วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

ยโสธรกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือน

นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 11 ลว. 19 ก.ย. 56 เรื่อง พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ ว่าเมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (19 ก.ย. 56) พายุดีเปรสชั่นบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนที่ทางตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้ และจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศลาวตอนล่างเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหนือตอนล่างของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 19-21 กันยายน 2556    

ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ ที่ราบต่ำริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 20 กันยายน 2556

ยโสธรฝึกอาชีพผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ

ศูนย์ประสานงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ร่วมกับ เรือนจำจังหวัด จัดฝึกอาชีพ ให้ผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ  ที่เรือนจำจังหวัดยโสธร นายประวัติ  ถีถะแก้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดโครงการสร้างอาชีพ สร้างคนดีสู่สังคม โดยศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ร่วมกับเรือนจำจังหวัดยโสธร ดำเนินการจัดขึ้น เพื่อให้ผู้ต้องขังที่กำลังจะพันโทษจำนวน 150 คน ได้มีอาชีพสุจริตหาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว มีศักยภาพในการดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง และมั่นคงเช่นเดียวกับบุคคลปกติทั่วไปในสังคม

การฝึกอาชีพในครั้งนี้ใช้ระยะเวลาการฝึก 2 วัน อาชีพที่ฝึกประกอบไปด้วย

- การผูกผ้าในงานพิธีต่างๆ
- การทำปลาทูนึ่ง
- งานประดิษฐฝีมือ
- การผลิตน้ำยาทำความสะอาด
- การสกรีนผ้า

นายพงษ์ศิริ  เหมือนชาติ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กล่าวว่า    ศูนย์ประสานงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร  ตระหนักถึงผลกระทบของปัญหายาเสพติด และได้เล็งเห็นถึงปัญหาของผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษไปแล้วมักไม่มีอาชีพหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หวนกลับมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก  อบจ.ยโสธรจึงได้จัดฝึกอมรมอาชีพขึ้นในครั้งนี้



วรรณทอง ภูโสภา
 สปชส.ยโสธร

ปภ.เตือน 15 จังหวัดภาคอีสาน ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่น ในช่วงวันที่ 18 - 20 ก.ย. นี้

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนกลาง และประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะต่อไป ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และด้านตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ช่วงวันที่ 18 - 20 ก.ย.

จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลุ่มริมแม่น้ำ และที่ลาดเชิงเขา 15 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ปภ.ได้ประสาน 15 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7 สกลนคร และเขต 13 อุบลราชธานี จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงตรวจสอบฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อประกาศแจ้งเตือนภัยและอพยพนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนตกหนัก สามารถติดต่อ ขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เลขามูลนิธิชัยพัฒนารับมอบรถไถ่นาที่ยโสธร

มูลนิธิชัยพัฒนารับมอบรถแทรกเตอร์ขนาด 49 แรงม้า เพื่อใช้ในกิจการ งานด้านการเกษตร ในโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา ที่จังหวัดยโสธร  ที่โครงการพัฒนาที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา บ้านกุดแห่ ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร  นายประวัติ  ถีถะแก้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้การต้อนรับ ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมา เป็นประธานรับมอบรถแทรกเตอร์ขนาด 49 แรงม้า จำนวน 1 คัน เพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมโครงการพัฒนาที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา ในด้านการเกษตรต่างๆ  รถแทรกเตอร์ที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นรถจากบริษัท ยันมาร์ เอส.พี.จำกัด ที่ได้มอบให้กับ ธกส.และ ธกส  ได้น้อมเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี  เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามพระราชอัธยาศัย ต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระราชทานรถดังคันกล่าวให้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของมูลนิธิ  สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา พิจารณาเห็นควรมอบรถคันดังกล่าวให้แก่โครงการพัฒนาที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา บ้านกุดแห่ ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร   เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถแทรกเตอร์ในด้านการเกษตร โดยเฉพาะในด้านการปรับสภาพพื้นที่เพื่อทำการเกษตร และสามารถนำรถดังกล่าวไปช่วยชาวบ้านในชุมชนในด้านอื่นๆได้เป็นอย่างดี  โครงการมูลนิธิชัยพัฒนาที่ดิน บ้านกุดแห่ ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร มีเนื้อที่ทั้งหมด 60 ไร่ 1 งาน 45 ตารางวา มีแปลงเกษตรผสมผสาน ประกอบด้วยนาข้าว ไม้ผล ไม้ดอก และการปลูกยางพารา ซึ่งสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี



วรรณทอง  ภูโสภา
สปชส/ยโสธร/ข่าว

ร้อยเอ็ด จัดงานวันอนุรักษ์มรดกไทย เฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม

จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักศิลปากรที่ 10  จัดกิจกรรมงาน วันอนุรักษ์มรดกไทย เฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวั นพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ณ  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 20 กันยายน 2556  นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานวันอนุรักษ์ มรดกไทย เฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวั นพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม  ณ  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด  โดยการดำเนินงานของศิลปากรที่ 10

นางพัชนี  จันทรสาขา   ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10   กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 2 เมษายน  ของทุกปีวันคล้ายวั นพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย ตั้งแต่วันที่ 2538 เป็นต้นมา  กรมศิลปากรได้จัดงานมาอย่างต่ อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานได้ ตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่ วมในการในการทำนุบำรุง รักษา สืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ และในปีนี้กรมศิลปากรได้ มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดจั ดกิจกรรมเนื่องในวันอนุรักษ์ มรดกไทย มุ่งเน้น เฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวั นพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี   และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่ งมั่นในการร่วมกันอนุรักษ์ มรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่ นและของชาติ

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วยการเชิดชูเกียรติ และการแสดงของศิลปินพื้นบ้านผู้ ได้รับพระราชทานเข็มเกียรติคุ ณวันอนุรักษ์มรดกไทย จำนวน 3 ท่าน ได้แก่หมอลำฉวีวรรณ  ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง(หมอลำ) ปี 2536,หมอลำกฤษณา  บุญแสน  ได้รับพระราชทานเข็มเกียรติคุ ณวันอนุรักษ์มรดกไทย  ปี 2555 และ  อาจารย์ทรงศักดิ์  ปทุมศิลป์ ผู้อนุรักษ์ส่งเสริมและผลิตโหวด เครื่องดรตรีประจำจังหวัดร้ อยเอ็ด ได้รับพระราชทานเข็มเกียรติคุ ณวันอนุรักษ์มรดกไทย  ปี 2555 และการจัดนิทรรศการภาพถ่ายเก่ าเมืองร้อยเอ็ด เพื่อเล่าเรื่องเมืองร้อยเอ็ดผ่ านภาพถ่ายเก่า การผัดหมี่แบบโบราณ, ต้มถั่วลิสง  ข้าวเกรียบโปร่งและอ้อย เป็นของฝากสำหรับผู้ร่วมงาน  อีกด้วย




คมกฤช  พวงสรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด 043-527117

ร้อยเอ็ด จัดงานเยาวชนร้อยเอ็ด “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ “ พร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันเยาวชนแห่งชาติ

จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดงานเยาวชนร้อยเอ็ด "ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ " พร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันเยาวชนแห่งชาติ ณ เกาะกลางบึงพลาญชัย  จังหวัดร้อยเอ็ด

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 19 กันยายน 2556 นายพศิน  โกมลวิชย์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงาน

เยาวชนร้อยเอ็ด "ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนาใฝ่หาสันติ " พร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันเยาวชนแห่งชาติ ณ เกาะกลางบึงพลาญชัย  จังหวัดร้อยเอ็ด นายอาณัติ  ทัศนกิจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า สืบเนื่ององค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2528 เป็นปีเยาวชนสากล ดังนั้น เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2528 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติกำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชาสมภพในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 และพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติขณะยังทรงพระเยาว์ โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศ, เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านคุณภาพ คุณธรรม และเพื่อให้นโยบายส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สัมฤทธิ์ผล

นายพศิน  โกมลวิชย์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด  กล่าวให้โอวาทเยาวชนว่า การร่วมแรงแข็งขัน (participation) หมายถึง การยอมรับในศักยภาพของแต่ละบุคคล ที่จะสามารถวินิจฉัยและตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง และตระหนักว่าตนมีโอกาสได้ใช้โอกาสและพึงพอใจที่ได้ใช้โอกาสด้วยตนเองอย่างเกิดคุณค่าโดยไม่ตกเป็น เครื่องมือของผู้ใด การที่เยาวชนสามารถมีส่วนร่วมและมีบทบาทต่อชาติบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ นั้น เป็นความสำเร็จของสังคมและประเทศชาติที่สำคัญ , การช่วยกันพัฒนา (development) การพัฒนานั้นมองได้ 2 มิติ มิติหนึ่งคือ การพัฒนาตนเองของแต่ละบุคคล และอีกมิติหนึ่งคือ การพัฒนาสังคมและประเทศชาติ หากบุคคลพัฒนาตนเองได้ดีก็จะเป็นกำลังสำคัญและมีคุณค่าต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ขณะเดียวกัน การพัฒนาสังคมและประเทศชาติก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาของบุคคลด้วย กระบวนการพัฒนา 2 ส่วนนี้ จึงมีความต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน และในสภาวะปัจจุบัน ความร่วมมือในระดับนานาชาติ จะมีผลอย่างสำคัญยิ่งต่อความก้าวหน้าในการพัฒนาประเทศ และการใฝ่หาสันติ (peace) สันติภาพเป็นหลักการพื้นฐานของชีวิต ความต้องการสันติภาพ เป็นความต้องการของสากลโลก ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อให้เกิดสันติภาพและดำรงคงไว้ คนหนุ่มสาวจึงต้องร่วมมือกันในเรื่องนี้ ผลักดันให้เกิดมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นในวิถีการพัฒนาด้วยสันติ และสร้างสำนึกสันติภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกฝังสั่งสอนเยาวชนให้รู้จักเคารพในศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน มีความอดกลั้น ความเป็นประชาธิปไตย และเสรีภาพพื้นฐาน ทั้งนี้ ทุกคนจะพร้อมกันเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในอีก 2 ปี ข้างหน้า จะต้องมีความพร้อมเป็นอย่างดี  ขอให้เด็กและเยาวชนจังหวัดร้อยเอ็ดนำคำขวัญที่ว่า "เยาวชนร้อยเอ็ดร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนาใฝ่หาสันติ” ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลาย ช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาเด็กและเยาวชนจังหวัดร้อยเอ็ดให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

การจัดงานครั้งนี้ ประกอบด้วยการแสดงบนเวทีของเยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆ การแสดงชุดอาเซียนจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด การออกร้านผลงานของนักเรียน – นักศึกษา และอื่นๆอีกมากมาย  ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 200,000 บาท สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 100,000 บาท ได้รับความร่วมมือจากสถานศึกษาทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษาตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนในจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด นักเรียน นักศึกษา สภาเด็กและเยาวชน และเครือข่ายเด็กและเยาวชน กว่า 2 พันคน




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด

เหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าที่จังหวัดเลย วอนทำลายกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อปิดทางเข้าออกเหมือง อ้างเสียหายวันละ ๑๐ ล้านบาท

เหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าที่จังหวัดเลย  วิงวอนขอประชาชนในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ทำลายกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อปิดถนนทางเข้าออกเหมืองทำให้ไม่สามารถสัญจรได้  ระบุเสียหายวันละ ๑๐ ล้านบาท  เพราะไม่สามารถทำเหมืองแร่ทองคำได้ตามปกติ

บริษัท ทุ่งคำ จำกัด  เจ้าของเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าที่จังหวัดเลย   เชิญสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดเลย  เข้ารับฟังการแถลงร้องขอให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า และตรวจสภาพพื้นที่การทำเหมืองแร่ทองคำ  บริเวณภูทับฟ้า  ตำบลเขาหลวง  อำเภอวังสะพุง  จังหวัดเลย  เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง  สร้างกำแพงปิดกั้นถนนทางเข้าออกเหมืองแร่ทองคำ  เพื่อต้องการให้เหมืองแร่ทองคำยุติการทำเหมืองต่อไปและแสดงออกถึงคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำ  โดย ดร.บัณฑิต  แสงเสรีธรรม  กรรมการผู้จัดการเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด  พร้อมพนักงานกว่า ๕๐ คน  นำสื่อมวลชนดูกำแพงที่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาหลวง  อำเภอวังสะพุง  สร้างขึ้นด้วยอิฐบล็อกปิดกั้นถนนทางเข้าออกเหมืองแร่ทองคำ ทำให้ยานพาหนะไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้จนต้องหยุดการทำเหมืองแร่ทองคำชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๖ เนื่องจากเครื่องมือ  อุปกรณ์ วัสดุ ในการทำเหมืองแร่ทองคำบางอย่างต้องขนย้ายเข้ามาจากข้างนอก  พร้อมวิงวอนร้องขอให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง เข้าใจการทำงานของเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้าและขอให้ทำลายกำแพงออก   ทั้งนี้หากประชาชนในพื้นที่ตำบลเขาหลวง ยังไม่ทำลายกำแพงออก  คงต้องยื่นเรื่องขอให้ศาลยุติธรรมพิจารณาไต่สวนเพื่อให้มีคำสั่งรื้อถอนกำแพงออกไป   ยืนยันพร้อมพูดคุยกันอย่างสันติและไม่คิดใช้ความรุนแรง  ส่วนค่าเสียหายที่ทำให้เหมืองแร่ทองคำต้องหยุดการทำงานชั่วคราว ระบุเสียหายวันละ ๑๐ ล้านบาท  และทำให้พนักงานของบริษัทฯ บางส่วนได้รับผลกระทบจากการหยุดทำงานของเหมืองในครั้งนี้ด้วยเนื่องจากการหยุดงานทำให้ไม่ได้รับค่าจ้าง

ด้านนายสราวุธ  สารวงษ์  ผู้จัดการฝ่ายซ่อมบำรุง  กล่าวว่า  เหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า  ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด  ได้ขอสัมปทานในการทำเหมืองแร่ทองคำในบริเวณภูทับฟ้า  ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย  ตั้งแต่ ๒๕๔๘  และเริ่มดำเนินการทำเหมืองฯ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙   ซึ่งได้รับอนุญาตถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง  ทั้งนี้การดำเนินงานของเหมืองฯ คำนึงถึงความปลอดภัย  สภาพสิ่งแวดล้อม  สุขภาพของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง  และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  จึงขอให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเหมืองฯ และอย่าวิตกกังวลกับปัญหาด้านสุขภาพ

ทต.ภูเรือ จัดอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน

นายสุชาติ อยู่เจริญ ปลัดอาวุโสอำเภอภูเรือ (ตัวแทนนายอำเภอภูเรือ) นายพิศณุ คล้ายทิม รองนายกเทศบาลตำบลภูเรือ หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียนโรงเรียนภูเรือวิทยาจำนวน 90 คน ร่วมโครงการเปิดการอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556  ณ   ห้องประชุมเทศบาลตำบลภูเรือ จังหวัดเลย   ปัจจุบันปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่บ่อนทำลายชาติ  โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน การปราบปรามไม่สามารถจะทำลาย หรือสำเร็จได้ง่าย ๆ  หากคนในชาติไม่ร่วมกันปกป้องและป้องกันไม่ให้ยาเสพติดระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน และอีกปัญหาหนึ่งคือการตั้งครรภ์ก่อนอันควร เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศไทย มีเด็กวัยรุ่นตั้งครรภ์เป็นอันดับสอง ของประเทศในแถบอาเซียน เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นในสังคมที่หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจ และเร่งทำการป้องกันแก้ไข กองการศึกษาเทศบาลตำบลภูเรือ จึงเห็นความสำคัญในปัญหานี้ จึงได้จัดทำโครงการอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 โดยมีเด็กนักเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 90 คน  วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้แก่เด็กและเยาวชนห่างไกลยาเสพติด   เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตและทักษะในการดำรงชีวิต ให้แก่เด็กและเยาวชน   ตลอดจนรู้เรื่องเพศศึกษา  สร้างสำนึกในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน    เปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกและความสามารถในสิ่งที่ถูกต้อง

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญจัดโครงการสงบนิ่งร่วมจิตอธิษฐานเนื่องในวันสันติภาพสากล ๒๕๕๖

วันนี้ (๒๐ กันยายน ๒๕๕๖) ที่สนามหน้าโรงเรียนเมืองอำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ยืนสงบนิ่งร่วมจิตอธิษฐานและอ่านสารสันติภาพ เนื่องในวันสันติภาพสากล ประจำปี ๒๕๕๖ โดยมีนายวิฑูรย์ ศิริบูลย์ภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานและอ่านสารของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันสันติภาพสากล

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖ ของทุกปี เป็น”วันสันติภาพสากล” เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนทุกประเทศทั่วโลก ตระหนักถึงความสำคัญของสันติภาพ การสร้างสันติภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  โดยในปีนี้ องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดคำขวัญวันสันติภาพสากลว่า "การศึกษาเพื่อสันติภาพ” (Education for Peace) เพื่อแสดงให้เห็นว่าการศึกษามีความสำคัญต่อการสร้างสันติภาพ โดยทำให้ทุกคน มีความเข้าใจ และใฝ่หาสันติสุข และการศึกษาทำให้คนรักที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและปัญญา

ในการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสันติภาพสากล ๒๕๕๖ ของจังหวัดอำนาจเจริญปีนี้ มีนายสมาน ช่วงโชติ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ พร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษา เจ้าหน้าที่ และนักเรียนร่วมกันรับฟังสารสันติภาพจากประธานและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา ๑ นาที ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายตลอดงาน



สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ. /ข่าว

ตรวจสภาพการทรุดตัวของพนังกั้นน้ำที่บ้านดอนว่าน


รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญลงพื้นที่ตรวจสภาพการทรุดตัวของพนังกั้น น้ำที่บ้านดอนว่าน อำเภอหัวตะพานตรวจหลังจากฝนตกติดต่อกันหลายวันพร้อมยืนยันพนังยังแข็งแรง กั้นน้ำได้

จังหวัดอำนาจเจริญประชุมจัดทำโครงการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์อุทธยานแห่งชาติภูสระดอกบัว จังหวัดอำนาจเจริญ

จังหวัดอำนาจเจริญ เล็งเห็นความสำคัญพืชสมุนไพรที่มีหลากหลายในพื้นที่ เตรียมจัดทำโครงการเพื่อคุ้มครองโดยเฉพาะพืชสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว

เวลา ๑๐.๐๐ น. วันนี้ (๑๙ กันยายน ๒๕๕๖) นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอนุรักษ์ คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยระดับจังหวัด  ณ ห้องประชุมฝ้ายขิด  ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ  ในการประชุมมีประเด็นสำคัญ เนื่องจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์ คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยระดับจังหวัดขึ้น  เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ คุ้มครอง และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ  โดยมียุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพและผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน  เสริมสร้างความเข้มแข็งภาคเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน  ส่งเสริมและพัฒนาจัดการองค์ความรู้ให้ประชาชนมีสุขภาพดี  โดยเฉพาะการพัฒนากฎหมายและระบบการบังคับใช้ รวมทั้งการคุ้มครองภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย เช่น ตำรับยาแผนไทย  ตำรับการแพทย์แผนไทย  สมุนไพร และพื้นที่เขตอนุรักษ์

ทั้งนี้ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ  มีความหลากหลายของพืชสมุนไพร สำรวจพบทั้งหมด ๑๕๓ ชนิด จาก ๕๗ วงศ์ โดยมีความหลากหลายของวงศ์ถั่วสูงสุด จำนวน ๑๘ ชนิด  ซึ่งปราชญ์ชาวบ้านได้นำสรรพคุณมาใช้ประโยชน์ทางยารักษาโรค และพืชบางชนิดสามารถกินเป็นอาหาร ผัก หรือผลไม้ได้  และจากความมีประโยชน์และความหลากหลายทางพันธุกรรมพืช ทางจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ดำเนินโครงการจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว ปี ๒๕๕๕ – ๒๕๕๗ โดยกำหนดกิจกรรมขึ้น คือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่สาธารณะเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตให้หน่วยงานหรือบุคคลเข้าไปในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ตามแผนการจัดการอนุรักษ์และการศึกษาวิจัยทางวิชาการสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์  กิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชนและเยาวชนในการอนุรักษ์และคุ้มครองสมุนไพร  รวมทั้งการจัดทำทะเบียน สารานุกรมพืชสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์  ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางด้านการแพทย์แผนไทยของไทยต่อไปในอนาคต




สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ./ข่าว

ตร.อุดรรวบหนุ่มใต้ขนสังฆทานยาบ้า และยาไอซ์

ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามเมืองอุดรธานี จับกุมหนุ่มใต้พร้อมสังฆทานที่ซุกซ่อนยาบ้านและยาไอซ์บนรถสามล้อเครื่อง ขณะนำมาส่งลูกค้าที่สถานีรถไฟอุดรธานี รับสารภาพทำไปเพราะหักหนี้ หลังกู้ยืมเงินมารักษาพ่อตาที่ป่วย  

ที่ชุดปฏิบัติการ 191 สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชินวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รองผกก. (ป.) พ.ต.ต.อติเมธ พลมุข และร.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล สวป.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยชุดสืบสวนอัศวิน แถลงข่าวจับกุม นายเดชา ไชยสมุทร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338/4 หมู่ 2 ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนัก 100 กรัม ถังพลาสติกที่ใช้บรรจุเป็นเครื่องสังฆทาน กล่องเครื่องดื่มเก็กฮวยและกล่องเครื่องดื่มชาเขียว โดยกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์)  ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า จนท.ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนัดส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟอุดรธานี จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบพบนายเดชา ผู้ต้องหาตามที่สายลับแจ้งยืนอยู่ข้างรถสามล้อเครื่อง จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในกล่องเครื่องดื่มน้ำเก็กฮวย และยาไอซ์บรรจุอยู่ในกล่องเครื่องดื่มชาเขียว ในถังพลาสติกมีสิ่งของบรรจุเป็นเครื่องสังฆทานวางอยู่บนรถสามล้อเครื่อง นายเดชาฯ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า นายอุ้ม ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30 ปีเศษ ราษฎรบ้านหมากนาว เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว ได้ว่าจ้างในราคา 20,000 บาท ให้นำมาส่งลูกค้าที่จังหวัดอุดรธานี โดยยาดังกล่าวรับที่หมู่บ้านเดื่อ ต.บ้านเดื่อ เมือง จ.หนองคาย ซึ่งมีคนนำมาวางไว้ที่หลักกิโลเมตร

จากนั้นตนจึงได้ว่าจ้างสามล้อเครื่องมาจากหนองคายเพื่อมาส่งลูกค้าโดยนัดกันที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟอุดรธานี แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน นายเดชา กล่าวอีกว่า ตนเองเป็นคนใต้ แต่ได้ภรรยาเป็นคนลาวที่มาทำงานกรีดยางที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไปอาศัยอยู่กับภรรยาที่ลาว ทำไร่ทำนา มีลูกชาย 2 คน ต่อมาพ่อตาป่วยต้องการเงินที่จะมารักษา ซึ่งนายอุ้มนั้นก็อยู่บ้านใกล้กัน เสนอเงินให้ยืมจำนวน 8 หมื่นบาท แลกกับการขนยามาส่งครั้งละ 20,000 บาท ตนเองจึงได้ตกลงทำ และทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากนั้น จนท.ตร.จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา เรียบเรียง

โรงเรียนสร้างก่อโรงเรียนยุวเกษตรกรดีเด่นปี 55

โรงเรียนบ้านสร้างก่อสร้าง น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติ สร้างกลุ่มยุวเกษตรกรในโรงเรียน ขยายผลครอบครัว ชุมชน จนสามารถคว้ารางวัลโรงเรียนกลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น ประจำปี 2555 และได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมชุมนุมกลุ่มยุวเกษตรกรโลกในปีนี้

ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านสร้างก่อ ตำบลสร้างก่อ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี นายบรรทม แก้วอาษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสร้างก่อ ให้การต้อนรับ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยนางช่อผกา จิตตเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี นายปราโมทย์ ธัญพืช นายอำเภอกุดจับ พร้อมคณะที่เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการโรงเรียนกลุ่มยุวเกษตรกร

โดยในปีที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสร้างก่อ ได้เข้ารับโล่รางวัลพระราชทาน ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามบรมราชกุมาร ในขณะที่กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านสร้างก่อ ได้รับพระราชทานโล่รางวัล กลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2555

กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านสร้างก่อ เป็นโรงเรียนที่ส่งเสริมสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรดำเนินกิจกรรมอาชีพเกษตรกรรมใน 3 ลักษณะ คือ การดำเนินการแบบกลุ่มรวม แบบกลุ่มย่อย และแบบรายบุคคล ภายใต้แนวคิดทุกคนมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนตั้งแต่ร่วมคิดวางแผนงาน ร่วมปฏิบัติการ ร่วมประเมินผล และร่วมปรับปรุงงาน และการจูงใจให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยใช้หลัก 4 ประสานที่พัฒนาขึ้น ได้แก่ การประสานใจให้เป็นเอกภาพ การประสานนโยบายหรือความต้องการของแต่ละฝ่าย การประสานมิตรภาพให้เกิดความยั่งยืน และการประสานให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งมีขั้นตอนดำเนินการแบบบันได 5 ขั้น คือ การวางแผนเตรียมการ ,ประสานงานรอบด้าน,จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนา,รับรู้ปัญหาร่วมแก้ไข,ภาคภูมิใจในความสำเร็จร่วมกัน

ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้โรงเรียนบ้านสร้างก่อได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมชุมนุมกลุ่มยุวเกษตรกรโลก ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในปีนี้ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งในปีที่ผ่านมานอกจากจากรางวัลที่กล่าวมาโรงเรียนบ้านสร้างก่อยังมีอีกหลายรางวัลที่การรันตีคุณภาพ อาทิ รางวัลชมเชย สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2555 ของหน่วยงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,รางวัลพระราชทาน กลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพ ประจำปี 2555 ของหน่วยงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

สำหรับกิจกรรมโครงการกลุ่มยุวเกษตรกรที่จัดขึ้น ประกอบด้วยการสอนให้เด็กๆรู้จักการทำการเกษตรทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่เลี้ยง การตลาด แปรรูป และมีการบริหารรายได้ ด้วยการจัดตั้งสหกรณ์โรงเรียน ธนาคารโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทุกขึ้นต้อนการทำงาน ซึ่งในขั้นตอนการผลิตนั้นนักเรียนจะจับกลุ่มกันด้วยความสมัครใจกลุ่มละ 15 คน ดำเนินกิจกรรม ทั้งการเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา เลี้ยงห่าน เพาะเห็ด ร่วมกันรับผิดชอบทุกขั้นตอนหมุนเวียนกันทำงานทุกหน้าที่ มีการลงมติคัดเลือกประธาน รองประธาน เหรัญญิก ปฏิคม และเลขา



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

โครงการผู้ว่าพาทำบุญ

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดอุดรธานี ร่วมทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ตามโครงการผู้ว่าฯพาทำบุญ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2556

ที่วัดป่าบ้านดานธรรมเจดีย์ ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี นายจีระศักดิ์ คำรณฤทธิศร ปลัดจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานประกอบพิธีทำบุญตักบาตร โครงการผู้ว่าฯพาทำบุญ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2556 ครั้งที่ 5 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการจังหวัดอุดรธานี และอำเภอเมืองอุดรธานี นายเรืองชัย หลักคำ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองสำโรงเจ้าของพื้นที่ นำข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองหนองสำโรง ร่วมประกอบพิธี

นายณัฐสิทธิ์ วงศ์ตลาด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เล็งเห็นความสำคัญของการบำเพ็ญกุศล โดยการเข้าวัดทำบุญตักบาตร และฟังพระธรรมเทศนาในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อให้ส่วนราชการ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร ปัจจัยต่างๆ ตามหลักพุทธศาสนาพร้อมทั้งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทางพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาให้มั่นคงตลอดไป จึงได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี จัดทำโครงการผู้ว่าฯพาทำบุญ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2556 โดยกำหนดการดำเนินงานตามโครงการในช่วงฤดูเข้าพรรษา ในทุกวันแรม 15 ค่ำ และวันขึ้น 15 ค่ำ ในช่วงวันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ในโอกาสงานฉลองพระชันษา 100 ปี ร่วมฉลองการก่อตั้งเมืองอุดรธานี ครบ 121 ปี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมกิจกรรมทำบุญเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ร่วมระลึกถึงวันสำคัญและสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทางพุทธศาสนา

วัดป่าบ้านดานธรรมเจดีย์ หรือวัดบ้านเลื่อม ตั้งอยู่ที่เลขที่ 816 หมู่ 1 ชุมชนบ้านดาน บ้านเลื่อม ตำบลบ้านเลื่อม เป็นวัดในสังกัดธรรมยุตินิกาย เดิมเป็นป่าช้า ประมาณ ปี พ.ศ.2498 พระธรรมเจดีย์ (จูม พันฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ ได้พาศรัทธาญาตโยมในเมืองอุดรธานีและชาวบ้านเลื่อม มาบุกเบิกสร้างสำนักสงฆ์ เรียกสำนักสงฆ์นี้ว่า วัดป่าบ้านด่าน ซึ่งในปีเดียวกันนี้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ได้นิมนต์หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกของท่าน ( คือผู้ที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้เอง) ให้มาอยู่จำพรรษา ซึ่งพอออกจากพรรษาแล้วหลวงปู่ขาว ได้ย้ายไปจำวัดที่วัดถ้ำกลองเพล และไม่มีพระรูปใดมาอยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างถาวร จนกระทั่ง ปี 2513 พระอาจารย์หนูเมย สิริธโร ได้มาจำพรรษา ปี พ.ศ.2531พระอาจารย์หนูเมย สิริธโร ได้นำพระทวี โสภโณ และสามเณรบุญส่ง มาอยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ปี 2538 พระอาจารย์ทวี โสภโณ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส จนถึงปี 2542 ท่านได้ย้ายกลับไปอยู่อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร บ้านเกิดท่าน คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งพระบุญส่ง ติกขะญาโณ เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2543 จนถึง ปี พ.ศ.2549 พระอาจารย์บุญส่งออกจากวัดไป คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งพระมหาประพัฒน์ ปัญญาวัฑฒะโน เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2550 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน วัดป่าบ้านดานธรรมเจดีย์ ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดจากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2532 ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดในนาม วัดบ้านเลื่อม โดยเอาชื่อหมู่บ้านเป็นหลัก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2535 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2552



ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

จังหวัดอุบลราชธานี มอบพันธ์สัตว์น้ำจืด 5 แสนตัว แก่ราษฎรตำบลกุดลาดเพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำชุมชนเป็นการเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ 2556

วันที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 11.00 น.ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลกุดลาด นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี2556 ซึ่งตามคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน2549 อนุมัติให้วันที่ 21 กันยายน ของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์น้ำตามาธรรมชาติ

ในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบพันธุ์ปลาตะเพียนทอง150,000 ตัว ปลาตะเพียนขาว 350,000ตัว รวม500,000ตัว แก่ผู้นำชุมชนตำบลกุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี 14 ชุมชน นำไปปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะ เป็นการเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ สร้างแหล่งอาหาร และส่งเสริมอาชีพการประมงในชุมชน

ทั้งนี้ ในวันประมงแห่งชาติ ยังได้มีการจัดกิจกรรมด้านการประมงโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ เช่น กรมประมง กิจกรรมที่สำคัญเช่น การปล่อยพันธุ์ปลาหายากหรือขยายพันธุ์ได้ยากลงสู่แหล่งน้ำ และวันนี้ยังเป็นที่รู้กันว่าจะมีการหยุดการทำประมง หยุดการหาปลา ทำร้ายและฆ่าปลาหนึ่งวัน และส่งเสริมให้มีการปล่อยปลาในแหล่งน้ำต่าง ๆ รวมทั้งในทะเล เพื่อเป็นการชดเชยสำหรับการที่ได้ทำการประมงมาตลอดปี

นอกจากนี้วันที่ 13 เมษายน ทางราชการยังถือว่าเป็น "วันขยายพันธุ์ปลาแห่งชาติ" อีกด้วย ซึ่งเป็นวันในการจัดตั้งวันประมงขึ้นจนถึงปัจจุบัน




จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ ฝึกอบรมหลักสูตร Mini MERT ให้กับทีมโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 10 เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพิบัติ ให้เกิดประสิทธิภาพ

ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำ หนองขอน ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นางนภา ศกุนตนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีปิด การอบรมหลักสูตรฝึกอบรมหลักสูตร Mini MERT ซึ่งจัดโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี และ โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ ให้กับทีมโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 10 การจัดอบรม ฝึกซ้อมแผนในครั้งนี้ เพื่อเป็นจัดการสาธารณภัย ที่ประกอบกันขึ้นในหลายๆทีม เพื่อภารกิจในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการซ้อมแผนให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย ทางน้ำ และทางบกให้เกิดประสิทธิภาพเมื่อ เกิดสถานการณ์จริง มีจำนวนทีมทั้งสิ้น 26 ทีม โดยมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 130 คน ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ โดยมีหลักสูตรความรู้ทั้งทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และทีมวิทยากรจากกรมการแพทย์ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี หน่วยมูลนิธิในจังหวัดอุบลราชธานี.



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

จังหวัดอุบลราชธานีฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน 2 คืน ส่งผลให้ถนนหลายสายในเขตพื้นที่เทศบาลนครอุบลราชธานี รวมทั้งบ้านเรือนมีน้ำท่วมขัง การจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 08.30 น. เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน 2 คืน ส่งผลให้ถนนหลายสายในพื้นที่เทศบาลนครอุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมขังประมาณ 50 เซนติเมตร การจราจรติดขัด บางแห่งสูงเกือบ 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ทำให้ถนนแจ้งสนิท ขาเข้าเมืองอุบลราชธานี รถติดยาวถึง 3 กิโลเมตรและถนนชยางกูรขาเข้าน้ำมีความยาวถึง 2 กิโลเมตร ทำให้รถผ่านไปมาลำบากโดยเฉพาะรถมอเตอร์ไชค์ไม่สามารถผ่านไปได้เจ้าหน้าที่ทหาร จาก ร.6 พัน 1 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ที่ใช้รถผ่านไปมา จากข้อมูลหน่วยกู้ภัยได้เกิดอุบัติเหตุหลายจุดในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี และมีไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ทำให้ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า ถ้าฝนไม่ตกลงมาเพิ่มอีกน้ำที่ท่วมขังตามถนนน่าจะลดลงอย่างรวดเร็ว นางนภา ศกุนตนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้สั่งการไปยัง อำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบล เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่หากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

สำหรับข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา จังหวัดอุบลราชธานี พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 15.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนที่ทางตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน โดยจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้ และจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศลาวตอนล่างเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้จังหวัดอุบลราชธานี อีกประมาณ 2 วัน จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไป จึงขอประชาชนขับขี่รถอย่างระมัดระวัง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้ง ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชนที่อยู่ริมฝั่งน้ำโขง ชี มูล ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันในช่วงนี้ด้วย



จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ภาพ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีคำสั่งให้บริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันภัยเป็นการชั่วคราว

นายพรโรจน์ ยลพล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในฐานะนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.๒๕๓๕ ได้มีคำสั่งนายทะเบียนที่ ๒๑/๒๕๕๖ เรื่อง แจ้งคำสั่งให้บริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันภัยเป็นการชั่วคราว โดยปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่าบริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งบริษัทไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่เป็นไปตามโครงการแก้ไขฐานะเงินกองทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนตามความในมาตรา ๒๗/๕ แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๑ จึงเป็นกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงตามมาตรา ๒๗/๗(๒)ประกอบกับบริษัทไม่ยื่นรายงานการดำรงเงินกองทุนรายไตรมาสที่ ๑ และ ๒ ของปี ๒๕๕๖ ไม่ยื่นงบการเงินรายไตรมาสที่ ๑ และ ๒ ของปี ๒๕๕๖ ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว ไม่บันทึกรายการรับประกันภัยภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจำนวนมาก มีระบบควบคุมกรมธรรม์ประกันภัยและการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่รัดกุม และมีค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายที่มีจำนวนสูงผิดปกติ นอกจากนั้นบริษัทดำรงสินทรัพย์เงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่เป็นรายได้ของบริษัท เงินสำรองค่าสินไหมทดแทนและเงินสำรองอื่นของบริษัทประกันวินาศภัย ตามมาตรา ๒๓ และจัดสรรทรัพย์สินหมุนหลังหนี้สินและภาระผูกผันตามสัญญาประกันภัยตามมาตรา ๒๗/๔ ไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจึงมีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน

ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดมุกดาหาร ไม่มีสำนักงานสาขา สำนักงานศูนย์ สำนักงานตัวแทนของบริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนข้อมูลการร้องเรียนค่าสินไหมทดแทน ณ วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ ไม่มีการร้องเรียน สำนักงาน คปภ.จังหวัดมุกดาหารจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบโดยทั่วกัน




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ จัดโครงการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ทรงงาน” (จำลอง)

นายบุญยืน คำหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ ประทับยืนขณะทรงงาน แก่กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ เมื่อวันจันทร์ ที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดหาช่างปั้นพระบรมรูป จำลองลักษณะตามพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดสร้างพระบรมรูป ความสูง ๒.๓๐ เมตร เพื่อประดิษฐาน ณ บริเวณสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ระหว่างสะพานภูมิพล ๑ และสะพานภูมิพล ๒ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการและโปรดฯพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับต้นแบบ ขนาดความสูง ๖๐ เซนติเมตร และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ทรงงาน”ขนาดความสูง ๒.๓๐ เมตร โดยมีนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการมูลนิธิ คิง เพาเวอร์ และประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปั้นและหล่อองค์ ส่วนกรมทางหลวงชนบท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายความรับผิดชอบในเรื่องสถานที่ประดิษฐาน

 รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมเฉลิมพระเกียรติ และเผยแพร่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการทรงงานแก่พสกนิกร มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไป ภาคเอกชนและผู้จิตกุศลร่วมบริจาคเงินสมทบการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ทรงงาน”(จำลอง)โดยสามารถบริจาคได้ที่มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ ๘ ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ ประเทศไทย โทร.๐๒-๖๗๗-๘๘๘๘ ต่อ ๑๒๒๑, ๑๒๒๒



สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกรณี ยากจน เจ็บป่วย พิการ และอนาถา ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและนายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทำพิธีมอบบ้านแก่ราษฎรตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกรณียากจน เจ็บป่วย พิการ อนาถา ที่บ้านภูล้อม หมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านบาก และ ที่บ้านชาด ตำบลป่าไร่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๐๐ น.

โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกรณียากจน เจ็บป่วย พิการ อนาถา จังหวัดมุกดาหาร เป็นความริเริ่มของผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารที่จะบูรณาการแผนการดำเนินงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน คือพัฒนาชุมชนจังหวัดซึ่งดูแลด้านการส่งเสริมและพัฒนาอาชี ท้องถิ่นจังหวัดซึ่งดูแลด้านความเป็นอยู่และที่อยู่อาศัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดดูแลด้านคุณภาพชีวิตและ สาธารณสุขจังหวัดดูแลด้านสุขภาพอนามัย โดยร่วมกับทุกอำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบลทำการสำรวจและค้นหาราษฎรที่ประสพปัญหาความยากจน เจ็บป่วย พิการ และอนาถา ขาดผู้ดูไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ดำเนินการช่วยเหลือโดยหากขาดที่อยู่อาศัยก็จะสร้างบ้านหรือซ่อมแซมบ้านเดิมให้ โดยท้องถิ่นจังหวัดร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบลรับผิดชอบดำเนินการ ส่วนพัฒนาชุมชนจังหวัดจะเข้าช่วยเหลือด้านการส่งเสริมและฝึกอาชีพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ช่วยเหลือทุนประกอบอาชีพ และสาธารณสุขจะช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย

จากการดำเนินงานสำรวจทั่วทั้งจังหวัดทุกอำเภอพบราษฎรผู้อยู่ในข่ายที่ต้องให้การช่วยเหลือ จำนวน ๘๐ ราย ซึ่งเดือดร้อนขาดที่พักอาศัยจึงได้ดำเนินการสร้างบ้านเพื่อมอบให้กับราษฎรเหล่านี้ โดยได้ดำเนินการจัดสร้างและส่งมอบไปแล้ว จำนวน ๒๐ ราย รวมทั้งที่ตำบลบ้านบาก และตำบลป่าไร่ อำเภอดอนตาล ที่เหลืออีก จำนวน ๖๐ หลัง จะดำเนินการให้แล้วเสร็จและส่งมอบโดยเร็วต่อไปเพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้เดือดร้อน ยากจนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสามารถช่วยตนเองได้ต่อไป




แสงทอง อนันตภักดิ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

จังหวัดมุกดาหารโดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหารกำหนดจัดกิจกรรม “วันโรคพิษสนัขบ้าโลก”(World Rabies Day)

นายชูยศ เชาว์ศิริกุล ปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารโดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด และเทศบาลเมืองมุกดาหาร กำหนดจัดงาน "วันโลกพิษสุนัขบ้าโลก” (World Rabies Day) ประจำปี ๒๕๕๖ ขึ้น ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๐๐ น.ณ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองมุกดาหาร (หลังสำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหาร) ประกอบด้วยกิจกรรมการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การฉีดยาคุมกำเนิด ยาถ่ายพยาธิภายนอกและภายในให้กับสัตว์เลี้ยง ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งมีการให้ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงผู้มาร่วมงาน

ทั้งนี้ ปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหารขอเชิญชวนเจ้าของสัตว์เลี้ยง ประชาชนทั่วไปในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ไปร่วมกิจกรรมและนำสัตว์เลี้ยงไปร่วมรับบริการ ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น.ณ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองมุกดาหาร (หลังสำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหาร) โดยพร้อมเพียงกัน



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารนำทุกภาคส่วนถวายภัตตาหารเช้า ตามโครงการ”ผู้ว่าฯ พาเยี่ยมวัดสืบสานวัฒนธรรมประเพณีวิถีพุทธ

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีถวายภัตตาหารเช้า ตามโครงการผู้ว่าฯ พาเยี่ยมวัดสืบสานวัฒนธรรมประเพณีวิถีพุทธ จังหวัดมุกดาหาร ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยนายบุญยืน คำหงษ์ นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร และส่วนราชการจังหวัดมุกดาหาร หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพหลัก เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ประชาชนทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำบุญโดยการเข้าวัด ทำบุญตักบาตร รับศีล ฟังธรรมในวันธรรมสวนะ นำหลักธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต และมีการถวายภัตตาหารเช้า โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนในวันธรรมสวนะ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่าเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การเผยแพร่งานศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม และเป็นการสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนให้คงอยู่สืบไป ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมในทุกวันธรรมสวนะ




นางสุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร/สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

จังหวัดมุกดาหารจัดบำเพ็ญบุญทักษิณานุปทานมัยเป็นกรณีพิเศษในวาระบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารพระคุณเจ้าหลวงปู่จาม มหาปุญโญ

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในการจัดงานบำเพ็ญบุญทักษิณานุปทานมัยเป็นกรณีพิเศษในวาระบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารพระคุณเจ้าหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ.ห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

พร้อมทั้งส่วนราชการ ภาคเอกชน ศิษยานุศิษย์และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพระคุณเจ้าหลวงปู่จาม มหาปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ ในศิษยานุศิษย์พระอาจารย์เสาร์ กันฺตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันกำหนดบำเพ็ญกุศลมาตามลำดับ



นางสุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศรับรองรายชื่อกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมุกดาหาร (ก.ธ.จ.มห.)

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศรับรองรายชื่อกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งประกอบด้วย กรรมการผู้แทนภาคประชาสังคม ๗ คน ได้แก่ นายวิชิต สุพร นายป้าย โซ่เมืองแซะ นายประสิทธิ์ โนรี นายพิน สุวรรณไตรย์ นายศรีบญเรือง ไตรยวงศ์ นายปริญญา เมืองโคตร และนายทองดำ โชติมุข กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น จำนวน ๓ คน ได้แก่ นายอนุสรณ์ โพธิ์สิริ นายสมหมาย อุบลสาร และนายสนอง มานิตย์ กรรมการผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน จำนวน ๓ คน ได้แก่ นายชัยยุทธ ลิ้มวัฒนา นายสมศักดิ์ สีบญเรือง และนายกิตติรัตน์ กุลตังวัฒนา ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี นับแต่วันที่ลงในประกาศ โดยสามารถดูรายละเอียดของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดได้ที่ WWW.opm.go.th

รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบทบาท ภารกิจ และอำนาจหน้าที่คณะกรรมการธรรมาภิบาล แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ.๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒)พ.ศ.๒๕๕๔ เพื่อสอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดและส่วนราชการในจังหวัด การแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด และการส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล เพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.๒๕๔๖




สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารร่วมกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรมวุฒิสภาจัดสัมมนาหัวข้อ “จังหวัดมุกดาหารมีความพร้อมในการจัดตั้งเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษได้หรือไม่

ที่ห้องประชุมโรงแรมมุกดาหารแกรนด์ โฮเทล อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ "จังหวัดมุกดาหารมีความพร้อมในการจัดตั้งเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษได้หรือไม่” ซึ่งในส่วนของคณะกรรมาธิการประกอบด้วย พันตำรวจโท จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนะพงศ์ เป็นผู้กล่าวรายงาน และกล่าวเปิดโดย นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซึ่งจังหวัดมุกดาหารร่วมกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา การร่วมมือกันจัดสัมมนาในครั้งนี้เพื่อฉายภาพเศรษฐกิจและทิศทางเศรษฐกิจของจังหวัดมุกดาหาร ตลอดจนความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดมุกดาหาร ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนที่มีศักยภาพ สามารถพัฒนาพื้นที่ของตนเองขึ้นเป็นเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีสาธารณูปโภค บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตของจังหวัดมุกดาหาร ในการจัดตั้งเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ภายหลังการสัมมนา พันตำรวจโท จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ประธานจัดการสัมมนา กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิภา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของจังหวัดมุกดาหารต่อการพัฒนาและการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการร่วมมือกันผลักดันให้จังหวัดมุกดาหารสามารถจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายปะกอบด้วย คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สภาหอการค้าจังหวัดมกดาหาร สภาอุตสาหกรรมจังหวัดมุกดาหาร ข้าราชการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชาชนทั่วไป และสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร จำนวน ๒๕๐ คน ผลจากการสัมมนาดังกล่าวจะเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเป็นโอกาสที่จะกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสร้างช่องทางการส่งเสริมและร่วมผลักดันให้เกิดโอกาสทางการค้าการลงทุน ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับจังหวัดมุกดาหารและประเทศไทย




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

ขนส่งจังหวัดมุกดาหารรับชำระภาษีประจำปี

นายโอภาส พิเศษสกุลวงศ์ ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร แจ้งให้ทราบว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหารจะออกหน่วยเคลื่อนที่ร่วมกับรถโมบายเพื่อรับชำระภาษีประจำปี ณ วิทยาลัยการอาชีพนิคมคำสร้อย ต.นิคมคำสร้อย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ในวันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้บริการรับชำระภาษีในวันเสาร์แรก ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร มีรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่จะให้บริการ คือ รับชำระภาษีที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่จดทะเบียนในเขตจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียง เช่น รถเก๋ง รถปิ๊กอัพ รถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ รถอีแต๋น

ฉะนั้น ขอให้ประชาชนที่อยู่ในท้องที่อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารและท้องที่ใกล้เคียงที่มีความประสงค์จะชำระภาษีให้แนบหลักฐาน ดังนี้ ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสำเนาคู่มือ หลักฐานแสดงการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.)สำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วเกิน ๗ ปี และรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วเกิน ๕ ปี หากมีข้อสงสัยประการใด กรุณาติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายทะเบียนรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร โทร.๐๔๒-๖๑๓๐๒๘



นางสุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จัดหางานจังหวัดมุกดาหารขยายเวลาการยื่นคำร้องขอตรวจสอบเอกสารแรงงานต่างด้าว พม่า ลาว และกัมพูชา เพื่อจัดทำทะเบียนประวัติ (ทร.๓๘/๑)

นายสมพัฒน์ โพชนิกร จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตามที่ได้แจ้งให้นายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางานแล้ว แต่ประเทศต้นทางยังไม่รับรองสถานะบุคคล ให้มายื่นคำร้องขอตรวจสอบรับรองเอกสารต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดฯ ระหว่างวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ถึง วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ เพื่อจัดทำทะเบียนประวัติ (ทร.๓๘/๑) ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่น/อำเภอ นั้น

เนื่องจาก กรมการจัดหางาน ได้แจ้งขยายเวลาการยื่นคำร้องขอตรวจสอบรับรองเอกสารเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติ (ทร.๓๘/๑) สำหรับแรงงานต่างด้าวดังกล่าวข้างต้น โดยขยายให้นายจ้างยื่นคำร้องขอตรวจสอบรับรองเอกสารได้ จนถึงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร จึงขอประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างทราบโดยทั่วกัน และรีบดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร ศาลากลางจังหวัด (ชั้น ๑)อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โทร.๐๔๒-๖๑๓๐๓๗ – ๘ ในวันเวลาราชการ



นางสุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

เกิดฝนตกใน จ.กาฬสินธุ์ ทำให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำ 832.30 ล้าน ลบ.ม. หรือ 42.04%

ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศเรื่องพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ผ่านประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทย และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ สำหรับที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2556 ทำให้มีน้ำลงไปเติมเต็มในเขื่อนลำปาวได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (20 กันยายน 2556) เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำในเขื่อน 832.30 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 42.04% จากปริมาณความจุทั้งหมด 1,980 ล้าน ลบ.ม. หากมีฝนตกลงมาอีกอย่างต่อเนื่องทางเขื่อนลำปาวก็ยังสามารถรับปริมาณน้ำได้อีกจำนวนมาก เพื่อที่จะเก็บกักไว้ใช้ด้านการเกษตรและอุปโภค บริโภคได้ สำหรับเขื่อนลำปาวได้มีประกาศแจ้งการส่งน้ำฤดูฝนประจำปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เพื่อให้เกษตรกรในเขตชลประทานได้มีน้ำในการทำการเกษตร แต่ก็ขอให้พี่น้องประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด

นอกจากนี้ ทางสำนักงาน ปภ.จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและเกษตรกรได้เตรียมการป้องกันระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติหากเกิดฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เฝ้าระวังและหากมีเหตุการณ์ให้รีบเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วนทันที



ดวงใจ หงษ์จันทร์ / ข่าว

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่นนำสื่อมวลชนขอนแก่นลงพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตามโครงการงาน พช.ก้าวหน้า ประชาสัมพันธ์ก้าวไกล

นางเพ็ญสุภา ศิริสวัสดิ์ พัฒนาการจังหวัดขอนแก่นพร้อมด้วยนาย สิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ นายอำเภอชนบทนำสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่นลงพื้นที่ที่บ้านดอนข่า ตำบลชนบท อำเภอชนบท หมู่บ้านที่ชนะเลิศโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบของจังหวัดขอนแก่นประจำปี 2556 ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากโดยส่งเสริมการดำเนินงานตามมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงาน พัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง "อยู่เย็น เป็นสุข”ในทุกอำเภอและในแต่ละปีก็มีการประกวดเป็นหมู่อยู่เย็น เป็นสุข ตามโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ซึ่งบ้านดอนข่ามีพื้นฐานการพัฒนาชุมชนที่ดี ค่อนข้างชัดเจน มีกิจกรรมการพัฒนาหลากหลาย อาทิ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ธนาคารข้าว กลุ่มอาชีพ การทอผ้าไหม กิจกรรมปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ และที่สำคัญคือชาวบ้านมีการรักษาวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามอย่างเหนียวแน่น มีความสามัคคีในชุมชน โดยกิจกรรมนี้มีการนำสื่อมวลชนร่วมยิงหนังสติ๊กปลูกป่าตามโครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนและดูกิจกรรมที่เด่นๆของหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดขอนแก่น

อำเภอบ้านไผ่จัดโครงการสรุปผลงานป้องกันปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดในรอบ 10 เดือนตามนโยบายจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานมอบนโยบายชาวขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดให้กับหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านกลุ่มพลังสตรี กลุ่ม อสม.และครัวเรือนสีขาวในอำเภอบ้านไผ่ที่หอประชุมอำเภอ นายสุรชัย อุดมวัฒนาชัย นายอำเภอบ้านไผ่กล่าวว่าอำเภอบ้านไผ่ทั้ง 10 ตำบลได้ดำเนินงานตามโครงการจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลและเป็นวาระของจังหวัดขอนแก่นมีการออกกฎหมู่บ้าน การรีเอกซเรย์ การทำประชาคมหมู่บ้านการมอบธงสีขาวปลอดยาเสพติดให้กับครัวเรือนที่ผ่านการรับรอง ซึ่งตอนนี้มีการดำเนินการไปแล้ว 87 %มีการออกประกาศหมู่บ้านปลอดยาเสพติดไปแล้ว100 หมู่บ้าน 5 ชุมชุชน ได้จัดตั้งอาสาสมัครเป็นเวรยามหมู่บ้านครบทั้ง 110 หมู่บ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสยาเสพติดให้เหมือนกับตาสับปะรดอยู่ที่ไหนก็เห็นพฤติกรรมผู้ค้าผู้เสพยาเสพติด โดยในงานนี้ได้มีการมอบโล่ดีเด่นให้กับเวรยามหมู่บ้านและมอบธงสีขาวให้กับตำแทนตำบลทั้ง 10 ตำบล และมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับเยาวชนที่มาฝึกอาชีพหลังผ่านการบำบัดและฝึกอาชีพให้กับเยาวชนกลุ่มเสี่ยง จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ย้ำกับตัวแทนที่มาร่วมปฏิญาณตนในหอประชุมอำเภอบ้านไผ่ว่าการร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดทั้งจังหวัดเราต้องสร้างกระแสให้ต่อเนื่องทำกันทุกชุมชนทุกหมู่บ้าน วัด โรงเรียนต้องทำพร้อมกันถึงจะสำเร็จแม้จะไม่ปลอดยาเสพติด 100 % แต่ก็ให้มันลดน้อยลงหรือไม่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน เพราะยาเสพติดตอนนี้มันเข้าไปสร้างปัญหาในทุกชุมชนแล้ว หากเราช่วยกันปัญหาก็จะลดน้อยลงพร้อมร่วมปฏิญาณตนไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดร่วมกัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเตือนประชาชนระวังนำท่วมฉับพลันพร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนจังหวัดขอนแก่น

ผู้ว่าฯ ขอนแก่น เตือนประชาชน รับมือภาวะน้ำท่วมฉับพลัน หลังอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งเคลื่อนตัวพาดผ่านประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้หลายจังหวัดภาคอีสานเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่อง เฉพาะที่จังหวัดขอนแก่น มีฝนตกลงมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ทั้งบริเวณผิวการจราจรและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ชาวขอนแก่น เตรียมพร้อมรับมือภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอ และหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาประกอบด้วย อำเภอภูเวียง, อ.โคกโพธิ์ไชย , อ.ภูผาม่าน , อ.หนองเรือ , อ.เวียงเก่า และ อ.ชุมแพ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคนถล่ม โดยมอบหมายให้นายอำเภอและมิสเตอร์เตือนภัย จัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง ทั้งจัดหาพื้นที่รองรับการอพยพประชาชน หากเกิดสถานการณ์ฉับพลัน ทั้งนี้ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิทธิพลของพายุส่งผลให้ทั้ง 26 อำเภอเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้จัดส่งชุดเคลื่อนที่เร็วและรถกู้ภัยประจำพื้นที่จุดเสี่ยง โดยเฉพาะเส้นทางถ.มะลิวัลย์ จากภาคอีสานไปพื้นที่ภาคเหนือที่อาจเสี่ยงเกิดดินโคลนถล่ม ให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี
ส.ปชส.ขอนแก่น

ชัยภูมิเร่งปรับงานการข่าวรับ AEC

จังหวัดชัยภูมิ เร่งพัฒนาระบบงานการข่าว ของหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ เน้นการหาข่าวเชิงลึก และต้องรายงานผู้บังคับบัญชาสูงสุด ประกอบการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และทันต่อเหตุการณ์ รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยนปี2558

วันนี้ 20 กันยายน 2556 นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ ได้เปิดการอบรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการ เพื่อพัฒนางานการข่าว การสืบสวนปราบปรามยาเสพติดแบบบูรณาการ ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดยั่งยืน ซึ่งศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดชัยภูมิจัดขึ้น ที่โรงแรมสยามรีเวอร์รีสอร์ท ตามนโยบายของรัฐบาล ที่กำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ยึดหลักนิติรัฐในการปราบปรามลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล และผู้ประพฤติมิชอบ โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดหลัก ผู้เสพคือผู้ป่วย ที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา ให้กลับคืนมาเป็นคนดีของสังคม พร้อมทั้งมีกลไกติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ป้องกันประชาชนกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บูรณาการทุกฝ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิก อส.เจ้าหน้าที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ปกครอง งานปราบปรามยาเสพติดทุกอำเภอ และเจ้าหน้าที่ จากสำนักงาน ปปส.ภาค 3 จำนวน 82 คน หวังเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสามารถไปปรับใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากนี้ไป จังหวัดได้ปรับรูปแบบการทำงานข่าว ให้มีลักษณะเชิงบูรณาการมากขึ้น เน้นการข่าวทุกรูปแบบ ที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งยาเสพติด อาชญากรรม การชุมนุมเรียกร้อง เป็นต้น โดยเน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด ลึกที่สุด ที่สำคัญเมื่อรู้แล้ว ต้องสามารถสรุปรายงาน ต่อผู้บังคับบัญชา สูงสุด เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจ ดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อถึงปี 2558 ที่เราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน งานการข่าวมีความสำคัญมาก ต่อการรักษาผลประโยชน์ ปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

ชัยภูมิแถลงความพร้อมเป็นเจ้าภาพ กีฬานักเรียน อปท.ครั้งที่ 31 รอบคัดเลือก ภาคอีสาน

เทศบาลเมืองชัยภูมิ จับมือ อบจ.ชัยภูมิ เป็นเจ้าภาพ จัดแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 31 ประกาศพร้อมแล้ว ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับคณะนักกีฬา จาก 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันนี้ 20 กันยายน 2556 ที่โรงแรมชัยภูมิปาร์ค นายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยนายมนตรี ชาลีเครือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ เปิดประชุมและแถลงความพร้อม ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 31 ประจำปี 2556 รอบคัดเลือก ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 21 – 30 ตุลาคม 2556 ใช้ชื่อเกมส์การแข่งขันว่า "มอหินขาวเกมส์” มีช้างถือธงสามชาย เป็นมาสคอต จัดแข่งใน 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา เทเบิลทเทนนิส วอลเลย์บอลในร่ม วอลเลย์บอลชายหาด ฟุตบอลชาย เซปัคตะกร้อ ฟุตซอล แบดมินตัน เปตอง หมากรุกไทย และหมากฮอส มีองค์กรปกครองท้องถิ่น จาก 20 จังหวัดภาคอีสาน ส่งเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน เพื่อคัดเลือก ทีมชนะเลิศอันดับ 1-3 ของแต่ละชนิดกีฬา เป็นตัวแทนภาค เข้าร่วมแข่งขันในระดับประเทศต่อไป

ซึ่งความพร้อม ขณะนี้ จังหวัดชัยภูมิได้เตรียมสนามแข่งขันหลักๆ ไว้ที่สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตชัยภูมิ สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และสนามกีฬาเทศบาลเมืองชัยภูมิ รวมไปถึงสนามในสถานศึกษาในตัวเมืองชัยภูมิอีกด้วย พร้อมทั้งได้รณรงค์ให้ชาวชัยภูมิ พร้อมใจกันเปิดบ้าน เป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้การต้อนรับคณะนักกีฬา จาก 19 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งจะมาอยู่อาศัย มากิน มาพักอาศัย ในตัวเมืองชัยภูมิ ตลอดระยะเวลาของการแข่งขัน และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อพปร. และอาสาสมัครต่างๆ ในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเรื่องความปลอดภัย จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความมั่นใจ และความประทับใจแก่คณะนักกีฬา ที่มาร่วมแข่งขัน





สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

พ่อค้าแม่ค้าตลาดไนท์ ม.ราชภัฏมหาสารคาม ค้านถูกย้ายสถานที่จำหน่ายสินค้า

พ่อค้า แม่ค้า"ชมรมถนนคนเดินมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม” กว่า 100 คนยื่นหนังสือ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ร้องขอความเป็นธรรมกรณี ถูกย้ายจากสถานที่ขายเดิมบริเวณริมถนนใกล้กับวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ไปยังบริเวณหน้าอาคารคณะวิทยาการจัดการ กังวล พื้นที่ใหม่ทำเลไม่เหมาะสม

นายปริญญา มหาโชติ ประธานชมรมถนนคนเดินมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นำกลุ่มพ่อค้า แม่ค้ากว่า 100 คน เดินทางมาที่อาคาร 34 มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ยื่นหนังสือถึง รศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกรณี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้สั่งให้ผู้ค้ากว่า 200 ราย ย้ายจากสถานที่ขายเดิมบริเวณริมถนนใกล้กับวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ไปยังบริเวณหน้าอาคารคณะวิทยาการจัดการ โดยผู้ค้าทั้งหมดมีความกังวลใจเนื่องจากพื้นที่ใหม่ทำเลไม่เหมาะสมเพราะ พื้นที่มีน้อยกว่าสถานที่เดิมไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ค้าซึ่งมีเกือบ 200 รายได้

นอกจากนั้นยังใกล้สถานที่จอดรถของผู้บริหาร และบุคลากร ซึ่งจะทำให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยได้รับความเดือดร้อนด้านการจราจรในอนาคต ทางผู้ค้าขอความเห็นใจจากมหาวิทยาลัยด้วยเนื่องจากที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กำหนดมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ หรือปัญหาการจราจร เพราะจะเปิดตลาดขายหลังช่วงหมดเวลาราชการแล้ว และใน 1 สัปดาห์ก็เปิดขายเพียง 2 วันคือ วันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์เท่านั้น และสัญญาเช่าที่ทำไว้อัตราเช่าเดือนละ 20,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 29 สิงหาคม 2559 เหลือเวลาอีกหลายปีทางผู้ค้าจึงขอความเป็นธรรมจากทางมหาวิทยาลัยด้วย

ในเวลาต่อมา รศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้เจรจากับผู้ค้า โดยข้อเรียกร้องของผู้ค้าจะมีการหารือกันภายในอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่อง นโยบาย พร้อมจะเชิญผู้ค้าเข้าหารือด้วย รับปากจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้ค้าต่างพอใจเดินทางกลับ




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม เปิดศูนย์การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน เตรียมพร้อมสู่อาเซียน

โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม จังหวัดมหาสารคาม จัดกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการใช้ภาษาสำหรับนักเรียนโรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม เปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน เตรียมพร้อมสู่อาเซียน

รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายพิสิทธิ์ สุพรรณศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม นายสุรภี ค่ายหนองสวง ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ลาวัณย์ สัขพันธานนท์ หัวหน้าภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกันเปิดศูนย์การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม โดยมีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สนับสนุน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการใช้ภาษาสำหรับนักเรียน ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา 2556 สาขาวิชาภาษาจีน ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มาส่งเสริมความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมจีนในศูนย์ฯดังกล่าว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ลาวัณย์ สัขพันธานนท์ กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่การจัดการเรียนการสอน มีพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ ทั้งด้านทักษะทางภาษาและวัฒนธรรมให้เกิดผลโดยเน้นกระบวนการทำงานแบบบูรณาการระหว่างวิชาต่างๆ ที่เปิดสอนในสาขาวิชาจีนเพื่อร่วมกิจกรรม เป็นการสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และความเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรม ส่งเสริมให้เกิดความพร้อมสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนสำหรับกิจกรรมที่สำคัญภายในโครงการฯ คือ สร้างศูนย์การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีในการเรียนภาษาจีน กิจกรรมสอนรำกังฟูพัดและศิลปะการตัดกระดาษจัน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 40 คน และนิสิตสาขาวิชาภาษาจีนทุกชั้นปี จำนวน 200 คน




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

การค้าภายในมหาสารคาม ขายไข่ไก่ธงฟ้า แบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าเบอร์ 3 และไข่คละ ราคาประหยัด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน โดยจะจัดจำหน่ายต่อเนื่องทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ไปอีก 3 สัปดาห์ เริ่มวันศุกร์ที่ 20 กันยายน2556

นางมรกต เบญจวรรณ อิ่มวิเศษ หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าเพื่อเป็นการแบ่งเบาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้บริโภค ในช่วงที่ไข่ไก่ได้ปรับราคาสูงขึ้น สำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคามจึงได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าราคาประหยัดขึ้น ที่บริเวณย่านชุมชนคุ้มวัดสามัคคี ตำบลตลาด เทศบาลเมืองมหาสารคาม ซึ่งไข่ที่นำมาจำหน่ายเป็นไข่ไก่คละขนาด วางจำหน่ายให้กับประชาชนตามโครงการดังกล่าว นัดละหรือครั้งละ 150 แผงต่อวัน ในราคาแผงละ 99 บาท หรือ ฟองละ 3 บาท 30 สตางค์ นอกจากนี้ยังมีไข่ไก่คัดเกรด เบอร์ 3 โดยรวมจะจำหน่ายในราคาที่ขึ้นลงตามสภาวะตลาดแต่เมื่อเทียบกันแล้วจะมีราคาถูกกว่าท้องตลาดไม่ต่ำกว่าฟองละ 10-20 สตางค์

การจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าราคาประหยัดในครั้งนี้ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม จะจัดจำหน่าย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทุกวันวันจันทร์ พุธ และ วันศุกร์ ไปจนถึงวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 ที่บริเวณย่านชุมชนคุ้มวัดสามัคคี ตำบลตลาด เทศบาลเมืองมหาสารคาม สำหรับบรรยากาศการเปิดจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าราคาประหยัดวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 นัดแรก มีประชาชนให้ความสนใจไปเลือกซื้ออย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม ยังได้ฝากข้อห่วงใยที่จะขอความร่วมมือพี่ประชาชนไม่ให้ซื้อไปจำหน่ายต่อเพื่อหวังกำไร เนื่องจากเป็นโครงการที่ภาครัฐมุ่งที่จะช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนที่ภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบอุปกรณ์การเรียนพระราชทานแก่นักเรียนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬาพระราชทาน แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 16 , 17 , 18 จังหวัดมหาสารคาม
(20-9-56) นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยนางพูลทรัพย์ สิงห์ศักดา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในการมอบอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬาพระราชทาน แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 16 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 17 , และ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 18 จังหวัดมหาสารคาม รวมทั้งสิ้น 592 ชุด

สำหรับจังหวัดมหาสารคาม มีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในพื้นที่ รวม 3 แห่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขต 2 ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 16 ตั้งอยู่ที่ บ้านกอก หมู่ที่ 6 ตำบลหัวเรือ อำเภอวาปีปทุม เปิดสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัย - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 395 คน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 17 ตั้งอยู่ที่บ้านแดง หมู่ที่ 12 ตำบลหนองแสง อำเภอวาปีปทุม เปิดสอนระดับปฐมวัย- ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 109 คน และ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 18 ตั้งอยู่ที่บ้านเหล่าก้างปลา หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอวาปีปทุม เปิดสอนในระดับปฐมวัย-ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 88 คน ซึ่งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ฯ ทั้ง 3 แห่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพล อดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดป้ายอาคารเรียน เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2514 และมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ได้ให้การอนุเคราะห์ โดยการช่วยเหลือ สนับสนุน วัสดุ ครุภัณฑ์ เงินพระราชทาน เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน เพิ่มเติมจากงบประมาณที่ได้รับจากหน่วยงานต้นสังกัดมาโดยตลอด



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว





 

อบจ.สุรินทร์ ติวเข้มกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน มุ่งให้ชุมชนมีทุนจัดการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เน้นการจัดสวัสดิการอย่างมีคุณค่าและรับอย่างมีศักดิ์ศรี

วานนี้ (19 ก.ย. 56)  ที่ห้องราชาวดี สวนป่ารีสอร์ท อำเภอเมือง  จังหวัดสุรินทร์ นายอนุชา  วัชรศีขร  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาพัฒนาศักยภาพกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน จังหวัดสุรินทร์  โดยมีกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชน จำนวน 97 กองทุน และคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดสุรินทร์ กว่า 200 คน เข้าร่วมการสัมมนา

นายอนุชา  วัชรศีขร  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  กล่าวว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นกองทุนที่เกิดจากการรวมตัวของประชาชนในพื้นที่ด้วยความสมัครใจ ที่ประสงค์จะดูแลซึ่งกันและกันครอบคลุมตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย บนพื้นฐานของการเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งเป็นกองทุนที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของ โดยให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการบริหารจัดการในอันที่จะสร้างรากฐานให้มั่นคงเกิดความเข้มแข็ง   การจัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุรินทร์   เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุรินทร์  เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เทคนิควิธีการบริหารงานกองทุนฯ ให้เกิดประสิทธิภาพ

ปัจจุบันจังหวัดสุรินทร์ ได้มีการตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนแล้ว จำนวน 97 ตำบล จากทั้งหมด 158 ตำบล  ซึ่งมีการดำเนินการที่หลากหลาย  มีสภาพปัญหาและความเข้มแข็งที่แตกต่างกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ตระหนักถึงปัญหาความสำคัญของชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนาท้องถิ่น  ในการสนับสนุนให้เกิดการจัดการสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งจะทำให้เกิดการจัดสวัสดิการอย่างมีคุณค่าและรับอย่างมีศักดิ์ศรี  เพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินงาน  และสนับสนุนพัฒนาความเข้มแข็งของกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีการจัดตั้งขึ้น  ซึ่งจะช่วยให้มีการขยายฐานสมาชิกให้ครอบคลุมพื้นที่ตำบลมากขึ้น  และพัฒนาสวัสดิการชุมชนให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จ.สุรินทร์เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ “ร่วมใจทำไทยให้สะอาด” สนับสนุนโครงการ Clean Up the World ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

นายพิภพ  ดำทองสุข  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า สมาคมสร้างสรรค์ไทย  หรือ ตาวิเศษ ได้ดำเนินการโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาด  เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนทำความสะอาดพร้อมกันทั่วโลกในโครงการ Clean Up the World ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2556 โดยได้เชิญชวนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วมเป็นเจ้าภาพดำเนินการ

สำหรับโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาดได้สร้างกิจกรรมง่าย ๆ  ที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้ด้วยการทำความสะอาดบ้าน  สำนักงาน  พื้นที่สาธารณะ  รวมทั้งจัดสภาพแวดล้อมให้สะอาด ร่มรื่น  ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยเกิดจิตสำนึกและตระหนักถึงการช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของบ้านเมืองด้วยกิจกรรมง่าย ๆ  ที่เริ่มต้นได้ด้วยตนเอง  ซึ่งโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาดกำหนดจัดกิจกรรมในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายน ของทุกปี  การรณรงค์แต่ละปีมีหน่วยงานร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก  และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปีละกว่า 3,000  หน่วยงาน มีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 7 แสนคน  เก็บขยะได้มากกว่า 1,500 ตัน  




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จังหวัดสุรินทร์เรียกประชุมด่วนแก้ปัญหาน้ำท่วม

นายนิรันดร์  บุญสิงห์  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า  จากที่ได้เกิดพายุดีเปรสชันเคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่หลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์ ตลอดทั้งวันและตลอดคืนเมื่อวานนี้ (19 กันยายน 2556)  ฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง  ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ โดยพบว่าร้านค้า และบ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่ริมถนน รวมทั้งถนนหลายสายมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม. เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรในถนนบางสาย ห้ามไม่ให้รถยนต์เล็กวิ่งผ่าน เนื่องจากน้ำท่วมสูง  ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์บางพื้นที่คลี่คลายลงแล้ว   แต่ถนนหลายสายในตัวเมืองสุรินทร์ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร   เนื่องจากน้ำหนุนจากเทือกเขาพนมดงรัก  ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมบ้านและการเดินทางยากลำบาก

จังหวัดสุรินทร์จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ปี 2556 ในวันนี้ (20 กันยายน 2556)  เวลา 10.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  โดยจังหวัดสุรินทร์ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด  และให้ส่วนราชการทุกหน่วยงานจัดเตรียมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบด้วย



สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ถูกน้ำท่วม 7 แห่ง ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการให้บริการด้านสุขภาพ

นายยุทธนา  วิริยะกิตติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า  ตามที่ได้เกิดพายุดีเปรสชันเคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักในจังหวัดสุรินทร์ ทำให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ถูกน้ำท่วมหลายแห่ง  ได้แก่ อำเภอเมืองสุรินทร์ รพ.สต.บ้านโคกปลัดน้ำท่วมอาคารบริเวณรอบโรงพยาบาล  รพ.สต.แสลงพันธุ์  น้ำท่วมรอบโรงพยาบาล ในขณะที่ในเขตอำเภอสำโรงทาบมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 5 แห่ง ถูกน้ำท่วม ได้แก่ รพ.สต.ประดู่  รพ.สต.หนองฮะ รพ.สต.โคกสะอาด รพ.สต.สะโน  และ รพ.สต.เกาะแก้ว  ถูกน้ำท่วมชั้นล่างของโรงพยาบาลทำให้การให้บริการด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร 



สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สั่งทุกหน่วยงานแบ่งกำลังออกช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเต็มที่ และขอความร่วมมือข้าราชการทุกคนทำงานช่วยเหลือประชาชนช่วงวันหยุดเสาร์ –อาทิตย์

วันนี้ (20 กันยายน 2556)  เวลา 10.30 น.   ณ ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  นายยุทธนา  วิริยะกิตติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ปี 2556 เพื่อสรุปปัญหาสถานการณ์น้ำท่วม และการให้การช่วยเหลือประชาชน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมถือเป็นปัญหาภาวะวิกฤติของจังหวัดสุรินทร์  เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจหลักของจังหวัด  ส่งผลกระทบต่อประชาชนมาก  โดยเฉพาะปัญหาอาหาร  เครื่องดื่ม จังหวัดสุรินทร์ได้มอบหมายให้สำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์  เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ อบต.เฉนียง  อบต.นอกเมือง  และมูลนิธิ ประกอบอาหารเลี้ยงส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน  และแจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมและถูกตัดระบบไฟฟ้า แสงสว่าง เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน

โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสาถนการณ์ที่เกิดขึ้นจริง  พร้อมตรวจสอบ ความเสียหาย  กรณีเส้นทางจราจรสายหลักหากล่อแหลมให้ปักป้ายเตือน  หรือหากจำเป็นต้องตัดไฟให้แจ้งประชาชนให้ทราบ

ในขณะที่อำเภอรอบนอกก็จำเป็นต้องเตรียมการให้การช่วยเหลือประชาชน  เนื่องจากในอีก 2-3 วัน  ปริมาณน้ำจากอำเภอพนมดงรักจะไหลผ่านอำเภอต่าง ๆ เพื่อไหลหลงสู่แม่น้ำมูล  จึงให้ทุกอำเภอเตรียมพร้อมในพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก  จะต้อเตรียมการให้ครอบคลุมทุกด้าน เช่น  ด้านอาหาร  เครื่องอุปโภค บริโภค  ยารักษาโรค  รวมทั้งการอพยพประชาชน  โดยในขณะนี้แต่ละอำเภอมีงบประมาณสำหรับให้การช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น 5 แสนบาท  โดยให้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยฉุกเฉิน

ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จังหวัดทหารบกสุรินทร์ 0-4451-1844 ต่อ 20043, 20044
น้ำท่วมและ โดยจังหวัดสุรินทร์ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด  และให้ส่วนราชการทุกหน่วยงานจัดเตรียมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบด้วย

หน่วยงานภาครัฐต่างเร่งออกให้การช่วยเหลือแล้วอย่างเต็มที่ รองผู้ว่าราชการได้ประสาน และกำชับ ให้ทุกหน่วยงานเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนที่สุด ทั้ง การแจ้งเตือน สำรวจ และเข้าให้การช่วยเหลือ ในทุกจุดที่มีประชาชนอาศัยในพื้นที่น้ำท่วมสูง โดยเฉพาะชุมชนในพื้นที่ลุ่ม ชุมชนติดกับลำน้ำต่าง ถ้าอพยบได้ก็ให้แจ้งหน่วยงานเพื่อเข้าศูนย์พักพิงผู้อพยพ เครื่องอุปโภค - บริโภค เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุดเช่นกัน



จ.สุรินทร์ประกาศปิดเส้นทางการจราจรเนื่องจากปัญหาน้ำท่วม

นายยุทธนา  วิริยะกิตติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า  ตามที่ได้เกิดพายุดีเปรสชันเคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่หลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์ เกิดฝนตกหนักในวันที่ 19 กันยายน 2556  จังหวัดสุรินทร์โดยแขวงการทางจังหวัดสุรินทร์ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขภัยพิบัติโดยมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่สำนักงานแขวงการทางสุรินทร์  และศูนย์ย่อยประจำหมวดการทางทุกหมวด  พร้อมกับได้สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในสายทางและจำเป็นต้องปิดเส้นทางการจราจร ดังนี้

1.    ทางหลวงหมายเลข 2077 ตอนสังขะ- บัวเชต กิโลเมตรที่ 49 -50 ระดับน้ำสูง 120  เซนติเมตร การจราจรผ่านไม่ได้ 

2.    ทางหลวงหมายเลข 226 ตอนสุรินทร์-ศีขรภูมิ กิโลเมตรที่ 2-4 ระดับน้ำสูง 60  เซนติเมตร  การจราจรผ่านไม่ได้  และ กิโลเมตรที่16 คอสะพานขาดการจราจรผ่านไม่ได้

3.    ทางหลวงหมายเลข 277 ตอนสุรินทร์-สังขะ กิโลเมตรที่ 5-6 ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร  การจราจรผ่านได้ 1 ช่องจราจร

ขณะนี้จังหวัดสุรินทร์ได้เปิดศูนย์บัญชาการรับเรื่อง  และได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตั้งป้ายอำนวยความปลอดภัยบริเวณที่เกิดน้ำท่วม   พร้อมกับให้ความช่วยเหลือแนะนำเส้นทางที่วิกฤติแก่ผู้ใช้ทาง   สำหรับประชาชนที่มีปัญหาการใช้เส้นทาง  ติดต่อได้ที่ผู้อำนวยการแขวงการทางสุรินทร์ หมายเลขโทรศัพท์ 083-288599  




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สั่งข้าราชการทำงานช่วยประชาชนช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ แจงประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์จะประสบปัญหาน้ำท่วมอีก 2-3 วัน ขณะที่ อบจ.สุรินทร์และเทศบาลเมืองสุรินทร์เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนเต็มที่

นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า โครงการชลประทานสุรินทร์ รายงานว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 18 แห่งของจังหวัดสุรินทร์  มีระดับน้ำเพียงร้อยละ 70  แต่หลังจากได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น  ปรากฏว่าอ่างเก็บน้ำทั้งหมดมีปริมาณน้ำเกินร้อยละ 120 บางอ่างรับน้ำจากห้วยทับทันซึ่งไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรักทางด้านอำเภอกาบเชิง อำเภอพนมดงรัก ซึ่งมีรายงานว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นถึงชั่วโมงละประมาณ 7 เซนติเมตร ทำให้อ่างที่รองรับน้ำลำห้วยสาขามีน้ำมากกว่าร้อยละ  200 และจากการประเมินสถานการณ์คาดว่า ภายใน 2-3 วัน  น้ำจากเทือกเขาพนมดงรักซึ่งติดต่อกับแนวชายแดนไทย – กัมพูชา จะไหลลงมาสมทบอีกรอบ  ซึ่งโครงการชลประทานสุรินทร์และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ ได้เร่งจัดหาเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำในพื้นที่คับขันแล้ว   และคาดว่าถ้าไม่มีอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำมาหนุน   และฝนไม่ตกมาเพิ่มอีก การระบายน้ำในพื้นที่เขตชลประทานจะสามารถควบคุมได้   ส่วนระดับน้ำในลำน้ำชีจะไหลไปสู่ลำน้ำมูลที่ฝายราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ  ได้เปิดยกบานประตูระบายน้ำมากกว่าเดิม  ลำน้ำชีมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3-5 เมตร ยังสามรารถรองรับการระบายน้ำได้ดี  และได้มีการยุบฝายยางในลำน้ำ ทำให้น้ำที่ผ่านลำน้ำมูลไหลลงลำน้ำโขงได้สะดวกขึ้น

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เกิดปัญหาน้ำท่วมเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์   ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน  และหมู่บ้านรอบนอกประสบปัญหาน้ำท่วมถนนและบ้านเรือนราษฏร   ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ให้การช่วยเหลือและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่สูงแล้ว  ปัญหาน้ำท่วมขณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาภาวะวิกฤติของจังหวัดสุรินทร์  เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจหลักของจังหวัด  ส่งผลกระทบต่อประชาชน  โดยเฉพาะปัญหาอาหารและเครื่องดื่ม จังหวัดสุรินทร์ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบอาหารเลี้ยงส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน   และแจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม แล้ว

ส่วนการระบายน้ำออกจากเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์นั้น  ขณะนี้ได้ระดมเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกไปทางทิศใต้ลงลำน้ำชีต่อไป   หากฝนไม่ตกหรือมีปริมาณฝนน้อย   คาดว่าปริมาณน้ำในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์จะลดลง    แต่ทราบว่าน้ำจากทิศเหนือของเมืองไหลลงมาสมทบจึงต้องเร่งระบายน้ำออกไป คาดว่าคงต้องใช้เวลา ประมาณ 1-2 วัน   ซึ่งจะทำให้ประชาชนต้องประสบภาวะน้ำท่วมในเขตเมืองอีก 2- 3 วัน   และในขณะนี้จังหวัดสุรินทร์ได้เร่งระดมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ข้าราชการ  ทหาร ตำรวจ  ออกไปให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่   และได้สั่งการให้ข้าราชการทุกคนทำงานทุกวัน  ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์  เพื่อช่วยเหลือประชาชน

ด้านนายธนธัช  รุ่งธนเกียรติ  รองนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์  กล่าวว่า เทศบาลเมืองสุรินทร์ได้ตั้งจุดบริการน้ำและอาหารให้แก่ผู้ประสบภัย  และจัดกระสอบทรายเพื่อช่วยเหลือประชาชน  โดยประชาชนสามารถไปขอรับได้ที่ ณ สำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์

ส่วนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  นายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  ได้นำถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ชุมชนไตรรงค์สุรินทร์  บ้านโสน หมู่ 13 ต นอกเมือง และหมู่บ้านถาวรนิเวศน์   และได้จัดกระสอบทรายเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยประชาชนสามารถไปขอรับได้ที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ 




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จ.สุรินทร์ ประชุมด่วนแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วม เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ล่าสุดน้ำท่วม 15 อำเภอ จาก 17 อำเภอ

ตามที่จังหวัดสุรินทร์ ได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ วันนี้ (วันที่ 20 ก.ย.56) ที่ห้องประชุมสุรินทร์ภักดี ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ประชุมด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์การให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์ได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 20.30 น. ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 242.5  มิลลิเมตร ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำหลาก   ราษฏรได้รับความความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้าง รวม 15 อำเภอ จาก 17 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองสุรินทร์  รัตนบุรี  ศีขรภูมิ  สังขะ  ท่าตูม  ปราสาท  สำโรงทาบ  จอมพระ สนม  ลำดวน   กาบเชิง   บัวเชด  ศรีณรงค์  เขวาสินรินทร์  โนนนารายณ์  ยกเว้นอำเภอพนมดงรักและอำเภอชุมพลบุรี  ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 20-50 เซนติเมตร  โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางในจังหวัดสุรินทร์ 18 แห่ง ปริมาณน้ำวัดได้ 175  ล้าน ลบม. หรือประมาณร้อยละ 120 ของความจุ 145 ล้าน ลบม.  ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบสถานการณ์และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในวันนี้ ( 20 กันยายน 2556)   โดยที่ประชุมได้แจ้งให้ส่วนราชการระดมสรรพกำลัง เรือท้องแบบ เครื่องสูบน้ำ  เครื่องอุปโภค –บริโภค เข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง  พร้อมกันนี้จังหวัดยังได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานรับแจ้งสถานการณ์และการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ห้องประชุมสุรินทร์ภักดี ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำศูนย์

นอกจากนั้นจังหวัดสุรินทร์ยังได้จัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย รวม 4 จุด ได้แก่ สถานีกาชาดที่ 1 อาคารสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์  อบต.นอกเมือง  มูลนิธิจิ้บเต็กตึ๊ง   และได้จัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย 2 จุด โดยในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์  ตั้งศูนย์พักพิง ณ สโมสรทหารบกสุรินทร์ โดยมีชาวบ้านจากบ้านสะโน  ตำบลนอกเมือง หมู่บ้านจัดสรรนีโอแลนด์   หมู่บ้านแฮปปี้แลนด์   หมู่บ้านซิตี้แลนด์  ตำบลนอกเมือง  มีผู้อพยพ จำนวน 100 คน  จุดที่ 2 เขตพื้นที่อำเภอสังขะ  ตั้งศูนย์พักพิง ณ ที่ว่าการอำเภอสังขะ  มีผู้อพยพจำนวน  40 คน

การให้การช่วยเหลือด้านเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ในขณะนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยประจำจุดต่างๆ  ได้แก่ อบต.คอโค  อบต.นอกเมือง เทศบาลตำบลลำดวนสุรพินท์   ส่วนจังหวัดทหารบกสุรินทร์ได้นำรถบรรทุกเพื่อขนย้ายผู้ประสบภัยในเขตเทศบาล จำนวน 8 คัน กำลังพล 100 นาย และมูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยาก จะนำถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอสังขะ จำนวน 2000 ถุง




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จ.สุรินทร์เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ “ร่วมใจทำไทยให้สะอาด” สนับสนุนโครงการ Clean Up the World ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

นายพิภพ  ดำทองสุข  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า สมาคมสร้างสรรค์ไทย  หรือ ตาวิเศษ ได้ดำเนินการโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาด  เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนทำความสะอาดพร้อมกันทั่วโลกในโครงการ Clean Up the World ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2556 โดยได้เชิญชวนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วมเป็นเจ้าภาพดำเนินการ

สำหรับโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาดได้สร้างกิจกรรมง่าย ๆ  ที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้ด้วยการทำความสะอาดบ้าน  สำนักงาน  พื้นที่สาธารณะ  รวมทั้งจัดสภาพแวดล้อมให้สะอาด ร่มรื่น  ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยเกิดจิตสำนึกและตระหนักถึงการช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของบ้านเมืองด้วยกิจกรรมง่าย ๆ  ที่เริ่มต้นได้ด้วยตนเอง  ซึ่งโครงการร่วมใจทำไทยให้สะอาดกำหนดจัดกิจกรรมในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายน ของทุกปี  การรณรงค์แต่ละปีมีหน่วยงานร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก  และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปีละกว่า 3,000  หน่วยงาน มีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 7 แสนคน  เก็บขยะได้มากกว่า 1,500 ตัน  



สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว

จังหวัดสุรินทร์เรียกประชุมด่วนแก้ปัญหาน้ำท่วม

นายนิรันดร์  บุญสิงห์  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า  จากที่ได้เกิดพายุดีเปรสชันเคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่หลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์ ตลอดทั้งวันและตลอดคืนเมื่อวานนี้ (19 กันยายน 2556)  ฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง  ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ โดยพบว่าร้านค้า และบ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่ริมถนน รวมทั้งถนนหลายสายมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม. เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรในถนนบางสาย ห้ามไม่ให้รถยนต์เล็กวิ่งผ่าน เนื่องจากน้ำท่วมสูง  ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ บางพื้นที่คลี่คลายลงแล้ว   แต่ถนนหลายสายในตัวเมืองสุรินทร์ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร   เนื่องจากน้ำหนุนจากเทือกเขาพนมดงรัก  ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมบ้านและการเดินทางยากลำบาก

จังหวัดสุรินทร์จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ปี 2556 ในวันนี้ 20 กันยายน 2556 เวลา 10.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  โดยจังหวัดสุรินทร์ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด  และให้ส่วนราชการทุกหน่วยงานจัดเตรียมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบด้วย




สมทรง  เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว