงในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเกิดจากสาเหตุหลายประการ อาทิ ประชาชนยังไม่รู้ถึงวิธีการและแนวทางในการที่จะร้องเรียนเพื่อที่จะให้ได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเหล่านั้น ถึงแม้ปัญหาความเดือดร้อนเหล่านั้นมีหน่วยงานของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบอยู่แล้วก็ตาม แต่ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจและไม่สามารถที่จะเข้าถึงหน่วยงานนั้น ๆ ได้ และการดำเนินงานของรัฐไม่ได้มีการประสานให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแบบบูรณาการ แต่ยังเป็นลักษณะการแก้ไขปัญหาแบบต่างคนต่างทำ      ซึ่งทำให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนและไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น หน่วยงานของรัฐควรมีกระบวนการรับเรื่องราวร้องทุกข์และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแบบครบวงจร ตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ รวมทั้งไม่ผลักปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนระหว่างส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจนทำให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนมีความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง ฉะนั้น บุคคลที่จะเป็นฝ่ายเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีคือ ผู้นำชุมชน เพราะจะเป็นผู้รับทราบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น จึงเป็นบุคคลสำคัญที่จะทำให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการมีความรู้ขั้นพื้นฐานทางกฎหมาย และมีความรู้ความเข้าใจถึงการแก้ไขปัญหาของประชาชนว่ามีเส้นทางการแก้ไขปัญหาอย่างไร



จรูญ  พิตะพันธ์/ข่าว/ภาพ

โครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

เช้าวันนี้ ( 29 เม.ย. 57 ) ที่โรงแรมเซ็นทารา อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายชูชัย อักขระ อธิบดีอัยการภาค 4 นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พลตำรวจตรีวีระพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมเป็นวิทยากรอภิปรายในหัวข้อ สภาพปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 4 และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้พนักงานอัยการ ข้าราชการและบุคคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 4 และจังหวัดที่มีเขตติดต่อกับ สปป.ลาว บุคคลากรที่เกี่ยวข้องในกระบวนการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 120 คนที่เข้าร่วมประชุมฯได้รับฟัง

ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่ ศูนย์พันธกิจประชาคมอาเซียน สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้เล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างความเข้าใจและประสานความร่วมมือของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการป้องกันแลปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จึงได้จัดโครงการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยกำหนดเน้นให้มีการจัดการประชุมในเขตภูมิภาคที่คาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายประชากรเป็นจำนวนมากเมื่อประเทศไทยเข้าสู่เข้าสู่การเป็นประชามคมอาเซียนอันได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดภูเก็ต ซึ่งแต่ละพื้นที่ล้วนมีลักษณะเฉพาะของปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและความรุนแรงต่อเด็กและสตรีที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลากรจากสำนักงานอัยการสูงสุด บุคคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตพื้นที่ดังกล่าวเข้าใจ และตระหนักเกี่ยวกับสภาพปัญหาให้ถูกต้องตรงกัน มีโอกาสเสนอแนวความคิดและเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน ทั้งในมิติของสังคม และมิติของกฎหมาย เพื่อนนำไปสู่การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และคุ้มครองเหยื่อที่ได้รับความรุ่นแรงอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือกันเพื่อยุติความรุนแรงในเด็กและสตรีในที่สุด ตลอดจนเป็นการจุดประกายสำคัญในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบหนึ่งด้วย

สำหรับการประชุมที่จังหวัดอุดรธานีเป็นการจัดประชุมครั้งที่ 2 โดยคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมประชุมจะได้ทราบถึงปัญหาความรุนแรง ขั้นตอนทางกฎหมายและการเยี่ยวยาโดยรัฐบาล หรือหน่วยงานเอกชนอื่นต่อปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภาพรวม โดยมุ่งเน้นปัญหาความรุนแรง ที่เกิดกับเด็กและสตรีในปัจจุบัน และรับทราบถึงการคาดการณ์สถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาเมื่อประเทศไทยเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เกิดความร่วมมือแบบบูรณาการในระดับสหวิชาชีพ และตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเมื่อประเทศเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน สามารถประบกระบวนทัศน์ในการทำงานเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นจากอาชญากรรมข้ามชาติ สามารถสร้างองค์ความรู้ที่จะนำไปต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ใหม่ร่วมกันระหว่างพนักงานอัยการและเจ้าพนักงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อันเป็นการส่งเสริมและยกระดับการทำงานเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

จังหวัดอุดรธานี ประชุมประจำเดือน เมษายน 2557

จังหวัดอุดรธานี จัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา นายอำเภอ จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 4/2557 ติดตามการปฏิบัติราชการในรอบเดือนเมษายน และประชาสัมพันธ์กิจกรรมและโครงการในเดือนพฤษภาคม 2557

เช้าวันนี้ ( 29 เม.ย. 57 ) ที่ห้องประชุมทองใหญ่ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายกอบเกียรติกาญจนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา นายอำเภอ จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 4/2557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ร่วมประชุม

โดยก่อนการประชุม ที่ประชุมได้นำเสนอสรุปข่าวเดือนเมษายน 2557 การประชาสัมพันธ์การจัดแข่งขันจักรยานทางไกลเฉลิมฉลองอุดรธานี 121 ปี ใจเกินร้อย ครั้งที่ 2 ,การประชาสัมพันธ์มาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานอุดรธานี ,โครงการฟุตบอลการกุศล รวมน้ำใจ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์สนับสนุนการผ่าตัดหัวใจ และสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ชนิด A H1N1/2009 จังหวัดอุดรธานี

จากนั้นที่ประชุมได้ประชุมติดตามความกว้าหน้างาน โครงการตามนโยบายสำคัญ อาทิ การขับเคลื่อนวาระจังหวัดอุดรธานี เมืองผู้สูงอายุคุณภาพชีวิตที่ดี การติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำปี 2557 การจัดพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันฉัตรมงคล การรายงานผลการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำลำห้วยหลวงในเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี การรายงานผลการดำเนินงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจังหวัดอุดรธานี การแก้ไขปัญหาความยากจนแบบบูรณาการ รายงานผลการปฏิบัติงานสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา
ข่าว/ภาพนิ่ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบโล่ประกาศเกียรติคุณพร้อมใบประกาศนียบัตร แสดงความยินดี ให้กับนายทวี ประสานพันธ์ ผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำนา ระดับจังหวัด

เช้าวันนี้ ( 29 เม.ย. 57) ที่ห้องประชุมปทุมวรราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณพร้อมใบประกาศนียบัตร ให้กับนายทวี ประสานพันธ์ ผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำนา ระดับจังหวัด ประจำปี 25257 ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินการ ประกวด คัดเลือกบุคคลและองค์กรเกษตรดีเด่น ประจำปี 2556 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตร เผยแพร่ผลการดำเนินงานเกษตรของจังหวัด

นายทวี ประสานพันธ์ ภูมิลำเนา หมู่ที่ 1 ตำบลนาเยีย อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากจะได้รับเกษตรกรดีเด่น สาขาการทำนาระดับจังหวัด ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นเกษตรดีเด่น ระดับเขต ของสำนักงานส่งเสริมและการพัฒนา การเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น โดยได้รับการคัดเลือกจากเกษตรสาขาการทำนา จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาทำนาระดับประเทศ ประจำปี 2556 และจะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2557 ณ พลับพลาพิธีประทับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ต่อไป

ผวจ.อุบลฯ ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยงานเกี่ยวข้องในการฝึกซ้อมแผนการป้องกันการระงับอัคคีภัยและการอพยพผู้ประสบภัยศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ในวันที่ 21 พ.ค.57 นี้

นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ที่ห้องประชุมปทุมวรราชชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เนื่องจากปี 2557 เป็นปีแห่งการรณรงค์ต้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัย "อัคคีภัยป้องกันได้ ต้องใส่ใจไม่ประมาท” ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีได้กำหนดให้ดำเนินโครงการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันการระงับอัคคีภัยและการอพยพผู้ประสบภัยศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งเพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมฝึกซ้อมในการแก้ไขปัญหาและการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พร้อมต่อการรับสถานการณ์และการปฏิบัติในระยะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัยและเมื่อภัยผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ในการฝึกซ้อมฯ ดังกล่าว มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 20 หน่วยงาน และได้กำหนดให้มีการเตรียมความพร้อมในการฝึก โดยจะมีการฝึกอบรมเรื่องแผนและแนวทางการฝึกซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการฝึกซ้อมแบบบนโต๊ะ ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 อุบลราชธานี ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2557, การฝึกซ้อมแผนเฉพาะหน้าที่ ที่ห้างเซ็นทรัลพลาซาอุบลราชธานี ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ ห้างเซ็นทรัลพลาซาอุบลราชธานี ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ระหว่างเวลา .9.00 – 10.00 น. โดยหัวหน้าส่วนราชการ,หน่วยงานที่ร่วมฝึกซ้อม ต้องมาร่วมฝึกซ้อมด้วยตนเองเพื่อจะได้ฝึกการสั่งการ การอำนวยการ การประสานงานตลอดทั้งการนำวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ ยานพาหนะมาเข้าร่วมการฝึกซ้อมและขณะเดียวกันในการฝึกซ้อมให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมฝึกตลอดทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย



พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว/ 29 เม.ย. 57

ผวจ.อุบลฯ ประชุมคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2557

เพื่อพิจารณาและติดตามความคืบหน้าการจัดกิจกรรมในงานและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแต่ละฝ่าย พร้อมให้เร่งดำเนินการและรายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2557 ที่ห้องประชุมจินดารัตน์ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับหน่วยงานราชการ,รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2557 ระหว่างวันที่ 1-15 กรกฎาคม 2557 ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ในงาน ทั้งรูปแบบ วิธีการ รายละเอียดที่จะนำเสนอ โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เอ้เมือง เรืองโรจน์, ลั่นกลองโฮม ฮ่วมบุญเข้าพรรษา,ประติมากรรมเทียนนานาชาติ, เยือนชุมชนคนทำเทียน,ถนนสายเทียน ถนนสายธรรม, พิธีรับเทียนหลวงและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน,สืบศาสตร์สานศิลป์ เทียนถิ่นไทยดี, ของฝาก ของต้อน, งานพาแลง เบิ่งแญงสาวงามเทียนพรรษา, พิธีเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา,วิจิตรอลังกางามล้ำเทียนพรรษา,แห่ฟ้อนบูชา ราชธานีแห่เทียน,พิธีเปิดขบวนแห่เทียนเข้าพรรษา อุบลราชธานี ประจำปี 2557 และการตั้งแสดงต้นเทียนที่ได้รับรางวัลทุกประเภท

ซึ่งในการจัดกิจกรรมงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2557 ดังกล่าว ได้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการและติดตามความคืบหน้าพร้อมรายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง




พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
081 924 8609 /ข่าว/ 29 เม.ย. 57

การปรับเปลี่ยนการจัดพิมพ์จุลสาร กพร. มาเป็น “DPIM e-Magazine”

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้มีการปรับเปลี่ยนการจัดพิมพ์จุลสาร กพร. มาเป็น "DPIM e-Magazine” สำหรับเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ กพร. โดย DPIM e-Magazine มีกำหนดเผยแพร่เป็นรายไตรมาส ( 3 เดือนต่อครั้ง) เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บทบาทหน้าที่ และการดำเนินงานของ กพร. ตลอดจนนำเสนอองค์ความรู้ด้านการใช้ประโยชน์จากแร่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพื้นฐาน และโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบด้วยทั่วกัน

กพร. ได้จัดทำ DPIM e-Magazine ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2557 เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนอ่าน DPIM e-Magazine ดังกล่าว และฉบับต่อๆ ไป ได้ทางเว็บไซต์ของ กพร. ที่ www.dpim.go.th

หอการค้านครพนมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556

วันที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 19.00 น. ที่ ห้องยูงทอง โรงแรมนครพนมริเวอร์วิว อ.เมือง จ.นครพนม นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 หอการค้าจังหวัดนครพนม  โดยนายชาญยุทธ อุปพงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม กล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน

ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม กล่าวว่า วัตถุประสงค์การจัดงานในวันนี้ หอการค้าจังหวัดนครพนม เป็นองค์กรตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ.2550 ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2529 มีคณะกรรมการบริหารถึงปัจจุบัน 13 ชุด มีคณะกรรมการบริหาร 30 ท่าน มีสมาชิกจำนวน 249 ราย มีภารกิจหลักในด้านเศรษฐกิจประสานให้ข้อเสนอแนะแก่หน่วยงานของภาครับและเอกชน ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะแก่หอการค้าไทย มีกิจกรรในด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ท่านสมาชิกหอการค้าจังหวัดนครพนม

วัตถุประสงค์การจัดงานในวันนี้

1. เพื่อรายงานกิจกรรมประจำปี 2556

2. เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 และ ข้อบังคับหอการค้าจังหวัดนครพนม

3. ให้สมาชิกรับรองงบดุล ปี 2556

4. เพื่อพบปะกับสมาชิกหอการค้าจังหวัดนครพนม และตอบข้อซักถามของสมาชิก ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป

ชาวตำบลเทนมีย์ จ.สุรินทร์ ร่วมกันประกอบพิธี “ตร๊วจแคแจ๊ส” หรือวันสิ้นสุดตรุษสงกรานต์

ชาวตำบลเทนมีย์ จ.สุรินทร์ ทุกเพศทุกวัย ร่วมกันสืบสานพิธี "ตรั๊วจแคแจ๊ส” หรือวันสิ้นสุด ตรุษสงกรานต์ ด้วยการร่วมกันก่อกองทราย ละเล่นพื้นบ้านถิ่นสุรินทร์ และสรงน้ำพระพุทธรูป และพระสงฆ์ สืบทอดประเพณีต้นแบบท้องถิ่นอันดีงามให้ยืนยาว

วานนี้ 28 เม.ย. 57 ตลอดทั้งวัน ของบ้านคาบเหนือ ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายประสิทธิ์ ฉายกล้า กำนันตำบลเทนมีย์ นำพุทธศาสนิกชนทุกเพศทุกวัย ชาวตำบลเทนมีย์ ร่วมประกอบพิธี "ตรั๊วจแคแจ๊ส”ภาษาถิ่นสุรินทร์ เรียกว่า วันสิ้นสุดตรุษสงกรานต์ ในวันแรม 14 ค่ำ ได้พร้อมกันนำทรายมาก่อเป็นเจดีย์ทรายและประดับตกแต่งด้วยดอกไม้และธงเพื่อความสวยงาม ภายในบริเวณวัดทุ่งสว่าง ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้าน ตามความเชื่อว่า กองทราย เสมือนกองบุญ เมื่อนำทรายเข้าวัด เป็นการสร้างบุญ เปรียบเสมือนการ ที่เราเข้ามาวัด เหยียบดินทรายของวัดติดออกไปนอกวัดจึง นำทรายนำดินกลับมาสู่วัด

นอกจากนี้ยังมีการละเล่นที่สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานจากคนทุกวัย อย่างการโยนลูกสะบ้า ซึ่งเป็นการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้าน สร้างกิจกรรมสันทนาการ ระหว่างคนทุกเพศทุกวัย และสร้างความสามัคคีในชุมชน โดยยังมีการนำเด็กเยาวชนจากทุกหมู่บ้านเข้ามามีส่วนร่วม โดยนำการแสดง ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง เช่น การำเรือมอันเร หรือรำกระทบสาก และการรำกันตรึม ศิลปะคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุรินทร์ และการแสดงต่างๆ มาร่วมกิจกรรม ซึ่งเป็นแบบอย่างของผู้นำท้องถิ่นในการสร้างความตระหนัก ความมีส่วนร่วม และสืบทอดประเพณีอันดีงามต่อเยาวชน ที่ห่างเหินต่อประเพณี และศิลธรรมของสังคมท้องถิ่น

ท้ายพิธีอันสำคัญ ก็คือ การร่วมกันขอขมา สรงน้ำพระพุทธรูป และพระสงฆ์ สามเณรที่จำวัดอยู่ที่วัด เพื่อเป็นการขอพร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อความเป็นศิริมงคล ในวันสุดท้ายของเทศกาล "ตรั๊วจแคแจ๊ส” หรือสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย และจะปฏิบัติกันใหม่อีกครั้งในปีหน้า ต่อไป นับว่า ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประสบความสำเร็จในการสร้างการมีส่วนร่วมในประชากรทุกเพศทุกวัย ให้ร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานประเพณีวัฒนธรรม ท้องถิ่น อันจะส่งผลให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข




ส.ปชส.สุรินทร์ กำชัย วันสุข / ข่าว
ไวยวิทย์ สุขเก่า / ภาพ

ประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร รับสมัครผู้ประกันตน ตามมาตรา ๔๐

นายทวีวัฒน์  ประสงค์ธรรม รักษาการประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ขยายความคุ้มครองประกันสังคม เพื่อให้แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระและประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป ได้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต ด้วยการสมัครเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา ๔๐ เพื่อรับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมตามเงื่อนไขที่กำหนด

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา ๔๐ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดมุกดาหาร หรือที่หอประชุมอำเภอในวันประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน อำเภอคำชะอี และสมัครผ่านอาสาสมัครแรงงานประจำตำบลทุกตำบล โดยใช้สำเนาบัตรประชาชน ๑ แผ่นเท่านั้น หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ หมายเลข ๐-๔๒๖๑-๒๒๘๗ หรือ ๐-๔๒๖๓-๐๒๗๒-๓ ในวันเวลาราชการ



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร  โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

สถาบันวิชาการป้องกันประเทศจัดประกวดวิดีโอคลิป “ความรักชาติ ความเป็นชาติไทย”

พลโท พนา ถนอมสิงห์ รองผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประกวดวิดีโอคลิป "ความรักชาติ ความเป็นชาติไทย” เพื่อเป็นการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของชาติไทย ด้วยการระลึกถึงบรรพชนซึ่งเสียสละชีพเพื่อชาติ เผยแพร่วีรกรรมความกล้าหาญ ให้คนไทยได้ตระหนักในความรักชาติ ความสามัคคี ความภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นการประชาสัมพันธ์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กองพิพิธภัณฑ์ทหารและอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เลขที่ ๙ หมู่ ๑๖ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ๑๒๑๓๐ โทร.๐-๒๕๓๓-๘๔๖๗  หรือ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://ndsi.rtarf.mi.th เปิดรับสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร  โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารจัดโครงการบูรณาการวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดมุกดาหารประจำปี ๒๕๕๗ “แรงงานไทย ร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด”

นางมลัยรัก  ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารร่วมกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดมุกดาหาร กำหนดจัดการทำโครงการบูรณาการวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๗ "แรงงานไทย ร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของลูกจ้างผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพัฒนาประเทศชาติ และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนส่งเสริมสวัสดิการด้านนันทนาการแก่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลอดยาเสพติด มีความรักสามัคคี และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ทั้งนี้ โครงการบูรณาการวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๗ "แรงงานไทย ร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด” จัดกิจกรรม ณ โรงยิมเนเซี่ยมจงวุฒิเวศย์ สนามกีฬากลางจังหวัดมุกดาหาร ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ขอเชิญชวนชาวจังหวัดมุกดาหาร ร่วมชมกิจกรรมสันทนาการต่างๆ อาทิ การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ตามกำหนดการข้างต้นโดยทั่วกัน



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
ทศพร  โล่ห์เงิน นักศึกษาฝึกงาน/ข่าว

อำเภอกระนวนชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปี 56 ของจังหวัดขอนแก่น

ผู้ราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานมอบเกียรติบัตรให้แก่ นายอำเภอกระนวนที่ชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกร ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2556 ของจังหวัดขอนแก่น

ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และนายอำเภอของจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 4/2557 เมื่อเช้าวันนี้(29 เมษายน 2557) ได้มีพิธีมอบรางวัล ใบประกาศเกียรติบัตรให้แก่อำเภอต่างๆ ที่ชนะการประกวดหมู่บ้านลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกร ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประจำปี 2556 ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นจัดขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการลดรายจ่ายในครัวเรือนเกษตรกร ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมให้เกษตรกรนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้เพื่อการประหยัดและลดรายจ่ายของครอบครัว โดยมีนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตร

สำหรับผลการประกวดหมู่บ้านลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกร ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2556 ของจังหวัดขอนแก่น ปรากฏว่า ชนะเลิศได้แก่ อำเภอกระนวน รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ อำเภอแวงน้อย รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ อำเภอซำสูง และรางวัลชมเชยมี 2 รางวัล คือ อำเภอพล และอำเภอหนองสองห้อง




สมพงษ์/ข่าว/ชนิตร์นันท์/นศ.ฝึกงาน/พิมพ์
 (29 เมษายน 2557)

เอาฤกษ์เอาชัย ลงเสาเข็ม หอพญาแลเฉลิมพระเกียรติ

เมื่อเวลา 09.09 น. วันนี้ 29 เม.ย. 57 พระราชภาวนาวราจารย์ (หลวงพ่อผาเกิ้ง) เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีตอกเสาเข็ม หอพญาแล เฉลิมพระเกียรติ เอาฤกษ์เอาชัย เป็นต้นแรก ซึ่งนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกับ หน่วยราชการ องค์กรภาคเอกชน และชาวัยภูมิ ทุกหมู่เหล่า นำรายได้จากการจำหน่ายเสื้อ "ภูมิใจ ชัยภูมิ” มาใช้เป็นทุน ดำเนินการก่อสร้าง ตามแบบที่ได้วางเอาไว้ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ เป็นศูนย์รวมความรัก ความสามัคคี ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยสร้างบริเวณวงเวียน ที่บริเวณหน้าวัดชัยประสิทธิ์ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ มีเทศบาลเมืองชัยภูมิ เป็นเจ้าภาพหลัก ในการวางแผน ออกแบบก่อสร้าง และตั้งคณะกรรมการภาคประชาชน 1 ชุด มากำกับดูแล จนกว่าจะดำเนินการสร้างแล้วเสร็จ มีนายจรินทร์ วงศ์เบญจรัตน์ ประธานมูลนิธิสว่างคุณธรรม จ.ชัยภูมิ เป็นประธานคณะกรรมการ

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่าหอพญาแลแห่งนี้จะต้องอยู่คู่เมืองชัยภูมิตลอดไป หลักคิดสำคัญ คือจะต้องทำให้หอแห่งนี้นั้นเป็นหอที่ทรงเกียรติ และเป็นหอที่ชาวชัยภูมิต้องภาคภูมิใจ เพราะฉะนั้น จึงได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลพระบรมราชานุญาต ให้หอแห่งนี้เป็นหอที่ประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ไว้ที่ส่วนบนสุดของหอ และแท่งหินที่ท่านเห็น จะต้องเป็นแท่งหินที่เป็นประติมากรรมทำด้วยคุณค่าของศิลปะ คุณค่าในทางสถาปัตยกรรมและจะต้องใช้เทคนิคในทางวิศวกรรมที่จะทำให้หอแห่งนี้มีความคงทนแข็งแรง

ถ้าหากสิ่งเหล่านี้ได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว ผมมั่นใจว่าจะเป็นหอเดียวในภูมิภาค จังหวัดต่างๆ จะมีเฉพาะที่ชัยภูมิแห่งเดียวเท่านั้น ในวันที่ 9 ที่จะถึงนี้ จะคณะกรรมการ เดินทางไปที่ประเทศอินเดีย ไปดูหินที่จะมาทำแท่ง หอพญาแล ซึ่งความยาวจะต้องยาวประมาณ 10 กว่าเมตร เป็นเสาต้นเดียว และสลักเสามาจากประเทศอินเดีย มาประกอบที่ประเทศไทย ส่วนฐานนั้นจะเป็นแท่งหินแกรนิตเกรดเอทั้งก้อน ตัวเสาหลักจะเป็นเสาสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำรัชกาลที่ 9 ส่วนฐานนั้นน่าจะเป็นสีดำ และภายในก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่รูปร่างลักษณะจะเป็นอย่างนี้นะครับ

ความเชื่อมโยงอีกประการหนึ่งหลังจากหอแห่งนี้ได้ทำเสร็จแล้ว ในวัน สองวันนี้ นายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ จะดำเนินการทุบขยายวงเวียน ตรงช่วงอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล และทางคณะกรรมการ จะทำการเปลี่ยนหินแกรนิตเดิมที่ปูอยู่บริเวณฐานอนุสาวรีย์ เป็นอันใหม่ก็จะไปสั่งที่อินเดีย และอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะริเริ่ม ก็คือเรื่องของการสร้างศาลพญาแลแห่งใหม่คือการปรับปรุง หนองปลาเฒ่า หนองน้ำศักสิทธิ์ของจังหวัดชัยภูมิ

เพราะฉะนั้นในสามจุดของการสร้างสัญลักษณ์เมือง ใช้เวลาในการทำในกรอบ 12ปี ผมคิดว่าสิ่งนี้คือการยกระดับเมืองขึ้นมา และสุดท้ายคนที่จะได้รับประโยชน์คือคนชัยภูมิทุกคน ผมขอขอบคุณคณะกรรมการทางหอการค้าซึ้งท่านเป็นตัวเชื่องโยงในการวิ่งเต้นนะครับ ท่านนายกเทศมนตรีเมืองนะครับ ซึ่งเป็นคนดำเนินกานในเรื่องของแบบนะครับ ดำเนินการในเรื่องของการวางผังทุกอย่างทุกประการ ผมมั่นใจว่าด้วยพลังศัทธาแล้วก็ความรักความสามัคคีของเรา งานที่สำคัญยิ่งของจังหวัดในครั้งนี้นะครับ คงจะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและสบความสำเร็จทุกประการ วันนี้ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์อันดีผมจะเอารูปถ่ายในวันนี้ตั้งแต่วันวางศิลาฤกษ์และในวันนี้ จะจารึกเป็นสมุดที่ระลึกในวันเปิดหอพญาแลแห่งนี้ด้วย




สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

จังหวัดนครราชสีมาประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัด

วันนี้เวลา ๑๓.๓๐ น. นายวินัย วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ ในวันอังคารที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ชั้น ๑ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา มีใบประทวนจำนำข้าวที่ต้องจ่ายเงินให้กับเกษตรกรวงเงินรวมทั้งหมด ๗,๐๖๑ ล้านบาท จนถึงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๗ ได้รับจัดสรรงบประมาณจากส่วนกลางแล้วจำนวน ๒๐ ครั้ง เป็นเงิน ๓,๕๕๙.๔๑ ล้านบาท ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินจำนำข้าวให้กับเกษตรกรแล้วจำนวน๓๖,๒๑๔ ราย ใบประทวน ๔๒,๒๙๓ ใบ ปริมาณข้าวเปลือก ๑๙๑,๐๕๕.๒๑ ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๔๐๘.๓๖ ล้านบาท คงเหลือใบประทวนค้างจ่ายจำนวน ๕๗,๔๗๕ ใบ ส่วนใญ่เป็นใบประทวนของเกษตรกรที่จำนำข้าวตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลและจะดำเนินการจ่ายให้กับเกษตรตามลำดับก่อน-หลังที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ ธ.ก.ส. โดยสรุปงบประมาณที่ ธ.ก.ส. ยังค้างจ่ายตามใบประทวนและรอรับการจัดสรรจากรัฐบาลเพิ่มเติมอีกประมาณ ๓,๕๐๐ ล้านบาท เกษตรกรประมาณ ๔๖,๗๐๐ ราย การสีแปรสภาพและส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลาง ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ (ณ วันที่ ๒๑ ม.ย. ๕๗) ปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำ(ในจังหวัดและการเปิดจุดนอกจังหวัด) รวมทั้งสิ้น ๔๐๕,๙๙๓ ตัน โรงสีสีแปรสภาพทั้งหมดแล้ว ปริมาณข้าวสารที่ได้จาการสีแปรสภาพรวม ๒๐๗,๙๙๐ ตัน ส่งมอบเข้าโกดังกลางแล้วรวม ๑๗๕,๓๑๔ ตัน และจ่ายขายตรงให้ผู้ส่งออก ๒๗,๑๗๐ ตัน ค้างส่งมอบข้าวสารรวม ๕,๕๐๖ ตัน การรับข้าวสารเข้าโกดังกลางคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดได้รับรองโกดังกลางที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ รวม ๒๗ แห่ง (อคส. ๒๔ แห่ง และ อ.ต.ก. ๓ แห่ง) ซึ่งได้รับการอนุมัติและเปิดรับข้าวสารแล้ว จำนวน ๒๑ แห่ง ความจุรวม ๓,๔๐๒,๙๕๑ กระสอบ สรุปผลการรับมอบข้าวสารเข้าโกดังกลาง ณ วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๗ เป็นข้าวหอมะลิจำนวน ๒,๓๓๖,๑๗๙ กระสอบ น้ำหนักสุทธิ ๒๓๓,๕๙๒ ตัน ข้าวเจ้า จำนวน ๖๗๓,๖๕๕ กระสอบ น้ำหนักสุทธิ ๖๗,๓๕๒ ตัน สำนักงานการค้าภายในจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด ได้รับหนังสือจาก บริษัท ยูนิแม็ค เอส แอนด์ เอส จำกัด ยื่นความจำนงสมัครคลังสินค้ากลางเก็บรักษาข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ กับ อคส. ซึ่งที่ผ่านมาเคยยื่นความจำนงสมัครคลังสินค้ากลางกับ อ.ต.ก. และได้รับการอนุมัติพร้อมลงนามในสัญญาฝากเก็บฯ แล้ว (หจก. กรุงไทยดิสทริบิวชั่น หลังที่ ๑ และ ๒) แต่ อ.ต.ก. ไม่มีข้าวสารส่งมอบเพื่อรับฝากเก็บในคลังกลาง บริษัทฯ จึงได้ยกเลิกสัญญากับ อ.ต.ก. และเปลี่ยนมายื่นความจำนงสมัครคลังสินค้ากลางเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ กับ อคส. จำนวน ๒ แห่ง ดังนี้ คลังสินค้า ยูนิแม็ค เอสแอนด์ เอส หลังที่ ๑ เลขที่ ๔๕/๑ หมู่ที่ ๑๕ ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ความจุ ๑๐๑,๒๑๐ กระสอบ และคลังสินค้า ยูนิแม็ค เอสแอนด์ เอส หลังที่ ๒ เลขที่ ๔๕/๑ หมู่ที่ ๑๕ ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ความจุ ๑๑๖,๑๕๕ กระสอบ ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ตรวจสภาพเบื้องต้นแล้ว มีคุณสมบัติเหมาะสมตามหลัเกณฑ์ที่ อคส. กำหนด จึงนำเสนอผลการตรวจให้คณะอนุกรรมการพิจารณรับรองและจัดเกรด ก่อนส่งให้ อคส. พิจารณาอนุมัติต่อไป

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา จัดโครงการ “ห่วงใยความปลอดภัยชุมชน” โดยมอบหมวกนิรภัย พร้อมนำร่องมอบจักรยานยนต์ไฟฟ้าแก่สำนักงานในสังกัด ไว้สำหรับให้บริการประชาชน

วันนี้ (29 เม.ย. 57) ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา นายประกาญจน์ วงศ์พุฒิ ผู้อำนวยการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "ห่วงใยความปลอดภัยชุมชน” โดยมอบหมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ จำนวน 1,000 ใบ ให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ในพื้นที่ให้บริการ 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา-ชัยภูมิ-บุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเรื่องความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ยานพาหนะ สร้างการจดจำแบรนด์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการดูแลอยู่เคียงข้างประชาชน นอกจากนี้ได้ส่งมอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 8 คัน แก่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาย่อย 8 แห่ง เพื่อเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในงานการบริการด้านระบบไฟฟ้า ตรวจสอบมิเตอร์ สำรวจระบบจำหน่าย ตรวจคำร้องขอใช้ไฟฟ้า สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นนวัตกรรมประหยัดพลังงาน ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ 8 ชั่วโมง วิ่งได้ 60 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดกว่าใช้น้ำมัน 17 เท่า แบตเตอรี่มีอายุการใช้งาน 2 ปี

ปภ.โคราช เตือนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ขณะที่ มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนกว่า2พันหลัง

วันนี้( ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗) เวลา 09.00 น. นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่อง พายุฤดูร้อน บริเวณความกดอากาศสูงค่อนข้างแรงยังคงแผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่องจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ฝนฟ้าคะนองมีลมกรรโชคแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จังหวัดนครราชสีมา จึงขอแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากภัยธรรมชาติในระยะ ๑ - ๒ วันนี้ (๒๙ - ๓๐ เมษายน 255๗ ) ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน "มิสเตอร์เตือนภัย”และเครือข่ายวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่ ควรดูแลบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบบ้านให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง สำรวจต้นไม้บริเวณรอบบ้าน หากมีต้นไม้ใกล้ล้ม ควรโค่นทิ้ง สำหรับต้นไม้ที่มีกิ่งไม้ใบไม้มากและไม่แข็งแรง ควรตัดกิ่งทิ้งและลิดใบออก ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชคแรง ควรหลบอยู่ในอาคารที่มั่นคงแข็งแรง ไม่ควรหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้าง ป้ายโฆษณา เพราะเสี่ยงต่อการถูกล้มทับ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือหรือสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ทั้งเงิน ทองแดง นาก ในที่โล่งแจ้งเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟ้าผ่า หากพบป้ายโฆษณาไม่ได้มาตรฐานให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการแก้ไขที่สำคัญ ควรติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้สำหรับประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งเหตุสาธารณภัยได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ๐๔๔-๒๔๒๒๓๐ , 044-242131 , 044-242280 หรือสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วนของสถานการณ์วาตภัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการประสานข้อมูลจากอำเภอส่งรายงานเหตุด่วนสาธารณภัยมีรายละเอียดดังนี้ ซึ่งขณะนี้มีอำเภอทีประสบภัยแล้วจำนวน ๒๕ อำเภอ ๘๙ ตำบล ๒๓๔ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ๔,๒๗๐ คน ๑,๘๘๗ ครัวเรือน ที่อยู่อาศัย ๑,๘๒๖ หลัง ยุ้งข้าว ๙๐ หลัง คอกสัตว์ ๗๘ หลัง สถานที่ราชการ ๑ หลัง วัด ๑ หลัง มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

ผู้ว่าโคราชประชุมหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาในมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์

วันนี้ (29 เม.ย. 57) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือนเมษายน 2557 เพื่อมอบนโยบายในการปฏิบัติงานพร้อมสรุปผลการดำเนินงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้ง ด้านการบริหารจัดการ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การจัดงาน โอทอป ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-11 พค 2557 การเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 นครราชสีมาเกมส์ และการแข่งขันกีฬคนพิการแห่งชาติครั้งที่ 33 โคราชเกมส์ การจัดงาน วิสาขบูชา พุทธบารมี ประจำปี 2557 และการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 พร้อมกันนี้ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานมอบทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้แก่นักศึกษาจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค 5 จำนวน 8 ราย รายละ 3,000 บาท อีกด้วย

สำนักงานควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา เตือนประชาชนที่นิยมบริโภคหน่อไม้ปิ๊บ หรือ หน่อไม้บรรจุถุงพลาสติก ควรต้มน้ำให้เดือดก่อนนำมาบริโภค หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที

นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ได้ออกมาเตือนประชาชนที่นิยมบริโภคหน่อไม้ต้ม หรือ หลายพื้นที่เรียกว่า หน่อไม้ซิ่ง ซึ่งเป็นอาหารที่คนอีสานนิยมรับประทาน และจากกรณีมีผู้ป่วยจากการบริโภคหน่อไม้ต้มบรรจุปิ๊บที่จังหวัดชัยภูมิ รวม 4 ราย ทั้งหมดพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยสาเหตุเกิดจากเชื้อ คลอสทริเดียม โบทูลินัม หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ โรคพิษหน่อไม้ปิ๊บ ซึ่งเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนพิษ หรือมีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเชื้อดังกล่าวจะมีฤทธิ์ทำลายกล้ามเนื้อ โดยแพทย์ต้องให้ยาแอนติท็อกซิน แก้พิษ ดังนั้นก่อนรับประทานควรนำมาต้มน้ำให้เดือดทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เพื่อทำลายพิษที่ปนเปื้อนในอาหาร หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปากแห้งหนังตาตก หลังกินหน่อไม้ต้มควร รีบพบแพทย์ทันทีพร้อมนำอาหารที่กินไปด้วย เพื่อส่งตรวจหาพิษ

จังหวัดบุรีรัมย์เปิดแหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อม

จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เปิดแหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อม ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง เน้นส่งเสริม สร้างชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

นายสากล ฐินะกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดแหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้โครงการ "พัฒนาเทศบาลและชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญหาแห่งแผ่นดินตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเทศบาลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชน เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

ในโอกาสนี้ รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณคนต้นแบบ แก่บุคคลต้นแบบที่มีบทบาทส่งเสริมสนับสนุน มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน และมอบใบประกาศเกียรติคุณคนต้นแบบ แก่บุคคลต้นแบบในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนต้นแบบ พร้อมกับมอบป้ายแหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ ของเทศบาลตำบลหนองเต็ง อาทิด้านการอนุรักษ์ป่าชุมชน , ธนาคารขยะรีไซเคิล และการจัดการขยะอินทรีย์ เป็นต้น รวม 4 ชุมชน

สำหรับชุมชนต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลหนองเต็ง เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้โครงการ "ส่งเสริมพหุภาคีในการพัฒนาชุมชนน่าอยู่อย่างยั่งยืน หรือ ที่เรียกว่าโครงการ "LA21” โดยมีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพแกนนำคนต้นแบบ การถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคนิคการเป็นวิทยากรชุมชน จนสามารถขยายผลการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นรูปธรรม พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานที่เป็นต้นแบบ การจัดการสิ่งแวดล้อม ของชุมชน ได้จนถึงปัจจุบัน

เทศบาลตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง เป็นชุมชนที่ได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล มีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยการนำคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ทำให้คนในชุมชนได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบในการขยายผลการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนไปสู่ท้องถิ่นในเขตพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการเสริมสร้างองค์ความรู้ สร้างความเข้าใจในการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน และรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้คนในชุมชนของตน และชุมชนอื่นๆ เห็นความสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนและท้องถิ่นอื่นอย่างแท้จริง

คืบหน้าคดีทุจริตสอบท้องถิ่นที่มหาสารคาม เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ-ผู้ว่าฯคาดอาจทำเป็นขบวนการ

ความคืบหน้ากรณีพบการทุจริตในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้าเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ของสนามสอบโรงเรียนบรบือวิทยาคาร จังหวัดมหาสารคาม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างมาเข้าสอบ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม คาดน่าจะทำเป็นขบวนการ หากพบมีข้าราชการในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามระเบียบราชการตามกฎหมาย

(29 เม.ย. 57) จากกรณีที่พบว่ามีการทุจริตการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเข้าเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2556 ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สนามสอบโรงเรียนบรบือวิทยาคาร จังหวัดมหาสารคาม และท้องถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ได้แจ้งความไว้ต่อเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบรบือ โดยผู้กระทำความผิดและตกเป็นผู้ต้องหาคือ นางสาววนิดา ดวงพรม อายุ 25 ปี ซึ่งได้ใช้หลักฐานปลอมและแอบอ้างชื่อของนางสาวอชิรญาณ์ สังข์ต้อง เป็นผู้เข้าสอบ นั้น เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาทประกันตัวออกไป โดยเจ้าหน้าที่นัดให้มารายงานตัว ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ส่วน นางสาวอชิรญาณ์ สังข์ต้อง เจ้าหน้าที่ได้สอบไว้เป็นพยาน

ด้าน นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า หลังรับรายงานเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว ได้มอบอำนาจให้หน่วยงานท้องถิ่นจังหวัดมหาสารคามเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุคคลดังกล่าว และสอบสวนขยายผลเข้าจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนขยายผลเพื่อให้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ส่วนเอกสารต่าง ๆ เช่น เอกสารบัตรประชาชน ที่พบว่าเป็นบัตรปลอมต้องส่งไปทางศูนย์ทะเบียนภาคจังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจสอบ และส่งไปที่สำนักทะเบียนกลาง สำนักบริหารงานทะเบียนกรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นบัตรจริง บัตรปลอมอย่างไร พร้อมสืบหาที่มาของบัตรว่ามาได้อย่างไร เบื้องต้นคาดว่าอาจทำเป็นขบวนการ ทั้งนี้หากพบว่าข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบ แต่หากการสอบสวนของตำรวจพบว่าข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องก็ ต้องดำเนินการตามระเบียบราชการตามกฎหมาย



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

อำเภอกุดรัง ชื่นชม และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ได้รับคัดเลือกอำเภอที่ผลการปฎิบัติงานดีเด่นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 57

ผู้ว่าฯ สารคาม มอบโล่รางวัลอำเภอที่มีการปฎิบัติงานดีเด่นด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557

29/4/2557 ที่ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ก่อนวาระในการประชุมประจำเดือนเมษายน 2557 นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้อำเภอที่มีผลการปฎิบัติดีเด่นด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2557 จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุดรัง ซี่งเป็นอำเภอที่มีผลงานด้านวัตกรรมดีเด่น ในการติดตั้งป้ายรณรงค์ ให้ผู้นำชุมชนและประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และมีคำสั่งตั้งกฎขึ้นมาเอง หากผู้ไม่ปฎิบัติตามกฎ ชุมชนจะทำการปรับ ขั้นต่ำ 50 บาท และจะนำเงินที่ได้จากค่าปรับไปพัฒนาชุมชนนั้นต่อไป อำเภอชื่นชม มีผลงานด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่นดีเด่น เช่นหากมีคนเมาสุรา ญาติพี่น้อง หรือผู้นำชุมชนในท้องถิ่นจะสกัดไว้ไม่ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นการปฎิบัติในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลและช่วงปกติ อย่างต่อเนื่องตลอดปี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย มีการบูรณาการจัดตั้งจุดตรวจดีเด่น เช่นการติดตั้งป้ายประประชาสัมพันธ์ ที่เห็นชัดเจน การตั้งเต็นท์ที่มีมาตรฐาน เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานประจำจุดตรวจได้ปฎิบัติงานเต็มที่ที่เข้มแข้ง และในจุดตรวจมีอุปกรณ์ตามมาตราฐานครบถ้วน

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม สามารถลดจำนวนอุบัติเหตุ และผู้บาดเจ็บลดลงจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นก็ตาม ถือว่าทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือและการปฎิบัติงานร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ ที้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ สมาคม ผู้นำชุมชน/หมู่บ้าน อาสาสมัคร และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง ที่ได้เสียสละเวลาความสุขส่วนตัว ทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ ปฎิบัติงาน เพื่อควบคุม ดูแล อำนวยความสะดวกในการใช้รถใช้ถนน และการเดินทางของพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัยมากที่สุด และในเนื่องในวโรกาสครบรอบการก่อตั้งจังหวัดมหาสารคาม 150 ปี ในปี 2557 กระผมมีแนวนโยบายให้การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นวาระของจังหวัด ที่จะต้องร่วมมือร่วมใจรักษาวินัยจราจรให้ดำเนินการคลอบคลุมทั้งจังหวัดตลอดปี 2558



ภาณุวัชร คนเชี่ยว /ข่าว ส.ปชส.มค.

มหาสารคาม เพิ่มทักษะทางภาษา ESARN TO ASEAN

งานวิเทศสัมพันธ์ กองประชาสัมพันธ์และกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดโครงการเพิ่มทักษะทางภาษาและวัฒนธรรม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน (ESARN TO ASEAN)

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยงานวิเทศสัมพันธ์ กองประชาสัมพันธ์และกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดโครงการเพิ่มทักษะทางภาษาและวัฒนธรรมเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน (ESARN TO ASEAN) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รำไพ เกณฑ์สาคู รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดโอกาสให้กับครูของโรงเรียนในชุมชนได้เรียนรู้วิธีการจัดการเรียนการสอนในวิชาภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาและผู้มีประสบการณ์ทางด้านการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศโดยตรง ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาและโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และที่สำคัญที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่บุคลากรทางการศึกษาในการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีพุทธศักราช 2558

สำหรับรูปแบบการจัดโครงการเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการโดยแบ่งเป็น ปาฐกถาให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน การปาฐกถาเรื่อง บทบาทภาษาอังกฤษกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน โดยคุณแอนดรูว์ บิ๊กส์ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Andrew Bigs Academy จัดฝึกอบรมระหว่างวันที่ 28 เมายน-2 พฤษภาคม 2557 มีครูจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ครูจากโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม และครูจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสาคาม กว่า 80 คน เข้าอบรม




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว