วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการสิงหาพาแม่เที่ยวขอนแก่น

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการสิงหาพาแม่เที่ยวทั่วไทย จังหวัดขอนแก่น

นายไพบูลย์ กุลแพง ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการสิงหาพาแม่เที่ยวประจำปี 2556 ในวันที่ 7-8 กันยายน 2556 จำนวน 1 คืน 2 วัน ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่น เป้าหมาย 85 คู่(170 คน) เนื่องในในมงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 81 พรรษา 12 สิงหาคม 2556 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาชนชาวไทย สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่นจัดขึ้นเพื่อถวายความจงรักภักดีและเป็นการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศและกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกในเกิดความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว ก่อให้เกิดความรักสามัคคีและสำนึกในบุญคุณของบุพการี สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลสร้างรายได้การท่องเที่ยว 2 ล้านบาท ในปี 2558




ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น

เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮกร่วมเวทีเสวนาคดีปราสาทเขาพระวิหารที่ ม.ขอนแก่น

เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ร่วมเวทีเสวนา "คดีประสาทเขาพระวิหาร จากอดีตสู่ปัจจุบัน และการต่อสู้คดีตีความที่ศาลโลก” ที่ ม.ขอนแก่น คาดตัดสินคดีปลายปีนี้

ที่ห้องประชุมพีรสิทธิ์ คำนวณศิลป์ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ จัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ "คดีประสาทเขาพระวิหาร จากอดีตสู่ปัจจุบันและการต่อสู้คดีตีความที่ศาลโลก” ทั้งนี้ มีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายธนา เวสโกสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และ รศ.อภิรัตน์ เพ็ชรศิริ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมเป็นวิทยากร

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก กล่าวแสดงความมั่นใจว่าไม่น่าจะมีการล็อบบี้ เพื่อให้ตัดสินตามคำร้องขอของกัมพูชาให้กำหนดเส้นเขตแดนรอบปราสาทพระวิหารตามแผนที่ของฝรั่งเศสได้ ยังคงเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของคณะผู้พิพากษาทุกคน เช่นเดียวกับวิทยากรผู้ร่วมเสวนา ซึ่งถือเป็นตัวแทนทั้งรัฐบาล และทีมกฎหมาย เปิดเผยระหว่างร่วมเสวนาคดีปราสาทพระวิหาร ยืนยันในการร่วมกันทำงานของทุกฝ่ายที่มีจุดหมายเดียวกันคือรักษาสิทธิการคัดค้านของประเทศไทย โดยตั้งความคาดหวังร่วมกันว่าเชื่อมั่นในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในความยุติธรรมตามเอกสารหลักฐานและการให้การทางวาจาที่ทีมทนายความของไทยทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทย ยังเชื่อว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก จะไม่ตัดสินตามคำร้องของกัมพูชา ให้ใช้เส้นเขตแดนรอบปราสาทตามแนวเขตที่ระบุไว้ในแผนที่ฝรั่งเศสอัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทตกเป็นของกัมพูชา ทั้งนี้ เนื่องจากทุกคนที่ได้ติดตามการถ่ายทอดสดการให้การทางวาจาของทีมทนายความของทั้งสองประเทศ จะเห็นได้ว่าประเด็นข้อต่อสู้ของทีมกฏหมายไทยมีน้ำหนัก และเหตุผลมากพอที่จะให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาไม่ตัดสินตามคำร้องของฝ่ายกัมพูชา

ดังนั้น เชื่อว่าศาลจะรับฟังข้อต่อสู้ทางกฎหมายของฝ่ายไทย ซึ่งคาดว่าศาลจะตัดสินคดีในปลายปีนี้ ช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าจัดเสวนาทั่วประเทศ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในภูมิภาคใ นแนวทางต่อสู้คดีของรัฐบาลก่อนที่ศาลโลกจะมีคำตัดสิน



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมอบศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนให้กับชุมชนตำรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด


กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มอบศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน (วัดบ้านเปลือยใหญ่) ให้กับชุมนตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงเทคโนโลยี และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

วันนี้ ( 24 ส.ค. 56) เวลา 09.00 น. นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานในพิธีมอบศูนย์ ICT ชุมชน (วัดบ้านเปลือยใหญ่) ให้กับชุมชนตำบลรอบเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยนายธัชชัย สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้รับมอบ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชน และเยาวชนในชุมชนได้มีโอกาสเข้ามาศึกษา ค้นคว้า และเปลี่ยนและเรียนรู้ ผ่านสื่อคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ภายในศูนย์การเรียนรู้ ICT (วัดบ้านเปลือยใหญ่) มีสื่อการ เรียนการสอน ระบบคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต สำหรับประชาชน และเยาวชน โดยชุมชนตำบลรอบเมืองได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อร่วมกันจัดสรรการใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ประโยชน์ร่วมกัน

นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวโอกาสนี้ว่า การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT เพื่อเป็นการลดช่องว่างการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICI ไปทั่วประเทศแล้ว ปัจจุบันมีศูนย์การเรียนรู้ ICT มากกว่า 2,000 ศูนย์ ติดตั้งทุกอำเภอ เป้าหมายในอนาคตจะติดตั้งให้ครบทุกตำบลงบประมาณปี 2557 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะได้รับงบประมาณจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน 300 ศูนย์ฯ ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ไม่เพียงแต่จะเป็นศูนย์ที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจข้อมูลข่าวสารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแล้ว ยังจะเป็นศูนย์ฯที่จะใช้ในการฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องต่างๆ เช่น การให้ชุมชนมีการรวมตัวกัน สร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมได้อีกทางหนึ่งด้วย



วิมล เร่งศึก/ข่าว
 กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
24 ส.ค. 56

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่หมู่บ้านช้างตรวจช้างสวมตั๋วรูปพรรณช้างป่าเป็นช้างบ้าน

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่หมู่บ้านช้างตรวจช้างสวมตั๋วรูปพรรณช้างป่าเป็นช้างบ้าน พบช้างสมตั๋วรูปพรรณ จำนวน 6 เชือก เตรียมให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดูแลต่อไป

วันที่ 23 ส.ค. 56  เวลา 11.00 น. ที่ สภ.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ พลตำรวจโทเอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้เดินทางมายัง สภ.กระโพ อ.ท่าตูม โดยได้ทำความเข้าใจ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระโพ และเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปทส. ในการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อเข้าตรวจสอบช้างป่าจำนวน 6 เชือก ที่มีการตรวจสอบพบว่า มีการนำช้างป่า มาสวมตั๋วรูปพรรณ ช้าง ซึ่งช้างจำนวน 6 เชือก ถูกนำมาเลี้ยงไว้ในโครงการคชอาณาจักร (คต-ชะ-อา-นา-จัก) หมู่บ้านช้าง ต.กระโพ จำนวน 2 เชือก คือช้างพังกำไล กับช้างพังวาสนา และที่บ้านท่าลาด บ้านหนองเรือ ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พบมีช้างป่า นำมาสวมสิทธิ์ อีกจำนวน 4 เชือก มีช้างพลายแม็คโค ช้างพังน้องต้อย ช้างพังน้ำหวาน ซึ่งช้างป่าทั้ง 6 เชือก ชื้อต่อมาจาก นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ ชาวจังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ ได้ดำเนินการออกตั๋วรูปพรรณช้าง จากนายทะเบียนอำเภอเมืองชัยภูมิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการกระทำของนายสุรัตน์ และผู้เกี่ยวข้อง เป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ประกอบ มาตรา 83 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ ออกหมายจับนายสุรัตน์ เติมศักดิ์ ไว้แล้ว ซึ่งพลตำรวจโทเอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระโพ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ครอบครองช้างที่มีตั๋วรูปพรรณช้าง ที่ออกโดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นช้างที่มิใช่สัตว์พาหนะ ตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 แต่เข้าลักษณะเป็นสัตว์ป่า ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ พ.ศ.2535 ลำดับที่ 127 การครองครองช้างดังกล่าว จึงเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ พ.ศ. 2535 มาตรา 19 "มีสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”ต้องระหว่างโทษ ตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ พนักงานสอบสวนได้ส่งมอบให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พันธุ์พืชรับไปดูแลระหว่างการดำเนินคดี และจะเดินทางตรวจและยึดช้างพลายธงชัย ที่สวนสัตว์สตาร์ไทเกอร์ ที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2556 รวมช้างป่า ที่ทำการสวมสิทธิ์ ในครั้งนี้ จำนวน 7 เชือกด้วยกัน