วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ เร่งรัดโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเขาวง

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เร่งรัดส่วนราชการ และภาคประชาชนที่ได้รับงบประมาณโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริอำเภอเขาวง จำนวน 18 โครงการ เร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้

บ่ายวันนี้ 17 มิถุนายน 2556 ที่ห้องประชุม 3 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการ ขยายผลเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเร่งรัดส่วนราชการและภาคประชาชนที่ได้รับงบประมาณโครงการเกษตรทฤษฎี ใหม่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริอำเภอเขาวง จากสำนักงาน กปร. ได้แก่โครงการปรับรูปแปลงนาเพื่อการขยายผลโครงการ 1 ไร่ 1 แสน โครงการผลิตก๊าชชีวภาพจากมูลสัตว์ โครงการเพิ่มอาหารโปรตีนโดยการเลี้ยงไก่ไข่ในครัวเรือน โครงการพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ โครงการพัฒนาโรงสีสหกรณ์ โครงการพัฒนากระบวนการกลุ่ม โครงการประชุมสัมมนารวมพลคนพอเพียง โครงการพัฒนาเครือข่ายธนาคารต้นไม้ โครงการพัฒนาเครือข่ายธนาคารสัตว์น้ำ โครงการพัฒนากลุ่มหัตถกรรมพื้นบ้าน โครงการเสริมศักยภาพศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนระดับตำบล โครงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ผลิตข้าวเหนียวเขาวง โครงการอบรมเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียงเขาวง โครงการณรงค์ไถกลบตอซัง โครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด โครงการเสริมศักยภาพผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียวเขาวง โครงการธนาคารข้าวเหนียวเขาวง โครงการประเพณีบุญข้าวเขาวง โครงการส่งเสริมปลูกผักปลอดภัยเชิงพาณิชย์ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณอุโมงค์ผันน้ำ โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ และโครงการอื่นๆรวมทั้งสิ้น 18 โครงการ งบประมาณดำเนินการจำนวน 3,385,000 บาท โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการทั้งภาครัฐและภาคประชาชนได้เร่งรัดการ ดำเนินงานทุกโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
 
 


สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว

มูลนิธิรักแผ่นดินไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ โครงการรวมพลังศรัทธาไทย...ใต้ร่มเย็น มาให้ชาวขอนแก่นและจังหวัดทางภาคอีสานได้สักการะบูชา

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 18 – 27 มิถุนายน 2556ทาง มูลนิธิรักษ์แผ่นดินไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก 45 องค์ที่สมเด็จพระสังฆราชฯประทานให้กับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาประดิษฐาน ณ มณฑปรับรองชั่วคราว วัดป่าแสงอรุณ ตำบลพระลับ อำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับมูลนิธิรักษ์แผ่นดินไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้จัดทำโครงการรวมพลังศรัทธาไทย...ใต้ร่มเย็น โดยได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 45 สัณฐาน อัญเชิญไปประดิษฐานไว้วัดต่าง ๆ 45 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งยังได้จัดสร้างพระพุทธนิรสรรพภัย พระไพรีพินาศ ขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว จำนวนอย่างละ 4 องค์ เพื่อนำไปประดิษฐาน ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เพื่อเป็นที่สักการะบูชา ให้เป็นสิริมงคล เป็นขวัญกำลังใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพระภิกษุสงฆ์ ข้าราชการ และประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยมีการฉลองสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1- 9 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา จากนั้น อัญเชิญไประดิษฐานชั่วคราวที่ภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้สักการบูชาสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะ อัญเชิญมาที่จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดขอนแก่นสำหรับจังหวัดขอนแก่นจะเปิด ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชาระหว่างวันที่ 18 มิถุนายนถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่วัดป่าแสงอรุณ ตำบลพระลับ อำเภอเมืองขอนแก่น โดยวันที่ 18 มิถุนายน 2556 จังหวัดขอนแก่นจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอย่างยิ่งใหญ่ รวม 9 ขบวน เริ่มต้นขบวนแห่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่นไปสิ้นสุดที่วัดป่าแสงอรุณ สำหรับวันที่ 19 -27 มิถุนายน 2556 ช่วงเช้าถึงเย็นจะมีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะ เวลา 16.30น.จะมีพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ช่วง18.00น.จะมีพิธีเวียนเทียนทุกวันและใน วันที่ 20 มิถุนายน2556 จะมีการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสจังหวัดขอนแก่นช่วงบ่ายเป็นการประ ชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะอำเภอภาค 9 ช่วงเย็นจะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงพระเจริญพระชันษา 100 ปีซึ่งทุกวันจะมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน การประกวดร้องสรภัญญะหมู่ทุกวัน จังหวัดขอนแก่นก็ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนในภาคอีสานและคนไทยทุกคนมาร่วม สักการะพระบรมสารีริกธาตุจาก 45 แห่งได้ซึ่งโอกาสดีๆแบบนี้หาได้ยากมาก


 ชยุต อนุสุริยา / ข่าว      

ชัยภูมิเชิญเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวฤดูฝน ที่เบ่งบานสะพรั่งทั่วท้องทุ่ง

ชัยภูมิจัดใหญ่ งานท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว สีชมพูอมม่วง สดใส ที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก ชูความพร้อมรับนักท่องเที่ยว ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดกิจกรรมต่อเนื่อง ตลอดช่วงฤดูฝนนี้
 
เมื่อเวลา 10.00น. วันนี้ 17 มิถุยายน 2556 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดแถลงข่าว ประกาศความพร้อม รับท่องเที่ยว ที่จะหลั่งไหลไปเที่ยวชม ความสวย สดใส ของทุ่งดอกกระเจียว สีชมพู อมม่วง เอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก ทีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ กลางทุ่งหญ้าเพ็กสีเขียว ปกคลุมด้วยไม้เต็งรัง รูปร่างแปลกตา บนเทือกเขาพังเหย ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 800-1,000 เมตร ในช่วงเดือนนี้ไปต้นไป จนถึงปลายเดือนสิงหาคม โดยปีนี้เน้นในเรื่องการท่องเที่ยว แบบรู้คุณค่าของธรรมชาติ และความสวยงาม สดใส เบิกบาน ของทุ่งดอกกระเจียว พันธุ์บัวสวรรค์ จึงใช้สโลแกนการจัดงานว่า "ดอกกระเจียว ดีใจ ที่ชัยภูมิ” และนำสิ่งดี ที่มีในจังหวัดชัยภูมิอยู่แล้ว ขึ้นมานำเสนอ อวดสายตานักท่องเที่ยว โดยเฉพาะวันเปิดงาน ช่วงเย็น วันที่ 21 มิถุนายน การแสดงได้เน้นให้เด็กเยาวชน มาแสดงความสามารถ ที่เป็นเอกลักษณ์ของชัยภูมิ เช่นชุดสาวบ้านแต้ ขี่รถจักรยาน ชุดชัยภูมิบ้านพี่ และวิถีชีวิตชาวมอญโบราณ เผ่าญัฮกุร เป็นต้น
 
ด้านความพร้อม ขณะนี้ ดอกกระเจียวเบ่งบานประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่า วันเปิดงาน น่าจะถึง 80 เปอร์เซ็นต์ นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางไปเที่ยวชมแล้วกว่า 6,000 คน หลายฝ่ายได้เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย จัดกิจกรรมเชื่อมไปสู่การท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นอุทยานแห่งชาติไทรทอง หมู่บ้านผ้าไหมบ้านเขว้า น้ำตกตตาดโตน มอหินขาว เป็นต้น พร้อมจัดกิจกรรมแข่งขันแรลลี่ ลานร้านค้าสาธิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย พืชผัก ไม้ผล ผลิตชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต เลือกซื้อสินค้าโอทอปชื่อดัง ของฝากของที่ระลึก จากจังหวัดชัยภูมิ
 
พิเศษสุดปีนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภจว.ชัยภูมิ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทแก้ปัญหารถติด ช่วงขึ้นอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ร่วมกับ อบต. บ้านไร่ สร้างลานจอดรถเพิ่มเติม พร้อมนำรถตำรวจ มาบริการรับ-ส่งฟรี ถึงด่านเก็บเงินอุทยานฯ นอกจากนี้ยังระดมกำลังออกฉีดพ่นยากำจัดไข่แมลงวันทุก2-3วัน กวดขันเรื่องค่าบริการอาหาร ที่พัก หากมีปัญหา สามารถแจ้งได้ที่ เบอร์ 0-4485-7105, 08-1867-0894 สำหรับการเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียว จะมีรถบริการที่สะดวก ปลอดภัย 10 คัน ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ซื้อตั๋วครั้งเดียว ขึ้นลงได้ตลอดเส้นทาง จากจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ทุ่งดอกกระเจียว ลานหินงาม
 

 

สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ ประชาชนกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตามโครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

วันนี้ ( 17 มิ. ย. 56 ) เวลา 10.00 น.  ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ในพื้นที่ อำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการร่วมกันปกป้องสถาบันและร่วมกันต่อต้านยาเสพติด ตามนโยบายโครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึก ความรู้รัก สามัคคี และสมานฉันท์ของคนในพื้นที่ ให้ส่วนราชการได้รับทราบปัญหาความต้องการที่แท้จริง เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐกับประชาชน โดยกิจกรรมภายในงานมีการทำหมันสัตว์ สาธิตการทำสบู่จากกาวไหม สร้างอาชีพจากงานหัตถกรรม และเกษตรกรรม สินค้าพื้นบ้าน และโครงงานต่างๆ จากเยาวชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภค แก่ผู้พิการ คนชรา ผู้ยากไร้ พร้อมมอบแว่นตาแก้ผู้มีปัญหาทางสายตา และมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ อีกด้วย โดยในงานได้มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานจำนวนมาก 

คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดนครราชสีมา ประกาศรับสมัครกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริต (ป.ป.จ.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา

นายพิเชษฐ์ พุ่มพันธ์ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เขตพื้นที่ 3 (นครราชสีมา) หรือ ป.ป.ช.3 กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดนครราชสีมา ประกาศรับสมัครกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริต (ป.ป.จ.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๑๐๓/๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ ๑. มีคุณสมบัติ (๑) เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (๒) มีความรู้ความสามารถและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต (๓) มีสัญชาติไทย (๔) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปีบริบูรณ์ (๕) รับหรือเคยรับราชการในระดับไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่าหรือ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์หรือมีผลงานเป็นที่ยอมรับใน ลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อ

การส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือเป็นผู้ซึ่งองค์การพัฒนาเอกชนหรือองค์กรวิชาชีพ
ที่มีกฎหมายรับรองและปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปีโดยองค์การพัฒนาเอกชนหรือ องค์กรวิชาชีพให้การรับรอง ๒.ไม่มีลักษณะต้องห้าม (๑) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (๒) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคาสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย (๓) ติดยาเสพติดให้โทษ (๔) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (๕) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกแม้ว่าคดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ หรือเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่ในความผิดที่ ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท (๖) เคยถูกไล่ออกปลดออกหรือให้ออกจากราชการหน่วยงานของรัฐหรือ รัฐวิสาหกิจ (๗) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะ ร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ (๘) เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด 

ว.พยาบาลศรีมหาสารคามจัดอบรมผู้บริหารสารธารณสุขระดับต้น ประจำจำปี 2556

วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามจัดอบรมผู้บริหารสารธารณสุขระดับต้น ประจำจำปี 2556 สร้างบุคลกรด้านสารธารณสุขระดับต้นให้มีความรู้ความสามารถและทักษะที่เหมาะ สมกับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นผู้บริหารที่ดีอันนำไปสู่การพัฒนางาน ในตำแหน่งหน้าที่ทางการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม มหาสารคาม จัดโครงการอบรมผู้บริหารสารธารณสุขระดับต้น ประจำจำปี 2556 โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามเป็นประธานเปิดการอบรมฯ
ดร.จิราพร วรวงศ์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กล่าวว่าสืบเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาผู้ บริหารและการดำเนินการพัฒนาผู้บริหารการสารธารณสุขระดับต้นอย่างต่อเนื่อง จากอดีตมาจนถึงปัจจุบันซึ่งมีการพัฒนาด้านการบริหารและเทคโนโลยีเจริญก้าว หน้าเป็นลำดับและจากวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การเมืองและโครงสร้างของประชากร พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบบริการสุขภาพของประเทศ กระทรวงสาธารณสุขในฐานะที่เป็นองค์กรสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพที่ยั่งยืน ให้มีคุณภาพและสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนและสังคมที่มี จิตสำนึกด้านสุขภาพและพร้อมที่จะเป็นผู้นำการแข่งขันด้านสุขภาพในระดับสากล ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาผู้บริหารระดับต้นที่มีอยู่จำนวนมากซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ปฏิบัติงานบริการประชาชนโดยตรงให้มีความรู้ความสามารถและ ทักษะที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นผู้บริหารที่ดี มีความรู้ความสามารถและมีความสุขตลอดจนมีคุณธรรมอันนำไปสู่การพัฒนางานใน ตำแหน่งหน้าที่ทางการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลงใน มิติต่างๆอย่างรู้เท่าทันภายใต้หลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงสาธารณสุขโดยวิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขจึงดำเนินการพัฒนาผู้บริหาร การสาธารณสุขระดับต้นรุ่นที่ 23 ประจำปีงบประมาณ 2556 ขึ้น
วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคามได้รับมอบหมายภารกิจหลักจากวิทยาลัยนักบริหาร สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้นรุ่นที่ 23 ในระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน – 19 กรกฎาคม 2556 จำนวน 45 คน มีผู้เข้าอบรมจากจังหวัดในภาคกลางจำนวน 14 คน ภาคเหนือ 4 คน ภาคใต้ 1 คนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 36 คนรวม 29 จังหวัด การอบรมประกอบด้วยการบรรยาย การอภิปรายกลุ่มย่อย การค้นคว้าอิสระและกาศึกษาดูงาน โดยได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 7 จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลมหาสารคาม โรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โรงพยาบาลกมลาไสย โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม สำนักงานสารธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชนและวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามจัดค่ายก้าวใหม่ สู่ชีวิตที่สดใส

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามจัดค่ายก้าวใหม่ สู่ชีวิตที่สดใส เพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดและพฤติกรรมไม่ให้กระทำผิดซ้ำอีก พร้อมทั้งเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นและปรับตัวเข้ากับสังคม
ที่ศูนย์การเรียนรู้แก่งโคกก่อแคมป์ ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามจัดค่ายก้าวใหม่ สู่ชีวิตที่สดใส เพื่อฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัด โดยมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามเป็นประธานเปิดงาน
นางเยาวดี พันธ์หินกอง ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามกล่าวว่าสำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดมหาสารคาม เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยได้ดำเนินการจัดโครงการ ค่ายก้าวใหม่ สู่ชีวิตที่สดใส ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2556 ขึ้นในระหว่างวันที่ 17-21 มิถุนายน 2556 หลักสูตร 4 คืน 5 วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดและพฤติกรรมการของผู้เข้ารับการ ฟื้นฟูที่กลับมากระทำผิดซ้ำในระหว่างการบำบัดฟื้นฟูและคณะอนุกรรมการฟื้นฟู ได้ปรับแผนการบำบัดให้ขยายเวลาการบำบัดฟื้นฟู รวมทั้งผู้เข้ารับการฟื้นฟูที่รอส่งศูนย์บำบัดแบบควบคุมตัว เนื่องจากสถานที่บำบัดแบบควบคุมตัวไม่เพียงพอ และเพื่อให้เกิดความตระหนักในคุณค่าของตนเองและผู้อื่น เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นและปรับตัวเข้ากับสังคม ให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างการยอมรับจากสังคม ไม่ให้หวนกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือกระทำความผิดซ้ำอีก ซึ่งจะทําให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิด พฤติกรรมและสามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัว ชุมชนและสังคมได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ครอบครัวเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดูแล ผู้บำบัดยาเสพติดอันจะเป็นการคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นายธวัช สุระบาลกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้พัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นและปรับตัวเข้ากับสังคม สร้างการยอมรับจากสังคม รวมทั้งให้ครอบครัวเข้ามามีบทบาทมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการดูแลผู้บำบัดยาเสพ ติดให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีของสังคม ตลอดจนเป็นการแก้ไขปัญหาสถานที่บำบัดมาเพียงพอซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วม กิจกรรมสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อันจะส่งผลไม่ให้หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก
การจัดโครงการดังกล่าวได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากโรงพยาบาล มหาสารคาม โรงเรียนโคกก่อพิทยาคม คณะอาสาสมัครคุมประพฤติและวิทยากรจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามใน การเป็นวิทยากรบรรยาย ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพ ติดที่อยู่ความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคามจำนวนกว่า 50 คน



 

ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ประชุมร่วมพิจารณาการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย(พูดจาหาทางออกประเทศไทย)

ประชุมร่วมพิจารณาการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย(พูดจาหาทางออกประเทศไทย)

จังหวัดมหาสารคามร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ประชุมคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อร่วมเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สื่อสารกับสาธารณะ

๑๗/๖/๒๕๕๖ ณ.ห้องดอกจาน (ชั้น๓) อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา (อาคาร ๑๕ ชั้น) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม รองศาสตราจารย์สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เป็นประธารในการประชุมร่วมพิจารณาคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมเวทีประชา เสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย) โดยมีกลุ่มเป้าหมายจากภาครัฐ,เอกชน,ภาคเกษตรกร,นักวิชาการ,ผู้นำทางความคิด เข้าร่วมประชุมเพื่อคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมเวทีตามสัดส่วนและ แนวทางที่กำหนด โดยให้ทางจังหวัดให้วางเพื่อคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ได้จำนวนตามที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามกำหนด

จังหวัดได้กำหนดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย(พูดจาหาทางออกประเทศไทย) ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ.มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และมีวิทยากรผ่านการอบรมจากส่วนกลาง จาก ๓ จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสา ๑๐ คน,ชัยภูมิ ๕ คน และมหาสารคม ๕ คน วิทยากรกระบวนการจากจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย ๑. ดร.วิทยา เจริญศิริ คณบดีวิทยาลัยการเมืองและปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ๒. นายธีรปภัสร์ ปพัฒน์เดชาพงศ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ๓. นายศักดิ์เจริญ ภวภูตานนท์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ๔. นายศีลธรรม รอบวงจันทร์ ปราชญ์ชาวบ้าน ๕. นายศักดา นามโยธา ปราชญ์ชาวบ้าน

ซึ่งดำเนินการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย) ในทุกจังหวัดๆละ ๑-๓ เวที จังหวัดมหาสารคามดำเนินการ ๑ เวที ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ.หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ ๘๐ พรรษาฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มเป้าหมายจำนวน ๑,๐๐๐ คน





ภาณุวัชร คนเชี่ยว ภาพ/ข่าว

มหาสารคามเตรียมรื้อฟื้นจัดงานประเพณี บุญเดือน 7 หรือบุญซำฮะ

จังหวัดมหาสารคามเตรียมรื้อฟื้นจัดงานประเพณีบุญเดือน 7 หรือบุญซำฮะ เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและทำความสะอาดบ้านเมืองให้สวยงาม น่าอยู่ โดยเชิญทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 10 – 11 กรกฎาคม 2556 ที่จะถึงนี้ ชาวจังหวัดมหาสารคามทุกภาคส่วนทั้ง คณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ชาวชุมชนคุ้มวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคามและนักเรียน นักศึกษา จะได้พร้อมใจกันรื้อฟื้นงานเพณี บุญเดือน 7 ในฮีต 12 หรือบุญ 12 เดือน ของชาวภาคอีสานที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่างาน "บุญซำฮะ” ขึ้นมาจัดอีกครั้งหนึ่งที่บริเวณลานพระประธานกันทรวิชัย สนามหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามในอดีตให้กลับคืนมา และคงอยู่สืบไป เพื่อเป็นการชำระ ทำความสะอาดบ้านเมือง ชุมชน คุ้มวัดต่างๆ ให้สะอาด สวยงาม น่าอยู่ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ สามัคคี ของประชาชนในชุมชน คุ้มวัด เมือง ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยการทำบุญซะฮะ หรือบุญเดือน 7 คือ การทำบุญชำระจิตใจให้สะอาด และเพื่อปัดเป่าขับไล่สิ่งที่ไม่เป็นมงคลออกไปจากหมู่บ้าน ชุมชน และเมือง เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุข ตลอดจนความสะอาด เป็นระเบียบ สวยงาม ของบ้านเมือง ซึ่งพิธีกรรมในงาน บุญซำฮะ จะมีกิจกรรมที่เป็นพิธีทางศาสนาพุทธ , พราหมณ์และความเชื่อเรื่องของประชาชนผสมผสานกันอย่างลงตัว


ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยต่อไปว่า กิจกรรมการจัดงานตลอด 2 วัน ประกอบด้วยวันแรก 10 กรกฎาคม 2556 ณ ลานพระประธานกันทรวิชัย หน้าศาลากลางหลังเก่า เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 – 18.00 น. มีการดูดวง โชคชะตา พิธีสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตา เวลา 18.00 น. มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำพิธีปลุกเสก กรวด , หิน , ดิน , ทราย เพื่อนำไปปัดเป่าขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากบ้าน เวลา 19.00 – 24.00 น. เป็นการนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ นักเรียน นักศึกษา ชาวชุมชน คุ้มวัดต่างๆ กว่า 1,000 คน วันที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 07.00 น. จะเป็นการประกอบพิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์จากทุกวัดในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม จำนวนประมาณ 180 รูป จากนั้นจะเป็นการแยกย้ายกันไปประกอบพิธีปัดรังควาน ขับไล่สิ่งไม่ดีออกไปจากชุมชน บ้านเมืองที่ 4 มุมเมืองของจังหวัดมหาสารคาม คือ ทิศตะวันตกบริเวณ 4 แยกเกษตร , ทิศเหนือที่บริเวณบ้านทุ่งประทาย (วิทยาลัยศรีพยาบาล) , ทิศตะวันออกที่บริเวณสี่แยกบ้านหม้อทางไปร้อยเอ็ด , ทิศใต้ที่บริเวณสี่แยกแก่งเลิงจาน โดยในการประกอบพิธีบุญซำฮะที่ลานพระประธานกันทรวิชัยหน้าศาลากลางหลังเก่า จะมีการโยงสายสิญจน์จากชุมชน คุ้มวัด สถานที่สำคัญ บ้านเรือน ราษฎร ไปยังบริเวณประกอบพิธีตลอดทั้ง 2 วัน เพื่อความเป็นสิริมงคลของประชาชนทั้งเมือง ทั้งจังหวัด



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/พิมพ์

มหาสารคามเตรียมจัดสวัสดิการแก่ข้าราชการ สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน

คณะกรรมการสวัสดิการจังหวัดมหาสารคาม หารือแนวทางในการจัดสวัสดิการภายในจังหวัดมหาสารคาม กำหนดให้มีศูนย์อาหารและ สถานที่ออกกำลังกายบริเวณศาลากลางจังหวัด เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่ข้าราชการ

จากการประชุมคณะกรรมการสวัสดิการจังหวัดมหาสารคาม ที่มีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานประชุม ได้มีการหารือแนวทางการจัดสวัสดิการภายในจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ได้มีการจัดทำระเบียบสวัสดิการภายในจังหวัด พ.ศ. 2556 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้ลงนามแล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็เป็นเรื่องของการพิจารณารายละเอียดของการจัดสวัสดิการ

โดยที่ประชุมได้มีการเสนอให้จัดสร้างศูนย์อาหารและสถานที่ออกกำลังกายพร้อม อุปกรณ์ภายในศาลากลางจังหวัด เนื่องจากภายในศูนย์ราชการ ศาลากลางจังหวัดมีหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน ประจำอยู่ อีกทั้งมีประชาชนภายนอกมารับบริการจากหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งร้านจำหน่ายอาหาร มีไม่เพียงพอ และอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ทำให้ไม่สะดวก นอกจากนี้ ในทุก ๆ วัน จะมีข้าราชการมาออกกำลังกายที่บริเวณศาลากลางจังหวัด จึงเห็นสมควรให้มีการจัดทำศูนย์อาหารและสถานที่ออกกำลังกายที่เป็นสัดส่วน ภายในศาลากลางจังหวัด

เบื้องต้น กำหนดบริเวณทางเดินด้านหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดมหาสารคาม เป็นศูนย์จำหน่ายอาหาร ชั่วคราวไปก่อน ในอนาคตกำหนดใช้ห้องทำงานของ สำนักงาน กกต.จังหวัด ซึ่งกำลังจะย้ายไปประจำ ณ อาคารที่ทำการใหม่ เป็นศูนย์อาหารอย่างถาวร ส่วนสถานที่ออกกำลังกาย กำหนดให้ใช้บริเวณ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษามหาสารคาม (สกสค.) ซึ่งย้ายไปประจำ ณ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์การออกกำลังกายให้เพียงพอสำหรับข้าราชการ ลูกจ้าง ภายในศูนย์ราชการจังหวัดมหาสารคาม
 
 


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

กกต.มหาสารคามจัดอบรมดีเจประชาธิปไตยชุมชน จังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556

กกต.มหาสารคามจัดอบรมดีเจประชาธิปไตยชุมชน จังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556 เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขั้นตอนและกระบวนการต่างๆเพื่อแนะนำชี้แจงให้แก่บุคคลทั่วไปที่รับฟังรายการ ได้ทราบ

17-06-56 ที่ห้องอาหารแผ่นดินทอง จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดมหาสารคาม จัดอบรมดีเจประชาธิปไตยชุมชน โดยมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดการอบรมฯ  


นายสาโรช ไพเราะ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคามกล่าวว่าโครงการฝึกอบรมดีเจ ประชาธิปไตยชุมชน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้จัดขึ้นนี้ด้วยมุ่งหวังที่อยากจะให้ องค์กรภาคเอกชนและภาคอื่นๆได้เข้ามามีสาวนร่วมและบทบาททางการเมืองในแต่ละ ระดับให้มากขึ้น ซึ่งจากการพิจารณาแล้วเห็นว่าในส่วนของนักจัดรายการวิทยุและนักโฆษณาประชา สัมพันธ์ผ่านทางเครือข่ายคลื่นสถานีวิทยุชุมชนหรือสถานีวิทยุสังกัดหน่วยงาน อื่นต่างมีบทบาทสำคัญต่อการแนะนำและให้ความรู้แก่ประชาชนในสังคมเป็นจำนวน มาก ที่สำคัญสื่อวิทยุเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงและมีความผูกพันกับพี่ น้องประชาชนในจังหวัดชัดเจนและต่อเนื่องมายาวนาน ดังนั้นการพิจารณานำสื่อดังกล่าวมาเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์และการให้ ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่าน ช่องทางสื่อดังกล่าวจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนแต่ละ ระดับมากยิ่งขึ้น จึงได้เห็นควรนำนักจัดรายการวิทยุที่มีอยู่ในพื้นที่มาอบรมให้ความรู้และ เพื่อพัฒนาให้เป็นนักจัดรายการวิทยุที่มีความรู้ความเข้าใจในส่วนที่เกี่ยว ข้องกับการเลือกตั้งและกระบวนการประชาธิปไตยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน การจัดอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมอบรมซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุจำนวน 20 คน จากจังหวัดมหาสารคาม ใช้ระยะเวลาการอบรม 1 วันเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขั้นตอนและกระบวนการต่างๆเพื่อแนะนำชี้แจงให้แก่บุคคลทั่วไปที่รับฟังรายการ ได้ทราบในเบื้องต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นเนื้อหาความรู้ที่ประชาชนทุกคนในประเทศควรจะได้มีส่วนรับ รู้และเรียนรู้ เพื่อให้วิถีประชาธิปไตยในประเทศไทยได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตข้าง หน้าต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดหาหารเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย

นายแสงทอง อนันตภักดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวดมุกดาหาร เปิดเผยว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้มอบหมายให้ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร จัดกิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย Young DPR Awards เยาวชนประชาธิปไตยสัมพันธ์ ปีที่ ๓ ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ซึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ ๓ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและเยาวชนในสถานศึกษาทั่วไปให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข ภายใต้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งโรงเรียนที่ผ่านการแข่งขันในระดับจังหวัด จะได้เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในระดับเขตที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง ๑๑ อุบลราชธานี ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖

ทั้งนี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร ได้กำหนดจัดกิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย ประจำปี ๒๕๕๖ ระดับจังหวัดมุกดาหาร ในวันพุธที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร โดยมีเยาวชนจากสถานศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร สมัครเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย
 




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จังหวัดสุรินทร์ เผย คณะกรรมการและสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ยังขาดความเข้าใจการบริหารจัดการกองทุนฯ จำเป็นต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น

นางชนมณี จารุธนิตกุล  ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี  จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า การดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของจังหวัดสุรินทร์ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าคณะกรรมการและสมาชิกของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในชุมชนส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ การบริหารจัดการกองทุนฯ และขาดการเสียสละเวลามาทำงาน เนื่องจากเป็นกองทุนใหม่ จึงทำให้ขาดการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังขาดทักษะในการเขียนและเสนอโครงการ ขั้นตอนการขอกู้ยืมที่มีความซับซ้อน รวมทั้งหลักเกณฑ์การเขียนโครงการขอรับเงินสนับสนุนจากคณะกรรมการฯ ทำให้มีหลายโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของกองทุนฯ บางโครงการไม่ชัดเจน ขาดเอกสาร หลักฐานในการประกอบยื่นขอเสนองบประมาณ จึงจำเป็นต้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิกอย่างทั่วถึงให้มากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี  จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 196,071 คน คิดเป็นร้อยละ 35ของจำนวนเป้าหมายหญิงอายุ 15 ปี ที่มีอยู่กว่า 551,000 คน โดยได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนการดำเนินงานรวม 134 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินอุดหนุน 26 ล้านบาท ได้อนุมัติเพื่อดำเนินการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีและจัดกิจกรรมในการพัฒนาบทบาทสตรีแล้ว 124 โครงการ เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41 ของเงินจัดสรร และงบทุนหมุนเวียน จำนวน 104 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกกู้ยืมไปพัฒนาอาชีพ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการไปแล้ว 1,421 โครงการ รวมเป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 77ของเงินจัดสรร

ศาลจังหวัดสุรินทร์ จัดกิจกรรม “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” เพื่อให้คู่ความที่มีอรรถคดีได้มีโอกาสเจรจายุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง

นายคันฉัตร  บุตตะนนท์ ปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” ระหว่างเดือนมิถุนายน 2556 ถึง กรกฎาคม 2556 เพื่อให้คู่ความที่มีอรรถคดีในศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้มีโอกาสเจรจายุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นด้วยตนเองด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม โดยมีผู้ประนีประนอมทั้งเป็นบุคลากรในศาลและบุคลากรภายนอกที่มีความรู้ ความสามารถแนะนำช่วยเหลือให้คู่ความได้เจรจากันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาและยุติข้อพิพาทให้แก่คู่ความ นอกจากนี้ ยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ 0-4451-1633 ต่อ 222


จังหวัดสุรินทร์ แนะใช้ตะไคร้หอม ภูมิปัญญาไทย ไล่ยุง ป้องกันโรคไข้เลือดออก

นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5นครราชสีมา (สคร.5 ) ว่าภูมิปัญญาไทยหรือสมุนไพรพื้นบ้านเป็นสิ่งที่มีคุณค่า หากสามารถนำมาใช้ป้องกัน หรือรักษาโรคจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากมาย โดยในช่วงฤดูฝนสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการไล่ยุง ได้แก่ ตะไคร้หอม ซึ่งเป็นพืชล้มลุก มีกลิ่นหอมตรงรอยต่อระหว่างใบกับกาบ ตะไคร้หอมมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ายกับตะไคร้กอ ต่างกัน ที่กลิ่น ต้นและใบยาวกว่าตะไคร้กอมาก แผ่นใบกว้างยาวและนิ่มกว่า เล็กน้อย ดอก ช่อ สีน้ำตาลแดง แทงออกจากกลางต้น ออกดอกยาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตกเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณไล่ยุงและแมลง ไม่เป็นพิษต่อคน การใช้ตะไคร้หอมเพื่อไล่ยุงและแมลง สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันตะไคร้หอมปรุงกับน้ำหอมทาตัวป้องกันยุงกัด ใส่กระบอกสูบผสมกับน้ำมันอื่นฉีดไล่ยุง หรือ นำตะไคร้หอมทั้งต้น ประมาณ 4-5 ต้น มาทุบๆ วางทิ้งไว้ในห้องมืดๆ กลิ่นน้ำมันที่ระเหยออกมาจะช่วยไล่ยุงและแมลง ไม่ให้มารบกวน หรือนำถุงใส่ตะไคร้หอมวางบริเวณที่อับ เช่น ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ จะไล่ยุงไม่ให้มารบกวนได้ ทั้งนี้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ทดลองประสิทธิภาพป้องกันยุงกัดของครีมตะไคร้หอม 14 % พบว่า มีผลป้องกันยุงกัดได้นาน 2 ชม. ซึ่งใกล้เคียงกับครีมจากสารสังเคราะห์ ดังนั้น ตะไคร้หอม จึงเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ ควรปลูกไว้ทุกบ้านเพื่อป้องกันยุงและไล่แมลง เช่นเดียวกับที่ควรมียาสามัญประจำบ้าน เพราะสามารถหาได้ง่าย ราคาไม่แพง เป็นการส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาไทยเพื่อป้องกันและควบคุมโรคได้อีกด้วย

จ.สุรินทร์ หวั่นเปิดเทอม โรคมือเท้าปากระบาด แนะ โรงเรียนเข้มมาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี

นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5นครราชสีมา (สคร.5 ) ว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน และเป็นช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ จะมีเด็กนักเรียนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก โรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นจากการมาอยู่รวมกันได้แก่ โรคมือ เท้า ปาก ซึ่งโรคนี้มักเกิดในเด็กเล็กทั่วไป เด็กที่ติดเชื้อโรคมือเท้าปาก จะมีไข้ 1-2วัน จากนั้นจะมีตุ่มหรือแผลในปากคล้ายแผลร้อนใน อาจมีหลายแผล ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณคอหอยหรือใกล้ต่อมทอนซิล หากอาการรุนแรงจะลามมาที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กเจ็บในปากและคอ ไม่ยอมดูดนม กินอาหารไม่ได้ ส่วนใหญ่เด็กที่ป่วยอาการจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ และหายได้เองภายใน 7 วัน มีจำนวนน้อยที่มีอาการรุนแรง คือมีไข้สูง อาจมีอาการชัก แขนขาอ่อนแรง โรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ จังหวัดสุรินทร์

จึงขอความร่วมมือโรงเรียน  และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ  ในห้องเรียน ห้องครัว ภาชนะใส่อาหาร  ห้องน้ำ ห้องส้วม อาคารสถานที่ แยกของใช้เป็นรายบุคคล  เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ช้อน หาอุปกรณ์ให้นักเรียนได้ล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนทานอาหารและหลังเข้าส้วมทุกวัน และให้ครูตรวจสุขภาพเด็กนักเรียน โดยเฉพาะการตรวจตุ่มใสที่มือ เท้า ปาก หากพบว่าเด็กมีไข้ หรือพบตุ่มใสขึ้นที่มือ เท้า หรือในปาก ขอให้แยกออกจากเด็กปกติ แจ้งผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้ เพื่อควบคุมป้องกันโรค หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรฟรี

จ.สุรินทร์เตือนเกษตรกร หลังเดินลุยน้ำขังต้องล้างเท้าให้สะอาด แนะสวมรองเท้าบู๊ท เพื่อป้องกันโรคไข้ฉี่หนู

นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5นครราชสีมา (สคร.5 ) ว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม สภาพอากาศที่เย็นชื้น ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดแพร่ระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะโรคฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรซีส เป็นโรคที่เกษตรกรต้องพึงระวัง ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือ ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน คนงานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กรรมกรขุดท่อระบายน้ำ คนงานเหมืองแร่ และโรงฆ่าสัตว์ ควรหลีกเลี่ยงการเดินในพื้นที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์ หากเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมรองเท้าบู๊ท หลังเดินลุยน้ำต้องล้างเท้าให้สะอาด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู โรคฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรซีส เป็นโรคที่พบปนอยู่ในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่นหนู สุนัข แมว โค แพะ แกะ กระบือ เมื่อคนสัมผัสกับปัสสาวะของสัตว์ เช่น พื้นที่น้ำท่วมขัง ที่ชื้นแฉะ ดินโคลน เชื้อโรคจะไชเข้าทางผิวหนังที่เป็นแผล หรือ เปื่อยยุ่ยจากการแช่น้ำอยู่นานๆ หากได้รับเชื้อแล้วผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง มีเลือดออกใต้เยื่อบุตา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และอาเจียน

ข้อแนะนำในการป้องกันตนเองนั้น ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง  ได้แก่ เกษตรกร ชาวไร่ชาวนา  ชาวสวน คนงานฟาร์มเลี้ยงสัตว์  กรรมกรขุดท่อระบายน้ำ โรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่บ้านมีหนูมาก ภายหลังเดินย่ำน้ำหรือเดินลุยน้ำขัง ต้องล้างเท้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง อย่าปล่อยให้อับชื้นเป็นเวลานาน ควรใส่รองเท้าบู๊ทให้เป็นนิสัย หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นที่ชื้นแฉะ หรือสัมผัสเยี่ยวสัตว์ รวมทั้งดูแลบ้านเรือนและบริเวณบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบ เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ หรือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หนู

จังหวัดสุรินทร์ เตือนเห็ดพิษอันตราย แนะเลี่ยงกินเห็ดสด เห็ดที่เกิดใกล้มูลสัตว์ หรือกินเห็ดพร้อมดื่มสุรา อาจถึงตายได้

นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5นครราชสีมา (สคร.5 ) ว่า ฤดูฝน เป็นฤดูที่พืชผลทางการเกษตรออกดอกออกผลดี รวมทั้งสภาพอากาศร้อนชื้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยเฉพาะเห็ดป่า ซึ่งคนนิยมนำมาเป็นอาหาร โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน ที่นิยมรับประทานอาหารป่า จังหวัดสุรินทร์จึงเตือนประชาชนอย่ารับประทานเห็ดที่ไม่รู้จักชนิด เห็ดที่เกิดใกล้มูลสัตว์ อย่ากินเห็ดสดๆ โดยไม่นำไปปรุงให้สุกก่อนหรือเก็บเห็ดหลายชนิดมาปรุงรวมกัน และอย่ารับประทานเห็ดพร้อมกับดื่มสุรา เพราะอาจเป็นพิษต่อร่างกาย และเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ หน้าฝนมักมีเห็ดซึ่งเป็นอาหารตามธรรมชาติ รวมทั้งอาจมีเห็ดพิษที่คนรับประทานเข้าไปแล้วทำให้มีอาการป่วย เช่น เห็ดพิษในกลุ่มที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง กลุ่มอาการพิษคล้ายเมาสุราค้างถ้ากินเห็ดแกล้มเหล้าผู้ได้รับพิษจะมีอาการหน้าแดง ใจสั่น หายใจหอบ เจ็บหน้าอก ชาตามตัว กลุ่มพิษต่อระบบประสาท ผู้ป่วยจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม และประสาทหลอน มึนเมา ทำให้มีอาการผิดปกติทางจิต กลุ่มพิษต่อตับ ไต ผู้ป่วยอาจไตวาย หัวใจวาย ชัก และอาจถึงแก่ชีวิตได้

ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์  กล่าวต่อไปว่า ข้อแนะนำในการในการรับประทานเห็ดให้ปลอดภัย  ได้แก่ อย่าบริโภคเห็ดสด เพราะเห็ดบางชนิดพิษจะถูกทำลายเมื่อได้รับความร้อน เห็ดที่มีวงแหวน เห็ดมีปลอกหุ้มโคน  เห็ดมีก้านป่องเป็นกระเปาะ เห็ดที่มีเกล็ดอยู่บนหมวกดอก เห็ดที่มีรูปร่างคล้ายสมองและอานม้า หรือเห็ดที่ไม่รู้จัก เพราะอาจถึงตายได้หากเป็นเห็ดพิษ รวมทั้งอย่าบริโภคเห็ดที่ขึ้นอยู่ใกล้มูลวัว มูลควาย ไม่ควรปรุงอาหารโดยใช้เห็ดป่าหลายชนิดรวมกัน เพราะอาจเกิดพิษต่อร่างกายโดยไม่ทราบว่าเห็ดชนิดใดเป็นพิษ และไม่ควรเก็บเห็ดในบริเวณที่มีสารพิษตกค้างมารับประทาน ในการช่วยเหลือหากผู้ป่วยรับประทานเห็ดมีพิษเข้าไป คือ ต้องทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมาให้หมด เพื่อลดการดูดซึมพิษเข้าร่างกาย แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

เทศบาลเมืองสุรินทร์ จัดประชุมการจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2556

นายธนรัช  รุ่งธนเกียรติ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า เทศบาลเมืองสุรินทร์ จัดประชุมการจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2556 ในวันที่ 18 มิถุนายน 2556 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัดกิจกรรมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทางเทศบาลเมืองสุรินทร์ จะกำหนดจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 20-21 กรกฏาคม 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่นให้คงไว้สืบไป
เทศบาลเมืองสุรินทร์ จึงขอเชิญ ผู้เข้าร่วมประชุม ทุกท่านเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ตามวันและเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน