วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

จ.กาฬสินธุ์ สรุปผลการออกหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำปี 2556

บ่ายวันนี้ 19 กันยายน 2556 ที่ห้องประชุมปัญญานุสติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์กล่าวถึงผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2556 ในที่ประชุมคณะกรรมการ อนุกรรมการ พอ.สว.จังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งที่ 2/2556 ว่า ปัจจุบันจังหวัดกาฬสินธุ์มีสมาชิก พอ.สว.รวมทั้งสิ้น 2,259 ราย แยกเป็นอาสาสมัครสายแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 2,057 ราย และอาสาสมัครสายสนับสนุน จำนวน 206 ราย สรุปผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2556 จำนวน 14 ครั้ง มีผู้ป่วยมารับบริการจำนวน 3,329 ราย พบผู้ป่วยโรคทางทันตกรรมสูงสุดจำนวน 544 ราย หรือ ร้อยละ 16.46 โรคระบบกล้ามเนื้อ จำนวน 428 ราย หรือร้อยละ 12.85 รองลงมาได้แก่โรคระบบกระดูก ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง โรคทางตา และโรคระบบหัวใจ หลอดเลือดตามลำดับ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2557 หน่วยแพทย์ พอ.สว.จังหวัดกาฬสินธุ์มีแผนปฏิบัติงานออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ จำนวน 14 ครั้ง ดังนี้ วันที่ 17 ตุลาคม 2556 ที่วัดหนองผือ ตำบลหนองผือ อำเภอเขาวง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 โรงเรียนบ้านม่วงนาวิทยาคม ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน วันที่ 19 ธันวาคม 2556 ที่โรงเรียนโนนไฮหนองอีกุ้มวิทยา ตำบลโพนงาม อำเภอกมลาไสย วันที่ 9 มกราคม 2557 ที่โรงเรียนบ้านหนองแซวผดุงวิทย์ ตำบลโพน อำเภอคำม่วง วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ที่โรงเรียนบ้านหนองกุงใหญ่ ตำบลสำราญ อำเภอสามชัย วันที่ 20 มีนาคม 2557 ที่ อบต.สายนาวัง ตำบลสายนาวัง อำเภอนาคู วันที่ 24 เมษายน 2557 โรงเรียนบ้านคุย ตำบลสามขา อำเภอกุฉินารายณ์ วันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่โรงเรียนบ้านห้วยฝา ตำบลนิคมห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง วันที่ 19 มิถุนายน 2557 ที่โรงเรียนบ้านคำเชียงวัน ตำบลโนนแหลมทอง อำเภอ สหัสขันธ์ วันที่ 4 กรกฎาคม 2557 ที่โรงเรียนเหล่ากลางวิทยาคม ตำบลเหล่ากลาง อำเภอฆ้องชัย วันที่ 18 กรกฎาคม 2557 วัดโพธิ์ศรีสะอาด ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง วันที่ 21 สิงหาคม 2557 ที่โรงเรียนคลองขามวิทยาคาร ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด และวันที่ 11 กันยายน 2557 ที่โรงเรียนห้วยเม็กมะทอ-โคกล่ามวิทยาคม ตำบลหัวหิน อำเภอห้วยเม็ก จึงขอเชิญชวนชาวกาฬสินธุ์ไปใช้บริการตามวันและสถานดังกล่าว



สุวรรณ์ ศรีอาภรณ์ ข่าว / ภาพ

พัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่นนำสื่อมวลชนดูงานเศรษฐกิจพอเพียงที่อ.ชนบท ปี 2556

โครงการ พช.ขอนแก่นก้าวหน้า ประชาสัมพันธ์ก้าวไกล กับการนำข้อมูล จปฐ. ไปใช้ประโยชน์

วันนี้ (19 กันยายน 2556) เวลา 11.00 น ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านดอนข่า ตำบลชนบท อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น นางเพ็ญสุภา ศิริสวัสดิ์ พัฒนาการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการ พช.ขอนแก่นก้าวหน้า ประชาสัมพันธ์ก้าวไกล กับการนำข้อมูล จปฐ.ไปใช้ประโยชน์ ในการวางแผนพัฒนาอบต.มีนายศิริวัฒน์ พินิจวานิช นายอำเภอชนบทจังหวัดขอนแก่นร่วมต้อนรับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายการประชาสัมพันธ์งานพัฒนาชุมชนจังหวัดพาสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการงานพัฒนาชุมชนหมู่บ้านที่ชนะเลิศหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุข ตามโครงการเชิดชูเกียรติผู้นำเครือข่ายพัฒนาชุมชนดีเด่นประจำปี 2556 บ้านดอนข่าหมูที่ 7 ตำบลชนบท จังหวัดขอนแก่นเป็นชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี มี 95 หลังคาเรือน ประชากร 370 คน แยกเป็นชาย 189 คน หญิง 181 คน มีการทอผ้าไหมมัดหมี่ สร้างรายได้หลังเก็บเกี่ยว มีผลิตภัณฑ์เด่นเป็นผ้าไหมมัดหมี่เฉลิมพระเกียรติลายนพเกล้า เป็นสินค้า OTOP 5 ดาว มีคณะดูงานทั้งไทยและต่างประเทศตลอด ดอนมะค่า โฮมสเตย์ สามารถรองรับท่องเที่ยว 100-200 คน มีฐานเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงปลูกผักปลอดสารพิษ ชาวบ้านดอนข่า มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพทั้งจิตกาย ปัญญา เชื่อมโยงเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นองค์รวมและสัมพันธ์กันได้อย่างถูกต้องดีงาม อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และผ่านการประเมินความสุขมวลรวมชุมชน บ้านดอนข่าจึงเป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติดไม่มีครัวเรือนยากจนและไม่มีหนี้นอกระบบ


ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่นขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบถวายผ้ากฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย

จังหวัดขอนแก่น ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบถวายผ้ากฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย

จังหวัดขอนแก่น ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบถวายผ้ากฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทยที่จะนำมาทอดถวาย ณ วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้ขอรับพระราชทานผ้ากฐิน ประจำปี 2556 เพื่อนำมาถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา ณ วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา 14.00 น.

ในการนี้ จังหวัดขอนแก่นจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมบริจาคเงินเพื่อสมทบถวายผ้ากฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเงินไปบูรณะปฏิสังขรณ์บวรพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองและคงอยู่สืบไปโดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อขอบริจาคได้ที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,สำนักงานจังหวัดขอนแก่น นายอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดขอนแก่น หรือที่หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดขอนแก่นทุกหน่วยงาน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว/สุรเดช/พิมพ์/19 ก.ย.56

อิทธิพลพายุทะเลจีนใต้ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่ม เป็น 44 % ของความจุอ่าง

จังหวัดขอนแก่นได้รับอิทธิพลพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ ส่งผลฝนตกชุกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำไหลเข้าเขื่อนอุบลรัตน์เพิ่ม ล่าสุด 1,084 ล้านลบ.ม. หรือ 44%ของความจุอ่าง

วันนี้ (19 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ว่าขณะนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บที่ 1,084 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือร้อยละ 44 ของความจุอ่าง โดยมีน้ำไหลเข้าเขื่อนล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 55 ล้านลบ.ม. เนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีฝนตกชุกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนอุบลรัตน์มากขึ้น ขณะเดียวกันได้ลดการระบายน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าระบายน้ำวันละ 3 ล้านลบ.ม. เพื่อป้อนประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนน้ำที่สามารถใช้ได้ 502 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 27 จึงรองรับน้ำได้อีก 1,300 ล้านลบ.ม. ซึ่งทางเขื่อนยังคงต้องการน้ำอีกมาก หรือให้มีปริมาณกักเก็บถึงร้อยละ 60 เพื่อจะได้มีน้ำไว้ใช้ในระบบชลประทานช่วงหน้าแล้งปีหน้า



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี

ชัยภูมิหนุนอาชีพเกษตรอินทรีย์ ผลิตสมุนไพรครบวงจร

จังหวัดชัยภูมิ สนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกเจียวกู้หลาน แปรรูปเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ หวังเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก และสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้า รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ปี2558

โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ภูเชียงทา หมู่ 3 ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ครบวงจรชาสมุนไพร มีพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 ท ผ่านมา มีนายบรรยงค์ วงศ์กนิษฐ์ รอง ผวจ.ชัยภูมิ เป็นประธาน เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าอินทรีย์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพอนามัยของชาวโลก ทั้งที่เป็นเกษตรกรเอง ผู้ผลิต และผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลยุทธหลัก ของยุทธศาสตร์การค้าไทย ในเรื่อง การสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้า จากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤติภาวะโลกร้อน

ประกอบกับปัจจุบัน พฤติกรรมการบริโภคในตลาดโลกได้เปลี่ยนไปสู่ กระแสรักษ์สุขภาพ ความต้องการสินค้าประเภทนี้จึงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากไม่มีการปรับตัวรับสถานการณ์ ก็จะถูกกีดกันทางการค้า เพราะบางประเทศได้ใช้มาตรการกีดกันรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น ทั้งมาตรการด้านสุขอนามัย มาตรการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าอาหาร มาตรการตรวจสอบการปนเปื้อนของสารเคมีตกค้าง เป็นต้น จำเป็นที่สินค้าไทย จะต้องปรับตัว รองรับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ปี2558 การพัฒนาสินค้าอินทรีย์ จึงเป็นโอกาสของไทย ในการขยายตลาด และส่วนแบ่ง ในตลาดโลกอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ ในศูนย์ดังกล่าว ทางกลุ่มได้ปลูกเจียวกู้หลาน ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และได้ อย. เป็นรายแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปลูกในรูบของเกษตรอินทรีย์ มีการผลิตปุ๋ยหมักใช้เอง ทำสารไล่แมลงจากพืช ใช้โรงตากแห้ง จากพลังแสงอาทิตย์ ก่อนนำสมุนไพรเจียวกู้หลาน เข้าเครื่องคั่วและเครื่องอบต่อไป ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของ ทางกลุ่มได้แก่ ชาสมุนไพรเจียวกู้หลาน เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคปซูน กาแฟสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนบำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติของเจียวกู้หลาน ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยลดคอเรสเตอร์รอลในเลือด ลดน้ำตาลในเลือด ขับลมในกระเพาะอาหาร ช่วยดีท็อก กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ปรับฮอร์โมนเพศ ลดเบาหวาน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 08-4455-8480 08-1955-8461



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

หนุนอาชีพนวดแผนไทยผู้ต้องขังเรือนจำชัยภูมิหลังพ้นโทษ

เรือนจำชัยภูมิ เปิดห้องฝึกปฎิบัติงาน สู่อาชีพนวดแผนไทย แก่ผู้ต้องขังหญิง หลังพ้นโทษ พร้อมนำผลผลิตจากเรือนจำมาวางแสดงและจำหน่ายด้วย

ห้องฝึกปฎิบัติสู่อาชีพนวดแผนไทย ของผู้ต้องขังเรือนจำชัยภูมิดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขัง ซึ่ง น.ส.บุษบา เกตุอุดม ผู้บัญชาการเรือนจำชัยภูมิ สร้างขึ้น และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเช้าวันที่ 17 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา มีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธาน ภายหลังเรือนจำได้จัดอบรมอาชีพหลักสูตรต่างๆ แก่ผู้ต้องขังขณะถูกคุมขัง มีทั้งฝึกอาชีพทำเครื่องเฟอร์นิเจอร์จากไม้ เตาประสิทธิภาพสูง สำหรับผู้ต้องขังชาย ส่วนผู้ต้องขังหญิง เน้นฝึกอบรมนวดแผนไทย ซึ่งเป็นอาชีพที่มีคนทำน้อย แต่มีรายได้ดี หากฝึกได้ สามารถนำไปประกอบอาชีพ หลังพ้นโทษได้ตลอดชีวิต โดยเน้นฝึกอบรมให้แก่ผู้ต้องขังหญิงที่ใกล้พ้นโทษ ได้ฝึกปฎิบัติ นวดจริงกับผู้มาใช้บริการ ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ มาฝึกอบรมตลอดหลักสูตร

เปิดบริการแล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 -16.30 น. ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว สามารถนำวิชาชีพที่ได้รับ ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ตลอดไป



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ร้านปันกัน ร่วมกับ เดอะมอลล์นครราชสีมาฉลองครบรอบ 13 ปี ด้วยการมอบทุนการศึกษา

ร้านปันกัน ร่วมกับ เดอะมอลล์นครราชสีมาฉลองครบรอบ 13 ปี ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนกว่า 200,000 บาท โดยมี นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2556 ณ เวทีน้ำตกบ่อปลา ชั้น 1 เดอะมอลล์นครราชสีมา

ทั้งนี้ มูลนิธิชุมชนโคราช ร่วมกับ เดอะมอลล์ นครราชสีมา ได้มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สังคม ให้เป็นสังคมแห่งการให้ เพื่อส่งต่อไปเป็นอนาคตของเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ภายในงานมีการแสดงละครเวทีจากครูช่าง ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง และการมอบกางกงยีนส์ จำนวน 500 ตัว จาก คุณสุทธิพงษ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส (ปฏิบัติการ) บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด เพื่อจำหน่ายและนำรายได้มอบเป็นทุนการศึกษา ด้วย

ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา ออกบูธอาหารปลอดภัย แสดงผลผลิตจากสวนเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมร่วมลงนามขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ เขตนครชัยบุรินทร์ ปี 2557-2560

เพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์เขตสุขภาพสู่การปฏิบัติและสามารถแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของพื้นที่และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม

นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดความพิการและตายก่อนวัยอันควร ซึ่งสาเหตุจากปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยทั้งที่เกิดจากพฤติกรรม วิถีชีวิตสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อโดยการคัดกรองประชากร นำผลการคัดกรองมาจัดกลุ่ม บอกระดับอาการป่วย เพื่อลดความแออัดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยการกระจายสัดส่วนผู้ป่วยจากโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

จากนั้นได้มีพิธีลงนามข้อตกลง (MOU) การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์เขตสุขภาพเครือข่ายบริการที่ 9 ระหว่าง สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 9 ทั้งนี้ ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา โดย นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการ ฯ ได้เข้าร่วมลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อการดำเนินการผลักดันและขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์เขตสุขภาพให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสอดรับกับความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆของประเทศ ภายใต้ปรัชญา "บริหารจัดการดี ภาคีมีส่วนร่วม” พร้อมทั้งได้นำบูธนิทรรศการเรื่องอาหารปลอดภัย พร้อมทั้งนำผักปลอดสารพิษจากสวนเศรษฐกิจพอเพียงของศูนย์อนามัยที่ 5 ไปจำหน่ายในงานนี้อีกด้วย

จังหวัดนครราชสีมา จัดการอบรมทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

วันนี้ (19 ก.ย. 56) เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมรายาแกรนด์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการอบรมสัมมนา โครงการจัดทำแผนปฏิบัติการยาเสพติด ปี 2556 เพื่อสรุปปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานป้องกันปัญหายาเสพติด เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการท่องเที่ยวเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยในการอบรมสัมมนาในครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น 120 คน

สาวๆ บึงกาฬ คึกคักแห่สมัคร Smart Lady Thailand

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดบึงกาฬบึงกาฬนำโดย นางดาหวัน คนขยัน ประธานองค์กรพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดบึงกาฬร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ ออกรับสมัครสาวๆตามโครงการคัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี "Smart Lady Thailand ผู้หญิงสวย......ด้วยความคิด" ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานีวิทยาเขตบึงกาฬ โดยจังหวัดบึงกาฬ ตั้งเป้าผู้สมัคร Smart Lady ไว้ที่ 100 คนจากทุกอาชีพสาขา อายุระหว่าง 18-35 ปี มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถในการเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม มีความสนใจการทำงานกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสังคม มีความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมอบรมของโครงการได้ พร้อมในการเข้ารับการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำโดยมีกระบวนการคัดเลือกพร้อมๆไปกับการอบรมให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพศักยภาพ ดังนี้ คัดเลือกรอบแรกจากใบสมัคร ให้เหลือ จำนวน 1,200 คน (ภาคเหนือภาคกลาง และภาคใต้ ภาคละ 200 คน กรุงเทพมหานคร 200 คน ภาคตะวันออก 100 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 300 คน)โดยประกาศรายชื่อทางเว็บไซต์ www.smartlady-thailand.com ผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะได้เข้าอบรมเพิ่มขีดความสามารถและทดสอบบุคลิกภาพ โดยจัดการอบรมสั้น 1 วัน จำนวน 6 จุด ในภูมิภาค 5จุด (ภาคเหนือ-เชียงใหม่ ภาคกลาง-นครสวรรค์ ภาคใต้ – สงขลา ภาคตะวันออก- ชลบุรี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ- ขอนแก่น) และกรุงเทพมหานคร 1 จุด ในเดือนตุลาคม 2556คัดเลือกเหลือ 300 คน (ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ภาคละ 50 คน กรุงเทพมหานคร 50 คน ภาคตะวันออก 25 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 75 คน) ผู้ผ่านการคัดเลือกรอบสอง (300 คน) จะได้เข้าร่วมค่ายกิจกรรมอบรมพิเศษในกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคม 2556 เป็นเวลา 3 วัน เพื่อเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำและเสริมทักษะการทำงานเป็นทีม นำไปสู่การเฟ้นหาผู้หญิงที่มีความพร้อมสูงสุดเพียง 12คน(ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ภาคละ 2 คน กรุงเทพมหานคร 2 คน ภาคตะวันออก 1 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 คน) ผู้ผ่านการคัดเลือก 12 คน จะเป็นตัวแทนผู้หญิงของประเทศที่ได้รับคัดเลือกรอบสุดท้ายได้เข้าสู่บ้าน "Smart Lady Thailand" อยู่ร่วมกัน เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเรียนรู้ อบรม ฝึกทักษะอย่างเข้มข้น ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากกูรู ผู้เชี่ยวชาญและแขกรับเชิญชื่อดังในแต่ละสัปดาห์ ที่จะมาถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาด้านบุคลิกภาพ การคิดและการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม การร่วมกันทำโครงการจริงซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคม หลังจบการอบรมตัวแทน Smart Lady Thailand ทั้ง 12 คน จะได้รับเงินรางวัล เงินสนับสนุนทำโครงการเพื่อสังคม โอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หรือศึกษาดูงานต่างๆ ในประเทศหรือต่างประเทศ หญิงสาวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดละสมัครได้ที่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด ตู้ปณ. 1 ปณจ. คลองจั่น สมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.smartlady-thailand.com/register

วง E-Sarn Drumline มหาสารคาม เข้ารับโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี

วง E-Sarn Drumline โดยโรงเรียนผดุงนารี จังหวัดมหาสารคาม เข้ารับโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่ได้รับรางวัลแชมป์โลก รายการ Drumline Battle ในงาน DCI World Championships 2013 ที่สหรัฐอเมริกา

(18-9-56) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบโล่รางวัลให้แก่นักเรียน โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติ จากการส่งวงโยธวาทิต เข้าร่วมแข่งขัน ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา

ในโอกาสนี้ นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายมีศิลป์ ชินภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนผดุงนารี ได้นำวง E-Sarn Drumline โรงเรียนผดุงนารี จังหวัดมหาสารคาม เข้ารับโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี ในฐานะแชมป์โลกจากการแข่งขัน รายการ Drumline Battle ในงาน DCI World Championships 2013 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับโรงเรียนที่ได้ส่งวงโยธวาทิตเข้าแข่งขันและได้รับรางวัลในเวทีนานาชาติ ที่มาเข้ารับโล่รางวัล ในครั้งนี้ประกอบด้วย โรงเรียนมัธยมสังคีต โรงเรียนสุรนารีวิทยา โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี โรงเรียนวัดเขมาภิตาราม โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ และโรงเรียนผดุงนารี จังหวัดมหาสารคาม



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารประกาศเตือนภัย “พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้”

นายเวชสุวรรณ อาจวิชัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด  มุกดาหาร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น.วันนี้ (๑๘ กันยายน ๒๕๕๖) พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ ๒๕๐ กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด ๑๖.๐องศาเหนือ ลองจิจูด ๑๑๑.๕ องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ ๕๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนที่ทางตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันพรุ่งนี้ (๑๙ กันยายน ๒๕๕๖)และจะเคลื่อนตัวผ่านตอนล่างของประเทศลาวเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทยในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ ๑๘ –๒๑ กันยายน ๒๕๕๖ อนึ่ง พายุโซนร้อน "อุซางิ” (USAGI) ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้นจะเคลื่อนใกล้เกาะไต้หวันและด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนในช่วงวันที่ ๒๑ –๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งพายุอุซางิไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากสภาพอากาศ หากพบเห็นสาธารณภัยอันเกิดจากสภาวะอากาศขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน เช่น ให้แจ้งผู้บริหารเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกิดภัย ตำรวจที่สายด่วน ๑๙๑ บาดเจ็บฉุกเฉินสายด่วน ๑๖๖๙ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หมายเลขโทรทัศน์ ๐๔๒-๖๓๓๑๐๑ ,๐๔๒-๖๑๕๓๘๓,๐๔๒-๖๑๒๒๔๓ หรือที่สายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ยโสธรปล่อยปลาในวันประมง

จังหวัดยโสธรจัดกิจกรรมปล่อยปลาเนื่องในวันประมงแห่งชาติ  ประจำปี  ๒๕๕๖  .ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยพันหม  หมู่ที่ ๔ บ้านเหล่ามะเขียว ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว  จังหวัดยโสธร  นายนิรันดร์  สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานปล่อยปลาลงอ่าง  เนื่องจาก  ในวันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี  เป็นวันประมงแห่งชาติ  สำนักงานประมงจังหวัดยโสธรจึงได้จัดกิจกรรมปล่อยปลาขึ้นในครั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ  ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ/ ผู้นำท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน/ประชาชน/และนักเรียน  เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก สำหรับพันธุ์ปลาที่นำมาปล่อยในวันนี้ประกอบไปด้วย ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียนขาว  ปลายีสกเทศ และปลานวลจันทร์  จำนวนกว่า  ๕๐๐,๐๐๐  ตัว   พร้อมนี้สำนักงานประมงจังหวัดยโสธรขอความร่วมมือ  ให้ชาวประมงและประชาชนงดจับสัตว์น้ำทุกชนิดในวันที่ ๒๑ กันยายน นี้ด้วย

ร้อยเอ็ด ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ ตามโครงการ “ครอบครัวต้นไม้”

จังหวัดร้อยเอ็ด โดยกองพลทหารราบที่ 6 ร่วมกับกับองค์การบริหารส่วนตำบลเหนือเมือง จัดโครงการ"ครอบครัวต้นไม้” น้อมเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ ณ สวนสาธารณประโยชน์ดงอีเลิศ ต.เหนือเมือง  อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 18 กันยายน 2556  นายสุรพงษ์  สายโอภาส  นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด  เป็นประธานในพิธีปลูกปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ ตามโครงการ "ครอบครัวต้นไม้”  ณ สวนสาธารณประโยชน์ดงอีเลิศ ต.เหนือเมือง  อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด  โดยหน่วยทหารกองพลทหารราบที่ 6และ อบต.เหนือเมือง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมโครงการขึ้นเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายสุรพงษ์  สายโอภาส  นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด   กล่าว่า ในปัจจุบันป่าไม้ได้ลดจำนวนลงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประชาชน และสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมาย เช่น ความแห้งแล้ง อุทกภัย เกิดผลกระทบทาง

เศรษฐกิจ ความมั่นคงของชาติ ตลอดจนภาวะโลกร้อน นับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลดพื้นที่ป่าไม้จังหวัดร้อยเอ็ด นับว่าจะเกิดผลกระทบต่อพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ดโดยตรง

กิจกรรมในครั้งนี้หน่วยงานที่เข้าร่วมประกอบด้วย กองพลทหารราบที่ 6, อบต.เหนือเมือง, ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด, คลังจังหวัดร้อยเอ็ด, กอรมน.ร้อยเอ็ด,ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร้อยเอ็ด,โรงเรียนไพโรจน์วิชชาลัย,

โรงเรียนบ้านหนองตากล้า,โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเหนือเมือง,ธนาคารธนชาติ, The  PIZZA Company ร้อยเอ็ด ผู้นำชุมชน  นักเรียน - นักศึกศึกษา พ่อค้าประชาชนชาวตำบลชาวตำบลเหนือเมือง  กว่า 500 คน



คมกฤช  พวงศรีเคน   ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
043-527117

ร้อยเอ็ดแจ้งผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกละเมิดสิทธิ์รับแบบบันทึกคำร้องทุกข์ จากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กว่า 1,600 สาขา

จังหวัดร้อยเอ็ดประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้บริโภครับบันทึกคำร้องทุกข์ และส่งคำร้องทุกข์ถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ ณ ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ กว่า 1,600 สาขา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

นายธัชชัย สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) มีนโยบายในการคุ้มครองเพื่อการรักษาสิทธิ์ผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกเอารัด เอาเปรียบ ตลอดจนให้มีช่องทางการร้องเรียนสำหรับผับริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ์มากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้หารือกับผู้ประกอบการที่เป็นห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เพี่อให้ความอนุเคราะห์ในการเป็นช่องทางการร้องร้อนที่เพิ่มมากขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถขอรับแบบบันทึกพร้อมซองจากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ และส่งกลับทางไปรษณีย์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วยการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2556 ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค ณ ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อรวมทั้งหมดจำนวน 4 บริษัท 1,601 สาขา ทั่วประเทศ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยด้วยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้ประชาสัมพันธ์ผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ์ขอรับแบบบันทึกคำร้องทุก ณ ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั้งภายในและต่างจังหวัดทั่วประเทศ รวม 4 แห่ง 1,601 แห่ง ทั่วประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
18 ก.ย. 56

ร้อยเอ็ดเตือนผู้บริโภคและผู้จำหน่ายสุกร เนื้อสุกร ซื้อและจำหน่ายในราคาควบคุม

จังหวัดร้อยเอ็ดเตือนผู้บริโภคและผู้จำหน่ายสุกร เนื้อสุกร ให้ซื้อและจำหน่ายในราคาควบคุมฝ่าฝนมีโทษทั้งจำทั้งปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

นายธรวัฒน์ แสงทอง การค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้ประกาศราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกร เนื้อสุกรแนะนำ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 – 18 กันยายน 2556 โดยราคารับซื้อสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มจากเกษตรกร ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 67 บาท จำหน่ายส่งสุกรชำแหละ (หมูซีก) ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท จำหน่ายส่งชิ้นส่วนหมูแดง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 111 บาท จำหน่ายปลีกเนื้อสุกร เฉพาะเนื้อแดง ไม่ตัดแต่ง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ยกเว้นเนื้อสุกรที่มีคุณภาพพิเศษ เช่น เนื้อสุกรอนามัย เนื้อสุกรไร้สาร ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 126 บาท จำหน่ายปลีกเนื้อสุกร เฉพาะเนื้อแดง ตัดแต่ง (เนื้อสะโพก เนื้อไหล่) ยกเว้นเนื้อสุกรที่มีคุณภาพพิเศษ เช่น เนื้อสุกรไร้สาร ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ในราคาไม่สูงกว่ากิโลกรัมละ 136 บาท                

การค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ด ยังเปิดด้วยเผยว่า ผู้ซื้อ หรือ ผู้จำหน่าย ไม่ให้ความร่วมมือดำเนินการ หรือได้รับการร้องเรียนว่ามีการไม่รับซื้อหรือไม่จำหน่ายตามราคาดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะใช้มาตรการทางกฎหมายกำกับดูแลอย่างเข้มงวดต่อไป และยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์/โทรสาร 0 4351 3856 และ 0 4351 4327




วิมล เร่งศึก/ข่าว
 กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
18 ก.ย.56

ผวจ.ศรีสะเกษ จับมือ ผวจ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ผนึกกำลังป้องกันปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ย.56 ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ พลโท ซอ ทาวี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ จากทั้ง 2 จังหวัดจากประเทศไทย และประเทศกัมพูชา ร่วมทำพิธีเปิดจุดตรวจสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งการเปิดจุดตรวจในครั้งนี้ เป็นไปตามกรอบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ และตามข้อตกลงการประชุมทวิภาคี ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพและทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน

นายประทีป กล่าวว่า อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพื้นที่ชายแดนที่มีจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ติดต่อช่องเจือมอำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งการจัดตั้งจุดตรวจสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ใช้งบประมาณในการดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท โดยหวังว่า จะสามารถเป็นจุดสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ ไทย – กัมพูชา มีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกัน เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ อีกทางหนึ่งด้วย

สมาชิก อบจ.อำนาจเจริญ รวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ทวงถามเรื่องงบประมาณภัยแล้งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ

เวลา ๑๕.๓๐ น. วันนี้ (๑๘ กันยายน ๒๕๕๖) คณะผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน กว่า ๑๐ คน ซึ่งนำโดย นายณัฐวุฒิ ธรรมชุน ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ รวมตัวกันเดินทางไปศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อยื่นหนังถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี เรื่องทวงถามงบประมาณภัยแล้งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ  ที่เกษตรกรยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ โดยมีนายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นผู้รับหนังสือด้วยตนเอง พร้อมกล่าวชี้แจงความคืบหน้าในเรื่องนี้กับคณะผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ว่า เรื่องนี้ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ อนุมัติเงินงบกลาง สำหรับช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕/๒๕๕๖ รวม ๔๒ จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงจังหวัดอำนาจเจริญด้วย ซึ่งเดิมจะได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ ๖๐๐ กว่าบาทต่อไร่ แต่หลังจากที่รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองและวิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยแล้ว ได้มีมติเพิ่มวงเงินช่วยเหลือขึ้นเป็น ๑,๑๑๓ บาทต่อไร่ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องและเบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถจ่ายให้เกษตรกรได้ในเร็วๆนี้

ทางด้าน นายเกียรติศักดิ์ บุญอาจ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธกส. อำนาจเจริญ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า หากขั้นตอนการเบิกจ่ายแล้วเสร็จก็จะมีการโอนเงินให้เกษตรกรผู้ประสบภัยผ่านทางธนาคาร ธกส. ซึ่งใช้เวลาเพียงวันเดียว ก็สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ

สำหรับจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง ๖ อำเภอ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จำนวน ๒๓,๖๗๙ ราย พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย ๑ แสน ๗ หมื่นกว่าไร่  และรัฐบาลมีนโยบายที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เกษตรกรรอการช่วยเหลือมานาน ทำให้สมาชิก อบจ.ในฐานะตัวแทนของประชาชนออกมารวมตัวกันเป็นคณะเพื่อติดตามความคืบหน้า

ซึ่งภายหลังจากรับฟังการชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญแล้ว นายณัฐวุฒิ ธรรมชุน ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ หัวหน้าคณะได้กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ที่เอาใจใส่คอยติดตามเรื่องเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยมาโดยตลอด ซึ่งตนเองและสมาชิก อบจ.คนอื่นๆ จะได้ไปประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจต่อไป




สุรพล บุตรวงศ์/ข่าว
ประกาศิต สุวะทอง/ภาพ

จังหวัดอำนาจเจริญออกหน่วยโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้ประชาชนและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการประชาชนที่อำเภอปทุมราชวงศา

จังหวัดอำนาจเจริญ  บูรนาการร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน  จัดกิจกรรมโครงการบำบัดทุกข์  บำรุงสุข  สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนและจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ให้บริการประชาชนในพื้นที่อำเภอปทุมราชวงศา

เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา  ๐๙.๓๐ น.  ที่วัดบ้านหินกอง ตำบลนาหว้า อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ  นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานเปิดโครงการบำบัดทุกข์  บำรุงสุข  สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.  กิจกรรมที่จัดขึ้นประกอบด้วย พิธีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเปิดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.  โดยมี นางนิภาภรณ์  ชื่นวาริน  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ  พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ  ภาคเอกชน นำกิจกรรมต่างๆ ออกไปให้บริการ ท่ามกลางสายฝน โดยมีประชาชนไปร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

โครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดอำนาจเจริญครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน จำนวนกว่า ๓๐ หน่วยงาน ได้มีโอกาสใกล้ชิดสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่และรับทราบปัญหาของประชาชน และนำบริการต่างๆ ไปสู่ประชาชนในพื้นที่โดยตรง ซึ่งตำบลนาหว้า อำเภอปทุมราชวงศา   เป็นพื้นที่ติดกับอำเภอเมืองอำนาจเจริญ  แต่ประสบปัญหาในเรื่องระบบผันน้ำจากคลองชลประทานเข้าสู่แปลงเกษตร ปัญหาเรื่องถนนหนทางชำรุด  และปัญหาระบบไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณถนนสัญจรหน้าโรงเรียนบนถนนหลัก รวมทั้งปัญหายาเสพติด  ซึ่งเป็นปัญหาความเดือดร้อนและประชาชนมีความต้องการให้ทางราชการช่วยเหลือ    ซึ่งทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและจะนำไปพิจารณาให้การช่วยเหลือตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป ส่วนกิจกรรมมีทั้งการออกหน่วยบริการ การจัดนิทรรศการให้ความรู้  ปรึกษาแนะนำด้านการประกอบอาชีพ คลินิกพืช คลินิกสัตว์ การแสดงและจำหน่ายสินค้าOTOP  รวมทั้งการให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย  การบริการตรวจร่างกาย  รักษาโรคของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ บริการนวดแผนไทย  และบริการตัดผมเสริมสวยฟรี เหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ  มอบชุดยาพระราชทานแก่ชุมชน  ถุงยังชีพ   เครื่องนุ่งห่มกันหนาว  แก่ผู้สูงอายุ /ผู้ด้อยโอกาส จำนวน ๕๐ ราย มอบอุปกรณ์การศึกษาเด็กนักเรียน

โอกาสนี้ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ยังได้กล่าวชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเรื่องเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยจากภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแล้วอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ ก่อนจะทำการโอนให้เกษตรกร ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้าบัญชีของเกษตรกรในเร็วๆ นี้     





สุรพล บุตรวงศ์/ข่าว

สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญจัดทำโครงการจัดระบบการเรียนการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน

ที่ห้องประชุมชัยพฤกษ์ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ นายอภิชาติ  งามกมล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานการประชุมโครงการจัดระบบการเรียนการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน  โดยมีรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ และครูผู้สอนเพศศึกษา จากโรงเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาส วิทยาลัยเทคนิค  อำนาจเจริญ วิทยาลัยเทคนิคหัวตะพาน และโรงเรียนเอกชนทุกแห่ง  ในจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมประชุมจำนวน ๘๔ โรงเรียน รวม ๑๒๐ คน            

จากการตรวจราชการของคณะสสค.โครงการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อปี ๒๕๕๔ พบว่า จังหวัดอำนาจเจริญมีร้อยละของการคลอดบุตรแม่อายุ ๑๐ - ๑๙ ปี ระหว่างปี ๒๕๕๒-๒๕๕๔ มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี ๒๕๕๔ มีแม่ที่มีอายุ ๑๐- ๑๙ ปี คลอดบุตรสูงถึงร้อยละ ๑๕.๒๗ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์คือไม่เกินร้อยละ ๑๐  คือภาพรวมระดับประเทศ และจากผลการสำรวจพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อ  เอชไอวี จังหวัดอำนาจเจริญ ในกลุ่มนักเรียนชั้นม.๒ ,ม,๕ และ ปวช.๒ ปี ๒๕๕๔ พบว่า วัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ลดลง จากร้อยละ ๖๖.๖ ในปี ๒๕๕๓ เป็นร้อยละ ๖๐  และในปี ๒๕๕๔ วัยรุ่น มีความรู้เรื่องโรคเอดส์ถูกต้องเพียงร้อยละ ๑๖.๖ เท่านั้น จากสถานการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าวัยรุ่นมีความเสี่ยงทางเพศและกำลังเผชิญกับปัญหา ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติที่มีผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ ร่างกาย จิตใจ การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมต่อตัววัยรุ่นและครอบครัว ซึ่งจากการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาแก่เยาวชนในสถานศึกษา ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและลดการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้ร่วมกับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๒๙ อุบลราชธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ อุบลราชธานีและภาคีเครือข่ายต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนด้านวิชาการจากองค์การแพทย์ (PATH) จึงได้ดำเนินการจัดโครงการพัฒนาระบบการจัดกระบวนการเรียนการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน จังหวัดอำนาจเจริญขึ้น  โดยจัดประชุมชี้แจงผู้บริหารสถานศึกษา และจัดอบรมพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนเพศศึกษา โดยเริ่มอบรมมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ และครอบคลุมในทุกโรงเรียนทุกสังกัดจำนวน  ๘๔ แห่ง โดยในปี ๒๕๕๖  ได้มอบหมายให้สถานศึกษาทุกแห่งมีการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษารอบด้าน ๑๖ คาบ ต่อปี   แต่จากการนิเทศ ติดตามผลการดำเนินงานหนุนเสริมการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาในโรงเรียนปี ๒๕๕๖ พบว่า โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษารอบด้านอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ๑๖ คาบต่อปีการศึกษาทุกชั้นเรียนเพียง ร้อยละ ๑๐ เท่านั้น ซึ่งยังไม่ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดคือ ร้อยละ ๕๐ โดยโรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ได้สอนเพศศึกษาแบบเต็มรูปแบบ ๑๖ คาบต่อปีการศึกษา แต่เป็นการสอนโดยการสอดแทรกเนื้อหาลงในวิชาสุขศึกษา หรือแนะแนว ซึ่งยังไม่ได้บรรจุเพศศึกษาลงในหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ที่สถานศึกษาทุกแห่งต้องเร่งรัดบูรณาการ "เพศศึกษา”เข้าสู่สถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๓ -๒๕๕๗ ที่กำหนดให้โรงเรียนต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเพศศึกษา ซึ่งสอดรับกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้การศึกษาสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเพศในหมู่เยาวชนได้อย่างยั่งยืน



จรูญ  พิตะพันธ์/ข่าว

คณะอนุกรรมการ กทบ.อุบลราชธานี ประชุมพิจารณาเพิ่มทุนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชน ระยะที่ ๓ ครั้งที่ ๖

อุบลราชธานี : เพื่อพิจารณากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ยื่นขอเพิ่มทุนระยะที่ ๓ จำนวน ๓๓๔ กองทุน ไม่ผ่านพิจารณา ๔ กองทุน และพิจารณากองทุนที่ขอเพิ่มทุนระยะที่ ๒ ผ่านอีก ๙ กองทุน พร้อมกับเร่งพัฒนาศักยภาพกองทุนและส่งเสริมการออมให้กับสมาชิกกองทุนทั้งจังหวัด จำนวน ๒,๘๐๕ กองทุนให้มีความมั่นคงทางการเงิน

เช้าวันนี้ (๑๘ ก.ย.๕๖) นายฉลอง ประดับสุข พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านละชุมชนเมืองระดับจังหวัด ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เพื่อพิจารณาการเพิ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระยะที่ ๓ ครั้งที่ ๖ โดยมีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีการพัฒนาศักยภาพ มีการบริหารจัดการที่ดี ได้มีเงินทุนไปบริหารจัดการกองทุนของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ยื่นขอเพิ่มกองทุนระยะที่ ๓ จำนวน ๓๔๔ กองทุน ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาถึงความสามารถในการบริหารจัดการกองทุนและจำนวนเงินออมของสมาชิกและฐานะการเงินหมุนเวียนในปัจจุบัน โดยคณะอนุกรรมการฯ ผ่านความเห็นชอบ จำนวน ๓๓๐ กองทุน ไม่ผ่านการพิจารณา ๔ กองทุน โดยเป็นกองทุนในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ๒ กองทุน, อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอบุณฑริก รวม ๒ กองทุน พร้อมนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ยื่นขอเพิ่มทุนระยะที่ ๒ ที่ยังคงค้างการพิจารณาอีก ๙ กองทุนซึ่งเห็นชอบให้ผ่านการพิจารณา ได้แก่ อำเภอสำโรง ๕ กองทุน,อำเภอพิบูลมังสาหาร ๒ กองทุน อำเภอตระการพืชผล และบุณฑริก รวม ๒ กองทุน

ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานี มีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งสิ้น ๒,๘๐๕ กองทุน ผ่านการอนุมัติเพิ่มทุนระยะที่ ๒ แล้ว ๒,๗๖๐ กองทุน ได้รับการโอนเงินกองทุนแล้วจำนวน ๒,๗๓๔ กองทุน เป็นเงิน ๕๘๖ ล้านบาท อยู่ระหว่างรอโอนอีก ๒๖ กองทุน และไม่ขอรับการเพิ่มทุนระยะที่ ๒ จำนวน ๔๕ กองทุน ส่วนในระยะที่ ๓ มีกองทุนขอเพิ่มทุน ทั้งสิ้น ๓๓๔ กองทุน พร้อมนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้หารือถึงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการกองทุน, การออกให้คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่และการส่งเสริมการออมของสมาชิกกองทุนเพื่อให้มีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งจะสามารถเป็นสวัสดิการของตนเองและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมสาธารณกุศลในหมู่บ้านและชุมชนของตนเองได้อีกด้วย








พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี
๐๘๑ – ๙๒๔ ๘๖๐๙ /ข่าว/ ๑๘ ก.ย.๕๖

อบจ.สุรินทร์ ติวเข้มกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน มุ่งให้ชุมชนมีทุนจัดการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เน้นการจัดสวัสดิการอย่างมีคุณค่าและรับอย่างมีศักดิ์ศรี

วันนี้ (19 ก.ย. 56)  ที่ห้องราชาวดี สวนป่ารีสอร์ท อำเภอเมือง  จังหวัดสุรินทร์ นายอนุชา  วัชรศีขร  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาพัฒนาศักยภาพกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน จังหวัดสุรินทร์  โดยมีกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน จำนวน 97 กองทุน และคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดสุรินทร์ กว่า 200 คน เข้าร่วมการสัมมนา

นายอนุชา  วัชรศีขร  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นกองทุนที่เกิดจากการรวมตัวของประชาชนในพื้นที่ด้วยความสมัครใจ ที่ประสงค์จะดูแลซึ่งกันและกันครอบคลุมตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย บนพื้นฐานของการเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งเป็นกองทุนที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของ โดยให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการบริหารจัดการในอันที่จะสร้างรากฐานให้มั่นคงเกิดความเข้มแข็ง   การจัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุรินทร์  เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุรินทร์ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เทคนิควิธีการบริหารงานกองทุนฯ ให้เกิดประสิทธิภาพ

ปัจจุบันจังหวัดสุรินทร์ ได้มีการตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนแล้ว จำนวน 97 ตำบล จากทั้งหมด 158 ตำบล ซึ่งมีการดำเนินการที่หลากหลาย มีสภาพปัญหาและความเข้มแข็งที่แตกต่างกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ตระหนักถึงปัญหาความสำคัญของชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนาท้องถิ่น  ในการสนับสนุนให้เกิดการจัดการสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งจะทำให้เกิดการจัดสวัสดิการอย่างมีคุณค่าและรับอย่างมีศักดิ์ศรี เพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินงาน  และสนับสนุนพัฒนาความเข้มแข็งของกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีการจัดตั้งขึ้น  ซึ่งจะช่วยให้มีการขยายฐานสมาชิกให้ครอบคลุมพื้นที่ตำบลมากขึ้น  และพัฒนาสวัสดิการชุมชนให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย





สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

นายธีระพงษ์ โสดาศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ บรรยายพิเศษการอบรมหลักสูตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระดับต้น รุ่นที่ 2 ที่จังหวัดสุรินทร์

นายธีระพงษ์ โสดาศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ บรรยายพิเศษการอบรมหลักสูตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระดับต้น รุ่นที่ 2 ที่จังหวัดสุรินทร์

สำหรับการอบรมดังกล่าวเป็นแนวนโยบายของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ได้รับการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการบัตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ให้เป็นหน่วยงานจัดอบรมหลักสูตรผู้ประกาศกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ให้กับบุคลากรในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และผู้สนใจทั่วไป เพื่อส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ให้มีความรู้ในการประกอบวิชาชีพและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และได้มอบหมายให้ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี ดำเนินการรับสมัครบุคคลผู้สนใจในพื้นที่รับผิดชอบ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม ยโสธร และจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว โดยกำหนดจัดอบรมระดับต้น จำนวน 4 รุ่น ระดับกลาง จำนวน 3 รุ่นและระดับสูง จำนวน 3 รุ่น

โดยในครั้งนี้เป็นการจัดอบรมระดับต้น รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 16 – 18 กันยายน 2556 ณ หอประชุมวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ มีผู้จัดรายการ  ผู้ประกาศ  อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชนจากจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียงเข้ารับการอบรมจำนวน  43 คน  ซึ่งสำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี ได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาที่เกี่ยวข้องเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้  รวมทั้งนายธีระพงษ์ โสดาศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ด้วย  โดยผู้ผ่านการอบรมทุกคนได้รับใบประกาศนียบัตร จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์  และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมประชาสัมพันธ์ โดยมีนายดุสิต  สิงห์คีรี  ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี  เป็นประธานในการมอบใบประกาศและกล่าวปิดการอบรม

ส่วนการอบรมระดับต้นรุ่นที่ 3 จะจัดอบรมระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2556 ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และรุ่นที่ 4  จะจัดอบรมระหว่างวันที่ 28 – 30 ตุลาคม 2556 ณ โรงแรมกรีนปาร์ค อำเภอเมืองฯ จังหวัดยโสธร ผู้สนใจ สามารถสมัครและสอบถามรายละเอียดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปที่ ส่วนข่าวและรายการภูมิภาค สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์ 0-4531-1193  และ 0-4531-2116-8 ต่อ 310 หรือดาวโหลดในสมัครได้ที่เวปไซด์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2  http://region2.prd.go.th  หรือที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทั้ง 9 จังหวัดในสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 2





สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

อิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น ส่งผลให้ฝนตกตลอดทั้งคืนจนถึงทั้งวันของวันนี้ เกิดน้ำท่วมขังถนนหลายเส้นทางในจังหวัดสุรินทร์ ทำให้เกิดปัญหาในการสัญจร

วันนี้ (19 ก.ย.56) จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ พัดผ่านเวียดนาม และเข้าสู่ ลาวตอนล่าง ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะ ตั้งแต่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ได้รับผลกระทบ มีฝนตกต่อเนื่อง ล่าสุด จังหวัดสุรินทร์ ตลอดเมื่อคืนที่ผ่าน จนทั้งวันของวันนี้ (19 ก.ย. 56) ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัด โดยในตัวเมืองสุรินทร์ เกิดน้ำท่วมขังตามเส้นทางจราจรหลายแห่ง รถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ สัญจรไปมาลำบาก บางเส้นเจ้าหน้าที่ปิดเส้นทางเพราะรถไม่สามารถสัญจรได้ บ้านเรือนที่ติดริมถนนที่เกิดน้ำท่วมขัง มีน้ำล้นเข้าไปในตัวบ้าน ทำให้ได้รับผลกระทบพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างเร่งออกอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดทั้งวัน




กำชัย วันสุข ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมพร้อมรับผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พายุดีเปรสชั่น เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม วันนี้ (19 ก.ย.56) และจะผ่านประเทศลาวตอนล่าง สู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทย ส่งผลให้บริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์ รวมถึงภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ช่วงวันที่ 19–21 กันยายนนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเจ้าหน้าที่และประสานเครือข่ายเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง





ขนิษฐา  ลือสัตย์  สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ / ข่าว

พายุดีเปรสชัน ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 19-21 กันยายนนี้ ส่วน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฝนตก ร้อยละ 80

ประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 11 เรื่อง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ กำลังเคลื่อนที่ทางตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้ (19 ก.ย. 56) และจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศลาวตอนล่างเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัด สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราดมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 19-21 กันยายน 2556

ส่วน ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัด มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระยอง สระแก้ว จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา ส่วน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนเล็กน้อยโอกาสมีฝนตก ร้อยละ 80



ธนพิชฌน์ แก้วกา  สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ / ข่าว