วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ราชบัณฑิตยสถานประกวดแต่งหนังสือพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ประจำพุทธศักราช 2557

 นางสาวกนกวลี  ชูชัยยะ  เลขาธิการบัณฑิตยสถาน  เปิดเผยว่า  ราชบัณฑิตยสถานประกวดแต่งหนังสือพระพุทธศาสนา ประจำพุทธศักราช 2557 หัวข้อเรื่อง "พระพุทธคุณ เป็นเกราะปกป้องกันภัย”  เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้คุ้นเคยกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา  ได้เข้าใจและรู้จักนำคำสอนต่างๆ ไปประยุกตืใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการกล่อมเกลาและพัฒนาจิตให้รู้จักผิดชอบชั่วดีและประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม  ไม่ประพฤติตนให้เป็นปัญหาต่อพ่อแม่  ครูอาจารย์  เพื่อนและสังคม  ทั้งยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีของชาติ   สำนวนที่ชนะการประกวด ราชบัณฑิตยสถานจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอรับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และจัดพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับพระราชทานในวันวิสาขบูชาประจำพุทธศักราช 2557 ผู้สนใจส่งเข้าประกวดต้องแต่งเป็นภาษาไทย อธิบายความง่าย ๆเพื่อให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีอ่านเข้าใจได้ ความยาว 25-30 หน้ากระดาษพิมพ์ดี  ส่งเรื่องได้คนละ 1 สำนวน ผู้ชนะการประกวดรางวัลที่ 1 ได้รับเงินรางวัล 5,000  บาท รางวัลที่2  เงินรางวัล 3,000 บาท  รางวัลที่ 3  เงินรางวัล 2,000 บาท  โดยส่งต้นฉบับจำนวน 3 ชุด  พร้อมแผ่นซีดี  ที่กองศิลปกรรม  ราชบัณฑิตยสถาน สนามเสือป่า  เขตดุสิต  กรุงเทพฯ  10300 ภายในวันที่ 15 มกราคม  2557  สอบถามเพิ่มเติมโทรศัพท์ 0-2356-0466-70 ต่อ 1001 , 3011 โทรสาร 0-2356-0485 ดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ www.royin.go.th

ติดตามรับชมรายการเรียลลิตี้ Smart Lady Thailand ผู้หญิงสวย ด้วยความคิด

นายสมชาย  วิทย์ดำรงค์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  จากการที่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติได้คัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่  "Smart Lady Thailand  ผู้หญิงสวย  ด้วยความคิด” เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ  และบทบาทผู้นำสตรีรุ่นใหม่ให้เป็นพลังสร้างสรรค์พัฒนาประเทศ  และเพื่อส่งเสริมบทบาทผู้นำสตรีในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน  ผ่านรายการเรียลลิตี้  ซึ่งเผยแพร่ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2556 เป็นช่วงที่มีความสำคัญที่จะส่งเสริมให้สมาชกกองทุน  ผู้ชมได้เรียนรู้  เพื่อพัฒนาทางด้านความคิด ความสามารถ และพัฒนาศักยภาพไปพร้อมกับ Smart Lady Thailand  ทั้ง 12 คน  ติดตามรับชมได้ทางทรูวิชั่น ช่อง 60 และ HD ช่อง 110 หรือรายการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์  www.smartlady-thailand.com  www.womenfund.com และทางเฟซบุ๊ค facebook.com/smartladythailand

จังหวัดทหารบกนครพนมจัดโครงการเยาวชนไทย รู้รักสามัคคี เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ของคนในชาติ รุ่นที่ 2

นายคุมพล  บรรเทาทุกข์  รองผู้ว่าจังหวัดนครพนม ร่วมกับ พล.ต.กิตติเทพ  เจียรสุมัย  ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และผศ.ดร.ทัศนา  ประสานตรี  รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม   เป็นประธานร่วมในพิธีเปิด  การฝึกอบรม โครงการ เยาวชนไทย  รู้รักสามัคคี เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ของคนในชาติ รุ่นที่ 2  ณ จังหวัดทหารบกนครพนม  อ.เมือง จ.นครพนม   เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ  ปลูกจิตสำนึกในคุณค่าและความสำคัญของความสามัคคี  เพื่อเป็นพลังในการสร้างประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าและเพื่อให้เกิดความมั่นคงในท้องถิ่น โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนครพนม   มีเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 269 คนอายุระหว่าง 15- 18 ปี จากสถาบันการศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครพนม  จำนวน 13 สถาบัน

นายคุมพล บรรเทาทุกข์ รอง ผวจ. กล่าวว่า  เป็นห่วงเยาวชนไทยเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมไทย เพราะนำเอาวัฒนธรรมอื่นมาใช้  และเรื่องยาเสพติดที่เกิดขึ้นกับเยาวชนในประเทศไทย  เน้นเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้ที่ได้สู่ชุมชนและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต เป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติต่อไป

พล.ต.กิตติเทพ  เจียรสุมัย ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย  กล่าวว่า  สำนักงานปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย  โครงการนี้จัดมาหลายปี  จะสนับสนุนโครงการตลอดไป  เพื่อปลูกจิตสำนึกในคุณค่าและความสำคัญของความสามัคคี  เพื่อเป็นพลังในการสร้างประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าให้เกิดความมั่นคงในท้องถิ่น

ด้าน นางสาวสุภิตา นาคมินทร์ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนนาหว้าพิทยาคม  ผู้เข้าร่วมโครงการ  กล่าวว่า  รู้สึกภูมิใจที่ได้เข้าร่วมโครงการ โดยจะนำความรู้ที่ได้มาใช้กับตัวเอง และเผยแพร่ไปยังเพื่อนในโรงเรียนและชุมชนต่อไป

และนายภูวเรศ  มากอง  นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พัฒนา  กล่าวว่า  รู้สึกประทับใจที่ได้เข้าร่วมโครงการ  เพราะฝึกตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบวินัย   ฝึกการทำงานเป็นกลุ่มเพื่อสร้างความสามัคคี  และจะเผยแพร่โดยการของบประมาณจากโรงเรียน จัดกิจกรรมอย่างนี้ เพื่อให้เพื่อนในโรงเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่อไป

จังหวัดนครพนมจัดโครงการพัฒนาความร่วมมือ สำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดนไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

 นายคุมพล  บรรเทาทุกข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  ประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาความร่วมมือ สำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดนไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)  ระหว่างวันที่ 27 - 29 พฤศจิกายน 2556  ณ หอประชุมยูงทอง โรงแรมนครพนมริเวอร์วิว  เพื่อประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดนไทยและสปป.ลาว รวมถึงทราบปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานและประสานความร่วมมือของทั้งสองประเทศ ในการปราบปรามยาเสพติดโดยผ่านกลไกของสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน อันจะนำไปสู่การร่วมมือกันกำหนดมาตรการ แนวทางในการดำเนินงานและการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานประสานปราบปรามยาเสพติดชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานมากขึ้น   โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศไทยและสปป.ลาว รวมทั้งสิ้น 50 คน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนที่ใกล้ สปป.ลาว ทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกัน ในการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึง  

รองแม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมการฝึกทหารใหม่ ของหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 6

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ณ บริเวณหน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กองพลทหารราบที่ 6 ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด พลตรี ธวัช สุกปรั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจเยี่ยมการฝึกทหารใหม่ รุ่นปีพุทธศักราช 2556 ผลัดที่ 2 ของหน่วยขึ้นตรง กองพลทหารราบที่ 6 โดยมี พันเอก สมชาย เพ็งกรูด รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 พันเอก ธวัชชัย แจ้นประจักษ์ เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 6 พร้อมผู้บังคับหน่วยให้การต้อนรับ
สำหรับการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจแก่กำลังพลแล้ว ยังเป็นการตรวจความพร้อมของการฝึกตามนโยบายของกองทัพบก เพื่อให้ทหารใหม่ทุกนายมีความพร้อม มีความเข้มแข็ง เข้าใจรูปแบบการปฏิบัติทางยุทธวิธี มีความเชี่ยวชาญ สามารถปฏิบัติได้จริง เช่น การฝึกการบรรจุกระสุน การลั่นไกปืน การใช้หีบเล็งให้ทหารรู้จักการเล็งเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง การฝึกใช้ดาบปลายปืน การฝึกขว้างลูกระเบิด และการฝึกประกอบอาวุธในสถานการที่มองไม่เห็น เป็นต้น นอกจากนี้หน่วยฝึกทหารใหม่ยังได้ ฝึกสอนให้ทหารดำเนิน ชีวิตภายใต้หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครอง และญาติทหารใหม่ด้วย



ประเสริฐ อินทา/ข่าว

อกท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดการประชุมวิชาการ อกท. ครั้งที่ 35

วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) เวลา 09.45 น. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ อกท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 35 ประจำปีการศึกษา 2556 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด ใช้ชื่องานว่า ออนซอนสาเกต อาชีวเกษตรอีสาน
นายอุดมภูเบศ สมบูรณ์เรศ รองประธานกรรมการอำนวยการ อกท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย เป็นองค์การของนักศึกษา ดำเนินงานโดยนักศึกษา เพื่อนักศึกษา ที่มุ่งเน้นและเปิดโอกาสให้เยาวชนของชาติ ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง จากการได้ปฏิบัติจริง ดังคติพจน์ ที่ว่า "เราเรียนรู้ด้วยงานการฝึกหัด เราปฏิบัติเพื่อหวังทางศึกษา หาเลี้ยงชีพเพื่อชีวิตพัฒนา ใช้วิชาเพื่อบริการงานสังคม” การจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 29 พฤศจิกายน 2556 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ ในการประกอบอาชีพของสมาชิก ฝึกทักษะการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาชีพเกษตร ส่งเสริมให้สมาชิกได้ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีมีคุณค่าต่อสังคม
กิจกรรมในการประชุมวิชาการ ประกอบด้วยการสัมมนาผลงานทางวิชาการ การแข่งขันทักษะวิชาชีพ การประกวดและการแสดงผลงานต่าง ๆ เช่น นิทรรศการทางการเกษตร สิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ การฝึกอบรม 108 อาชีพ ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การแสดงนันทนาการ และการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง โดยมีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 12 แห่งร่วมกิจกรรม



ประเสริฐ อินทา/ข่าว

จังหวัดร้อยเอ็ด แถลงข่าวการจัดงานเทศกาลวันข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก 1 – 2 ธ.ค. นี้

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์เรียนรู้โครงการ "หนึ่งใจเกษตรกร” บ้านหัวบ่อ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลวันข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก พร้อมด้วย นายปรีชา เชาว์ตระกูล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด นายประจักร บุญกาพิมพ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมแถลงข่าว
นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ด มีพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประ
มาณ 970,000 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีกว่า 2 ล้านไร่ มีผลผลิตข้าวหอมมะลิกว่า 1.2 ล้านตันต่อปี ข้าวหอมมะลิไทย โดยเฉพาะจากทุ่งกุลาร้องไห้ กำลังนิยมและรู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ จังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดจัดงานเทศกาลวันข้าวหอมมะลิจากทุกกุลาสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก จังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2556 ในวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด ทั้งนี้สืบเนื่องจากจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ที่สำคัญประการหนึ่ง คือการพัฒนาให้จังหวัดเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายข้าวหอมมะลิชั้นดีสู่ตลาดโลก เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากการผลิตและจำ
หน่ายข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น เป็นการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้าวหอมมะลิให้เป็นที่รู้จักทั่วไป พิธีเปิดงานในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ประธานเปิดงานโดย นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายปรีชา เชาว์ตระกูล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า เวลา 09.40 น. พิธีเปิดกิจกรรมการลงแขกเกี่ยวข้าว ณ แปลงนาข้าว ต.หนองพอก อ.ธวัชบุรี จากนั้น เวลา 10.30 น.พิธีเปิดงาน ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด ชมขบวนแห่จำลองวิถีชีวิตของชุมชนในเขตทุ่งกุลาร้องให้ 5 ขบวนประกอบด้วย ขบวนที่ 1 แสดงถึงพิธีเพื่อบวงสรวงอ้อนวอน เสี่ยงทาย ขบวนที่ 2 แสดงถึงพิธีเพื่อการเพาะปลูก ขบวนที่ 3 แสดงถึงพิธีการบำรุงรักษา ขบวนที่ 4 แสดงถึงพิธีการเพื่อการเก็บเกี่ยว และขบวนที่ 5 แสดงถึงพิธีการเพื่อการเฉลิมฉลอง พิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ การรำขวัญข้าว จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด กิจกรรมการแข่งขัน ตำข้าวด้วยมือ นวดข้าวด้วยมือ การแข่งขันหุงข้าวด้วยหม้อดิน การประกวดข้าวหอมมะลิ 105 ประเภทข้าวถุงและข้าวติดรวง การประกวดผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวหอมมะลิ 105 นิทรรศการวันข้าวหอมมะลิโลกและการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มากมาย นอกจากนี้ยังมีการประชุมสัมมนาวิชาการและเจรจาธุรกิจ ของนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ณ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น



ประเสริฐ อินทา/ข่าว

บุรีรัมย์พร้อมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ให้บริการด้านการเกษตรแบบครบวงจร

ผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ ประชุมคณะกรรมการโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เตรียมจัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่จำนวน 4 ครั้ง ในปีงบประมาณ 2557 เพื่อให้บริการด้านการเกษตรแบบครบวงจรแก่ประชาชนและเกษตรกร ( 27 พ.ย.56 ) นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์
ที่ประชุมเห็นชอบกำหนดจัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระบรมราชานุเคราะห์ จำนวน 4 ครั้ง ประจำปี 2557 โดยครั้งแรกจัดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2556 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอปะคำ และจัดอย่างต่อเนื่องจนครบ 4 ครั้ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งภายในงานจะมีการบูรณาการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากทั้ง 23 อำเภอ ร่วมออกหน่วยคลินิกเคลื่อนที่ให้บริการทางด้านวิชาการ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำด้านการเกษตรแบบครบวงจร ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ เพื่อให้บริการแก่ประชาชน และเกษตรกร จึงเชิญชวนให้ประชาชนและเกษตรกรมารับบริการในงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในวันดังกล่าวด้วย
นายสมบูรณ์ ซารัมย์ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเนื่องในวโรกาสสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุกราชกุมาร ทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงขอพระราชานุญาตจัดทำโครงการดังกล่าว
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการให้บริการแก่ประชาชนและเกษตรกร ด้านการเกษตรแบบครบวงจรเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวบุรีรัมย์รับหนังสือรับรองเพียงร้อยละ 30 ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ จ.บุรีรัมย์ เข้ารับหนังสือรับรองเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรทั้ง 23 อำเภอเพียงร้อยละ 30 จากที่มาขึ้นทะเบียนไว้กว่า 150,000 ราย

( 27 พ.ย.56 ) เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจังหวัดบุรีรัมย์ ยังทยอยเข้ามาขอรับหนังสือรับรองเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมือง และเกษตรอำเภอทั้ง 23 อำเภออย่างต่อเนื่อง หลังเกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับหนังสือรับรอง เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสำรวจและทำประชาคมของเจ้าหน้าที่
ขณะนี้เกษตรกรต้องนำข้าวไปเข้าร่วมโครงการฯ โดยใช้บัตรประชาชนเป็นหลักฐานไว้กับโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการ โดยเกษตรกรที่มารับหนังสือรับรองครั้งนี้ เพื่อเร่งนำผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำ และผู้ที่นำบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐานการจำนำไว้กับโรงสีก่อนหน้านี้ จะนำไปเป็นเอกสารประกอบการออกใบประทวนของ อคส. ก่อนจะนำไปขึ้นเงินกับ ธกส. อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีเกษตรกรทั้ง 23 อำเภอมาขึ้นทะเบียน แล้วกว่า 153,900 ราย ผ่านการประชาคมแล้ว 132,670 ราย แต่จนถึงขณะนี้มีผู้มาขอรับหนังสือรับรองเพียง ร้อยละ 30.7 เท่านั้น
นายสมบูรณ์ ซารัมย์ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรมาขอรับหนังสือรับรอง เพื่อนำไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดจำนำ ก่อนที่จะครบกำหนด ระยะเวลา 30 วันหลังเก็บเกี่ยว ตามที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือรับรอง ซึ่งหากล่าช้าอาจจะเสียโอกาสไม่สามารถนำข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ เพราะขณะนี้ยังมีเกษตรกรมาขอรับหนังสือรับรองเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งนี้สำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัด ได้ดำเนินการออกหนังสือรับรองเรียบร้อยแล้วกว่าร้อยละ 90

กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยอีสานรวมตัวที่ศาลากลาง จ.บุรีรัมย์แสดงพลังยืนยันไม่ร่วมกับกลุ่มใดเคลื่อนไหว

แกนนำและตัวแทนผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยอีสานใต้รวมตัวที่ศาลากลาง จ.บุรีรัมย์
แสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมประกาศจุดยืนไม่ร่วมกับกลุ่มใดเคลื่อนไหว
ทั้งขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความแตกแยก และหยุดใช้ความรุนแรงเพื่อความสงบสุขบ้านเมือง
( 27 พ.ย.56 ) แกนนำและตัวแทนกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) อีสานตอนล่าง นำโดยนายอภินันท์ จันทร์สนาม หรือสหายปรีดา แกนนำ ผรท.อุบลราชธานี และนายดำรง ธรรมนิยม หรือสหายอุเทน แกนนำ ผรท.บุรีรัมย์ เดินทางมาที่ศาลาประชาคม หลังศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด พร้อมกันนี้ได้อ่านแถลงการณ์เพื่อประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มว่า "เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้อยู่ในสภาวะวิกฤต ขัดแย้ง แตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งสีแบ่งเหล่า จนก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ดังนั้นในนามกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และเครือข่ายของกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กลุ่มที่ 3 จึงขอเรียกร้องและวิงวอนให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งสีแบ่งกลุ่มเพราะต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ควรหันหน้าคุยกันด้วยเหตุและผล เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมือง พร้อมกันนี้ยังประกาศเจตนารมณ์ว่า ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย อีสานใต้จะไม่ร่วมกับกลุ่มใดออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
จากนั้นแกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ได้ยื่นแถลงการณ์ของกลุ่มผ่าน พันเอกวิญญู เชาว์นวม รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.บุรีรัมย์ เพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และรัฐบาลได้รับทราบถึงเจตนารมณ์ของกลุ่มต่อไป

ตำรวจร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ และ อส. ดูแลความปลอดภัยบริเวณศาลากลางจังหวัด

กองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ จัดกำลังตำรวจ ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ และ อส.กว่า 30 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัยศาลากลางจังหวัด ป้องกันกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหว ขณะที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ยังมาทำงานตามปกติ
( 27 พ.ย.56 ) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จัดกำลังตำรวจ จาก สถานีตำรวจภูธรเมือง พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) รวมกว่า 30 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศาลากลางจังหวัด พร้อมตรวจตราบริเวณรอบอาคารอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมวลชนเข้าปิดล้อมศาลากลางจังหวัด ตามที่แกนนำกลุ่มได้ประกาศ
โดยจะมีผลัดเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศาลากลางจังหวัดทุกวันจนกว่าสถานการณ์ชุมนุมจะคลี่คลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดยังไม่พบกลุ่มใดออกมาเคลื่อนไหวปิดล้อมสถานที่ราชการ และข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆยังคงเดินทางมาทำงานตามปกติ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.รวีวรรธน์ เทียนสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ และตรวจตราความเรียบร้อยที่ศาลากลางจังหวัดด้วยตนเองด้วย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศาลากลางจังหวัด ได้ปฏิบัติตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีกลุ่มมวลชนเข้าไปที่ศาลากลาง หรือสถานที่ราชการ ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้นอย่าใช้ความรุนแรง พร้อมทั้งให้รายงานผลให้ทราบอย่างต่อเนื่องด้วย

บรรยากาศศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ยังเปิดทำการปกติ

 วันที่ ( 27 พ.ย. 56 ) บรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ยังคงเปิดทำการตามปกติ โดยตั้งแต่ช่วงเช้า กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสุรินทร์ ได้จัดกำลังตำรวจ เข้าเสริมกับกำลังของ อส. ซึ่งประจำอยู่ภายในศาลากลางจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ขณะเดียวกัน ภายในศาลากลางจังหวัดได้มีการปิดช่องทางเข้าออกเหลือเพียงประตูเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมสถานการณ์ ล่าสุดนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมประชุมเพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆได้สอดส่องดูแลสถานที่ราชการของตนเอง โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีความสำคัญ เช่น ไฟฟ้า ประปา ด้านสื่อสาร และที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดส่งกำลังเข้าประจำตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

จ.สุรินทร์ เร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2557

  นางสาววราภรณ์ ลิ้มทรัพย์ คลังจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 สรุปได้ดังนี้ 1. เป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 82.00 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนของแต่ละส่วนราชการ 2.เป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 95.00 ของวงเงินงบประมาณรายจ่า เป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายภาพรวมแยกเป็นรายไตรมาส 3.เร่งรัดการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 4. เร่งรัดการฝึกอบรม ประชุมสัมมนา และเบิกจ่ายงบอบรมและประชุมในประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ภายในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ.2557 5.ให้นำผลการเบิกจ่ายเงินตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีกำหนด เป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 6.ให้ส่วนราชการและจังหวัดจัดทำแผนการใช้จ่ายเงิน และปรับปรุงแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ในระบบ GFMIS พร้อมระบุสาเหตุที่ปรับปรุงแผนฯ โดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน  2556 จนถึงวันที่  30 มิถุนายน 2557 7.ให้ส่วนราชการและจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 พร้อมทั้งรายงานปัญหาอุปสรรคที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือการปรับแผน ต่อคณะกรรมการหรือคณะทำงานฯ ทุกสิ้นไตรมาส 8.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้คลังจังหวัดทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณในเขตพื้นที่จังหวัด 9.เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ให้นำข้อมูลการก่อหนี้และการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และปีงบประมาณก่อหนี้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จากระบบ GFMIS ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558

จ.สุรินทร์ แจ้งการเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ครั้งที่ 6

 นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ได้ประกาศเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต  2556/57 ครั้งที่ 1 จำนวน  47 แห่ง จังหวัดสุรินทร์ ได้เปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต  2556/57 ครั้งที่ 1 (เพิ่มเติมครั้งที่ 6) ดังนี้ บริษัท พูลผลอโกร จำกัด อำเภอเมืองสุรินทร์,บริษัท โรงสี ส.ชัยเจริญ จำกัด อำเภอปราสาท,จุดรับจำนำนอกพื้นที่ ของบริษัท โรงสี ส.ชัยเจริญ จำกัด,ท่าข้าวสมพรพืชผล อำเภอพนมดงรัก,ร้านชัยยะเจริญพาณิชย์ อำเภอศีขรภูมิ,ท่าข้าว ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีพูนพราวพัฒน์ อำเภอศีขรภูมิ,จุดรับจำนำข้าวนอกพื้นที่ ของบริษัท กิจเจริญพรชัย ชุมพล สุรินทร์ จำกัด,สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด (สาขาศีขรภูมิ) อำเภอศีขรภูมิ, สหกรณ์การเกษตรรัตนบุรี จำกัด (สาขา 1 หนองผือ) อำเภอรัตนบุรี, จุดรับจำนำนอกพื้นที่ ของบริษัท โรงสีบูรพาข้าวศรีทอง จำกัด, สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด สาขารัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี,ร้านทรัพย์ไพบูย์ อำเภอศีขรภูมิ และ ร้านเทพเทวา อำภอศีรขรภูมิ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจำนำ ณ จุดรับจำนำ กรุณาแจ้งสำนักงานการค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์หมายเลข 0-4451-6089, 0-4453-0020 หรือสายด่วน 1569

จ.สุรินทร์ เลื่อนประชุมเตรียมการรับเสด็จองค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE

 นายพีรศักดิ์ ผลพฤกษา นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ จัดประชุม เตรียมการรับเสด็จองค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมศรีณรงค์ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ จึงขอเลื่อนการประชุมเป็นวันที่ 2 ธันวาคม 2556 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมศรีณรงค์ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ดังนั้นจึงแจ้งมาให้คณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมให้ทราบโดยทั่วกัน

จังหวัดสุรินทร์ เชิญเที่ยวงาน “เทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิและงานกาชาด” ครั้งที่ 16 ประจำปี 2556

 นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในวันที่  19 – 23  ธันวาคม 2556 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อประชาสัมพันธ์ของดีของ อำเภอชุมพลบุรี และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งในพิธีเปิดงานในวันนี้ มีกิจกรรมในงานประกอบด้วยขบวนแห่ประเพณีวิถีชีวิตของชาวชุมพลบุรี ขบวนรถตกแต่งด้วยเมล็ดข้าวหอมมะลิ อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา จาก  9 ตำบล และขบวนฟ้อนรำวัฒนธรรมประเพณี นิทรรศการของดีเมืองชุมพลบุรี ผลิตภัณฑ์  OTOP เช่น ผ้าไหม ข้าวหอมมะลิ อำเภอชุมพลบุรีมีพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำไหลสองสายคือ ลำพลับพลาและลำน้ำมูล ในพื้นที่ที่เรียกว่า  "ทุ่งกุลาร้องไห้” ตั้งอยู่ทางทิศเหนือห่างจากจังหวัดสุรินทร์  91 กิโลเมตร เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงอันปลอดสารเคมีและสารพิษตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดสุรินทร์ นอกจากนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ปลาไหลแถบอำเภอชุมพลบุรีเจริญเติบโตเหมาะสมแก่การบริโภคและมีจำนวนมาก ความพิเศษของปลาไหลที่นี่คือเป็นปลาไหลธรรมชาติ ลักษณะตัวโตสีเหลือง ลำตัวถึงโคนหางกลมอวบ ไม่มีกลิ่นคาว เป็นที่นิยมบริโภค เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล อำเภอชุมพลบุรีจึงได้จัดงาน  "เทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิ และงานกาชาด” ประจำปี 2556 ขึ้นเป็นครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 19 - 23 ธันวาคม 2556 กิจกรรมในงานประกอบด้วยขบวนรถตกแต่งด้วยเมล็ดข้าวหอมมะลิและขบวนฟ้อนรำ (เฉพาะวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2556) การแข่งขันจับปลาไหลประเภททีมชาย ทีมหญิงและทีมนานาชาติ (เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2556) การประกวดปลาไหลใหญ่ - ยาว การประกวดข้าวหอมมะลิ การประกวดผ้าไหม การแข่งขันเรือพายไม่เกิน  8 ฝีพาย การแข่งขันนวดข้าว - ตำข้าว การแข่งขันหุงข้าวแบบโบราณ การประกวดอาหารสูตรเด็ดจากปลาไหล เช่น ต้มเปรตปลาไหล ปลาไหลย่างซอส (อร่อยแซบอีหลี)และการประกวดจัดสำรับอาหาร นิทรรศการของดีเมืองชุมพลบุรี การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP รวมทั้งมหรสพ เช่น การแสดงหมอลำการแสดงดนตรี เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี โทร. 044- 596 088

จังหวัดสุรินทร์ เตือนอากาศเริ่มหนาวประชาชนแห่ซื้อเสื้อมือสอง ขอให้ซักทำความสะอาดก่อนใช้

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส สำหรับอากาศจังหวัดสุรินทร์จะมีอากาศเริ่มเย็นในช่วงเช้า ทำให้ประชาชน และพ่อค้า แม่ค้านิยมไปซื้อเสื้อผ้ามือสอง ที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เข้ามากักตุนเตรียมไว้ใช้ และจำหน่ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผ้าห่มกันหนาวมือสอง ที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูหนาวของทุกปี โดยราคาต้นทุนจะอยู่ที่ผืนละประมาณ 50- 200 บาท ทั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์ จึงขอเตือนประชาชนเพื่อเป็นการไม่ประมาท ควรนำเสื้อผ้ามือสองไปทำความสะอาดก่อนสวมใส่

แม่ช้างหงุดหงิดใช้งาแทงลูกช้างไส้ทะลัก แต่ยังรอด

วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) หลังจากที่โครงการคชอาณาจักร (คต-ชะ-อา-นา-จัก) องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมป์ บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ช้างพังน้องโบว์ อายุ 24 ปี ซึ่งมีนางศรี เพชรกล้า อายุ 75 ปี  ชาว บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นควาญเจ้าของช้าง และได้นำช้างพังน้องโบว์ เข้าร่วมโครงการคชอาณาจักร องค์การสวนสัตว์ โดยช้างพังน้องโบว์ ได้ตั้งท้องมาแล้ว 22 เดือน และเมื่อห้าทุ่ม คืนวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ช้างพังน้องโบว์ ก็ได้ตกลูกออกมา

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ช้างพังน้องโบว์ มีอาการ หงุดหงิดหนัก เนื่องจากเป็นแม่ช้างใหม่ ไม่คุ้นเคย กับการเลี้ยงลูกน้อย เมื่อลูกช้างซุกชน เข้าไปใต้ท้อง เพื่อจะดูดน้ำนมจากแม่ แต่ขาของลูกช้าง ได้ไปติดกับ โซ่ ที่ล่ามขาของแม่ช้างไว้ ช้างน้อยพยายามที่จะดิ้นให้หลุด แต่แม่ช้างคือพังน้องโบว์ ก็ตกใจ ได้ ใช้ขนาย(งาของตัวเมีย)แทงช้างน้อยลูกของตัวเองทันที ถึงกับไส้ทะลัก  และได้แทงขนาย ลงดินจนขนายหัก ควาญช้าง และทีมสัตว์แพทย์เร่งช่วยชีวิต ทำการล้าง บาดแผล และเย็บบริเวณ แผลฉกรรจ์ เพื่อช่วยชีวิตช้างน้อย อย่างเร่งด่วน

นายสมุทร ศาลางาม  ควาญช้าง  เล่าว่าทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพยายามเอาพังน้อยออกมาให้พ้นแม่  ก่อนนำผ้าก็อตพันตัวและไส้ที่ทะลักออกมาเอาไว้  พร้อมประสานทีมสัตวแพทย์จาก โรงพยาบาลช้างสุรินทร์ หรือสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ จ.สุรินทร์ มาช่วยทำแผล ท่ามกลางชาวบ้านและควาญช้างจำนวนมากมาช่วยเหลือกัน  ก่อนนำพังน้อยอุ้มขึ้นเตียงและทำความสะอาดแผล โดยพังน้อยร้องอย่างเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ซึ่งสัตว์แพทย์จากโรงพยาบาลช้างกำลังทำการเย็บบาดแผลที่ฉกรรจ์บริเวณใต้ท้องยาวประมาณ 1 คืบ และพบว่าว่าช้างน้อย ยังสามารถเดิน และดูดกินน้ำนมจากแม่ช้างคือพังน้องโบว์ได้อยู่ ควาญช้างต้องเฝ้าระวังอาการ และพฤติกรรมของแม่ช้างอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย อีกต่อไป




อุทัย  มานาดี / รายงาน

เทศบาลเมืองสุรินทร์ รณรงค์ประชาชนแยกขยะ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำลายปีละกว่า 30 ล้านบาท

 นายสมเมือง ตัณฑเลขา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์มีปริมาณขยะจำนวนมากที่ออกมาจากบ้านเรือน สำนักงาน และสถานที่ต่างๆ ในชุมชนมีประมาณวันละกว่า  50 ตัน และกำลังประสบกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากไม่มีพื้นที่รองรับเป็นแหล่งทิ้ง และกำจัดขยะประกอบกับแนวคิดที่จะสร้างบ่อกำจัดขยะหรือโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและระยะยาว ดังนั้นในปัจจุบันต้องสูญเสียงบประมาณในการทำลายขยะปีละกว่า  30 ล้านบาท รองนายกเทศมนตรี กล่าวต่อไปว่า เทศบาลได้ดำเนินโครงการสุรินทร์เมืองปลอดขยะ โดยการตั้งธนาคารขยะเพื่อรับฝากขยะจากประชาชนขณะเดียวกันได้สนับสนุนให้ทุกชุมชนจัดกิจกรรมและรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะในครัวเรือน สามารถนำกลับไปรีไซเคิลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าเป็นการเพิ่มรายได้ และลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ให้เหลือน้อยที่สุด ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากเยาวชนในสถานศึกษานำขยะมาร่วมธนาคารขยะ เพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ช่วยลดงบในการทำลายขยะได้ในระดับหนึ่งแล้ว

18 มงกุฎ หลอกโอนเงินค่าซื้อสินค้าไอโฟนยอดฮิตและอาวุธปืนผ่านโลกออนไลน์

18 มงกุฎ หลอกโอนเงินค่าซื้อสินค้าไอโฟนยอดฮิตและอาวุธปืนผ่านโลกออนไลน์  ราคาถูกกว่าท้องตลาดกว่าครึ่งเท่าตัว มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ตำรวจเตือนเป็นอุทาหรณ์ ให้ระวังบุคคลในลักษณะนี้ โดยเฉพาะบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า” เฮียน้อม” ที่ระบุว่ามีร้านอยู่ใน อ.ศีขรภูมิ ทั้งที่แท้จริงไม่มีตัวคนและร้านอยู่ในพื้นที่ และเชื่ออีกว่ายังมีผู้เสียหายทั่วประเทศอีกมากที่ตกเป็นเหยื่อ

วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.สมพงษ์  แก่นจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่าขณะนี้พบบุคคลที่อ้างตัวว่า ชื่อ”เฮียน้อม” ใช้เวปไซค์ต่างๆในโลกอินเทอร์เน็ต โพตส์ข้อความและภาพสินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะ ไอโฟน รุ่นต่างๆที่กำลังได้รับความนิยมรวมทั้งอาวุธปืน ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดกว่าครึ่งเท่าตัว เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสนใจในตัวสินค้า จนทำให้มีประชาชนหลายสิบรายหลงเชื่อถูกหลอกและยอมโอนเงินให้บุคคลที่อ้างชื่อว่า”เฮียน้อม” ซึ่งมีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศีขรภูมิ ในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา เกือบ 10 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่มาแจ้งความไว้ในท้องที่ สภ.ศีขรภูมิกว่า 2 แสน บาท

ด้าน พ.ต.ท.สมพงษ์  แก่นจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ศีขรภูมิ   เปิดเผยว่า อยากฝากเตือนถึงประชาชนที่มักจะชอบซื้อสินค้าทางโลกอินเทอร์เน็ตออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปและอาวุธปืนต่างๆ พอเสิร์ทเข้าไปหา ก็พบชื่อบุคคลที่อ้างว่าชื่อเฮียน้อม ที่อ้างว่ามีร้านอยู่ใน อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ขายสินค้าโทรศัพท์มือถือ อาวุธปืนและสินค้าไอทีต่างๆ เมื่อลูกค้าหลงเชื่อโอนเงินให้ก็จะไม่ได้รับสินค้าตามที่ต้องการ และเมื่อลูกค้ามาติดตามๆที่อยู่ระบุไว้พบว่าไม่มีชื่ออยู่ในพื้นที่ อ.ศรีขรภูมิ ซึ่งพบว่าสินค้าที่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธปืนและโทรศัพท์มือถือไอโฟน จึงขอฝากเตือนถึงประชาชนหากต้องการซื้อสินค้าในโลกออนไลน์ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่ามีตัวตนและมีสินค้าจริงหรือไม่ โดยทั่วกันหากพบบุคคลอ้างตัวในลักษณะนี้ ก็ให้ระวังอย่าโอนเงินให้ก่อนเด็ดขาด ส่วนผู้เสียหายที่เคยเข้ามาแจ้งความ มีทั้งมาจาก จ.สระบุรี อยุธยา หนองคาย ขอนแก่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าแจ้งความและอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลออกไปจึงไม่ได้มาติดตามว่าเฮียน้อมมีร้านอยู่ในพื้นที่จริงหรือไม่อีกด้วย และก็มีผู้เสียหายบางส่วนโทรศัพท์มาสอบถามหลายครั้งอีกด้วย

โดยผู้เสียหายแต่ละรายถูกหลอกให้โอนเงินให้มีตั้งแต่หลักหมื่นบาทจนถึงหลายหมื่นบาท รวมมูลค่าความเสียหายเท่าที่พบเข้ามาแจ้งความกว่า 2 แสน ในห้วง 1 ปีนี้ เกือบ 10 ราย และคาดว่ายังมีผู้เสียหายในท้องที่อื่นอีกมาก ซึ่งอาจจะถึงหลักล้านบาทอีกด้วย ส่วนที่อยู่ที่เฮียน้อมระบุไว้ว่ามีรายอยู่ที่ ถ.ประชาธิปัตย์ นั้นใน ตัว อ.ศีขรภูมิ ไม่มีตามที่ระบุ มีเพียงถนนชื่อ เสรีธิปปัตย์เท่านั้น ส่วนหมายเลขบัญชีดังกล่าวเป็นไปได้ว่า บุคคลดังกล่าวได้ใช้บัญชีธนาคารของบุคคลอื่นแอบอ้าง




อุทัย  มานาดี / รายงาน

สสจ.สุรินทร์ ขอให้ระวังโรคพยาธิใบไม้ตับ มะเร็งท่อน้ำดีเนื่องจากอาหารไม่สุก

 นายสอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า โรคพยาธิใบไม้ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดี เป็นสาเหตุทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเสียชีวิตมากกว่า  28,000 คนต่อปี ก่อให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ สังคม กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากผู้ป่วยมักอยู่ในวัยทำงานอายุระหว่าง  45-55 ปี  ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญถือเป็นวาระเร่งด่วน โดยจัดทำยุทธศาสตร์ กำจัดพยาธิใบไม้ตับ ลดมะเร็งท่อน้ำดี เพื่อปกป้องประชาชนลดการป่วยการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือร้อยละ  5 สำหรับโรคพยาธิใบไม้ตับมีสาเหตุเกิดจากการรับประทานอาหารประเภทน้ำจืดปรุงดิบ หรือสุกๆ ที่มีตัวอ่อนของพยาธิปนเปื้อน เช่น ปลาร้า ก้อยปลา ปลาหมกไฟ ฯลฯ เมื่อคน แมว หรือสุนัข ซึ่งเป็นแหล่งรังโรคถ่ายอุจจาระปนเปื้อนแหล่งน้ำ จะทำให้เกิดการแพร่ระบาด โดยมีหอยและปลาน้ำจืด เช่น ปลาแม่สะแด้ง ปลาซิว ปลาสร้อย และปลาตะเพียน เป็นตัวช่วยให้พยาธินี้เจริญเติบโต จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่และ อสม.ในพื้นที่ แนะนำประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม งดกินปลาร้าดิบ ปลาส้มดิบ ปลาน้ำจืดมีเกล็ดขาวดิบๆ สุกๆ กินอาหารที่สะอาดและปรุงสุกด้วยความร้อน และถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะก็จะลดการเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ มะเร็งท่อน้ำดีได้

แม่ค้าแตงโม ยอดจำหน่ายดี

แม่ค้าแตงโม วางขายรินถนน นับสิบร้าน สร้างรายได้อย่างงาม ขายได้วันละ 2,000-3,000 บาท ต่อวัน หลังว่างเว้นจากทำไร่นาและเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเสร็จ

วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) หลังจากชาวนาในหลายพื้นที่ ได้ว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา โดยเฉพาะในระยะนี้บางส่วนได้เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเสร็จแล้ว จึงพากันออกหารายได้เสริมเพื่อจุนเจือครอบครัว บางรายไปรับจ้างก่อสร้างยังต่างจังหวัดและภาคกลาง ขณะที่บางส่วนหาพืชผักผลไม้ท้องถิ่นมาวางขายข้างทาง ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่  อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ก็ไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ที่พบว่าบางส่วนได้มีการออกรับซื้อแตงโมจากพื้นที่ต่างๆที่มีผลผลิต ทั้งจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน เพื่อบรรทุกกลับมากักตุนเพื่อคัดขนาดก่อนจะวางขาย 2 ข้างทาง ของถนนหมายเลข 24 โชคชัย-เดชอุดม ใกล้กับ 4 แยกนิคมปราสาท ต.นิคมปราสาทฯกว่า 30 ร้าน สามารถสร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ละร้านขายได้ถึงวันละ 2,000-3,000 บาท ต่อวัน เลยทีเดียว และถือว่าเป็นแหล่งเดียวในจังหวัดที่มีพื้นที่ขายแตงโมข้างทางจำนวนมากแห่งหนึ่ง

นางวันเพ็ญ  มาดี อายุ 18 อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.4 ต.โคกสะอาด อ.ปราสาทฯ กล่าวว่า     แตงโมที่ขายมี 2 พันธุ์ ประกอบด้วย พันธุ์กินนรีและพันธ์น้ำผึ้ง ซึ่งพันธุ์น้ำผึ้งจะมีเนื้อแตงโมเป็นสีเหลือง ส่วนกินนรี เนื้อจะเป็นสีแดง แต่พันธุ์น้ำผึ้งจะมีราคาแพงกว่า  ส่วนราคาขายก็มีหลายราคาให้เลือก เช่น ลูกใหญ่ลูกละ 50 บาท, 3-6 ลูก 100 บาท บาทแล้วแต่ขนาด จะบรรจุถุงไว้ บางลูกที่เล็กๆหน่อยก็จะบรรจุถุงละ 60 บาท ก็มี เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ  โดยแตงโมพันธุ์กินนรีจะขายดีกว่า เพราะเนื้อจะเป็นสีแดง มีรสชาติหวาน ส่วนพันธุ์น้ำผึ้งก็ขายได้เช่นกัน แต่ไม่ดีเท่ากินนรี เพราะพันธุ์น้ำผึ้งมีราคาแพงกว่า  วันหนึ่งๆจะสามารถขายแตงโมได้ 2-3 พันบาทต่อวัน ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะขายได้วันละ 3-4 พันบาท ยังไม่หักต้นทุนออก ซึ่งก็ถือว่าสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดีในช่วงจากว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา  แต่แตงโมต้องออกไปหาซื้อจากหลายพื้นที่ บางครั้งก็ไปซื้อที่ต่างจังหวัด  เวลาที่ไหนมีผลผลิตคนปลูกก็จะโทรมาบอกให้ไปรับซื้อ  แต่ส่วนใหญ่เกือบตลอดทั้งปีก็จะหาสินค้าผลผลิตผลไม้ชนิดอื่นมาวางขายสลับกัน ซึ่งจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนลูกค้าก็จะเป็นคนที่สัญจรผ่านไปมา บนถนนหมายเลข 24 โชคชัยเดชอุดม




อุทัย  มานาดี/ รายงาน

จังหวัดศรีสะเกษประกวดวาดภาพและเขียนเรียงความ ในหัวข้อเรื่อง “จังหวัดของฉันในปี 2020”

 นายสนิท ขาวสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาชีวิตขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และได้มีการจัดนิทัรรศการและเสวนาภายใต้ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020 " เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวรวมทั้งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดโครงการวาดภาพและประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อ "จังหวัดของฉันในปี 2020” โดยประกวดวาดภาพในระดับประถมศึกษา และประกวดเขียนเรียงความในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาซึ่งโครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 – มกราคม 2557 โดยแบ่งการตัดสินออกเป็น 2 ระดับ คือ การตัดสินระดับจังหวัดและการตัดสินระดับประเทศ ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานการปกครองจังหวัด กลุ่มงานปกครอง โทร. 0-4561-2581

ราษฎรบ้าน ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี มีรายได้เดือนละเกือบแสนบาทจากการนำโครงการชีววิถีไปปรับใช้

นายบุญมี  ธรรมวิพากย์  ราษฎรบ้านดอนม่วง หมู่ที่ 6 ตำบลคันไร่  อำเภอสิรินธร  จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า  กองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร ได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการชีววิถี เน้นการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ครอบครัวของตนได้ทำการปลูกพืชผักและไม้ผล เช่น มะนาว มะม่วง กล้วย ผักสวนครัว  โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพจากการเรียนรู้ มาใช้ในด้านการเกษตร นอกจากนี้ ยังการเพาะเลี้ยงปลานิล  ตั้งแต่การอนุบาล จนถึงปลาตัวโตที่สามารถจำหน่ายได้   ปัจจุบันทีทั้งหมด 13 บ่อ แหล่งน้ำหลักด้านการเกษตร นอกจากน้ำฝนแล้ว ยังได้น้ำจากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ตำบลคันไร่ โดยกรมชลประทานเข้ามาหนุนเสริม ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำด้านการเกษตร

นายบุญมี  กล่าวว่า  รายได้หลักของครอบครัว มาจากการจำหน่ายพันธุ์ปลา เดือนละประมาณ ตั้งแต่ 7 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนการรอดของปลาด้วย โดยมีลูกค้าในจังหวัดอุบลราชธานีและต่างจังหวัดมาติดต่อรับซื้อเป็นประจำ ส่วนพืชผัก ผลไม้ที่ปลูก ก็พอขายได้บ้างแต่ไม่มากนัก ทุกวันนี้ตนเองพร้อมครอบครัว มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก นั่นเป็นเพราะมีความตั้งใจในการทำงาน และรู้จักดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง



กรกช  ภูมี / สวท.อุบลฯ

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จัดงานครบรอบรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิรินธร ปีที่ 42

 วันนี้ ( 27 พ.ย. 56 ) ที่กองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร  อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี  นายณัฐพล ภูมิเรืองศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นประธานในรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิรินธร ปีที่ 42

สำหรับเขื่อนสิรินธร เริ่มก่อสร้างโครงการในเดือนมิถุนายน 2511 และวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เชิญพระนามของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ขนานนามเขื่อนว่า เขื่อนสิรินธร  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนสิรินธร เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2514 จากนั้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2515 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ได้โอนเขื่อนสิรินธรให้อยู่ในความรับผิดชอบดูและของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตลอดจนระบบเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างดี

ในงานรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิรินธร ปีที่ 42  มีการปล่อยพันธ์กุ้งก้ามกราม จำนวน 2 ล้านตัวลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร มอบพันธ์ปลาดุกให้แก่ประชาชน 16 หมู่บ้าน ในพื้นที่รอบเขื่อนสิรินธรและเขื่อนปากมูล ทั้งนี้เพื่อเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้เสริมแก่ประชาชน นอกจากนี้ มีการจัดแข่งขันกีฬาเช่น กอล์ฟ  ฟุตบอล ระหว่างเจ้าหน้าที่กองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร กับส่วนราชการ ประชาชนในพื้นที่รอบเขื่อนสิรินธรและเขื่อนปากมูล รวมทั้งการจัดงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ เพื่อสร้างเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กับส่วนราชการ ประชาชนในพื้นที่รอบเขื่อนสิรินธรและเขื่อนปากมูล  
                 



กรกช  ภูมี / สวท.อุบลราชธานี 

บรรยากาศศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ยังเปิดทำการปกติ

บรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ยังคงเปิดทำการตามปกติ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าข้าราชการและเจ้าหน้าเดินทางมาปฏิบัติงานตามปกติ
 วันที่ ( 27 พ.ย. 56 ) บรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ยังคงเปิดทำการตามปกติ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ. สุรินทร์ ได้จัดกำลังตำรวจ เข้ามาเสริมกับกำลังของ อส. เข้าประจำอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ขณะเดียวกัน ภายในศาลากลางจังหวัดได้มีการปิดช่องทางเข้าออกเหลือเพียงประตูเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมสถานการณ์ ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตรได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมประชุมเพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆได้สอดส่องดูแลสถานที่ราชการ ของตนเองโดยเฉพาะหน่วยงานที่มีความสำคัญเช่น ไฟฟ้า ประปา ด้านสื่อสาร และที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดส่งกำลังเข้าประจำตลอด 24 ชั่วโมงทั้งนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันจังหวัดสุรินทร์ในภาพรวมยังปกติไม่มีเหตุการณ์มวลชนเข้ามาชุมนุมที่บริเวณศาลากลางจังหวัด หรือตามสถานที่ราชการต่างๆ แต่อย่างใด มีเพียงกลุ่มของนาย คราศรี ลอยทอง ทนายความ นายอัครเดช สุพรรณฝ่าย อาจารย์ มรภ.สุรินทร์ นายสรวิช ขุมทอง สื่อมวลชนอิสระ และนายศิริพงษ์ ไหวดี ทนายความ ทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรค ปชป.จ.สุรินทร์ พร้อมผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 30 คน มาชุมนุมปราศรัยโจมตีรัฐบาลหน้าศาลากลางจังหวัดเมื่อเย็นวานนี้ ( 26 พ.ย. 56 ) และประกาศว่าจะพามวลชนมาชุมนุมทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมงในช่วงเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าแกนนำที่ กทม.จะสั่งยุติการชุมนุมแต่ไม่มีเหตุรุนแรงหรือยึดสถานที่ราชการแต่อย่างใด



ประนนท์ ไม้หอม / ส.ปชส./สุรินทร์/รายงาน

การชุมชนต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาล ที่จังหวัดอุดรธานี


กลุ่มชาวอุดรรักชาติและกลุ่มต่อต้านรัฐบาล 10 กลุ่มร่วมชุมนุมแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลยื่นหนังสือและมอบดอกกุหลาบแก่ฝ่ายบ้านเมือง ที่ศาลากลางจังหวัดและเทศบาลนครอุดรธานีก่อนสลายตัวหลังจากนั้นสมาชิกชมรมคนรักอุดรซึ่งชุมนุมที่สนามทุ่งศรีเมือง ได้เคลื่อนขบวนมาแสดงพลังที่หน้าศาลากลางจังหวัดก่อนแยกย้ายในที่สุด

เมื่อเวลา 11.00 น.ที่บริเวณถนนวัฒนานุวงศ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี กลุ่มชาวอุดรรักชาติและกลุ่มหมอและพยาบาลอุดรรักชาติ กลุ่มครูอุดรรักชาติ กลุ่มนักธุรกิจอุดรรักชาติ กลุ่มนักศึกษาอุดรรักชาติ เครือข่ายทนายอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอุดรรักชาติ กลุ่มราษฎรอาวุโสรักชาติ กลุ่มเกษตรกรอุดรรักชาติจำนวนหนึ่งได้มารวมตัวที่บริเวณไปรษณีย์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เพื่อแสดงพลังในการต่อต้านรัฐบาล ต่อมาได้เคลื่อนขบวนออกจากไปรษณีย์ มารวมตัวที่บริเวณถนนวัฒนานุวงศ์ ร่วมร้องเพลงปลุกใจ เป่านกหวีด มือตบ และมอบดอกไม้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสารักษาดินแดน และข้าราชการ ที่ตั้งกำแพงรักษาความปลอดภัยศาลากลาง ฟังแถลงการณ์ของกลุ่มฯ ซึ่งนายรังสี ศุภชัยสาคร ประธานกลุ่มชาวอุดรรักชาติแกนนำผู้ชุมนุมขึ้นหลังรถกระบะอ่านแถลงการณ์ เรื่องการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยกลุ่มผู้ชุมชนเรียกร้องขอให้ผู้ชุมนุมยังคงยึดมั่น ในการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ,ขอให้รัฐบาลปฏิบัติตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพันธกรณีระหว่างประเทศไทยที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัดและยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆในการหยุดยั้งหรือสลายการชุมนุมไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล เสร็จแล้วลงมายื่นหนังสือผ่านจังหวัดถึงนายกรัฐมนตรี มอบนกหวีดโดยมีนายสุทธินันท์ บุญมี นายกอบเกียรติ กาญจนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้รับมอบ นายสุทธินันท์ ฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ขึ้นหลังรถกระบะกล่าวพบปะผู้มาชุมนุมเสร็จแล้วตัวแทนผู้ชุมนุมมอบดอกกุหลาบให้กับรองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปยังเทศบาลนครอุดรธานี เพื่อมอบดอกกุหลาบให้กับนายกเทศมนตรีนครอุดธานีและคณะผู้บริหารเทศบาลนครอุดรธานี และสลายตัวไป

หลังจากนั้นสมาชิกชมรมคนรักอุดรธานีซึ่งก่อนหน้าที่ได้เดินทางมารวมตัวแสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลที่บริเวณหน้าพลับพลาพิธีสนามทุ่งศรีเมืองได้เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมมาที่ถนนวัฒนานุวงศ์บริเวณหน้าศาลากลางฝั่งตะวันออก หน้าวิทยาลัยเทคนิคกล่าวปราศัยโจมตีฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยมีกองร้อยควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี สมาชิกอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุดรธานี ตั้งแนวรักษาความปลอดภัยศาลากลางจังหวัดอุดรธานี โดยนายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการเฝ้าสังเกตการณ์โดยตลอด




ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 
เมวิกา ศรีหาวงษ์ นศ.พิมพ์/ทาน/ภาพนิ่ง

รณรงค์และเฝ้าระวังความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว

 พมจ.อุดรธานี ร่วมกับ สำนักส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ รณรงค์และเฝ้าระวังความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในชุมชนที่ถูกปล่อยปละละเลย การใช้ความรุนแรงและแสวงหาผลประโยชน์

วันนี้ ( 25 พฤศจิกายน 2556 ) ที่โรงแรมบ้านเชียง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมนุษย์ของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันแห่งการ "รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” พร้อมกับการอบรมเชิงปฏิบัติการผู้จัดการรายกรณี หลักสูตร การปฏิบัติงานคุ้มครองเด็กในชุมชน นำโดย ผศ.โสภา อ่อนโอภาส นักวิชาการ สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ผู้เข้าอบรมประกอบด้วย ผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดอุดรธานี และประชาชนทั่วไป รวม 100 คน

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์เกี่ยวกับเด็ก เป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและซ้ำซ้อนมากขึ้น สาเหตุสำคัญเกิดจากเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ครอบครัวขาดการดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรหลานอย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น เด็กถูกทอดทิ้ง หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ปัญหาเหล่านี้มาจากประเทศไทยเรายังไม่มีระบบการเฝ้าระวังเพื่อการคุ้มครองเด็กทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ในปี 2557 สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.อุดรธานี มีแผนดำเนินการให้เกิดระบบเฝ้าระวังและการช่วยเหลือเด็กขึ้นใน 4 พื้นที่ได้แก่ อบต.หายโศก อ.บ้านผือ ,อบต.นางัว อ.น้ำโสม, ทต.สร้างก่อ อ.กุดจับ และทม.หนองสำโรง อ.เมือง

ผศ.โสภา อ่อนโอภาส นักวิชาการ สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ระบบการเฝ้าระวังและการช่วยเหลือเด็ก (CPMRS)จะช่วยให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่สามารถระบุเด็กที่ต้องการการคุ้มครองและดูแลเป็นพิเศษ หรือเด็กที่อยู่ในครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยง จะนำมาวางแผนและกำหนดวิธีการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในชุมชน ตำบลและจังหวัด จากนั้นจะติดตามและประเมินระบบการคุ้มครองดูแลเด็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บนฐานความคิดทางวิชาการและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนรวมทั้งเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการคุ้มครองเด็ก
 



เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อด.

ศรีสะเกษ เตรียมจัด การแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ มินิฮาร์ฟมาราธอน สู่อุทยานแห่งชาติ พระวิหาร ครั้งที่ 17

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 พ.ย.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลติภัณฑ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการจัดแถลงข่าวการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ  มินิฮาร์ฟมาราธอน  สู่อุทยานแห่งชาติ พระวิหาร ครั้งที่ 17 ประจำปี 2556 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2556 เวลา 06.00 น. ที่บริเวณโรงเรียนภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  นายวิชิต  ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ นายเพิ่มศักดิ์  ฉวีรักษ์  นายอำเภอกันทรลักษ์  นายสิทธิสมุทร  เพ็งชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบึงมะลู  นายศักดิ์สิทธิ์  พลทรัพย์ศิริ  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพระวิหาร และ พันเอกธนศักดิ์  มิตรภานนท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี  ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้
นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า ข่าวการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ  มินิฮาร์ฟมาราธอน  สู่อุทยานแห่งชาติ พระวิหาร ครั้งที่ 17 ประจำปี 2556 นี้  จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  อำเภอกันทรลักษื และองค์กรภาคเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น    เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 และ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษ รวมไปถึงการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้ออกกำลังกายและห่างไกลยาเสพติด ซึ่งนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขัน จะได้สูดดมกลิ่นอาย ของธรรมชาติยามเช้า และความงามของผามออีแดง ทะเลป่า ภูผาหมอก ที่สวยงาม ตลอดจน มีโอกาสได้ชมพระอาทิตย์ 2 แผ่นดิน ที่ขึ้นยามเช้า ที่ผามออีแดงอีกด้วย

นายวิชิต  ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถสมัครได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ และที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งนอกจากจะมีการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯแล้ว ทางชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพของจังหวัดศรีสะเกษ จะได้นำรถจักรยานมาร่วมปั่นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ประมาณ 300 คัน นอกจากนี้ก่อนวันงาน คือ  ในวันที่ 6 -7 ธันวาคม 2556  องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ยังได้มีการประกวดวงดนตรีไทย และวงดนตรีสากลของเด็ก และเยาวชนอีกด้วย

ขณะที่พันเอกธนศักดิ์  มิตรภานนท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี   กล่าวว่า  ในส่วนของด้านความปลอดภัย นั้น ทางทหารในนามของกองกำลังสุรนารี  ได้มีการตรึงกำลังรักษาความสงบตลอดบริเวณตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งในภาพรวมแล้วความสัมพันธ์ระหว่างไทย และกัมพูชา ขณะนี้ มีความร่วมมือกันในหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศ จะเกิดความขัดแย้งด้านเขตแดน บริเวณปราสาทพระวิหาร แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ได้กลับสู่ความสงบสุขแล้ว  ซึ่งตนมั่นใจว่า ความปลอดภัยในการจัดการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ  มินิฮาร์ฟมาราธอน  สู่อุทยานแห่งชาติ พระวิหาร ครั้งที่ 17 ประจำปี 2556 ในครั้งนี้   ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ตลอดจนนักท่องเที่ยว ต้องได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอน

กลุ่มศรีสะเกษศรีสะเกษ รวมพลังสร้างสรรค์ พัฒนาชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 พ.ย.56 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดงานวันรวมพลังสร้างสรรค์ พลังสตรีศรีสะเกษ  เพื่อเป็นการแสดงออกถึงพลังขององค์กรสตรี จังหวัดศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นพลังสำคัญ อีกส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ และยังมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างมั่นคง ให้กับสถาบันครอบครัว โดยมี นางนริตา  ไตรสรณกุล ประธานคณะกรรมการ พัฒนาสตรีจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย องค์กรกลุ่มสตรีจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 1,000 คน ร่วมงานในครั้งนี้
ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  ได้มอบประกาศเกียรติคุณให้กับสตรีไทยดีเด่น จำนวน 1 คน และสตรีทำงานดีเด่น อำเภอละ 1 คน  รวมจำนวนทั้งสิ้น 23 คน เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติประวัติ และเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน

นางนริตา  ไตรสรณกุล ประธานคณะกรรมการ พัฒนาสตรีจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า จากประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า สตรีมีบทบาทอย่างยิ่งในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลสถาบันครอบครัว การมีส่วนร่วมในสังคม ทุกๆด้าน แม้กระทั่ง ในภาวะที่ประเทศชาติต้องประสบปัญหา พลังสตรีในชุมชน ยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ฟื้นฟู วิกฤติ บ้านเมือง อีกด้วย

สำหรับการจัดงานในวันนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมการ เสวนา แนวทางการพัฒนาองค์กรสตรีกับเครือข่าย โดยวิทยากรที่มีความรู้ , การแสดงบนเวที  จากตัวแทนองค์กรสตรีอำเภอ และการเดินแบบผ้าไหม ท้องถิ่นไทย จากองค์กรกลุ่มสตรี จาก 22 อำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ อีกด้วย

องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปภัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดงาน “ออนซอนสาเกต อาชีวเกษตรอีสาน”

 
วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงาน "ออนซอนสาเกต อาชีวเกษตรอีสาน” ณ วิทยาลัยเกษตรกรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีองค์กรเกษตรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 แห่ง ร่วมกิจกรรม ระหว่างระหว่างวันที่ 26 – 29 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ ในการประกอบอาชีพของสมาชิก เพื่อฝึกทักษะการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาชีพเกษตร และเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกได้ปฏิบัติตนเป็นพลเรืองที่ดีมีคุณค่าต่อสังคม

ทั้งนี้ กิจกรรมในงานประกอบด้วย การประชุมทางวิชาการ การออกร้านนิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน การประกวดร้านนิทรรศการทางวิชาชีพเกษตร การฝึกอบรม 108 อาชีพ การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP และผลผลิตทางการเกษตร การแข่งขันทักษะวิชาชีพการเกษตรและเทคโนโลยี การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน

                             


วิมล เร่งศึก/ข่าว
กมลพร คำนึง/บก.

เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด เผย ข้าวหอม มะลิร้อยเอ็ดผลผลิตปีนี้ มีคุณภาพสูง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอ สร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


นายปรีชา เชาว์ตระกูล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด เผยว่า การผลิตข้าวของจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งในเขตพื้นที่ทุ่งกุลา ซึ่งข้าวที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดในโลกก็คือข้าวหอมมะลิ 105 และจังหวัดร้อยเอ็ดก็จะมีการจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก ในวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2556 นี้

สถานการณ์ในการผลิตข้าวปีนี้ของจังหวัดร้อยเอ็ด นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของจังหวัดร้อยเอ็ด ถึงแม้ว่าจังหวัดร้อยเอ็ดจะมีพื้นที่ที่ประสบภัยธรรมชาติบางส่วน แต่ก็นับว่าจังหวัดร้อยเอ็ดมีธรรมชาติเอื้ออำนวยจึงทำให้มีพื้นที่ที่ประสบภัยธรรมชาติน้อย ปกติพื้นที่ของจังหวัดร้อยเอ็ดจะเสียประมาณ 5 – 6 แสนไร่ แต่มีนี้มีพื้นที่เสียแค่แสนกว่าไร่ ปีนี้ไร่นาส่วนใหญ่ของจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นนาที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการผลิตข้าวที่มีคุณภาพ ในการผลิตดังกล่าวเกษตรกรได้รับการส่งเสริมจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอในการปฏิบัติตามหลักของวิชาการ ปีนี้ประกอบกับธรรมชาติก็คือน้ำฝนที่มาเป็นระลอกทำให้ข้าวที่ได้รับมีการเจริญเติบโตที่ดี เพราะฉะนั้นในพื้นที่ที่จังหวัดร้อยเอ็ดที่มีการปลูกข้าวมีอยู่ประมาณ 3 ล้านไร่ จะผลิตได้ประมาณ 2 ล้านกว่าไร่ และข้าวที่เกษตรกรผลิตได้ในปีนี้ก็มีคุณภาพค่อนข้างดี จากการสอบถามและสำรวจข้อมูลเกษตรกรคาดว่าผลผลิตที่ได้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดคือประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ว่าผลผลิตที่ทางโครงการการขึ้นทะเบียนเกษตรกรซึ่งเป็นค่าผลผลิตเฉลี่ยตามสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรซึ่งมีการหักลบรายละเอียดต่างๆแล้วก็คาดว่าจะเหลือประมาณ 358 กิโลกรัมต่อไร่ คาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณล้านกว่าตัน ซึ่งข้าวหอมมะลิทางรัฐบาลได้มีการประกันราคาไว้ตันละประมาณ 2 หมื่นบาท

ในการจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก ในวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2556 นอกจากจะมีการแสดงผลิตผล ผลงานของผลิตข้าวหอมมะลิ ยังได้มีการจัดสัมมนาทางวิชาการในเรื่องของการพัฒนาข้าวหอมมะลิและมีการจับคู่เจรจาในเรื่องของการค้า ปีนี้คาดว่าน่าจะได้รับงบประมาณหลายพันล้านบาท จากการประชุมของทางนายกสมาคมฯ  โรงสี  นายกสมาคมหอการค้า  คาดว่าน่าจะมีการขับเคลื่อนในเรื่องของการจับคู่เจรจา การทำธุรกิจ ผลิตข้าวที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด คาดว่าการเจรจาซื้อขายในครั้งนี้ มีมูลค่าการซื้อขาย กว่า  4 - 5 พันล้าน บาท




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว

ยโสธรออกหน่วยแพทย์ พอ.สว. ให้บริการประชาชนถิ่นกันดาลฟรี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 ที่วัดบ้านนาเวียง หมู่ที่ 1,7 ตำบลนาเวียง อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร นายจรรยา สุคนธ์คันธชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ออกทำการตรวจรักษาให้กับประชาชนในถิ่นกันดาล โดยมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

นายจรรยา สุคนธ์คันธชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อให้บริการประชาชนที่อยู่ห่างไกลถิ่นทุรกันดาร ด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค บริการทันตกรรม และชี้แจงข่าวสารงานบริการของหน่วยราชการต่าง ๆ นอกจากการตรวจรักษาให้กับประชาชนแล้วทางส่วนราชการแต่ละหน่วยงานได้จัดซุ้ม เพื่อให้ประชาชนได้ติดต่อสอบถามและให้บริการในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนไม่ต้องเดินทางไปยังอำเภอหรือจังหวัด และ ได้มอบเงินให้กับผู้สูงอายุ และแจกพันธ์ปลา และทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร ยังได้นำยาสามัญประจำบ้านมาแจกจ่ายให้กับประชาชน อีกด้วย
                                                     



                                                                          ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช 27 พฤศจิกายน 2556

ยโสธรรับบริจาคโลหิตกรณีพิเศษ

 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 ณ ห้องโถงศาลากลางจังหวัดยโสธร (หลังใหม่) เหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลยโสธร ขณะนี้โลหิตสำรองคงคลังโรงพยาบาลยโสธร มีจำนวนต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดทุกหมู่ และทางธนาคารเลือดได้ติดต่อและเปลี่ยนและขอรับการสนับสนุนกับหน่วยบริการค้างเคียงในเขตพื้นที่ แต่หน่วยงานข้างเคียงไม่สามารถให้การสนับสนุนได้ เหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร ร่วมกับโรงพยาบาลยโสธร จึงได้รับบริจาคโลหิตกรณีพิเศษ โดยได้รับความร่วมมือจาก ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน เป็นจำนวนมาก
                                                           



                                                                               ส.ปชส.ยโสธร/ปิยะนุช      27 พ.ย.56

บริษัท แคนนอน ไฮ-เทค (ประเทศไทย) จำกัด รับสมัคงาน

 นางสาวจรัสศรี อิฏฐกุล จัดหางานจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า บริษัท แคนนอน ไฮเทค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านผลิตอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่ ๗๘๙ หมู่ที่ ๑ ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ๓๐๓๘๐ ว่ามีความประสงค์รับสมัครพนักงานประจำฝ่ายผลิต โดยฝ่ายบุคคลของบริษัทจะเดินทางมารับสมัคร และสัมภาษณ์ด้วยตัวเองในวันจันทร์ที่ ๙ และ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๕.๓๐ น. ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร ในตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิต จำนวน ๒,๐๐๐ อัตรา ค่าจ้าง ๓๐๐ – ๓๐๔ บาท/วัน สวัสดิการ หอพักพนักงาน โบนัส ชุดฟอร์ม รถรับสั่ง เงินค่าเข้ากะ ค่าอาหาร ๓๐๐ บาท/เดือน ค่าครองชีพ ๓๐๐ – ๖๐๐ บาท/เดือน

ทั้งนี้ผู้สนใจขอให้เดินทางไปสมัคงานในวันเวลาดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร ศาลากลาง ชั้น ๑ ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โทร ๐๔๒-๖๑๓๐๓๗-๘
                                       



                                                               สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

ตชด.234มุกดาหารไล่สกัดรถตู้ขนไม้พะยูง มูลค่า5แสนบาทจ่อส่งข้ามโขง

วันนี้ ( 27 พ.ย.56 ) พ.ต.ท.เทิดฤทธิ์ สุวรรณประทัง ผู้บังคับกองร้อย ตชด.234 ได้รับรายงานว่าจะมีรถตู้ ลักลอยขนไม้พะยูง เพื่อไปส่งบริเวณริมโขง ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ภาสกร หนุดตะแสง ผบ.ร้อย ตชด.234 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ตชด.234 มุกดาหาร นำกำลังไปดักที่ ถนนเลี่ยงเมือง บ้านโคกสุวรรณ – ธาตุพนม ไปดักซุ่มตามเส้นทางดังกล่าว

จนกระทั่งพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฮจ-2280 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงออกมาให้สัญญาณหยุด แต่กลับเร่งเครื่องยนต์เพื่อจะหลบหนี จึงได้ขับรถไล่ติดตามจนตามทันบริเวณแยกบายพาสโคกสุวรรณ อำเภอเมืองมุกดาหาร ส่วนคนขับรถได้ทิ้งรถแล้ววิ่งหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามแต่ไม่ทัน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในรถตู้ พบไม้พะยูง จำนวน 14 ท่อน/เหลี่ยม คิดมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท ไม้พะยูงเหล่านี้น่าจะถูกลักลอบตัดมาจากเขตภูสีฐาน เพื่อนำส่งให้แก่นายทุนริมฝั่งแม่น้ำโขง และส่งไปต่อประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48, ร่วมกันมีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) ไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางรถตู้ พร้อมไม้พะยูง ของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อติดตามเจ้าของรถที่หลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร/ข่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารประชุมโต๊ะข่าวจังหวัดมุกดาหารตามโครงการ “ผู้ว่าฯ พบสื่อมวลชน”


วันนี้ ( ๒๗ พ.ย.๕๖ ) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานประชุม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชนในพื้นที่ทุกแขนง อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน โดยมี นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร นายธวัชชัย ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารทั้ง ๒ ท่าน พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนางานของจังหวัดให้ดำเนินไปด้วยความราบรื่น โดยอาศัยหลักการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ก่อให้เกิดการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารระหว่างส่วนราชการ ภาคเอกชน กับสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารทุกแขนง และถือเป็นการเปิดเวทีให้ผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รวมถึงรับทราบปัญหา อุปสรรค ของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขก่อให้เกิดการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารต่อไป




สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารประกาศกำหนดมาตรการควบคุมการบรรทุกอ้อย


นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ด้วยปรากฏว่าในฤดูการเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย เมื่อปี ๒๕๕๖ มีรถบรรทุกชนิด ๔ ล้อเล็ก รถบรรทุกชนิด ๖ ล้อ รถบรรทุกชนิด ๑๐ ล้อ ตลอดจนรถบรรทุกชนิดเทเลอร์ และรถลากจูง ได้เข้ามารับจ้างบรรทุกอ้อย เข้าโรงงานเป็นจำนวนมาก และบางครั้งก่อให้เกิดอันตราย อ้อยตกหล่น หรือ เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันอุบัติเหตุจากการบรรทุกอ้อย

จังหวัดมุกดาหารได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการบริหารส่วนท้องถิ่น เขต ๑๒ จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดมุกดาหาร ตำรวจทางหลวงและตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร มีมติเห็นชอบให้กำหนดมาตรการควบคุมการบรรทุกอ้อย ดังนี้ รถบรรทุกอ้อยชนิดต่าง ๆ จะต้องจดทะเบียน และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้ถูกต้อง, ผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้อยจะต้องมีใบอนุญาต ตามชนิด และประเภทของรถบรรทุกนั้น ๆ, ผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้อยจะต้องไม่เสพสุรา ยาเสพติด ขณะเป็นผู้ขับขี่ควบคุมรถบรรทุก, รถบรรทุกอ้อยจะต้องติดป้ายผ้าสัญญาณท้ายรถ ในเวลากลางวัน และระบบไฟสัญญาณด้านท้ายรถบรรทุกอ้อย เพื่อแสดงสัญญาณในเวลากลางคืนในครบสมบูรณ์ เห็นได้ชัดเจน, รถบรรทุกอ้อยจะต้องบรรทุกอ้อยสูงไม่เกิน ๓.๘๐ เมตร และยื่นท้ายได้ไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร, หากมีอ้อยตกหล่น ผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้อยจะต้องเก็บกวาดออกจากบริเวณถนนผิวจราจรให้เรียบร้อย, หากมีอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้อยจะต้องแจ้งสถานีตำรวจภูธร ในพื้นที่โดยรีบด่วนและช่วยเหลือคู่กรณี ตามความเหมาะสม, รถบรรทุกอ้อยจะต้องติดตั้งสายรัดอ้อย จำนวน ๓ เส้น เพื่อรัดอ้อยป้องกันปัญหาอ้อยตกหล่นเป็น ๓ ช่วง ของการบรรทุก, ห้ามรถบรรทุกอ้อย ขนส่งอ้อยในห้วงเวลา ๑๖.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ซึ่งมีการจราจรติดขัด เพื่อลดอุบัติเหตุ อุบัติภัย, ห้ามรถบรรทุกอ้อย วิ่งเข้าไปในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจร โดยให้ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองมุกดาหารเท่านั้น

ทั้งนี้ หากมีอ้อยตกหล่นให้แจ้ง บริษัท สหเรือง จำกัด ตลอด ๒๔ ชั่วโมง หมายเลขโทรศัพท์ ๐๔๒-๖๗๔๐๐๔, ๐๔๒-๖๖๐๔๐๔ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลข ๐๘๐-๓๗๘๘๔๘๔ และหากรถบรรทุกอ้อยคันใดฝ่าฝืน จะมีความผิดตามกฎหมาย
                         



                                                         สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จ.มหาสารคาม จัดงานวันรำลึกผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน - MOU สวมหมวกกันน๊อค 100%

จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับภาคีเครือข่ายและสถานศึกษา จัดงานวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2556 เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนนพร้อม MOU ระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามและผู้บริหารสถานศึกษา รณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% จากปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละปี จำนวนถึง 1.3 ล้านคน องค์การอนามัยโลกจึงประกาศให้วันอาทิตย์สัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมและให้ความสำคัญต่อปัญหา อุบัติเหตุทางถนน เข้าใจถึงถึงผลกระทบ รับรู้ถึงถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น และตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำ จังหวัดมหาสารคาม จึงไดร่วมกับภาคีเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสถานศึกษา จัดงานวันดังกล่าวขึ้น ในวันนี้

( 27-11-56 ) ที่หอประชุมโรงเรียนผดุงนารี พร้อมประกาศให้การดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เป็นวาระจังหวัด โดยขอความร่วมมือให้ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา สถานประกอบการ และภาคเอกชน ถือปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และการจัดงานในวันนี้ นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ยังได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100%” กับผู้แทนสถานศึกษา จำนวน 5 แห่ง คือ โรงเรียนผดุงนารี โรงเรียนมหาวิชานุกูล โรงเรียนสารคามพิทยาคม โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม หลังจากที่เมื่อเดือนตุลาคมได้มีการลงนามร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ รวม 93 หน่วยงานในจังหวัดมหาสารคาม ไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% หวังลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา กรมพลศึกษา ฝึกอบรมผู้ตัดสินกีฬา

สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม จัดโครงการฝึกอบรมผู้ตัดสินกีฬา 5 ประเภท เพื่อพัฒนาผู้ตัดสิน มีความรู้ ทักษะ ในการเป็นผู้ตัดสินที่ได้มาตรฐานสากล

นายชาญวิทย์ ผลชีวิน หรือ โค้ชหรั่ง รองอธิบดีกรมพลศึกษา อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นประธานเปิดการอบรมผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล ฟุตซอล เซปักตะกร้อ วอลเลย์บอล และบาสเกตบอล ซึ่งสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดขึ้นที่ห้องประชุมวิญญูคุวานันท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นายรัศมี จินดามัย ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาผู้ตัดสินกีฬา การจัดฝึกอบรมผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล ฟุตซอล เซปักตะกร้อ วอลเลย์บอล และบาสเกตบอลในครั้งนี้เพื่อพัฒนาผู้ตัดสิน มีความรู้ ทักษะ ในการเป็นผู้ตัดสินที่ได้มาตรฐานสากล ให้รู้กฎ กติกา ที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีทัศนคติที่ดีต่อการผู้ตัดสินกีฬากลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม และผู้ที่สนใจ ทั้งสิ้นจำนวน 288 คน มีระยะเวลาในการฝึกอบรมระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2556 ดำเนินการฝึกอบรมโดยใช้วิธีบรรยาย การสาธิต และการฝึกปฏิบัติจริงในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสิน ตลอดรวมถึงการทดสอบทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ



ส.ปชส.มหาสารคาม

จังหวัดมหาสารคามขอเชิญร่วมงาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556

จังหวัดมหาสารคามขอเชิญร่วมงาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 ในวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม และหอประชุมจังหวัดมหาสารคาม      

นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 ในวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม และหอประชุมจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 87 รูป เวลา 07.00 น. ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม โดยการแต่งกาย ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ แต่งกายชุดผ้าไทย หรือชุดสุภาพ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป ชุดสากล ชุดสุภาพ หรือชุดเครื่องแบบขององค์กร และเวลา 09.00 น. มีพิธีถวายพระพรชัยมงคล ณ หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม โดยการแต่งกาย ข้าราชการพลเรือนแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ข้าราชการทหาร ตำรวจ เครื่องแบบเต็มยศ พร้อมกระบี่ถุงมือ ประชาชน ชุดสากล ชุดสุภาพ หรือชุดเครื่องแบบขององค์กร และเวลา 19.00 น. มีพิธีถวายเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ณ บริเวณหน้าสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม โดยการแต่งกาย สุภาพบุรุษ ชุดไทยพระราชทานหรือชุดสุภาพ สุภาพสตรี ชุดไทย หรือชุดสุภาพ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ชุดสถาบัน

จึงขอเชิญชวนข้าราชการ พี่น้อง ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 โดยพร้อมเพรียงกัน



ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/ข่าว

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์มอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่อง ประจำปี 2556

วันนี้ ( 27 พ.ย. 56 ) เวลา 09.30 น. มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานมอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่อง ประจำปี 2556 ให้กับนักเรียนนักศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ณ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ในปีการศึกษา 2556 จังหวัดนครราชสีมามีนักศึกษาที่ได้รับทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่องจำนวน 31 ทุน และทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์แก่นักเรียนนักศึกษากำพร้า และครอบครัวนักเรียนนักศึกษาที่ประสบอุทกภัยปี พ.ศ. 2553 จำนวน 5 ทุน รวมทั้งสิ้นจำนวน 36 ทุน ทุนการศึกษาละ 15,000 บาท

ซึ่งนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาทุกคนเป็นบุคคลที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม มีความประพฤติเรียบร้อย และมีฐานะยากจน โดยนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ร่วมกันปฏิญาณตนประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติต่อไป 

จังหวัดนครราชสีมาจัดการอบรมทดสอบความรู้ก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว

วันนี้ ( 27พ.ย. 56 ) เวลา10.00 น. ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุภัทร อยู่ถนอม อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นประธานในการเปิดการอบรมทดสอบความรู้ก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว ให้แก่ผู้พิพากษาที่ได้รับตำแหน่งในพื้นที่ภาค 3 และภาค 4 ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ยโสธร สุรินทร์ อำนาจเจริญ นครพนม และมหาสารคาม จำนวน 119 คน เพื่อผู้พิพากษาสมทบที่เข้ารับตำแหน่งจะต้องได้รับการอบรมความรู้และผ่านการทดสอบในเรื่องเจตนารมณ์ละการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัว ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา การสังคมสงเคราะห์ การให้คำปรึกษาแนะนำ และการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตลอดจนหน้าที่ของตุลาการ

โคราชจัดกำลัง อส.และตำรวจกว่า 120 นาย ตรึงกำลังเข้มตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันศาลากลางจังหวัด ขณะที่ยังไม่มีมวลชนเคลื่อนไหวในพื้นที่

เช้าวันนี้ ( 27 พ.ย. 56 ) ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ปลัดจังหวัด และป้องกันจังหวัด ได้ตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ อส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ ป้องกันการเข้ามาบุกยึดสถานที่ราชการของกลุ่มมวลชน

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน หรือ อส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนาแน่นตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ชุมนุมเข้ามาปิดล้อม หรือบุกยึดศาลากลาง ภายหลังมีการประกาศให้ประชาชนทำการบุกยึดสถานที่ราชการทุกแห่ง ซึ่งทางจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ประสานกำลัง อส.ประมาณ 50 คน สมทบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 75 นาย โดยแบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบประจำการอยู่ในศาลากลางจำนวน 35 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณศาลากลาง 10 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายจราจร 30 นาย ตั้งด่าน 2 จุด บริเวณถนนทางผ่านหน้าศาลากลาง นอกจากนี้ยังได้ประสานรถดับเพลิงของเทศบาลนครนครราชสีมา 1 คัน มาประจำจุดประตูทางเข้าศาลากลางอีกด้วย ส่วนการควบคุมรถยนต์เข้า-ออก ศาลากลาง ก็ได้มีการขอความร่วมมือให้ลดกระจกรถยนต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจภายในรถยนต์ก่อนทุกคัน โดยที่ประตูทางเข้าศาลากลางได้มีเจ้าหน้าที่ อส.ปิด-เปิดให้ตลอดเวลา

ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล)จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการหัวข้อ การสนธิกำลังและขีดความสามารถของหน่วยงาน

ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล) ซึ่งประกอบด้วยกองทัพเรือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกองบังคับการตำรวจน้ำ จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการหัวข้อ การสนธิกำลังและขีดความสามารถของหน่วยงานภายใต้ ศรชล พ.ศ.2557-2560 ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2556 ณ โรงแรมโรแมนติครีสอร์จ แอนด์สปา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีพลเรือเอกทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ เสนาธิการทหารเรือในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งมีการบรรยายในหัวข้อ การสนธิขีดความสามารถเทคโนโลยีระบบตรวจการณ์ในการป้องกันภัยทางทะเล วิทยากรการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ศูนย์ประสานการปฏิบัติใน การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า ศรชล ได้จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2540 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานต่างๆเกี่ยวกับกิจการทางทะเลในทุกๆด้าน เพื่อให้การปฏิบัติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติและมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลอย่างต่อเนื่องโดยมีกองทัพเรือเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติ

การรับฟังความคิดเห็นของชาวชัยภูมิ ต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปด้วยความราบรื่น มีประชาชนสนใจเข้าร่วมกว่า 2 พันคน

การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนชาวจังหวัดชัยภูมิ ต่อโครงการก่อสร้างเขื่อนยางนาดี และเขื่อนชีบนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนของ กบอ. เป็นไปด้วยความราบรื่น มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า ๒,๐๐๐ คน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ผู้ที่เห็นด้วยบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้งได้ในระยะยาว รวมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชย และการจัดหาที่อยู่ใหม่แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ และมีประชาชนบางส่วนอยากให้มีการปรับขนาดของโครงการให้เล็กลงแต่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งลุ่มน้ำ ซึ่งคณะทำงานจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจะได้รวบรวมข้อคิดเห็นของประชาชนทั้งหมดนำเสนอต่อ กบอ.ต่อไป




เพชรรินทร์ เขียวเขว้า/ข่าว

ชาวชัยภูมิ ให้ความสนใจร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น ตามแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างคึกคัก

 วันนี้ ( ๒๗ มิ.ย. ๒๕๕๖ ) เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานในพิธีเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในโครงการก่อสร้างเขื่อนชีบน และเขื่อนยางนาดีในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ๙โมดูลแผนงานหลักในการออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบแก้ไขอุทกภัยของประเทศภายใน ๕ ปี เป็นต้น ซึ่งในภาคเช้าจะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในภาพรวม และช่วงบ่ายจะเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างทั่วถึง โดยมีประชาชนชาวชัยภูมิให้ความสนใจร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ประมาณ ๒,๐๐๐ คน



เพชรรินทร์ เขียวเขว้า/ข่าว

สถานการณ์การชุมนุมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลศาลากลางจังหวัดขอนแก่น

สถานการณ์การชุมนุมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

วันนี้ ( 27 พ.ย. 2556 )บรรยากาศตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลรวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยร้องเพลงและแสดงความคิดเห็นให้ข้าราชการในศาลากลางจังหวัดขอนแก่น หยุดทำงานและมาร่วมเป่านกหวีด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองอาสารักษาดินแดน ชุดกองร้อยป้องกันฝูงชน ป้องกันจังหวัด ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดร่วมสังเกตการณ์และรายงานข่าวความเคลื่อนไหว ซึ่งการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ขึ้นมาวุ่นวายในศาลากลางจังหวัดขอนแก่นแต่อย่างใด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นสั่งการให้ปลัดจังหวัดขอนแก่นดูแลความเรียบร้อย เวลา 11.30 น. นายวินัย สิทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รับมอบช่อดอกไม้และเป่านกหวีดกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลรวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองอาสารักษาดินแดน ชุดกองร้อยป้องกันฝูงชนการชุมนุม ให้อยู่ในความเรียบร้อย กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งนักวิชาการ และประชาชน แสดงพลังโบกธงชาติและเป่านกหวีดตลอดเวลา ไม่ยอมรับการบริหารงานของรัฐบาล ทีมสื่อมวลชนทุกแขนงเก็บภาพบรรยากาศนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิด กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน เวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยังคงปักหลักการชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยภายใต้การรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอย่างใกล้ชิด ที่สลับสับเปลี่ยนเวรรักษาความปลอดภัย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทางด้านนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นสั่งการให้ดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กลุ่มผู้ชุมนุมมีทั้งนักศึกษา อาจารย์ ทนายความ พยาบาล พ่อค้า ประชาชาน เยาวชน ผลัดกันแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย หนึ่งในแกนนำกล่าวว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายมวลชน เกรงจะเป็นอันตรายแต่จะชุมนุมอย่างสงบถึงเวลา 16.00 น.



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น

เทศกาลงานไหมนานาชาติฯ ขอนแก่น เริ่มแล้ว ด้วยการเปิดสัมมนาวิชาการ เส้นทางการค้าไหมลุ่มน้ำโขง


งานเทศกาลไหมนานาชาติฯ ที่จังหวัดขอนแก่นเริ่มขึ้นแล้ว ด้วยการเปิดสัมมนาวิชาการ เส้นทางการค้าไหมลุ่มน้ำโขง "Mekong Silk Road” โดยมีชาติสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จาก 6 ชาติ เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย กัมพูชา จีน ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม

เช้าวันนี้ (27 พฤศจิกายน 2556) ที่โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง และจังหวัดขอนแก่นได้จัดให้มีการสัมมนาทางวิชาการหัวข้อ เส้นทางการค้าไหม ณ ลุ่มน้ำโขง หรือ Mekong Silk Road ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2556 โดยมีนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาทางวิชาการในครั้งนี้

ดร.สุชาติ เกติมา ผู้อำนวยการสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง กล่าวรายงานว่า การสัมมนาวิชาการครั้งนี้ มีกำหนดระยะเวลา 2 วัน คือระหว่างวันที่ 27 - 28 พฤศจิกายน 2556 มีตัวแทน 6 ชาติสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย กัมพูชา จีน ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม จำนวน 98 คน เข้าร่วมสัมมนา วัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจไหม และความร่วมมือทางธุรกิจไหมระยะยาว ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 และเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนด้านธุรกิจไหม ผ่านงานเทศกาลไหมและประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น รูปแบบการสัมมนาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการนำเสนอ และการเสวนา อภิปราย แสดงความคิดเห็น โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงด้านธุรกิจไหมจากกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ประเทศจีน กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และไทย ครอบคลุมเนื้อหาด้านการพัฒนา การผลิต และนวัตกรรม ส่วนที่ 2 เป็นการลงพื้นที่ไปดูกระบวนการผลิตไหม พร้อมทั้งจับคู่เจรจาธุรกิจ ที่อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น


สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว
พัณณิตา นศ.ฝึกงาน/พิมพ์/27 พ.ย. 56

ขอนแก่น ยังไม่มีการปิดล้อมศาลากลาง หรือมีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่จังหวัดขอนแก่นในวันนี้ (27 พ.ย. 56) เวลา 11.00 น. ว่ามีกลุ่มผู้มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล จำนวนหนึ่ง เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณลานหน้ามุข ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เป็นการประสงค์เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่จะคัดค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีการปิดล้อมศาลากลางจังหวัด ไม่มีความรุนแรงใดๆ ต้องการมายื่นหนังสือคัดค้านรัฐบาลต่อทางราชการเท่านั้น

จังหวัดขอนแก่น โดยตำรวจภูธรจังหวัด และกำลังอาสารักษาดินแดน ได้จัดกำลังมารักษาความปลอดภัย ศาลากลาง ไม่มีความรุนแรงใดๆ โดยทั่วไป ขอนแก่นไม่มีความรุนแรง เป็นการประนีประนอมกัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ยังได้เปิดเผยด้วยว่า ส่วนกลางก็ได้สั่งการให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยสถานที่ราชการ และประชาชนให้มีการบริการประชาชนตามปกติ




สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว
วิภาอนงค์ นศ.ฝึกงาน/พิมพ์/27 พ.ย. 56

หอการค้าขอนแก่นจัดงาน KK Band นำพา SMEsก้าวไกลไปอาเซียน

หอการค้าขอนแก่นร่วมกับองค์กรต่างๆในขอนแก่นจัดงาน KK Band นำพา SMEs ก้าวไกลไปอาเซียน เพื่อเตรียมผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่นให้มีความรู้เรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและนำประโยชน์จากการเป็นประชาคมอาเซียนมาใช้ประโยชน์กับกิจกรรมของกลุ่ม SMEs ในจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งข้อดีข้อเสียให้ได้ทราบด้วยโดยจัดที่โรงแรมราชาวดีรีสอร์ทแอนด์โฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่นโดยมีนายสมศักดิ์สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานและบรรยายพิเศษในงานนี้ยังมีการกำหนดแบรนต์ขอนแก่น เป็นขอนแก่นเมดอินไทยแลนดืและเปิดโครงการแรกสู่อาเซียนคือโครงการ สมาร์ทแท็กซี่ ซึ่งเปิดรับสมัครคนขับแท็กซี่ในจังหวัดขอนแก่นเข้าร่วมโครงการเป็นโครงการดีที่จะเป็นประโยชน์กับคนขอนแก่นและเป็นการต้อนรับแขกเมืองขอนแก่นได้อย่างดีใครสนใจก็ติดต่อหอการค้าขอนแก่นได้

เทศบาลนครขอนแก่นจัดงานมหัศจรรย์พรรณไม้เมืองหนาว 2013 รองรับ AEC

นครขอนแก่นจัดงาน"มหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ 2013” รับ AEC ระหว่าง 17 ธ.ค. 56 ถึง 2 ม.ค. 57

นายธวัชชัย รื่นรมย์สิริ รองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าการจัดงาน "มหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ 2013” ว่าจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2557 ที่สวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่สีเขียว และการสร้างความสุข โดยให้ประชาชนได้สัมผัสความงาม ความมหัศจรรย์ของศิลปะการจัดสวนดอกไม้ โดยเทศบาลนครขอนแก่นได้ปรับปรุงพื้นที่ประมาณ 65 ไร่ในสวนสุขภาพบึงทุ่งสร้างออกเป็น 8 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ซุ้มทางเข้างานตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด มีชื่อกำกับเป็นภาษาไทย โซนที่ 2 หอแคนหลวง จะเป็นหอสูง 13 เมตร ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถขึ้นไปชมบรรยากาศภายในงานได้แบบ 360 องศา โซนที่ 3 ทุ่งดอกไม้ จะมีดอกไม้กว่า 40,000 ดอก ตกแต่งให้เป็นรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ หากมองลงมาจากหอแคนหลวง จะเห็นความสวยงามของทุ่งดอกไม้ได้อย่างชัดเจน โซนที่ 4 สวนร้อนชื้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่จัดแสดงสวนแนวตั้งของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ และการจัดแสดงต้นไม้จากชมรมคนใจเดียวกัน เช่น ต้นบอนไซ ต้นชวนชม และดอกกล้วยไม้ ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ให้สวนสัตว์ขอนแก่นนำสัตว์หลายชนิดมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างใกล้ชิดด้วย โซนที่ 5 ไม้เมืองหนาว ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงาน โดยจะตกแต่งด้วยดอกทิวลิป และดอกลิลลี ซึ่งช่วงนี้ดอกไม้ทั้งสองชนิดจะเบ่งบานเต็มที่ โซนที่ 6 สวนแมลงยักษ์จัดแสดงภาพถ่ายจากการประกวด พร้อมจัดเป็นพื้นที่โชว์แมลงยักษ์ เช่น ผีเสื้อ เต่าทอง ตัวต่อ โซนที่ 7 อาหารและของที่ระลึก ให้ผู้เข้าชมงานเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก และโซนที่ 8 จำหน่ายพันธุ์ไม้กว่า 20 ร้านค้า



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น






จ.กาฬสินธุ์ เชิญชวนรับชมรับฟังการถ่ายทอดสด การเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ขอเชิญชวนติดตามรับชมรับฟังการถ่ายทอดสด การเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2556 วันที่ 5 ธันวาคม 2556 เวลา 10.30 น. ณ ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงขอเชิญชวน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ชมรมสมาคม สโมสร กลุ่มมวลชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ติดตามรับชมได้ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และรับฟังทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และร่วมลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 ได้ที่เว็บไซต์ www.ocsc.go.th ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556





สุวรรณ ศรีอาภรณ์/ ข่าว

ป.ป.ช. กาฬสินธุ์ให้หน่วยงานหรือประชาชนแจ้งข้อมูลตรวจสอบผู้สมัคร ป.ป.จ. เพื่อป้องกันคนไม่ดีได้รับตำแหน่ง

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดโอกาสให้หน่วยงานต้นสังกัด หรือประชาชนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัด หรือ ป.ป.จ. เพื่อให้ได้คนดีโปร่งใส ตรวจสอบได้เข้ารับตำแหน่งสำคัญ

นายจำเนียร มูลสาร ผอ. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เผยว่าตามที่ ป.ป.ช. ได้ประกาศรับบุคคลเพื่อสรรหาเป็น ป.ป.จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๓ คนนั้น มีผู้มาสมัครแล้ว จำนวน ๓๓ ราย และจะมีการให้แสดงวิสัยทัศน์ เพื่อคัดเลือกให้เหลือ ๖ ราย ส่งให้ ป.ป.ช. ส่วนกลางพิจารณาคัดเลือกซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบประวัติ ที่ศาลว่ามีการกระทำผิดถึงขั้นพิพากษาลงโทษหรือไม่ สถานีตำรวจ เพื่อให้ได้ทราบว่ามีการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในเรื่องใดบ้าง และที่กรมบังคับคดีเพื่อให้ทราบว่าเป็นผู้ถูกฟ้องล้มละลายหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลมาประกอบพิจารณาคัดเลือก ซึ่งในทุกขั้นตอนตั้งแต่คัดเลือกระดับจังหวัดหรือระดับชาติ หน่วยงานเดิม ที่ทำงานเดิม ของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ หรือประชาชนทั่วไปสามารถให้ข้อมูลได้ เช่น สมัยดำรงตำแหน่งในหน่วยงานมีการเรียกรับผลประโยชน์ หรือการปฏิบัติงานส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ หรือการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ในการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของส่วนกลาง

ผอ. ป.ป.ช. กาฬสินธุ์ ได้กล่าวอีกว่า ในขณะทางสำนักงานได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น ประมาณ ๓๐ กว่าเรื่อง ได้ทำการสอบสวนสืบสวนและส่งให้ ป.ป.ช. ใหญ่ พิจารณาแล้ว ๗ – ๘ เรื่อง ซึ่งหากมีการชี้มูลความผิดทาง ป.ป.ช. กส. จะได้นำตัวอย่างที่ไม่ดีมาเผยแพร่ ให้ประชาชนทราบต่อไป



สุรพล คุณภักดี / ข่าว