วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน CCF ในพระราชูปถัมภ์ มอบหลุมหลบภัยที่จังหวัดสุรินทร์

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มอบหลุมหลบภัย ในโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดน ในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์

วันที่ 3 ก.ค. 56 ที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตร ค่ายวีรวัฒน์โยธิน มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดพิธีส่งมอบหลุมหลบภัย ใน "โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดน” ให้กับโรงเรียนและหมู่บ้าน ในพื้นที่แนวชายแดน โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน และสักขีพยานในการลงนามเพื่อรับมอบระหว่าง พล.ต.ชลิต เมฆมุขดา ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กับ นายปราโมช พสุวัต กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิฯ และ ดร.กรรณชฎา พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เป็นตัวแทนในการส่งมอบ

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือเด็กยากไร้ ให้รอดพ้นจากความยากจน มีพื้นที่ในการดำเนินงาน 35 แห่ง ครอบคลุม 31 จังหวัด ซึ่ง หนึ่งในนั้นก็คือจังหวัดสุรินทร์ โดยครอบคลุมพื้นที่ 10 อำเภอ 17 ตำบล 72 หมู่บ้าน มีเด็กอยู่ในความดูแลจำนวน 1,716 คน ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินงาน 4 อำเภอ 22 ตำบล 162 หมู่บ้าน มีเด็กในอุปการะ 2,600 คน และในห่วง 1 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯได้จัดสรรงบประมาณจำนวนกว่า 14.4 ล้านบาท มาช่วยเหลือเด็กในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และ 7.7 ล้านบาท สำหรับเด็กยากไร้ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

สำหรับหลุมหลบภัยที่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯในพระราชูปถัมภ์ ได้ร่วมมือกับ กองกำลังสุรนารี ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ จัดสร้างและปรับปรุง จำนวน 16 แห่ง ซึ่งเป็นการสร้างใหม่ 14 แห่ง ปละปรับปรุงอีก 2 แห่ง มูลค่าในการจัดสร้างและปรับปรุง 2,329,100 บาท (สองล้านสามแสนสองหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยบาท) ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์




ส.ปชส.สุรินทร์ กำชัย วันสุข / ข่าว
อนุชา  หาญนึก / ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประชุมติดตามผลการดำเนินงาน คณะกรรมการสรรคณะกรรมการติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานจังหวัด กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ณ ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานีศาลา กลางจังหวัดอุบลราชธานี (หลังใหม่) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานประชุมและสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ (สกพส.) โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการในคณะคณะกรรมการสรรคณะกรรมการติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานจังหวัด กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมประชุมเสนอแผนการติดตามและสนับสนุนการดำเนินงาน การประเมินผล กำกับดูแล และสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดและคณะ กรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล และรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรค รวมทั้งรายงานการเงินของกองทุนคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด และคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบล ทั้งนี้จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ จึงได้รับการจัดสรรวงเงิน 130 ล้าน บาทและทั้งนี้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินการประชุมและพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่างๆ ของสมาชิก ทั้งประเภทเงินทุนหมุนเวียน และเงินอุดหนุน ไปแล้วทั้งหมดจำนวน 10 ครั้ง รวมทั้งหมด 25 อำเภอ



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศ ลงพื้นที่ติดตามประเมินการประกวดกิจกรรมประเภทจังหวัดTO BE NUMBER ONEระดับประเทศ รักษามาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบระดับเพชร ปีที่ 1 ประจำปี 2556 จังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมสุนีย์ ตริยางกูรศรี โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบราชธานี นางนภา ศกุนตนาค กล่าวต้อนรับคณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศและนำเสนอผลการดำเนินงานประเภทจังหวัด TO BE NUMBER ONE ประจำปี 2556 โดยมีสถานศึกษา จัดกิจกรรมร่วมออกบูธ คือวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานีโรงเรียนปทุมพิทยาคม โรงเรียนม่วงสามสิบอัมพวันวิทยา และโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ส่วนภาคเอกชนประกอบด้วยบริษัทกิจตรงยามาฮ่าอุบลราชธานีและบริษัทกิจเจริญไทย อุบลจำกัดบูธของชุมชน 2 แห่ง ชุมชนหนองขอน อำเภอเมืองและชุมชนบ้านบาก อำเภอเขมราฐ


สำหรับกิจกรรมปีนี้มีบูธประเทศเพื่อนบ้าน คือบูธนวัตกรรม โรงเรียนพอนสวรรค์ แขวงจำปาสัก สปป. ลาว ทั้งนี้คณะกรรมการระดับประเทศ ได้สอบถามผลการดำเนินงานโครงการ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอสำหรับจังหวัดพร้อมทั้ง เยื่ยมชมบูธนิทรรศการ ประเภทสถานศึกษา ปะเภทสถานประกอบการประเภทชุมชน และบูธนวัตกรรมจากโรงเรียนพอนสวรรค์ สปป.ลาว ในครั้งนี้อีกด้วย

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 แถลงข่าวกำหนดจัดงานมหกรรมวิชาการ “เหลียวหลังแลหน้า 3 ปี สพม.29” ระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2556

ที่ห้องประชุมสินเจิมสิริ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายประวิทย์ หลักบุญ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 แถลงข่าวกำหนดจัดงานมหกรรมวิชาการ "เหลียวหลังแลหน้า 3 ปี สพม.29” ระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2556 ณ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีหน่วยงานจาก สถานศึกษาในสังกัดร่วมจัดกิจกรรมรายงานความก้าวหน้าทางการศึกษา จัดนิทรรศการ พิธีมอบรางวัลดีเด่น การเสวนาทางวิชา การแสดงบนเวที การเผยแพร่ผลงานดีเด่น ของหน่วยงาน สถานศึกษา ผู้บริหาร ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผลงานดีเด่นนักเรียน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี การจัดตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (2553-2556) การจัดงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษา และผู้เรียนให้มีคุณภาพรักความเป็นไทย ก้าวไกลสู่สากลและอาเซียน เพื่อเผยแพร่ผลงานกิจกรรมดีเด่นของสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนในสังกัด ให้สาธารณชนรับทราบ และเพื่อส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมของปะชาชนทุกภาคส่วน ให้มีบทบาทและสนับสนุนการจัดการศึกษาอย่างทั่วถึง

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 (อุบลราชธานี – อำนาจเจริญ) มีภารกิจรับผิดชอบจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดอุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ในท้องที่ 32 อำเภอ มีโรงเรียนมัธยมศึกษา 81 แห่ง มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กว่า 3,600 คน และมีนักเรียนมัธยมศึกษา กว่า 84,000 คน และยังมีเครือข่ายการศึกษาร่วมจัดนิทรรศการ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอุบลราชธานี สถานศึกษาเอกชน สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 2 และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี (ช่อง 11) รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปินแห่งชาติ หลายสาขา เพื่อพัฒนาผู้เรียนตามแนวทาง เด็กไทยก้าวหน้า การศึกษาก้าวไกล สู่อาเซียน

กาชาดรับบริจาคโลหิต

ข้าราชการตำรวจและนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นปี 2555 ตบเท้าร่วมบริจาคโลหิตกับหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ของสำนักงานเหล่า กาชาดจังหวัดอุดรธานีและโรงพยาบาลอุดรธานี ซึ่งออกหน่วยรับบริจาคโลหิตตามแผนรับบริจาคโลหิตประจำเดือนกรกฎาคม 2556

เช้าวันนี้ ( 2 ก.ค. 56 ) ที่กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายเสนีย์รณยุทธ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอุดรธานี ร่วมออกหน่วยรับบริจาคโหลิตเคลื่อนที่จากข้าราชการตำรวจ และครอบครัวภายในค่าย โดยมีพันตำรวจเอกประจวบ จรูญธรรม ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก พร้อมมอบหมายให้พันตำรวจโทวิชัย ชาภูคำ ผู้บังคับกองร้อยฯ ดูแลความเรียบร้อย ซึ่งในวันนี้มีข้าราชการตำรวจ ครอบครัวและ นักเรียนนายสิบตำรวจรุ่นปี 2555 ซึ่งเดินทางมาเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555- 31 ตุลาคม 2556 นี้ร่วมบริจาคโลหิตด้วย ซึ่งยอดรับบริจาคโลหิตในวันนี้มีผู้ร่วมบริจาคโลหิต 123 คน ได้ยอดโหลิต 49,200 ซีซี

อนึ่งเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ องค์สภานายิการสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา สภากาชาดไทยได้จัดทำตราไปรษณียากรที่ระลึกสำหรับผู้บริจาคโหลิต โครงการน้อมจิตบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติมหาราชินี มอบให้กับผู้บริจาคโลหิตต่อเนื่องทุก3 เดือนติดต่อกัน 4 ครั้งในปี 2555และ 2556เพื่อเป็นที่ระลึก โดยด้านหน้าจะเป็นพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระนามาภิไธยย่อ สก ภายในด้านซ้ายมือ เล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่องานบริการโลหิต ด้านขาวมือเป็นตราไปรษณียากรพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน ขนาด 5 บาท 4 ดวง และด้านหลังเป็นพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2536 ใจความว่า "ข้าพเจ้าปลื้มใจที่คนไทยบริจาคโลหิตกันมาก จนเป็นที่สรรเสริญของชาวโลก เป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราเป็นชนชาติที่มีความเมตตาสูงและมีความเจริญทางจิตใจสูง เมื่ออยู่ท่ามกลางคนไทย เราย่อมมั่นใจได้ว่า จะไม่มีใครล้มลงอยู่กลางถนน โดยไร้คนช่วยเหลืออย่างแน่นนอน "

สำหรับการบริจาคโหลิตในวันนี้มีนักเรียนนายสิบจำนวนหนึ่ง บริจาคโลหิตครบ 7 ครั้ง และบริจาคติดต่อกัน 4 ครั้งในปี 2555 ที่ผ่านมา พันตำรวจโทวิชัย ชาภูคำ ผู้บังคับกองร้อย กองกำกับการ 4 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายเสนีย์รณยุทธ จึงเป็นตัวแทนผู้กำกับฯ มอบใบประกาศเกียรติคุณผู้บริจาคโลหิต ตราไปรษณียากรที่ระลึกสำหรับผู้บริจาคโหลิต โครงการน้อมจิตบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติมหาราชินี และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกในโอกาสดังกล่าวด้วย



ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 

สัมมนาความรู้กฏหมายแก่ชาวต่างชาติที่พักอาศัยในจังหวัดอุดรธานี

สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอุดรธานี ร่วมกับ สำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านกฏหมายแก่เครือข่ายชาวต่างประเทศที่อาศัยในจังหวัด อุดรธานี สร้างเครือข่ายการป้องกันการค้ามนุษย์ในพื้นที่

บ่ายวันนี้ ( 2 ก.ค. 56 )ที่ห้องประชุมพลโทปัญญา อยู่ประเสริฐ ชั้น4 โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จัหวัดอุดธานี นายสาโรช แสงอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการสัมมนาให้ความรู้ทางกฏหมายแก่เครือข่ายชาวต่างประเทศที่ อาศัยในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอุดรธานี กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ สำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานีจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้สร้างความเข้าใจแก่เครือข่ายอาสาสมัคร ตำรวจท่องเที่ยวต่างประเทศของจังหวัดอุดรธานี รวมทั้งเครือข่ายชาวต่างประเทศในจังหวัดเกี่ยวกับกฏหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับ การดำรงชีวิตในประเทศไทย รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันการค้ามนุษย์ในจังหวัดอุดรธานี โดยมีผู้คู่สมรมชาวต่างชาติและชาวต่างชาติที่พักอาศัยในพื้นที่ร่วมสัมมนา รวม 90 คน

โดยการสัมมนาครั้งนี้จัดในรูปของเวทีพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้ความรู้กฎหมายเกี่ยวกับการเข้าเมืองและการพักอาศัยในประเทศไทย การซื้อที่ดิน/อสังหาริมทรัพย์ การแต่งงานและอยู่กินกับชาวไทย รวมถึงการหารือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในชุมชนไทยอย่างมีความสุข และสามารถนำความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาให้จังหวัดอุดรธานีมีความกว้าหน้า ต่อไปอย่างไร โดยวิทยากรร่วมบรรยายประกอบด้วย ดร.อุทัย อาทิเวช อัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฏหมายระหว่างประเทศ พันตำรวจโทเจษฎา ยางนอก สารวัตรตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุดรธานี พันตำรวจโทอัมรินทร์ อยู่เย็น สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี โดยมีนางสมฤดี พู่พรอเนก หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอุดรธานีและนายเชลล์ นิสเต็ม อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เป็นผู้นำการบรรยาย



ทีมข่าวส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานีบินสำรวจ

หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงบินสำรวจพื้นที่ 10 อำเภอของจังหวัดอุดรธานี พบกระทงนา ไร่อ้อย มันสำปะหลังแห้งขอดโดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนล่างและทิศตะวันตก ในขณะที่เครื่องบินทำฝนเทียมของฝูงบิน 461 พิษณุโลก เดินทางมาถึงพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงในทันที

จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีนายปนิธิ เสมอวงษ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออเกฉียงเหนือจังหวัดขอนแก่น จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี ดูแลให้บริการปฏิบัติการฝนหลวงครอบคลุมพื้นที่อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย และสกลนคร ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556เป็นต้นไป โดยนายวีระยุทธ ภูขาว เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี และบุคลากรประจำหน่วย 14 คน บุคลากรจากกองบิน 23 อีก 20 คน และได้รับการสนับสนุนเครื่องบิน BT 67 เครื่องบินประจำการในการปฏิบัติการฝนหลวง จากฝูงบิน 461 พิษณุโลก

เพื่อเป็นการบินสำรวจพื้นที่ก่อนวางแผนปฏิบัติการฝนหลวง เช้าวันนี้ ( 3 ก.ค.56 ) นายวีระยุทธ ภูขาว หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี นำผู้แทนสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี บินสำรวจสภาพพื้นที่การเกษตรและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญๆ ในพื้นที่อำเภอเมือง กุมภวาปี โนนสะอาด ศรีธาตุ วังสามหมอ ไชยวาน หนองหาน ทุ่งฝน บ้านดุง สร้างคอม เพ็ญ ซึ่งใช้เวลาบินสำรวจนานกว่า 2 ชั่วโมง พบว่าพื้นที่ทางตอนล่างและทิศตะวันตกของจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะอำเภอเมือง กุมภวาปี โนนสะอาด กระทงนา ไร้อ้อย ไร่มันสำปะหลังแห้งขอด ในขณะที่ในพื้นชุ้มน้ำในบริเวณลำน้ำห้วยหลวง ลำน้ำสงครามทางด้านตะวันออกของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งประกอบด้วยอำเภอเพ็ญ สร้างคอม กระทงนามีน้ำท่วมขัง และจากการสอบถามนักบิน และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี ทำให้ทราบว่าวันนี้เมฆก่อตัวเหมาะสำหรับทำฝนหลวง ซึ่งในการบินสำรวจนั้นจะใช้ความสูงเพียง 50 – 80 ฟิต แต่ในการทำฝนหลวงต้องใช้ความสูงมากกว่าความสูงในการบินสำรวจประมาณ 8 - 10 เท่า

ในปี 2555 จังหวัดอุดรธานีมีพื้นที่ฝนทิ้งช่วง 3 อำเภอ 313 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 15,983 คน พื้นที่เกษตร 122,618 ไร่ และมีพื้นที่ภัยแล้ง 18 อำเภอ 131 ตำบล 1,277 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับความเสียหาย 40,715 คน พื้นที่ได้รับความเสียหาย 254,301 ไร่

และจากรายงานสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่าของแหล่งน้ำชลประทานที่อยู่ในความดูแลรับ ผิดชอบของโครงการชลประทานอุดรธานี ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 พบว่า ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสะสม ปี 2556 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556- 2 กรกฎาคม 2556 มีปริมาณน้ำฝนตกสะสมเท่ากับ 584.87 มิลลิเมตร ในขณะที่ปริมาณน้ำในอ่าง 15 แห่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีความจุระดับกักเก็บรวม 275.830 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเพียง 39.303 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 14.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 มีปริมาณทั้งสิ้น 25.660 ล้าบลูกบาศเมตร




 ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

อำเภอเมืองอำนาจเจริญ เดินหน้าสนองนโยบายรัฐบาลแก้ไขปัญหายาเสพติด จัดโครงการสร้างคนดีศรีอำนาจเจริญนำผู้ติดยาเสพติดเข้าค่ายบำบัดรักษาเพื่อกลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคม เป็นรุ่นที่ ๖

เวลา ๑๓.๓๐ น. วันนี้(๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖) ที่ห้องประชุมวัดก้าวหน้าสามัคคี  หมู่ ๖ ตำบลโนนโพธิ์  อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ  ได้มีพิธีเปิดโครงการสร้างคนดีศรีอำนาจเจริญ ประจำปี 2556 ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดอำเภอเมืองอำนาจเจริญได้จัด ขึ้นเป็นรุ่นที่ ๖ โดยมีนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน  ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดการอบรม ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เสพยาเสพติดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้กลับใจกลับตนเป็นคนดีของบ้าน เมือง  โดยมีผู้เข้าค่ายรับการบำบัดรักษา จำนวน ๗๕ คน ใช้เวลาในการบำบัด รวม ๙ วัน ๘ คืน

          นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  ได้กล่าวเป็นกำลังใจกับผู้เข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดตามโครงการว่า ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น และตั้งใจเอาชนะยาเสพติดให้ได้ สิ่งสำคัญจิตใจต้องเข้มแข็ง และค้นหาต้นตอของปัญหาการข้องเกี่ยวกับยาเสพติดให้เจอ แล้วใช้หลักธรรม คำสอนทางพุทธศาสนามาเป็นแนวปฏิบัติ  เพราะในปัจจุบันยาเสพติดเป็นภัยคุกคามทำร้ายสถาบันครอบครัว สังคม ชุมชน และประเทศชาติอย่างร้ายแรง  ดังนั้นเมื่อทุกคนประสบปัญหาในชีวิต ขอให้นำแนวทางปฏิบัติทางธรรมะ มาเป็นทางออกและเป็นหลักยึดในการแก้ไขปัญหา ก็จะเป็นหนทางสร้างความสงบสุขในสังคม และทุกคนสามารถเป็นคนดีได้โดยใช้หลักธรรมมาเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจ ซึ่งสังคมก็พร้อมให้โอกาสเมื่อกลับตัวเป็นคนดีศรีสังคม

          ทางด้านนายสมศักดิ์ แสนหิรัณย์ นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า การจัดโครงการสร้างคนดีศรีอำนาจเจริญ นี้เพื่อนำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้กลยุทธ์ ๗ แผน ๔ ปรับ ๓  หลัก ๖ เร่ง และเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดให้มีสุขภาพแข็งแรง และฝึกอาชีพให้ตามความเหมาะสม ตลอดจนการปลุกจิตสำนึกให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ลด ละ เลิกยาเสพติดโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังเป็นการควบคุมและลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดของอำเภอเมืองอำนาจเจริญ จากระดับการแพร่ระบาดขั้นรุนแรง มาเป็นระดับเบาบาง และควบคุมได้ การอบรมใช้ระยะเวลา 9 วันระหว่างวันที่ ๓ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน การศึกษา ตำรวจ สาธารณะสุข ฝ่ายปกครองทุกฝ่ายร่วมเป็นวิทยากร รวมทั้งพระสงฆ์ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มาร่วมเป็นเกียรติและเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าบำบัดรักษาในทุกครั้งที่ผ่านมา





สุรพล บุตรวงศ์ / ข่าว

ยโสธรประกวดทูบีนัมเบอวัล

จังหวัดยโสธร ร่วมประกวดกิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE ระดับภาคในกลุ่มมาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบระดับเพชร ที่ ห้องมณีนพเก้า โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค แกรนด์ จังหวัดยโสธร นายนิรันดร์ สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิตพร้อมคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาตรวจให้คะแนนในการประกวดกิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE ระดับภาคในกลุ่มมาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบระดับเพชร ซึ่งจังหวัดยโสธรได้เข้าร่วมการแข่งขัน และจะทำการคัดเลือกในวันที่ 14 - 15 กรกฎาคม 2556 ณ อิมแพคเมืองทองธานี กรมสุขภาพจิตนำโดยนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธ์ จึงได้ลงพื้นที่มาเก็บคะแนนล่วงหน้า โดยการเยี่ยมชมบูธนิทรรศการ ผลงานเครือข่าย TO BE NUMBER ONE จังหวัดยโสธร พร้อมได้เดินทางไปสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร เพื่อประเมินผลงานด้านการบริหารจัดการโครงการ TO BE NUMBER ONE ว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่

สถานการณ์เอดส์จังหวัดมุกดาหาร

นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ข้อมูลที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารได้รับรายงาน ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ มีผู้ป่วยเอดส์ จำนวน ๑,๔๐๑ ราย และเสียชีวิตแล้ว จำนวน ๕๐๙ ราย โดยมีผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ ปี ๒๕๕๕ จำนวน ๒๗ ราย ปี ๒๕๕๖ (มกราคม – พฤษภาคม ๒๕๕๖) จำนวน ๓ ราย อัตราป่วยสะสม ๔๐๙.๖๓ ต่อประชากรหนึ่งแสนคน สูงสุดที่อำเภอหว้านใหญ่ นิคมคำสร้อย และอำเภอคำชะอี อัตรา ๗๒๓.๓๘ ๕๘๓.๙๑ และ ๔๘๙.๘๗ มีผู้เสียชีวิต ปี ๒๕๕๕ จำนวน ๖ ราย และ ๒ รายในปี ๒๕๕๖ ส่วนข้อมูลผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีจำนวนสะสม ๕๖๓ ราย เสียชีวิต ๑๐๕ ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี ๒๕๕๕ จำนวน ๓๑ ราย ปี ๒๕๕๖ จำนวน ๑๕ ราย และเสียชีวิตในปี ๒๕๕๕ จำนวน ๕ ราย ยังไม่พบการเสียชีวิตในปี ๒๕๕๖ กลุ่มอายุและเพศ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด เป็นช่วงวัยทำงานอายุระหว่าง ๒๐-๔๙ ปี ส่วนกลุ่มอายุที่มีอัตราติดเชื้อต่ำสุดคือ ๑๕-๑๙ ปี สัดส่วนเพศชาย ต่อเพศหญิง ๑.๕ :๑ ปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อที่พบมากที่สุด คือ จากเพศสัมพันธ์ จากแม่สู่ลูก ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ร้อยละ ๘๙.๐๘ ๗.๓๕ และ ๑.๗๑ ตามลำดับ กลุ่มอาชีพ ผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ที่เข้ารับบริการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ ๔๑.๖๘ ส่วนอาชีพรับจ้าง/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ ๒๘.๖๙ เป็นอันดับรองลงมา



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

การเรียกพลเพื่อตรวจสอบและฝึกวิชาทหารของกองทัพอากาศ ประจำปี ๒๕๕๖

นางมธุรส เปรมฤทธิ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงกลาโหมจะทำการเรียกพลเพื่อตรวจสอบและฝึกวิชาทหารของกองทัพ อากาศ ประจำปี ๒๕๕๖ โดยจะเรียกทหารกองหนุนในส่วนของกองทัพอากาศ ซึ่งมีภูมิลำเนาทหารในเขตพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศเข้ารับการเรียกพลเพื่อตรวจสอบและฝึกวิชาทหาร ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖

สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้นายจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ และให้นายจ้างที่มีลูกจ้างซึ่งเป็นทหารกองหนุนทำงานอยู่และผู้เกี่ยวข้องทุก ฝ่ายได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวกับการลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพล เพื่อการตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารและในการจ่าย ค่าจ้างในวันที่ลา

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่ม เติมสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดมุกดาหาร ศาลากลางจังหวัด ชั้น ๑ หรือที่โทรศัพท์หมายเลข ๐๔๒-๖๑๑๕๓๕ ในวันและเวลาราชการ




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ม.มหาสารคาม นำรถรางให้บริการนิสิต ประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย ลดมลพิษ

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำรถรางประหยัดพลังงานกลับมาให้บริการนิสิต และบุคลากรในมหาวิทยาลัย อีกครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป รณรงค์ลดการใช้พลังงาน มลพิษลดอุบัติเหตุ ตามแนวทาง Green University

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้นำรถรางประหยัดพลังงาน กลับมาให้บริการแก่นิสิต และบุคลากร อีกครั้ง หลังจากที่ ได้มีการทดลองใช้เพื่อทำการเก็บสำรวจสถิติการใช้บริการรถรางฟรี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2554 - กุมภาพันธ์ 2555 และได้เว้นช่วงการให้บริการระยะหนึ่ง พบว่ามีนิสิตมีความต้องการใช้บริการรถรางเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว นำรถรางกลับมาให้บริการอีกครั้งหนึ่ง จำนวน 5 คัน ซึ่งเริ่มให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นมา ในวันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 07.00 -20.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์ ระหว่างเวลา 08.30 -17.30 น.

โดยรถรางประหยัดพลังงาน มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่บริเวณข้างหอพักกุดรัง ภายในมหาวิทยาลัย วิ่งตามแผนผังเส้นทางที่กำหนด และกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่ ซึ่งการวิ่งใช้เวลารอบละประมาณ ไม่เกิน 30 นาที และในช่วงเวลาที่ใช้บริการหนาแน่น เช่นในเวลา เช้า เที่ยง เย็น จะออกรอบให้ถี่ขึ้นรอบละไม่เกิน 5 นาที

ทั้งนี้ ถือเป็นการช่วยลดโลกร้อน ลดการใช้นำมัน ลดปริมาณการใช้รถยนต์และจักรยานยนต์เป็นการลดอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่ง เพื่อขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็น Green University ต่อไปในอนาคต



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

รวบสาววัย 24 ปี ขายยาบ้า กว่า 700 เม็ด

ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองมหาสารคาม รวบสาววัย 24 ปี ขายยาบ้าหาเงินจ้างทนายสู้คดีแฟนหนุ่มที่ถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด ของกลางยาบ้ารวม 675 เม็ด

(3-7-56) พ.ต.อ.อุดมศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม ,ร.ต.ต.ทองปาน เสนาจักร รองสารวัตรปราบปราม และชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม ร่วมกัน แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย คือ นางสาว เกษมณี หรือแนน อามาตย์พล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ซอยนครสวรรค์ 80 ถนนนครสวรรค์ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 675 เม็ด โทรศัพท์มือถือสีขาวยี่ฮ้อซัมซุงจำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย หลังถูกจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนนครสวรรค์หน้าโรงเรียนบ้านส่องนางใย ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

จากการสืบสวนของชุดจับกุมทราบว่านางสาว เกษมณี หรือแนน มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาบ้า ที่ชุมชนบ้านส่อง ชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม จึงได้ร่วมกันวางแผนติดตามพฤติการณ์เพื่อจับกุม และสืบทราบว่า น.ส.เกษมณี นัดส่งยาบ้าให้กับลูกค้าที่บริเวณริมถนนนครสวรรค์ หน้าโรงเรียนบ้านส่องนางใย จึงได้นำกำลังไปทำการดักซุ่ม จนกระทั่งพบ น.ส.เกษมณี ยืนอยู่ที่บริเวณเกิดเหตุ จึงได้แสดงตนเข้าควบคุมตัวและทำการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 675 เม็ด ในถุงพลาสติกใสแบบหูหิ้วที่ น.ส.เกษมณี ถืออยู่

น.ส.เกษมณี รับว่าเป็นยาบ้าของตนจริง โดยมีคนรู้จักชาวตำบลเขวา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ส่งให้ เพื่อที่ตนจะหาเงินไปจ้างทนายสู้คดีให้แฟนหนุ่มที่ถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด เมื่อ 2 เดือนก่อน บางส่วนหาเงินเลี้ยงยายอายุกว่า 60 ปี ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยจะขายยาบ้าให้กับคนรู้จักเท่านั้นในราคาเม็ดละ 300-400 บาท แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ขนส่งมหาสารคาม รณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์

สำนักงานขนส่งจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม รณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเยาวชน

(3-07-56) ที่หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม นายสตวัน มะโนเครื่อง ขนส่งจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม นำนักศึกษากว่า 300 คน เข้ารับการอบรมเทคนิคการขับขี่รถจักรยานยนต์ กฎหมายจราจร และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากการเกิดอุบัติเหตุ ตามโครงการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ประจำปี 2556 เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาหันมาใส่ใจสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน มอก. และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้นั่งซ้อนท้าย ซึ่งจะเป็นการลดความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุจราจรได้ โดยมีนายสุรพล เทียนสุวรรณ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม เปิดงานและมอบหมวกนิรภัยให้กับนายสมใจ เชาว์พานิช ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม จำนวน 300 ใบ เพื่อนำไปมอบให้กับนักศึกษาต่อไป

นายสุรพล เทียนสุวรรณ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้ปี 2554 – 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยตั้งเป้าหมายลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 100,000 คน และได้ประกาศขยายโครงการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ปี 2555 – 2557 โดยให้ใช้หมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นทุกปี ร้อยละ 20  ทุกภาคส่วนในจังหวัดมหาสารคาม จึงต้องให้ความสำคัญหันมาร่วมมือกันรณรงค์ผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หันมาใส่ใจสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดระยะทางของการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยและลดการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน



ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

รองผู้ว่าฯมหาสารคามกวดขันไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าอันตรายหน้าโรงเรียน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ขอความร่วมมือผู้บริหารสถานศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รณรงค์และกวดขันไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าที่เป็นอันตรายบริเวณหน้าโรงเรียน เช่น ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ และอาหารใช้น้ำมันทอดซ้ำ หากตรวจพบสารอันตราย ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แจ้งว่า ปัจจุบันที่บริเวณหน้าโรงเรียน มักมีการจำหน่ายสินค้า ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีคำสั่งห้ามขาย เช่น ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำ หรือตัวดูดน้ำ ที่ใช้ชื่อสินค้าว่า น้ำตานางเงือกหรือเบบี้คริสตัล ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ หรือ ลูกโป่งพลาสติก หรือ blowing ballon อุปกรณ์ไฟฟ้าช๊อตสำหรับแกล้งคน และสินค้าอื่นที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคที่เป็นเด็ก รวมไปถึงอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ ลูกชิ้น ไส้กรอก และขนมที่มีสีฉูดฉาด ที่อาจใส่สีสังเคราะห์ จึงขอความร่วมมือให้สถานศึกษา ได้มีการรณรงค์และกวดขันไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าที่เป็นอันตราย บริเวณหน้าโรงเรียน ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

ทั้งนี้ หากพบมีการจำหน่ายสินค้าต้องห้าม หรือสินค้าอื่น ที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่เป็นผู้ผลิตที่ขาย หรือเป็นผู้สั่ง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่ตรวจพบการจำหน่ายของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐาน ตามที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมกำหนด หรือสินค้าประเภทขนม อาหารทอด ปิ้ง ย่าง หลากหลายชนิด ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค หรือเด็กนักเรียน สามารถพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จังหวัดมหาสารคาม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม โทรศัพท์หมายเลข 0 4377 7356



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคามร่วมออกตรวจสอบโฆษณาสินค้าหรือบริการในเขตอำเภอยางสีสุราช และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย

สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคามจัดแผนปฏิบัติตรวจสอบโฆษณาสินค้าหรือบริการในจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556


วันนี้ เวลา 10.30 น.  (3 กค. 2556) สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม สำนักงานจังหวัดมหาสารคาม หอการค้าจังหวัดมหาสารคาม และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม ได้ร่วมกันออกตรวจสอบโฆษณาสินค้าหรือบริการ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบโฆษณาสินค้าหรือบริการ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยได้ทำการตรวจสอบการโฆษณาสินค้าว่าหมดอายุหรือไม่ หรือการโฆษณาชักจูงใจเกินความจริงหรือไม่ ซึ่งได้ทำการออกตรวจร้านขายมอเตอร์ไซด์ในพื้นที่เขตอำเภอยางสีสุราช จำนวน 2 ร้าน และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จำนวน 3 ร้าน ซึ่งไม่พบการโฆษณาสินค้าเกินความเป็นจริงทั้ง 5 ร้าน และละเมิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แต่อย่างใด โดยครั้งต่อไปจะร่วมการออกตรวจสอบโฆษณาสินค้าหรือบริการอีกครั้งในเขต พื้นที่อำเภอกันทรวิชัย



ภาณุวัชร คนเชี่ยว ภาพ/ข่าว สปชส. มค. 

ศูนย์อนามัยที่ 5 จับมือเครือข่ายจัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย หวังโรงพยาบาลทั่วอีสาน มีคุณภาพน้ำทิ้งเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ร่วมกับ ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 9-12 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การควบคุมดูแลระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด เมื่อวันที่ 26-28 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ที่ โรงแรมเฮอมิเทจ รีสอร์ทแอนด์สปา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวว่า เพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียของโรง พยาบาล ให้มีความรู้และทักษะด้านการดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลทั้งในและนอกกระทรวง สาธารณสุข จำนวน 140 คน ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบบำบัดรวม (Centralized Treatment System) และระบบบำบัดแบบติดที่ (Onsite Treatment System) จากภาคส่วนราชการและสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง
                
สำหรับน้ำเสียที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล มาจากกิจกรรมต่างๆในการรักษาผู้ป่วย การใช้ห้องส้วม กิจกรรมในโรงครัว ตลอดจนในส่วนของบ้านพัก น้ำเสียที่เกิดขึ้นโรงพยาบาล มีองค์ประกอบที่สำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพหากมีการ จัดการที่ไม่เหมาะสม ดั้งนั้น เพื่อเป็นการป้องการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำเสีย ตลอดจนป้องกันการก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนข้างเคียงหากมีการปล่อย ออกสู่สิ่งแวดล้อม จึงต้องมีการจัดการน้ำเสียอย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัด มีคุณภาพน้ำทิ้งเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กอปร์กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ออกกฎกระทรวงกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการจัดเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียดและรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2555 ซึ่งกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา
 
ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ในฐานะองค์กรหลักด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงปัญหาเรื่องการจัดการน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด คือจากโรงพยาบาล จึงได้ร่วมกับองค์กรในเครือข่ายจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการควบคุมดูแลระบบ บำบัดน้ำเสียในโรงพยาบาลขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ ฉบับที่ 2 ที่มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) ระหว่างอธิบดี 3 กรม คือ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น และกรมอนามัย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา 

พิธีถวายปัจจัยและมอบเงินแก่องค์กรการกุศลจากการจัดงาน “วิสาขบูชา พุทธบารมี” ประจำปี 2556

รวมศรัทธา "วิสาขบูชา พุทธบารมี” โคราชถวายปัจจัย 4 ล้านบาทแก่ 65 องค์กรการกุศล จากยอดปัจจัยรวมจากการจัดงานกว่า 20 ล้านบาท พร้อมถวายพระพุทธรูป "พระพุทธบรมมหาจักรพรรดิ อโศกมหาราชธรรมราชา” หน้าตัก 39 นิ้ว จากการจัดสร้างครั้งประวิติศาสตร์ของชาวพุทธ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

พล.ต.ชาญชัย ภู่ทอง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีถวายปัจจัยและมอบเงินแก่องค์กรการกุศลจากการจัด งาน "วิสาขบูชา พุทธบารมี” ประจำปี 2556 และพิธีมอบถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดภาพยนตร์สั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โดยมี นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ สาขานครราชสีมา ในนามคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน" วิสาขบูชา พุทธบารมี ” ประจำปี 2556 และแขกผู้มีเกียรติร่วมอนุโมทนาบุญและร่วมถวาย "พระพุทธบรมมหาจักรพรรดิ อโศกมหาราชธรรมราช”หน้าตัก 39 นิ้ว ถวายแด่พระญาณวิศิษฏ์ เจ้าอาวาสวัดอโศการาม, รูปหล่อจำลอง พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์(ท่านพ่อลี ธมมฺธโร) ถวายแด่หลวงปู่สมบุญ ปริปุนณสีโล วัดปอแดง , รูปหล่อจำลองพระรูปพระเจ้าอโศกมหาราช ถวายแด่ พระอาจารย์สมชาย ปุญญมโน เจ้าอาวาสวัดป่าสว่างบุญ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เวลา 14.00 น. ณ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมา

โดยปัจจัยการทำบุญจากผู้มีจิตศรัทธาหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบทุนองค์กรการกุศล แบ่งเป็น 4 กองบุญ(จำนวน 65 องค์กร)
                   v กองบุญที่ 1 ถวายเป็นพระราชกุศล
                                    1. สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา
                                    2. สมทบทุนมูลนิธิพระดาบส กรุงเทพมหานคร
                
  v กองบุญที่ 2 บูรณะพุทธสถาน และสถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
 
            1. สมทบทุนสร้างอุโบสถหินอ่อนวัดพายัพ (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.นครราชสีมา 
            2. สมทบทุนโครงการ "ก่อสร้างศาลาการเปรียญเอนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” ณ พุทธศาสนสถาน (วัดโบสถ์) กรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            3. สมทบทุนวัดสุทธจินดาราชสีมา มูลนิธิ วัดสุทธจินดาวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            4. สมทบทุนสร้างศาลาธรรมสภา วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            5. สมทบทุนสร้างสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา และเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์(MCU TV) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
           6. สมทบทุนพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดญาณเวศกวัน อ.สามพราน จ.นครปฐม
           7. สมทบทุนสร้างพระพุทธสีหไสยาสน์ ยาว 148 เมตร สูงเท่าตึก 16 ชั้น ใหญ่ที่สุดในโลก พระนามว่า "พระมหาจักรพรรดิพุทธสว่างบุญ” ณ วัดป่าสว่างบุญ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
            8. สมทบทุนสร้างพระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคลบรมบพิตร หน้าตัก 19 เมตร ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระธาตุศรีจำปามหารัตนาราม บ้านคำน้ำเย็น อ.พังโคน จ.สกลนคร
            9. สมทบทุนสร้างพระบรมธาตุนพชัยมงคลธรรมเจดีย์ ณ วัดป่านพชัยมงคลธรรม ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
          10. สมทบทุนสวนปฏิบัติธรรม พลังกตัญญู แทนคุณแผ่นดิน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ. นครราชสีมา
           11. สมทบทุนสร้างโรงครัว และสถานปฏิบัติธรรม สวนนิพพาน วัดปอแดง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
           12. สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี        
           13. สมทบทุนค่าอาหาร – เครื่องดื่ม สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด วัดคลองตาลอง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
           14. สมทบทุนสร้างอุโบสถวัดป่าโกรกสะเดา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
           15. สมทบทุนจัดสร้างหอพระไตรปิฎก วัดป่าหนองหลุบ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
           16. สมทบทุนมูลนิธิถาวร จิตฺตถาวโร-วงศ์มาลัย กรุงเทพมหานคร
           17. สมทบทุนสำนักไตรสิกขาภาวนา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
           18. สมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมพุทธพรหมปัญโญ ต.หนองจะบก จ.นครราชสีมา
           19. สมทบทุนสาวิกาสิกขาลัย มหาวิชชายลัยธรรมะเยียวยาสังคม กับเสถียรธรรมสถาน กรุงเทพมหานคร
            20. สมทบทุนสร้างอาคารวิปัสสนากรรมฐาน วัดป่าวิมุตตยาลัย โดยพระมหาวุฒิชัย ว.วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) จ.ปทุมธานี
            21. สมทบทุนพุทธพรหมปัญโญ วัดพุทธพรหมปัญโญ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
            22. สมทบทุนชมรมกัลยาณธรรม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
            23. สมทบทุนโครงการสร้างพระพุทธไสยาสน์ทองสัมฤทธิ์ ใหญ่ที่สุดในโลก ความยาว 99 เมตร 
            24. สมทบทุนปฏิบัติธรรม วัดห้วยพรหม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
            25. สมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดหนองพลวงน้อย ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            26. สมทบทุนสร้างพุทธมหาเจดีย์ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ณ วัดป่าเกสรศีลคุณ ธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยหลวงปู่ลี กุสลธโร
            27. สมทบทุนโครงการ "ปริปุณฺณสีโล” วัดโนนค่าง (ป่าโพธิภาวัน) ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
            28. สมทบทุนโครงการบูรณะกุฏิสงฆ์ที่ถูกไฟไหม้ วัดโคกกรวด ต.โคกม่วง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
            29. สมทบทุนพิมพ์หนังสือเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา หลวงตาสุนทร วัดศรีสุรโยธิน จ.นครราชสีมา
            30. สมทบทุนสร้างศาลา พระประธาน ณ สำนักสงฆ์วัดป่าบรมธรรมรัตนเจดีย์ ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์
            31. สมทบทุนสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์บริขาร หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ณ ศูนย์ปฏิบัติ ธรรมกตปุญโญ (สวนธรรมกิจสุนทร) ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
            32. สมทบทุนจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมพุทธชินราชนเรศวร
            33. สมทบทุนพระกฐินพระราชทานวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
            34. สมทบทุนถวายสมเด็จพระสังฆราช อูดูกามะ ศรีพุทธรักขิตตะ ประเทศศรีลังกา และบูรณปฏิสังขรณ์ วัดมหินตเล ประเทศศรีลังกา
            35. สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปศิลาชมพู ปางชนะมาร วัดใหม่สันติ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
            36. สมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ท้าวสุรนารี วัดศาลาลอย
            37. สมทบทุนโครงการ "บรรพชา – อุปสมบท กองทัพธรรม ทหารตำรวจไทย ตามรอยพระบาท ของพระศาสดา ณ แดนพุทธภูมิ” วัดไทยพุทธคยา
            38. สมทบทุนโครงการ รวมน้ำใจศิลปินเพื่อพระพุทธศาสนา
            39. สมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
            40. สมทบทุนโครงการจัดสร้างรูปหล่อจำลองท่านท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) นั่งสมาธิปฏิบัติธรรม และกุฏิ ณ วัดใหม่สันติ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
            41. สมทบทุนสร้างพระอุโบสถ ซื้อกระเบื้องมุงหลังคาพระโบสถของวัดวิสุทธิมรรคาราม (ถนนหัก) ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            42. สมทบทุนสร้างโรงเรียนปลูกรากแก้วแผ่นดิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
            43. สมทบทุนสร้างพระพุทธบามิยัน วัดป่าสว่างบุญ ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
            44. สมทบกองทุนสร้างหอพระไตรปิฎกพรหมวชิรญาณ วัดหนองขาม อ.จักราช จ.นครราชสีมา 
            45. สมทบกองทุนพรหมรังสี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
            46. สมทบกองทุนช่วยเหลือกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ ปลดพิการ ทุพพลภาพ และครอบครัว เสียชีวิต จากการปฏิบัติราชการสนาม กองทัพภาคที่ 2
            47. สมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ เจดีย์และฌาปนสถาน (เมรุ) วัดซับตะคร้อ ต.ไทยเจริญ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา
            48. สมทบทุนสำนักสงฆ์ ทรัพย์กังวานบุญญาภรณ์ ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
            49. สมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีภูผาสูง (พระธาตุจอมผา) วัดป่าภูผาสูง ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
            50. สมทบทุนองค์กรพุทธสมาคม จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขยายพุทธสมาคม 32 อำเภอ
            51. สมทบทุนสร้างศาลาพระมหากรุณาธิคุณ วัดป่าธรรมคีรี
            52. สมทบทุนสร้างกำแพง วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อ.บัวเชด จ.สุรินทร์
 
           กองบุญที่ 3 ทุนการศึกษา พระภิกษุสงฆ์ สามเณร และเยาวชน  
 
                   สมทบทุนมูลนิธิเปรม ติณสูลานนท์ จ.นครราชสีมา 
                   สมทบทุนการศึกษาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
                   สมทบทุนโครงการ ตั้งกองทุนพระวินยาธิการ ประจำจังหวัดนครราชสีมา
                   สมทบทุนการศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
                   สมทบทุนการศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
                   สมทบทุนการศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
                   สมทบทุนการศึกษามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล สมทบทุนการศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา
 
           กองบุญที่ 4 อนุเคราะห์ โรงพยาบาล และผู้ป่วย
 
              1. สมทบทุนมูลนิธิ โรงพยาบาลค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
              2. สมทบทุนเครื่องช่วยหายใจ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา
              3. สมทบทุนกองทุนอาทรประชานาถ วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี
 
 ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน
 และหน่วยงานที่สนับสนุนการจัดงานฯ
 


คณะกรรมการอำนวยการจัดงาน" วิสาขบูชา พุทธบารมี ” ประจำปี 2556

ติดต่อประสานงาน 044-231491

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มทส. สมัย 3

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า ซึ่งครบวาระดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) สมัยที่ 2ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2552 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มทส. ต่อในสมัยที่ 3 อีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 ตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า นับเป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนาการศึกษามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เป็นบุคคลที่มีความเป็นผู้นำและเป็นนักบริหารสถาบันอุดมศึกษาที่มีสัมฤทธิผล ในการปฏิบัติภารกิจสูงยิ่ง เป็นที่ประจักษ์ชัด ด้วยการนำพามหาวิทยาลัยก้าวไกลสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติ ได้รับการประกาศให้เป็น เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เป็น 1 ใน 14 มหาวิทยาลัยไทยที่มีผลงานวิจัยสู่ระดับนานาชาติสู่ความเป็น World Class University นอกจากนี้ ยังมีแนวทางการบริหารงานโดยได้น้อมนำแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่มุ่งจะพัฒนาท้องถิ่น ชุมชน และสังคม โดยการประกาศตัวเป็น "สถาบันคู่เคียงสังคม” ด้วยการนำองค์ความรู้ งานวิจัย รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พัฒนาโดยบุคลากรของมหาวิทยาลัย "จากหิ้ง ลงสู่ห้าง” นำไปสู่การขยายผลต่อในภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งภาคชุมชน สังคม รวมถึงภาคการผลิตและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ในฐานะที่ มทส. ได้ปวารณาตัวว่าเป็นมหาวิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัยท้องถิ่น มหาวิทยาลัยระดับภูมิภาค มหาวิทยาลัยระดับชาติ และมหาวิทยาลัยนานาชาติ ที่มุ่งผลิตบุคลากรในระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นบัณฑิตพร้อมใช้โดยการนำสหกิจศึกษามาเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร มุ่งพัฒนา มทส. ให้เป็นที่พึ่งของสังคมไทย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม เลิศล้ำวิชาการ เชื่อมประสานสู่สากล
 

ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อดีตเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) 2 วาระ ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐแห่งประเทศไทย (ทอมก.) นายกสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) นายกเครือข่ายพัฒนาวิชาชีพอาจารย์ และองค์กรระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมมหาวิทยาลัยแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (AUAP) ประธานสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ประจำประเทศไทย (สออ. ประเทศไทย / ASAIHL, Thailand) ฯลฯ ปัจจุบันมีบทบาทหน้าที่ในหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ หลายแห่ง อาทิ ประธานคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ก.ก.ม.ท.) เป็นต้น

มทส. เปิดศูนย์รังสีวินิจฉัย ให้บริการวิเคราะห์โรคครบวงจรด้วยเครื่องมือสุดไฮเทค

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดตัวศูนย์รังสีวินิจฉัย (Suranaree Imaging Center) วินิจฉัยโรคด้วยเครื่องมือไฮเทคได้มาตรฐานสากล อาทิ ระบบสร้างภาพจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เครื่องเอกซเรย์ดิจิตอล พร้อมเปิดแผนกกายภาพบำบัด และคลินิกฝังเข็ม ควบคุมดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง

วันนี้ (3 ก.ค. 56) ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า เป็นอีกก้าวหนึ่งของความมุ่งมั่นสู่การเป็นสถาบันเคียงคู่สังคม การเปิดอาคารศูนย์รังสีวินิจฉัย ศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข มทส. ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย ในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ นับแต่ศูนย์แพทย์ มทส. ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2553 แก่นักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร และประชาชนโดยรอบ เพื่อให้บริการดูแลด้านสุขภาพอนามัยและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้อง ประชาชนใกล้เคียง ในวันนี้เรามีความพร้อมในการเปิดให้บริการด้านรังสีวินิจฉัย กายภาพบำบัด ฝังเข็ม และการแพทย์อื่น ๆ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย และพร้อมไปด้วยบุคลากรทางด้านการแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะทาง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำคัญ นอกจากนี้ มทส. อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารศูนย์ปฏิบัติการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สุขภาพความสูง 11 ชั้น ขนาด 120 เตียง เพื่อการผลิตแพทย์และให้บริการผู้ป่วยใน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2557 พัฒนาการอย่างก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ นับเป็นความก้าวหน้าและความสำเร็จที่สำคัญประการหนึ่ง ของการยืนหยัดในการเป็น "มหาวิทยาลัยชั้นนำที่อยู่เคียงคู่ประชาชน”ของภูมิภาคนี้
 

                  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พลตรีหญิงวณิช วรรณพฤกษ์ คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. เปิดเผยว่า "ศูนย์รังสีวินิจฉัย มทส. จะใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ รองรับภารกิจการเรียนการสอนและการวิจัย แก่คณาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัย พร้อมกับให้บริการด้านรังสีวินิจฉัย โดยสามารถวินิจฉัยโรคตามมาตรฐานสากล รวดเร็ว ถูกต้อง ทันเวลา ด้วยเครื่องมือและวิทยาการทันสมัยครบวงจร โดยแพทย์เฉพาะทาง เทคโนโลยีที่ใช้แยกเป็น การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ขนาดไม่น้อยกว่า 1.5 เทสลา, เครื่องเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) เครื่องส่งคลื่นเสียงคามถี่สูง (Ultrasound) เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบ 64 Slice (CT) เครื่องเอกซเรย์พิเศษ ระบบการจัดเก็บ และรับส่งข้อมูลทางการแพทย์แบบดิจิตอล (ระบบ PACs) นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการแผนกกายภาพบำบัด และคลินิกฝังเข็ม อีกด้วย”


6-13 ก.ค.2556 ขอนแก่นเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทยรุ่นอายุ 18 ปี

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่าทางกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเลือกจังหวัดขอนแก่นเป็นสนามแข่งขันกีฬาฟุตบอล เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งที่ 9 ไทยแลนด์ ไพร มินิสเตอร์ คัพ 2013 (Thailand Prime Minister Cup 2013)ในรอบชิงชนะเลิศในระหว่างวันที่ 6- 13 กรกฎาคม 2556โดยใช้สนามแข่งขันรอบแรก 2 สนามคือสนามโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่นและสนามโรงเรียนบ้านไผ่ สำหรับในรอบรองชนะเลิศ รอบชิงที่ 3 และรอบชิงชนะเลิศจะใช้สนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นเป็นสนามแข่งขัน สำหรับทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจะเป็นตัวแทนเขตทั้ง 10 เขตดังนี้เขต 1 ทีมจังหวัดนนทบุรี เขต 2 ทีมจังหวัดสมุทรปราการ เขต 3 ทีมจังหวัดบุรีรัมย์ เขต 4 ทีมจังหวัดขอนแก่น เขต5 ทีมจังหวัดพะเยา เขต6 ทีมจังหวัดนครสวรรค์ เขต 7 ทีมจังหวัดสุพรรณบุรี เขต 8 ทีมจังหวัดกระบี่ เขต 9 ทีมจังหวัดนราธิวาส และ เขต 10 ทีมกรุงเทพมหานคร สำหรับกำหนดการแข่งขันในวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 จะมีการประชุมผู้จัดการทีม การจับสลากแบ่งสายเริ่มเวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่น ในช่วงเย็นเวลา 17.30 น.จะเป็นพิธีเปิดการแข่งขันและงานเลี้ยงรับรองนักกีฬา ผู้จัดการทีม เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว จัดที่ หอประชุมโรงเรียนโสตศึกษาขอนแก่นและเริ่มทำการแข่งขันรอบแรกในวันที่ 6 กรกฎาคม 2556ทั้งสองสนามวันที่ 12 กรกฎาคม เป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศและวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 เป็นรอบชิงที่ 3 และชิงชนะเลิศในช่วงบ่ายและพิธีปิดการแข่งขันในเวลา 17.30 น.ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ก็ขอเชิญชวนชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมชมร่วมเชียร์ได้งานนี้เป็น การชิงแชมป์ฟุตบอลเยาวชนแห่งประเทศไทยมีนักกีฬาและเจ้าหน้ามาร่วมแข่งขันที่ ขอนแก่นกว่าพันคน เราชาวขอนแก่นก็ร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของเรา สำหรับการแข่งขันรายการฟุตบอลเยาวชนและประชาชนชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งนี้มี ตัวแทนทีมขอนแก่นเป็นตัวแทนเขต 4 ร่วมแข่งขัน 5ในรุ่นถือว่าทีมฟุตบอลขอนแก่นก็เป็นสุดยอดเหมือนกันดังนั้นเราต้องมาร่วม กันเชียร์เยอะ      

จังหวัดกาฬสินธุ์จัดอบรมบุคลากรบันทึกข้อมูลในโปรแกรม PPIS

จังหวัดกาฬสินธุ์จัดอบรม บุคลากรบันทึกข้อมูลในโปรแกรม PPIS เพื่อให้การดำเนินการบันทึกข้อมูลบุคลากรของหน่วยงานสังกัดราชการส่วน ภูมิภาคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

เช้าวันนี้ 3 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด นายเผด็ฌ โชติมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เป็นประธานเปิดการอบรมบุคลากรบันทึกข้อมูลในโปรแกรม PPIS เพื่อให้การดำเนินการบันทึกข้อมูลบุคลากรของหน่วยงานสังกัดราชการส่วน ภูมิภาคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และเพื่อเป็นการทบทวนการบันทึกข้อมูลบุคลากรของหน่วยงานในโปรแกรม PPIS จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยวิทยากรจากจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้บรรยายให้ความรู้ ใช้ระยะเวลาในการอบรม 1 วัน มีส่วนราชการที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ จำนวน 34 หน่วยงาน



ยุพดี ภูมูลเมือง / ข่าว

ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์จัดอบรมพนักงานขับรถของราชการ

ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดอบรมพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการ เพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ที่จำเป็นในการขับรถเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนนในฐานะเป็นบุคลากรภาครัฐ โดยมีพนักงานขับรถของส่วนราชการในจังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 100 คนเข้าร่วมอบรม
 
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องดอกเกด โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จัดการอบรมพนักงานขับรถราชการ ตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ที่จำเป็นสำหรับพนักงานขับรถของส่วนราชการให้มี ศักยภาพการขับรถให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัย ความมีน้ำใจ วินัยจราจรในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน โดยมีพนักงานขับรถของหน่วยราชการในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 100 คน เข้ารับการอบรม
 
นางวิไลลักษณ์ ศรีวณิชชากร ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินงานของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกของ องค์การสหประชาชาติให้สอดคล้องกับประกาศเจตนารมณ์ปฏิญญามอสโกที่กำหนดให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินแก่บุคคลในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนน ที่เป็นพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการ สำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้จัดทำโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการจังหวัด กาฬสินธุ์ เพื่อให้พนักงานขับรถของส่วนราชการได้พัฒนาศักยภาพการขับขี่รถที่ถูกต้องตาม กฎจราจร เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนนในฐานะเป็นบุคลากรภาครัฐ และขยายเครือข่ายด้านความปลอดภัยในการร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทาง ถนน โดยมีวิทยากรจากตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ มาให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรที่มักเข้าใจผิดหรือฝ่าฝืน, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 หัวข้อ ขับรถอย่างไรได้ใจผู้ใช้บริการ และจากสำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ หัวข้อ การขับรถอย่างปลอดภัย, การดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ส่วนควบของรถ



ดวงใจ หงษ์จันทร์/ข่าว

สวท.กาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมเชิงรุกรายการรัฐสภาของเราสัญจร ครั้งที่ 2 พร้อมยกห้องส่งออกนอกสถานที่ให้เยาวชนประชาธิปไตยได้ร่วมจัดรายการ

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่ง ประเทศไทยจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมเชิงรุกรายการรัฐสภาของเราสัญจร ครั้งที่ 2 ยกห้องส่งไปที่ค่ายเยาวชนประชาธิปไตย ณ เฮือนสวนดอนธรรม ตำบลเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยและรัฐสภาให้กับเยาวชนที่ร่วม ค่ายกว่า 80 คน

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 นายบุญเลิศ บุญเขื่อง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดกาฬสินธุ์นำทีมผู้ ผลิตรายการรัฐสภาของเรา จัดกิจกรรมเชิงรุกรายการรัฐสภาของเราสัญจร ครั้งที่ 2 ที่เฮือนสวนดอนธรรม ตำบลเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเป็นการเผยแพร่สาระความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยและระบบงานรัฐสภา พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์รายการรัฐสภาของเรา ให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วม และนอกจากนั้นยังได้ยกห้องส่งออกไปนอกสถานที่ดังกล่าวเพื่อให้น้อง ๆ ในค่ายเยาวชนประชาธิปไตยได้ร่วมจัดรายการด้วย ซึ่งมีเยาวชนประชาธิปไตยตัวแทนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และโรงเรียนพณิชยการกาฬสินธุ์ เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 80 คน ซึ่งน้องๆ ได้ให้ความสนใจกับกิจกรรมการจัดรายการเป็นอย่างมาก

นายบุญเลิศ บุญเขื่อง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกาฬสินธุ์ (สวท.กาฬสินธุ์) กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดทำโครงการผลิตรายการวิทยุท้องถิ่น รายการ "รัฐสภาของเรา” ในพื้นที่จังหวัดที่ไม่สามารถรับฟังรายการของสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ได้ และ สวท.กาฬสินธุ์ จัดทำรายการดังกล่าว ในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่กิจกรรมของรัฐสภาและส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ด้านการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เผยแพร่ออกอากาศทุกวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 17.00 - 18.00 น. ทาง สวท.กาฬสินธุ์ คลื่นความถี่ F.M.93MHz. และเพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์รายการดังกล่าวให้ประชาชนและเยาวชนซึ่ง เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการฯ ได้รับทราบและรับฟังรายการกันอย่างทั่วถึง ดังนั้น สวท.กาฬสินธุ์ จึงได้จัดกิจกรรมเชิงรุกรายการรัฐสภาสัญจร ดังกล่าวขึ้น และเพื่อเปิดเวทีให้กับเยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงออกถึงความคิด เห็นและความสามารถของเยาวชนจึงได้นำการจำลองห้องส่งออกมานอกสถานที่เพื่อให้ เยาวชนได้ร่วมในรายการ ทั้งนี้ สวท.กาฬสินธุ์ จะดำเนินการจัดกิจกรรมเชิงรุกรายการรัฐสภาของเราสัญจรต่อไปอีกอย่างต่อ เนื่อง




ทีมข่าว สวท.กาฬสินธุ์ / ข่าว

กาฬสินธุ์ประชุมวางมาตรการป้องกันและปราบปรามขบวนการไม้เถื่อน

วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุม 4/1 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัด กาฬสินธุ์ โดยมีนายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธาน โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย การพิจารณายึดถือ ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินของราษฎรบ้านด่านเม็ก หมู่ที่ 12 ตำบลสำราญ อำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูพาน โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) และเรื่องเพื่อทราบเป็นการสรุปสถิติคดีเกี่ยวกับป่าไม้ประจำปีงบประมาณ 2555 และปีงบประมาณ 2556 ระหว่างเดือนตุลาคม 2555-มิถุนายน 2556 สรุปผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าที่อยู่ใน ความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่ 8 (ขอนแก่น) และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น)

ซึ่งคดีเกี่ยวกับป่าไม้ในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ปีงบประมาณ 2555 (ตุลาคม 2554- กันยายน 2555) พบผู้กระทำผิด จำนวน 163 คดี ผู้ต้องหา 81 คน ของกลางไม้พะยูง 4,048 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน ไม้สัก 77 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน ไม้กระยาเลย 962 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน คดีบุกรุกพื้นที่ 118 ไร่ จำนวน 22 คดี อุปกรณ์ที่ใช้ทำผิดที่สำคัญ รถยนต์กระบะ 4 ล้อ จำนวน 35 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน และรถจักรยานยนต์ รถไถเดินตาม เลื่อยยนต์ เลื่อยวงเดือน และอื่น ๆ อีกหลายรายการ

ส่วนคดีเกี่ยวกับป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ปีงบประมาณ 2556 (ตุลาคม 2555- มิถุนายน 2556) พบผู้กระทำผิด 98 คดี ผู้ต้องหา 65 คน ของกลางไม้พะยูง 863 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน ไม้สัก จำนวน 107 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน ไม้กระยาเลย จำนวน 1,431 แผ่น/เหลี่ยม/ท่อน พื้นที่บุกรุก 224 ไร่ จำนวน 15 คดี อุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิด รถยนต์กระบะ 4 ล้อ จำนวน 11 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน และอื่น ๆ อีกรวม 12 รายการ

ซึ่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ฝากให้ทางป่าไม้ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้บูรณาการทำงานร่วมกันเป็นการสนองตอบนโยบาย ของทางรัฐบาล และเป็นการรักษาป่าไม้ไว้ให้ลูกหลานต่อไป และหากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด




สุรพล คุณภักดี / ข่าว

โรงเรียนอนุบาลหนองคาย จัดเข้าค่ายคุณธรรม ธรรมาภิบาล โรงเรียนสุจริต

โรงเรียนอนุบาลหนองคาย จัดเข้าค่ายคุณธรรม ธรรมาภิบาล โรงเรียนสุจริต เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีความสุจริต และป้องกันให้ห่างไกลจากการทุจริต

วันนี้ (3 ก.ค. 56) ที่ศาลาหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย นายประกอบ กุลเกลี้ยง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 เป็นประธานในพิธีเปิดการเข้าค่ายคุณธรรม ธรรมาภิบาล โรงเรียนสุจริต โรงเรียนอนุบาลหนองคาย นายสัมฤทธิ์ เจริญดี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลหนองคาย กล่าวว่า ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้คัดเลือกโรงเรียนอนุบาลหนองคาย เป็นโรงเรียนสุจริต ซึ่งจะต้องพัฒนานักเรียนให้เป็นคนสุจริต ตามยุทธศาสตร์ 3 ยุทธศาสตร์ คือยุทธศาสตร์ปลูกฝัง ยุทธศาสตร์ป้องกัน และยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสุจริตสู่ครอบครัว และชุมชน มีการกำหนดการพัฒนานักเรียนให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ภายในเดือนสิงหาคมนี้

วัตถุประสงค์สำคัญของการเข้าค่ายคุณธรรมฯ ครั้งนี้เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีความสุจริต และป้องกันให้ห่างไกลจากการทุจริต โดยมีเนื้อหาในกิจกรรมเข้าค่ายที่สำคัญคือ หน้าที่ของเด็ก หน้าที่ของพุทธมามกะ ปลูกฝังความดีโดยใช้เพลงธรรมะ และเพลงคุณธรรม นิทานคุณธรรม ปลูกฝังการรักโรงเรียน รักครอบครัว รักชาติ รักศาสนา และรักพระมหากษัตริย์ มีนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าค่ายครั้งนี้ รวม 302 คน




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย

จุมพล สายแวว/ข่าว

หนองคาย จับปลาบึกยักษ์ส่งเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย ช่วยกันจับปลาบึก น้ำหนัก 80 ก.ก. นำไปอนุบาล ก่อนส่งเข้าจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย เจ้าของปลาเผยเลี้ยงมากว่า 20 ปี อยากให้ชาวหนองคายได้เห็นปลาบึกยักษ์

วันนี้ (3 ก.ค. 56) นายจักรพงษ์ นนท์ไทย รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ได้นำเจ้าหน้าที่จับปลาบึก ที่สระน้ำหลังบ้านของนายดม อินทะราช อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 8 บ้านแจ้งสว่าง  ต.หนองกอมเกาะ อ.เมือง จ.หนองคาย โดยเป็นปลาบึกขนาดความยาวประมาณ 120 เซนติมตร น้ำหนัก 80 ก.ก. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ซื้อปลาบึกตัวนี้ต่อจากนายดม เจ้าของปลา ในราคา ก.ก.ละ 200 บาท แล้วนำไปอนุบาลไว้ยังบ่ออนุบาลภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ให้ปลาบึกได้ปรับสภาพ ก่อนจะนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ภายในวิทยาเขตหนองคาย
นายดม อินทะราช เจ้าของปลาบึก กล่าวว่า ซื้อปลาบึกมาเลี้ยงเมื่อ 20 ปีก่อน ขนาดตัวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 6 ตัว ตอนนี้เหลือเพียงตัวเดียว และเคยไปดูปลาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย มีปลาบึกอยู่แต่ตัวเล็ก บางตัวก็มีเพียงโครงสร้างปลาบึกสต๊าฟไว้ จึงอยากให้ปลาบึกที่ตนเลี้ยงไว้ ไปโชว์ให้ชาวหนองคายและนักท่องเที่ยวได้เห็นปลาบึกยักษ์ที่ยังมีชีวิต จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมาจับปลาบึกไป

นายจักรพงษ์ นนท์ไทย รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า การจับปลาบึกครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านได้แจ้งความประสงค์ให้ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ให้นำปลาที่เลี้ยงไว้ ไปจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ โดยช่วงแรกจะปล่อยไว้ในบ่ออนุบาลเพื่อคัดกรองโรค และให้ปลาปรับสภาพ แล้วจะนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯ ในวันแม่แห่งชาติที่จะถึงนี้

สำหรับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ มีตู้จัดแสดงถึง 80 ตู้ ทั้งปลาน้ำจืดและน้ำเค็มโดยเฉพาะปลาน้ำจืด ที่เป็นปลาในแม่น้ำโขง ขณะนี้มีปลาบึกขนาดใหญ่จัดแสดงถึง 20 ตัว ซึ่งพิพิธภณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ถือเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศน์ในแม่น้ำโขงและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคาย




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
จุมพล สายแวว/ข่าว

ปศุสัตว์หนองคายตรวจหาวัณโรคในวัว

ปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย ตรวจหาวัณโรคในวัว หลังจากพบที่จังหวัดสุรินทร์ เผยสถานการณ์ด้านชายแดนหนองคายยังปกติ มีการตรวจหาโรคในสัตว์เป็นประจำ แนะเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ควาย หมั่นสังเกตอาการหากพบสัตว์เลี้ยงซึม ผอม ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

วันนี้ (3 ก.ค. 56) นายคมวุฒิ ธรรมสาร์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย ได้ออกตรวจวัวที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย หลังจากที่มีการพบควายในสถานีวิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์สุรินทร์ ป่วยด้วยเชื้อวัณโรคทีบี ซึ่งในครั้งนี้ได้ใช้วิธีการฉีดแอนติเจน น้ำยาทดสอบโรคทีบี  เข้าไปในหนังใต้โคนหางของวัวเพศเมีย อายุ 2 ปี อยู่ในระยะเจริญพันธุ์ จากนั้นหากวัวมีเชื้อวัณโรคจะแสดงอาการภายใน 72 ชั่วโมง โดยบริเวณที่ฉีดแอนติเจนเข้าไปจะบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด

นายคมวุฒิ กล่าวว่า ปศุสัตว์จังหวัดหนองคายได้ดำเนินการตรวจสอบวัว ควาย ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัว ควาย พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงพบเชื้อวัณโรคทีบีนี้ได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่พบโรค ซึ่งวัว และควาย สามารถได้รับเชื้อวัณโรคทีบีได้เท่าเทียมกัน และหากพบวัว ควาย ติดเชื้อวัณโรคทีบี จะมีอาการซูบ ผอม ไอแห้งๆ แต่ตัวที่แสดงอาการเหล่านี้จะไม่น่ากลัวเท่าวัว ควายที่ อมโรค แต่ยังไม่แสดงอาการออกมา ซึ่งจะเป็นตัวแพร่เชื้อไปยังวัว ควายตัวอื่น เป็นการระบาดจากสัตว์สู่สัตว์ และสามารถแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คน และจากคนสู่คนได้ ด้วยวิธีการสัมผัส และหายใจรดกัน ดังนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ควาย ควรหมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยง หากพบอาการดังกล่าวให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ หรือหากมีวัว ควายที่เตรียมจะเข้าสู่การเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ให้ตรวจหาเชื้อก่อน จึงจะสามารถป้องกันโรคและลดความเสี่ยงของวัณโรคทีบีได้

อย่างไรก็ตาม โรควัณโรคทีบีในวัวและควายนั้น ถือเป็นโรคประจำถิ่น กรณีที่ จ.หนองคาย เป็นจังหวัดชายแดนติดต่อกับประเทศลาว การนำสัตว์ออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะนำส่งออกจากไทยไปประเทศลาว และต้องผ่านการตรวจโรคก่อนทุกครั้ง จึงสามารถควบคุมโรคได้ ระดับความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่า ไข้หวัดนก




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
จุมพล สายแวว/ข่าว