วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โฆษก กอ.รมน. ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 2 กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 21 พ.ค. 2556 พลโทดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมและรับทราบผลการดำเนินการงานด้านการประชาสัมพันธ์ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 2 กองกำลังสุรนารี และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ โดยมีพลตรี ชลิต เมฆมุกดา ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 2 และ ผบ. กองกำลังสุรนารี นำคณะนายทหารที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ และนำคณะรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ ปัญหา อุปสรรค และรับทราบข้อเท็จจริงความคืบหน้าเกี่ยวกับ เขาพระวิหาร เพื่อประสานความพัฒนาสัมพันธ์ และประสานงานด้านการประชาสัมพันธ์ ที่ถูกต้องไปในทิศทางเดียวกันที่ห้องประชุมเหมบุตร กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์


ประนนท์ ไม้หอม /ข่าว/สปชส.สุรินทร์

ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เปิดพิธีสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ต้นแบบ และปิดทองพระหัตถ์จริง


วันที่ 21 พ.ค.56 เวลา 09.45 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดให้ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้แทนในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นประธานเปิดงานสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่ที่สุดในโลก องค์ต้นแบบ ปิดทองพระหัตถ์องค์จริง และลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมี ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ นายกสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทยจีน 2008 และประธานโครงการสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน

สำหรับองค์เจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดความสูง 84 เมตร ลักษณะประทับยืนบนก้อนเมฆขยายใหญ่ 40 เท่า ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ถอดแบบจากองค์ต้นแบบขนาดความสูง 2.10 เมตร จัดสร้างขึ้นโดยมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลน์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทยจีน 2008 ตามโครงการสร้างรูปเคารพพระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์กวนอิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินนีนาถ ในวโรกาสเจริญพระชนมายุ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 ซึ่งโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยจะประดิษฐาน ณ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี โดยจะเคลื่อนย้ายไปประกอบพิธีเททองหล่อในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จนครบ 77 จังหวัด รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีก 7 ประเทศ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์และจีน

ทั้งนี้จังหวัดสุรินทร์ เป็นจังหวัดลำดับที่ 43 ที่เดินทางมาให้ประชาชนผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาได้สักการะ ระหว่างวันที่ 21-27 พฤษภาคม 2556 ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ และจะมีพิธีเททองในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2556 เวลา 16.30 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ก่อนจะย้ายไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2556


ส.ปชส.สุรินทร์ กำชัย วันสุข ข่าว/ศริณภาพร  จันทสุข ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ที่หลงเชื่อเพื่อนชักชวนชวนเข้ามาค้าประเวณี


วันที่ 20 พ.ค. 2556 ณ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และนางสาวเสาวลักษณ์ จิรไกรโกศล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่ถูกเพื่อนล่อลวง และชักชวนหลงเชื่อ ให้มารับจ้างทำงานตามร้านอาหาร คาราโอเกะ เข้ามาค้าประเวณี จำนวน 9 ราย เป็นหญิง 7 ราย และชาย 2 ราย โดยทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ เป็นเงินรอบครัว รายละ 3,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิน จำนวน 27,000 บาท

นอกจากนั้นกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมสนับสนุนส่งเสริม ให้กลับผู้เสียหายหากมีความต้องการที่จะการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบ ครัว และไม่กลับไปเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อีก

ทั้งนี้ ผู้เสียหายจาการค้ามนุษย์ จำนวน 9 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนจับกุมล่อซื้อการค้าประเวณี ในระหว่าง เดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา
 

จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมการส่งเสริมฟื้นฟูการปลูกป่าและป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้


อุบลราชธานี : หน่วย งานที่เกี่ยวข้องและนายอำเภอทุกอำเภอ ร่วมประชุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยุง, การฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ, การแก้ไขปัญหาการร้องเรียนของราษฎรและแนวทางการดำเนินโครงการปลูกป่าและ ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕

บ่ายวานนี้ (๒๐ พ.ค.๕๖) นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า จังหวัดอุบลราชธานี (คปป.จ.อบ.) และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการส่งเสริมฟื้นฟูการปลูกป่าและป้องกันปราบปรามการ บุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ (ศอส.ปท.จ.อบ.) ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๘ อุบลราชธานี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนายอำเภอทุกอำเภอเข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้ติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พยุงในท้อง ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๙ อุบลราชธานี, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๗ สาขาอุบลราชธานีและตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้พิจารณาถึงแนวทางการป้องกันและปราบปรามกาบลักลอบตัดไม้พยุง,การ ดำเนินการกับรถยนต์ที่เป็นของกลางในคดี,รวมทั้งการพิจารณาอนุญาตผู้ครอบครอง เลื่อยโซ่ยนต์

ส่วนการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่ง ชาติป่าห้วยยอดมน บริเวณชุมชนป่าหญ้าคำ ต.โนนก่อ อ.สิรินธร ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนจำนวน ๑๓๐ ครัวเรือน แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปดำเนินการให้เป็น พื้นที่ป่าชุมชนและการจัดทำแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มและในการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนสวนป่าพิบูล มังสาหารทับที่ดินทำกินราษฎร ท้องที่อำเภอสิรินธร นั้น ได้มีการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่และจัดทำแผนดำเนินการแก้ไขปัญหา เสนอจังหวัดทราบ สำหรับการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำและโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ นั้น ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกป่าที่มีหน่วยงานแจ้งความประสงค์พื้นที่ปลูกป่าไว้ แล้ว จำนวน ๒,๐๙๒ ไร่ โดยใช้พันธุ์กล้าไม้ จำนวน ๔๑๘,๔๐๐ กล้า ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เร่งดำเนินการในพื้นที่ปลูกป่าต่อไป


พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ส.ปชส.อุบลราชธานี /ข่าว/ ๒๑ พ.ค.๕๖/๐๘๑ ๙๒๔ ๘๖๐๙

มูลนิธิเพื่อพัฒนาอุบลราชธานี ประชุมระดมความคิด รวมใจเป็นหนึ่ง พัฒนาอุบลราชธานี


อุบลราชธานี : เชิญหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุมระดมความคิดเห็น พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาอุบลราชธานีด้านการสร้างอุโมงค์ข้ามทางแยกถนน, การจัดทำถนนคนเดิน, การพัฒนาเขตเมืองและนอกเมือง ด้านการท่องเที่ยวและด้านศิลปวัฒนธรรม ที่ห้องประชุมศูนย์ OTOP

เช้าวันนี้ (๒๑ พ.ค.๕๖) พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อพัฒนาอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมปรึกษา หารือ เพื่อระดมพลังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ แนวทางในการร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาอุบลราชธานี ที่ห้องประชุมศูนย์แสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีส่วนราชการ.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้สนใจ เข้าร่วมการประชุม ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอุบลราชธานี เป็นไปอย่างต่อเนื่องและบังเกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมอีกทั้งเพื่อ ติดตามการพัฒนาเมืองในด้านการสร้างอุโมงค์ข้ามทางแยกถนน, การจัดทำถนนคนเดิน, การพัฒนาเขตเมืองและนอกเมือง ด้านการท่องเที่ยวและด้านศิลปวัฒนธรรม

ในการประชุมระดมความคิดเห็นดังกล่าว พล.ต.อ. ชิดชัย วรรณสถิตย์ ได้กล่าวถึงการเตรียมพัฒนาเมืองอุบลราชธานี ในด้านต่างๆ เช่น การยกระดับมาตรฐานตลาดสด เช่นตลาดสดกิโลศูนย์, ตลาดใหญ่ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นตลาดสดที่สะอาด ปลอดภัย, การพัฒนาย่านเมืองเก่า ตามแนวถนนพรหมราช ,ถนนพรหมเทพ, ถนนเขื่อนธานี,การพัฒนาแหล่งโบราณสถาน,โบราณวัตถุและศาสนาสถาน ที่สำคัญในจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมทั้งการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นประเทศสมาชิกประชาคมอา เซียน ซึ่งการพัฒนาโดยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ทั้งในระดับพื้นที่และระดับจังหวัด
 

พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ข่าว/ ๒๑ พ.ค.๕๖/๐๘๑ ๙๒๔ ๘๖๐๙

จังหวัดอุบลราชธานีจัดกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาวันสากลของโลก


วันนี้ ( ๒๑ พ.ค ๕๖) ณ มณฑลพิธีทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุบลราชธานี นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระ พุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาวันสากลโลก

มหาเถรสมาคม มีมติร่วมกับรัฐบาล กำหนดจัดงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นับว่าเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งทางพระพุทธศาสนา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และวันปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า องค์การสหประชาชาติ ได้มีมติรับรอง เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก จัดงานเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาพร้อมกับชาวพุทธทั่วโลก ณ สำนักงานใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ

ทั้งนี้จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่อให้คณะสงฆ์ ข้าราชการ ประชาชน ชุมชนคุ้มวัดในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมทำความดีถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว เนื่องในวัน วิสาขบูชา วันสากลของโลก ประจำปี ๒๕๕๖เพื่อรณรงค์ให้นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนในสถานศึกษาหันมาสนใจหลักธรรม ในพระพุทธศาสนา เนื่องในวันสำคัญทางศาสนา โดยผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพิ่มขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยการจัดนิทรรศการเรื่อง "พระบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ในวันสำคัญทางพระพุทธศา เพื่อสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชน ชาวอุบลทุกภาคส่วน อนุรักษ์หวงแหน และร่วมกันปลูกต้นกล้ามเหสักข์-สักสยามินทร์ ให้คงอยู่คู่กับแผ่นดินไทยสืบไป

โดยมีกิจกรรม ประกอบด้วยการจัดนิทรรศการ ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ พิธีสมโภชมเหสักข์-สักสยามินทร์ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ พิธีทำบุญตักบาตร วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๗.๐๐ น. พิธีปลูกมเหสักข์ – สักสยามินทร์ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๙ น. และพิธีเวียนเทียน วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๐๐ น.

ประชุมศูนย์ประสานงานเครือข่ายสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ทางพระพุทธ ศาสนาและประชุมพระสังฆาธิการ ชี้แจงข้อราชการที่สำคัญ พร้อมปรึกษาหารือและเสนอแนะปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินงานในการสนองงานคณะสงฆ์

\ที่ห้องประชุมทองใหญ่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางพระพุทธศาสนาระหว่างพระสงฆ์และจังหวัด อุดรธานี โดยมีพระโสภณพุทธิธาดา รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสวัดศรีนคราราม อำเภอกุมภวาปี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการประชุมศูนย์ประสานงานเครือข่ายสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ พระเลขานุการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีร่วมประชุม รวม 100 รูป/คน

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางพระพุทธศาสนาที่จัดทำให้มีพิธีลงนามในวันนี้ เป็นการรณรงค์ส่งเสริมการสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและความเป็นสิริมงคล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ การจัดประชุมประจำเดือนของหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด อำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน เทศบาล องค์การบริหารส่วนปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบล หมู่บ้าน ตลอดจนการประชุมต่างๆของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน การจัดสวดมนต์ก่อนการทำบุญตักบาตร ก่อนหรือระหว่างการประกอบศาสนพิธีในวันธรรมสวนะ หรือวันพระเป็นประจำและต่อเนื่อง การสวดมนต์หลังจากนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ หรือก่อนเข้าชั้นเรียนและกำหนดวันสวดมนต์ใหญ่ของโรงเรียนทุกสัปดาห์

ทั้งนี้ก่อนประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้มอบนโยบายและขอความร่วมมือพระเถรานุเถระร่วมเฉลิมฉลอง 121 ปีด้วยการทำบุญเมืองครั้งใหญ่โยงสายสินทุกวัดทั้งจังหวัด ร่วมเป็นเครือข่ายป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนอบมสั่งสอนประชาชนให้ ห่างไกลยาเสพติด แก้ไขปัญหาความยากจนเรื่องที่ดินทำกิน ขอความร่วมมือวัดเป็นศูนย์กลางการศึกษา เป็นแหล่งเรียนรู้แหล่งอบรมคุณธรรมจริยธรรมแก่ประชาชน ซึ่งจังหวัดได้รณรงค์ให้ทุกครัวเรือนทำเศรษฐกิจพอเพียง บัญชีครัวเรือน และในปี 2557 จังหวัดกำหนดรณรงค์โครงการ 1 ไร่ได้ 1 พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฝากพระสังฆาธิการงดจัดงานบั้งไฟหาเงิน เข้าวัด เนื่องจากพบว่าปัจจุบันการจัดงานบั้งไฟเป็นการเล่นการพนัน อีกทั้งเป็นอันตรายด้านอากาศยาน ซึ่งวิทยุการบินขอความร่วมมือจังหวัดช่วยประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือสั่ง การไปยังอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในพื้นที่งดจัดงานบุญบั้ง ไฟที่ไม่ใช่ประเพณี


ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 

ขนส่งอุดรธานีอบรมเสริมศักยภาพพนักงานขับรถราชการ ปี 56

สำนักงานขนส่งจังหวัดอุดรธานี จัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัด เสริมความรู้ สร้างวินัยจราจร เพิ่มศักยภาพ สร้างเครือข่ายการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย

ที่โรงแรมพาราไดซ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี วันนี้ ( 21 พ.ค.56 ) นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานเปิดการอบรมพนักงานขับรถของหน่วย งานราชการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการในจังหวัด อุดรธานี ประจำปีงบประมาณ 2556

นายขจิต หิรัญพฤกษ์ ขนส่งจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดอุดรธานี จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านการใช้ รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย ควบคู่ไปกับการปลุกจิตสำนึกความปลอดภัย ความมีน้ำใจและวินัยจราจรในการใช้รถใช้ถนนให้กับพนักงานขับรถของหน่วย งานราชการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี รวม 100 คน อันเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการขับรถให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และมุ่งหวังขยายเครือข่ายการรณรงค์ความปลอดภัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินการด้านความ ปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย สนองนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้ความปลอดภัยเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินการของประเทศ ในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ให้สอดคล้องกับประกาศ เจตนารมณ์ปฏิญญาสอสโค ที่ได้กำหนดให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนโดย 1 ใน 8 แนวทางการดำเนินการคือพัฒนาสมรรถนะของผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยซึ่ง เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแก่บุคคลกรทุกภาค ส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนที่เป็นพนักงานขับรถของหน่วยงานราช ขการในฐานะเป็นบุคลากรภาครัฐ ที่สมควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนนแก่บุคคลภายนอกเพราะมีผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหน่วยงาน


ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

พ่อเมืองลำดวน หนุนสินค้าโอท๊อปศรีสะเกษ พัฒนาสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน


นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ค.56 ที่ห้องประชุมโรงแรมศรีนครลำดวน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในการเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการค้นหาความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตามโครงการเพิ่มศักยภาพทางการตลาด กิจกรรมพัฒนาคุณภาพสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ( OTOP) จังหวัดศรีสะเกษ โดยการประชุมในครั้งนี้ มีเป้าหมายมุ่งเน้นพัฒนากลุ่มผู้ผลิตชุมชน OTOP ให้มีศักยภาพในการบริหารจัดการ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อรองรับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
 
นายประทีป กล่าวว่า การพัฒนาสินค้าโอท๊อปให้ไปสู่ความทันสมัย และกระแสการบริโภคนิยม กำลังประสบความล้มเหลว เนื่องจากสินค้าโอท๊อป ของผู้ประกอบการมีการย่ำอยู่กับที่ โดยไม่มีการพัฒนาในรูปแบบใหม่ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในผู้บริโภคเท่าที่ควร ตน ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาประสิทธิภาพของผู้ผลิตประกอบการสินค้า OTOP ในด้านการผลิต โดยมีการส่งเสริมและหนุนพัฒนาแนวคิดต่างๆให้ผู้ประกอบการ สามารถนำไอเดียใหม่ๆ ไปผลิตสินค้า ที่มีรูปแบบที่พัฒนา และเป็นไปตามตลาด อีกทั้ง ในปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จังหวัดศรีสะเกา ถือเป็นอีกประตูการค้าหนึ่ง ที่จะรองรับสินค้าทางการตลาด ซึ่งหากศักยภาพสินค้า OTOP ของจังหวัดศรีสะเกษ มีคุณภาพ และตรงตามที่ตลาดต้องการ ก็จะสามารถต่อสู่กับสินค้า ของประเทศเพื่อนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และสร้างกำไรให้กับชาวท้องถิ่น ได้เป็นอย่างดี


จิรภัทร หมายสุข /ภาพ/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ 

จังหวัดเลยทำบุญบวงสรวงศาลลักเมืองและเจ้าพ่อกุดป่อง

นายสัมฤทธิ์ สุภามา วัฒนธรรมจังหวัดเลย กล่าวว่า ศาลหลักเมืองของจังหวัดเลย ดำเนินการสร้างตามแบบชองกรมศิลปากร อาคารของศาลหลักเมือง สร้างเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม 2525 องค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ราชพฤกษ์ ทำพิธีพุทธาภิเษกโดยพระธรรมวราลังการ อดีตรองเจ้าคณะภาค 8 ธรรมยุต ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคม 2525 ที่วัดศรีสุทธาวาส จังหวัดเลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงพระสุหร่าย ทางเจิมองค์เสาร์ หลักเมือง จังหวัดเลย เพื่อเป็นสิริมงคลเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 25525 เวลา 15.45 น. ณ พระตำหนักจิตลดารโหฐาน กรุงเทพ และทำพิธีฝังเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2525 บริเวณที่ตั้งศาลหลักเมือง อยู่ในที่เดียวกับศาลเจ้าพ่อกุดป่อง ซึ่งอยู่ริมลำน้ำกุดป่อง ถนน เสริฐศรี ที่ชาวจังหวัดเลยเคารพนับถือมาก เพื่อเป็นสิริมงคลและเกิดความรักความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเมืองแห่งความร่มรื่น ประชาชนอยู่ดีมีสุข จังหวัดเลยได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดเลย จึงได้กำหนดจัดงานสักการะศาลหลักเมืองเลย และ เจ้าพ่อกุดป่อง ประจำปี 2556 บริเวณศาลหลักเมือง ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลยพิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 06.30 น. โดยนิมนต์พระ 9 รูปจาก 3 วัด คือวัดศรีภูมิ วัดศรีสุทธาวาส และ วัดศรีบุญเรือง มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และมีพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดขึ้นมา และจะถือเป็นประเพณีของทุกปี 

อุทยานฯ ภูกระดึงมีไฟใช้ ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดต้นแบบอุทยานแห่งชาติพลังงานสะอาดเพื่อการท่องเที่ยวที่ ยั่งยืน โครงการปรับปรุงระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานด้วยพลังงานสะอาดอุทยานแห่งชาติภู กระดึง จังหวัดเลย โดยมีนายสมพงษ์ จิราระรื่นศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบอุปกรณ์ จาก รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติภูกระดึง (วังกวาง) บนยอดอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี เป็นสถาบันการศึกษาที่มีการศึกษาวิจัยด้านพลังงาน สะอาดเป็นเวลานาน ในหลานสาขาวิชา ทำงานวิจัยร่วมกันหน่วยงานภายนอก ทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชนในหลาย ๆ เทคโนโลยี ซึ่งในปีนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของมหาวิทยาลัยไทย เป็นอันดับ 55 ในเอเชีย จากการจัดอันดับสุดยอดมหาวิทยาลัยแห่งเอเชีย (Times Higher Education Asia University Rankings) และได้รับให้เป็น 1 ใน 20 ทีมจากทั่วโลก และเป็นหนึ่งในอาเซียน ร่วมการแข่งขันสร้างบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Decathlon Europe 2014 ณ ประเทศฝรั่งเศส ในส่วนการดำเนินงานศึกษาวิจัย ด้านระบบพลังงานสะอาดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ดำเนินงาน ผ่านห้องปฏิบัติการการบูรณาการระบบพลังงานสะอาด สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี โดยเริ่มจากการจัดหาไฟฟ้าให้กับสถานีวิจัยสัตว์ป่าฉะเชิงเทรา เมื่อปี พ.ศ.2537 โดยพัฒนาระบบการผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานระหว่างโซล่าเซลล์ กังหันลม และเครื่องยนต์ดีเซล ด้านอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังจากที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ดำเนินการติดตั้งระบบเมื่อปี พ.ศ.2540 และเริ่มทดลองใช้งานระบบ มีการปรับปรุงระบบเก็บข้อมูลรายวัน ติดตามการทำงานของระบบเรื่อยมา ในปี 2552 เป็นระยะเวลา 12 ปี หลังจากเริ่มต้นทดลองใช้งาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาอุปกรณ์บางส่วนในระบบเริ่มหมดอายุการใช้งาน ส่งผลให้ระบบ ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งาน และปรับรูปแบบเป็นแบบร่วมไฟฟ้ากระแสสลับ (Pure AC Coupled Hybrid System) ซึ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในปี 2556 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จัดทำโครงการปรับปรุงระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานด้วยพลังงานสะอาด อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจังหวัดเลย (ต้นแบบอุทยานแห่งชาติพลังงานสะอาดเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน) ดำเนินการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุม ทั้งส่วนอุทยานฯ และร้านค้าบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง พร้อมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล ในส่วนระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานและระบบสูบน้ำในปัจจุบัน พร้อมทั้งสาธิตระบบน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในข่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล ในการนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ทำให้ระบบการผลิตไฟฟ้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีความมั่นคง ในการผลิตและจ่ายพลังงานเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และนักท่องเที่ยวดีขึ้น ดร.อุสาห์ บุญบำรุง นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ปัจจุบันระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ใช้งบประมาณทั้งโครงการเป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท มีความสามารถในการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้น ขนาดกำลังผลิตรวม 105.28 กิโลวัตต์ จ่ายพลังงานให้กับภาระทางไฟฟ้า 169 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/วัน ที่กำลังไฟฟ้าสูงสุด 23 และระบบผลิตน้ำประปา 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งเพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวกว่า 2,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งสาธิตระบบผลิตน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลัง การผลิต 600 ลิตรต่อวัน สำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 40 คนต่อวัน ซึ่งถ้าการดำเนินการเป็นที่น่าพอใจ จะดำเนินการขยายผลและติดตั้งเพิ่มเติมต่อไป นายสมพงษ์ จิราระรื่นศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดี ที่ทางกรมฯ มีนโยบายที่จะให้อุทยานทุกแห่งเป็นอุทยานสีเขียว หรือ Green National Park ลดมลภาวะทุกชนิดบนอุทยานทั่วประเทศ เรื่องมลภาวะจากการใช้น้ำมัน และมลภาวะของเสียงที่เกิดจากการใช้เครื่องปั่นไฟ จะยึดที่นี่เป็นต้นแบบ ที่ไฟฟ้าไปไม่ถึง เช่น อุทยานแห่งชาติทางทะเล, อุทยานแห่งชาติ สิมิลัน สุรินทร์ และอุทยานขนาดเล็กอีกหลายเกาะ นอกจากนี้จะมีการพิจารณา อุทยานฯ ทางภาคเหนือ ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาเลยกว่า 20 ปี ซึ่งก็เหมือนกับอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่ตั้งมากว่า 50 ปี เพิ่งมีไฟฟ้าใช้เมื่อปี 2511 และเปิดบริการตั้งแต่ 18.00 น.จนถึง 22.00 น.บัดนี้สามารถมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง

สพม.19 พัฒนาสื่อแท็บเล็ตให้กับบุคลากรก่อนเปิดภาคเรียน

นายสมเจษฎ์ ศรีสมจักร์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ หลักสูตร "การสร้างสื่อการเรียนการสอน ด้วยเครื่องมือและโปรแกรมสร้างสื่อบนแท็บเล็ต” ให้กับบุคลากรของโรงเรียน เลยสว่างวิทยาคม อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย และโรงเรียนในสังกัดที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน นายกมล เสนานุช ผู้อำนวยการโรงเรียนเลยสว่างวิทยาคม กล่าวว่า โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเชิงปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ หลักสูตร "การสร้างสื่อการเรียนการสอนด้วยเครื่องมือและโปรแกรมสร้างสื่อบนแท็บเล็ต” เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ร่วมกับโรงเรียนเลยสว่างวิทยาคม เป็นการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำสื่อการเรียน การสอนให้มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์และทันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ในการยกระดับการเรียนการสอน รวมทั้งให้เป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพและกระจายโอกาสทางการศึกษา เป็นกลไกในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและเอื้อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีพ โครงการนี้ได้รับความสนใจจากสถานศึกษาอื่นที่อยู่ในสังกัด ส่งเข้าบุคลากรเข้าร่วมการอบรม จำนวน 13 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร, โรงเรียนพระแก้วอาสา} โรงเรียนผาน้อยวิทยาคาร, โรงเรียนนาแกวิทยา, โรงเรียนนาวังศึกษาวิช, โรงเรียนฝั่งแดงวิทยาสรรค์, โรงเรียน วังทรายขาววิทยา, โรงเรียนเอราวัณวิทยาคม} โรงเรียนกุดดินจี่พิทยาคม, โรงเรียนนาอ้อวิทยา และโรงเรียนนาด้วงวิทยา 

ตำบลกกสะทอนเข้ม พ่นหมอกควันป้องกันโรคไข้เลือดออก

นายวิตชิณ คำนิมิตว์ นายก อบต.กกสะทอน เปิดเผยว่า อบต.กกสะทอน ได้ดำเนินกิจกรรมเชิงรุก สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อบต.กกสะทอน กว่า 10 คน พร้อมอุปกรณ์การพ่นหมอกควันป้องกันโรคไข้เลือดออก ลงพื้นที่บ้านน้ำหมัน เพื่อเป็นการรณรงค์ และป้องกันโรคไข้เลือดออก ที่บ้านน้ำเย็น หมู่ 1 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ทาง อบต.กกสะทอน ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ในการให้ช่วยดำเนินการพ่นหมอกควันป้องกันโรคไข้เลือดออก สืบเนื่องจากปรากฏโรคไข้เลือดออกระบาดในหลายพื้นที่ของอำเภอด่านซ้าย ทางโรงพยาบาลฯ จึงประสานการป้องกันไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ในการรณรงค์ป้องกันโรค โดยจะดำเนินการฉีดพ่นสารเคมีแบบหมอกควัน เพื่อกำจัดยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ในบ้าน วัด และโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขต อบต.กกสะทอน เพื่อควบคุมยุงลายตัวแก่ที่อาจเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก และขอความร่วมมือประชาชน ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย โดยเฉพาะภาชนะต่าง ๆ ในอาคารบ้านเรือนที่พักอาศัยต้องเปลี่ยนน้ำในภาชนะนั้นๆ หรือคว่ำน้ำทิ้งทุกๆ 7 วัน โดยการกำจัดลูกน้ำยุงลายต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกันทุกบ้านในชุมชนจึงจะทำให้ชุมชนปลอดโรคไข้เลือดออกได้ ซึ่งการดำเนินการในวันนี้ ชุมชนบ้านน้ำหมัน มีทั้งหมด 281 ครัวเรือน ประชากร 860 คน

ร้อยเอ็ด เข้ม ร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่และคาราโอเกะ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด


เมื่อช่วงค่ำวันนี้ ( 21 พ.ค. 56 ) นาย ธัชชัย สีสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดพร้อมด้วย นาง พรพิมล คงตระกูล วัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด และ คณะพร้อมผู้สื่อข่าว เดินทางออกตรวจสอบร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ภายใน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด และ ร้านคาราโอเกะจำนวน 5 ร้าน ประกอบด้วย บริษัท ดีเน็ต สปอตเกมส์ จำกัด ,ไอคอน, ติ๊กแอนด์แต๊ปอินเตอร์เน็ต, ไม้เอกคาราโอเกะและสนุกเกมส์โซน เพื่อตรวจสถานประกอบการตาม พรบ. ภาพยนตร์และวีดีทัศน์และภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรมว่าสถานประกอบการได้ ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่
 
ผลการตรวจสอบในครั้งนี้ปรากฏว่าสถานประกอบการได้ให้ความ ร่วมมือด้วยดีและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง มีป้ายบอกอายุผู้รับบริการและการให้ให้บริการรูปแบบต่างๆ ในส่วนของโปรโมชั่นก็มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ในส่วนที่ยังเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ได้รับการกำชับแนะนำจากเจ้าหน้าที่เพื่อให้ ทำให้เหมาะสม ต่อไป
 

 
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
กมลพร คำนึง บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ร้อยเอ็ด จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา 18-24 พ.ค.นี้


จังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556 ระหว่าง 18-24 พฤษภาคม นี้ เปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะและน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกันกันทุกวัดในจังหวัดร้อยเอ็ด
 
นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวกับประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดว่า ทั้งนี้เพื่อฉลองปีพุทธ ชยันตี 2,600 ปีการตรัสรู้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ทั้งนี้จังหวัดร้อยเอ็ด ได้จัดโครงการสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 2556 ขึ้น ระหว่าง 18 -24 พฤษภาคม 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 06.30 น.มีพิธีทำบุญตักบาตร ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด เวลา 09.00 น. การจัดนิทรรศการโต๊ะหมู่บูชา , การจัดนิทรรศการวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา การแข่งขันตอบปัญหาธรรมะ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ณ วัดบึงพระลานชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ภาคบ่าย ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป มีพิธีแสดงพระธรรมเทศนา โดยพระธรรมฐิติญาน เจ้าคณะภาค 10 (ธ) และพิธีเวียนเทียน นอกจากนั้น จังหวัดร้อยเอ็ด ยังได้จัดกิจกรรมพุทธศาสนา ณ วัดบูรพาภิราม , วัดกลางมิ่งเมือง , วัดวิมลนิวาส , และวัดบ้านเปลือยใหญ่ ซึ่งเป็นวัดนำร่องกิจกรรมต้นแบบ และจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะพิธีเวียนเทียน พร้อมกันทุกวัดในจังหวัดร้อยเอ็ด
 
จึงขอเชิญชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน พุทธศาสนิกชน ทุกหมู่เหล่าอาชีพ นักเรียน นักศึกษา ร่วมงานสัปดาห์งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556 ระหว่าง 18-24 พฤษภาคม นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม นี้และเชิญร่วมแต่งกายนุ่งขาวห่มขาวหรือชุดปฏิบัติธรรมร่วมงานโดยพร้อม เพรียงกัน


 กมลพร คำนึง ข่าว 21 พ.ค.56

พอ.สว. จังหวัดมุกดาหาร ออกให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป


วันนี้ (๒๑ พ.ค. ๕๖) ที่บ้านหว้านน้อยหมู่ 2 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.จังหวัดมุกดาหาร ออกปฏิบัติการให้บริการประชาชนพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลและมีความกันดาร

นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ออกให้บริการในครั้งนี้ เป็นการออกปฏิบัติการให้บริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และมีความกันดาร ให้บริการประชาชนด้านการตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการตรวจโรคทางช่องปากและทันตกรรม ตลอดจนบริการให้ความรู้ ในการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพ โดยมีประชาชน มารับบริการจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหารยังได้มอบยาตำราหลวง มอบแว่นสายตา และมอบผ้าเช็ดตัวให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่บ้านหว้านน้อยหมู่ 2 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ด้วย

 
พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

การประปาส่วนภูมิภาค สาขามุกดาหารแจ้งหยุดการจ่ายน้ำชั่วคราว


วีรวัฒน์ อังควณิช ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขามุกดาหาร เปิดเผยว่า น้ำประปาจะหยุดไหลทั่วเมืองมุกดาหาร เนื่องจากท่อน้ำดิบแตก การประปาจะหยุดการจ่ายน้ำชั่วคราว เป็นเวลา ๒ – ๓ วัน ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ขอให้ผู้ใช้น้ำได้สำรองน้ำประปาไว้ใช้ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป จนกว่าการประปาส่วนภูมิภาค สาขามุกดาหารจะดำเนินการแล้วเสร็จ การประปาส่วนภูมิภาค สาขามุกดาหารจึงขออภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วย


ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

โรงพยาบาลมุกดาหารจัดตั้ง “กองทุน ๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เพื่อพระภิกษุสงฆ์อาพาธ”


ณ หน้าอาคารผู้ป่วยนอกตึก ๑๐ ชั้น โรงพยาบาลมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีเปิดกองทุน ๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เพื่อพระภิกษุสงฆ์อาพาธ ด้วยเจตนาเพื่อขอรับบริจาคเงินจากผู้มีจิตเป็นกุศลเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล พระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธทั้งแผนกผู้ป่วยนอกและพระภิกษุสามเณรที่มานอนรักษาที่ โรงพยาบาล

นายแพทย์ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อแสดงความกตเวทิตาคุณต่อหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ประธานสงฆ์ พระธมมธโร(ครูบาแจ๋ว) พร้อมพระสงฆ์ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ศิษยานุศิษย์และโรงพยาบาลมุกดาหารได้น้อมใจกันจัดสร้าง "กองทุน ๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เพื่อพระภิกษุสงฆ์อาพาธ” คณะกรรมการกองทุนฯ จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินเพื่อก่อตั้งกองทุนสงฆ์อาพาธ เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลพระภิกษุที่อาพาธทั้งแผนกผู้ป่วยนอกและพระภิกษุ สามเณรที่นอนรักษาในโรงพยาบาล มีการดูแลพระภิกษุสงฆ์ มีผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ผ้าขวางเตียง ปลอกหมอนและเครื่องนุ่งห่มพระสงฆ์ สำหรับพระภิกษุ สามเณรที่มานอนรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหารเพื่อไม่ให้ใช้ของร่วมกับฆราวาส ทั่วไป สำหรับท่านผู้มีจิตเป็นกุศลต้องการร่วมทำบุญ ด้วยการโอนเข้าบัญชี "กองทุน ๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เพื่อพระภิกษุสงฆ์อาพาธ” ธนาคารกรุงไทย สาขามุกดาหาร เลขที่บัญชี ๔๒๐-๐-๕๒๗๐๕-๗


ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกาฬสินธุ์ขอเชิญชวนบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อทำขาเทียมพระราชทาน


นายวิชัย ตะวัน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ด้วยกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท ไทยเบจเวอร์แคน จำกัด บริษัท บางกอกแคนแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้จัดทำโครงการเรียกคืนวัสดุอะลูมิเนียม เพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้กิดการคัดแยกขยะมูลฝอยและนำกลับมาใช้ ประโยชน์ ซึ่งจะช่วยลดการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ โดยจะนำอะลูมิเนียมที่ได้รับบริจาคมาจัดทำอุปกรณ์ขาเทียมให้แก่ผู้พิการและ ผู้สูงอายุต่อไป ซึ่งลักษณะของกระป๋องที่เป็นอะลูมิเนียม คือ แม่เหล็กดูดไม่ติด บีบแล้วบุบง่าย ไม่มีตะเข็บ มีสัญลักษณ์บอก (ALU) โดยวัสดุที่รับบริจาคเพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าวนี้ได้แก่ กระป๋องเครื่องดื่มต่าง ๆ, อะไรเครื่องจักรต่าง ๆ , ฝาดึงจากกระป๋อง, ฝาเครื่องดื่มแบบดึง, ฝาเครื่องดื่มแบบฝาเกลียว โดยสามารถนำอะลูมิเนียมบริจาคได้ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดกาฬสินธุ์ ถนนอรรถเปศล อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์  ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. ในวันทำการ  หรือจะบริจาคผ่านทางไปรษณีย์    โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รับขนส่งอะลูมิเนียมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงทำความสะอาด บรรจุกล่อง โดยชั่งน้ำหนักแล้วไม่เกิน 5 กิโลกรัม ส่งมาที่โครงการเรียกคืนอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน กรมควบคุมมลพิษ เลขที่ 92 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
 


ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว 

จ.กาฬสินธุ์คัดเลือกพื้นที่ปลูกป่าโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินีฯ


จังหวัดกาฬสินธุ์คัดเลือก พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกป่าโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินีฯ จำนวน11 แปลงแยกเป็นป่าอนุรักษ์ 4 แปลงเนื้อที่ 850 ไร่ และป่าป่าสงวนแห่งชาติ 7 แปลงเนื้อที่ 244 ไร่

ที่ประชุมคณะทำงานเพื่อคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกป่า ตามโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินีฯ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีนายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นประธานการประชุมได้มีมิตเห็นชอบ พื้นที่ฯดังนี้ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 4 แปลงเนื้อที่ 850 ไร่ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 250 ไร่ และ แปลงที่ 2 เนื้อที่ 250 ไร่ ท้องที่บ้านสวนผึ้ง ม.4,8 ต.เหล่าไฮงาม อ.กุฉินารายณ์ ในเขตพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าผาน้ำทิพย์ แปลงที่ 3 เนื้อที่ 150 ไร่ และแปลงที่ 4 เนื้อที่ 200 ไร่ ท้องที่บ้านห้วยม่วง ม.9 ต.หนองห้าง อ.กุฉินารายณ์ ในเขตพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน

และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 7 แปลง เนื้อที่ 244 ไร่ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 45 ไร่ ท้องที่บ้านคำม่วง ม.14 ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงห้วยฝา แปลงที่ 2 เนื้อที่ 27 ไร่ ท้องที่บ้านนกขาบ ต.ภูปอ อ.เมือง ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่านาจาร-ดงขวาง แปลงที่ 3 เนื้อที่ 48 ไร่ ท้องที่บ้านหนองกาว ม.5 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ แปลงที่ 4 เนื้อที่ 50 ไร่ ท้องที่บ้านโคกกลาง ม.4 ต.หนองแวง อ.สมเด็จ เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ แปลงที่ 5 เนื้อที่ 21 ไร่ ท้องที่บ้านโนนสวรรค์ ม.3 ต.ภูปอ อ.เมือง ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่ชาติป่านาจาร-ดงขวาง แปลงที่ 6 เนื้อที่ 15 ไร่ ท้องที่บ้านนาคอกควาย ม.1 ต.หนองกุง อ.เมือง เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ และแปลงที่ 7 ท้องที่บ้านดงแข็ง ม.4 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด เป็นที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งพื้นที่ที่คณะทำงานฯให้ความเห็นชอบทั้งหมดจำนวน 11 แปลง รวมเนื้อที่ 1,094 ไร่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์จะได้ร่วมกันปลูกป่าในช่วงฤดูฝนปีนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
 

สุวรรณ์ ศรีอาภรณ์ ข่าว

เทศบาลตำบลหนองแปนกำหนดจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคูวันที่ 21-24 พฤษภาคมนี้


เทศบาลตำบลหนองแปน ร่วมกัน อบจ.กาฬสินธุ์ กำหนดจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคูเมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2556 ณ บริเวณองค์พระธาตุยาคู ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์

จ่าสิบตำรวจปรีดี ไพรินทร์ นายกเทศมนตรีตำบหนองแปน เปิดเผยว่า ด้วยเทศบาลตำบลหนองแปน ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ องค์การบริหารส่วนตำบลกมลาไสย วิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิม พระเกียรติกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในเขตอำเภอกมลาไสย ได้กำหนดจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคู เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2556 ขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2556 ณ บริเวณองค์พระธาตุยาคู บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้คงไว้สืบไป ภายในงานมีกิจกรรมการแห่ขบวนบั้งไฟตะไลหมื่น การทำบุญตักบาตร การเวียนเทียน การสรงน้ำพระธาตุยาคู และการรำบวงสรวง นอกจากนี้เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขาบูชา ได้มีกิจกรรมปฏิบัติธรรม การบวชชีพราหมณ์ มีการแสดงธรรมเรื่อง "ความสำคัญของวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก” โดยพระธรรมดิลก เจ้าคณะภาค 9 (ธ) วัดป่าแสงอรุณประธานฝ่ายสงฆ์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองแปน กล่าวอีกว่า เมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นเมืองโบราณที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีการสำรวจพบหลักฐานที่เป็นศิลปะโบราณสถาน โบราณวัตถุหลายชนิด เช่น ใบเสมา ซากสถูปเจดีย์ พระพิมพ์ดินเผา ภาชนะดินเผา เครื่องประดับประเภทแก้ว โครงกระดูกมนุษย์โบราณ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าเมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในยุควัฒนธรรมสมัยทวารวดี ช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 หรือประมาณ 1,500 ปีที่ผ่านมา "พระธาตุยาคู” เป็นปูชนียสถานที่สำคัญของเมืองฟ้าแดดสงยางตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ของทุกปี ทศบาลตำบลหนองแปน ร่วมกับ อบจ.กาฬสินธุ์ และ อบต.กมลาไสย ได้ร่วมกันจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคู เมืองฟ้าแดดสงยางขึ้นเป็นประจำ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของไทยและท้องถิ่นให้คงไว้สืบไป ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม อารยธรรมและประวัติศาสตร์ สำหรับปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2556 โดยในวันที่ 21 -22 พฤษภาคม มีพิธีบวชชีพราหมณ์ การปฏิบัติธรรม และวันที่ 24 พฤษภาคม เป็นวันสรงน้ำพระธาตุยาคู
 


ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

ขอเชิญร่วมสนับสนุนการปลูกฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมที่จังหวัดกาฬสินธุ์


นายพิชญะ ยั่งยืน ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น แจ้งกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ว่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่นได้จัดทำโครงการปลูกป่าเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่มีศักยภาพในการปลูกพื้นฟูสภาพป่า เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ที่ถูกบุกรุกทำลายให้มีความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าไม้ โดยในส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น มีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่สามารถดำเนินการได้จำนวน 1 แปลง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล บริเวณป่าตาดมะนาว ท้องที่บ้านกุงเก่า หมู่ที่ 11 ตำบลกุงเก่า อำเภอท่าคันโท รวมเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา

สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปร่วมสนับสนุนงบประมาณในการ ปลูกฟื้นฟูสภาพป่า ในอัตราไร่ละ 4,800 บาท แยกเป็นงบประมาณปลูกปีที่ 1 อัตราไร่ละ 3,800 บาท และงบประมาณบำรุงรักษา ปีที่ 2 และ 3 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น เลขที่ 2 ถนนหน้าศูนย์ราชการ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หมายเลขโทรศัพท์ 043 330382 ต่อ 108 หรือดูรายละเอียดที่ www.frm7.com


สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว

กาชาดจังหวัดขอนแก่นมอบเฮือนกาชาดหลังที่ 6 ให้ผู้ยากไร้ตามโครงการกาชาดใส่ใจให้ที่อยู่เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานมอบบ้านให้กับครอบครัวนางลิน ลานุ้ย ชาวบ้านบึงบัวทอง ตำบลละหานนา อำเภอแวงน้อย ซึ่งเป็นโครงการของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นโดยการนำของนางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดขอนแก่น จัดทำขึ้นตามโครงการกาชาดใส่ใจให้ที่อยู่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีในวันคล้าย วันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2556 โดยทำการสร้างบ้านให้กับครอบครัวที่มีฐานะยากจนและเป็นคนดีของสังคม ที่ไม่มีมี่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งจัดสร้างให้กับผู้ยากไร้ทั้ง 26 อำเภอจำนวน 26 หลังโดยใช้ชื่อว่า เฮือนกาชาด มีการมอบมาแล้ว 6 อำเภอ 6 หลัง การก่อสร้างได้สร้างตามแบบของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งทางเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นสนับสนุนงบประมาณหลังละ 74,400 บาทเป็นค่าวัสดุ-อุปกรณ์โดยค่าแรงและแรงงานเป็นการบูรณาการของชาวบ้านใน พื้นที่เสียสละแรงกายช่วยกันสร้างและทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลละหานนาได้สนับสนุนส่วนหนึ่งจนสามารถสร้างได้ สำเร็จเป็นหลังที่ 6 ของโครงการในงานนี้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเครื่องครัวและของใช้ในบ้าน เพื่อเติมความสุขให้กับครอบครัวของนางลิน ลานุ้ย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นคนดีในสังคมต่อไปโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ขอนแก่นได้มอบเกียรติบัตรให้กับทุกคนด้วย      

อำเภอแวงน้อยจังหวัดขอนแก่นจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟล้านประจำปี 2556

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานเปิดงานบุญบั้งไฟล้านประจำปี 2556 ของอำเภอแวงน้อยจังหวัดขอนแก่นซึ่งทางอำเภอแวงน้อยร่วมกับองค์การบริหารส่วน ตำบลก้านเหลืองจัดขึ้นเพื่อสืบสานงานบุญเดือน 6 หรือประเพณีบุญบั้งไฟของชาวแวงน้อยและเพื่อสมโภชน์ให้กับหลวงปู่วรพจน์วิธาน เกกิดังของจังหวัดขอนแก่นชาวอำเภอแวงน้อยที่มรณภาพแล้ว 12 ปี ศพไม่เน่าเปื่อยซึ่งขณะนี้กำลังสร้างมณฑปเพื่อนำศพของท่านบรรจุในโรงแก้ว เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะบูชา ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นกล่าวว่าในช่วงที่ท่านเป็นนายอำเภอครั้งแรกก็มา เป็นนายอำเภอแวงน้อยและนำชาวแวงน้อยร่วมสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟมาโดยตลอด ซึ่งปีนี้มีงานบั้งไฟเงินล้านก็มาร่วมจุดบั้งไฟเป็นการถวายพระยาแถนขอฝนให้ ตกในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกษตรกรได้ทำนาซึ่งบั้งไฟ ล้านก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงามปีนี้ก็คาดว่าชาวอำเภอแวงน้อยและ จังหวัดขอนแก่นก็จะมีฝนตกมาต่อเนื่องผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้และขอให้ชาว แวงน้อยให้จุดบั้งไฟเป็นประเพณีอย่าได้เล่นการพนันเพราะจะทำให้ประเพณี เสื่อมและหมดตัวได้      

กาชาดจังหวัดขอนแก่นมอบเฮือนกาชาดหลังที่ 6 ให้ผู้ยากไร้ตามโครงการกาชาดใส่ใจให้ที่อยู่เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานมอบบ้านให้กับครอบครัวนางลิน ลานุ้ย ชาวบ้านบึงบัวทอง ตำบลละหานนา อำเภอแวงน้อย ซึ่งเป็นโครงการของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นโดยการนำของนางนิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดขอนแก่น จัดทำขึ้นตามโครงการกาชาดใส่ใจให้ที่อยู่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีในวันคล้าย วันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2556 โดยทำการสร้างบ้านให้กับครอบครัวที่มีฐานะยากจนและเป็นคนดีของสังคม ที่ไม่มีมี่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งจัดสร้างให้กับผู้ยากไร้ทั้ง 26 อำเภอจำนวน 26 หลังโดยใช้ชื่อว่า เฮือนกาชาด มีการมอบมาแล้ว 6 อำเภอ 6 หลัง การก่อสร้างได้สร้างตามแบบของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งทางเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นสนับสนุนงบประมาณหลังละ 74,400 บาทเป็นค่าวัสดุ-อุปกรณ์โดยค่าแรงและแรงงานเป็นการบูรณาการของชาวบ้านใน พื้นที่เสียสละแรงกายช่วยกันสร้างและทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลยางคำได้สนับสนุนส่วนหนึ่งจนสามารถสร้างได้สำเร็จ เป็นหลังที่ 5 ของโครงการในงานนี้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเครื่องครัวและของใช้ในบ้าน เพื่อเติมความสุขให้กับครอบครัวของนางลิน ลานุ้ย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นคนดีในสังคมต่อไป      

ชัยภูมิจัดงานวันเกษตรกร


จังหวัดชัยภูมิ นำเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน เนื่องในงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2556 จากกรมส่งเสริมการเกษตร มอบให้ตัวแทนเกษตรกร เพื่อนำไปปลูกไว้เป็นสิริมงคลในไร่นา การจัดงานวันเกษตรกรปีนี้ จัดขึ้นที่บริเวณสำนักงานเกษตรจังหวัดชัยภูมิ มีนายบรรยงค์ วงศ์กนิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำขวัญเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์พืชชนิดต่างๆ และพันธุ์ปลา โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทาน เนื่องในงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2556 จากกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 7 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวขาวดอกมะลิ 105, ข้าวเหนียว กข6, ข้าวเจ้า กข 31, ข้าวปทุมธานี1, ข้าวสุพรรณบุรี1, ข้าวเจ้า กข 47 และข้าวเหนียวพื้นเมือง หรือข้าวลืมผัว

โดยหลังพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ได้มอบรางวัลแก่วิสาหกิจชุมชนดีเด่น ปี2556 มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน มอบพันธุ์พืช และพันธุ์ปลา แก่ตัวแทนเกษตรกรนำกลับไปปลูก และเลี้ยงในไร่นา จากนั้นเกษตรกรที่มาร่วมงานกว่า 300 คน ได้กรูกันเข้าไปหยิบต้นไม้มงคลที่ผ่านพิธีแล้ว คนละ 2-3 ต้น เพื่อนำไปปลูกไว้เป็นสิริมงคล

นายอุดมเดช คนสมบูรณ์ เกษตรจังหวัดชัยภูมิเปิดเผยว่า วัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเกษตรกร เกิดความภาคภูมิในในอาชีพ และยกย่องสถาบันเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่น ในงานยังมีการจัดนิทรรศการ และจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรอีกด้วย
 

สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

เชิญชาวโคราช ชิม ช้อป ลิ้นจี่สดรสอร่อย จากเหนือสู่โคราช กว่า 50 ตัน ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2556 ณ บริเวณสวนเมืองทองลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากการที่ชาวนครราชสีมา ให้การช่วยเหลือจังหวัดเชียงราย ดำเนินโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลิ้นจี่ล้นตลาด ได้รับการตอบรับอย่างดีนั้น ปีนี้ นครราชสีมา จึงนำลิ้นจี่สดคุณภาพดีมาจำหน่ายอีก ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม นี้

จากการเปิดเผยของนายเฉลิมศักดิ์ ประสิทธิ์สุวรรณ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ว่า เมื่อปี 2555 จังหวัดนครราชสีมาได้ให้ความร่วมมือกับจังหวัดเชียงราย ดำเนินโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาลิ้นจี่ล้นตลาด โดยนำลิ้นจี่คุณภาพมาจำหน่ายให้ชาวนครราชสีมาได้รับการตอบรับ อย่างดียิ่ง ปีนี้จึงดำเนินการต่อโดยจะนำลิ้นจี่สดจากภาคเหนือ มาวางจำหน่ายให้ชาวนครราชสีมาได้ซื้อบริโภคอีก ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2556 ณ บริเวณสวนเมืองทองลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

เกษตรจังหวัดนครราชสีมา บอกอีกว่า เนื่องจากแหล่งผลิตลิ้นจี่ที่สำคัญจาก 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และน่าน และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับผลไม้หลายชนิดจากจังหวัดภาคตะวันออกสู่ตลาด อาจส่งผลกระทบทำให้ราคาลิ้นจี่ตกต่ำได้ จังหวัดนครราชสีมาจึงจับคู่กับจังหวัดเชียงรายอีกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ ปลูกลิ้นจี่ โดยจะมีการจัดงานเพื่อบริหารจัดการผลผลิตลิ้นจี่ให้สอดคล้องและตรงตามความ ต้องการของตลาดและผู้บริโภค ป้องกันการเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ในแหล่งผลิต และเนื่องจากนครราชสีมาเป็นปลายทางจึงต้องมีการบริหารจัดการในการจัดส่งที่ ดีเพื่อให้ผู้บริโภคได้ล้นจี่สด ซึ่งในงานจะนำลิ้นจี่คุณภาพดีจากจังหวัดเชียงรายมาจำหน่ายให้กับประชาชน จังหวัดนครราชสีมาตลอด 3 วัน ประมาณกว่า 50 ตัน ซึ่งปีนี้ผลผลิตลิ้นจี่จะมากที่สุดช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนชาวนครราชสีมา และผู้ชื่นชอบบริโภคลิ้นจี่ เตรียมไปชอบและชิมลิ้นจี่คุณภาพดีจากเชียงราย ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2556 ณ บริเวณสวนเมืองทองลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา 

รายงานพิเศษ...หมอลำหุ่นละครโรงเล็ก:ศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของเยาวชนมหาสารคาม


การถ่ายทอดเรื่องราวนิทานพื้นบ้านที่มีคติสอนใจ ผ่านหุ่นละครโรงเล็ก ด้วยท่วงทำนองกลอนลำที่เป็นศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน โดยกลุ่มเยาวชนคณะเด็กเทวดา จากโรงเรียนบ้านหนองโนใต้ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ได้ถ่ายทอดออกมานั้น นับเป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ติดตามได้จากรายงาน.....

บรรยากาศการแสดงหมอลำหุ่นละคร เรื่อง องคุลีมาล ที่กลุ่มเยาวชนซึ่งพวกเขาเรียกตัวเองว่า "คณะเด็กเทวดา” กำลังจัดแสดงให้ผู้คนที่มาเฝ้ารอชมการแสดงได้ชมอยู่ในขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมยามว่างที่คณะเด็กเทวดา ที่มีตั้งแต่นักเรียนชั้นอนุบาลจนถึงป.6 คณะครู ของโรงเรียนบ้านหนองโนใต้ กลุ่มเยาชนในท้องถิ่น ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจที่ผู้บริหารโรงเรียนฯ ต้องการจะถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างการร้องหมอลำให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านตัวละครหุ่นซึ่งเป็นโครงการด้านการใช้สื่อศิลปะเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ค่านิยม ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ได้รับการสนับสนุนจากแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ (ศสส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นายอดิเทพ บุรีมาศ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นักแสดงหุ่นหมอลำคณะเด็กเทวดารุ่นแรก ๆ ที่ตอนนี้วางมือ มาทำหน้าที่สอนน้อง ๆ ในคณะ เล่าให้ฟังว่า จากจุดเริ่มต้นที่เห็นว่าในชุมชนมีพ่อครูที่เป็นหมอลำกลอน จึงอยากจะนำหมอลำกลอนนี้มาประยุกต์ให้มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ จึงได้ริเริ่มการสร้างหุ่นละคร ที่ทำมาจากกระติ้บข้าว โดยให้พ่อครูกลอนลำมาสอนให้เด็ก ๆ ในคณะได้ร่วมกันฝึกขับร้อง พร้อมกับฝึกการเชิดหุ่น ซึ่งน้อง ๆ คณะเด็กเทวดาสามารถแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นที่ประทับใจของผู้ที่มารอชมการแสดงอย่างมาก

นางสาวเกตุวลี ดาวันนา นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เยาวชนในชุมชนที่มาช่วยดูแลน้อง ๆ คณะเด็กเทวดา พร้อม ๆ กับการทำหน้าที่โฆษกประจำคณะ เล่าว่า ในการฝึกซ้อมแต่ละครั้งจะเป็นการเข้าค่าย โดยไม่ได้รบกวนเวลาเรียน เริ่มด้วยการฝึกย้อมผ้าเพื่อนำมาตัดเย็บเป็นชุดของหมอลำหุ่น ฝึกการประกอบหุ่น โดยมีพ่อครู แม่ครูที่เป็นกลอนลำ มาสอนให้เด็ก ๆ ฝึกร้อง จนมาถึงวันนี้ภูมิใจที่ได้ร่วมฝึกฝนให้การแสดงหมอลำหุ่นคณะเด็กเทวดา ได้มีการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เด็ก ๆ มีจิตสำนึกรักบ้านเกิด

หมอลำหุ่นละครโรงเล็ก คณะเด็กเทวดา โรงเรียนบ้านหนองโนใต้ นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ที่กลุ่มเยาวชนในท้องถิ่นได้ร่วมกันสืบสาน จนเป็นที่ยอมรับในเวทีการแสดงหุ่นอาเซียนในงาน"ละครหุ่นตระการตาอาเซียน” ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาได้รับคัดเลือกให้ไปแสดงร่วมกับนักแสดงละครหุ่นที่มาจากทุก ภูมิภาคทั้งในและต่างประเทศ


สิงหา โพธิแท่น / ถ่ายภาพ
ชนกพร โพธิสาร สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม...รายงาน

มหาสารคามเตรียมจัดกิจกรรมเดินรณรงค์,การแสดงนิทรรศการ , การประกวดการแสดงต่อต้านยาเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด


มหาสารคามเตรียมจัดกิจกรรมการเดิน รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด , การแสดงนิทรรศการ TO BE NUMBER ONE , นิทรรศการต่อต้านยาเสพติด , การประกวดการแสดงละครสั้นต่อต้านยาเสพติดฯ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน 2556

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้เปิดเผยว่า เนื่องจากในวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีตรงกับต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งประเทศไทยก็ได้ยึดถือปฏิบัติและยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ที่จะร่วม กับประชาคมโลกในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดมาโดยตลอด และต่อเนื่องทั้งด้านการป้องกันปราบปรามและบำบัด เนื่องในโอกาสวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน 2556 จังหวัดมหาสารคาม โดยส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมขึ้นที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไปโดยมีกิจกรรมต่างๆ ทั้งการเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดจากสี่มุมเมืองไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลและมารวมตัวกันที่บริเวณจัดงานสนามหน้าที่ว่าการอำเภอ เมืองมหาสารคาม , การแสดงนิทรรศการต่อต้านยาเสพติดของชมรม TO BE NUMBER ONE , การแสดงนิทรรศการป้องกัน ปราบปราม บำบัดฟื้นฟูยาเสพติด นิทรรศการกองทุนแม่ของแผ่นดิน นิทรรศการการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา , การจัดตรวจหาสารเสพติดในกลุ่มเสี่ยง การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกีฬาและการทดสอบสมรรถนะทางร่างกาย เพื่อให้ประชาชนเยาวชนหันมาเล่นกีฬาและห่างไกลยาเสพติด

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยต่อไปว่า นอกจากนี้จังหวัดมหาสารคาม ยังได้จัดให้มีการประกวดการแสดงละครสั้นบนเวทีเกี่ยวกับการรณรงค์ต่อต้านยา เสพติด , การประกวดการพูดต่อต้านยาเสพติด ระดับประถมศึกษา , มัธยมศึกษา , อาชีวศึกษา , อุดมศึกษา และประชาชน ชิงเงินรางวัล โดยในปีนี้จังหวัดมหาสารคามกำหนดให้มีกิจกรรมการจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี และมีกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้มาร่วมงานได้ชม ได้ศึกษาตลอดทั้งวัน จังหวัดมหาสารคาม จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมต่างๆ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกของจังหวัดมหาสารคาม ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม


สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/พิมพ์

ตร.ภูธรมหาสารคามแถลงข่าวกวาดล้าง จับกุมอาวุธปืน วัตถุระเบิดรวมกว่า 100 รายการ


ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม แถลงข่าวกวาดล้าง จับกุมอาวุธปืน วัตถุระเบิด และยาเสพติด โดยสามารถจับผู้ต้องหาได้ 23 ราย ของกลางรวม 168 รายการ

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม แถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างจับกุมคดีอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด ในช่วงระหว่างวันที่ 1-21 พฤาภาคม 2556 ซึ่งเป็นผลงานการจับกุมของสถานีตำรวจภูธรในสังกัดทั้ง 13 อำเภอ โดยมีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 23 คน พร้อมยึดของกลางอาวุธปืน ที่เป็นทั้งปืนลูกซอง ปืนพก ปืนลูกโม่ไทยประดิษฐ์แบบสั้น-ยาว จำนวน 27 กระบอก เครื่องกระสุน 137 นัด และวัตถุระเบิด 2 ลูก รวม 168 รายการ

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าการระดมกวาดล้างในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันการก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญการใช้อาวุธสงคราม และการก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ จึงได้สั่งการให้สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ร่วมกันระดมกวาดล้าง และจะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการลดสถิติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นใน พื้นที่ เป็นการสร้างความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สสจ.มหาสารคาม จัดประชุมเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดมหาสารคาม


สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในภาครัฐ และเอกชนจัดประชุมเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดมหาสารคามพร้อมทั้งมอบเกียรติบัตร แก่หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินดีเด่น

21-05-56 ที่ห้องประชุมโรงแรมนิวพัฒนา จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในภาครัฐและ เอกชนจัดประชุมเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดมหาสารคามพร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรแก่ หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินดีเด่น โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน

นายแพทย์สุริยา รัตนปริญญา นายแพทย์สารธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในภาค รัฐและเอกชน ได้เริ่มดำเนินการจัดบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีหน่วยปฏิบัติการขึ้นทะเบียนในทุกระบบทุกระดับประกอบด้วยชุด ปฏิบัติการระดับสูง จำนวน 13 หน่วย ระดักลาง จำนวน 13 หน่วย ระดับพื้นฐาน จำนวน 8 หน่วย และระดับเบื้องต้น จำนวน 78 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 60 จากจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด142 แห่ง สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีผลการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุเฉลี่ยเดือนละ 3000 ครั้ง ในการดำเนินงานดังกล่าวสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามมุ่งเน้น ยุทธศาสตร์การแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อบูรณาการสร้างเครือข่ายในการให้บริการแก่ประชาชนในจังหวัด เพื่อให้เข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐานอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาการเสียชีวิต ความพิการ ความทุกข์ทรมานและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าในการได้รับการ ดูแลรักษา การลำเลียงเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธีและการนำส่งยังสถานพยาบาลที่ไม่เหมาะสม

ด้านนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า การรักษาพยาบาลฉุกเฉินจะไม่เกิดผลดี หากมีความล่าช้า ผู้ป่วยฉุกเฉินจะเสียโอกาสในการมีชีวิตรอดในทุกนาทีที่ผ่านไป ตลอดจนการลำเลียงเคลื่อนย้ายผู้เจ็บป่วยที่ไมเหมาะสมก็จะส่งผลเสียแก่ผู้ ป่วยอย่างมากมายอีกด้วย ความพยายามในการจัดบริการที่เหมาะสมจึงได้เกิดขึ้นเรื่อยมา เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในการให้บริการดังกล่าว จึงอยากให้ผู้บริหารท้องถิ่นนำสิ่งที่ได้ในการประชุมไปพัฒนางานด้านการแพทย์ ฉุกเฉินได้ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินมีศักยภาพทัดเทียมกับจังหวัดไก ล้เคียงต่อไป

การประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปลัด เจ้าหน้าที่ป้องกันฯและผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน จากหน่วยกู้ชีพในจังหวัดทุกระดับ จำนวน 150 คน พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรแก่หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุก เฉิน


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯสารคามเชิญชวนชาวมหาสารคาม ปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ


ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมปลูกต้นไม้ ตามโครงการประชาอาสา 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี ที่ศาลากลางจังหวัด 23 พฤษภาคม นี้ พร้อมรณรงค์ปลูกต่อเนื่องทั้งปี รวม 23 ล้านต้น

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม ได้เชิญชวนประชาชน ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ตลอดจนกลุ่มพลังมวลชน ร่วมกันปลูกป่า เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี โดยเป็นโครงการต่อเนื่อง และในวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 นี้ จะมีการปลูกต้นไม้กว่า 2,000 ต้น ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด และบริเวณรอบสระน้ำ ด้านหน้าหอประชุมจังหวัด รวมพื้นที่ 10 ไร่ โดยเชิญชวนส่วนราชการ ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมกันปลูกและร่วมกันดูแลรักษา เพื่อให้ต้นไม้เจริญงอกงาม จึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันปลูกต้นไม้ดังกล่าวตั้งแต่เวลา 07.30 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี ปี พ.ศ.2555 จังหวัดมหาสารคามปลูกต้นไม้ได้รวมทั้งสิ้น 13 ล้านต้น และปี พ.ศ.2556 ตั้งเป้าปลูกตลอดทั้งปี จำนวน 23 ล้านต้น


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

คุมประพฤติร่วมกับ กศน.มหาสารคามฝึกทำอิฐบล็อกแก่ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด


สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ กศน.มหาสารคาม จัดฝึกอาชีพหลักสูตร การทำอิฐบล็อก ให้แก่ผู้ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คาดหวังให้มีอาชีพเสริมที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดหรือเสพซ้ำ

ในระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2556 สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มหาสารคาม จัดอบรมให้แก่ผู้ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามโครงการบูรณาการติดตามช่วยเหลือและให้ความรู้ด้านการฝึกอาชีพ หลักสูตรการทำอิฐบล็อก สำหรับผู้ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยมีนายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพร้อมบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ผ่านการฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

ด้านนางเยาวดี พันธ์หินกอง ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า โครงการฝึกอาชีพดังกล่าว จัดอบรมจำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 1 วัน ๆ ละ 40 คน รวม 120 คน และจะดำเนินการฝึกอาชีพอย่างต่อเนื่องไปอีกสัปดาห์ละ 1 รุ่น รวม 10 รุ่น โดยมีวิทยากรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำอิฐบล็อกด้วยมือจากชุมชนบ้านดอนนา ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย มาให้ความรู้และสาธิตการทำ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟูด้านยาเสพติดได้รับการ ติดตามช่วยเหลือ มีความรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง นำไปสู่ช่องการของการประกอบอาชีพเสริม สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่หวนกลับไปเสพยาหรือกระทำผิดซ้ำ


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมหาสารคาม

แพทย์แผนไทย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามประชุมชี้แจงการดำเนินงาน ตามโครงการดำเนินงานตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมหาสารคาม ปีงบประมาณ 2556 เพื่อขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินงานตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร (21/5/2556) เวลา 10.00 น. ณ.ห้องประชุม 3 ชั้น 1 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม งานแพทย์แผนไทยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อชี้แจงความคืบหน้าถึงการดำเนินงาน ตามโครงการดำเนินงานตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมหาสารคาม ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมีนายแพทย์ ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในการประชุม เพื่อรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร โดยมีอำเภอต้นแบบ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอแกดำ อำเภอวาปีปทุม อำเภอนาดูน อำเภอเชียงงยืน อำเภอนาเชือก อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เป็นอำเภอต้นแบบโดยทำแปลงอย่างน้อย 3 แปลงเป็น Organic ทดลองปลูกพืช สมุนไพร จำนวน 13 ชนิดคือ ขมิ้นชัน, บัวบก, หญ้าปักกิ่ง, ไพร, ฟ้าทะลายโจร, รางจืด, ทองพันชั่ง, กำแพงเจ็ดชั้น, มะหาด, สมอไทย, สมอภิเภก, มะขามป้อง, ดอกคำไทย ซึ่งมีที่ปรึกษาเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และต้องหาสมุนไพรที่สามารถปลูกในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม หรือตลาดจังหวัดมหาสารคาม ให้เกษรตรจังหวัดคัดเลือกสมุนไพร โดยมีงบประมาณการดำเนินงานตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร จำนวน 1,280,000 บาท ส่วนการจัดทำแผนงานโครงการตลาดกลางวัตถุดิบสมุนไพร จังหวัดมหาสารคาม มีการแบ่งกลุ่มเกษตรกรเกรด A คือเกษตรกรที่ปลูกพืชสมุนไพรโดยไม่ใช้สารเคมี (Organic) และเกรด B และC คือกลุ่มที่ปลูกสมุนไพรที่อาจใช้สารเคมีร่วมด้วย (GPO) และเกษตรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเจาะเลือดตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมเทคนิคเกษตรอินทรีย์ การจัดระบบควบคุมภายในแปลงปลูกสมุนไพร มีการตรวจสอบฟาร์มเกษตรที่เข้าร่วมโครงการเช่นแผนผังฟาร์ม แผนงาน เพื่อรวมกลุ่มการผลิต และจัดทำมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภายประเทศ และจัดเวทีแลกเปลี่ยน ผู้ซื้อ – ผู้ขาย กำหนดราคากลาง โดยมีคณะกรรมการกลางออกติดตามและควบคุมการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้การควบ คุมกระบวนการดำเนินงานทั้งหมดทุกขั้นตอนตามมาตรฐาน


ภารุวัชร คนเชี่ยว ภาพ/ข่าว/สปชส.มค