วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

จังหวัดมุกดาหารจัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-กวางตรี

วันนี้ (๑๑ ก.ย. ๕๖) เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ห้องประชุมโรงแรมมุกดาหารแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-กวางตรี โดยมีนายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร แขวงสะหวันนะเขต และจังหวัดกวางตรี ตลอดจนเกิดความร่วมมืออันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ ซึ่งทั้ง ๓ เมืองได้ลงนามสัญญาสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝด ส่งผลให้มุกดาหาร สะหวันนะเขต และกวางตรี เป็นเมืองแฝดสาม ประกอบกับทั้งสามเมืองตั้งอยู่ในแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic-Corridor) โดยตกลงจะร่วมกันด้านการค้าและการลงทุน การเกษตรและอุตสาหกรรม รวมถึงการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร ภายหลังการประชุมแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปเยี่ยมชมกลุ่ม OTOPกลุ่มสานตะกร้าพลาสติก บ้านม่วงไข่ อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร และเยี่ยมชมวิถีชีวิตวัฒนธรรมภูไท และการท่องเที่ยวโฮมสเตย์บ้านภู ตำบลบ้านเป้า อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร

นายแสงทอง อนันตภักดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ทั้งสามเมือง สามประเทศ (ไทย-ลาว-เวีดนาม) มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันของหน่วยงานภาครัฐ มีความสัมพันธ์ความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นของประชาชน ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรมและภาษา ในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงการค้า การขนส่ง มากขึ้น โดยเฉพาะในปี ๒๕๕๘ ภายหลังการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะมีผลกระทบในหลายด้าน ดังนั้น การรับรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารจึงมีความจำเป็นและสำคัญ รวมทั้งการทำงานขององค์กรด้านการสื่อสารมวลชน การสร้างเครือข่าย การแสวงหาความร่วมมือกับสื่อมวลชน จากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการแลกเปลี่ยนข่าวสาร รวมถึงเพิ่มช่องทางการเผยแพร่ โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย สื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร สื่อมวลชนแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งมีท่านนางดาวอน ไซสุเลียน รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าววัฒนธรรมและท่องเที่ยว เป็นหัวหน้าคณะ และสื่อมวลชนเมืองกวางตรี ซึ่งมีนายเหงียน ฮวน รองผู้อำนวยการแผนกสื่อสารและสารสนเทศจังหวัดกวางตรี เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานของสื่อมวลชน ไทย-ลาว-เวียดนาม เพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของเมืองสามแฝดต่อไป




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชสมุกดาหาร/ข่าว
พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่ยโสธร

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต.13   ลงพื้นที่ ยโสธร ติดตามงานด้านยาเสพติด ที่ห้องประชุมอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นายนิรันดร์  สมสมาน  รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมนายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว และผู้นำชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การต้อนรับ   นางเตือนใจ  สินธุวณิก ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต.13    /นายณัฐพล  วิเชียรเพริศ   ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย  และคณะ ในโอกาศที่เดินทางมาตรวจราชการ ติดตามการดำเนินงานด้านปัญหายาเสพติดที่อำเภอคำเขื่อนแก้วจังหวัดยโสธร  อำเภอคำเขื่อนแก้วมี 13 ตำบล 115 หมู่บ้าน ที่ผ่านมา การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้มีการฝึกอบรมแกนนำผู้ประสานพลังแผ่นดิน (ตาสับปะรด)  หมู่บ้านละ 5 คน รวม 5,750 คน  เพื่อเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง  พร้อมทั้งได้ส่งเสริมและพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นชุมชนเข้มแข็งจำนวน 115 หมู่บ้าน ค้นหาผู้เสพนำเข้ารับการบำบัดรักษา พร้อมทั้งฝึกอาชีพให้  หลังจากรับฟังบรรยายสรุป คณะผู้ตรวจราชการได้ลงพื้นที่  บ้านผักบุ้ง ตำบลดงแคนใหญ่  เพื่อตรวจดูการก่อสร้างถนนลาดยางทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นได้เดินทางไปตรวจดูการขุดลอกคลองส่งน้ำ ซึ่งเป็นคลองสายหลักที่ชาวบ้านได้อาศัยน้ำจากคลองสายนี้ ทำการเกษตร นางเตือนใจ  สินธุวณิก ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต.13    กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการตรวจราชการแบบบูรณาการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และจากการฟังบรรยายสรุปพร้อมทั้งลงพื้นในครั้งนี้ มีความพอใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับปัญหาอุปสรรค ที่ชาวบ้านต้องการให้มีการขุดลอกคลองตลอดทั้งสายนั้น ตนพร้อมคณะก็จะรับเรื่องนำไปเสนอต่อรัฐบาลกันต่อไป

ประกาศสืบหาบิดามารดาเด็กถูกทอดทิ้ง

ด้วยสานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้รับเด็กชายอัครพงศ์ ภูสาย เกิดวันที่ 11 กันยายน 2552 เข้าไว้ในความอุปการะ โดยโรงพยาบาลศิริราช นำส่ง เนื่องจาก บิดาเด็กมีพฤติกรรมติดสุราและมารดาเด็ก ประสบปัญหาไม่ได้ประกอบอาชีพ ไม่มีรายได้ ไม่สามารถให้การดูแลเด็กได้ ขอฝากเด็กไว้เป็นการชั่วคราว จากหลักฐานระบุว่าบิดาเด็ก ชื่อ นายมนูญ อาวรณ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 3 (บ้านนาหลู่) ตำบลนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และมารดาเด็ก ชื่อ นางสาวกาญจนา
ภูสาย อายุ 28 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม

ดังนั้น หากผู้ใดเป็นมารดาหรือผู้ปกครองของเด็ก โปรดนำหลักฐานสูติบัตรเด็ก บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ไปติดต่อที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท เลขที่ 78/24 หมู่ที่ 1 ถนนภูมิเวท ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หมายเลขโทรศัพท์ 02-5847253 ในวันเวลาราชการด่วน



ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 11 กันยายน 2556

ร้อยเอ็ด เตือนประชาชนระวังไข้เลือดออก ขณะที่สถิติผู้ป่วยติดอันดับ 6 ของประเทศ อันดับ 2 ภาคอีสาน

วันนี้เวลา 06.10 น .(11 ก.ย. 56)   นางกมลพร คำนึง ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  พร้อมกับ

นายแพทย์ สุระ  วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด นายไพโรจน์ วะลัยใจ  นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการแทนสาธารณสุขอำเภอหนองพอก นายศุภกรณ์  สมผล ปลัด อบต.บึงงาม อ.หนองพอก และนางคำภี  กลางประพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบึงงาม  ร่วมจัด รายการทาง สวท.ร้อยเอ็ด เอฟ.เอ็ม 94.00 Mhz ระหว่างเวลา 06.10 - 07.00 น.นายแพทย์ สุระ  วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกของประเทศไทยปี2556  ยังพบการระบาดอย่างรุนแรงข้อมูลตั้งแต่1 มกราคม 2556 - 27สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วย 109,468 ราย 102 รายมากกว่าปีที่ผ่านมาช่วงเวลาเดียวกัน 3เท่า  รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์"รวมพลังเอาชนะไข้เลือดออก" ด้วยการระดมทุกภาคส่วนต่อสู้กับปัญหาไข้เลือดออก โดยยึดอำเภอเป็นฐานดำเนินการจัดการลูกน้ำยุงลายและยุงตัวแก่กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์เป็นเวลาแปดสัปดาห์พร้อมกันทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ป่วยใหม่ลดลงเริ่มตั้งแต่ 15สิงหาคม - 16 ตุลาคม 2556  สถานการณ์ไข้เลือดออกจังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556 - 27สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วย จำนวน 3,408 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต  อัตราป่วยเท่ากับ 261.14 ต่อแสนประชากรมีผู้ป่วยสูงอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศ ลำดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากจังหวัดเลย  มากกว่าค่ามาตรฐานช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา 3.70 เท่า  พบมากที่สุดในกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 5-14ปี อำเภอที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา คือ  อ.เมืองร้อยเอ็ด 110 ราย, อ.จตุรพัตรพิมาน 71 ราย อ.ธวัชบุรี 64 ราย  อ.โพนทอง 60 ราย และ อ.เกษตรวิสัย 45 ราย ตำบลที่ไม่พบผู้ป่วยเลย คือ ตำบลกุดน้ำใสตำบลนานวลและตำบลชานุวรรณ อำเภอพนมไพรและตำบลบึงงาม  อำเภอหนองพอก

ขณะนี้ มาตรการป้องกัน เร่งด่วน ได้ป้องกันโดยการพ่นสารเคมีทุกวันที่ 7 ของเดือน และการสะสางการทำลายขยะ ภาชนะ ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในบ้านรอบบ้าน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก  โรงพยาบาล วัด ส่วนราชการรวมถึงพื้นที่สาธารณะ  ให้ อสม.เยี่ยมบ้าน  กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน กระชับเตือนชาวบ้านอย่างจริงจัง  ดำเนินการตามมาตรการ 3 ร 5 ป 1 ข คือพื้นที่ เสียง 3 ร ได้แก่ โรงเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล 5 ป ได้แก่ ปิด ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ปฏิบัติ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับปรุง ย่างต่อเนื่อง และ 1 ข คือ ขัดภาชนะที่เคยมีน้ำขัง เพื่อกำจัดไข่ยุง และลดจำนวนผู้ป่วยลงให้ได้




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ

กมลพร คำนึง  / บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ดมีอัตราการเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

นายสมพร อรุณรัตน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับการจัดสรรและโอนเงินงบประมาณกองทุนละ 1 ล้านบาท จำนวน 2,495 กองทุน เป็นเงิน 2,495 ล้านบาท แยกเป็นกองทุนหมู่บ้าน 2,443 กองทุน ชุมชนเมือง 16 กองทุน มีสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 257,435 หมู่บ้าน คณะกรรมการ จำนวน 28,989 ราย มีเงินกองทุนหมุนเวียนในกองทุนหมู่บ้านทั้งหมด จำนวน 5,241,045,519 บาท รัฐบาลให้การสนับสนุน จำนวน 4,947,200,000 บาท เป็นเงินกองทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 293,845,519 บาท โดยมีอัตราที่เพิ่มขึ้น จำนวน 119,497 บาท/กองทุน




 วิมล เร่งศึก/ข่าว
 กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
11 ก.ย. 56

ร้อยเอ็ดเดินหน้าขับเคลื่อนยกระดับรายได้ครัวเรือน ปี 2557 ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3

จังหวัดร้อยเอ็ดเดินหน้าขับเคลื่อนยกระดับรายได้ครัวเรือน สนองนโยบายด้านการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เป้าหมายปี 2557 รายได้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3 หรือประมาณ 7 หมื่นบาท/คน/ปี

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนยกระดับรายได้ครัวเรือน จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อเช้าวันนี้ (11 ก.ย.56) ณ โรงแรมเพชรรัชต์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายสมพร อรุณรัตน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดการประชุม เพื่อรวบรวมแผนงาน/โครงการขับเคลื่อนการยกระดับรายได้ครัวเรือนประชากรในจังหวัดร้อยเอ็ด จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลด้านการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขยายโอกาสให้บรรลุผลสำเร็จ นายสมพร อรุณรัตน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้ดำเนินโครงการยกระดับรายได้ครัวเรือน (ทั่วประเทศ) เพิ่มขึ้น โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนกิจกรรมระดับจังหวัด และมีหน่วยงานปฏิบัติในจังหวัดร้อยเอ็ด ครบทุกภาคส่วน เพื่อให้การขับเคลื่อนตัวชี้วัดที่ 1.1.6 ให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งปี 2557 จังหวัดร้อยเอ็ดได้ตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 3 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นบาท/คน/ปี จากฐานเดิมปี 2556



 วิมล เร่งศึก/ข่าว
 กมลพร คำนึง/บก.ข่าว
11 ก.ย. 56

ร้อยเอ็ดเกมส์ ชิงชัย 10 วัน โคราช นำ 63 ทอง ขณะที่ร้อยเอ็ดเจ้าภาพนำ 13 ทอง ติดอันดับ 7 ตัวแทนภาค 3

ผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ชิงชัย 10 วัน   จังหวัดนครราชสีมา  63  เหรียญทอง  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพคว้า  13  ทอง  ติดอันดับ  7  ของภาค  3  พร้อมเปิดตัวทีมนักกีฬาว่ายน้ำร้อยเอ็ด  เป็นตัวแทนภาค 3

ช่วงเช้าที่ผ่านมา  (11 ก.ย. 56)  นายปราโมทย์  เอกก้านตรง  ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  เปิดแถลงข่าวสรุปผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ระหว่างวันที่  2 – 12  กันยายน  ที่ผ่านมา  ชิงชัย  10  วัน  ปรากฏว่า   จังหวัดนครราชสีมา  นำ  63  เหรียญทอง, จังหวัดอุบลราชธานี  30  เหรียญทอง, จังหวัดศรีสะเกษ  26  เหรียญทอง  ตามลำดับ  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพได้  13  เหรียญทอง  ติดอันดับ  7  ของตัวแทนภาค  3  จังหวัดที่ไม่ได้เหรียญทองได้แก่  จังหวัดหนองบัวลำภู  สำหรับการแข่งขันในวันนี้ (11 ก.ย. 56)  มีการแข่งขัน  11  ชนิดกีฬา  ได้แก่  กรีฑา, เทนนิส,  บิลเลียต- สนุกเกอร์,วอลเลย์บอล ,  วอลเลย์บอลชายหาด, เรือพาย, ฮอกกี้,ฟุตซอล,บาสเก็ตบอล และวูซู  อย่างไรก็ตาม  ณ  ศูนย์  Press  Center  การแข่งขันกีฬา "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ยังได้เปิดตัวทีมนักกีฬาว่ายน้ำจังหวัดร้อยเอ็ด  เข้าชิงชัยเป็นตัวแทนภาค  3  เข้าชิงกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  "สุพรรณบุรีเกมส์” นายถิรกุล เสมอ วัย 18 ปี ทำสถิติได้ยอดเยี่ยม

ผศ.ดุสิต  อุบลเลิศ  อธิการบดี ม.ราชภัฏร้อยเอ็ด  เผยในนามอุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด ว่า สมาคมฯ ได้ส่งเสริมสนับสนุนนักกีฬาสู่อาชีพ ทำเหรียญทอง ได้มากกว่า 13 เหรียญทอง นับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดร้อยเอ็ดและสมาคม ฯ และทางม.ราชภัฎร้อยเอ็ด เตรียมสร้างสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานเพิ่ม เพื่อรองรับนักกีฬาสู่อาชีพ  และให้ทุนเรียนฟรีด้วย  นอกจากนั้น  ดร.สมศักดิ์   นิลผล  ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลหนองหญ้าม้า (โรงเรียนกีฬาท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด ) ระบุเป็นโรงเรียนกีฬาแห่งเดียวแห่งแรกของไทยที่สนับสนุนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสองแห่ง ได้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด และเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เปิดสอนและเก็บตัวนักเรียน  7 ชนิดกีฬา และสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดร้อยเอ็ดหลายชนิดกีฬารวมทั้งเด็กนักเรียนติดทีมชาติด้วย



กมลพร  คำนึง/ข่าว/บก.ข่าว
บุญมี  เพ็งรัตน์/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
11 ก.ย. 56

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ

นายฐานิศร์ น้อยเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานพิธีเปิดโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ   ณ   ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวห้วยกระทิง  ตำบลกกทอง  อำเภอเมือง  จังหวัดเลย   โดยมีนายสรวุฒิ ปาลวัฒน์  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเลย, องค์การบริหารส่วนตำบล, มูลนิธิ อปพร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำกว่า 200 คน

จังหวัดเลยมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขง และมีแม่น้ำเลย  ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเลย  ไหลผ่านหลายอำเภอของจังหวัดเลย กอปรกับมีแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สามารถเรียกนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงอ่างเก็บน้ำในจังหวัด เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมาน, ห้วยกระทิง  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อของจังหวัดเลย

ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาพักผ่อนและเล่นน้ำ  ซึ่งมักประสบอุบัติเหตุเป็นประจำทุกปี นอกจากปัญหาที่พบในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย  ยังขาดความรู้และทักษะที่เพียงพอ ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นสาเหตุให้ผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บ  หรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น  และยังสะท้อนให้เห็นว่าระบบการช่วยเหลือและการกู้ชีพยังไม่มีประสิทธิ์ภาพเท่าที่ควร  จังหวัดเลยจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของความปลอดภัยและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่   จึงได้จัดโครงการฝึกซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทางน้ำขึ้น   เพื่อพัฒนาบุคลากรทุกภาคส่วน สามารถช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ   พัฒนาศักยภาพด้านการบัญชาการเหตุการณ์และประสิทธิภาพ ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ  และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฎิบัติงานได้เป็นอย่างดี

อบต.กกสะทอน คึกคักแห่สมัคร นายก อบต. และ ส.อบต.

จากกรณีที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในเขตจังหวัดเลย ได้หมดวาระลงไปพร้อมกันถึง 38  แห่ง   เมื่อวันที่  5  กันยายน  2556  ทางคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดเลย  ได้กำหนดเปิดรับสมัครทั้งนายกและสมาชิก อบต.ได้ตั้งแต่วันที่ 9 - 13  กันยายน  2556  รวม  5  วัน  อบต.กกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เ ป็นหนึ่งใน อบต.ที่ประกาศเปิดรับสมัครนายกและสมาชิก อบต.  วันแรก  9  กันยายน  2556  ตั้งแต่ช่วงเช้า 06.00 น. ได้มีประชาชนและผู้สนใจ  รวมทั้งสมาชิกหน้าเก่า-หน้าใหม่  ได้แห่มาสมัครกันเป็นจำนวนมาก  โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมี นายวิตชิณ คำนิมิตว์ อดีตนายก อบต.กกสะทอน  ได้มาลงชื่อสมัครเป็นคนแรก จนถึงเวลา 08.30 น.  ไม่มีบุคคลใดมาลงชื่อก่อนเวลา 08.30 น. ทางนายวิตชิณ คำนิมิตว์ จึงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบต.กกสะทอน ได้หมายเลข 1  ต่อมาได้มี นายนิต บุญอาจ ได้มาสมัครนายก อบต.กกสะทอน จึงได้หมายเลข 2  ทางด้านผู้สมัคร ส.อบต.กกสะทอน  มีผู้สมัครทั้งหน้า - ใหม่ มาสมัครกันอย่างเนืองแน่น  เต็มด้านหน้าสถานที่รับสมัคร  จ.ส.ต.ลำพูน  มูลสุวรรณ ปลัด อบต.ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ อบต.กกสะทอน  กล่าวว่า  ในเขต อบต.กกสะทอน มี  10 หมู่บ้าน 11 หน่วยเลือกตั้ง ประชากร 7,745 คน กกต.จังหวัดเลย กำหนดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้ง ในเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556

อำเภอเมืองศรีสะเกษร่วม อบต.หมากเขียบเปิดโครงการประชาอาสาปลูก 800 ล้านกล้า 80 พรรษา (ปีที่ 2)

วันนี้ (11 กันยายน 2556) ณ บริเวณที่สาธารณะประโยชน์บ้านโนนกกน้อย หมู่ที่ 1 ตำบลหมากเขียบ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายพยม ธารีชาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการประชาอาสาปลูก 800 ล้านกล้า 80 พรรษา (ปีที่ 2) โดยมีนายนิวัติ น้อยฝาง นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ นำข้าราชการ พนักงาน ธกส.สาขาศรีสะเกษ ผู้นำชุมชน กลุ่มพลังมวลชน นักเรียน และประชาชนชาวตำบลหมากเขียบ ร่วมกันปลูกต้นไม้ จำนวน 2,000 ต้น ประกอบด้วย ต้นยางนา, ต้นประดู่, ต้นกาเลา ต้นดอกจาน ในพื้นที่จำนวน 200 ไร่ และได้ปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 10,000 ตัว เช่น ปลานิล และปลาตะเพียน ลงในสระสาธารณะประโยชน์บ้านโนนกกน้อย หมู่ที่ 1 ตำบลหมากเขียบ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 และเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้แก่ตำบลหมากเขียบ ด้วย

จังหวัดศรีสะเกษ จัดติวเข้ม บุคลากรทางการศึกษา ยกระดับสู่ความเป็นมืออาชีพ รับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 11 กันยายน 2556 ที่โรงแรมศรีลำดวน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดการอบรมตามโครงการ โครงการพัฒนาศักยภาพครู และบุคลากรทางการศึกษาสู่มืออาชีพ กลุ่มจังหวัดการศึกษาท้องถิ่นที่ 13 ซึ่งสำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา จากองค์กรปกครองท้องถิ่นทั้ง 22 แห่ง ได้รับการพัฒนา ให้มีความรู้คู่คุณธรรม มีคุณภาพ ตามมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิชาชีพ ทั้งสมรรถนะหลัก สมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่ และสมรรถนะเฉพาะตามกลุ่มสาระการเรียนรู้พัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยมีนายบุญเพ็ง ธานี ปลัดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ นำบุคลากรครูจากสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ และเครือข่าย ประมาณ 200 คน เข้าร่วมฝึกอบรมในครั้งนี้ นายบุญเพ็ง กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้มอบหมายให้เทศบาลเมืองศรีสะเกษ โดยสำนักการศึกษา เป็นเจ้าภาพจัดการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครู และบุคลากรทางการศึกษาสู่มืออาชีพ กลุ่มจังหวัดการศึกษาท้องถิ่นที่ 13 ซึ่งจะมีบรรยายพิเศษจากบริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัดมาให้ความรู้เพื่อจะได้นำไปปรับใช้ในการสอนและให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ของผู้เรียนที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังเป็นการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเรื่องของ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้กับผู้เข้าอบรม เพื่อเป็นการนำกลยุทธไปปรับใช้ ในการเรียนการสอน ภายในอนาคตข้างหน้าต่อไป

จังหวัดมหาสารคามจัดงานย่านการค้าจังหวัดภายใต้ชื่องานเส้นสายหัตถกรรมเสื่อกกบ้านแพง สร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น

11-09-56 ที่บริเวณลาน OTOP บ้านแพง อําเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สํานักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคามร่วมกับอําเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามจัดงานย่านการค้าจังหวัดมหาสารคามภายใต้ชื่องานเส้นสายลายหัตถกรรมเสื่อกกบ้านแพงสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น โดยมีนายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์และนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธาน

นายนราธร สอนประสิทธิ์ นายอําเภอโกสุมพิสัยกล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาตลาดและระบบการค้าที่สอดคล้องกับวิถีของไทย จึงกําหนดโครงการส่งเสริมและพัฒน่ย่านการค้าให้เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถอยู่รอดและสามารถแข่งขันได้ในยุคเศรษฐกิจเสรี จังหวัดมหาสารคามมีแหล่งผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงคือเสื่อกกบ้านแพง ตําบลแพง อําเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยซื้อขายสินค้าและบริการที่ผลิตโดยคนไทย และย่านการค้าจะเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคประชาชนโดยจะผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคสู่ภูมิภาคและผลักดันเศรษฐกิจภูมิภาคสู่ตลาดโลก พัฒนาเศรษฐกิจการค้าจังหวัดให้เติบโต มีความเข้มแข็ง โดยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในจังหวัดฯ สอดรับแนวคิดการเป็นเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 โดยได้คัดเลือกบ้านแพง อําเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นย่านการค้าของจังหวัดมหาสารคามและมีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในย่านการค้าดังกล่าวเป็นที่รู้จักแพร่หลายสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น จึงได้ร่วมกับอําเภอโกสุมพิสัยจังหวัดมหาสารคาม กําหนดจัดงานย่านการค้าจังหวัดมหาสารคามภายใต้ชื่องานเส้นสายหัตถกรรมเสื่อกกบ้านแพงขึ้น ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2556 รวม 3 วัน บริเวณศูนย์ OTOP บ้านแพงตําบลแพงอําเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม รูปแบบเป็นการจัดงานแสดงและจําหน่ายสินค้า โดยจะมีผลิตภัณฑ์ในแหล่งผลิตย่านการค้า สินค้าเกษตร/อาหารปลอดภัย สินค้าธงฟ้ามหาชนของผู้ประกอบการในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงและมีการแสดงตลอดทั้ง 3 วัน




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มหาสารคามเตรียมจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ 16 กันยายน นี้

จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดจัดงานมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 วันที่ 16 กันยายน นี้ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติเด็กและเยาวชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบความหมายและความสำคัญของวันเยาวชนแห่งชาติ

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติกำหนดให้วันที่ 20 กันยายน ของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งทั้ง 2 พระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติในขณะที่ยังทรงพระเยาว์ จึงถือได้ว่าเป็นวันสิริมงคลที่เยาวชนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ทั้ง 2 พระองค์ จังหวัดมหาสารคาม จึงได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 โดยเลื่อนจากวันที่ 12 กันยายน 2556 มาจัดในวันที่ 16 กันยายน 2556 ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติเด็กและเยาวชน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบความหมายและความสำคัญของวันเยาวชนแห่งชาติ

กิจกรรมภายในงาน มหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2556 ประกอบด้วย พิธีอัญเชิญตราพระราชทานสภาเด็กและเยาวชน ขบวนธงสภาเด็กและเยาวชน พิธีถวายราชสักการะ กล่าวสุนทรพจน์ พิธีมอบเกียรติบัตรแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นจังหวัดมหาสารคาม พิธีมอบประกาศเกียรติคุณตามโครงการคนดีศรีมหาสารคาม มอบรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน มอบรางวัลการส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ต่อเด็กและเยาวชน การแสดงของวงอีสาน ดรัมไลน์ บายผดุงนารี แชมป์ดรัมไลน์แบทเทิลโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา การแสดงลีลาศ กิจกรรมถนนเด็กเดิน กิจกรรมทูบีนัมเบอร์วัน การแสดงดนตรี พร้อมระดมความเห็นด้านสภาพปัญหาและความต้องการของเด็กและเยาวชนในพื้นที่



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจัดสัมมนามาตรฐานการรับรองความปลอดภัยทางรังสี

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติสัมมนาการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงาน องค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์

ที่โรงแรมตักสิลา จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้จัดโครงการสัมมนา การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงาน องค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ ร่างกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการก่อการร้ายโดยใช้นิวเคลียร์ และกฎกระทรวงและระเบียบซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติ พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 โดยมีนายสุพรรณ แสงทอง เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 57 วรรคสอง คือ การวางนโยบาย หรือการออกกฎที่มีผลกระทบต่อประชาชนต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง และมาตรา 130 คือ การทำหนังสือสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา คณะรัฐมนตรีต้องแจ้งข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึง ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

การสัมมนาครั้งนี้ มีระยะเวลาจำนวน 1 วัน ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยผู้รับใบอนุญาต ผลิต ครอบครอง หรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ และพลังงานปรมาณูจากเครื่องกำเนิดรังสี ข้าราชการ/เจ้าหน้าที่/คณาจารย์ของสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผู้ปฎิบัติงานทางรังสี นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งสิ้น 500 คน



ภาณุวัชร คนเชี่ยว ข่าว/ส.ปชส.มค.

อำเภอนาเชือก จ.มหาสารคาม ร่วมสมทบทุนศรัทธากองทุนแม่ของแผ่นดิน

สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนาเชือก ร่วมกับอำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม จัดงานวันปลูกต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน ตามโครงการทศวรรษกองทุนแม่ของแผ่นดินฯ สร้างทุนศรัทธาจากประชาชนในพื้นที่ร่วมบริจาครวมกว่า 32,000 บาท

นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา นายอำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยนายวัฒนา แสนคำภา พัฒนาการอำเภอนาเชือก ร่วมกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน บ้านหินตั้ง หมู่ที่ 9 ตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จัดกิจกรรม "วันปลูกต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน” ตามโครงการทศวรรษกองทุนแม่ของแผ่นดิน เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (10-9-56) ที่บริเวณศาลาวัดบ้านหินตั้ง เพื่อเป็นการจัดหาทุนตั้งต้นของกองทุนแม่ของแผ่นดิน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และแสดงออกถึงพลังความรัก ความสามัคคี พลังศรัทธา หรือ "ทุนศรัทธา” เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ารับพระราชทาน "ทุนศักดิ์สิทธิ์” จากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ นำมาจัดตั้งเป็น กองทุนแม่ของแผ่นดิน

ซึ่งการจัดกิจกรรม"วันปลูกต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน” ครั้งนี้ มีส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ ร่วมนำต้นดอกเงินมาสมทบเป็นทุนศรัทธา รวมทั้งสิ้น 32,979 บาท




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ตร.ภูธรมหาสารคามสรุปสถิติการจับกุมคดีหายาเสพติดรอบ 1-9 ก.ย. 56 เมื่อเทียบ ก.ย. 55 ลดลง

ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม สรุปสถิติการจับกุมคดียาเสพติด ห้วงเดือนกันยายน 2555 เปรียบเทียบกับระหว่างวันที่ 1-9 กันยายน 2556 มีจำนวนลดลง โดยผู้ต้องหายังคงใช้พื้นที่มหาสารคามเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปยังภาคอื่น

พ.ต.ท.ณรงค์ ศรีวิเชียร รอง ผกก.สืบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวในการประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม หรือการประชุมโต๊ะข่าว ครั้งที่ 9 ประจำปีงบประมาณ 2556 ว่า สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามไม่มีแหล่งผลิตยาเสพติด และยังไม่พบกลุ่มนักค้ารายใหญ่ในลักษณะเครือข่าย แต่ผู้ค้ายังคงใช้พื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปสู่ภาคอื่น และบางส่วนนำมาจำหน่ายในพื้นที่ กับยังมีนักค้าทั้งในและนอกพื้นที่ นำยาเสพติดจากจังหวัดอื่นเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่

สำหรับสถิติการจับกุมคดียาเสพติดในรอบเดือนกันยายน 2555 รอง ผกก.สืบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า มีการจับกุม 209 คดี ผู้ต้องหา 209 คน เปรียบเทียบกับวันที่ 1-9 กันยายน 2556 ในช่วงเดียวกันกับเดือนกันยายน 2555 พบมีการจับกุม 89 คดี ผู้ต้องหา 89 คน ซึ่งมีจำนวนลดลง คิดเป็นร้อยละ 58 ส่วนพื้นที่ที่พบการกระทำความผิดในคดีสำคัญ ๆ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม โกสุมพิสัย บรบือ กันทรวิชัย วาปีปทุมและเชียงยืน ทั้งนี้ พื้นที่ที่ยังคงมีการเฝ้าระวังและเพ่งเล็ง ได้แก่ บริเวณเขตชุมชนเมือง หอพัก สถานบันเทิง สถานบริการ โดยผู้กระทำความผิดมักกระทำผิดในสถานที่ส่วนตัว เช่น หอพัก บ้านเช่า ที่พัก และยังพบอีกว่าสถิติผู้เสพยาเสพติดเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ศพส.จ.มหาสารคาม ประชุมโต๊ะข่าวยาเสพติดงบปี 56 วางแนวทางปี 57

ศพส.จ.มหาสารคาม ประชุมโต๊ะข่าวยาเสพติด ครั้งที่ 9 ปีงบประมาณ 2556 เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานทั้ง 7 แผน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การดำเนินกิจกรรมตามแผน พร้อมวางแนวทางการดำเนินงานปี 2557 เน้นสร้างชุมชนเข้มแข็งและโรงเรียนสีขาว

(11-9-56) ในการประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม หรือการประชุมโต๊ะข่าว ครั้งที่ 9 ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ มีนายสุรพล เทียนสุวรรณ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานการประชุม ได้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่วนใหญ่เบิกจ่ายเกินร้อยละ 90 แต่ยังมีบางหน่วยงานที่การเบิกจ่ายรอบไตรมาสที่ 4 ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งที่ประชุมได้เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณ

ส่วนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กลยุทธ์ 7 แผน 3 ลด 3 เพิ่ม 3 เน้น ได้ดำเนินการครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมนี้สำนักงานสถิติจังหวัดมหาสารคาม จะได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นในด้านความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดมหาสารคาม โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-20 กันยายน 2556 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 195 หมู่บ้าน 2,900 ตัวอย่าง

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2557 ยังคงดำเนินการตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กลยุทธ์ 7 แผน 3 ลด 3 เพิ่ม 3 เน้น พร้อมเน้นการสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติดและสถานศึกษาปลอดยาเสพติดหรือโรงเรียนสีขาว




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สสค.ขอเชิญส่งโครงการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้ฯ เข้ารับการสนับสนุนงบประมาณ

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน แจ้งกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ว่า สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน หรือ สสค. ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้จัดให้มีการสนับสนุนงบประมาณ โครงการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ แก่โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาทั่วประเทศ โดยมีประเด็นหลักได้แก่ การพัฒนาทักษะชีวิต และการพัฒนาทักษะอาชีพ สถานศึกษาที่สนใจสามารถเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณได้แห่งละ 1 โครงการ วงเงิน 50,000 – 100,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน

ผู้สนใจสามารถเสนอโครงการโดยใช้แบบเสนอโครงการของ สสค. ดาวโหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.QLF.or.th และส่งเอกสารโครงการจำนวน 4 ชุด และ CD ไฟล์โครงการ (จัดส่งทั้ง Word และ PDF) ไปที่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค) ตู้ ป.ณ. 34 ปณฝ.สนามเป้า กทม. 10406 วงเล็บมุมซอง : (เสนอโครงการ สสค.) ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2556



สุวรรณ ศรีอาภรณ์ / ข่าว

องคมนตรีติดตามโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตามแนวพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

พลอากาศเอก ชลิต  พุกผาสุก องคมนตรีพร้อมคณะเดินทางมาตรวจติดตามความคืบหน้าการออกแบบการก่อสร้างโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่สำนักชลประทานที่ 6 ขอนแก่นเป็นผู้รับผิดชอบโดยมีนายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงรายละเอียดของโครงการซึ่งที่จังหวัดขอนแก่นมีอยู่ 2 โครงการคือสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ตำบลโคกสูงและตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์โดยช่วงนี้อยู่ในช่วงการออกแบบการก่อสร้างซึ่งในปีงบประมาณ 2557 จะได้รับงบประมาณในการเริ่มก่อสร้างโครงการแรกจะแล้วเสร็จปี 2562 โครงการที่ 2 จะเสร็จในปี 2565 ซึ่งหากแล้วเสร็จจะช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้กว่า 5 หมื่นไร่ โดยใช้งบประมาณ 8 ร้อยกว่าล้านบาท

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นสรุปผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดตามโครงการจังหวัดขอนแก่น ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด

วันนี้ ( 11 กันยายน 2556) เวลา 14.00 น.  ที่ ห้องศรีจันทร์ โรงแรมเจริญธานี อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการจัดกิจกรรมสรุปผลการดำเนินการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ตามโครงการจังหวัดขอนแก่น ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมีนายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำกล่าวต้อนรับและความเป็นมาของโครงการ สำหรับผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาที่มีสำนักงานสาธารณสุขเป็นแม่งานในการดำเนินงานโดยนายแพทย์วิทิต สฤษดิ์ชัยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขขอนแก่นกล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ดำเนินการบำบัดรักษาผู้เสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างระบบเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด มีผลการบำบัดในปี 2556 (ต.ค.2555-ส.ค .2556) จำนวน 9,464 คนคิดเป็นร้อยละ 145.57 แยกเป็นระบบสมัครใจ 2,014 คน ระบบค่ายบำบัด 4,171 คน ระบบบังคับบำบัด 2,673 คน ระบบต้องโทษ 604 คน งานพัฒนามาตรฐานงานยาเสพติดบำบัดรักษา มีโรงพยาบาลผ่านการประเมินตามมาตรฐานที่เกี่ยวกับงานบำบัดรักษายาเสพติด( HA) 16 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 72.73 ส่งเสริมโรงพยาบาลในสังกัด 26 อำเภอ มีการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพ ให้งานบรรลุเป้าหมาย ส่งผลให้นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้เป็นตัวแทนจังหวัดขอนแก่นรับพระราชทานเกียรติยศ ผู้ว่าราชการจังหวัด TO BE NUMBER ONE ปี 2556 จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี นายแพทย์คิมหันต์ ยงรัตนกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นรับรางวัลธัญญารักษ์อวอร์ท ด้านบริหารจัดการและพัฒนานโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ในงานนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุขได้มอบธงพลังแผ่นดินให้แก่ภาคีเครือข่ายด้านการแก้ปัญหายาเสพติด 26 อำเภอ รางวัลหน่วยงานที่มีผลงานด้านการบำบัดรักษาดีเด่นและหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนงานตามนโยบายจังหวัดขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดนอกนั้นก็มีหน่วยงานองค์กรต่างๆนำผลงานมาจัดแสดงนิทรรศการให้กับผู้มาร่วมงานได้ชมด้วย

อำเภอหนองเรือร่วมกันรณรงค์ออกหน่วยเคลื่อนที่กำจัดยุงลายในพื้นที่

นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินชาวอำเภอหนองเรือเอาชนะไข้เลือดออกโดยเป็นการปล่อยขบวนรณรงค์และปล่อยทีมกำจัดหน่วยพ่นยาฆ่ายุงเพื่อออกไปพ่นกำจัดยุงในที่อำเภอหนองเรือทุกหมู่บ้านทุกตำบลเพื่อให้หนองเรือปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกแม้ว่าในพื้นที่อำเภอหนองเรือก็มีการระบาดของไข้เลือดออกบ้างแต่ก็ยังน้อยยังสามารถควบคุมได้แต่ทางสาธารณสุขอำเภอพร้อมเจ้าหน้าที่ กลุ่ม อ.ส.ม. ในพื้นที่ก็ร่วมมือกันออกรณรงค์เรื่องการกำจัดยุงลายป้องกันไข้เลือดออกทุกวันเพื่อให้หนองเรือปลอดภัยเพราะจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดมีมีการระบาดของไข้เลือดออกสูงอยู่มีผู้เสียชีวิดจากโรคนี้ด้วยหากมีการให้ความรู้อย่างต่อเนื่องปัยหาไข้เลือดออกก็จะลดน้อยลง

อำเภอหนองเรือลงนามร่วมมือปรับภูมิทัศน์เมือง

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานและสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจในอำเภอหนองเรือและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อร่วมกันพัฒนาปรับภูมิทัศน์เมืองหนองเรือให้มีความเป็นระเบียบ สวยงาม มีการจัดเก็บสายไฟที่ห้อยระโยงเต็มเสาไฟฟ้าให้เป็นระเบียบมีการปรับภูมิทัศน์ของเมืองให้สะอาดสวยงามให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของหนองเรือที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นอีกถือเป็นการร่วมมือกันครั้งใหญ่ของชาวอำเภอหนองเรือ

ซื้อเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา - สังฆปริณายก

นางชนัดดา แฮร์รัส ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 รัฐบาลได้จัดงานฉลองพระชันษา พร้อมจัดให้มีการจัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชันษา 100 ปี ด้วย ในราคาเข็มละ 300 บาท

ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่พระประวัติ พระศาสนกิจ และพระเกียรติคุณให้ยิ่งใหญ่ รัฐบาลจึงกำหนดจัดงานให้สมพระเกียรติทุกประการ ทั้งงานพระราชพิธี รัฐพิธี ศาสนพิธี และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน โดยให้ชื่อการจัดงานเป็นภาษาไทยว่า "งานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 3 ตุลาคม 2556” ชื่อภาษาอังกฤษว่า "The Celebration of the 100th Birthday Anniversary of His Holiness Somdet Phra Nyanasamvara the Supreme Patriarch of Thailand 3rd October 2013”

ระยะเวลาการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เนื่องจากวันที่ 21 เมษายน 2556 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และเป็นวันครบ 2 รอบ หรือ 24 ปี แห่งการได้รับพระราชทานสถาปนา และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้การจัดงานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวรฯ ระหว่างวันที่ 1 – 7 ตุลาคม 2556 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดงานในครั้งนี้

สำหรับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จำหน่ายในราคาเข็มละ 300 บาท เพื่อสมทบทุน "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร”

โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมกันปฏิบัติธรรม สังฆราชบูชา เพื่อถวายความจงรักภักดีและถวายเป็นพระกุศลต่อพระองค์ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 และ ติดต่อขอซื้อเข็มที่ระลึกได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย สำนักงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2556 เป็นต้นไป รายได้สมทบทุนมูลนิธิ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร” สอบถามได้ที่โทร 0 2281 7233 หรือ 0 2281 7224 

สสจ.นครราชสีมา จัดให้มีการประกวดการออกแบบแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ “เชิญชวนคนโคราชแปรงฟันก่อนนอน”

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา (สสจ.นม.) จัดให้มีการประกวดการออกแบบแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ "เชิญชวนคนโคราชแปรงฟันก่อนนอน”เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา

นางชนัดดา แฮร์รีส ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประกวดฯ บอกว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดทำโครงการสื่อสร้างสรรค์ "เชิญชวนคนโคราชแปรงฟันก่อนนอน” โดยประกวดสื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการดูแลทันตสุขภาพในรูปแบบที่หลากหลายสอดคล้องกับสภาพปัญหา โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำแบบที่ชนะเลิศจากการประกวด ไปใช้เป็นแบบในการผลิตโปสเตอร์และคัดเอา ที่จะใช้ประชาสัมพันธ์รณรงค์เชิญชวนให้คนโคราชโดยเฉพาะเยาวชน ตระหนักและให้ความสำคัญในการรักษาสุขภาพฟันและช่องปาก ด้วยการแปรงฟันก่อนนอนทุกวัน โดยมีผลงานที่ส่งเข้าประกวดตามเกณฑ์ 9 ชิ้นงาน ซึ่งผลการประกวดได้ดำเนินการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ตามที่ปรากฏตามภาพลำดับ จากซ้าย – ขวา

ปภ.นครราชสีมา ประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เพิ่มเติมครั้งที่ 1 อีก 154 ราย

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดนครราชสีมา ว่า ปภ. ได้ประกาศ รายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้มีการลงทะเบียนไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 1) อีก 154 ราย

นางปิยะฉัตร กล่าวว่า ตามที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้เคยประกาศรายชื่อ ผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้มีการลงทะเบียนไว้แล้ว จำนวน 15,220 ราย แล้วนั้น
                 
ขณะนี้ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพิ่มเติมครั้งที่ 1 อีกจำนวน 154 รายแล้ว ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา จึงขอประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย ดังกล่าวเพิ่มเติม จำนวน 154 ราย โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้จากเว็บไซด์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (www.disaster.go.th) เว็บไซด์ของสำนักนายกรัฐมนตรี (www.opm.go.th) และ ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ ผู้มีรายชื่อที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว สามารถยื่นคำร้องได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2556 ส่วนกลาง ยื่นได้ที่ สำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถนนอู่ทองนอก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ส่วนภูมิภาคยื่นได้ที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครราชสีมา (ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย) เลขที่ 1357 ถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โทร./โทรสาร 0 4424 2131

กระทรวงพลังงาน ร่วมถอนพิษวิกฤตราคาก๊าซหุงต้ม เดินหน้าโครงการรับมอบระบบผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือนจากประเทศจีน

กระทรวงพลังงาน ร่วมถอนพิษวิกฤตราคาก๊าซหุงต้ม เดินหน้าโครงการรับมอบระบบผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือนจากประเทศจีน ยันติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพ 300 ระบบช่วยเกษตรกร 300 ครัวเรือน ในจังหวัดนครราชสีมาได้ใช้ผลิตพลังงานจากของเสีย มูลสัตว์ทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้มได้สูงถึง 52,560 กิโลกรัมต่อปี ประหยัดเงินได้สูงถึง1.05 ล้านบาทต่อปี และลดการตัดไม้ได้ปีละ 157,600 กิโลกรัม

วันนี้ (11 กย 56 ) เวลา 11.30 น. ที่โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 2 บ้านหนองปล้อง อ.ปกธงชัย จ.นครราชสีมา นายอำนวย ทองสถิต อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นาย Ning Fukui (นิง ฟุอุ้ย) เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันลงนามความร่วมมือในการส่งมอบระบบผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือน จำนวน 300 ระบบ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ 5 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย อ.ปักธงชัย อ.บัวใหญ่ อ.โนนแดง อ.โชคชัย และ อ.เมือง

นายอำนวย ทองสถิตย์ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า รูปแบบระบบบ่อก๊าซชีวภาพที่ฝ่ายจีนได้มอบให้แก่ฝ่ายไทยนั้น เป็นระบบผลิตก๊าซชีวภาพแบบ Fixed Dome สำเร็จรูป ซึ่งมีปริมาณสุทธิ 6 ลูกบาศก์เมตร ผลิตด้วยไฟร์เบอร์กลาส และพลาสติก เป็นแบบที่ผลิตในประเทศจีน ชิ้นส่วนอุปกรณ์จะแยกเป็น 3 ส่วน เพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้ายขนส่งไปประกอบและติดตั้ง มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยระบบบ่อก๊าซชีวภาพดังกล่าวนี้ จะใช้กับครัวเรือนที่มีสมาชิกประมาณ 4 – 5 คน มีหมู 2 – 4 ตัว มีปริมาณมูลหมู 4 – 8 กิโลกรัมต่อวัน ใช้ได้กับการหุงต้มจำนวน 3 มื้อ/วัน ซึ่งจะช่วยให้ครัวเรือนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยเฉพาะการใช้ทดแทนก๊าซหุงต้มสำหรับครัวเรือน ความร่วมมือที่ได้รับกับทางการจีนในครั้งนี้ มั่นใจว่า ในภาพรวม จะสามารถช่วยลดการนำเข้าและพึ่งพาก๊าซหุงต้มได้สูงถึง 52,560 กิโลกรัมต่อปี สามารถประหยัดเงินเป็นมูลค่าประมาณ 1,051,200 บาทต่อปี ลดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงประเภทถ่าน ได้สูงถึงปีละ 157,600 กิโลกรัม รวมทั้งแนวทางการนำของเสียมาผลิตพลังงาน ในระบบบ่อก๊าซชีวภาพดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดสุขอนามัยในชุมชนที่ดีขึ้น เกษตรกรรู้จักและเข้าใจในการพึ่งพาตนเอง โดยนำของเสียมาผลิตเป็นพลังงาน และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย ในส่วนของการกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการติดตั้งระบบทั้ง 300 ระบบ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ ของเสียอาหารจากครัวเรือน หรือสิ่งปฏิกูลจากห้องสุขา เบื้องต้น ได้คัดเลือกครัวเรือนที่มีศักยภาพและเหมาะสมในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเกษตรกรที่ผ่านการพิจารณาจำนวน 300 ครัวเรือนที่ได้เข้าร่วมโครงการ ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ เมืองนครราชสีมา 25 ระบบ อำเภอโชคชัย 15 ระบบ อำเภอปักธงชัย 128 ระบบ อำเภอโนนแดง 50 ระบบ และอำเภอบัวใหญ่ 82 ระบบ โดยเบื้องต้น คุณสมบัติของเกษตรกรหรือชุมชนที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ของก๊าซชีวภาพ และสมัครใจที่จะใช้ รวมทั้งต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการติดตั้ง ได้แก่ พื้นที่เปล่าสำหรับการติดตั้งอย่างน้อย 5 x 10 เมตร มีพื้นที่เพาะปลูกไม่น้อยกว่า 1 ไร่ มีแหล่งน้ำเข้าถึงตลอดปี มีโรงเรือนสำหรับสัตว์และสุขาในครัวเรือนตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อสะดวกในการรวบรวมของเสียแต่ละแหล่งมาลงระบบผลิตก๊าซชีวภาพ มีสัตว์ เช่นโดยมี สุกรขุน ขนาด 60 กิโลกรัมต่อตัว ไม่น้อยกว่า 3 ตัว หรือมีสัตว์อื่นที่ให้ของเสียได้ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาดังกล่าว ถือเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมสูงสุด สำหรับผลการดำเนินงาน ขณะนี้ พพ. ได้คัดเลือกศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีวมวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เป็นที่ปรึกษาโครงการ และได้เริ่มอบรมการใช้ผลิตก๊าซชีวภาพดังกล่าวให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับ ซึ่งปัจจุบัน มีการทยอยติดตั้งให้แก่ครัวเรือนและเริ่มใช้งานระบบไปแล้ว จำนวน 80 ระบบได้แก่ เกษตรกรในอำเภอเมือง 21 ครัวเรือน อำเภอโชคชัย 4 ครัวเรือน อำเภอปักธงชัย 11 ครัวเรือน อำเภอโนนแดง 26 ครัวเรือน และอำเภอบัวใหญ่ 18 ครัวเรือน

 รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิชัย แสงอาทิตย์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนา ในนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) กล่าวว่า "มทส. โดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวมวล ได้รับมอบหมายจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ให้เป็นที่ปรึกษาและดำเนินโครงการศึกษาและติดตามประเมินผลระบบผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือนภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลจีน ซึ่งสนับสนุนระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้แก่ครัวเรือนในชนบทของไทย จำนวน 300 ระบบ รูปแบบ Fixed Dome สำเร็จรูป ผลิตด้วยไฟเบอร์กลาสและพลาสติก ปริมาตรสุทธิ 6 ลูกบาศก์เมตร ผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับใช้หุงต้มได้ 3 มื้อต่อวัน เหมาะกับครัวเรือนที่มีสมาชิก 4-5 คน มีสุกร 2-20 ตัว ใช้ทดแทนก๊าซหุงต้ม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครัวเรือน ทั้งนี้ มทส. เป็นมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพร้อมด้านผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และประสบการณ์ในการทำงานวิจัยด้านพลังงานทดแทน โดยเป็นที่ปรึกษาในการติดตั้งระบบให้กับเกษตรกรอย่างเหมาะสม มี 5 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ ได้แก่ ปักธงชัย 128 ระบบ บัวใหญ่ 82 ระบบ โนนแดง 50 ระบบ โชคชัย 15 ระบบ และอำเภอเมือง 25 ระบบ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการเตรียมพื้นที่ร่วมกับเกษตรกร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ควบคุมการก่อสร้างและติดตั้งระบบให้ถูกต้องตามแบบมาตรฐานของจีน แนวทางการกำหนดความปลอดภัยในการผลิตและใช้ก๊าซชีวภาพของ พพ. สาธิตการเดินระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้กับครัวเรือน การบำรุงรักษา และการนำก๊าซชีวภาพไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ตรวจวัดประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพของระบบ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการติดตั้งระบบและเริ่มใช้งานระบบไปแล้ว 80 ระบบ ได้แก่ ปักธงชัย 11 ระบบ บัวใหญ่ 18 ระบบ โนนแดง 26 ระบบ โชคชัย 4 ระบบ และอำเภอเมือง 21 ระบบ สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป จะได้นำข้อมูลจากการตรวจวัดมาประเมินประสิทธิภาพระบบ วิเคราะห์ความเหมาะสมทางด้านเทคนิค เศรษฐศาสตร์ สังคมและสิ่งแวดล้อม นำเสนอแนวทางพัฒนาปรับปรุงทางด้านเทคนิคและรูปแบบเพื่อใช้ขยายผลต่อไป ตลอดจน เผยแพร่การดำเนินงานให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ประชาชน และผู้สนใจ เพื่อส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้เป็นพลังงานทดแทนในครัวเรือน การใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตเกษตรกรไทย พึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” 

โคราช เปิดโครงการส่งเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้ม ให้ประชาชน

วันนี้ (11 ก.ย. 56) เวลา 09.00 น.  ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ ออกให้บริการประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร และห่างไกล ที่วัดมาบตะโกเอน ม.2 อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่ง การออกบริการประชาชนนี้ เป็นไปตามตามโครงการส่งเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้ม ให้ประชาชน ในลักษณะจังหวัดเคลื่อนที่ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา กำหนดจัดเดือนละ 2ครั้งไปตามอำเภอที่มีหมู่บ้านทุรกันดารและห่างไกล ทั้ง 32 อำเภอ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการในด้านต่างๆ โดยมีประชาชน ในพื้นที่ อ.ครบุรี และ อำเภอใกล้เคียง มารับบริการเป็นจำนวนมาก ในโอกาสเดียวกันนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคและแว่นสายตามอบให้ประชาชน และผู้สูงอายุ รวมทั้งยังได้มอบพันธุ์ปลาและกล้าไม้ ให้ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนนำไปปล่อยและไปปลูกอีกด้วย สำหรับโครงการส่งเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้ม ให้ประชาชน ในลักษณะจังหวัดเคลื่อนที่ได้มีกลุ่มแม่บ้านและเกษตรกร ได้นำสิ้นค้าโอทอป และพืชผักทางการเกษตรออกมาจำหน่ายด้วย 

สัมมนาอนาคตการทำสวนยางพาราในจังหวัดบึงกาฬ

นายสาโรช บุญบุตร ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์วุฒิสภา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกันจัดสัมมนาครั้งประวัติศาสตร์ของจังหวัดบึงกาฬ ในหัวข้อ "อนาคตการทำสวนยางพาราในจังหวัดบึงกาฬ” ในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. – ๑๕.๐๐ น. ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางการทำสวนยางพาราแบบประณีตในจังหวัดบึงกาฬอย่างยั่งยืน และเพื่อหาแนวทางการพัฒนาการปลูกยางพารา การดูแลรักษา การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี การปลูกพืชแซมยาง การปลูกพืชผสมผสานเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ การปลูกพืชทดแทน การเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนราคายางพารา และการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้บรรยายพิเศษ เรื่อง แนวโน้มราคายางพาราตลาดโลกหลังการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนและนโยบาย/แนวทางในการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำของรัฐบาล สำหรับเจ้าภาพหลักในการจัดสัมมนาครั้งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ พลตำรวจตรี ขจร สัยวัตร์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาการเกษตรกรรมแบบประณีต กรณีศึกษาจังหวัดบึงกาฬ และจะมีผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและสื่อมวลชนทั้งสิ้น ๖๗๓ คน

ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ ให้ข้อมูลต่อว่าจังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดที่ ๗๗ จัดตั้งตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ และจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ จังหวัดบึงกาฬ มีพื้นที่ทั้งหมด ๒,๖๙๐,๖๒๕ ไร่ การปกครองมี ๘ อำเภอ ๕๓ ตำบล ๖๓๔ หมู่บ้าน ๕๙,๗๐๓ ครัวเรือน มีเทศบาล ๑๔ แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล ๔๔ แห่ง พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้าว พืชไร่ มันสำปะหลัง พืชผัก ไม้ผล ไม้ดอก ไม้ประดับ สมุนไพรและเครื่องเทศ เนื้อที่รวม ๑,๕๖๙,๗๓๑ ไร่ พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ข้าว และปาล์มน้ำมัน สำหรับยางพารา มีพื้นที่ปลูกยางทั้งหมด ๗๒๑,๙๒๑ ไร่ เกษตรกร ๕๑,๑๘๑ ราย จังหวัดบึงกาฬมีการปลูกยางพาราเป็นอาชีพตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ เป็นต้นมา และขยายมากขึ้นทั้งการส่งเสริมจากรัฐบาลและทุนของตนเอง ปี ๒๕๕๔ ยางพารามีราคาเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกปลูก มีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ ๗-๘ แสนไร่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกยางพารามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะมีทั้งการปลูกโดยการส่งเสริมของรัฐและเอกชนปลูกเอง เกษตรกรส่วนใหญ่ทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว จึงไม่มีรายได้ด้านอื่นเป็นเหตุให้ต้องกรีดยางพาราก่อนอายุ ทำให้ต้นยางเสื่อมเร็ว อีกทั้งจุดอ่อนของจังหวัดบึงกาฬ คือ ชุดดินเป็นดินโพนพิสัย ที่มีหน้าดินตื้น มีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อดินน้อย ส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง ดังนั้น คุณภาพดินจึงสู้ภาคใต้ไม่ได้ ต้นยางจึงโตช้ากว่าในเรื่องพันธ์ยาง ผลงานวิจัยที่ออกมาหลักๆ คือ การวิจัยพันธุ์ยางพารา RRIM ๔๐๘ สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับพอสมควร แต่ปัญหาคือ การกระจายพันธุ์ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ที่ผ่านมาการปลูกพันธุ์ RRIM ๖๐๐ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ปลูกมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นการปลูกพันธุ์เดียวกันในพื้นที่เดียวกัน อาจเกิดปัญหาการอ่อนแอต่อโรคใบจุดก้างปลา และได้เริ่มต้นระบาดแล้ว นอกจากนี้การปลูกยางพาราในจังหวัดบึงกาฬยังเกิดปัญหาอีกหลายประการ ได้แก่ ปัญหาราคาตกต่ำเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม เป็นเรื่องที่ระดับนโยบายจะต้องแก้ไขปัญหา เพราะยางพาราเป็นพืชการเมือง ราคาสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ปัญหาการกรีดยางต้นเล็ก ซึ่งเป็นอันตรายต่อต้นยางมาก จากสถิติพบว่าการกรีดยางต้นเล็กจะทำให้ต้นยางตายประมาณร้อยละ ๗๐ นอกจากนั้นยังมีการใช้สารเคมีป้ายหน้ายางเพื่อให้น้ำยางไหล เนื่องจากผู้รับจ้างกรีดต้องการการปันผลประโยชน์ให้ได้จำนวนมาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจทำให้ต้นยางตายจำนวนมาก บางแห่งเกือบหมดสวน ปัญหายางพารารุกพื้นที่นาข้าว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เนื่องจากเกษตรกรปลูกยางพาราแล้วจะมีฐานะดีขึ้นในขณะที่ชาวนาปลูกข้าวแล้วมีแต่หนี้สิน จึงไม่สามารถห้ามเกษตรกรปลูกยางพาราในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม (นาข้าว) ได้ ดังนั้น เกษตรกรควรมีการเตรียมการเพื่อเตรียมรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต




สาโรช บุญบุตร ข่าว
วีรนุช ภักดีวิเศษ นำเสนอ

กศน.บึงกาฬจัดอบรมครูผู้สอนคนพิการ

วันนี้ 11 กันยายน 2556 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมทรายเงินรีสอร์ท อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายสมภพ สุนันทะนาม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกึ่งโฮมสคูลเพื่อคนพิการของ กศน.จังหวัดบึงกาฬโดยมีครูผู้สอน ผู้ดูแลคนพิการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการเข้าอบรมในครั้งนี้รวม 50 คน

นายมงคล สุระเสนา ผอ.กศน.อำเภอบุ่งคล้าได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดอบรมในครั้งนี้ว่าเพื่อให้ ครูผู้สอน ผู้ดูแลคนพิการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถร่วมกันจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับคนพิการได้อย่างถูกต้องและเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของบุคลากรเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานโดยมีผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ประกอบด้วยครูผู้สอนคนพิการจำนวน 30 คน ผู้ดูแลคนพิการ 10 คน คณะทำงาน 7 คน และวิทยากร 3 คน โดยจะมีการอบรมตั้งแต่วันที่ 10 – 13 กันยายน 2556 นอกจาการอบรมแล้วยังมีการจัดนิทรรศการของ กศน.แต่ละอำเภอที่ได้ดำเนินการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อคนพิการโดยนำ Best practice มาจัดแสดงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรที่เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้อีกด้วย

บึงกาฬสร้างมาตรฐานร้านเกมออนไลน์

วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ นายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกร้านเกมสีขาว เพื่อเยาวชน ประจำปี ๒๕๕๖ จังหวัดบึงกาฬ โดยมีวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ กล่าวคือ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบกิจการร้านเกมมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม และพัฒนาร้านเกมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยของเด็กและเยาวชน ซึ่งร้านเกมที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ จะได้รับตราสัญลักษณ์ (โลโก้) และเกียรติบัตร ประกาศเป็นร้านเกมสีขาว พร้อมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน          

วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ มีร้านเกมที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน ๑๘ แห่ง คณะทำงานได้กลั่นกรองคัดเลือกเหลือร้านเกมที่ผ่านการกลั่นกรอง จำนวน ๑๓ แห่ง แยกเป็นในเขตอำเภอเมืองบึงกาฬ ๓ แห่ง อำเภอศรีวิไล ๕ แห่ง อำเภอพรเจริญ ๒ แห่ง อำเภอโซ่พิสัย ๑ แห่ง อำเภอเซกา ๑ แห่งและอำเภอบึงโขงหลง ๑ แห่ง ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาให้ร้านเกมสีขาวระดับ ๒ ดาว จำนวน ๑๐ แห่ง และไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน ๓ แห่ง



ข่าว ส.ปชส.บึงกาฬ

ผวจ.สุรินทร์ นำทุกภาคส่วนออกหน่วยบริการโครงการสุรินทร์สร้างสุข สร้างรอยยิ้มพร้อมมอบบ้านธารน้ำใจแก่ราษฎรที่ยากไร้

ผวจ.สุรินทร์ นำทุกภาคส่วนออกหน่วยบริการโครงการสุรินทร์สร้างสุข สร้างรอยยิ้มพร้อมมอบบ้านธารน้ำใจแก่ราษฎรที่ยากไร้

วันนี้ (11 ก.ย.56) ที่บ้านอังกรวง เลขที่ 96 หมู่ที่ 5 ตำบลตระแสง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยนายถาวร กุลโชติ ปลัดจังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ ร่วมมอบบ้านธารน้ำใจ ที่จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลตระแสง สร้างให้ นางปวน บุตรโสภา อายุ 60 ปี ซึ่งอำเภอเมืองสุรินทร์ได้คัดเลือกว่ามีฐานะยากจน มีความประพฤติดี ได้รับความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย โดยร่วมสร้างที่อยู่อาศัยให้มูลค่าประมาณ 110,000 บาท พร้อมมอบพันธุ์ปลาดุก พันธุ์ไก่ และเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว เพื่อให้สามารถเพาะปลูกลดรายจ่ายในครอบครัวได้

จากนั้น คณะผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลตระแสง บ้านโคกเพชร หมู่ที่ 6 ตำบลตระแสง โดยมีการออกหน่วยให้บริการประชาชนตามโครงการสุรินทร์สร้างสุข สร้างรอยยิ้ม เพื่อนำการบริการจากส่วนราชการต่างๆ ในระดับจังหวัดและอำเภอออกไปให้บริการประชาชนแบบเชิงรุกในพื้นที่ห่างไกล พร้อมทั้งพบปะเยี่ยมเยือนรับทราบปัญหาต่าง ๆ จากประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อาทิ ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำของเกษตรกร ปัญหาหนี้สิน ปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างไม่ทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งทางอำเภอเมืองสุรินทร์จะนำเสนอในภาพรวมของอำเภอไปยังจังหวัดอีกทางหนึ่ง จากนั้นได้มีการมอบรถจักรยานให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน มอบเครื่องอุปโภค – บริโภค และถุงยังชีพให้แก่ราษฎรในพื้นที่พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษา มอบพันธุ์ปลาให้กับผู้นำชุมชน และแวะเยี่ยมชมการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชน เช่นการให้ความรู้แก่เกษตรกรเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การถอนฟัน การสาธิตทำขนม น้ำยาและการทำปุ๋ยอินทรีย์รักษาดินเพื่อให้พืชผลทางการเกษตรได้ผลดีและลดต้นทุนในการผลิตของเกษตรกรด้วย

จ.สุรินทร์ นำทีมออกสำรวจพื้นที่ป่าไม้ต้นแบบ ตามแนวชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร) เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่

สุรินทร์ นำทีมออกสำรวจพื้นที่ป่าไม้ต้นแบบ ตามแนวชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร) เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่

ที่วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยนายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ นายอำเภอบัวเชด นำคณะประกอบด้วย นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ นางสาวกัญญรัตน์  เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์พร้อมด้วยทีมงาน หน่วยเฉพาะกิจ หน่วย ฯทหารพราน และทีมสื่อมวลชนจังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 90 คน ร่วมเดินทางสำรวจเส้นทางตามธรรมชาติ ในเขตป่าพุทธอุทยานวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร

พระพิศาลศาสนกิจ (ธ) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ หรือหลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล เป็นเจ้าอาวาสวัดได้กล่าวถึงความเป็นมาของป่าแห่งนี้ว่า พุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าและภูเขาล้อมรอบ มีเนื้อที่ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้ และสมุนไพรหายาก รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิด จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอีสานใต้ของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร มีทัศนียภาพที่งดงาม สภาพแวดล้อมเงียบสงบร่มเย็น เหมาะกับการศึกษาปฏิบัติธรรม และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญยิ่ง ด้วยความสมบูรณ์ดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ ดำเนินโครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริฯ และกิจการพิเศษของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ จึงได้กำหนดจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำรวจความหลากหลายเชิงพื้นที่ ภายใต้โครงการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ต้นแบบ ตามแนวชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร) ขึ้นที่วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ประเด็นหลักในการอบรมเพื่อสำรวจเส้นทางกำหนดจุด เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยคณะสำรวจได้ออกสำรวจ 2 เล้นทาง คือเส้นทางไปรอยพระพุทธบาทขอมโบราณ ตั้งอยู่ห่างจากศาลาวัดไปด้านตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 300 เมตร เป็นรอยพระพุทธบาทหินทรายที่มีขนาดใหญ่มาก จากนั้นไปน้ำตกไตรคีรี ซึ่งเป็นธารน้ำน้ำตก ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาพนมดงรัก ระยะทางยาวประมาณ 8 ก.ม. มีจุดที่เป็นน้ำตก 3 แห่ง เรียกรวมกันว่า " น้ำตกไตรคีรี” และเส้นทางไปลานกระต่าย บ่อน้ำทิพย์ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า สภาพป่ามีความสมบูรณ์ งดงามตามธรรมชาติ และคาดว่าหากจัดระบบการจัดการ ด้านที่พัก การเดินทาง ในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่รองรับประชาคมอาเซียนได้ เป็นอย่างดี














สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารเตรียมจัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต-กวางตรี

นายแสงทอง อนันตภักดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้มอบหมายให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชนมุกดาหาร-แขวงสะหวันนะเขต-กวางตรี กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ ณ โรงแรมมุกดาหารแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร แขวงสะหวันนะเขต และจังหวัดกวางตรี ตลอดจนเกิดความร่วมมืออันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ ซึ่งทั้ง ๓ เมืองได้ลงนามสัญญาสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝด ส่งผลให้มุกดาหาร สะหวันนะเขต และกวางตรี เป็นเมืองแฝดสาม ประกอบกับทั้งสามเมืองตั้งอยู่ในแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic-Corridor) โดยตกลงจะร่วมกันด้านการค้าและการลงทน การเกษตรและอุตสาหกรรม รวมถึงการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว

ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสามเมือง สามประเทศ (ไทย-ลาว-เวีดนาม)มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันของหน่วยงานภาครัฐ มีความสัมพันธ์ความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นของประชาชน ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรมและภาษา ในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงการค้า การขนส่ง มากขึ้น โดยเฉพาะในปี ๒๕๕๘ ภายหลังการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะมีผลกระทบในหลายด้าน ดังนั้นการรับรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารจึงมีความจำเป็นและสำคัญ รวมทั้งการทำงานขององค์กรด้านการสื่อสารมวลชน การสร้างเครือข่าย การแสวงหาความร่วมมือกับสื่อมวลชน จากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการแลกเปลี่ยนข่าวสาร รวมถึงเพิ่มช่องทางการเผยแพร่ โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย สื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร สื่อมวลชนแขวงสะหวันนะเขต และสื่อมวลชนเมืองกวางตรี ซึ่งจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานของสื่อมวลชน ไทย-ลาว-เวียดนาม เพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน




สุภาวดี อัมไพพันธ์
ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นผู้แทนพระองค์มอบทุนมูลนิธิคุณพุ่ม ช่วยเด็กพิการ

ที่ห้องประชุมรวมใจศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กออทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่มของจังหวัดมุกดาหารพร้อมมอบสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษา ซึ่งทางมูลนิธิคุณพุ่มได้มอบหมายให้ศูนย์การศึกษาพิเศษเป็นผู้ดำเนินการ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แทนพระองค์ในการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กพิการในจังหวัด โดยในปีการศึกษา 2556นี้จังหวัดมุกดาหารได้รับการพิจารณาอนุมัติทุนการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 103 ทุน ทุนละ 5,000 บาท ซึ่งเด็กออทิสติกและเด็กพิการในพื้นที่ได้เข้ารับประทานทุนต่อหน้าพระรูปทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้อ่านกระแสพระราชดำรัสของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่ประทานถึงผู้รับทุน พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่ผู้รับทุน โดยมีตัวแทนผู้ปกครองอ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

นางสาววัชราภรณ์ ผิวขำ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า สืบเนื่องจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีได้ทรงมีเมตตาประทานทุนให้กับเด็กออทิสติกและเด็กพิการทุกประเภทในทุกจังหวัดเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ผู้ปกครองของเด็กได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบุตรหลานที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อให้เด็กได้มีศักยภาพและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินทุนที่ได้รับดังกล่าว จะมีคณะกรรมการติดตามการใช้จ่าย พร้อมกับรายงานการใช้เงินต่อมูลนิธิคุณพุ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามพระประสงค์ของมูลนิธิคุณพุ่ม ผ่านการนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในการพัฒนาความก้าวหน้าด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และความจำเป็นอื่นๆ ต่อไป




พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มุกดาหาร/ภาพ

จังหวัดยโสธรจัดฝึกอบรมโครงการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหาร

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2556 ณ โรงแรมเดอะกรีนปาร์คแกรนด์ อำเภอเมืองยโสธร นายชัยภัทร หิรัณยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหาร จังหวัดยโสธร

นายร่องกี้ พลเยี่ยม พัฒนาการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญ นโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ในการยกระดับสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และเพิ่มช่องทางการตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหาร จังหวัดยโสธร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้บรรจุภัณฑ์สินค้า OTOP ประเภทอาหาร จังหวัดยโสธร มีความโดดเด่น น่าสนใจ สำหรับผู้บริโภค และเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายสู่ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ประกอบสินค้า OTOP ประเภทอาหาร ที่ได้รับการคัดสรร ระดับ 3 – 5 ดาว ปี 2555 จำนวน 16 กลุ่ม รวม 70 คน



ส.ปชส.ยโสธร / ปิยะนุช
10 กันยายน 2556

ยโสธรจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ ที่ถนนคนเดิน

จังหวัดยโสธร กำหนดจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ ในวันพุธที่ 11 กันยายน นี้ ที่ถนนคนเดินเมืองเก่า 200 ปี บ้านสิงห์ท่า

คณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ทุกวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี เป็นวัน "เยาวชนแห่งชาติ” เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ วันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5 20 ก.ย.2396) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล (ร.8 20 ก.ย.2468)

จังหวัดยโสธร โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ ในวันพุธ 11 กันยายน นี้ เวลา 17.00 น. ที่ถนนคนเดิน,เมืองเก่า 200 ปี บ้านสิงห์ท่า ในเขตเทศบาลเมืองยโสธร โดยมีนายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธาน ชมการแสดงดนตรีของเด็ก,เยาวชน

- ดนตรีโฟคซอง จากอำเภอเมืองยโสธร

- ภูมิปัญญาชาวบ้าน จากอำเภอทรายมูล

- การแสดงศิลปะวัฒนธรรมอีสาน จากอำเภอไทยเจริญ

- การแสดงชุดเฉลิมพระเกียรติ จากอำเภอค้อวัง

- การแสดงชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จากโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

- และการแสดงจากเยาวชนพุทธบุตรวัดป่าวังน้ำทิพย์

การมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่เด็ก,เยาวชนคนดีศรียโสธร 46 คน ชมการแสดงเครือข่ายเด็ก, เยาวชน ชุดรำเซิ้งบั้งไฟ และงานศิลปะงานฝีมือของเด็ก,เยาวชน จาก 9 อำเภอ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา,การสานหมวก,การทำขนมไทย,ทำหมอนสมุนไพร,มาลัยข้าวตอก,ทำขนมจีบ,ซาลาเปา,การทำตุ๊กตาหอม, และการแสดงต่าง ๆ ของเด็ก,เยาวชน จนถึงเวลา 21.00 น. ขอเชิญทุกท่านชมการแสดงฝีมือของเด็กและเยาวชน




ไพชยนต์ / 10 กันยายน 2556
ส.ปชส.ยโสธร

ร้อยเอ็ดเกมส์ ชิงชัย 9 วัน โคราช นำ 62 ทอง ขณะที่ร้อยเอ็ดเจ้าภาพนำ 11 ทอง ติดอันดับ 7 ตัวแทนภาค 3

ผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ระหว่างวันที่  2 – 12  ก.ย. นี้  จังหวัดนครราชสีมา  นำ  62  เหรียญทอง  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพคว้า  11  ทอง  ติดอันดับ  7  ของภาค  3  พร้อมเปิดตัวทีมคาราเต้โด้จังหวัดร้อยเอ็ด  ได้  5  เหรียญทอง

ช่วงเช้าที่ผ่านมา  (10 ก.ย. 56)  นายปราโมทย์  เอกก้านตรง  ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  เปิดแถลงข่าวสรุปผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  รอบคัดเลือกตัวแทนภาค  3  "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ระหว่างวันที่  2 – 12  กันยายน  ที่ผ่านมา  ปรากฏว่า  ชิงชัย  9  วัน  จังหวัดนครราชสีมา  นำ  62  เหรียญทอง, จังหวัดอุบลราชธานี  30  เหรียญทอง, จังหวัดศรีสะเกษ  24  เหรียญทอง  ตามลำดับ  ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าภาพได้  11  เหรียญทอง  ติดอันดับ  7  ของตัวแทนภาค  3  จังหวัดที่ไม่ได้เหรียญทองได้แก่  จังหวัดหนองบัวลำภู  สำหรับการแข่งขันในวันนี้ (10 ก.ย. 56)  มีการแข่งขัน  14  ชนิดกีฬา  ได้แก่  กรีฑา, เทนนิส, ตะกร้อลอดบ่วง, บาสเกตบอล, บิลเลียต, สนุกเกอร์, ฟุตบอล, ฟุตซอล, มวยไทย, มวยไทยสากลสมัครเล่น, วอลเลย์บอลชายหาด, เรือพาย, ฮอกกี้ และบูซู

อย่างไรก็ตาม  ณ  ศูนย์  Press  Center  การแข่งขันกีฬา "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ยังได้เปิดตัวทีมนักกีฬาคาราเต้โด้จังหวัดร้อยเอ็ด  เข้าชิงชัยได้  5  เหรียญทอง  เป็นตัวแทนภาค  3  เข้าชิงกีฬาแห่งชาติ  ครั้งที่  42  "สุพรรณบุรีเกมส์” และเปิดตัวทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดร้อยเอ็ด  เตรียมเข้าชิงรอบรองชนะเลิศการแข่งขันกีฬาฯ "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ในวันที่

11  ก.ย.นี้  ตั้งแต่เวลา  10.00 น.  เป็นต้นไป  ณ  สนามกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด  นับเป็นความหวังอีกหนึ่งชนิดกีฬาของชาวจังหวัดร้อยเอ็ด  จึงขอเชิญชมเชียร์โดยทั่วกัน



กมลพร  คำนึง/ข่าว/บก.ข่าว
บุญมี  เพ็งรัตน์/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
10 ก.ย. 56 

อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด รณรงค์ไม่กินปลาดิบ หวังลดมะเร็งตับและถุงน้ำดี

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอธวัชบุรี  จังหวัดร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมรณรงค์ "ชาวธวัชบุรีแท้  กินแต่ปลาสุก”  ก็แซบได้หวังลดมะเร็งตับและถุงน้ำดี ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี  อ.ธวัชบุรี  จ.ร้อยเอ็ด

วันนี้ เวลา  10.30 น.  (10 ก.ย. 56)  นายประทีป  ฤทธิกุล  นายอำเภอธวัชบุรี  เปิดงานการรณรงค์ "ชาวธวัชบุรีแท้  กินแต่ปลาสุก” ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี  อ.ธวัชบุรี  จ.ร้อยเอ็ด  โดยมีนายชาญณรงค์  ไชยประเสริฐ  สาธารณสุขอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า  จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่พบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีมากที่สุดในประเทศไทยและมากทีสุดในโลก  ในปี  พ.ศ. 2554  พบผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดี  1,087  ราย  และในปี  พ.ศ.  2555  พบผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับ  จำนวน  773  ราย  อัตราป่วย  58  ต่อแสนประชากร  ในขณะที่อัตราป่วยของประเทศอยู่ที่  20  ต่อประชากรแสนคน  โดยที่สาเหตุหลักขอโรคมะเร็งท่อน้ำดี  เกิดจากค่านิยมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว  แบบดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ

จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นสำนักงานสาธารณสุขอำเภอธวัชบุรี ร่วมกับ  โรงพยาบาลธวัชบุรี  และภาคีเครือข่าวสุขภาพอำเภอธวัชบุรี  จึงจัดงานรณรงค์ "ชาวธวัชบุรีแท้  กินแต่ปลาสุก” และ "ชาวธวัชบุรีร่วมใจต้านภัยไข้เลือดออก” เพื่อการลดปัญหาการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ  มะเร็งท่อน้ำดี  และลดการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก  ของประชาชนชาวอำเภอธวัชบุรี

ในการรณรงค์ครั้งนี้มีกิจกรรมประกอบด้วย   การประกวดอาหารจากปลาเกล็ด ชนิดต่างๆปรุงสุก  ของนักเรียนจากโรงเรียนในเขตอำเภอธวัชบุรี   รางวัลที่ ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนบ้านคางฮุง ต.ธวัชบุรี ,รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  โรงเรียนบ้านเขวาทุ่ง ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี และรองชนะเลิศอันดับ 2  โรงเรียนบ้านยางกู่ ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี มีการเต้นแอโรบิคจากโรงเรียนเมืองน้อยวิทยาคม   รับชมวงดนตรีจากโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดร้อยเอ็ด และทีมส้มตำลีลาจาก อสม. ต.หนองพอก  อ.ธวัชบุรี  มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ร่วมงาน คับคั่ง  

นอกจากนี้ นายประทีป  ฤทธิกุล  นายอำเภอธวัชบุรี   ได้เดินเยี่ยมชม การออกร้านนิทรรศการและ ร่วมชิมอาหาร  ที่บูธ อาหารของนักเรียน ร่วมชิมพร้อมแขกผู้มีเกียรติ ถึงกับยกนิ้วโป้งให้บอกว่า อร่อยมาก (แซบ คักคัก )




คมกฤช  พวงศรีเคน/ข่าว
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
อนงค์นาถ  ธุระพันธ์/พิมพ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
โทร.043-527117

อบจ.ร้อยเอ็ดมอบเสื้อกันฝน เสื้อสะท้อนแสง ให้ตำรวจจราจร ร้อยเอ็ด

เมื่อช่วงเช้าวันนี้  10 ก.ย.56   นาย มังกร ยนต์ตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  ได้มอบวัสดุอุปกรณ์จราจร ให้กับสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด  ณ  สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด   โดยมี พ.ต.อ.กิตติรัชต์ น้อยโพนทอง ผกก.สภ. เมืองร้อยเอ็ด  และคณะได้ร่วมกันต้อนรับและรับมอบ  วัสดุดังกล่าว

นายมังกร ยนต์ตระกูล นายก อบจ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  ได้ให้ความสำคัญถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร  ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร, การควบคุมการจราจรและการแก้ไขปัญหาการจราจร  ซึ่งปัจจุบันนี้  ปริมาณผู้ใช้รถใช้ถนน  และจำนวนปริมาณรถยนต์บนท้องถนนได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  จึงส่งผลต่อปัญหาการจราจรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ชั่วโมงเร่งด่วน  ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด  ซึ่งเป็นปัญหาการจราจรอย่างมากในปัจจุบันนี้  และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร  เป็นผู้ที่จะต้องเข้าไปอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที  ในการปฏิบัติหน้าที่  ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ต้องมีวัสดุอุปกรณ์ประจำกาย  ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่  นั้นคือ  เสื้อกันฝนสะท้องแสง  และเสื้อกั๊กจราจรสะท้องแสง  โดยทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด  ได้ให้ความสำคัญ  และความห่วงใยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน  จึงได้จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์จราจร  ให้แก่  เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด  คือ  เสื้อกันฝนสะท้อนแสง  จำนวน  60  ตัว และเสื้อกั๊กจราจรสะท้อนแสง  จำนวน  60  ตัว  เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนน   ต่อไป



คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ ภาพ

กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117

ร้อยเอ็ด รณรงค์วางแผนครอบครัวสุนัขแมวเพื่อแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัด และการแพร่เชื้อโรคอย่างยั่งยืน

เมื่อช่วงเช้าวัน ที่ 10 ก.ย. 56  นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดโครงการวางแผนครอบครัวสุนัขแมวเพื่อแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัดอย่างยั่งยืน ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ บึงพลาญชัยร้อยเอ็ด  นายปรีดา ชิตทรงสวัสดิ์ ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีนโยบายการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2563 ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีแนวโน้มการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและสัตว์ลดลงก็ตาม แต่ยังไม่สามารถกำจัดโรคให้หมดไปจากประเทศไทยได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการเพิ่มประชากรสุนัขและแมวซึ่งเป็นสัตว์พาหะนำโรคที่สำคัญ เนื่องจากยังมีสุนัขและแมวที่ไม่มีเจ้าของเป็นจำนวนมากและยากต่อการควบคุมรวมทั้งยังมีสัตว์ที่เจ้าของไม่ต้องการหรือสามารถเลี้ยงต่อไปได้นำมาทิ้งทำให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การลดจำนวนสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคจึงเป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่จะช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อและลดอัตราการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในคนและสัตว์ได้ ซึ่งวิธีการลดจำนวนสัตว์พาหะนำโรคพิษสุนัขบ้าที่มีความยั่งยืนและได้ผลที่สุดคือการผ่าตัดทำหมันถาวร โดยเฉลี่ยสามารถลดจำนวนประชากรสุนัขแมวได้ 10 ตัวต่อปีต่อสุนัขแมวเพศเมีย 1 ตัว กรมปศุสัตว์จึงได้จัดทำโครงการวางแผนครอบครัวสุนัขแมวเพื่อแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัดอย่างยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของสุนัขจรจัดและการลักลอบส่งสุนัขไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการสนับสนุนให้การกำจัดโรคพิษสุนัขบ้านตามเป้าหมาย ของแผนยุทธศาสตร์การกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปภายในปี 2563 โดยดำเนินการทำหมันสุนัขและแมวทั่วประเทศ 800,000 ตัว ในปีงบประมาณ 2556 - 2557 จำนวน 300,000 ตัว โดยนำร่องใน 4 จังหวัด คือ จังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ และร้อยเอ็ด

จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด  และเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ดำเนินการวางแผนครอบครัวสุนัขแมวเพื่อแก้ปัญหาสุนัขและแมวจรจัดอย่างยั่งยืนจังหวัดร้อยเอ็ด โดยจัดให้มีผ่าตัดทำหมันและฉีดฮอร์โมนคุมกำเนิด ในสุนัขและแมวเพศเมีย บริการ "ฟรี” ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 20 อำเภอ ในวันที่ 9 -27 กันยายน 2556 เวลา 07.00 – 16.00 น. เพื่อแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัดอย่างยั่งยืน  วันนี้ ให้บริการผ่าตัดทำหมันในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 16.00 น. ในจุดบริการดังนี้ จุดบริการที่ 1 ชุมชนวัดบูรพาภิราม (วัดบูรพาภิราม), จุดบริการที่ 2 ชุมชนบ้านท่านคร (วัดท่านคร), จุดบริการที่ 3 ชุมชนจันทร์เกษม (โรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด) วันที่ 11 กันยายน 2556  จุดที่ 1 ที่ ศาลากลางบ้าน บ้านหวายหลืม ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ,2.ศาลากลางบ้านแมต อ.เชียงขวัญ, 3.ตลาดสดหน้าวัดโสดาราม ต.อัคคะคำ อ.โพธิ์ชัย

ผู้ที่สนใจควรเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด ดังนี้ ทำความสะอาดร่างกายสัตว์ก่อนนำมาผ่าตัด, งดอาหารและน้ำ 6 – 8 ชม. และควรพาสัตว์เลี้ยงมาให้ตรงตามวัน เวลาและสถานที่ ที่นัดหมาย




คมกฤช  พวงศรีเคน/ข่าว

อนงค์นาถ  ธุระพันธ์/พิมพ์
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด