วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

จังหวัดมุกดาหารจัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-กวางตรี

วันนี้ (๒๐ พ.ค. ๕๗) เวลา ๑๖.๐๐ น.  ที่ห้องประชุมโรงแรมมุกดาหารแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-กวางตรี โดยมีนายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร แขวงสะหวันนะเขต และจังหวัดกวางตรี ตลอดจนเกิดความร่วมมืออันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ ซึ่งทั้ง ๓ เมืองได้ลงนามสัญญาสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝด ส่งผลให้มุกดาหาร สะหวันนะเขต และกวางตรี เป็นเมืองแฝดสาม ประกอบกับทั้งสามเมืองตั้งอยู่ในแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic-Corridor) โดยตกลงจะร่วมกันด้านการค้าและการลงทุน การเกษตรและอุตสาหกรรม รวมถึงการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร ภายหลังการประชุมแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมประชุมแลกเปลี่ยนการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ด้านต่างประเทศ จากสำนักประชาสัมพันธ์เขต ๒ อุบลราชธานี การผลิตและการเผยแพร่รายการจากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย อุบลราชธานี

นายแสงทอง อนันตภักดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ทั้งสามเมือง สามประเทศ (ไทย-ลาว-เวียดนาม) มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันของหน่วยงานภาครัฐ มีความสัมพันธ์ความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นของประชาชน ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรมและภาษา ในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงการค้า การขนส่ง มากขึ้น โดยเฉพาะในปี ๒๕๕๘ ภายหลังการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะมีผลกระทบในหลายด้าน ดังนั้น การรับรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารจึงมีความจำเป็นและสำคัญ รวมทั้งการทำงานขององค์กรด้านการสื่อสารมวลชน การสร้างเครือข่าย การแสวงหาความร่วมมือกับสื่อมวลชน จากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการแลกเปลี่ยนข่าวสาร รวมถึงเพิ่มช่องทางการเผยแพร่ โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย สื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหารจำนวน ๒๖ คน สื่อมวลชนแขวงสะหวันนะเขตจำนวน ๑๐ คน ซึ่งมีท่านนางดาวอน ไซสุเลียน รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าววัฒนธรรมและท่องเที่ยว เป็นหัวหน้าคณะ และสื่อมวลชนเมืองกวางตรี จำนวน ๒๗ คน ซึ่งมี Mr. Nguyen van Tuong เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานของสื่อมวลชน ไทย-ลาว-เวียดนาม เพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของเมืองสามแฝดต่อไป





สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชสมุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

จังหวัดมุกดาหาร จัดเวทีสภากาแฟ ทุกภาคส่วนร่วมเวที แลกเปลี่ยนประสบการณ์

วันนี้ (๒๐ พ.ค. ๕๗) เวลา ๐๗.๓๐ น. ที่ ณ บจก.รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ สาขามุกดาหาร ต.บางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานและร่วมเวทีสภากาแฟ โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมเวทีสภากาแฟ โดยเปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารในทุกด้าน

ทั้งนี้ การเปิดเวทีสภากาแฟในวันนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดมุกดาหารเป็นเจ้าภาพ โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพและจัดเวทีสภากาแฟอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกเดือน โดยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ไม่เป็นทางการ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเชิงสร้างสรรค์ เปิดมุมมองใหม่ๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารร่วมกัน




สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ยโสธรออกหน่วยคลินิกเกษตรเคลื่อนที่

จังหวัดยโสธร จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่บริเวณโรงเรียนบ้านเหล่าฝ้าย ตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นายนิรันดร์ สมสมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานเปิดงาน คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยนายนวนิตย์ พลเคน รักษาการเกษตรจังหวัด กล่าวว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้บูรณาการจัดขึ้นเพื่อให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกร ในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ตามความต้องการของเกษตรกร ซึ่งจะสามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน กิจกรรมในวันนี้ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชนร่วมจัดกิจกรรม เพื่อให้การบริการแก่เกษตรกรที่มาร่วมงาน ประกอบด้วย คลินิกพืช/ คลินิกปศุสัตว์ / คลินิกประมง/คลินิกดิน/ คลินิกข้าว/ คลินิกกฎหมาย/ คลินิกบัญชี/ คลินิกชลประทาน /คลินิกปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม/คลินิกยางพารา/กิจกรรมสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว และการออกร้านจำหน่ายสินค้าของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ตลอดจนการออกร้านของร้านค้าเอกชน

ยโสธรซ้อมแผนไฟไหม้โรงเรียน

จังหวัดยโสธรซ้อมแผนเกิดเหตุไฟไหม้ ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 28 ต.ย่อ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมสังเกตการณ์ การฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อย่างเต็มรูปแบบ ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 28 ต.ย่อ อ.คำเขื่อนแก้ว นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดยโสธร กล่าวว่า การซ้อมแผนในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมของ กำลังพล/ วัสดุอุปกรณ์/ ระบบสื่อสาร/ ขั้นตอนการรายงาน /การประสานงาน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นจริง จะสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที การซ้อมแผนอัคคีภัยในครั้งนี้ ได้สมมุติเหตุกราณ์ว่า เกิดเหตุไฟไหม้ที่อาคารเรียนชั้นที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 28 ต.ย่อ อ.คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นักเรียนวิ่งหนีไฟกันอย่างอลม่าน ครู ได้แจ้งเหตุไปที่ศูนย์ อฟปร.ตำบลตาดทอง พร้อมประสานไปที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยโสธร เข้าระงับเหตุ ไม่นานเจ้าหน้าที่ อฟปร.ตำบลตาดทอง และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดยโสธร ไปถึงที่เกิดเหตุ เข้าระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง พร้อมช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ชั้น 3 โดยใช้วิธี โรยเชือกลงมา และใช้รถกระเช้ารับตัวลงมา ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ทีมกู้ชีพ กู้ภัย เข้าปฐมพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

ประมงจังหวัดยโสธรแจ้งเตือนการทำการประมงในฤดูปลาน้ำจืดมีไข่

นายไพรัตน์ ขนันไทย ประมงจังหวัดยโสธร แจ้งกับ นายไพชยนต์ ชนะกาญจน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร ว่า... ตามประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดฤดูปลามีไข่และกำหนดชนิด ขนาด และวีใช้เครื่องมือทำการประมง ลงวันที่ 17 เมษายน 2507 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 (1) (2) (4) (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ในฤดูปลามีไข่ ห้ามิให้ผู้ใดทำการประมงด้วยเครื่องมือทำการประมง หรือด้วยวิธีใด ๆ ในที่จับสัตว์น้ำจืดในท้องที่ทุกจังหวัดโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 กันยายน ของทุกปี เพื่อสวนพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่กำลังมีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกมิให้ถูกทำลายเกินสมควรเว้นแต่ให้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือทำการประมงตามชนิด ขนาด และวิธีดังต่อไปนี้ 1. เบ็ดทุกชนิด เว้นแต่เบ็ดราว 2. ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร และห้ามทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป 3. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง 4. ทำการประมงในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ

ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือทั้งปรับทั้งจำ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดยโสธร ถนนแจ้งสนิท บ้านประชาสรรค์ หมู่ที่ 12 ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โทร.045-580218 โทรสาร 045-722096 หรือ สำนักงานประมงอำเภอทุกอำเภอ



ส.ปชส.ยโสธร
ปิยะนุช ศรีแก่นจันทร์
19 พฤษภาคม 2557

จังหวัดร้อยเอ็ดขอความร่วมมือท้องถิ่น อำเภอแจ้งพิกัดบริเวณ วัน เวลา และสถานที่ ที่จะทำการจุดบั้งไฟ ยิงพลุ และปล่อยโคมลอย

จังหวัดร้อยเอ็ดขอความร่วมมือท้องถิ่น อำเภอแจ้งพิกัดบริเวณ วัน เวลา และสถานที่ ที่จะทำการจุดบั้งไฟ ยิงพลุ และปล่อยโคมลอย ป้องกันมิให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานขณะทำการบิน

นายไกรสร กองฉลาด ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับแจ้งจากท่าอากาศยานร้อยเอ็ดว่า เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน จะมีประเพณีจุดบั้งไฟ และในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม จะมีประเพณีการยิงพลุ และการปล่อยโคมลอย ตามประเพณีนิยมในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่ออากาศยายในการเดินอากาศได้

ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยด้วยว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายต่ออากาศยานในขณะทำการบินผ่านบริเวณที่มีการจุดบั้งไฟ การยิงพลุ และการปล่อยโคมลอย ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด กรมการขนส่งทางอากาศ จึงประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือท้องถิ่น อำเภอหากประชาชนหรือหน่วยงานในเขตท้องที่แต่ละอำเภอของจังหวัดร้อยเอ็ดประสงค์จะมีการจุดบั้งไฟ การยิงพลุ และการปล่อยโคมลอย ขอให้ท้องที่อำเภอแจ้งพิกัดบริเวณ วัน เวลา และสถานที่ ที่จะทำการจุดบั้งไฟ ยิงพลุ และปล่อยโคมลอย โดยให้แจ้งเป็นหนังสือไปที่ทำการท่าอากาศยานร้อยเอ็ด อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45170 อย่างน้อย 15 วัน ก่อนถึงวันจัดงานประเพณีดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อท่าอากาศยานร้อยเอ็ด จะได้ออกประกาศข่าวนักบินและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องบ ต่อไป หรือหากมีข้อสงสัยประการได้ ติดต่อสอบถามได้ที่ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด กรมการชนส่งทางอากาศ โทร.043 418246-8 โทรสาร 043 518253



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
20 พ.ค. 57

จ.ร้อยเอ็ดขอเชิญชวนบริจาคสมทบทุนมูลนิธิ พอ.สว.

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งว่า ด้วย ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเสด็จฯ เยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.และราษฎรพื้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งพระราชทานเข็มเครื่องหมายกรรมการ อนุกรรมการ โล่ และ เข็มเครื่องหมาย พอ.สว.สำหรับอาสาสมัคร พอ.สว.จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ณ โรงเรียนโนนชัยศรีวิทยา ตำบลโนนชัยศรี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด

จังหวัดร้อยเอ็ดจึงเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคสมทบทุนมูลนิธิ พอ.สว.เพื่อนำไปใช้ในการ ดำเนินงานทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินสามารถบริจาคเงินสด เช็ค ดร๊าฟด์ หรือเป็นครุภัณฑ์ก็ได้ โดยผู้ที่บริจาคตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป จะได้เข้าทูลเกล้าถวาย และรับพระราชทานของที่ระลึกเป็นรายบุคคล หรือแจ้งความจำนงได้ ที่กลุ่มงานพัฒนาคุณภาพและรูปแบบบริการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 0 4351 1754 ต่อ 114



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
20 พ.ค. 57

จังหวัดร้อยเอ็ดขอเชิญร่วมสมทบเงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จัดทำโครงการกองทุนช่วยเหลือชาวนา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินตามมูลค่าใบประทวนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ด้วยการตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวนาขึ้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรที่ยังไม่ได้รับเงินตามมูลค่าใบประทวนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 จังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอเชิญประชาชนทั่วไปร่วมสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาดังกล่าวตามศรัทธาและความสมัครใจ ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
20 พ.ค. 57

ส.ปชส.อำนาจเจริญศึกษาดูงาน “ข้าวหอมมะลิอินทรีย์”ที่ จังหวัดร้อยเอ็ด

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด นำสื่อมวลชนและภาคเอกชนจังหวัดอำนาจเจริญศึกษา ดูงาน”ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ คุณภาพดี หอมไกลไปทั่วโลก” ที่จังหวัดร้อยเอ็ด

วันนี้ เวลา 10.30 น. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ โดยนางจิดาภา แก่นนาคำ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ (ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ) นำสื่อมวลชนและภาคเอกชนจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 60 คน ศึกษาดูงาน "ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ คุณภาพดี หอมไกลไปทั่วโลก” ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาคการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี จังหวัดอำนาจเจริญ ประจำปีงบประมาณ 2557 ณ ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรกรแกนนำ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทร์อิสาน บ้านชาด ตำบลหนองพอก อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยนางกมลพร คำนึง ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวมธุริน ศิริทัพ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดรอยเอ็ด และนายรณวฤทธิ์ ปริฉัตรตระกูล ผู้อำนวยการศูนย์อบรมเกษตรกรแกนนำ เครือขายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทร์อิสาร ให้การต้อนรับ นายรณวฤทธิ ปริฉัตรตระกูล กล่าวว่า เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทร์อิสาน มีส

มาชิกเครือข่ายอยู่ในภาคตะออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด,บุรีรัมย์,มหาสารคาม,ศรีษะเกษ,อำนาจเจริญ,มุกดาหาร,สกลนคร และนครพนม มีสมาชิก 1,140 คน และวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทร์ตำบลหนองพอก ส่งเสริมให้สมาขิกปลูกข้าวอินทร์ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ,ข้าวหอมนิล,ข้าวเหนียว,ข้าวไรซ์เบอร์รี และข้าวหอมมะลิแดง เฉพาะวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทร์ตำบลหนองพอก สามารถผลลิตข้าวข้าวหอมมะลิ เฉลี่ย 800 ก.ก./ไร่ โดยได้รับใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา และแปรรูปผลิตข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ ข้าวบรรจุสุญญากาศ,จมูกข้าวบด,น้ำมันรำข้าว,สบู่น้ำนมข้าว และครีมหมักผม เป็นการเพิ่มมูลค่าข้าวของเครือข่ายฯ

นางจิดาภา แก่นนาคำ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาเจริญ กล่าวด้วยว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญได้จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาคการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี จังหวัดอำนาจเจริญ ประจำปีงบประมาณ 2557 กิจกรรมประกอบด้วยการศึกษาดูงานแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิในพื้นจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จังหวัดขอนแก่น,หนองบัวลำภู และจังหวัดหนองคาย ซึ่งจะมีการแถลงข่าวและบันทึกเทป "ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ คุณภาพดี หอมไกลไปทั่วโลก” ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น เป็นการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวด้วย



วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
 บุญมี เพ็งรัตน์/ภาพ
19 พ.ค. 57

พมจ.ศรีสะเกษ พร้อมในการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2557

นายทวีศักดิ์  สิงห์ดง  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้เปิดเผยกับทีมข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ ว่า   กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากลเป็นประจำทุกปี  ซึ่งองค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ วันที่  8  มีนาคม  ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล และได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกทั่วโลก ร่วมจัดงานวันสตรีสากล ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมฉลองและรำลึกถึงการต่อสู้ของสตรีและการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิสตรี

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ  ได้กล่าวอีกว่า  สำหรับจังหวัดศรีสะเกษ ได้กำหนดจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2557 ในวันศุกร์ที่  23  พฤษภาคม  2557  ณ  อาคารเฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชย์สมบัติครบ  60 ปี  อำเภอเมืองศรีสะเกษ  โดยมีส่วนราชการ ภาครัฐ  ภาคเอกชน  สถานประกอบการ ประกอบด้วย  สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ  คณะกรรมการพัฒนาสตรี  นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ สถานประกอบการ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้   เพื่อเสริมสร้างเจตคติของสังคมไทยให้คำนึงถึงศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์  ส่งเสริมศักยภาพและพิทักษ์คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของสตรี และส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย  กลุ่มเป้าหมายเป็นสตรีในจังหวัดศรีสะเกษ เด็กและเยาวชน และประชาชนทั่วไป  โดยมีกิจกรรม ประกอบไปด้วย  สตรีเดินรณรงค์  การแสดงของสตรี  การมอบเกียรติบัติสตรีดีเด่น ระดับอำเภอ จำนวน  36 คน  และการมอบนโยบายการดำเนินงานพัฒนาสตรีอำเภอ โดย นายนิวัติ  น้อยผาง  นายอำเภอเมือง ศรีสะเกษ   การมอบแนวทางการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดศรีสะเกษ โดย นางผ่องศรี  แช่จึง ประธานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดศรีสะเกษ  การบรรยายพิเศษ เรื่อง "กองทุนสตรีก้าวใหม่ของการพัฒนา  สังคมไทย”  โดย นางนิภา  คงเพชร  นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศระสะเกษ



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์ สร้อยเพชร / ข่าว

พมจ.ศรีสะเกษ ติวเค้มแก่ อพม. ทบทวนการปฏิบิตงานและรับนโยบายการปฏิบัติงาน

นายทวีศักดิ์  สิงห์ดง  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ   ได้เปิดเผยกับทีมข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ ว่า   กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ  ได้จัดประชุมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.) ระดับอำเภอ ขึ้น ในวันพุธที่  21  พฤษภาคม  2557   ณ  ห้องประชุมโรงแรมเกศสิริ  อำเภอเมืองศรีสะเกษ มีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.) จำนวนทั้งสิ้น 206  คน เข้าร่วมการประชุม  เพื่อทบทวนการปฏิบัติงานและรับนโยบายการปฏิบัติงานตามโครงการ "เสริมพลังทางสังคมและการมีส่วนร่วม จังหวัดศรีสะเกษ  ประจำปี  2557  และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปฏิบัติงานตามแผนประจำปี

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ   ได้กล่าวอีกว่า  ในภาวะกาการณ์ปัจจุบัน สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ  สังคม การเมือง  วัฒนธรรมและเทคโนโลยี ฯลฯ  คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญของวัตถุนิยมเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ  พ่อ แม่ ผู้ปกครอง มีความจำเป็นต้องเดินทางไปประกอบอาชีพ ดิ้นรนไขว่คว้าหารายได้เลี้ยงครอบครัวในสถานที่ไกลจากภูมิลำเนา หรือไม่ไกลจากภูมิลำเนาแต่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว สมัยก่อนสภาพครอบครัวมีความเป็นอยู่ตามวิถีชีวิตชนบทมีความเมตตาโอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันได้ลดลงไปมากสังคมเริ่มดำเนินชีวิตแบบตัวใครตัวมัน จึงทำให้ครอบครัวที่มีความอ่อนแออยู่แล้ว  เช่น  ครอบครัวยากจน  คนพิการดูแลตนเองไม่ได้  เด็กถูกทอดทิ้ง  ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง ครอบครัวแตกแยก  ปัญหายาเสพติติดคุกคามคนในครอบครัว  ปัญหาการถูกกระทำด้วยความรุนแรง  ครอบครัวที่มีผู้ป่วยเรื้อรังที่ไม่มีคนดูแล และผู้ป่วยเอดส์  ต้องเผชิญปัญหา โดยลำพัง  ซึ่งปัญหานับวันจะมีความรุนแรงมากขึ้น  จากสภาพปัญหาเหล่านี้ทำให้สังคมไทยได้ก่อเกิดพลังจิตอาสา มีการเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่ชัดเจนมากขึ้น  ซึ่งบุคคลที่มีจิตอาสาส่วนหนึ่งมาจากกกลุ่มคนที่เป็นอาสาสมัคร และกระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สร้างกลุ่มจิตอาสาขึ้นที่เรียกชื่อว่า  อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.)  ขึ้นมาเพ่อทำหน้าที่ เป็นกลไกหลักในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยการเฝ้าระวังปัญหา การประสานของความช่วยเหลือ  สงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส ประสานส่งต่อให้  ผู้ประสบปัญหาให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพ  และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์  และสามารถทำงานในรูปขององค์กร เชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นๆได้

ดังนั้น  สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ  จึงให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะการพัฒนาคน ให้มีความรู้ มีทักษะ พร้อมจะออกไปปฏิบัติงาน เพื่อดูแลกลุ่มที่ประสบปัญหาทางสังคมให้มีประสิทธิภาพ จากเหตุผลดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดศรีสะเกษ  ประจำปี  2557 ทั้งนี้  เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการบูรณาการการพัฒนาของหน่วยงานทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการดำเนินงานส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.)  ให้มีความเป็นเอกภาพและมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ  ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกลไกเครือข่ายในการกประสานงานกับทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชน และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกระบวนการเสริมสร้างความรู้  ความสามารถและทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้มีความรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเสริมบทบาทและภาพลักษณ์ที่ดีของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์ สร้อยเพชร / ข่าว

พมจ.ศรีสะเกษ มอบเงินปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่คนพิการ

นายทวีศักดิ์  สิงห์ดง  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ  ได้เปิดเผยกับทีมข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ ว่า   กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ   เตรียมมอบเงินปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่คนพิการ ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ  ตามบัญชีรายชื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ประจำปีงบประมาณ  2557  ในวันพฤหัสบดีที่  22  พฤษภาคม  2557   ณ ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ   ศาลากลางจังหวัด(หลังเก่า)  โดยมีผู้พิการที่ได้รับการพิจารณาเข้ารับ จำนวนทั้งสิ้น  10 ราย  ๆละ  20,000 บาท  ประกอบด้วย  นางสมจิตร  ยะจินดา อายุ  36 ปี เป็นผู้พิการ พฤติกรรมทางจิตผิดปกติ  อยู่บ้านเลขที่  93  หมู่ 2  ตำบลสร้างปี่  อำเภอราศีไศล,  นางสาวสมหวัง  ชูเลิศ  อายุ  39 ปี   เป็นผู้พิการ หูหนวก  อยู่บ้านเลขที่  278  หมู่ 4  ตำบลภูเงิน  อำเภอกันทรลักษ์,  นายสี  เหลาคำ อายุ  54 ปี เป็นผู้พิการ ตาบอด  อยู่บ้านเลขที่ 26  ตำบลตาโกน  อำเภอเมืองจันทร์,  นางแจ้ง  บุญเต็ม อายุ 39 ปี  เป็นผู้พิการตาบอด อยู่บ้านเลขที่ 2  หมู่  3  ตำบลกุง  อำเภอศิลาลาด,  นายทองสูรย์  ลำไพ  อายุ  76  ปี  เป็นผู้พิการ กากรเคลื่อนไหว/สื่อความหมาย  อยู่บ้านเลขที่ 5  หมู่ 3  ตำบลยางชุมใหญ่ อำเภอยางชุมน้อย,  นางสังวาล  ดวงบุบผา  อายุ  61  ปี  เป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว  อยู่บ้านเลขที่  29/5  หมู่ 7  ตำบลเมืองน้อย  อำเภอกันทรารมย์, นายสมศรี  ชินทวัน อายุ 53 ปี เป็นผู้พิการ ทางการมองเห็น  อยู่บ้านเลขที่  108/2   หมู่ 6  ตำบลหนองแก้ว  อำเภอกันทรารมย์,  นางสาวพัชริทร์พร แก้วรักษา  อายุ  17  ปี  เป็นผู้พิการ หูหนวก-ใบ้  อยู่บ้านเลขที่  96  หมู่ 6  ตำบลจาน  อำเภอกันทรารมย์,  นายปราโมทย์  สีทน  อายุ  28 ปี  เป็นผู้พิการ ทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย  อยู่บ้านเลขที่  95/3  หมู่ 10   ตำบลบัวน้อย                  อำเภอกันทรารมย์  และนายเลี้ยง  ศรศรี  อายุ  75 ปี  เป็นผู้พิการ การเคลื่อนไหว  อยู่บ้านเลขที่  74  หมู่ 4  ตำบลภูเงิน  อำเภอกันทรลักษ์

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ   ได้กล่าวอีกว่า   สำหรับคนพิการในพื้นที่จังหวัด ศรีสะเกษ ที่ขึ้นทะเบียนคนพิการ ณ  ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น  47,944 ราย  แยกเป็นผู้พิการชาย จำนวน  26,052 ราย ผู้พิการหญิง จำนวน  21,892 ราย  โดยความพิการทางการมองเห็น จำนวน 5,770 ราย  ความพิการทางการได้ยิน หรือการสื่อความหมาย จำนวน  7,592 ราย  ความพิการทางกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย   จำนวน 24,023 ราย  ความพิการทางจิตหรือพฤติกรรม จำนวน  4,359 ราย  ความพิการทางสติปัญญา  จำนวน  3,947 ราย  ความพิการทางการเรียนรู้  จำนวน  76  ราย    ออทิสติก  จำนวน  4   ราย  และความพิการมากกว่า 1 ประเภทความพิการ จำนวน 2,173 ราย




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์ สร้อยเพชร / ข่าว

รองปลัดกระทรวงมหาดไทยบรรยายพิเศษ ที่จังหวัดอุดรธานี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษ "คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน" ให้ความรู้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 คณาจารย์ ครู โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (20 พค.57 ) ที่ห้องประชุมเสาวภาผ่องศรี โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงหมาดไทย บรรยายพิเศษเรื่อง "คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน" โดยมีคณาจารย์ ครู และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้ง 14 ห้องของโรงเรียนสตรีราชินูทิศร่วมรับฟัง

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ลูกหลานของไทยต้องรู้จักรักและสามัคคี ประพฤติปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ ครู อาจารย์ เคารพผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของคนดี รักษาเอกลักษณ์ด้วยการแต่งกายพื้นเมือง รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเพราะเป็นภูมิปัญญาและจุดเด่นที่สำคัญของบรรพบุรุษที่ถ่ายทอดมาสู่เรา โดยเฉพาะการไหว้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของคนไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใช้ชีวิตเรียบง่ายในแบบของแต่ละคน ดำรงชีวิตแบบพอเพียง ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชาชนต้องดำรงชีวิตกึ่งรัดเข็มขัด อ่อนน้อมท่อมตน ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สังคมที่ดีเกิดจากความรักสามัคคี บนพื้นฐานสังคมที่ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาล ในส่วนของการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต้องเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษ ภาษาบาฮาซา ซึ่งเป็นอีกภาษาที่สำคัญรองจากภาษาอังกฤษ เพราะจะใช้สื่อสารกันมากในประชาคมอาเซียน พร้อมทั้งฝากไปถึงยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศอาเซียนภายในโรงเรียน มุ่งมั่นเป็นสถาบันเรียนรู้ ASEAN ขณะที่ประเทศไทยต้องเรียนรู้ใน 3 เรื่อง คือ อะไรที่เท่าเขา อะไรที่นำหน้าเขา และอะไรที่ตามหลังเขา แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้สามารถปรับตัวเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ประชาคมอาเซียนถือกำหนดอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2546 จากการที่ผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญาว่าด้วยความร่วมมือ ที่เรียกว่า ข้อตกลงบาหลี 2 เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียนภายใน พ.ศ.2563 แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้แล้วเสร็จในพ.ศ.2558 ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย 10 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม พม่า ลาว และ กัมพูชา

ประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 ประชาคมย่อยที่เปรียบเสมือนเสาหลักสามเสาซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน อันได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ที่มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ๆเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง ,.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจและการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่นคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆได้ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน และ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ที่มุ่งให้ประชาชนแต่ละประเทศ อยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดของสังคมที่เอื้ออาทรมีสวัสดิการที่ดีและมีความมั่นคง




ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา / ข่าว

กรมการปกครองอบรมโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ปี 57

กรมการปกครองจัดอบรมปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ประจำปี 2557 รุ่นที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุดรธานี

ที่ห้องประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บ่ายวันนี้ ( 20 พ.ค. 57 ) หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษเรื่อง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการฝึกอบรมปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย ตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ประจำปี 2557 รุ่นที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2557 โดยมีปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยในพื้นที่ 322 อำเภอจาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมอบรมอำเภอๆละ1คน รวม 322 คน

การขับเคลื่อนแนวทางการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ถือเป็นภาระกิจที่สำคัญของกรมการปกครองซึ่งเป็นการต่อยอดการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาตั้งแต่ปีงบประมาณ2551และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันโดยมุ่งเน้นที่สร้างความรู้สู่ความเข้าใจในระดับหมู่บ้านซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกฝังแนวคิดและวิธีปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยมีหลักการเบื้องต้นที่สำคัญของวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย 4 ด้าน อาทิ การยึดหลักกฎหมาย ความมีเหตุผล และสันติวิธี ,การปฏิบัติตามเสียงข้างมาก รับฟังเสียงข้างน้อย ,ความรับผิดชอบและเสียสละเพื่อส่วนรวม และการมีส่วนร่วมกิจกรรมทางสังคมและการเมือง

ทั้งนี้เมื่อสังคมระดับรากฐานมีความเข้าใจและมีความเข้มแข็งทางความคิดและนำไปปรับใช้วิถีชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริงแล้ว ก็จะสามารถขยายผลไปสู่สังคมระดับที่ใหญ่ขึ้นต่อไปและจะทำให้สังคมระดับประเทศมีความเข้มแข็ง คนในชาติมีความปรองดองและสามัคคีกันอย่างยั่งยืน โดยมีความหวังว่า ผู้ผ่านการอบรมในครั้งนี้จะได้รับความรู้และประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปรับใช้และขยายผลได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่สัมฤทธิผลที่สำคัญของโครงการ คือ อาสาสมัครต้นแบบประชาธิปไตย สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้านให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง




ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
กรรณิการ์ หล้าคอม นศ.ฝึกงาน / ภาพนิ่ง

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฯยื่นหนังสือคัดค้านการคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในเขตคำขอประทานบัตร

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี ยื่นหนังสือคัดค้านการดำเนินการของคณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสีย โครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ในขั้นตอนการคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในเขตคำขอประทานบัตร

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 19 พ.ค. 57 ) ที่ห้องประชุมทองใหญ่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี นำโดยนางมณี บุญรอด กรรมการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวนหนึ่งเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดธานี โดยเห็นว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ไม่โปร่งใส และละเมิดข้อตกลงร่วมกันกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี นอกจากนี้การคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในเขตคำขอประทานบัตร ซึ่งมีทั้งฝ่ายผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้คัดค้านโครงการฯ จะนำพาความรุนแรงมาสู่ประชาชนในพื้นที่มีความแตกแยกอยู่แล้วให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

โดยกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เป็นกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้ติดตามตรวจสอบโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี รวบรวมรายชื่อผู้ถือสิทธิ์ในที่ดิน 1,580 แปลง และรายชื่อผู้มีส่วนได้เสียในขอบเขตพื้นที่โครงการ ฯ 5,765 รายชื่อ ยื่นหนังสือโตแย้ง คัดค้านคำขอประทานบัตร ที่ 1/2557- 4/2557 เนื้อที่กว่า 26,400 ไร่ ในเขต 5 ตำบล 2 อำเภอ อาทิ ตำบลหนองไผ่ ตำบลโนนสูง และตำบลหนองขอนกว้าง อำเภอเมือง และ ตำบลนาม่วง ตำบลห้วยสามพาด อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ของบริษัทเอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในขั้นตอนการขออนุญาตประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 พร้อมทั้งได้ติดตามผลการพิจารณาการคัดค้านอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อศึกษาและติดตามกระบวนการขออนุญาตประทานบัตร โครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ให้ได้ข้อยุติ

แต่ในระหว่างที่คณะกรรมการชุดดังกล่าว กำลังดำเนินการฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ ก็ปรากฏว่าได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียในโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี ขึ้นเพื่อดำเนินการจัดประชุมและหารือถึงแนวทางการคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในเขตคำขอประทานบัตร ตามมาตรา 88/9 เพื่อดำเนินการตามกระบวนการตั้งกองทุนสนับสนุนโครงการศึกษาวิจัยรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการทำเหมืองแร่ใต้ดิน ตามมาตรา 88/10 และกระบวนการอื่นๆตามขั้นตอนการขออนุญาตประทานบัตร

โดยในการยื่นหนังสือในวันนี้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้เรียกร้องขอให้ชะลอการดำเนินการของคณะกรรมการการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี ในขั้นตอนคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในเขตคำขอประทานบัตร จนกว่าคณะกรรมการศึกษา ติดตามกระบวนการขออนุญาตประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี จะดำเนินการให้ได้ข้อยุติ





ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ

ท่าอากาศยานอุดรธานีเตรียมความพร้อมการเปิดทำ C.I.Q. ณ ท่าอากาศยานอุดรธานี

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เรียกประชุมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ หารือเตรียมความพร้อมการเปิดทำการ C.I.Q. ณ ท่าอากาศยานอุดรธานี รองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558

ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดทำ C.I.Q. ณ ท่าอากาศยานอุดรธานี ครั้งที่ 1/2557 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หอการค้าจังหวัดอุดรธานี การท่าอากาศยานอุดรธานี ด่านตรวจพืชหนองคาย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอุดรธานี ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ปศุสัตว์จังหวัดอุดรธานี ศุลกากรหนองคาย ผู้แทนสายการบินบางกอกแอร์แวย์ ,ไทยสมาย ,นกแอร์ แอร์เอเชีย ร่วมประชุม

ทั้งนี้สืบเนื่องจากบริษัทการบินกรุงเทพฯ จำกัด มหาชน มีหนังสือถึงผู้อำนวยการท่าอากาศยานอุดรธานี เพื่อขอสนับสนุนการเปิดทำ C.I.Q. ณ ท่าอากาศยานอุดรธานี โดยมีความมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของเส้นทางการบินซึ่งมีการเชื่อมโยงกับจังหวัดอุดรธานี ให้สามารถเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ภาคอีสานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยมีจังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลาง หลังจากผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทยมาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคาดหวังว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รวมถึงด้านการขนส่งสินค้า ระหว่างประเทศให้มากขึ้น โดยขอให้ดำเนินการตั้งแต่วันที่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 หรือตามที่ทางท่าอากาศยานอุดรธานีจะพิจารณาเห็นสมควร เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางอากาศซึ่งมีมากว่า 18 เที่ยวบินต่อวันและรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558

โดยในการประชุมดังกล่าว นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ให้แต่ละหน่วยงานนำเสนอ ปัญหา ความต้องการของแต่หน่วยงานที่ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุน ในการเปิดให้บริการ C.I.Q I ณ ท่าอากาศยานอุดรธานีด้วย




ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
สุดารัตน์ สีดาคำ นศ.ฝึกงาน / ภาพนิ่ง

เรือนจำกลางอุบลราชธานี ฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิสามัญ ขั้นความรู้เบื้องต้น ( B.T.C) ให้กับผู้ต้องขัง

วันนี้ ( 20 พ.ค. 57) ที่ค่ายลูกเสือชั่วคราวศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เรือนจำกลางอุบลราชธานี นายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะ ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางอุบลราชธานีโดยกรมราชทัณฑ์มีนโยบายในการนำกระบวนการลูกเสือเข้ามาใช้ในเรือนจำกลาง/ทัณฑสถาน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังราชทัณฑ์ได้เป็นสมาชิกของลูกเสือ ได้รับการพัฒนาให้มีความพร้อมและคุณสมบัติอันพึงประสงค์ ที่จะกลับออกไปใช้ชีวิตในสังคม เป็นคนดีมีคุณค่าประพฤติปฏิบัติตามกฎ คำปฏิญาณของลูกเสือ ในการช่วยเหลือ บริการสังคม มีความจงรักภักดีและยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้ นับเป็นการดำเนินการครั้งแรกกับผู้ต้องขังในหญิงในเรือนจำกลางอุบลราชธานี และเป็นแห่งที่ 3 ต่อจากเรือนจำอำเภอแม่สอดและทัณฑสถานหญิงกลางใช้หลักสูตรวิชาผู้กำกับลูกเสือวิสามัญ ขั้นความรู้เบื้องต้น ( B.T.C) วิสามัญ ซึ่งใช้รูปแบบและกระบวนการฝึกอบรม แบบค่ายกลางวัน4วัน ที่กรมราชทัณฑ์ร่วมกับสำนักงานลูกเสือแห่งชาติสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน ร่วมกันพัฒนาขึ้น เพื่อให้เหมาะสม สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายผู้ต้องราชทัณฑ์เป็นการเฉพาะ

การฝึกอบรมครั้งนี้ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2557 ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราวศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เรือนจำกลางอุบลราชธานี ทั้งนี้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ สำนักงานลูกเสือจังหวัดอุบลราชธานี และบุคลากรทางการลูกเสือของกรมราชทัณฑ์ร่วมจัดค่ายฝึกอบรม โดยประกาศรับสมัครและทำการคัดเลือกผู้ต้องขังตั้งแต่ชั้นดีขึ้นไป เข้ารับการฝึกอบรมครั้งนี้ เป็นผู้ต้องขังหญิงจำนวน 40 คน ผู้ต้องขังชายจำนวน 40 คนรวมทั้งสิ้น 80 คน

และมีผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษเข้าอบรม จำนวนหนึ่ง เรือนจำกลางอุบลราชธานี จะได้จัดตั้งเป็นกองลูกเสือนอกโรงเรียนภายในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เป็นลูกเสืออย่างสมบูรณ์แบบ ได้มีโอกาสทำกิจกรรมลูกเสืออย่างต่อเนื่องรวมถึงจัดตั้งเป็นกองเกียรติยศของเรือนจำกลางอุบลราชธานีต่อไป

เรือนจำกลางอุบลราชธานีเปิด อาคารดูแลใจ ณ แดนแรกรับ (แดน 1) เพื่อเป็นสถานที่คลายเครียดและจัดกิจกรรมผู้ต้องขังภายในเรือนจำ

วันนี้ ( 20 พ.ค. 57) ที่บริเวณแดนแรกรับ (แดน 1) เรือนจำกลางอุบลราชธานี นายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธี เปิดอาคาร "อาคารดูแลใจ”ของเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี อาคารดังกล่าว สร้างขึ้น เพื่อการผ่อนคลายความวิตกกังวล คลายเครียด ของผู้ต้องขัง ใหม่ นับเป็นนโยบายที่สำคัญของกรมราชทัณฑ์ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เรือนจำจัดให้มีการปฐมนิเทศผู้ต้องขังแรกรับ เพื่อสร้างความเข้าใจ รวมถึงการจัดกิจกรรมโปรแกรมต่างๆ ในระหว่างถูกคุมขังที่แดนแรกรับ

เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยมีกิจกรรมการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย ด้วยการจัดให้มีการให้ คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย คลินิกคลายเครียดการ ฝึกแถวฝึกวินัย การออกกำลังกาย ตลอดจนการให้ความรู้ด้านต่างๆแก่ผู้ต้องขัง "อาคารดูแลใจ” สร้างขึ้นขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ในการดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเรือนจำ โดยใช้งบประมาณจากร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง จำนวน 172,570 บาท(หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสองพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วย)

โดยในพิธีเปิด "อาคารดูแลใจ” ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงกับสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพันธมิตรราชทัณฑ์ ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้อีกด้วย

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ติดตามผลโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดปี 2557 ที่ อ.ศรีเมืองใหม่

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ติดตามผลโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดปี 2557 ที่ อ.ศรีเมืองใหม่ อุบลราชธานี : ติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตพืชเศรษฐกิจ ปลูกยางพาราและมันสำปะหลัง ที่บ้านฟ้าห่วน ต.นาคำ อ.ศรีเมืองใหม่ พร้อมพบปะและให้ข้อคิดเห็นการดำเนินโครงการจากภาครัฐแก่เกษตรกรที่ร่วมโครงการฯ

บ่ายวานนี้ (19 พ.ค. 57) นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต 13 ติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตพืชเศรษฐกิจ ประจำปี 2557 การปลูกยางพาราและมันสำปะหลัง ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินโครงการที่บ้านฟ้าห่วน ต.นาคำ อ.ศรีเมืองใหม่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกมันสำปะหลังและปลูกยางพารา รวม 2,100. ราย ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากโครงการฯ จำนวน 7 รุ่นๆ ละ 300 คน พร้อมได้รับปัจจัยการผลิต ต้นพันธุ์ยางพารา จำนวน 76 ต้นต่อราย ท่อนมันสำปะหลัง จำนวน 810 ลำและปุ๋ยอินทรีย์ 50 กิโลกรัม/ราย จากการเข้าร่วมโครงการฯ เกษตรกรต่างมีความพึงพอใจ เนื่องจากจะสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องเกิดความยั่งยืนอีก ทั้งสามารถเพิ่มรายได้และไม่ต้องอพยพแรงงานไปทำงานในต่างจังหวัด

พร้อมนี้ผู้ตรวจราชการได้ให้คำแนะนำในการเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ สามารถช่วยเหลือตนเองได้แก่เกษตรกร และได้ติดตามดูพื้นที่การปลูกยางพาราและมันสำปะหลังของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภิบัติจังหวัดอุบัติราชธานี ( ก.ช.ภ.จ.อบ.) ครั้งที่ 5 /2557 เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเนื่องจากเหตุวาตภัย

วันนี้ (19 พ.ค. 57) ที่ห้องประชุม ย่อยสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีนายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานประชุม คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภิบัติจังหวัดอุบัติราชธานี ( ก.ช.ภ.จ.อบ.) ครั้งที่ 5 /2557 เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเนื่องจากเหตุวาตภัยเหตุลมกระโชกแรง ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 2 3 4 5 6 7 8 และ9 ตำบลทรายมูล อำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 ทำให้ที่อยู่อาศัย ประชาชน ได้รับความเสียหาย จำนวน 125 หลังคาเรือน และได้เกิด เหตุวาตภัยพายุหมุน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ในพื้น หมู่ ที่1,2,3 ตำบลบ้านกอก อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้พระภิกษุ วัดบ้านแก้ว มรณภาพ 1 รูป บาดเจ็บ 1 รูป บ้านเรือนประชาชน เสียหายประมาณ 104 หลังคาเรือน ทั้งนี้จังหวัดอุบลราชธานีได้ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบและหลักเกณฑ์เงินทดรองราชการ เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เป็นจำนวนเงิน 998,121บาท ( เก้าแสนเก้าหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้สั่งการให้ท้องถิ่น อำเภอ และส่วนราชการการที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังภัยต่างต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์เมื่อมีภัยเกิดขึ้น




จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว
ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

สุรินทร์ระดมสมองสมัชชาเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม

วันที่ 20 พ.ค. 57 ที่ห้องราชาวดี สวนป่ารีสอร์ท อำเภอเมืองสุรินทร์ นายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานการประชุมสมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม จังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2557 เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้สถานการณ์ปัญหาและการดำเนินงาน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมของเด็กและเยาวชน

จากสภาพปัญหาสังคมปัจจุบัน ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเกิดปัญหาสภาพปัญหาจากจิตใจและความคิดที่มีความเปราะบาง และเสี่ยงต่อการถูกชักนำ ชักจูง ไปในทางที่ไม่สมควร และนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการดูแลเด็กและเยาวชนของประเทศไทย ซึ่งจากการสำรวจพบว่าอายุของเด็กและเยาวชนเมื่อมีเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เด็กและเยาวชนเหล่านี้จึงขาดวุฒิภาวะในการจัดการปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น แม่วัยเยาว์ไม่ได้ดุแลร่างกายและไม่ได้รับอาหารเสริม บุตรจึงมีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือ เกิดความไม่สมบูรณ์และความผิดปกติทางด้านร่างกายและสติปัญญา ตลอดจนปัญหาทางครอบครัวตามมา

ด้วยเหตุข้างต้น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ จึงได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีที่ดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมของเด็กและเยาวชน เพื่อการร่วมกันมือกันอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาสังคมต่อไป



กำชัย วันสุข
ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

คณะทำงานการฝึกบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2557 ลงพื้นที่ประชุมและสำรวจภูมิประเทศ เพื่อเตรียมการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ ที่จังหวัดสุรินทร์

คณะทำงานจัดการฝึกซ้อมแผนการฝึกบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2557 ลงพื้นที่ประชุมและสำรวจภูมิประเทศ เพื่อเตรียมการฝึกบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ การฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ 2557 ด้านภัยจากการสู้รบ (การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ) ที่จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 20 พ.ค.57 ที่ห้องประชุมศรีณรงค์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ พลตรีเดชา ปุญญบาล รองเจ้ากรมการสรรพกำลังกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางมาประชุมและสำรวจภูมิประเทศในจังหวัดสุรินทร์ มีนายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานประชุมคณะทำงานจัดการฝึกซ้อมแผนการฝึกบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2557 จังหวัดสุรินทร์ และมีคณะทำงานการเตรียมการฝึกฯ ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการพลเรือน ส่วนราชการ ทหาร รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมประชุมเตรียมการฝึก ซึ่งจะเป็นการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านภัยจากการสู้รบ การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ในพื้นที่ตามแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้วยคณะกรรมการเตรียมความพร้อมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะดำเนินการฝึกบริหารวิกฤตการณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 (C-MEX14) เพื่อฝึกระดมสรรพกำลังเพื่อการทหารภายใต้กรอบการบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ และกำหนดกรอบสถานการณ์ฝึกให้ครอบคลุมภัยการสู้รบภัยมั่นคงรูปแบบใหม่ในพื้นที่ทางบกและทางทะเล โดยกำหนดจะดำเนินการฝึกในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ คือการฝึกในที่บังคับ (CPX) ระหว่างวันที่ 9-12 มิ.ย.57 และ การฝึกซ้อมภาคสนาม (FTX) ระหว่างวันที่ 11-13 มิ.ย.57 ซึ่งกำหนดพื้นที่ไว้ที่ กองอำนวยการศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.57) ทางคณะทำงานจะได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจดูภูมิประเทศ เพื่อการเตรียมการฝึกซ้อมอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในพื้นที่อำเภอพนมดงรักต่อไป




กำชัย วันสุข
ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ มอบเงินช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุห้างโกลบอลเฮ้าส์ถล่ม

วันที่ 19 พ.ค. 57 นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ที่เสียชีวิต จำนวน 6 ราย จากเหตุผนังหน้าอาคารห้างโกลบอลเฮ้าส์ สาขาสุรินทร์ถล่ม เมื่อเย็นวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมอบจาก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ มอบให้ผู้นำครอบครัว รายละ 50,000 บาท สมาชิกในครอบครัว รายละ 25,000 บาท จากเหล่ากาชาดสุรินทร์ ช่วยผู้เสียชีวิต รายละ 5,000 บาท ผู้บาดเจ็บ รายละ 3,000 บาท และเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง แห่งประเทศไทยอีกจำนวนหนึ่ง รวมแล้วครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่ารายละ 1 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ 2 ราย ได้รับเงินช่วยรายละไม่ต่ำกว่า รายละ 100,000 บาท ส่วนเงินช่วยเหลือจากห้างโกลบอลเฮ้าส์ ได้โอนเข้าบัญชีให้ญาติผู้เสียชีวิตแล้ว นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์กล่าวว่า แนวทางการสอบสวนอยู่ระหว่างความร่วมมือของวิศวกรจากหลายหน่วย ช่วยกันตรวจสอบ ยังไม่อนุญาตให้เปิดห้างเพื่อใช้งาน หรือทำภารกิจอื่นใดทั้งสิ้น จนกว่าผลสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะตรวจสอบแล้วเสร็จ และรายงานมาให้ทราบ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียชีวิต มีทั้งหมด 6 คน รวมทั้งทารกที่อยู่ในครรภ์อีก 1 เป็น 7 ราย คือครอบครัวของนายจรัล เพชรนอก อายุ 32 ปี น.ส.สุฑาทิพย์ อุกอาจ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากันและกำลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน และลูกสาว ด.ญ.มธุรส เพชรนอก อายุ 7 ขวบ ทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่ 105 ม.3 ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นอกจากนี้อีก 3 ราย เป็นพนักงานห้างโกลบอลเฮ้าส์ คือนายศักด์ชัย ประจุจันทร์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายรอบ ชูศรีขาว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ถนนสุริยะราช ต.ในเมือง อ.เมืองสุรินทร์ และนายโย แสงประเสริฐ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.2 ต.หนองตูม อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ และมีผู้บาดเจ็บ 2 คน ซึ่งเป็นพนักงานห้างเช่นกัน คือ นายดิเรก สังเกตุจิตร อายุ 26 ปี และนายเมทา สายบุตร ส่งรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว



ประนนท์ ไม้หอม
ส.ปชส.สุรินทร์/รายงาน

อบจ.นครพนมประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ห่างไกลยาเสพติด “อบจ.นครพนมสานฝันเทิดไท้องค์ราชัน” ในโครงการ TO BE NUMBER ONE ในรอบรองชนะเลิศ

นายสมชอบ  นิติพจน์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ห่างไกลยาเสพติด รอบรองชนะเลิศได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีผู้ประกวดร้องเพลงที่ผ่านรอบรองชนะเลิศและมีสิทธิ์เข้าประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ห่างไกลยาเสพติด ในรอบชนะเลิศ มีดังนี้  ประเภทรุ่นเล็ก (อายุ 15-19 ปี) จำนวน 4 คน ประกอบด้วย1. น.ส.ปนิดา พูดดี  2. น.ส.ณัฐฐาพร บุตรไชย   3. น.ส.สุนิตา สมมะวัง  4. น.ส.มลิวัลย์  ถินมา-นัด   ประเภทรุ่นใหญ่ (อายุ 20-40 ปี) จำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1. นายอนุสรณ์ พนมศักดิ์  2. นายธีรวุฒิ คำแสน  3. นายทศพรชัย ไตรยราช  4. น.ส.รัชนก มูลเพ็ญ

ผู้ผ่านรอบรองชนะเลิศ ทั้ง 8 คน ให้ไปรายงานตัวเพื่อเข้าประกวดร้องเพลงตามโครงการฯ รอบชิงชนะเลิศ  ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.30 น. ณ เวทีชั่วคราวบริเวณสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม  ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม  ผู้ที่ไม่ไปตามกำหนดเวลา  คณะกรรมการฯ จะถือว่าสละสิทธิ์ที่จะเข้าประกวดในรอบดังกล่าว  สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม http://www.nkppao.com

กกต.นครพนม ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อเสนอชื่อต่อ กกต.พิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งเป็น กกต.นครพนม

เรือโทสมควร  มั่นคง  ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม  ได้ประชุมเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2557   มีมติคัดเลือกผู้สมัคร  จำนวน 36 คน  ให้เหลือ  15 คน  เพื่อเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม  จำนวน 5 คน  ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วย  คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด พ.ศ. 2552  โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน 15 คน  ดังนี้   นายกวี  สีสัน  นายคุมพล  บรรเทาทุกข์  นายชาญวิทย์  มูลโคตร  นายดาบชัย  โพธิ์สุวรรณ  นายถาวร จำปา  นายธเทวินทร์  ตติยรัตน์  นายนิกุล  อ่อนอุบล  นายปริญญา  ธรเสนา  พ.ต.อ.เพิ่มศักดิ์  ศรีโสดา  นายภูวินทร์  โพธิสาขา  พ.ต.ท.ยศวัจน์  ตั้งจิตรมณีศักดา  นายสมเกียรติ  ศิริตัน  นางอมรรัตน์  เชิงหอม  นางอมรา  ณ นครพนม  และนายอำนาจ  นาชัย

เอกอัครราชทูตเวียดนามร่วมรำลึกความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม

สมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดนครพนม  จัดงานวันรำลึกความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม  ครบรอบ  11  ปี  ณ หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม  บ้านนาจอก  ตำบลหนองญาติ  อำเภอเมือง  จังหวัดนครพนม  เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีทั้งสองประเทศ

นายอดิศักดิ์  เทพอาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  พร้อมด้วยนายเหงียน  เติดแถ่ง  เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย  ร่วมรำลึกความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม  ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดประธานโฮจิมินห์   ซึ่งประธานโฮจิมินห์เป็นบุคคลที่แบบอย่างทางด้านแนวคิด  วิสัยทัศน์และคุณธรรมให้ประชาชนชาวเวียดนามในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า

ด้าน นายเหงียน  เติดแถ่ง  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย  กล่าวว่า ประธานโฮจิมินห์ได้เดินทางไปทั่วโลก  แต่จังหวัดนครพนมเป็นสถานที่สำคัญที่สุด  เนื่องจากเป็นสถานที่ได้วางรากฐานการก่อตั้งพรรคสังคมนิยมแห่งอินโดจีนและพรรคสังคมนิยมเวียดนาม  ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองประเทศนี้มีคุณค่ายิ่ง  โดยในระดับประเทศมีการยกระดับความสัมพันธ์ในระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์  ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ดังกล่าว  ระดับท้องถิ่นจังหวัดนครพนม-จังหวัดฮาติงห์  ประชาชนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะยกระดับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นในอนาคตท่ามกลางสภาวะความร่วมมือที่ดี  ซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป

การฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากอัคคีภัยในอาคาร

จังหวัดนครพนมจะดำเนินการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากอัคคีภัยจังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 โดยกำหนดการฝึกซ้อม เป็น 3 รูปแบบ คือ ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. – 12.00 น. เป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) เวลา 13.00 – 16.30 น. เป็นการฝึกซ้อมแบบเฉพาะหน้าที่ (Functional Exercise : FEX) ณ ห้องประชุมพระธาตุพนม ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) ชั้น 5 และในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป เป็นการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ (Full Scale Exercise : FSX) ณ โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม โทร/โทรสาร 0-4251-1025, 04251-4065

นรข.นครพนม จัดงานวันรำลึกวันอาภากร

หน่วยงานราชการ  รัฐวิสาหกิจ  ประชาชน  สื่อมวลชน  ร่วมวางพวงมาลารำลึกวันอาภากร ที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง  จังหวัดนครพนม

พลเรือตรีอารักษ์  แก้วเอี่ยม  ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง  พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์  เทพอาสน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  หัวหน้าส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  ประชาชน  สื่อมวลชน  ร่วมวางพวงมาลารำลึกกรมหลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันสิ้นพระชนม์ ปีที่ 91  จากนั้นอ่านคำประกาศเกียรติคุณของผู้บัญชาการกองทัพเรือ

โอกาสนี้พลเรือตรีอารักษ์  แก้วเอี่ยม  กล่าวว่า  กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  ถือเป็นองค์พระบิดาทหารเรือที่มีคุณต่อประเทศชาติและคนไทย  ซึ่งทหารเรือที่เป็นทหารเรือได้ในวันนี้เพราะพระองค์ท่านได้วางรากฐานไว้ให้มีความเจริญก้าวหน้า  จึงขอให้ประชาชนคิดถึงคุณประโยชน์   ทหารเรือจะรักษาทรัพย์สมบัติและประเทศชาติไว้ให้อยู่คู่ประชาชนคนไทยให้ยาวนาน  และจะยึดมั่นในสิ่งที่พระองค์ได้วางรากฐานไว้เพื่อประชาชนต่อไป

รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ห่างไกลยาเสพติด “อบจ.นครพนมสานฝันเทิดไท้องค์ราชัน” ในโครงการ TO BE NUMBER ONE ในรอบรองชนะเลิศ

การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ห่างไกลยาเสพติด รอบรองชนะเลิศได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว รายชื่อผู้ประกวดร้องเพลงที่ผ่านรอบรองชนะเลิศและมีสิทธิ์เข้าประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ห่างไกลยาเสพติด ในรอบชนะเลิศ มีดังนี้

ประเภทรุ่นเล็ก (อายุ 15-19 ปี) จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
1. น.ส.ปนิดา พูดดี
2. น.ส.ณัฐฐาพร บุตรไชย
3. น.ส.สุนิตา สมมะวัง
4. น.ส.มลิวัลย์ ถินมานัด

ประเภทรุ่นใหญ่ (อายุ 20-40 ปี) จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
1. นายอนุสรณ์ พนมศักดิ์
2. นายธีรวุฒิ คำแสน
3. นายทศพรชัย ไตรยราช
4. น.ส.รัชนก มูลเพ็ญ

ผู้ผ่านรอบรองชนะเลิศ ทั้ง 8 คน ให้ไปรายงานตัวเพื่อเข้าประกวดร้องเพลงตามโครงการฯ รอบชิงชนะเลิศ ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.30 น. ณ เวทีชั่วคราวบริเวณสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม หากท่านใดไม่ไปตามกำหนดเวลา คณะกรรมการฯ จะถือว่าท่านสละสิทธิ์ที่จะเข้าประกวดในรอบดังกล่าว สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม http://www.nkppao.com

ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดินในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดินในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีผลการตรวจสอบเป็นดังนี้ คุณภาพน้ำลำปาวบริเวณใต้เขื่อนลำปาว ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง บริเวณสะพานข้ามลำน้ำพาน ตำบลหลุบ อำเภอเมืองพบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ บริเวณบ้านดอนสนวน ตำบลหลุบ อำเภอเมืองและบริเวณตำบลกมลาไสยพบว่าปริมาณแอมโมเนีย-ไนโตรเจนสูง บริเวณตำบลร่องคำ อำเภอร่องคำพบปริมาณออกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน บริเวณตำบลกุดจิก อำเภอท่าคันโทและบริเวณตำบลดงสมบูรณ์ อำเภอท่าคันโทพบว่าปริมาณความสกปรกของน้ำในรูปสารอินทรีย์มีค่าค่อนข้างสูง

ส่วนคุณภาพน้ำลำปาวน้อย จากการตรวจสอบ 1 พื้นที่บริเวณบ้านสุขสวัสดิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่พบปริมาณแอมโมเนีย-ไนโตรเจนสูง และคุณภาพน้ำลำน้ำยัง บริเวณบ้านกุดโง้ง ตำบลกุดค้าว อำเภอกุฉินารายณ์พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ประกอบการ โรงงาน โรงเรียน สถาบันการศึกษา ฯลฯ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องไม่ระบายน้ำเสียที่มีค่าเกินมาตรฐานออกนอกพื้นที่ตนเอง พร้อมทั้งต้องทำการบันทึกและรายงานการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียต่อเทศบาล และ อบต.เป็นประจำทุกเดือนด้วย



สุวรรณ ศรีอาภรณ์ / ข่าว

อำเภอ ซำสูงจังหวัดขอนแก่นประกาศเจตนารมณ์ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอย่างยั่งยืน

ที่หอประชุมอำเภอซำสูงนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธาน นำหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านกลุ่มพลังสตรี สมาชิกกองทุนหมู่บ้านในอำเภอ ซำสูง ร่วมกันปฏิญาณตนเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดรวมทั้งประกาศสงครามในการต่อต้านยาเสพติดให้เป็นวาระสำคัญของจังหวัดขอนแก่นโดยให้ทุกหมู่บ้านทุกชุมชนมีกฏหมู่บ้าน ชุมชน ตั้งอาสาสมัครเป็นเวรยามหมู่บ้านและช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสยาเสพติดให้เหมือนกับตาสับปะรดอยู่ที่ไหนก็เห็นพฤติกรรมผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติด เราจะได้นำลูกหลานของเราที่หลงผิดกลับมาจากวงจรการค้าการเสพยาเสพติดได้อย่างยั่งยืน สำหรับ อำเภอซำสูง มี 5 ตำบล 35 หมู่บ้านมีการดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในปี 2556 มีการดำเนินคดียาเสพติด 120 คดี ปี2557ตั้งแต่เดือนมกราคมมานี้ดำเนินคดีไปแล้ว 80 รายนำผู้เสพไปบำบัด 88 คน มีการทำประชาคมหมู่ รีเอกซเรย์คนในพื้นที่ ออกกฏหมู่บ้านในการเฝ้าระวังยาเสพติด มีการตรวจสอบร้านอินเตอร์เน็ต 19 ร้านร้านคาราโอเกะ 4 ร้านมีร้านอินเตอร์เน็ตฝ่า 1 ร้านทำการสั่งพักใบอนุญาต 60 วัน และขณะนี้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทุกหมู่บ้านร่วมโครงการงานศพปลอดเหล้า ปลอดการพนัน ตอนนี้ทั้ง 35 หมู่บ้านเข้าร่วมโครงการที่ผ่านมามีอยู่ 21 งานผ่านการรับรองว่าเป็นงานศพปลอดเหล้าปลอดการพนัน โดยในงานนี้มีการมอบป้ายหมู่บ้านปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนและหมู่บ้านงานศพปลอดเหล้า ปลอดการพนัน ให้กับทั้ง 35 หมู่บ้านด้วย

จังหวัดขอนแก่นร่วมกับธนาคารออมสินจัดโครงการค่ายพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน กลุ่มเสี่ยงเพื่อคืนคนดีสู่สังคม

ที่ห้องฝึกอบรม สวนสัตว์ขอนแก่น นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการค่ายพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ จำนวน 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย จากสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในปัจจุบัน ส่งผลให้เด็กและเยาวชนกระทำผิดมากขึ้น ดังนั้น จังหวัดขอนแก่นโดยสำนักงานคุมประพฤติขอนแก่นร่วมกับทางธนาคารออมสิน  ร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนที่เคยพลาดพลั้ง กระทำผิด ให้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อผู้อื่นต่อสังคม และต่อชาติบ้านเมือง รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต การจัดกิจกรรมเป็นรูปแบบการเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งเป็นภารกิจที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงก่อตั้ง และนำมาใช้ในโครงการนี้ การฝึกแบบลูกเสือเพื่อให้เด็กและเยาวชนรู้จักพึ่งพาตนเอง ซื้อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ มีการพัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็ก และเยาวชนมีทัศนคติที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น  จะส่งผลให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำลดลง  นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้มีการพูดคุยกับเด็กๆเยาวชนเพื่อให้ทุกคนเข้าใจสภาพปัญหาของยาเสพติดที่ระบาดสร้างปัญหาให้กับสังคมในปัจจุบันซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขเพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลงพร้อมทั้งชี้แจงปัญหาในเรือนจำให้กับเยาวชนทุกคนฟังด้วยเพื่อให้เห็นสภาพความเป็นอยู่จริงเป็นการสร้างจิตวิทยาให้กับเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเกิดความคิดที่เปลี่ยนไปเพราะหากยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็จะมีสภาพที่ไม่ต่างจากคนติดคุกและหากมีการจับกุมก็จะมีโอกาสเข้าไปในคุกอย่างถาวรได้   การเข้าค่ายของเยาวชนครั้งนี้มีกำหนด 5 วัน 4 คืน หลังจากผ่านการเข้าค่ายแล้วเยาวชนก็จะนำความรู้ครั้งนี้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้  เป็นการคืนคนดีกลับสู่สังคม อีกแนวทางหนึ่ง

ชุมนุมเรียกร้องแก้ปัญหาเลี้ยงไก่เนื้อหลังถูกฟาร์มใหญ่เบี้ยวไม่จ่ายเงินมานานกว่า 1 ปี

ผู้เลี้ยงไก่เนื้อในระบบฟาร์มชัยภูมิกว่า 100 ราย ชุมนุมเรียกร้องให้ภาครัฐ เร่งช่วยเหลือเยียวยา หลังถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ค้างการจ่ายเงิน มานานนับปี ต้องหันไม่พึ่งเงินกู้นอกระบบ จนแบกรับภาระดอกเบี้ยต่อไปไม่ไหว

เมื่อเวลา 10.00น. วันนี้ 19 พ.ค. 57 เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ กว่า 100 ราย นำโดยนายชวน โม่งประณีต ตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเรียนเครือข่ายผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญาจังหวัดชัยภูมิ ได้เดินทางมาชุมนุมกัน บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกโนนไฮ ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ เพื่อให้ทางธนาคาร เร่งรัดการการแก้ไขปัญหาเกษตรกร ภายหลังถูกบริษัทในเครือสหฟาร์ม ผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้ได้ มาตั้งแต่ปี 2555 ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อกับบริษัทสหฟาร์มและบริษัทโกลเด้นไลน์บิสฺซิเนสจำกัด ได้รับความเดือดร้อน อ้างว่าประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จนมีการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งธนาคารกรุงไทย มีส่วนในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เสนอต่อศาล และศาลนัดไต่สวนในวันที่ 26 พ.ค.57 นี้ เกษตรกรเกรงว่า ในส่วนของตนเองจะไม่ได้รับการจัดทำแผนบรรจุไว้ จึงรวมกันมายื่นหนังสือ โดยมีนายจีรศักดิ์ สุบรรณประเสริฐ ผวจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาหฤทัย มารับหนังสือ และจะส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ต่อไป นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ช่วยเร่งรัดอีกทางหนึ่ง เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวชัยภูมิ โดยมีนายนิพนธ์ สาธิตสมิธพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ลงมารับหนังสือ

นายชวน โม่งประณีต ตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเรียนเครือข่ายผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญาจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ชัยภูมิเป็น 1 ใน 18 จังหวัด ที่ประสบปัญหา เกษตรกร 94 ราย ยอดหนี้ 104 ล้านบาท หลังไม่ได้รับเงิน ได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง เพราะใช้หลักทรัพย์กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อสร้างฟาร์มใหม่ ซื้ออุปกรณ์การเลี้ยงใหม่ จ่ายค่าแรงงาน เมื่อบริษัทค้างจ่าย เกษตรกรจึงขาดทุนหมุนเวียนไม่สามารถผ่อนชำระหนี้สิน ผิดนัด ถูกปรับดอกเบี้ย ถูกฟ้องร้อง ถูกยึดทรัพย์ รื้อโรงเรือน หรือขายฟาร์ม บางรายเปลี่ยนไปเลี้ยงให้บริษัทรายใหม่ ขณะที่ รายย่อยจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพได้

ข้อเรียกร้องวันนี้ ได้ขอให้ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเป็นกรณีพิเศษ ในฐานะรัฐวิสาหกิจด้านการเงิน และผู้ดูแลการฟื้นฟูกิจการกลุ่มบริษัทสหฟาร์ม เกรงว่าพอแผนประกาศออกมา จะมีเฉพาะในส่วนของสถาบันการเงิน ไม่มีส่วนของเกษตรกร ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง จึงต้องรวมตัวกันเรียกร้องในวันนี้ ข้อแรก ให้เร่งรัดแก้ปัญหาโดย กำหนดมาตรการในการซื้อหนี้บริษัทสหฟาร์ม และบริษัทโกลเด้นไลน์บิสฺซิเนสจำกัด ที่ค้างจ่ายเกษตรทั้งหมด 18 จังหวัด 497 ราย ยอดหนี้ 332ล้าน 434,419.68 บาท และดำเนินการช่วยเหลือตามมาตรการ 2. ให้กำหนดมาตรการช่วยเหลือ อย่างเป็นรูปธรรม โดยชะลอการบังคับชำระหนี้ ยกเลิกการคิดดอกเบี้ยปรับ หรือดอกเบี้ยในอัตราผิดนัด พักชำรำหนี้ สนับสนุนวงเงินสินเชื่อใหม่ ดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งหักลบกลบหนี้ 3.ให้กำหนดแนวทางการจัดทำแผนฟื้นฟูกลุ่มบริษัทสหฟาร์ม โดยระบุถึงการเร่งชำระหนี้เต็มจำนวนแก่เกษตรกร และส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงไก่เนื้อ ควบคู่กับกระบวนการฟื้นฟูกิจการ



สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว

แม่ทัพภาคที่ 2 เรียกผู้ว่าฯ 20 จังหวัดภาคอีสาน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในโคราชเข้าชี้แจงการประกาศกฏอัยการศึก

วันนี้ (20 พ.ค. 57) เวลา 14.00 น. พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 150 คน เข้าประชุมที่ห้องประชุม อาคารวิบูลย์ศักดิ์ ภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เพื่อชี้แจงเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก โดยมีวาระการประชุม 3 เรื่อง ประกอบไปด้วย 1.ชี้แจงการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่, 2.การปรึกษาแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 3.การมอบแนวทางการปฏิบัติในช่วงประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งที่ประชุมได้มีการวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ., แม่ทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 รวมทั้งกองกำลังสุรนารี และกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีด้วย โดยระหว่างการประชุมชี้แจงไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์แต่อย่างใด

ปปช.โคราช แถลงผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน

วันนี้ (20 พฤษภาคม ๒๕๕7 ) ที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา นายพิเชฐ พุ่มพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการแถลง
ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา ในรอบ 6 เดือน ปีงบประมาณ 2557 (ตุลาคม 2556 – มีนาคม 2557) โดย นายพิเชฐ พุ่มพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมาในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้ดำเนินงานโดยแยกตามภารกิจหลัก ประกอบด้วย ภารกิจด้านปราบปรามการทุจริต เรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 จำนวนทั้งสิ้น 161 เรื่องโดยแยกเป็นเรื่องร้องเรียนใหม่ที่ต้องดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง 157 เรื่อง (ยกมาจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จำนวน 55 เรื่อง รับใหม่จำนวน 18 เรื่อง และโอนมาจากสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 84 เรื่อง) แบ่งเป็น - เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 จำนวน 132 เรื่อง - เรื่องที่พนักงานสอบสวน ส่งเรื่องให้ตามมาตรา 89 จำนวน 7 เรื่อง - เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 จำนวน 15 เรื่อง - เรื่องกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ มาตรา 66 จำนวน 1 เรื่อง - เรื่องกล่าวผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 2 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ไต่สวนข้อเท็จจริงโดยอนุกรรมการ ซึ่งเป็นเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 จำนวน 4 เรื่อง เรื่องร้องเรียนใหม่ที่ต้องดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง จำนวน 157 เรื่อง ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเสร็จในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 18 เรื่อง (โดยเป็นเรื่องที่ไม่ปรากฏพฤติการณ์แห่งการกระทำชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ จึงไม่รับเรื่องไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจำนวน 10 เรื่อง และเป็นเรื่องมีมูลความผิด รับเรื่องไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงจำนวน 8 เรื่อง) เรื่องที่ไต่สวนข้อเท็จจริงโดยอนุกรรมการ จำนวน 4 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 1 เรื่อง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 คงเหลือเรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 142 เรื่อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จัดการประชุมสภากาแฟสัญจร ครั้งที่ 5 ประจำปี 2557

วันนี้ (20 พ.ค. 57) เวลา 07.30 น. ที่ ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จ.นครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมสภากาแฟสัญจร ครั้งที่ 5 ประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดย กระทรวงยุติธรรม มีหัวหน้าส่วนระดับจังหวัดเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานของแต่ละกระทรวงในระดับจังหวัด สำหรับในการประชุมสภากาแฟสัญจรในครั้งนี้ นอกจากจะมีการหารือข้อราชการและการดำเนินงานในด้านต่างๆแล้วได้มีการจัดเลี้ยงอีกด้วย ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ฝากไปถึงหน่วยงานราชการร่วมประชาสัมพันธ์ในการเป็นเจ้าภาพที่ดีในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 นครราชสีมาเกมส์ ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ รวมทั้งร่วมกันสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม สำหรับการประชุมสภากาแฟสัญจรครั้งต่อไป ซึ่งเป็นครั้งที่ 6 จะจัดขึ้นโดย กระทรวงแรงงานและกระทรวงพาณิชย์

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน ที่โคราช

วันนี้ (19 พ.ค. 57 ) ที่ ห้องประชุมโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายในหัวข้อเรื่อง คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน โดยมี นายประภาส รักษาทรัพย์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะครู อาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย เข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษเป็นจำนวนมาก สำหรับการบรรยายพิเศษของ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ความรู้แก่ข้าราชการ และนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบในเรื่องการปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในสังคม โดยสาระสำคัญของการบรรยายพิเศษ ได้แก่ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม อันเป็นหลักสำคัญพื้นฐานของสังคมไทย การดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ความกตัญญู ความรู้รักสามัคคี การยึดมั่นเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางรวมใจของคนไทยทั้งชาติ และทรงตรากตรำพระวรกายดูแลห่วงใยทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่ามาโดยตลอด การเจริญตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่ทรงทุ่มเทเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน ตลอดจนการศึกษาเล่าเรียน

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ติวเข้มข้าราชการฝ่ายปกครอง เพื่อเตรียมความพร้อม สู่ ประชาคมอาเซียน

วันนี้ (19 พ.ค. 57) ที่โรงแรมรายาแกรนด์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการอบรมและบรรยายพิเศษ ในโครงการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อเตรียมความพร้อมของฝ่ายปกครอง สู่ ประชาคมอาเซียน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่อภารกิจของกรมการปกครองให้กับบุคคลากรฝ่ายปกครองในพื้นที่จังหวัด ให้สามารถปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนสามารถต่อยอดสร้างความตระหนักรู้สู่ภาคประชาชนได้และเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มพูนศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจด้านประชาคมอาเซียนให้กับบุคคลากรฝ่ายปกครองในพื้นที่จังหวัด อันจะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรฝ่ายปกครองในภาพรวม โดยมีข้าราชการลูกจ้างที่ทำการปกครองจังหวัดและที่ทำการปกครองอำเภอ เข้าร่วมอบรม จำนวน 110 คน

ด้านหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การเข้าสู่ประชาอาเซียนในปี 2558 ทุกจังหวัดจะต้องเร่งรัดในการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ผ่านมาหลายจังหวัดมีการดำเนินการไปไกลเกินกว่าดัชนีตัวชี้วัดที่กำหนด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี ทั้งนี้ในพื้นที่ 32 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น จะต้องมีบริบทเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้กับข้าราชการในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจในเรื่องของภาษา รวมทั้งความรอบรู้ในเรื่องของการเป็นฑูตในจังหวัดเพื่อต้อนรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมายังประเทศไทย หม่อมหลวงปนัดดากล่าว

กลุ่มผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญา โคราช ยื่นหนังสือถึง ผวจ หลังไม่ได้รับเงินจาก บมจ.สหฟาร์ม กว่า 20 เดือน

วันนี้ (19 พ.ค. 57) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญา(คปกพ.)กว่า 20 คน นำโดยนายวาสนา นาคดิลก เครือข่ายผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญา และนายอุบล อยู่หว้า เครือข่ายเกษตรกรในระบบพันธสัญญา เดินทางเข้ายื่นหนังผ่าน นายวินัย วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังกลุ่มเกษตรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ได้รับความเดือดร้อนจากการเลี้ยงไก่เนื้อระบบพันธสัญญา เนื่องจากบริษัทสหฟาร์ม จำกัด และบริษัทโกลเด้นท์ ไลท์ บิสซิเนส จำกัด ไม่ชำระหนี้ โดยบริษัทอ้างว่าประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จนมีการยื่นคำร้องศาลล้มละลายกลางเพื่อเข้าสู่ระบบกระบวนการฟื้นฟูกิจการ

นายวาสนา นาคดิลก เครือข่ายผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อระบบพันธสัญญา(คปกพ.) เปิดเผย ว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่กว่า 497รายใน 18 จังหวัดได้รับความเดือดร้อนจาก บจก.สหฟาร์ม ขาดสภาพคล่องจนถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 20 เดือนแล้วที่ยังไม่ได้รับเงินหลังจากส่งมอบไก่เข้าโรงเชือด โดยปกติจะได้รับเงิน 21 วันหลังส่งมอบไก่ดังกล่าว ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินที่จะชำระหนี้จากธนาคารที่ได้ทำการกู้ยืมมาเพื่อประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อในระบบพันธสัญญา ดังนั้นกลุ่มเกษตรกรจึงต้องการให้ทางจังหวัดเป็นตัวกลางในการช่วยเหลือดังนี้ 1.ชะลอการบังคับใช้หนี้ตามกฎหมาย เพื่อให้เกษตรกรผู้เป็นลูกหนี้ เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ 2.ยกเลิกการคิดเบี้ยปรับ หรือดอกเบี้ยในอัตราผิดนัด และปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นปกติ นับตั้งแต่วันที่เกษตรกรผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้ได้ อันเป็นผลมาจากการที่กลุ่ม บมจ.สหฟาร์มไม่ชำระหนี้ 3.พักชำระหนี้ให้เกษตรกรมีกำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือจนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และฟื้นฟูจนมีความสามารถในการชำระหนี้ 4.สนับสนุนให้วงเงินสินเชื่อใหม่ เพื่อให้เกษตรกรมีทุนหมุนเวียน และสามารถกลับเข้าสู่วงจรธุรกิจได้ตามปกติ 5.สนับสนุนดอกเบี้ยอัตราต่ำเป็นพิเศษ เพื่อลดภาระของเกษ๖รกรในระหว่างรอผลตอบแทนที่เกิดจากการลงทุนรอบใหม่

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่ป่า

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เปิดโครงการ "เพิ่มผืนป่า อาสารวมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม” สร้างความตระหนักให้นักเรียน นักศึกษา รักษ์และหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ และร่วมกันปลูกต้นไม้เพิ่มผืนป่า

นายดุสิต สะดวก ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม นำคณะครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน นักศึกษา ร่วมกันปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่ด้านหลังวิทยาลัยฯ ตามโครงการ "เพิ่มผืนป่า อาสารวมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม” เพื่อปลูกจิตสำนึกให้กับบุคลากรและนักเรียน นักศึกษา ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้เพิ่มผืนป่า และร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไม้ยูคาลิปตัส จากบริษัทฟินิคซ์พัลซ์ แอนเพเพอร์จำกัด มหาชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 32,000 ต้น

ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม กล่าวว่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน เป็นปัจจัย 4 สามารถนำมาสร้างบ้านเรือน เป็นอาหาร ใช้ถักทอเป็นเครื่องนุ่งห่ม และใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เราทุกคนจึงควรอนุรักษ์และร่วมมือกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ให้คงอยู่ โดยการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มผืนป่า รักษาสภาพแวดล้อมและสมดุลทางธรรมชาติ



ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว

รวบผู้ต้องหาค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 1400 เม็ด

ตำรวจภูธร มหาสารคาม รวบผู้ต้องหาค้ายาบ้า หลังมีพฤติกรรมเสพและจำหน่ายยาบ้าในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นประจำ โดยสามารถจับกุมได้ พร้อมของกลางยาบ้ารวม 1400 เม็ด

              พ.ต.อ.พรเทพ กลิ่มอุดม ผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันจับกุมนายไพรัช หรือ บิว เหลี่ยมกลาง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 บ้านเจริญสุข ตำบลเกิ้ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม หลังสืบทราบว่า นายไพรัช หรือ บิว มีพฤติการณ์เสพและจำหน่ายยาบ้า ในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นประจำ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า ซึ่งซุกซ่อนภายในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขายาวด้านหน้าขวา รวมจำนวน 400 เม็ด เหตุเกิดบริเวณหน้าปากซอย 2 ถนนมนตรีบำรุง ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ขณะที่ผู้ต้องหากำลังยืนรอเพื่อจำหน่ายยาบ้าให้กับลูกค้าบริเวณที่เกิดเหตุ

               ภายหลังการจับกุม นายไพรัช หรือ บิว สารภาพยังมียาบ้าส่วนที่เหลืออยู่ภายในบ้านพัก เลขที่ 9 ซอย 2 ถนนมนตรีบำรุง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจยึด พบยาบ้าอีกจำนวน 1000 เม็ด ที่ผู้ต้องหาซุกซ่อนไว้ในถุงพลาสติกลายการ์ตูน รวมยาบ้าที่ได้จากการจับกุมครั้งนี้ รวม 1400 เม็ด พร้อมโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโมบาย สีดำ 1 เครื่อง

              เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคามเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผู้ว่าฯมหาสารคาม วอนอย่าตื่นตระหนกหลังประกาศกฎอัยการศึก

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก หลังประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกพ.ศ. 2547 ยันไม่มีผลกระทบในการดำรงชีวิต และจังหวัดมหาสารคามเป็นเมืองแห่งความสงบ

            ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ควบคุมพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 03.00 น. เป็นต้นไป เพื่อขอให้ทุกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหว หลังมีเหตุการณ์ความไม่สงบและการชุมนุมเกิดขึ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเหตุการณ์จลาจล และความไม่สงบเรียบร้อยอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ อันกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น

            นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า การประกาศ  พ.ร.บ.กฎอัยการศึกพ.ศ. 2547 เป็นการประกาศเพื่อรักษาความสงบ โดยใช้กำลังทหารได้เต็มรูปแบบ โดยจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับการดำรงชีวิตตามปกติของประชาชน หรือการบริการและปฏิบัติราชการ เพียงแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องตามประกาศต่าง ฯ ของ กอ.รส. จะต้องออกมาต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ซึ่งก็คงอยู่ในขอบเขตที่กำหนดใน พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2547 ประชาชน ไม่ต้องตระหนกตกใจ เพราะจังหวัดมหาสารคามบ้านเราสงบเรียบร้อยดี



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

กอ.รส. ฉบับที่ 5/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

คำสั่งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
ฉบับที่ 5/2557
เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
................................................................................

ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราช บัญญัติกฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 03.00 น. ไปแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้แต่งตั้งบุคคลเป็นที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังนี้
1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
2. ผู้บัญชาการทหารเรือ
3. ผู้บัญชาการทหารอากาศ
4. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

กอ.รส.เรื่องขอความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและสถานีวิทยุชุมชน

คำสั่งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
ที่ 6/2557
เรื่อง ขอความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและสถานีวิทยุชุมชน
................................................................................
เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชน เป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และสถานการณ์ความขัดแย้งขยายตัว จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ ในการนำความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมโดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงขอความร่วมมือให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและสถานีวิทยุชุมชน ระงับการถ่ายทอดออกอากาศ ดังนี้

1.สถานีโทรทัศน์ความเทียมเอ็มวี 5
2.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีเอ็นเอ็น
3.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี
4.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท
5.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีแอนด์พี
6.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล
7.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย
8.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี
9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทีนิวส์
10.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี
11.สถานีวิทยุชุมชน ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งตามกฏหมายที่กำหนด

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สั่ง ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

กอ.รส.ประกาศห้ามการเสนอข่าว แจกจ่าย จำหน่ายสิ่งพิมพ์ ที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ

คำสั่งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
ฉบับที่ 3/2557
เรื่อง ห้ามการเสนอข่าว แจกจ่าย จำหน่ายสิ่งพิมพ์ ที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ

ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 03.00 น. ไปแล้วนั้น
เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้รับ ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และสถานการณ์ความขัดแย้งขยายตัว จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ ในการนำความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมโดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2557 ดังนั้น จึงห้ามการเสนอข่าว แจกจ่าย จำหน่ายสิ่งพิมพ์ ที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนี้
1.ห้ามนำเสนอข่าวสาร ทั้งในรูปแบบของเอกสาร ภาพ สื่อสิ่งพิมพ์ การออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิล สถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุชุมชน ตลอดจนการเสนอข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ ที่มีเจตนาบิดเบือน ปลุกระดมให้สร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย แตกแยก หรือมีข้อความอันอาจทำให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว การเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่
2.ห้ามแจกจ่าย จำหน่ายสิ่งพิมพ์ ที่มีการนำเสนอข้อมูล/ข่าวสาร อันอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยตามข้อ 1

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สั่ง ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

กองทัพบกประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ฉบับที่ 1/2557

ประกาศกองทัพบก
ฉบับที่ 1/2557
เรื่อง การประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก
ตามสถานการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการ เมืองหลายกลุ่ม ได้ทำการชุมนุมประท้วงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล ตลอดจนพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ และมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ด้วยการใช้อาวุธสงครามต่อประชาชน และสถานที่สำคัญอย่างกว้างขวาง เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเหตุการณ์จลาจล และความไม่สงบเรียบร้อยอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ อันกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยรวมนั้น
เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 03.00 น. เป็นต้นไป


ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการกองทัพบก

มหาสารคามเดินหน้าจัดรูปที่ดิน เน้นความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชนในการพัฒนาพื้นที่

จังหวัดมหาสารคามชี้แจงประชาชนพื้นที่เป้าหมายโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ กว่า 170 ไร่ ให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ในการพัฒนาพื้นที่

(20-5-57) ประชาชนพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 76 ราย ในพื้นที่ 172 ไร่ ของจังหวัดมหาสารคาม ต่างให้ความสนใจในการเข้ามาร่วมประชุมเพื่อรับฟังคำชี้แจง แนวทางในโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดมหาสารคาม ที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับเทศบาลเมืองมหาสารคาม จัดขึ้น โดยมีนายอดุล จันทนปุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดรูปที่ดิน ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในการพัฒนาพื้นที่ มุ่งเน้นการจัดรูปที่ดินให้เป็นระเบียบ สวยงาม พร้อมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ตาบอด สิ่งสาธารณูปโภค และอื่น ๆ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของตนเองได้อย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ในการพัฒนาพื้นที่

นายชิตชัย อินทรพาณิชย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ในการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ในพื้นที่เป้าหมาย 172 ไร่ ของจังหวัดมหาสารคาม มีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2558 ต่อเนื่อง ปี 2559-2560 ทั้งนี้โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนเป็นเป้าหมายสำคัญ

การจัดประชุมชี้แจงโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดมหาสารคาม เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเข้าใจในหลักการ แนวคิด เรื่องการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของเจ้าของที่ดินเป้าหมาย อันจะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดมหาสารคามให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ประธานกรรมการหอการค้าไทยพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีสาน ส่งเสริมการเกษตรสมัยใหม่

ประธานกรรมการหอการค้าไทย พร้อมให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอีสานและจังหวัดมหาสารคาม ระบุการส่งเสริมด้านเกษตร นอกจากการจัดโซนนิ่งแล้ว จะต้องเป็นเกษตรสมัยใหม่ ใช้คนน้อยแต่ได้งานที่มีคุณภาพ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมเยียนหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม และร่วมประชุมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอีสานและจังหวัดมหาสารคาม ว่า การส่งเสริมด้านเกษตร นอกจากการจัดโซนนิ่งแล้ว จะต้องเป็นเกษตรสมัยใหม่ คือ ใช้คนน้อยแต่ได้งานที่มีคุณภาพ เช่น การปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวในที่นาดอน หันมาปลูกมัน สำหรับการส่งเสริมด้านธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก หรือโครงการเอสเอ็มอี จะต้องอาศัยธุรกิจขนาดใหญ่หรือผู้มีประสบการณ์ให้การสนับสนุน ซึ่งหอการค้าจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอี ให้ขับเคลื่อนไปได้ โดยอาศัย 3 หลักในการดำเนินการ คือ ทำให้ภาคเอกชน มีความเข้มแข็ง มีความสามารถ มีประสิทธิภาพ สู้คู่แข่งได้ เชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน และเชื่อมโยงระหว่างเอกชนกับส่วนราชการ ในการขับเคลื่อนธุรกิจและพัฒนาจังหวัดให้พัฒนาในทุกๆด้าน และการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ ทำให้อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขโดยที่ไม่มีความขัดแย้งกัน ด้าน นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จุดเด่นของจังหวัดมหาสารคาม คือ ได้ชื่อว่าเป็นตักสิลานคร เมืองแห่งการศึกษา ในด้านการเกษตร ได้มีการส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์ดำ เช่น ข้าวพันธุ์ไรซ์เบอรี่ ข้าวมะลิดำ และข้าวพันธุ์ลืมผัว นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การส่งเสริมการพัฒนาข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ ในส่วนของเส้นทางคมนาคม ระหว่างมหาสารคามกับขอนแก่น ซึ่งเป็นเส้นทางการค้า มีความสะดวกในการเดินทาง และจะมีการขยายเป็นถนน 4 เลนในอนาคตอันใกล้นี้



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

รายงานพิเศษ.. มหาสารคามเมืองปลอดบุหรี่ สร้างมาตรการทางสังคมที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนสู่จังหวัดปลอดบุหรี่

จากความตระหนักของปัญหาบุหรี่ ตลอดจนการร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดพื้นที่นำร่องในการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเด็กและเยาวชนในชุมชน จังหวัดมหาสารคาม จึงได้บูรณาการกับภาคีเครือข่ายรวม 20 หน่วยงาน MOU "มหาสารคามเมืองปลอดบุหรี่” สร้างมาตรการทางสังคมที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนสู่จังหวัดปลอดบุหรี่…ติดตามได้จากรายงาน

ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินงานตามโครงการ "มหาสารคามเมืองปลอดบุหรี่” โดยมีนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในการลงนาม เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 นั้น มีเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ทั้ง ฝ่ายธรรมยุติ ฝ่ายมหานิกาย พร้อมด้วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้งฝ่ายประถมและมัธยม ลงนามร่วมกับ อำเภอนำร่อง คืออำเภอแกดำ และตำบลนำร่อง อำเภอละ 1 ตำบล จำนวน 12 อำเภอ รวม 12 ตำบล รวมทั้งสิ้น 20 หน่วยงาน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เพื่อเป็นการรวมพลังทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความตระหนักต่อปัญหาจากบุหรี่ ตลอดจนร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดพื้นที่นำร่องในระดับอำเภอให้จัดการสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเด็กและเยาวชนในชุมชน

นายแพทย์คิมหันต์ ยงรัตนกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า บุหรี่เป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพ ซึ่งที่จังหวัดมหาสารคาม จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2554 พบว่ากลุ่มเยาวชน อายุ 15-18 ปี สูบบุหรี่กว่าร้อยละ 9 แม้จะยังไม่ใช่จำนวนมาก แต่ต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขภายหลัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม จึงได้แสวงหาแนวทางความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาจากบุหรี่

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นับว่าเป็นหน่วยงานในพื้นที่ที่มีส่วนสำคัญ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนได้มากที่สุด จึงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนในการสร้างมาตรการและกลไกทางสังคม ให้ทุกคนได้ตระหนักต่อปัญหาจากการสูบบุหรี่

โครงการ”มหาสารคามเมืองปลอดบุหรี่” จึงเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ พัฒนาศักยภาพของการทำงานในการขับเคลื่อนจังหวัดมหาสารคามปลอดบุหรี่ อันจะส่งผลให้ชาวมหาสารคาม ตลอดจนประชาชนทั่วไปมีสุขภาพที่ดีในที่สุด




ชนกพร โพธิสาร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม/รายงาน