วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

เกาะติดสินค้าเกษตรไทยกับอาเซียน เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ไทยยังได้ดุล แนะ การเปิดเออีซี เป็นโอกาสพัฒนาการแข่งขัน

นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยอ้างอิงข้อมูลการส่งออก–นำเข้า จากกรมศุลกากร พบว่า การค้าในภาพรวมของอาเซียนกับไทยในปี 2556 ที่ผ่านมา ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 172,640 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกสินค้าเกษตร มีมูลค่าเท่ากับ 242,181 ล้านบาท และการนำเข้าสินค้าเกษตรมีมูลค่าเท่ากับ 69,541 ล้านบาท โดยมีสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำตาล ยางพารา ข้าว และกาแฟสำเร็จรูป เป็นต้น ขณะเดียวกันนำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ปลาทะเลแช่แข็ง อาหารปรุงแต่งที่ทำจากนมสำหรับทารก ส่วนผสมพรีมิกซ์สำหรับใช้ในการผลิตอาหาร น้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และใบยาสูบ เป็นต้น

จากข้อมูลการค้าสินค้าเกษตร จะเห็นได้ว่า การค้าในตลาดอาเซียนมีการขยายตัวจากการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นโอกาสของสินค้าเกษตรไทยที่มีคุณภาพ แต่ต้องเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยการใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง และในส่วนการนำเข้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรที่ไทยนำเข้ามาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร จำเป็นต้องคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในกระบวนการแปรรูปให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีคุณภาพสูง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มุ่งเน้นส่งเสริมเกษตรกรและภาคเกษตรของไทยให้เกิดความพร้อมมากขึ้น เช่น การผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน เช่น ส่งเสริมการผลิตเกษตรดีที่เหมาะสม (Good Agriculture Practices: GAP) เป็นต้น เพื่อให้มีวัตถุดิบภายในประเทศที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย โครงการเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ที่สนับสนุนเกษตรกรให้ใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และโครงการพัฒนาด่านสินค้าเกษตร ให้สามารถทำการตรวจสอบสินค้าเกษตรนำเข้าที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ ให้มีความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น ทั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรของไทย ทำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรของไทยได้รับประโยชน์จากการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน



สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร / ข่าว

กัมพูชาเตรียมรุกฐานส่งออกมันฯ ไปตลาดจีน เล็งพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมไทย

นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการศึกษาศักยภาพสินค้าเกษตรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

กรณีศึกษา : มันสำปะหลังในราชอาณาจักรกัมพูชาว่า กัมพูชานับเป็นประเทศผู้ผลิตมันสำปะหลังอันดับที่ 13 ของโลก และผลิตมากเป็นอันดับที่ 4 ในอาเซียน รองมาจาก อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม โดยจากข้อมูลองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่า มันสำปะหลังเป็นสินค้าเกษตรที่กัมพูชาผลิตมากเป็นอันดับที่ 2 รองมาจาก ข้าว ซึ่งกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการส่งเสริมและพัฒนาการปลูก การปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น โดยมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตมันสำปะหลังที่ต่ำ เนื่องจากสภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์ และเกษตรกรยังเพาะปลูกโดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก มีการใช้แรงงานคนมากกว่าใช้เครื่องจักรกล ประกอบกับค่าจ้างแรงงานถูก

สำหรับการผลิตมันสำปะหลังของกัมพูชา มีทั้งการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ และการส่งออก ผลผลิตส่วนใหญ่แปรรูปเป็นมันเส้น และแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งมันเส้นส่วนใหญ่จะส่งออกมาประเทศไทย ส่วนแป้งมันสำปะหลังจะส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม จึงถือได้ว่าประเทศไทยและประเทศเวียดนามเป็นช่องทางสำคัญในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของกัมพูชา นอกจากนี้ ประเทศกัมพูชายังมีการส่งออกหัวมันสดไปยังประเทศเวียดนาม สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแป้งมันสำปะหลังอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ศักยภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในตลาดโลก พบว่า ทั้งไทยและกัมพูชามีความได้เปรียบ กล่าวคือ เมื่อเปรียบเทียบในการส่งออกมันเส้นและแป้งมันสำปะหลังไปยังตลาดโลก โดยการวิเคราะห์ตำแหน่งและความสามารถในการแข่งขัน (BCG) การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยนั้น อยู่ในตำแหน่งกลุ่มสินค้าทำเงิน (Cash Cows) และกัมพูชาอยู่ในตำแหน่งกลุ่มสินค้าที่มีปัญหา (Question Marks) และจากการศึกษา ยังพบว่า หน่วยงานภาครัฐและเอกชนของกัมพูชา อยากให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมมันสำปะหลังในประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลังร่วมกัน นอกจากนี้ กัมพูชายังมีแผนที่จะขยายการส่งออกมันสำปะหลังไปยังประเทศจีนโดยตรงผ่านท่าเรือที่เมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งผู้นำเข้าจีนได้เริ่มเจรจากับผู้ประกอบการกัมพูชาแล้ว เพื่อดำเนินการปรับปรุงโลจิสติกส์ในบริเวณดังกล่าวให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว

ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ควรมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่และลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรแปรรูปมันสำปะหลังเพื่อเพิ่มมูลค่า มีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ ตลอดจนมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาด สนับสนุนผู้ประกอบการขยายฐานการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีทรัพยากรและแรงงานถูก เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในการส่งออกสินค้าไปนอกอาเซียน



ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร / ข่าว

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดหอมแดงพร้อมออกสู่ตลาด ฉุดราคาลด

นายอนันต์  ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาด และราคาที่เกษตรกรขายได้ของสินค้ากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ในปี 2557   ประจำเดือนมกราคม พบว่า กระเทียม คาดว่าจะมีผลผลิต 90,711 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 16 เนื่องจากกระเทียมปีที่แล้วมีราคาสูง ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกกระเทียมเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นและหนาวนาน และมีปัญหาโรคแมลงน้อย ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น  ซึ่งกระเทียมนับเป็นสินค้าที่มีการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตกระทียมของไทยสูงกว่าประเทศผู้แข่งขัน เช่น จีน ส่วนการส่งออกส่วนใหญ่จะส่งออกไปให้ร้านอาหารไทยที่อยู่ในต่างประเทศที่นิยมนำกระเทียมไทยไปปรุงอาหาร โดยราคากระเทียมสดที่เกษตรกรขายได้ปีนี้มีราคาสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนราคากระเทียมสดเดือนมกราคม 2557 อยู่ที่กิโลกรัมละ        17-18 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี

หอมแดง คาดว่ามีผลผลิต 135,216 ตัน สูงขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 5 เนื่องจากราคาหอมแดงในปีที่ผ่านมามีราคาสูง โดยเฉพาะในช่วงกลางปีเป็นต้นมาราคาหอมแดงแห้งคละ อยู่ที่กิโลกรัมละ 50 – 60 บาท ส่งผลให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น และขณะนี้ผลผลิตหอมแดงเริ่มทยอยออกสู่ตลาดประมาณร้อยละ 40 ของผลผลิตทั้งหมด โดยราคาหอมแดงแห้งที่เกษตรกรขายได้ที่ จ.ศรีสะเกษ ณ เดือนมกราคม 2557 อยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท  และราคาหอมแดงสดที่ภาคเหนือกิโลกรัมละ 5 - 6 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหอมแดงจะมีแนวโน้มลดลงอีกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณมาก สำหรับการส่งออกหอมแดงไปอินโดนีเซีย คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากอินโดนีเซียปรับเปลี่ยนมาตรการนำเข้าจากการจำกัดโควตาเป็นอนุญาตให้นำเข้าผักและผลไม้ได้ แต่อยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบราคาผลิตภัณฑ์พืชสวน (Team of Horticulture Product Price Monitoring) ซึ่งจัดตั้งโดยกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย โดยจะให้มีการนำเข้าหอมแดง ถ้าราคาหอมแดงในตลาดอินโดนีเซียสูงกว่าราคาอ้างอิง (Reference Price) ซึ่งขณะนี้ราคาหอมแดงในตลาดอินโดนีเซียราคาสูงกว่าราคาอ้างอิง ทำให้ผู้นำเข้าหอมแดงของอินโดนีเซียสามารถนำหอมแดงจากต่างประเทศไปขายในตลาดอินโดนีเซียได้

หอมหัวใหญ่ คาดว่าจะมีผลผลิต 39,303 ตัน ลดลงจากปี 2556 เล็กน้อย  เนื่องจากในช่วงที่เกษตรกรเพาะกล้า มีฝนตกมาก ทำให้ต้นกล้าเสียหาย ส่งผลให้การผลิตหอมหัวใหญ่มีปริมาณลดลง อย่างไรก็ตาม เกษตรกรบ้านผาตั้ง จังหวัดเชียงรายขายผลผลิตหมดแล้ว ซึ่งขณะนี้ผลผลิตหอมหัวใหญ่อำเภอแม่วาง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เกษตรกรกำลังทยอยเก็บเกี่ยวและขายออกสู่ตลาด สำหรับการส่งออกหอมหัวใหญ่ไปประเทศญี่ปุ่นปี 2557 คาดว่า จะมีปริมาณใกล้เคียงกับปี 2556 ที่ปริมาณ 8,000 ตัน โดยราคาหอมหัวใหญ่ในฤดูกาลปี 2557 คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่มีปัญหาตกต่ำ ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาหอมหัวใหญ่ตัดจุกกิโลกรัมละ 12.00 บาท ต่ำกว่าช่วงเวลาเดี่ยวกันของปี 2556 ซึ่งมีราคากิโลกรัมละ 12.54 บาท หรือร้อยละ 4

มันฝรั่ง คาดว่ามันฝรั่งพันธุ์โรงงานมีผลผลิต 115,074 ตัน เพิ่มจากปี 2556 ร้อยละ 20 เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ปลูกตามความต้องการของโรงงานแปรรูปจากการขยายกำลังการผลิต ส่วนมันฝรั่งพันธุ์บริโภคคาดว่ามีผลผลิต 4,178 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ร้อยละ 9  เนื่องจากปี 2556 ราคามันฝรั่งพันธุ์บริโภคอยู่ในเกณฑ์ดี ราคาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างกิโลกรัมละ 15-20 บาท โดยมันฝรั่งพันธุ์บริโภคเริ่มออกสู่ตลาดเพียงเล็กน้อย ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 15-17 บาท ส่วนมันฝรั่งพันธุ์โรงงาน เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตขายให้โรงงานแปรรูปบ้างแล้ว และออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ด้านราคาที่โรงงานแปรรูปรับซื้อผลผลิตกิโลกรัมละ 12 – 13 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่กำหนดในสัญญาที่กิโลกรัมละ 10.40 บาท ดังนั้น มันฝรั่งจึงคาดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องตลาดและราคา




สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร / ข่าว
สมทรง เผือกผล ส.ปชส.สุรินทร์ /ข่าว

จังหวัดสุรินทร์จัดงานวันช้างไทย 88 ไอยรา เทิดไท้องค์ราชาของแผ่นดิน ประจำปี 2557

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันช้างไทย โดยได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 ซึ่งเป็นการริเริ่มของคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงานองค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะช่วยให้ประชาชนคนไทยหันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น และผลจากการที่ประเทศไทยมีวันช้างไทยเกิดขึ้น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าช้างเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติหรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์

ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุรินทร์มาตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา จังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันจัดงานวันช้างไทยขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม เป็นประจำทุกปี และในปี พ.ศ. 2557 จังหวัดสุรินทร์ได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของช้างไทยที่ถือว่าเป็นสัตว์ที่มีคุณูปการเป็นอย่างยิ่งต่อแผ่นดินไทย จึงมีแนวความคิดที่จะจัดงานวันช้างไทย ปะจำปี 2557  ภายใต้ชื่อว่า “วันช้างไทย 88 ไอยรา เทิดไท้องค์ราชาของแผ่นดิน”   ให้ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีกิจกรรมดังนี้  วันที่ 12 มีนาคม 2557 ชมขบวนแห่คุณูปการช้างสารไทย จำนวน 88 เชือก และริ้วขบวนรถที่ประดับประดาตกแต่งสวยงามอลังการ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป โดยเริ่มเคลื่อนขบวนจากบริเวณหลังสถานีรถไฟสุรินทร์มายังอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง วันที่ 13 มีนาคม 2557 เชิญร่วมตักบาตรบนหลังช้าง โดยพระสงฆ์ 88 รูปนั่งบิณฑบาตรบนหลังช้าง ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก ณ อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ซึ่งจะเริ่มพิธีตักบาตรบนหลังช้าง ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ช้างที่ถือว่าเป็นสัตว์ที่มีคุณูปการต่อผืนแผ่นดินไทย 

จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานวันช้างไทย ในวันที่ 12 – 13 มีนาคม 2557 ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดี  ศรีณรงค์จางวาง



สมทรง เผือกผล ส.ปชส.สุรินทร์ /ข่าว

เชิญชมประเพณีขึ้นเขาสวาย ประจำปี 2557 วันที่ 31 มีนาคม 2557 ณ บริเวณวนอุทยานพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งผูกพันกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมืองมาอย่างยาวนานแห่งหนึ่ง คือ เขาสวาย หรือ พนมสวาย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาสวาย ในพื้นที่ตำบลนาบัว  อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 20 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ติดต่อกัน   รอบๆ บริเวณมีเวิ้งน้ำใหญ่ มีทิวทัศน์สวยงาม  พันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของทุกปี ต้นหมากหม้อหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ต้นอั๊ดจรู๊ก จะออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม   เขาสวายมียอดเขาที่สำคัญ 3 ยอด โดยยอดเขาที่ 1 พนมเปร๊าะ หรือเขาชาย สูงประมาณ 220 เมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคล, ปราสาทหินพนมสวายพร้อมบาราย 3 ลูก และเจดีย์ศิลาแลงโบราณ จำนวน 1 องค์ ยอดเขาที่ 2 พนมสรัย หรือเขาหญิง สูงประมาณ 210 เมตร ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดพนมศิลาราม   และยังมีสระน้ำโบราณจำนวน 2 ลูกที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเต่าศักดิ์สิทธิ์จำนวน 2 ตัว ยอดเขาที่ 3 พนมกรอล หรือเขาคอก เป็นที่ตั้งศาลาอัฎฐมุข, ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง, สถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ดุล อตุโล และเป็นที่ตั้งศาลเจ้าแม่กวนอิม   ส่วนชื่อเขาคอกนั้นได้มาจากอดีตบนเขาลูกนี้จะมีศิลาแลงวางเป็นชั้นๆ รูปทรงสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะคล้ายคอก จึงเรียกกันว่า “เขาคอก”

เขาสวาย มีความสำคัญต่อชาวสุรินทร์มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล กล่าวคือ เมื่อถึงเดือนห้าของทุกปี บรรพบุรุษชาวสุรินทร์จะถือว่าเป็นงานประเพณีหยุดงาน ในภาษาเขมรเรียกว่า ตอม ภาษาลาวเรียกว่า ขลำ ภาษากวยเรียกว่า ตรัย ซึ่งการหยุดงานจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ตอมตู๊จ ซึ่งหมายถึงวันหยุดงานเล็ก จะมีการหยุดงาน และทำงานเพียง 3 วัน นับตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 5 ช่วงที่ 2 ช่วงตอมธม หมายถึง วันหยุดงานใหญ่ จะมีการหยุดทำงานทั้งหมด 7 วัน นับแต่วันแรม 1 ค่ำถึงแรม 7 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งประเพณีการหยุดงานตามช่วงระยะเวลาดังกล่าว ชาวสุรินทร์มีความเชื่อว่าต้องหยุดการทำงานทั้งหมด หากใครไม่หยุดทำงานก็จะมีอันเป็นไป ประกอบกับในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ ดังนั้น ชาวสุรินทร์จะหยุดงานและพากันเดินทางไปขึ้นเขาสวายเพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลชีวิตต่อตนเองและครอบครัว และในปี 2549 การจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวายได้เพิ่มกิจกรรมการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสุรินทร์เคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล 9 สิ่ง ประกอบด้วย พระใหญ่หรือพระพุทธสุรินทรมงคล, รอยพระพุทธบาทจำลอง, อัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล, พระพุทธรูปองค์ดำ, หลวงปู่สวน, ปราสาทหินพนมสวาย, ศาลเจ้าแม่กวนอิม, เต่าหินศักดิ์สิทธิ์ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหากกราบไหว้ครบทั้ง 9 สิ่งจะเป็นการเสริมสิริมงคลชีวิตได้เป็นอย่างดี

และทุกปีจังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดงานประเพณีขึ้นเขาสวาย เพื่ออนุรักษ์  ฟื้นฟูวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ซึ่งจะส่งเสริมงานประเพณีขึ้นเขาสวายให้เป็นงานประเพณีที่สำคัญและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเพณีขึ้นเขาสวายให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป   และในปีนี้กำหนดจัดงาน  ในวันที่ 31 มีนาคม 2557 (วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี) โดยมีกิจกรรมการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเขาพนมสวายเพื่อความเป็นสิริมงคล 9 สิ่ง พร้อมชมขบวนแห่ที่สวยงามตระการตาจากชุมชนในเขตพื้นที่ตำบลนาบัวและพื้นที่ใกล้เคียงรวม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลนาบัว, ตำบลสวาย, ตำบลไพล, ตำบลประทัดบุ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองสุรินทร์

จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญชวนชาวสุรินทร์และนักท่องเที่ยวทุกท่านได้มาเที่ยวชมงานประเพณีขึ้นเขาสวาย ประจำปี 2557 และร่วมเคาะระฆัง 1,080 ใบ บนเขาสวายเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว  ในวันที่ 31 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณวนอุทยานพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์




สมทรง เผือกผล ส.ปชส.สุรินทร์ /ข่าว

จังหวัดสุรินทร์เชิญร่วมโหวตคะแนนให้ทีมโรงเรียนสุรินทรราชมงคล รหัส “LF6” โครงการ My Little Farm ปฏิบัติการค้นหาสุดยอดเด็กไทยหัวใจเกษตร ปี 5

นายถาวร  กุลโชติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า บริษัท ฟาร์ม แชนแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินโครงการ My Little Farm ปฏิบัติการค้นหาสุดยอดเด็กไทยหัวใจเกษตร ปี 5 ประจำปี 2556-2557 ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับการเกษตร ได้แก่ ด้านพืช ด้านสัตว์ และด้านการประกอบอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานโครงการและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ทางด้านการเกษตรให้กับกลุ่มเป้าหมาย  อาทิ กลุ่มเกษตรกร นิสิต นักศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป  ได้นำองค์ความรู้ด้านการเกษตรสู่เกษตรกรและผู้สนใจ  รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรจากเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จริง  ให้นักเรียนได้นำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต  และบริษัทได้ทำการรับสมัครโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ  เพื่อคัดเลือกเข้าร่วมการเรียนรู้ภายใต้กรอบแนวคิด คิดจริง ทำจริง ได้ผลผลิตจริง โดยให้จัดส่งตัวแทนโรงเรียน ประกอบด้วย ครูผู้รับผิดชอบ 2 คน นักเรียนร่วมโครงการ 5 คน ซึ่งโรงเรียนสุรินทรราชมงคล ได้ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย และได้รับรหัสโหวต คือ “LF6” เพื่อเข้าทำการแข่งขันปฏิบัติการจัดการฟาร์มขนาดพื้นที่ 1 ไร่ ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา  สยามบรมราชกุมารี  โดยจะทำการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม–10 พฤษภาคม 2557

จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญประชาชนร่วมชม  และร่วมโหวตทีมนักเรียนจังหวัดสุรินทร์  ในรายการ My Little Farm ออกอากาศ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. และเวลา 16.00-17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม My Channel. และรายการคนไทยหัวใจเกษตร วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 05.00-05.30 น.ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี โดยร่วมโหวตให้กำลังใจโดยพิมพ์ LF6 ส่งไปที่ 4221900 ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม – 10 พฤษภาคม 2557




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์  / ข่าว

ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดสุรินทร์ เน้นการทำงานต้องอุทิศตน อุทิศเวลา เสียสละ และต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำให้เสร็จ เพื่อในวันพรุ่งนี้จะได้เริ่มต้นใหม่ต่อไป

นายวีระ ฉลาดเลิศ พนักงานธุรการ ส 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์เขต 3 กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ประสบผลสำเร็จนั้น  ต้องอุทิศตน อุทิศเวลา และต้องเสียสละเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการทั้งงานในหน้าที่ และนอกหน้าที่   ที่สำคัญต้องเน้นทำงานในวันนี้ให้ดีที่สุด  ทำให้เสร็จและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อในวันพรุ่งนี้จะได้เริ่มต้นใหม่ต่อไป การทำงานที่ทุ่มเทเสียสละ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติราชการประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของผู้บังคับบัญชา  ทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพราชการ  ซึ่งนายวีระ ฉลาดเลิศ ได้ยืดถือปฏิบัติตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีในการรับราชการ จนได้รับการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2556 ของจังหวัดสุรินทร์



 สมทรง   เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จังหวัดสุรินทร์ พบปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระดับปานกลาง ขอให้ประชาชนอย่าจุดไฟเผาตอซัง

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน พื้นที่เกือบทุกภาคของประเทศไทยมักประสบปัญหาไฟป่า ซึ่งไฟป่ายังเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาวิกฤตมลพิษหมอกควันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งตามยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2557 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 65 จังหวัด

สำหรับจังหวัดสุรินทร์เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าระดับปานกลาง โดยมีการเผาหญ้าริมถนนและการเผาตอซังในบางพื้นที่   จังหวัดสุรินทร์จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจและแก้ไปปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดสุรินทร์ขึ้น ตั้งอยู่ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ กิโลเมตรที่ 9 ถนนสุรินทร์-ปราสาทตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์/โทรสาร 0-4414-3057-9 และโทรศัพท์สายด่วนนิรภัย  1784 หากพื้นที่ใดประสบเหตุดังกล่าว ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่และสายด่วนนิรภัย 1784 โดยด่วน



กัญญรัตน์  เกียรติสุภา ส.ปชส.สุรินทร์ รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ เชิญชวนร่วมทำบุญบริจาคเงินสร้างบ้านธารน้ำใจให้ผู้ยากไร้ในทุกอำเภอ

นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ได้ดำเนินการก่อสร้าง/ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ตามโครงการบ้านธารน้ำใจ สร้างรอยยิ้ม จังหวัดสุรินทร์ ประจำปีงบประมาณ 2557 เดือนละ 1 หลัง ในแต่ละอำเภอ โดยมีการทำประชาคมหมู่บ้าน คัดเลือกผู้ที่ยากจน ผู้สูงอายุ ผู้ที่เจ็บป่วย ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง หรือมีแต่บ้านหลังเล็ก เป็นกระต๊อบไม่สามารถคุ้มแดดคุ้มฝนได้เพื่อให้ราษฎรที่มีฐานะยากจนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

จังหวัดสุรินทร์ จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้าง/ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ตามโครงการดังกล่าวได้ตลอดเวลา และช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคได้ 2 ช่องทาง คือโอนเงินเข้าชื่อบัญชี " โครงการบ้านธารน้ำใจสร้างสุข สร้างรอยยิ้มจังหวัดสุรินทร์” หมายเลขบัญชี 310-0-47227-6 ธนาคารกรุงไทย สาขาสุรินทร์ แล้วกรุณาแจ้งให้จังหวัดทราบด้วยทางโทรสาร 044-515472 และบริจาคโดยตรงได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์ (กลุ่มงานปกครอง) ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ โทร 044-515472 ซึ่งทางจังหวัดสุรินทร์จะดำเนินการมอบเกียรติบัตรให้ผู้บริจาคในโอกาสต่อไป




กัญญรัตน์  เกียรติสุภา ส.ปชส.สุรินทร์ รายงาน

ผวจ.สุรินทร์ สั่งทุกหน่วยงานเตรียมรับมือภัยแล้ง

นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าจังหวัดสุรินทร์ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  อำเภอ  และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  เตรียมการรับมือกับภาวะขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตรที่อาจเกิดขึ้น โดยได้แจ้งมาตรการในการรับมือกับภัยแล้ง ปี 2557 และข้อสั่งการจากกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ การจัดหาน้ำอุปโภค บริโภค  ให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์  ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมการจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้านเพื่อเป็นการให้ช่วยเหลือราษฎรในเบื้องต้น การจัดหาน้ำเพื่อการเกษตรให้โครงการชลประทานสุรินทร์บริหารจัดการน้ำให้เพียงพอและทั่วถึงต่อความต้องการของราษฎร  รวมทั้งการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้  การสร้างรายได้และการเสริมอาชีพระยะสั้น  ให้สำนักงานแรงงานจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสุรินทร์  จัดเตรียมฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นให้กับราษฎรที่ประสบภัยแล้ง   การดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย  ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ดูแลป้องกันโรคช่วงฤดูร้อนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไม่ควรบริโภคอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด  การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับฝ่ายปกครอง  ป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้งมิให้มีการลักขโมยเครื่องมือการเกษตร  เครื่องสูบน้ำ หรือโค  กระบือ  เพื่อมิให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ประสบภัย  การให้บริการน้ำอุปโภค บริโภค  ให้สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุรินทร์และทุกสาขา จัดเตรียมน้ำดื่มและน้ำดิบให้เพียงพอ  โดยให้พร้อมสนับสนุนหน่วยงานทันทีที่ได้รับการร้องขอ  การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจประชาชน  ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็น  ส่งผลการดำเนินการให้จังหวัดสุรินทร์  เพื่อรวบรวมและสรุปประเด็นทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นระยะๆโดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์  และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์ เป็นหน่วยสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร  จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ   รถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ  อุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้งโดยทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ  และแจ้งให้อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดกิจกรรมรณรงค์  สำรวจ ซ่อมและสร้างภาชนะเก็บน้ำไว้ใช้ในปี 2557 และตรวจสอบระบบประปาที่มีอยู่เดิม แหล่งน้ำผิวดิน บ่อน้ำบาดาล  ลักษณะการนำน้ำขึ้นมาใช้ในปัจจุบันใช้เต็มประสิทธิภาพของแหล่งน้ำแล้วหรือไม่  เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดเตรียมภาชนะเก็บน้ำในการสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งอย่างเพียงพอ  และดูแล  รักษา ซ่อม และสร้างภาชนะเก็บน้ำให้ถูกลักษณะซึ่งจะช่วยป้องกันโรคต่างๆที่เกิดขึ้นในฤดูแล้งอีกด้วย  พร้อมทั้งการวางแผนการปลูกพืชฤดูแล้งให้เหมาะสมกับแหล่งน้ำในพื้นที่  เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์  / ข่าว

ผวจ.สุรินทร์ สั่งทุกอำเภอสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน ล่าสุดพบพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง 2,120 หมู่บ้าน

นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศจังหวัดสุรินทร์แห้งแล้ง อากาศร้อนอบอ้าว มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ด้านสภาพน้ำท่าในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่มีความสำคัญในการผลิตน้ำประปาและด้านการเกษตรที่สำคัญ  มีปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่องอาจส่งผลให้เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค  โดยเฉพาะหมู่บ้าน/ชุมชนที่อยู่นอกเขตชลประทาน สำหรับน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคจังหวัดสุรินทร์ได้รับแจ้งว่าราษฎรบ้านหนองเหล็กตาช้าง หมู่ 10 ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์  ขาดแคลนน้ำดิบเพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน  จังหวัดสุรินทร์จึงประสานขอสนับสนุนรถบรรทุกเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกลจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา ซึ่งจะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2557 เป็นต้นไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  กล่าวว่า  จังหวัดสุรินทร์ มีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งจำนวนทั้งสิ้น  17 อำเภอ  158 ตำบล 2,120 หมู่บ้าน  แต่ยังไม่ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้งแต่อย่างใด  ทั้งนี้ได้แจ้งให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งดำเนินการสำรวจสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งโดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยเร่งด่วน แล้ว



สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์  / ข่าว

ผวจ.สุรินทร์ เตือนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน

นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม มีโอกาสสูงที่จะเกิดพายุฤดูร้อน โดยจะมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และเรือกสวนไร่นาได้ แต่ปริมาณฝนที่ตกอาจจะไม่เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ประชาชนจึงควรวางแผนการใช้น้ำให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ขอเตือนให้ประชาชนเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ทั้งการดูแลซ่อมแซมบ้านเรือนให้มีความแข็งแรง ตัดต้นไม้ใหญ่ที่อาจจะหักโค่นจากแรงพายุ รวมถึงเฝ้าระวังพืชผลทางการเกษตรไม่ให้ได้รับความเสียหาย  ระวังป้ายโฆษณา ระวังต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม เสาทีวีหัก และอาจเกิดไฟรั่วจากน้ำที่เจิ่งนองพื้น  ควรดูแลสิ่งของต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงและปลอดภัยอยู่เสมอ  โดยเฉพาะสิ่งของที่อาจจะหักโค่นได้ เช่น หลังคาบ้าน ต้นไม้ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า เป็นต้น



สมทรง   เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จังหวัดสุรินทร์ กำหนดประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมด้านสังคมและวัฒนธรรม เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ในปี 2558 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้กำหนดวางแผนเพื่อพัฒนาและยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน เพื่อสนับสนุนการรวมตัวและความร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน ซึ่งการพัฒนาไปสู่ประชาคมอาเซียนนั้น นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวาง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทุกภาคส่วนจึงต้องมีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จังหวัดสุรินทร์จึงกำหนดจัดประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมด้านสังคมและวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 10 มีนาคม 2557 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมจอมสุรินทร์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  วิเคราะห์สถานการณ์ด้านสังคมและวัฒนธรรม  รวมทั้งรวบรวมข้อมูล  แผนงาน  โครงการ  กิจกรรม ที่จะดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมและปัญหาผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นเมื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน



สมทรง  เผือกผล ส.ปชส.สุรินทร์ รายงาน

ศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ) เป็นจำนวนมาก

ค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2557 เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมฯ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ทำการอัญเชิญน้ำหลวงสรงศพ เพื่อทำการสรงน้ำศพพระครูประสาทพรหมคุณ หลวงปู่หงส์  ณ ปราสาทเพชร สุสานทุ่งมน ต. ทุ่งมน อ. ปราสาท จ. สุรินทร์ โดยมีนายนิรันดร์  กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีสรงน้ำศพพระราชทาน  และมีข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ หรือ พระครูประสาทพรหมคุณ พระเกจิประจำสุสานทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2460 และมรณภาพเมื่อเวลา 10.48 น. วันที่ 5 มีนาคม 2557 ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  ซึ่งนับว่าได้สูญเสียพระเกจิชื่อดังแห่งภาคอีสานไปอีกหนึ่งรูป 

สำหรับ พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ) ชื่อเดิม สุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นชาว อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยท่านมีความขยันหมั่นเพียร กตัญญู กตเวทีต่อบิดามารดา ช่วยทำนาด้วยความวิริยะอดทน จนเมื่ออายุได้ 18 ปี จึงบรรพชาและเทศน์สอนญาติโยม กระทั่งอายุ 20 ปี ได้ทำการอุปสมบทเป็นพระสงฆ์   และได้รับฉายา “พรหมปัญโญ” ซึ่งแปลว่า ผู้มีปัญญาดุจพรหม  หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ หมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรมและจดท่องจำแม่นยำ นอกจากนี้ยังใฝ่หาความรู้เสมอ โดยเพียรศึกษากับครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละและเคยเดินธุดงค์ข้ามไปถึงประเทศกัมพูชา เมื่อหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ได้รับการประสิทธิประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทมนตร์และคาถาต่าง ๆ จนมีอาคมแก่กล้า ได้มีญาติโยมที่ประเทศกัมพูชานิมนต์ท่านไปประกอบพิธีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ นับเป็นพระเถระที่มีอายุพรรษาสูงที่สุดรูปหนึ่งของแดนอีสานใต้ เพราะหลังจากบวชเมื่ออายุ 20 ปี ท่านอยู่ในสมณเพศและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด เช่น มักให้พรแผ่เมตตาและปล่อยสัตว์ทุกชนิด พร้อมรณรงค์ให้ชาวบ้านร่วมสร้างฝายน้ำล้นและปลูกป่า ควบคู่กับการอบรมสั่งสอนให้ทุกคนยึดถือในศีล 5 ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ จึงได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่และคนต่างถิ่นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมานานหลายสิบปี




ประนนท์  ไม้หอม  ส.ปชส.สุรินทร์ /ข้อมูล
สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์  / เรียบเรียง

โคราชเปิดโครงการกรวยจราจรจากยางรถยนต์ ภายใต้ชื่อ 77 วัน โคราชเตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ 2557

วันนี้ (7 มี.ค. 57) เวลา 14.00 น. ที่หมวดการทางสระธรรมขันธ์ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการกรวยจราจรจากยางรถยนต์ ภายใต้ชื่อ 77 วัน โคราชเตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2557 เพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพื่อให้มีกรวยจราจรจากยางรถยนต์ไว้ใช้ในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ 2557 ที่กำลังจะมาถึง

ด้านนายชยาวุธ จันทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นประตู่สู่ภาคอีสาน จะมีปริมาณรถที่สัญจรบนถนนสายหลักและสายรองเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแก้ไขปัญหาโดยได้เปิดช่องทางพิเศษเพื่อระบายรถในเส้นทางสายหลัก ซึ่งพบว่าเกิดปัญหากรวยจราจรที่ทำจากยางรถยนต์มีไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมจึงได้มีการจัดทำโครงการกรวยจราจรจากยางรถยนต์ขึ้น เพื่อใช้ในช่วงเทศกาล โดยเริ่มที่เทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง ซึ่งได้มีการเปิดรับบริจาคยางรถยนต์เก่าจากหน่วยงานราชการและเอกชน รวมถึงประชาชน เพื่อนำมาใช้เป็นกรวยจราจรจากยางรถยนต์ โดยตั้งเป้าหมายเพื่อทำกรวยจราจรจากยางรถยนต์ จำนวน 600 อัน