วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เวทีสัมมนา กสม. รุมจวกตำรวจ จับผู้ต้องหาแถลงข่าว-ทำแผน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่า ทางกสม. ร่วมกับ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาเครื่องมือในการเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิ มนุษยชนทางสื่อ แอมแนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย (เอไอ) จัดเวทีสาธารณะนำเสนอความคิดเห็นในหัวข้อ " ทำแผนฯ - แถลงข่าว อย่างไรให้ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน" โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อมวลชน และนักวิชาการต่าง ๆ รวมกันแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะสรุปทำเป็นข้อเสนอแนะแนวทางในการปฏิบัติ

โดย นพ.แท้จริง ศิริพานิช กสม.กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า เนื่องจากการเสนอข่าวอาชญากรรมในปัจจุบัน มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องหาในคดีอย่างชัดเจน ทั้งในการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวหรือนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และมีการรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา เช่นในกรณีฆาตกรรมนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งการปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นการแทรกแซงสิทธิความเป็นส่วนตัว ของผู้ต้องหา ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 39 และหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 ที่ระบุว่าก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ถือว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ทางคณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นว่าควรที่มีการระดมความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้อง

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ก็เห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรที่จะ มีการจัดแถลงข่าว และพาผู้ต้องหา หรือผู้เสียหาย ไปทำแผน เพราะเห็นว่ามีแนวทางอื่นสามารถที่จะดำเนินการได้ เช่น นายนายสมชาย หอมลออ ประธานกรรมการ เอไอ กล่าวว่า ถ้ามีการรับสารภาพของจำเลยต่อหน้าพนักงานสอบสวนและทนายความของจำเลยก็น่าจะ เป็นหลักฐานเพียงพอที่น่ารับฟังได้ไม่น้อยไปกว่าการนำผู้ต้องไปทำแผนประกอบ คำรับสารภาพ ซึ่งการจัดทำแผนฯ ควรทำในเฉพาะกรณีที่เชื่อว่าจะสามารถทำให้ได้พยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนการนำผู้กระทำผิดมาแถลงข่าวก็ไม่ควรที่จะนำเสนอถึงวิธีการของการกระทำ ความผิด แต่ควรมุ่งถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้กระทำผิดก่ออาชญากรรมเพื่อเป็นการให้ ข้อมูลแก่สังคม เพราะถ้านำเสนอเรื่องวิธีการมาก อาจทำให้เกิดการลอกเลียนแบบ โดยการนำเสนอข่าวอาชญากรรมในปัจจุบันของสื่อ ต้องยอมรับว่าเหมือนเป็นการสะท้อนว่าสังคมไทยยอมรับต่อการละเมิดสิทธิของผู้ ต้องหา ผู้ต้องหาในคดีมักจะถูกสังคมตัดสินว่ามีความผิด สื่อฯมักจะนำเสนอว่าผู้ต้องหามีความผิดแล้ว ทั้งที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงอยากให้สื่อฯและสังคมไทยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การปกครองแบบนิติรัฐได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

อดีตกำนันพัวพันขบวนการยาบ้าค้าไม้พยูงมอบตัวสู้คดี

อดีตกำนันพัวพันขบวนการยาบ้าค้าไม้พยูงมอบตัวสู้คดี อดีตกำนันตำบลท่าหินโงม ตัดสินใจเข้ามอบตัวสู้คดี หลังตำรวจจัดชุดออกไล่ล่าอย่างหนัก พบหลักฐาน เป็นเครือข่ายค้าไม้พยูงรายสำคัญ พึ่งพ้นโทษคดีเกี่ยวกับป่าไม้ได้ไม่นาน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 56 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ .ไอศูรย์ สิงหนาท รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ และพ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สภ.เมืองจ.ชัยภูมิ เปิดแถลงข่าวสื่อมวลชน ที่ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ ได้จับกุมนายสฤษดิ์ ฤาชา อายุ 37 ปี บ้านวังโพน ต.ท่าหินโงม อ.เมืองชัยภูมิ ซึ่งถูกหมายจับและหลบหนีการตรวจค้น จับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ขณะสนธิกำลังเข้าตรวจค้นรถกระบะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในบริเวณไร่มันสำปะหลัง ในเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน อ.เมืองชัยภูมิ ได้ผู้ต้องหา 2 คนคือนายบัวผัน นอกชัยภูมิ อายุ 30 ปี และนางพรวารินทร์ ชินอาจ อายุ 36 ปี พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนลูกซองขนาดต่างๆ พร้อมยาบ้า 109 เม็ด และทราบว่ามีผู้หลบหนีไปได้ 1 ราย ทรายหลังทราบชื่อ คือ นายสฤษดิ์ ฤาชา จึงวางกำลัง เข้าไปไล่ล่า กดดัน กวาดล้างอย่างหนัก ล่าสุดได้รับการติดต่อจากญาตินายสฤษดิ์ฯ ว่าจะขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวน ขยายผล ทราบว่านายสฤษดิ์ เป็นเป็นผู้ใหญ่บ้านวังโพน และเคยเป็นกำนันตำบลท่าหินโงม แต่ถูกจับกุม ฐานความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่า ถูกศาลตัดสินจำคุก 3ปี 8 เดือน และพึ่งพ้นโทษออกมายังไม่ถึงปี ก็ถูกจับกุมอีก เนื่องจากสืบทราบว่า นายสฤษดิ์ฯ มีพฤติกรรมอยู่เบื้องหลังขบวนการ ให้ชาวบ้านตัดไม้พยูง ไปขายให้นายทุน ในเขตตำบลท่าหินโงม และตำบลห้วยต้อน อ.เมืองชัยภูมิ ก่อนหน้านี้ ได้จับกุมผู้ร่วมขบวนได้แล้วหลายราย และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการริดรอนเครือข่ายค้าไม้พยูงรายสำคัญอีกรายหนึ่ง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภท 1 ไว้เพื่อจำหน่าย และครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในชุมชนหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร รวมทั้งข้อหาตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ ต่อไป



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

จังหวัดนครราชสีมา ประชุมจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี ชิงแชมป์โลก ปี 2556 มีนักศึกษาจาก 20 ประเทศ ร่วมแข่งขัน

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า จังหวัดนครราชสีมา จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี ชิงแชมป์โลกปี 2556 นั้น ระหว่าง 26 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม นี้

วันนี้ (4 กค.) มีการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ที่ห้องประชุมศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความพร้อมและปัญหาอุปสรรคในการเตรียมจัดการแข่งขัน และร่วมวางแผน การอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาซึ่งจะมาจาก 20 ประเทศทั่วโลก ในที่ประชุมรับทราบมี 2 ประเทศ ที่จะเดินทางมาก่อนกำหนด คือ ประเทศอียิปต์ กับสหรัฐอเมริกา โดยแต่ละประเทศ จะแข่งขันแบบแบ่งสาย 4 สาย คือ สาย A, B, C และสาย D แข่งขันระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม 2556 แต่จะหยุดการแข่งขัน 1 วัน ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 สนามที่ใช้แข่งขัน คือ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา ที่อาคารชาติชาย และอาคาร ลิปตพัลลภ
 
สำหรับการแบ่งสายนักกีฬา จาก 20 ประเทศ แบ่งสายแข่งขัน ดังนี้
 
- สาย A มีประเทศ เปอร์โตริโก, ตูนิเซีย, อียิปต์, ไทย, เซอร์เบีย
- สาย B มีประเทศ อาร์เจนตินา, ญี่ปุ่น, โปแลนด์, กรีซ, จีน
- สาย C มีประเทศ สหรัฐอเมริกา, สโลเวเนีย, บราซิล, โดมินิกัน, อัลจีเรีย
 - สาย D ไต้หวัน, ตุรกี, เปรู, เม็กซิโก, อิตาลี
 
ในการประชุมได้กำหนดวันเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาที่มาก่อนวันการแข่งขัน ซึ่งกำหนดจัดเลี้ยงต้อนรับในวันที่ 25 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี
 
ส่วนวันเปิดการแข่งขัน ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2556 จะเริ่มในเวลา 10.00 น. ด้วยการแข่งขันคู่แรกก่อน จนเสร็จสิ้นการแข่งขันประมาณ 13.00 น.จะเริ่มพิธีเปิด วันปิดการแข่งขัน คือ วันชิงชนะเลิศในวันที่ 4 สิงหาคม 2556 ทำพิธีปิดที่อาคารชาติชาย สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
 
ในการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิง ชิงชนะเลิศ อายุต่ำกว่า 18 ปี ชิงแชมป์โลก ปี 2556 ที่นครราชสีมานี้ จะมีการจำหน่ายบัตรให้แก่ผู้เข้าชม 2 ประเภท 2 ราคา คือ ผู้ชมทั่วไป ราคา 100 บาท และบัตรที่ส่งไปจำหน่ายให้สถานศึกษา เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาซื้อเข้าชม จะราคาเพียง 30 บาท แต่หากนักเรียน นักศึกษาที่มาซื้อที่สนามแข่งขันต้องซื้อในราคา 30 บาท นอกจากนี้ ยังมีบัตรพิเศาที่จำหน่ายทั่วไปแบบ "บัตรล่วงหน้า” คือ ดูได้ทุกสนามทุกนัดทุกวัน สามารถซื้อได้ในราคา 900 บาท
 

อนึ่ง พิธีเปิดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี ชิงแชมป์โลก ปี 2556 นี้ จุมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ช้อง 7 ด้วย จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ชมการถ่ายทอดได้ทางช่อง 7 ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นต้นไป

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับ ป.ป.ช.จังหวัดนครราชสีมา จัดการอบรมสัมมนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม

วันนี้ (4 ก.ค. 56) เวลา10.00 น. ที่ห้องอรพิม โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดนครราชสีมา จัดการอบรมสัมมนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ใส่ใจจริยธรรม โดยมีศาสตราจารย์ ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ คุณธรรมจริยธรรมกับการบริหารงานท้องถิ่น รวมทั้งยังได้มีการบรรยายพิเศษและการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยุคใหม่ห่างไกลคอร์รัปชั่น และการเสวนาเรื่องบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการป้องกันทุจริตคอร์รัปชั่น จาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.อีกด้วย สำหรับการอบรมสัมมนาในครั้งนี้ ได้มี นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตองล่าง ประกอบด้วย ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา เข้าร่วมอบรมสัมมนากว่า จำนวน 200 คน เพื่อ ส่งเสริมจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในส่วนท้องถิ่น ในการต่อต้านการทุจริตและเสริมสร้างให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับท้อง ถิ่นและข้าราชการส่วนท้องถิ่นมีกระบวนทัศน์ ค่านิยมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายในการดำเนินการด้านจริยธรรมในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น

ผวจ.บึงกาฬคนใหม่ออกปฏิบัติงานหน่วยแพทย์พอ.สว.ประจำจังหวัดบึงกาฬครั้งแรก

วันนี้ (4 กรกฎาคม 2556) เวลา 08.00 น. นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬท่านใหม่ได้เป็นประธานในการนำหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำจังหวัดบึงกาฬ ออกปฏิบัติงานให้บริการประชาชนในท้องที่ทุรกันดารห่างไกลการคมนาคมของ จังหวัดบึงกาฬ ณ โรงเรียนกัลยาณีวัฒนา 2 บ้านดงเกษม หมู่ที่ 2 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากจังหวัดบึงกาฬประมาณ 47 กิโลเมตร มีประชากรทั้งหมด 2556 คน จำนวนครัวเรือน 549 ครัวเรือน มีโรงเรียน 1 แห่ง ครู 21 คน นักเรียน 222 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักคือการทำนา รองลงมาคือการทำสวนยางพารา มีสถานบริการสาธารณสุข 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาแสงและโรงพยาบาลศรีวิไล มีอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.)จำนวน 44 คนซึ่งไม่เพียงพอรองรับการใช้บริการของประชาชนเท่าที่ควร

สำหรับปัญหาสุขภาพที่พบส่วนใหญ่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเช่นไข้หวัด และยังพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยในปี 2555 มีผู้ป่วย 353 รายแยกเป็นโรคเบาหวาน 179 ราย โรคความดันโลหิตสูง 141 ราย โรคหัวใจและหลอดเลือด 11 ราย และโรคเรื้อรังอื่นๆจำนวน 22 ราย ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬได้ทำการอบรมให้ความรู้ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพให้กับกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำ


การออกปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำจังหวัดบึงกาฬครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 10 ประจำปี 2556 และยังตรงกับวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษ์ อัครราชกุมารี ผู้ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ พอ.สว. ของจังหวัดบึงกาฬ ครั้งนี้ยังถือเป็นการปฏิบัติงานเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านด้วย

มหาสารคาม ออกหน่วยบริการทางสังคมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัด มหาสารคาม ออกหน่วยบริการทางสังคม ช่วยเหลือกลุ่มเด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส ในวันที่ 5 กรกฎาคม นี้ ที่อำเภอพยัคฆภูมิสัย

นายวิศิษฐ์ เดชเสน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากนโยบาลของรัฐบาล (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศด้านสังและพัฒนาคุณภาพชีวิต บูรณาการเพื่อช่วยเหลือเด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส ที่ประสบปัญหา ให้สามารถเข้าถึงการบริการอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกันทุกกลุ่มเป้าหมาย สำหรับจังหวัดมหาสารคาม ได้บูรณาการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 41 จังหวัดมหาสารคาม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมหาสารคาม อำเภอพยัคฆภูมิพิสัยและองค์การบริหารส่วนตำบลเม็กดำ ตลอดจนภาคีเครือข่าย ร่วมกันออกให้บริการ ในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 ณ โรงเรียนบ้านเหล่า ตำบลเม็กดำ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป

สำหรับกิจกรรมออกหน่วยบริการทางสังคมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การมอบทุนการศึกษา มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย มอบชุดนักเรียน มอบเงินทุนประกอบอาชีพ มอบเงินทุนกลุ่มสตรีสร้างชีวิตใหม่ เงินทุกฝึกอาชีพระยะสั้น กิจกรรม oscc 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กิจกรรมวาดภาพ ระบายสี การสาธิตอาชีพ ตลอดจนนิทรรศการความรู้ และการตอบปัญหาวัยรุ่น




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

หน่วยแพทย์ พอ. สว. มหาสารคาม ออกให้บริการประชาชน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬากรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.มหาสารคาม ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ที่โรงเรียนบ้านนาฝาย หมู่ 6 และหมู่ 10 ตำบลดงดวน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬากรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2556

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายแพทย์สุริยา รัตนปริญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม นำทีมแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลมหาสารคาม โรงพยาบาลนาดูน และหน่วยงานด้านสาธารณสุขในจังหวัดมหาสารคาม ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ให้บริการรักษาโรคทั่วไป บริการแพทย์แผนไทย และโรคทางทันตกรรม แก่นักเรียน ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ที่โรงเรียนบ้านนาฝาย หมู่ 6 และหมู่ 10 ตำบลดงดวน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬากรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2556

สำหรับบ้านนาฝาย ตำบลดงดวน อยู่ห่างจากอำเภอนาดูน 9 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัดมหาสารคาม 74 กิโลเมตร มีประชากร รวม 328 คน ปัญหาสุขภาพที่พบส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับกระดูก กล้ามเนื้อ และโรคระบบทางเดินอาหาร

ทั้งนี้ จังหวัดมหาสารคาม ได้รับพระราชทานให้เป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ลำดับที่ 55 เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยได้ออกให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจสุขภาพ รักษาโรคทางทันตกรรม และมอบยารักษาโรค โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับราษฎรในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดารมาอย่างต่อเนื่อง .



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมหาสารคามกำหนดราคาค่าบริการรถยกเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและผู้บริโภคไม่ได้รับความเดือดร้อน

จังหวัดมหาสารคามกำหนดราคาค่าบริการรถยก เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและให้มีผู้บริโภคไม่ได้รับความเดือดร้อน ในขณะที่ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมหาสารคามสามารถยุติ เรื่องร้องเรียนได้ 7 เรื่อง อยู่ระหว่างไกล่เกลี่ย 1 เรื่อง                  

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคาม ว่า ตามที่คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคาม ได้มีการหารือเรื่องผู้ประกอบการรถยกเรียกค่าบริการแพงเกินไป และไม่มีมาตรฐานเดียวกันทำให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน จังหวัดมหาสารคามได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดราคาเรียกเก็บค่า บริการรถยก โดยมีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคามเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ได้เชิญผู้ประกอบการรถยกในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามมาประชุม และมีมติกำหนดราคาค่าบริการรถยกในจังหวัดมหาสารคาม ดังนี้ ระยะทาง 10 กม. แรก รถ 4 ล้อ ราคาไม่เกิน 2,500 บาท , 6 ล้อ 4,000 บาท , 10 ล้อ และรถโดยสารไม่เกิน 8,000 บาท ระยะ 10 – 20 กิโลเมตร รถ 4 ล้อ 3,000 บาท , 6 ล้อ 5,000 บาท , 10 ล้อและรถโดยสาร 9,000 บาท ระยะ 20 กิโลเมตรขึ้นไป รถ 4 ล้อ 3,500 บาท , 6 ล้อ 6,000 บาท , 10 ล้อและรถโดยสาร ไม่เกิน 10,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับความยากง่ายและต้องใช้สไลด์และวินดึงอาจมีการบวกเพิ่มอีก รถ 4 ล้อ ไม่เกิน 1,000 บาท , 6 ล้อ ไม่เกิน 3,000 บาท , 10 ล้อไม่เกิน 5,000 บาท


รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา พฤษภาคม – มิถุนายน 2556 ฝ่ายเลขาฯ สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมหาสารคาม สามารถยุติเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้จำนวน 7 เรื่อง และอยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ยของอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคระดับจังหวัด (สำนักงานอัยการจังหวัด) 1 เรื่อง โดยเป็นเรื่องการเช่าซื้อรถยนต์มือสองที่ผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม




สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/พิมพ์

ปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่มหาสารคาม 17-23 มิ.ย. มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง

ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำ พื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง ระหว่างวันที่ 17-23 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลการปฏิบัติการมีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง

นายปิยะพัทธ์ โมวพรหมานุช นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รายงานผลการปฏิบัติการฝนหลวงของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำ ต่างๆ ของพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วง ระหว่างวันที่ 17-23 มิถุนายน 2556 ว่า ได้ขึ้นบินปฏิบัติการในช่วงวันดังกล่าวจำนวน 4 วัน 5 เที่ยวบิน รวม 6.55 ชั่วโมง ผลการปฏิบัติการฝนหลวงพบว่ามีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง ในพื้นที่การเกษตรจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 2 วัน

ทั้งนี้ ทางสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดมหาสารคาม จะได้มีการติดตามและประสานงานกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียง เหนือ จังหวัดขอนแก่น อย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบต่อไป ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ จังหวัดมหาสารคาม ว่า ในช่วงวันที่ 4-7 กรกฎาคม จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 กรกฎาคม มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตำรวจภูธรมหาสารคามฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชนรับนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มหาสารคาม

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม 400 กว่านาย ทำการฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรักษาสถานการณ์และความสงบเรียบร้อย ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดมหาสารคาม

กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย 465 นาย เข้าปฏิบัติการควบคุมฝูงชน ที่มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องและกดด้นรัฐบาลให้แก้ไขราคายางพาราตกต่ำ จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลาย และเจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมชน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์สมมุติ ที่กองร้อยควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ได้จัดการฝึกทบทวนยุทธิวิธีตามแนวทางและมาตรการควบคุมฝูงชน ตามแบบปฏิบัติสากลโดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและหลีกเลี่ยงการสูญเสียทุกรูปแบบ ให้มากที่สุด อีกทั้งเป็นการเตรียมพร้อมรับมือหากมีเหตุการณ์ชุมชนหรือความไม่สงบเกิดขึ้น ในพื้นที่ ในโอกาสที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะได้เดินทางลงพื้นที่มาปฏิบัติราชการที่จังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตรำวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมชมและมอบนโยบายในการฝึกซ้อม

ซึ่งการฝึกของชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ครั้งนี้ ใช้สถานที่บริเวณโรงสีข้าวธัญญมงคล อำเภอกันทรวิชัย พร้อมได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ปฏิบัติการร่วมฝึกซ้อม




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

นรข.มุกดาหารตรวจยึดรถบรรทุกไม้พะยูงเตรียมส่งประเทศเพื่อนบ้าน

นาวาตรีกรภัทร ศรีพิพัฒน์ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง สนธิกำลังพันเอกยุทธนา ม่วงพูลสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร พันเอกพัลลภ สุริยะกุล ณ อุธยา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหารศูนย์ปฏิบัติงานและป้องกันปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ กวาดล้างขบวนการค้าสิ่งของผิดกฎหมาย ตามถนนตลอดแนวริมแม่น้ำโขง จนพบรถต้องสงสัยด้านหลังเป็นหลังปิดทึบ ขับขี่ด้วยความเร็ว จึงไล่ติดตามของตรวจค้น แต่คนขับเร่งเครื่องหลบหนี จนมาถึงบ้านนาโปกลางคนขับได้ทิ้งรถหลบหนี เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเป็นรถนิสสัน สีแดงเลือดหมู ทะเบียน บค 179 ร้อยเอ็ด ด้านหลังพบ ไม้พะยูง จำนวน 65 ท่อน/เหลี่ยม เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นการเร่งระบายไม้เพื่อส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหารเพื่อสืบหาเจ้าของรถเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร บุกค้นที่ซุกซ่อนไม้พะยูง จำนวนมาก

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารพร้อมนายอำเภอเมืองมุกดาหาร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (ปป4) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติงานและป้องกันปราบปรามการกระทำความ ผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผอ.ศปทส.ตร.)สั่งการให้ พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลังกับ พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร นำหมายศาลและกำลังเจ้าที่บุกจู่โจมจับตรวจค้นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับไม้พะยูง ในโกดังไม่มีเลขที่ และกลางสวนยาง จังหวัดมุกดาหารในซอยสุขอารีย์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร หลังทำการสืบจนทราบว่า ไม้พะยูงบางส่วน ซุกซ่อนอยู่จึงได้นำกำลังประมาณ 30นายเข้าตรวจค้น ตามหมายศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ ค.182/56

จุดแรกเข้าตรวจค้นที่สวนยางพาราพบของกลางไม้พะยูง 65 ท่อน/เหลี่ยม มีนางกรวรรณ วาปี อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 55 ม.1 ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร แสดงตนเป็นเจ้าของสวนยาง แต่ให้การปฏิเสธว่า ไม้ทั้งหมดไม่ใช่ของตน อาจมีคนมาซ่อนไว้ในสวนยางพาราของตนเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้ จากนั้นกำลังชุดเดิมเข้าตรวจค้นที่โกดังไม่มีเลขที่ ห่างจากจุดแรก 1กม.พบไม้พะยูง ซ่อนอยู่ภายในโกดังอีก 218 ท่อน/เหลี่ยม รวมไม้พะยูงทั้งหมด 283 ท่อน/เหลี่ยม คิดเป็นมูลค่า 3 ล้านบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 48 ฐานมีไม้หวงห้าม แปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 0.20ลูกบาศก์เมตรโดยมิได้รับอนุญาต มาตรา 69 ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และมาตรา 70ฐาน รับไว้ด้วยประการใดๆ ซ่อนเร้นซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยกระทำผิด ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท(ถ้ามีไม้ท่อนเกินกว่า 20 ท่อน หรือไม้แปรรูปเกินกว่าปริมาตร 4 ลบ.ม. ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 200,000 บาท) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. จะได้ดำเนินการตรวจสอบที่มาของไม้ก่อนนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหารต่อไป




ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ยโสธรออกหน่วยแพทย์เทิคพระเกียรติ

จังหวัดยโสธรออกหน่วย แพทย์ พอ.สว เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2556 ที่ บ้านโนนยาง ตำบลพระเสาร์ อำเภอมหาชนะชัยจังหวัดยโสธรนายชัยภัทร หิรัณยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว ออกให้บริการพี่น้องประชาชน จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในวโรกาสวันคลล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2556 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นพระมิ่งขวัญและเป็นที่เคารพยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจ เพื่อความผาสุกของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า พระองค์ท่านมีพระหฤทัยแน่วแน่ในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นทุกข์และมีความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จังหวัดยโสธร จึงได้ร่วมกับมูลธินิ พอ.สว. ออก ให้บริการแก่ประชาชนใน เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งกิจกรรมประกอบไปด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร ให้บริการรักษาพยาบาล บริการทันตกรรมยาสามัญประจำบ้าน /เหล่ากาชาดจังหวัดยโสธรแจกถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค/ สำนักงานประมงจังหวัดยโสธรแจกพันธุ์ปลา พร้อมนี้ยังมีหน่วยราชการให้บริการตามภาระกิจของหน่ายงานต่างๆอีกด้วย

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ยโสธร

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13 ลงพื้นที่ยโสธรตรวจติดตามโครงการ ที่ห้องประชุมชั้นสองศาลากลางจังหวัดยโสธร นายชัยภัทร หิรัญยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ นางเตือนใจ สินธุวณิก ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13 พร้อมคณะ ซึ่งได้เดินทางมาตรวจราชการ ติดตามโครงการแผนงาน/ นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล หลังจากรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวโครงการแผนงานต่างๆแล้ว คณะผู้ตรวจได้เดินทางลงพื้นที่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว เพื่อตรวจติดตามประเมินโครงการกองทุนพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML)/ และโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตำบลลุมพุก /ตำบลดงแคนใหญ่ พร้อมเยี่ยมชมการผลิตสินค้าของกลุ่มสตรี อาธิ การผลิตขนมจีน/ การปลูกเห็ด สรุปผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว มีสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี รวมทั้งสิ้น ๑,๒๒๕ คน ผลการอนุมัติโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบลลุมพุก รวมทั้งสิ้น ๑๓ โครงการ เป็นเงิน ๔๘๐,๕๐๐ บาท (สี่แสดเป็ดหมื่นห้าร้อยบาทถ้วน /สรุปผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร มีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ๑๘ คน ผลการอนุมัติโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีรวมทั้งสิ้น ๗ โครงการ เป็นเงิน ๔๒๐,๐๐๐ (สี่แสนสองหมื่นบาทถ้วน) 

อบจ.ยโสธรอบรมต้านยาเสพติด

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2556 ) เวลา 10.00น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร นายจรรยา สุคนธ์คันธชาติ ปลัดจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแนววิถีพุทธ (รุ่นที่ 3) ดร.สถิรพร นาคสุข นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ได้ร่วมกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร คิดค้นวิธีการบำบัดผู้เสพยาให้สามารถเลิกเสพยาได้ โดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาในการบำบัด ซึ่งในวันนี้มีผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูจำนวน 40 ราย ระยะเวลาในการบำบัดฟื้นฟูจำนวน 15 วัน สถานที่ใช้ในการบำบัด คือวัดอัมพวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร และวัดค้อใต้ ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 

ศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ แนะแนวอาชีพสำหรับคนพิการ

ศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ แนะแนวอาชีพสำหรับคน พิการและจัดหางานสัญจรจังหวัดร้อยเอ็ด ค้นหาความสนใจทางด้านอาชีพ นำไปสู่การฝึกทักษะวิชาชีพ                  

วันนี้ (4 ก.ค. 56) นายศักดิ์ชัย กาญจนะวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เปิดโครงการค่ายแนะแนวอาชีพสำหรับคนพิการ และจัดหางานสัญจรจังหวัด ร้อยเอ็ด ณ โรงแรมธนินทรกรินปาร์ค อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่อยู่ตามชนบทได้ค้นหาความสนใจทางด้านอาชีพ เพื่อนำไปสู่การฝึกทักษะวิชาชีพ ตามข้อจำกัดของตนเอง และเพื่อส่งเสริมอาชีพอิสระ ส่งต่อเพื่อฝึกอาชีพ หรือส่งต่อเพื่อเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพ หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม

กิจกรรมในงานมีการให้ความรู้ ความเข้าใจแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การเก็บข้อมูลพื้นฐาน ความรู้ ทักษะและข้อจำกัดทางอาชีพเบื้องต้น การแนะแนวทางวิชาชีพแก่คนพิการ การรวบรวมข้อมูลและความต้องการทางด้านอาชีพ เพื่อจะนำข้อมูลไปหาแนวทางในการพัฒนาและจัดหางานที่เหมาะสมตามความต้องการใน ลำดับ ต่อไป



วิมล เร่งศึก/ข่าว
บุญมี เพ็งรัตน์/ภาพ
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว

4 ก.ค. 56

จังหวัดร้อยเอ็ด ออกให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 12 ประจำปี 2556

จังหวัดร้อยเอ็ดออกให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 12 ประจำปี 2556 และออกพบปะประชาชนตามโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างร้อยยิ้มให้ประชาชน โดยมีผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก เยาวชน สตรี และผู้ด้อยโอกาส เข้ารับมอบและรับบริการทางสุขภาพ

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิ พอ.สว. ได้พระราชทานอนุญาตให้จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นจังหวัด แพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี (ลำดับที่ 53) จังหวัดร้อยเอ็ด จึงกำหนดแผนการออกปฏิบัติงานหน่วยงานอาสาสมเด็จพระศรีนทรา บรมราชชนนี (พอ.สว.) ครั้งที่ 12 ประจำปี 2556 ขึ้นในวันนี้ (4 ก.ค.56) ณ บ้านคางฮุง ตำบลผักแว่น อำเภอจังหาร โดยนายสมเกียรติ รัตนเมธาธร ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด ได้นำส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ออกไปพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน ตามโครงการดังกล่าว

กิจกรรมประกอบด้วย การมอบทุนการศึกษา การมอบรถจักรยานแก่นักเรียน และมอบเครื่องอุปโภค บริโภคแก่ผู้สูงอายุ เด็ก เยาวชน สตรี และผู้ด้อยโอกาส การให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการร้องทุกข์ การจัดนิทรรศการวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับกากู้ภัย การบริการทางการแพทย์ ตรวจรักษาโรคทั่วไป และอื่นๆ จาก 18 หน่วยงานทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอ



วิมล เร่งศึก/ข่าว
บุญมี เพ็งรัตน์/ภาพ

กมลพร คำนึง/บก.ข่าว 4 ก.ค.56 

จังหวัดศรีสะเกษศรีสะเกษ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ให้บริการรักษาโรคฟรีให้กับประชาชนในถิ่นทุรกันดาร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี

นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ค.56 ที่โรงเรียนเบญจคามวิทยาประชาสรรค์ บ้านห่องเปือย หมู่ที่ 8 ตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ นายแพทย์ ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการ หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอ.สว.) จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2556 เพื่อให้บริการประชาชนที่อยู่ห่างไกลถิ่นทุรกันดาร ด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค บริการด้านทันตกรรม และชี้แจงข่าวสารจากส่วนราชการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ตลอดจนฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ประชาชน โดยมีนายบุญเกื้อ คุณาธารกุล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การบริหารส่วนตำบลอีเซ กุล่มผู้นำชุมชน อาสาสมัคร และพี่น้องประชาชนตำบลอีเซ และใกล้เคียง เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

นายแพทย์ ประวิ กล่าวว่า สำหรับโครงการหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอ.สว.) จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2556 เนื่องจาก ด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีความสนพระทัยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพ ทรงมีพระทัยเมตตาห่วงใยพสกนิกรชาวไทยโดยเฉพาะผู้ด้วยโอกาส ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยห่างไกลทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์แก่แผ่นดิน แก่มวลประชาและกิจการต่างๆ นานัปการ โดยมิเห็นแก่ความสุขส่วนพระองค์ยังความผาสุกแก่ชาวไทยทั้งปวง ซึ่งปัจจุบันสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอ.สว.) ประกอบกับจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชานุญาต จากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้เป็นจังหวัดแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอ.สว.) ลำดับที่ 28 เมื่อ พ.ศ. 2513 ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้การรักษา ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชน ในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกลคมนาคม โดยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในจังหวัดศรีสะเกษ


นายแพทย์ ประวิ กล่าวต่อไปว่า การออกปฏิบัติงานมูลนิธิหน่วยแพทย์แพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว).จังหวัดศรีเกษ ในครั้งนี้ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ เป็นตัวแทนจังหวัดศรีสะเกษ จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี โดยมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย อาสาสมัคร พอ.สว., เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ, โรงพยาบาลาศรีสะเกษ, โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย, สาธารณสุขอำเภอ พร้อมด้วยเวชภัณฑ์ ยา วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ รถพยาบาล และอุปกรณ์อื่นๆ ให้บริการรักษาพยาบาล บริการทันตกรรม แจกยาสามัญประจำบ้าน ให้สุขศึกษาและแจ้งข้อมูลข่าวสารทางราชการ บริการต่อทะเบียนคนพิการ สนับสนุนเงินทุนให้แก่ผู้ด้อยโอกาส โดยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จงหวัดศรีสะเกษ และบริการตัดผม โดยกองร้อยอาสารักษาดินแดนโพธิ์ศรีสุวรรณ ทั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงได้เข้าถึงบริการ

จังหวัดศรีสะเกษพบสถิติผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

จังหวัดศรีสะเกษพบสถิติผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือด ออก มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ขณะที่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่พ่นยากำจัดยุงและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก

นายพินิจ  วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า  เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค.56 นายแพทย์ประวิ อ่ำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบลอีเซ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์โรคไข้เลือดออกและพ่นยากันยุง ให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่ตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในหลายพื้นที่จังหวัด ศรีสะเกษ อยู่ในขณะนี้
 
นายแพทย์ประวิ กล่าวว่า จากการสำรวจขณะนี้พบว่า ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก มากขึ้นถึง 2 เท่า หากเทียบจากเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอโนนคูณ และ อำเภอกันทรลักษ์ จะพบผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกสูงกว่าในเขตพื้นที่อื่นๆในจังหวัดศรีสะเกษ สำหรับในเขตอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ถือว่ามีความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกในระดับปานกลาง ซึ่งถือว่าไม่รุนแรงมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้เลือดออก คือ การกำจัดพาหะของโรคไข้เลือดออก นั่นก็คือ ยุงลาย ซึ่งอันดับแรก ก็คือการระวังตัวเพื่อไม่ให้ยุงสามารถกัดได้ ตลอดจนในพื้นที่ที่พักอาศัย บ้านเรือน และตามสถานศึกษา ควรป้องกันไม่ให้มียุง
 
นายแพทย์ประวิ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการไปยังสาธารณสุขอำเภอ ทั้ง 22 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่พ่นยากันยุง และ ให้ความรู้ความเข้าใจ ในการป้องกันโรคไข้เลือกออก โดยใช้หลักมาตรการ4 ป. เพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์ยุงลายยังใช้ได้เสมอหากทำอย่างต่อเนื่องและจริง จัง ได้แก่1. ปิด ภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิดต้องมีฝาปิดอย่างมิดชิด 2. เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ จานรองขาตู้กับข้าว ต้องเปลี่ยนทุกสัปดาห์หรืออาจใส่เกลือแกง น้ำส้มสายชู เพื่อป้องกันยุงลายวางไข่3. ปล่อย ในโอ่งน้ำ บ่อน้ำ อ่างบัว ควรปล่อยปลาที่กินลูกน้ำเป็นอาหาร เช่น ปลาหางนกยูง ปลาสอด เพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ของยุงลาย4. ปรับปรุง ทุกบ้านในชุมชนควรดูแลปรับปรุงสิ่งแวดล้อมทั้งภายในบ้าน นอกบ้าน ที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นที่ทิ้งขยะ ถนนหนทางที่มีแหล่งน้ำขัง ภาชนะต่าง ๆ ที่กักเก็บน้ำได้ ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง และหากสงสัยว่าคนในบ้านป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกคือ มีไข้สูงโดยไม่มีอาการหวัดไม่มีอาการคัดจมูกหรือไม่มีน้ำมูก ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวและให้ยาลดไข้จำพวกพาราเซตามอล ห้ามให้ยาลดไข้ชนิดอื่นเด็ดขาดเพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้น หากดูแลเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น เด็กยังมีไข้เกิน 3 วัน ซึม อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย ผิวหนังเย็นชื้น เหงื่อออกมาก มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด หรือไม่กินอาหารเลย แสดงว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะอันตรายควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยด่วน



 
จิรภัทร  หมายสุข / ภาพ/ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลงตรวจเยี่ยมชุมชน วัดป่าใหญ่ วัดเลียบ และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนวัดศรีประดู่ เพื่อชมวิถีวัฒนธรรมการตกแต่งเทียนพรรษาของช่างเทียนชุมชนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี

วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลงตรวจเยี่ยมชุมชน วัดป่าใหญ่ วัดเลียบ และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนวัดศรีประดู่ เพื่อชมวิถีวัฒนธรรมการตกแต่งเทียนพรรษาของช่างเทียนชุมชนในเขตเทศบาลนคร อุบลราชธานี ขณะนี้การตกแต่งขบวนต้นเทียนในชุมชนหรือคุ้มวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี แต่ละชุมชนกำลังดำเนินตกแต่งต้นเทียน โดยมีช่างเทียนนำ เยาวชนนักเรียนนักศึกษาประชาชนทำไป ที่ให้ความสนใจร่วมอนุรักษ์การทำเทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกันต้น เทียนทั้งประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ เพื่อช่วยกันประดิษฐ์เทียนของชุมชนด้วยความตั้งใจ

สำหรับต้นเทียนที่เข้าร่วมประกวดการแข่งขันงานประเพณีแห่เทียนพรรษา อุบลราชธานี ประจำปี 2556 มีขบวนเทียนประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ชุมชนคุ้มวัดในเขตเทศบาลและทุกอำเภอ ต่างส่งเข้าประกวด โดยลวดลายภายในต้นเทียนช่างเทียนจะเล่าถึงประวัติของพระพุทธเจ้าในมหาชาดก ต่างๆ รวมทั้งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ให้มาเที่ยวเที่ยวชมความสวยงามของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัด อุบลราชธานี ประจำปี 2556 โดยในวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 ชมการแสดงประกอบแสงสี เสียง ขบวนแห่เทียนภาคกลางคืน และวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 พิธีเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2556 พร้อมทั้งชมขบวนเทียนพรรษา จากชุมชนและคุ้มวัดต่างๆ ทั้งในเขตเทศบาลฯ และ จาก 25 อำเภอ รวมกว่า 100 ขบวน



 
จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

จังหวัดสุรินทร์ประกอบพิธีราชสักการะถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ

จังหวัดสุรินทร์ประกอบพิธีราชสักการะถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ

เนื่องในวันที่ 4 กรกฏาคมของทุกปีตรงกับวันประสูติ ของศาสตรจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับ อำเภอสังขะ และองค์องค์การบริหารส่วนตำบลเทพรักษา อ. สังขะ จ.สุรินทร์ ประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายราชสังการะ และถวายพระพรหน้าพระบรมสาธิสลักษณ์ของศาสตรจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ณ บริเวณอาคารอเนกประสงค์ โครงการทับทิมสยาม 04 ม. 10 ต. เทพรักษา อ. สังขะ จ. สุรินทร์ โดยมีนายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งร่วมกันปลูกต้นไม้ ในพื้นที่โครงการฯ และร่วมปล่อยพันธ์ปลา ณ อ่างเก็บน้ำห้วยเสน ที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โครงการทับทิมสยาม 04 อีกด้วย สำหรับโครงการทับทิมสยาม 04 จังหวัดสุรินทร์ ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงนำหน่วยแพทย์ไปให้การรักษาราษฎร ที่บริเวณศูนย์ควบคุมผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536 ทรงตระหนักถึงความทุกข์ยากของราษฎรไทยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม ทรงมีพระราชดำริฟื้นฟูพื้นที่ศูนย์อพยพดังกล่าวด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อม และสภาพชีวิตของประชาชนชายแดน เพื่อเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาที่จะขยายไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงในลักษณะยุทธศาสตร์การพัฒนา จึงได้จัดตั้งโครงการทับทิมสยาม 04 ขึ้น โดยมีลักษณะเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้พร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีการจัดสร้างบ้านพักอาศัยและแบ่งที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรที่มีฐานะยากจนไม่มีที่ทำกิน และมีความขยันขันแข็ง คัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 100 ครอบครัว เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตส่งเสริมให้ราษฎรมีรายได้ เสริมสร้างความเป็นอยู่ของชุมชน และได้ประกาศจัดตั้งเป็นหมู่บ้านตามกฎหมายพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องถิ่น เป็นหมู่ที่ 10 ต. เทพรักษา อ. สังสะ จ. สุรินทร์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2540 จวบจนปัจจุบันหมู่บ้านทับทิมสยาม 04 มีความเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ



ประนนท์ ไม้หอม / ภาพ / ข่าว / ส.ปชส. สุรินทร์

จ.หนองคาย อบรมพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการ

สำนักงานขนส่งจังหวัดหนองคาย จัดอบรมพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการ เพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ที่จำเป็น และปลูกจิตสำนึกด้านความปลอดภัย

วันนี้ (4 ก.ค. 56) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมโรงแรมอัศวรรณ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย นายวิวัฒ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการจังหวัดหนองคาย ที่กรมการขนส่งทางบก โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดหนองคาย จัดให้มีขึ้น

สำหรับการอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ที่จำเป็นสำหรับพนักงานขับรถ อันเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการขับรถให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านความปลอดภัย ความมีน้ำใจและวินัยจราจรในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เพื่อให้พนักงานขับรถที่เข้ารับการอบรม ในฐานะเป็นบุคลากรภาครัฐ ตระหนักในความสำคัญของการเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนน และเพื่อขยายเครือข่ายด้านความปลอดภัย ในการร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน มีพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัดหนองคาย เข้ารับการอบรม รวมทั้งสิ้น 50 คน




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย

จุมพล สายแวว   หนองคาย รายงาน