วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผลการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ

นายธนิตศักดิ์  อุ่นตา  วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  จังหวัดนครพนมได้จัดประกวดสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย  ทำนองสรภัญญะ ประจำปี 2557  ในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา  เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557  ณ วัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลในเมือง  อำเภอเมืองนครพนม  ซึ่งผลการประกวด  ทั้งสองระดับ  ได้แก่  ระดับประถมศึกษา  รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนชุมชนบ้านสามผง  อำเภอศรีสงคราม  รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนสุนทรวิจิตร  อำเภอเมืองนครพนม  รองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 (หนองแสง)  อำเภอเมืองนครพนม  ระดับมัธยมศึกษา  รางวัลชนะเลิศ  โรงเรียนสามผงวิทยาคม  อำเภอศรีสงคราม  รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนดงดาวแจ้งพัฒนศึกษา  อำเภอเรณูนคร  รองชนะเลิศอันดับ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการนครพนม  อำเภอเมืองนครพนม

ห้ามขอทานในงานนมัสการพระธาตุพนมถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

นายคุมพล  บรรเทาทุกข์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า  จังหวัดนครพนมจัดงานนมัสการพระธาตุพนม  ระหว่างวันที่ 7-15 กุมภาพันธ์  2557  ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมามีผู้กระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 เป็นจำนวนมาก  ซึ่งบุคคลดังกล่าวสร้างความรำคาญ ให้กับประชาชนทั่วไปที่มานมัสการพระธาตุพนม  จึงขอประกาศทราบว่าการขอทาน  เป็นการกระทำผิดกฎหมาย  มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2484 และมาตรา 7 ผู้ใดทำการขอทาน  พนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการควบคุม และส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์  เพื่อให้การสงเคราะห์และฟื้นฟูต่อไป

สิทธิประโยชน์ของผู้ป่วยบัตรทองโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

นายแพทย์พีระ  อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้สิทธิประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแบบครบวงจร  เพื่อป้องกันการล้มละลายจากการเจ็บป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะค่าใช้จ่ายในการบำบัดทดแทนไตโดยเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเกินความสามารถของครัวเรือนที่จะรับภาระได้  โดยเน้นการส่งเสริมวิธีการรักษาด้วยการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง   เนื่องจากสิทธิบัตรทองคุ้มครองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา และผู้ป่วยสามารถทำด้วยตนเองที่บ้านได้  โดยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง  ทำให้ประหยัดทั้งเวลาในการเดินทางและค่าเสียโอกาสของผู้ป่วยและญาติในการทำงาน  ปัจจุบันผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย  สามารถรับบริการรักษาด้วยวิธีการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง   โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย   หากผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่ไม่สมัครใจรักษาด้วยวิธีการล้างไตผ่านช่องท้องอย่างต่อเนื่อง  แต่ต้องการรักษาด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม  จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเองทั้งหมด    

ทั้งนี้  จังหวัดนครพนมมีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายเข้ารับบริการรักษาด้วยวิธีการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลนครพนม จำนวน 142 คน (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2557)  ซึ่งโรงพยาบาลนครพนมเป็นโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครพนมที่ให้บริการรักษาด้วยวิธีการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง             นอกจากนี้  ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย  สามารถรับบริการรักษาด้วยวิธีการปลูกถ่ายไต และรับยากดภูมิคุ้มกันหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไต  โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตมีจำนวนน้อยเพราะไม่สามารถหาไตเพื่อการปลูกถ่ายได้ ส่วนใหญ่ผู้ได้รับการปลูกถ่ายไตทั้งหมดได้รับการบริจาคจากญาติผู้ป่วยเอง หลังการผ่าตัดต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน และในส่วนของผู้บริจาคไตหรือผู้ให้ไตนั้นก็มีการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง  เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งผู้ให้ไตและผู้รับไต  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร 1330

ม.ราชภัฏร้อยเอ็ด จัดงานเปิดโลกทัศน์ และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 น. ณ หอประชุม 60 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดุสิต อุบลเลิศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนนักศึกษาสู่อาเซียน (ค่ายอาเซียน) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นโครงการจัดตั้งสถาบันภาษาและการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัด ระดับประเทศและระดับนานาชาติ เสริมสร้างประสบการณ์ทางภาษา และวัฒนธรรม ตลอดจนความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน กับมหาวิทยาลัยในประเทศสมาชิกอาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน และเตรียมความพร้อมในการเป็นประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.30 - 16.30 น. โดยมี เป้าหมาย สถานศึกษา คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา บุคลากร หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมประชุมเพื่อพบปะแลกเปลี่ยน และสร้างเครือข่ายการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนกับทีม AEC จังหวัด กว่า 3,000 คน กิจกรรมที่สำคัญได้แก่การแสดงศิลปะป้องกันตัวประจำชาติของอาเซียน ปฐมนิเทศรวมกิจกรรมค่ายอาเซียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา นิทรรศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรมซุ้มอาหารประจำชาติ ชิมฟรีและจำหน่าย นิทรรศการเกี่ยวกับการออกร้านเกี่ยวกับการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์หลักสูตรภาษาต่างประเทศ ถนนคนเดินและสินค้าโอทอป การแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษ การแข่งขันวาดภาพและศิลป กิจกรรมค่ายอาเซียนสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ประชุมทีมรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศน์สัมพันธ์ ต่างประเทศ และประชุมทีม AEC จังหวัด และเครือข่ายครูผู้สอนชาวต่างประเทศ เป็นต้น


ประเสริฐ อินทา/ข่าว

จังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานประเพณีบุญผะเหวด ปีที่ 24 ยิ่งใหญ่ 7 – 9 มีนาคม นี้

จังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานประเพณีบุญผะเหวด ปี 2557 ยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 7 – 9 มีนาคม นี้ ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด ชมขบวนแห่ 15 ขบวน การแห่กัณฑ์จอบ กัณฑ์หลอน ของมหาชนจากทั่วสารทิศ พร้อมบริการขนมจีนฟรีตลอดงาน นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดจัดงานประเพณีบุญผะเหวด ประจำปี 2557 อย่างยิ่งใหญ่ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 มีนาคม 2557 ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ และเกาะกลางบึงพลาญชัยร้อยเอ็ด ประเพณีบุญผะเหวด เป็นงานบุญประจำเดือน 4 ในฮีต 12 ครอง 14 ของชาวอีสาน ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟู ขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ให้คงอยู่สืบไป รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามวิถีพุทธ "ผะเหวด” มาจากคำว่าพระเวสสันดร ซึ่งเป็นชาดกหรือคำสอน เรียกเต็มว่าพระเวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวอดีตชาติที่ 10 ชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เป็นเรื่องของการทำทานบารมี โดยจัดให้มีการประธงผะเหวด พิธีอัญเชิญพระอุปคุตพระราชท่านแห่รอบเมือง พิธีเจริญพระพุทธมนต์เย็น พิธีเทศน์มาลัยหมื่นมาลัยแสน การแสดงแสงสีเสียง งานพาแลง ขบวนแห่พระเวสสันดรเข้าเมืองที่ยิ่งใหญ่ 15 ขบวน และการแห่กัณฑ์จอบกัณฑ์หลอน ปีนี้ได้รับเกียรติจากนางสาวไทยปี 2556 และปี 2552 ซึ่งเป็นลูกหลานชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานให้ยิ่งใหญ่ งานประเพณีบุญผะเหวด เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดจัดงานครั้งแรกเมื่อปี 2534 จากการริเริ่มของ นายสุพร สุภษร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ปีนี้เป็นปีที่ 24 กำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคม ตรงกับวันที่ 7 - 9 มีนาคม 2557 ในวันที่ 7 มีนาคม 2557 เวลา 15.00 น. พิธีแห่พระอุปคุต รอบเมือง เวลา 19.00 น.พิธีสวดมนต์สืบชะตาเสริมบารมี การแสดงแสงสีเสียง รอบประชาชน วันที่ 8 มีนาคม 2557 เวลา 10.00 น. พบกับศิลปินคืนถิ่นบ้านเฮาเอาบุญผะเหวดร้อยเอ็ด โดยศิลปินชาวร้อยเอ็ด จากทุกค่ายเพลง ณ เวทีสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด เวลา 16.30 น.พิธีเปิดงานที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ชมขบวนแห่ 15 ขบวน เน้นความสวยงาม แปลกใหม่ และขบวนกัณฑ์ต่าง ๆ 13 กัณฑ์ ตามตำนานพระเวสสันดรชาดก พร้อมบริการขนมจีนหรือ(ข้าวปุ้น) ฟรีตลอดงาน เวลา 17.00 น. พิธีทักษิณานุประทาน พิธีเจริญพระพุทธมนต์เย็น เทศน์มาลัยหมื่นมาลัยแสน งานพาแลงการแสดง แสง สี เสียง ตำนานพระเวสสันดร และศิลปวัฒนธรรม จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด และในวันที่ 9 มีนาคม 2557 เวลา 05.00 น. พิธีแห่ข้าวพันก้อน เทศน์สังกาด ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 101 รูป จากนั้น ฟังเทศน์คาถาพัน เทศน์มหาชาติ ขบวนแห่กัณฑ์จอบกัณฑ์หลอนสนุกสนาน ที่หาชมได้ยาก จากทั่วสารทิศ จากชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ส่วนราชการ ห้างร้านต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน


ประเสริฐ อินทา/ข่าว

จังหวัดร้อยเอ็ด จัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ปี 2557

นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ด้วยวันมาฆบูชา เป็นวันที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง กล่าวคือ เป็นวันที่พระสงฆ์สาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น เมื่อวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเวียนมาบรรจบครบ อีกวาระหนึ่ง พุทธศาสนิกชนได้ถือเป็นโอกาสบำเพ็ญกุศล บูชาพระรัตนตรัยเป็นกรณีพิเศษ เช่น ทำบุญตักบาตร เวียนเทียน สมาทานศีล ฟังธรรมและเจริญจิตภาวนา
จังหวัดร้อยเอ็ด ได้กำหนดจัดสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 โดยจังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดจัดกิจกรรมวันมาฆบูชาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ณ วัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอเชิญชวน ข้าราชการ พ่อค้า นักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชน ร่วมกิจกรรมในวันดังกล่าว โดยแต่งการด้วยชุดสีขาวปฏิบัติธรรมในช่วงสัปดาห์ มาฆบูชา โดยพร้อมเพรียงกัน


ประเสริฐ อินทา/ข่าว

บุรีรัมย์ วอนเกษตรกรงดเผาหญ้าและตอซังข้าวหวั่นกระทบแหล่งอาศัยหากินของนกหายากที่มาหากินทำรังวางไข่ในพื้นที่

บุรีรัมย์วอนเกษตรกรงดเผาหญ้าและตอซังข้าวหวั่นกระทบแหล่งอาศัยหากินของนกหายากที่มาหากินทำรังวางไข่ในพื้นที่ หัวหน้าเขตห้ามสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอให้ชาวบ้าน และเกษตรกร งดเผาหญ้าและตอซังข้าวช่วงหน้าแล้ง หวั่นเป็นอันตราย ทั้งจะส่งผลกระทบแหล่งอาศัย และอาหารของนก ที่อพยพเข้ามาอาศัยหากิน และทำรังวางในพื้นที่ โดยเฉพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ใกล้สูญพันธ์ ( 4 ก.พ.57) นายมณฑล ตันติศักดิ์ชัยชาญ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอให้ชาวบ้าน และเกษตรกร งดเผาหญ้า และตอซังข้าวในช่วงหน้าแล้งนี้ เพราะเกรงจะลุกลามไหม้พื้นที่ป่า ที่เป็นแหล่งอาศัยของนกหลายชนิด ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับนก ทั้งยังจะส่งผลให้นกที่อพยพมาอาศัยหากินตามพื้นที่ต่างๆ ประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งอาหารด้วย โดยเฉพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทยซึ่งเป็นนกหายาก 1 ใน 15 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ที่ทางองค์การสวนสัตว์ได้นำมาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำในเขตจังหวัดบุรีรัมย์มากกว่า 40 ตัว เพื่อให้แพร่ขยายพันธุ์นำร่องเป็นแห่งแรกของประเทศด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และเยาวชน ได้ร่วมสอดส่องเป็นหูเป็นตา ในการอนุรักษ์นกหายากไม่ให้ถูกล่าและถูกทำร้ายในอีกทางหนึ่งด้วย หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย ยังระบุอีกว่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินดังกล่าว มีเนื้อที่อยู่กว่า 3,500 ไร่ จำนวนนี้แบ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 1,600 ไร่ ทุกปีจะมี นกอพยพเข้ามาอาศัยหากิน และทำรังวางไข่เป็นจำนวนมาก จึงได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่เขตห้ามล่าฯ ได้ร่วมกันอนุรักษ์ ไม่ล่า ทำร้าย หรือกระทำการใดๆ ที่จะเป็นการรบกวนนกที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะนกที่กำลังทำรังวางไข่ หากพบผู้ใดฝ่าฝืนเข้าไปล่า หรือทำร้ายนกในเขตอนุรักษ์ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที



สุรชัย พิรักษา สวท.บุรีรัมย์

ชาวนาบุรีรัมย์ที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเดือดร้อนหนักต้องออกทำงานรับจ้างหาเงินใช้จ่ายในครอบครัว

ชาวนาบุรีรัมย์ที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเดือดร้อนหนักต้องออกทำงานรับจ้างหาเงินใช้จ่ายในครอบครัว ชาวนาบ้านใหม่ ต.สวายจีก จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 20 ครัวเรือนที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว เดือดร้อนหนักต้องออกหาทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินใช้จ่ายในครอบครัว ให้ลูกไปโรงเรียน ซ้ำหนี้สินยังรุมเร้า วอนรัฐบาลเห็นใจเร่งจ่ายเงินเพื่อคลายความเดือดร้อน ( 4 ก.พ.57) ชาวนา บ้านใหม่ หมู่ 4 ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 20 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าวจากรัฐบาล ตั้งแต่ 2 – 4 เดือน กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนักไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว ซ้ำยังมีหนี้สินรุมเร้า ต้องออกหาทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งเป็นลูกจ้างตามร้านจำหน่ายต้นไม้ รับจ้างตัดอ้อย และก่อสร้าง ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว ให้ลูกไปโรงเรียน และส่งดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับนายทุนที่กู้ยืมมาใช้จ่ายช่วงที่ยังไม่ได้รับเงิน โดยได้ค่าจ้างเฉลี่ยวันละ 200 – 220 บาท บางครอบครัวต้องออกไปทำงานรับจ้างทั้งสามี ภรรยา ถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม จากผลกระทบดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินที่ยังติดค้างให้กับชาวนาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วด้วย เพราะสิ้นเดือนมีนาคม นี้ หากไม่มีเงินไปชำระหนี้ให้กับ ธกส.ก็จะถูกปรับดอกเบี้ย นางสำริด เร่รัมย์ อายุ 47 ปี และนางแสวง กริดรัมย์ อายุ 56 ปี ชาวนาบ้านใหม่ ต.สวายจีก บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้นำข้าวเปลือกไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 จนถึงขณะนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว เพราะเงินจากการทำนาถือเป็นรายได้หลักที่ใช้จุนเจือในครอบครัว ดังนั้นจึงต้องออกหาทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และให้ลูกไปโรงเรียน บางรายต้องไปรับจ้างเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายค่ารถเกี่ยว และค่าจ้างเก็บเกี่ยวข้าวที่ติดค้างไว้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำเงินมาจ่ายโดยเร็วด้วย



สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ภัยแล้งเริ่มกระทบร้านขายพันธุ์ไม้เหี่ยวเฉายืนต้นตายซ้ำมีด้วงหนอนเจาะลำต้นทำยอดขายลด

บุรีรัมย์ภัยแล้งเริ่มกระทบร้านขายพันธุ์ไม้เหี่ยวเฉายืนต้นตายซ้ำมีด้วงหนอนเจาะลำต้นทำยอดขายลด ภัยแล้งเริ่มคุกคามจ.บุรีรัมย์ กระทบอาชีพขายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเริ่มประสบปัญหาเหี่ยวเฉาและยืนต้นตายแล้ว ซ้ำยังมีด้วง หนอน เจาะไชลำต้น ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการพ่นยา และฉีดพรมน้ำต้นไม้ไม่ให้เหี่ยวเฉาเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ยอดขายกลับลดลงเกือบครึ่ง เพราะช่วงนี้ไม่มีคนสนใจซื้อไปปลูก วันนี้ ( 4 ก.พ.57 ) สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มคุกคามจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกับช่วงนี้สภาพอากาศร้อนขึ้น โดยเฉพาะช่วงบ่ายมีอุณหภูมิสูงถึง 36 องศาเซลเซียส ทำให้ส่งผลกระทบกับพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ และพันธุ์ไม้ผลเกือบ 20 ร้าน ที่วางขายอยู่บริเวณริมถนนสายเลี่ยงเมือง ในเขตเทศบาล ต.อิสาณ อ.เมือง ใกล้กับพระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 เนื่องจากช่วงนี้ต้องฉีดพรมน้ำในการดูแลรักษาต้นไม้วันละหลายครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้พันธุ์ไม้เหี่ยวเฉาและแห้งตาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็เริ่มมีพันธุ์ไม้บางชนิดที่สั่งมาไว้จำหน่ายเหี่ยวเฉา แห้งตายบ้างแล้ว ซ้ำช่วงนี้ยังมีด้วง หนอนเจาะไซตามลำต้นอีกด้วย จากผลกระทบดังกล่าวทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ทั้งซื้อยาฆ่าแมลงมาฉีดพ่นกำจัดด้วง หนอน และค่าน้ำที่จะต้องฉีดพรมพันธุ์ไม้เพื่อป้องกันไม่ให้เสียหายเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว จากปกติต้องจ่ายค่าน้ำเดือนละ 700 – 800 บาท ช่วงนี้เพิ่มเป็นเดือนละ 1,200 – 1,300 บาท นางเพ็ญศรี คาโส อายุ 47 ปี เจ้าของร้าน "เพ็ญศรีพันธุ์ไม้” กล่าวว่า ช่วงหน้าแล้งนอกจากจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพันธุ์ไม้เพิ่มขึ้นแล้ว ช่วงนี้รายได้จากการจำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผลกลับลดลง จากที่เคยขายได้วันละ 4 – 5,000 บาท ช่วงนี้เหลือไม่ถึงวันละ 2,000 บาท เพราะเนื่องจากช่วงหน้าแล้งประชาชน หรือลูกค้าขาประจำที่เคยซื้อพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ไปจัดสวน ตบแต่งบ้าน และอาคาร สำนักงาน จะไม่นิยมซื้อไปปลูกเหมือนกับช่วงหน้าฝน


สุรชัย พิรักษา สวท. บุรีรัมย์

ศูนย์หน่วยพัฒนาสังคม หน่วยที่ 67 จังหวัดสุรินทร์ จัดอบรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ บทบาทชุมชนกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

นายณรงค์เกียรติ  สิทธิเวช ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 67 จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ศูนย์หน่วยพัฒนาสังคม หน่วยที่ 67 จังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดอบรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ บทบาทชุมชนกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่  6-7 กุมภาพันธ์  2557 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม       แกรนด์ A โรงแรมเพชรเกษมแกรนด์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ วาระในการสัมมนาที่สำคัญคือ การให้ความรู้ทั่วไปเรื่องประชาคมอาเซียน และเศรษฐกิจชุมชนกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ผลกระทบของชุมชนกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการเตรียมความพร้อมของชุมชนต่อการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ขอเชิญผู้เข้าร่วมสัมมนา เข้ารับการสัมมนาในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน



                                                                       กรรณิกา  สำราญจริง/ส.ปชส.สุรินทร์/ข่าว

ผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 14 (นายจิรายุ นันท์ธราธร ) เดินทางตรวจราชการ ที่จังหวัดสุรินทร์ วันพรุ่งนี้(5 ก.พ.57)

นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 14 (นายจิรายุ  นันท์ธราธร) ซึ่งรับผิดชอบจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ  สุรินทร์  และบุรีรัมย์ มีกำหนดการเดินทางมาตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รอบที่ 1 โดยมีประเด็นการตรวจติดตาม 2 ประเด็น คือการตรวจติดตามนโยบายการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 และการตรวจติดตามนโยบายการดำเนินการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 และการตรวจติดตามนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน ด้านพืช ณ จังหวัดสุรินทร์ ในวันพุธที่ 5  กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสุรินทร์ภักดี ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์

ขอเชิญหน่วยงานที่มีงาน และภารกิจที่รับผิดชอบ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้โดยทั่วกัน
                                       


                                                                                 กรรณิกา  สำราญจริง/ส.ปชส.สุรินทร์/ข่าว

จังหวัดสุรินทร์ขอเชิญร่วมโครงการ “สภากาแฟ” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดดำเนินโครงการ "สภากาแฟ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการปฏิบัติงาน เพื่อเกิดผลสัมฤทธิ์ ต่อภารกิจของรัฐ และประโยชน์สุขของประชาชน โดยจัดให้มีการพบปะระดมความคิดจากทุกภาคส่วน ในรูปแบบการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน สำหรับครั้งต่อไป กำหนดจัดในวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 07.00 – 09.00 น. ณ สนามกีฬาศรีณรงค์ ถนนคชสาร อำเภอเมืองสุรินทร์ โดยมีหน่วยงานในสังกัด กระทรวงพลังงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ จึงขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมงานสภากาแฟโดยพร้อมเพรียงกัน

กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน 10 ก.พ.นี้

นายกองเอกนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ประจำปี 2557 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งกิจกรรมมีการตักบาตรพระสงฆ์ พิธีการทางศาสนา มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดี และมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ ขอเชิญร่วมกิจกรรมในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนในครั้งนี้โดยทั่วกัน ตามวันและเวลาดังกล่าว

จ.สุรินทร์ มอบโล่และประกาศเกียรติคุณผลการประกวดวาดภาพและประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อ “จังหวัดของฉันในปี 2020”

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มอบโล่และประกาศเกียรติคุณผลการประกวดวาดภาพและประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อ "จังหวัดของฉันในปี 2020” ให้กับนักเรียน นิสิต และนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกผลงานการประกวดวาดภาพในระดับประถมศึกษา และประกวดเขียนเรียงความในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดโครงการประกวดวาดภาพและประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อ "จังหวัดของฉันในปี 2020” ขึ้น สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละระดับได้รับโล่เกียรติคุณ และทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท ดังนี้ ชนะเลิศการประกวดวาดภาพระดับประถมศึกษา คือ เด็กชายสุรพงษ์ โลนะลุน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองคู อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ส่วนรางวัลชนะเลิศ การประกวดเขียนเรียงความระดับมัธยมศึกษา ได้แก่ นายพิชิตชัย ศรีจันทร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนศีขรภูมิพิสัย อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนการประกวดเขียนเรียงความระดับอุดมศึกษา รางวัลชนะเลิศ นางสาววราภรณ์ ม่วงมิตร นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากนี้ในแต่ละระดับยังมีรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับโล่เกียรติคุณ และทุนการศึกษา จำนวน 3,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับโล่เกียรติคุณ และทุนการศึกษา จำนวน 2,000 บาท และรางวัลชมเชย ได้รับเกียรติบัตร และทุนการศึกษา จำนวน 500 บาท อีกด้วย

จ.สุรินทร์ ประชุมขับเคลื่อนการพัฒนายกระดับคุณภาพสินค้า OTOP สู่สากล

นายพิภพ  ดำทองสุข  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จังหวัดสุรินทร์ ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินงานส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ให้มีความเข้มแข็ง โดยที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดแนวทางและแผนงานส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์  รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา OTOP ของจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา จังหวัดสุรินทร์ มีกลุ่มผลิต ผู้ประกอบการผลิตสินค้า OTOP ผ่านการคัดสรร 307 ผลิตภัณฑ์ ระดับ 4 ดาวมากที่สุด จำนวน 132 ผลิตภัณฑ์ รองลงมาคือ ระดับ 5 ดาว จำนวน 80 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมากที่สุดในจังหวัดภูมิภาค รองจากกรุงเทพฯ  โดยผลิตภัณฑ์สินค้าโอท๊อปของจังหวัดสุรินทร์หลายชนิด อาทิ ข้าวหอมมะลิ  ผ้าไหมสุรินทร์ และเครื่องประดับตกแต่งที่ทำจากเครื่องเงิน  มีคุณภาพดี เหมาะสมในด้านราคาและเป็นที่ต้องการของตลาด จนสามารถจำหน่วยสร้างรายได้ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก

ด้านนางสาวอรษา  โพธิ์ทอง  พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์  กล่าวถึงการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา OTOP ของจังหวัดสุรินทร์ ทำให้มีความชัดเจนในการพัฒนาคุณภาพสินค้า OTOP บรรจุภัณฑ์ รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการตลาดได้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดและของประเทศให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น เป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถจำหน่ายสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น




กิติวรรณ  มณีล้ำ /ข่าว

สำนักราชเลขาธิการ กำหนดมอบความช่วยเหลือพระราชทานแก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

 นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับสำนักราชเลขาธิการ จะจัดพิธีมอบความช่วยเหลือพระราชทานตามโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรจังหวัดสุรินทร์ ในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 ณ โรงเรียนเทศบาลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายพลากร สุรรณรัฐ องคมนตรีเป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ราษฎรในพื้นที่ จำนวน 500 ราย พร้อมมอบหนังสือและอุปกรณ์กีฬาแก่สถานศึกษา มอบพระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์แก่หน่วยงานราชการและส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ และมอบของที่ระลึกแก่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนความช่วยเหลือ

นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการออกหน่วยให้บริการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนและเผยแพร่พระมหากรุณาในโครงการพระราชดำริต่าง ๆ การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนของโรงพยาบาลรามาธิบดี ให้บริการแก่ราษฎรด้านการตรวจสุขภาพและทันตกรรม  ด้านสำนักงานอัยการสูงสุด จัดเจ้าหน้าที่เผยแพร่ความรู้และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ราษฎรและกลุ่มแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศ จึงขอเชิญชวนราษฎรในเขตพื้นที่อำเภอท่าตูมและบริเวณใกล้เคียงออกมารับบริการต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป



กิติวรรณ  มณีล้ำ /ข่าว 

วิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ จัดกิจกรรม “อาชีวะ ปริทรรศน์ สัปดาห์ Open House 2014”

นายวิชัย ปรินายวนิชย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า วิทยาลัยการอาชีศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ได้จัดกิจกรรมโครงการ "อาชีวะ ปริทรรศน์ สัปดาห์ Open House 2014” ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ที่วิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อจัดแสดงผลงานการดำเนินของสถานศึกษา ผลงานการจัดการเรียนการสอนของแผนกวิชาต่าง ๆ ที่วิทยาลัยเปิดสอน สำหรับในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ประกอบด้วย กิจกรรม 108 อาชีพ กิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อ กิจกรรมนันทนาการ นิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ นิทรรศการชมรมวิชาชีพดีเด่น การออกร้านค้าของนักเรียนนักศึกษาตามโครงการหารายได้ระหว่างเรียน การแสดงบนเวที การจัดหาตำแหน่งงานว่างจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดสุรินทร์ และกิจกรรมอื่น อีกมากมาย ซึ่งสอดคล้องกันนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำหนดอัตราส่วนการเพิ่มปริมาณผู้เรียนระหว่างสายสามัญกับสายอาชีพ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแรงงานสายอาชีพเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ขอเชิญประชาขนที่สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้โดยทั่วกัน

จังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการปัจฉิมนิเทศข้าราชการเกษียณอายุ ปี 2557

นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.พ. จัดทำโครงการปัจฉิมนิเทศข้าราชการเกษียณอายุ ปี 2557 วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้ในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่จะนำไปปรับใช้ในการเสริมสร้างคุณภาพ และเพิ่มคุณค่าของชีวิตภายหลังเกษียณอายุราชการ จำนวน 2 หลักสูตร สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ www.ocsc.go.th

มูลนิธิขวัญชุมชน เปิดรับสมัครงาน งาน ตำแหน่งผู้ประสานงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กโดยชุมชน จำนวน 1 อันตรา

 มูลนิธิขวัญชุมชน เป็นองค์กรพัฒนาสังคมไม่แสวงผลกำไร ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กโดยชุมชน พื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เปิดรับสมัครงาน ตำแหน่งผู้ประสานงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กโดยชุมชน พื้นที่สุรินทร์ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้สนใจส่งใบสมัครและประวัติ ที่ ผู้จัดการโครงการ มูลนิธิขวัญชุมชน 280/3 ถ.กรุงศรีนอก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โทร. 044 520845 Email: fcssurin@gmail.com

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แนะเกษตรกรและผู้ประกอบการยางพารา ปรับตัว พร้อมรับมาตรฐานสากล

 นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าจากการประชุมหารือการจัดทำข้อมูลสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา คณะทำงานพัฒนาสารสนเทศการเกษตรระดับประเทศได้มีการนำเสนอสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่สำคัญ โดยในส่วนของยางพารามีประเด็นสำคัญ คือการกำหนดมาตรฐานสากลเกี่ยวกับยางพาราและผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้แก่การประกาศใช้ร่างมาตรฐาน ISO/FDIS 17278 Determination of gel content of TSR (Technical Specified rubber :TSR) โดยให้มีการทดสอบเจลคอนเทนต์ (GelContent) ของยางแท่งหรือยางที่มีความหนืดต่ำ (Low viscosity :LOV) และการประกาศใช้ร่างมาตรฐาน ISO/FDIS 2000 Guidelines for the specification of TSR สำหรับกำหนดคุณภาพยางแท่ง LOV นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการปรับปรุงมาตรฐาน ISO 20299-2 Film wrapping natural rubber bales ในการใช้ฟิล์มห่อยางแผ่นหรือ Wrap ยางแผ่นรมควันเพื่อป้องกันการติดกันของแผ่นยางแทนการใช้แป้งที่ไทยใช้อยู่ ทั้งนี้เมื่อมีประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าวแล้ว ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อม เพื่อให้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ของไทยสามารถส่งออกและแข่งขันในตลาดโลกได้

แก๊งทุบกระจกรถยนต์เมืองช้างอาละวาดหนัก คืนเดียวทุบกระจกรถ 2คัน กวาดพระเครื่องเกจิดังนับ 10 องค์

วันที่ (3 ก.พ.57)  ร.ต.ท.สักกะพงษ์ ผลเกิด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสุรินทร์(191) ว่าบริเวณซอยไทรทอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ 2 คันรวด คันแรกเป็นรถเก๋ง ยีห้อ Chevrolet รุ่น Cruze สีดำ หมายเลขทะเบียน กว 9188 ขอนแก่น จอดหน้าบ้าน ได้ทรัพย์สินเป็นพระเครื่องจำนวน 2 องค์ ถัดไปอีก 100 เมตร พบรถยี่ห้อ Toyota รุ่น mighty x สีเขียว หมายเลขทะเบียน บจ 2047 สุรินทร์ จอดไว้ในหอพักกวาดทรัพย์สินเป็นพระเครื่องจำนวน5-6 องค์ จึงรุดไปที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบกับนายจักรธร เหลี่ยมดี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/5 ถ.ไทรทอง ต.ในเมือง อ.เมืองสุรินทร์ ได้ชี้ที่รถเก๋ง Chevrolet Cruze สีดำ หมายเลขทะเบียน กว 9188 ขอนแก่น ถูกคนร้ายทุบที่กระจกด้านซ้ายแตกภายในถูกรื้อค้น คนร้ายถอดพระเครื่องที่แขวนไว้กระจกมองหลัง โดยนายจักรธรฯ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เวลาประมาณ 04.50 น.ตนได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทุบอะไรบางอย่าง ตนเลยรีบออกมาดู คนร้ายรู้ตัวเลยชิ่งหนีไปก่อน ส่วนรูปพรรณสัณฐานคนร้าย เป็นวัยรุ่นชาย อายุประมาณ 18-25 ปี คนร้ายใส่กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ มากัน 2 คน ส่วนคนขับจำรูปพรรณสัณฐานไม่ได้

ถัดไปอีก100 เมตร พบรถกระบะ toyota mighty x สีเขียว หมายเลขทะเบียน บจ 2047 สุรินทร์ เจ้าของรถชื่อนายวัฒนา แก้วลอด อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ม.3 ต.แสลงพันธ์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนนอนหลับอยู่ กำลังจะตื่นพอดี ได้ยินเสียงทุบ 2 ครั้ง ซึ่งตนแขวนพระเครื่องไว้ที่กระจกมองหลังประมาณ 5-6 องค์ ที่จำได้คือ หลวงปู่เจียม กับหลวงพ่อเปิ่น แล้วก็มีพระองค์ใหญ่ๆยาวๆอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จนท.ตำรวจจะได้สืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมฝากถึงประชาชนให้ระมัดระวังให้จอดรถในที่ปลอดภัย และไม่ควรนำทรัพย์สินที่มีค่าไว้ในรถยนต์



อุทัย  มานาดี / รายงาน

ท้องถิ่นสุรินทร์ พบปะ อบต.แกใหญ่

ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ ออกตรวจเยี่ยม พบปะ องค์การบริหารส่วนตำบลแกใหญ่ เพื่อรับฟังปัญหาเสริมความรู้ เพิ่มทักษะเข้าใจตรงกัน ให้ขับเคลื่อนการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

วันนี้ (4 ก.พ.57) ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลแกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายภคภูมิ บุตรโพธิ์ ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในการพบปะ ให้ความรู้ทางด้านกฎระเบียบ การจัดเก็บภาษีอากร ทุกประเภท พร้อมทั้งชี้แจงเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลที่ต้องอุดหนุน ในการบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเพื่อเป็นการรับฟังปัญหาในการบริหารงานในองค์ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นการเสริมความรู้ เพิ่มทักษะเข้าใจตรงกัน ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีนายมนตรี บุญสุยา นายก อบต.แกใหญ่ ผู้นำบริหารการศึกษา ผู้นำชุมชน อปพร.,อสม.และประชาชนให้การต้อนรับกว่า 200 คน ในโอกาสเดียวกันนี้ได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ อบต.และ อปพร.ได้ซักถามปัญหา

นายมนตรี บุญสุยา นายก อบต.แกใหญ่ กล่าวว่า อบต.แกใหญ่เป็น 1ใน 20 ตำบลในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ มี 13 หมู่บ้าน มี 2,800 ครัวเรือน ประชากร 9,400 คน ซึ่งการออกมาตรวจเยี่ยมพบปะ ของท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ ในครั้งนี้เป็นผลดีต่อ อบต.แกใหญ่ เพราะได้เพิ่มความรู้ ในบางประเด็นที่ยังไม่เข้าใจในปัญหา ได้สอบถามในข้อปัญหาสิ่งที่ยังไม่เข้าใจตรงกันในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อการทำงานจะได้มีศักยภาพที่ดีขึ้นการทำงานสำเร็จลุลวงไปด้วยดี

อย่างไรก็ตามท้องถิ่นจังหวัด ได้ออกตรวจเยี่ยมและพบปะ องค์กรปกครองท้องถิ่น หมุนเวียนไปทุกท้องที่เพื่อออกแนะนำให้ความรู้ กฎระเบียบ ในการทำงานให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน



อุทัย  มานาดี / รายงาน

สมาคมมวยสุรินทร์ เชิญนักมวยสมัครเข้าเป็นสมาชิก ขณะนี้ กว่า 20 ท่านมีเงินเดือนแล้ว

สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์ เชิญอดีตนักชก ทุกท่านสมัครเข้าเป็นสมาชิก เพื่อรับเงินสวัสดิการ ขณะที่มีสมาชิกที่ได้รับเงินสวัสดิการแล้ว กว่า 20 รายๆละ 2,000 - 5,000 บาท ปัจจุบันนี้มีอดีตนักมวยสนใจเข้าร่วม กว่า 200 คน

นายศุภชัย ชาวนา ผู้อำนวยการโรงเรียนสุรินทร์ภักดี เลขานุการชมรมนักมวยจังหวัดสุรินร์ เปิดเผยถึงข่าวดีนักมวยที่ทางสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย มีงบประมาณตามโครงการสวัสดิการ พ.ร.บ.นักกีฬามวย ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือและเป็นสวัสดิการนักมวยที่พิการ ทุกพลภาพและเลิกชกมวยไปแล้วมีเงินเดือน และเงินสวัสดิการเมื่อเวลาเสียชีวิต อย่างเช่นกรณีเสียชีวิตสมาชิกจะได้รับเงินค่าฌาปนกิจศพๆละ 15,000 บาท ในขณะที่มีชีวิตจะได้รับเงินเดือนทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 4ปี ตามสภาพความเป็นจริง ตั้งแต่ 2,000 – 5,000 บาท เมื่อครบเวลาจะทำการพิจารณาใหม่เพราะจะต้องดูประวัติและความพร้อมอีกครั้ง

ผอ.ศุภชัย ชาวนา ใช้ชื่อ "สดใส สุระก่อสร้าง " นักชกชื่อดังในอดีต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีนักมวยจังหวัดสุรินทร์ หลายท่านที่ได้เงินเดือนแล้วประมาณกว่า 20 ท่าน พร้อมทั้งได้รับเงินค่าฌาปนกิจศพ รายละ 15,000 บาท หากนักมวยผู้ใดใจเชิญสมัครเป็นสมาชิกได้ที่ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสุรินทร์ สนามกาศรีณรงค์ ซึ่งในขณะนี้มีนักมวยในอดีต มาสมัครแล้วเกือบ 200 คน อยากแนะนำท่านที่จะมาสมัคร หากท่านมีหลักฐานและประวัติการชกมวย ยิ่งดีเพื่อจะได้รับการพิจารณาทันที



อุทัย  มานาดี / รายงาน 

โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก จัดกิจกรรมฝึกภาคปฏิบัติด้านการประชาสัมพันธ์ ในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

พันตำรวจโท ไชยวัฒน์ ธงยศ ประธานนายทหารนักเรียนหลักสูตรนายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่นที่ 32 เปิดเผยว่า โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก จะนำคณะนายทหารนักเรียนหลักสูตรนายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่นที่ 32 จำนวน 45 นาย มาฝึกภาคปฏิบัติด้านการประชาสัมพันธ์ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ในระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.00 น.-12.00 น. ณ ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และได้จัดกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ ณ โรงเรียนบ้านหนองคันนา หมู่ที่ 5 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบริการทางการแพทย์ ตัดผมชาย หญิง ฝึกอาชีพ เศรษฐกิจพอเพียง การแสดงของเด็กเล็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองคันนา มอบสิ่งขอให้กับชาวบ้าน และกิจกรรมบันเทิง ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้โดยทั่วกัน 

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ จัดพิธีส่งมอบโครงการ 53 ปี PEA สร้างฝายถวายในหลวง

นายวิรัช อุดมเวช ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้จัดกิจกรรมร่วมเฉลิมพระเกียรติสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อดูแลและรักษาน้ำ โครงการ 53 ปี PEA สร้างฝายถวายในหลวง ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.09 น. ณ บ้านโชค หมู่ที่ 1 ตำบล ตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในครั้งนี้โดยทั่วกัน ตามวันและเวลาดังกล่าว 

องค์การบริหารส่วนตำบลนาเจริญ ประกวดโคพันธ์ลูกผสม

นายอนิรุทธิ์ ภาวะนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเจริญ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนตำบลนาเจริญ จัดงานมหกรรมส่งเสริมการพัฒนาสายพันธ์สัตว์เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยจัดให้มีการประกวดโคพันธ์ลูกผสม ดังนี้

1.โคฮินดูบราซิล 4 สี ได้แก่ สีแดง สีดำ สีขาว สีโบ๊ท รุ่น 1-6 เดือน , 6-12 เดือน และ 12-18 เดือน
2.โคลูกผสมคละเพศ รุ่น 6-12 เดือน และ รุ่น 12-18 เดือน

นอกจากนี้ยังจะได้ชมโคพ่อพันธ์ฮินดูลบราซิล , โคเนื้อพันธ์บราห์มัน และโคลูกผสมทุกสายพันธ์ พร้อมเลือกซื้อสินค้าด้านปศุสัตว์ทุกประเภท

จึงขอเชิญชวนผู้สนใจ ชมการประกวดโคพันธ์ลูกผสม ในงานมหกรรมส่งเสริมการพัฒนาสายพันธ์สัตว์เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลนาเจริญ อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 เริ่มเวลา 09.00 น. เป็นต้นไป



กรกช ภูมี / สวท.อุบลฯ 

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 จัดอบรมกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและรับ AEC แก่ผู้ประกอบการ SMEs

นายสุพจน์ มกุลรัตน์ นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการศูนย์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กล่าวว่า ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 จัดฝึกอบรมหลักสูตร กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและรับ AEC แก่ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้โครงการพัฒนาผู้ประกอบการสาขาเป้าหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความรู้ และสามารถวิเคราะห์โอกาส อุปสรรคปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในระบบเศรษฐกิจ AEC มีความเข้าใจในตลาด AEC จุดแข็ง จุดอ่อน ของแต่ละประเทศ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และเข้าใจในกลยุทธ์ทางการตลาด สามารถขยายการค้าสู่ประเทศกลุ่ม ACE ได้

การอบรมครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 22 และ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บ้านสวนโรงแรมแอนด์กอล์ฟ รีสอร์ท อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจเข้ารับการอบรม ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 เลขที่ 222 หมู่ที่ 24 ถนนคลังอาวุธ ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์หมายเลข 045 – 311987 ต่อ 115 ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557



กรกช ภูมี / สวท.อุบลฯ รายงาน 

รับสมัครนักเรียน ชั้น ม.1 และ ม.4 เป็นตัวแทนจังหวัดยโสธร เข้าอบรมในสถาบันเพาะกล้าคุณธรรม ปี 2557

จังหวัดยโสธร โดยศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 44 จังหวัดยโสธร เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกตัวแทนนักเรียนเข้าอบรม โครงการเพาะกล้าคุณธรรมเพื่อการพัฒนาสังคม เพื่อเปิดโอกาสเด็กได้รับการพัฒนาและการเรียนรู้ในมิติด้านคุณธรรม การศึกษา ทักษะในการประกอบอาชีพ ในนามตัวแทนจังหวัดยโสธร จำนวน 4 คน แยกเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 2 คน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 คน เข้ารับการอบรม ณ สถาบันเพาะกล้าคุณธรรม วัดท่าเสด็จ
อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี

ผู้สนใจ ติดต่อสอบถามได้ที่ โรงเรียนของตนเอง หรือ ที่ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 44 จังหวัดยโสธร โทร.045-714605 ตั้งแต่บัดนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2557
                                                       


                                       ส.ปชส.ยโสธร/ไพชยน

ผู้แทนสมุทรราชองครักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจพื้นที่ เพื่อติดตามความความพร้อม เตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557

(4 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พลเรือตรีอุดม ศรีถวัลย์ ผู้แทนสมุทรราชองครักษ์ พร้อมด้วยนายคันฉัตร ตันเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ทหาร ตำรวจ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับชาติครั้งที่ 35 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ อำเภอเมือง และเสด็จพระราชดำเนินทรงมอบเข็มที่ระลึก ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสภากาชาดไทย มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พลเรือตรีอุดม ศรีถวัลย์ ผู้แทนสมุทรราชองครักษ์ กล่าวว่า ได้สำรวจพื้นที่ เพื่อติดตามความความพร้อม ปัญหาอุปสรรค ตลอดจนความต้องการของคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ และการกำหนดแผนการรักษาความปลอดภัย ในการเตรียมการรับเสด็จ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการ ปฏิบัติภารกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง เพื่อให้การรับเสด็จฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ โดยเฉพาะเส้นทางการเสด็จพระราชดำเนินปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ในครั้งนี้

จังหวัดอำนาจเจริญ จัดงานแถลงข่าวการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2556/57

วันนี้ (4 ก.พ.57 ) เวลา 10.00 น. นายอภิชาติ  งามกมล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  เป็นประธานการแถลงข่าวการเพราะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2556/57 ที่ แปลงนาของนางนฤมล  มุทุกันต์  บ้านโคกชาด หมู่ที่ 7 ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน  จังหวัดอำนาจเจริญ   โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ ได้จัดขึ้น

นายอภิชาติ  งามกมล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  การส่งเสริมการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง  พืชฤดูแล้ง หมายถึง พืชที่ปลูกหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี โดยยึดช่วงเวลาทำการเพาะปลูกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง สิ้นเดือนเมษายนของปีถัดไป โดยในช่วงฤดูแล้งของทุกๆปี น้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆ จะมีปริมาณลดน้อยลง ส่งผลกระทบถึงเกษตรกรที่กำลังเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกษตรกรจึงควรหันมาปลูกพืชอายุเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อยปริมาณ 400-600 ลบ.ม./ไร่/รอบการผลิตทดแทน เช่น ถั่วเขียว ถั่วลิสง ข้าวโพดฝักสด แตงโม และพืชผักต่างๆ ที่มีแนวโน้มราคาและช่องทางการตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยให้เกษตรกรได้พักดิน และช่วยปรับโครงสร้างดินให้สมบูรณ์ขึ้น รวมทั้งช่วยตัดวงจรปัญหาการระบาดของศัตรูพืชต่างๆด้วย  การส่งเสริมการผลิตพืชตามระบบเกษตรกรดีที่เหมาะสม (GAP) ในการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งนั้น เกษตรกรหลายรายได้เข้าสู่ระบบการผลิตแบบ GAP (Good Agricultural Practice) คือระบบการจัดการคุณภาพด้านการผลิตทางการเกษตรที่สามารถควบคุมระบบการผลิต ให้ผลผลิตมีความปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยเกษตรกรต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้องตั้งแต่การปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ ซึ่งจะมีการตรวจประเมิน เมื่อผ่านการตรวจสอบจึงจะได้ใบรับรองแหล่งผลิตพืช (ใบ Q) ถือเป็นการผลิตอย่างเป็นระบบที่ก่อให้เกิดความปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ผลิต รวมถึงผู้บริโภค ภายใต้ความคุ้มทุน และมีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุด

จากนั้น นายอภิชาติ  งามกมล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  กล่าวให้กำลังใจพบปะเกษตรกร อำเภอหัวตะพานที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และปลูกข้าวโพดในแปลงปลูกเกษตรกรเพื่อเป็นศิริมงคล  พร้อมชมการแข่งขันการกินข้าวโพดและมอบรางวัลให้กับผู้ที่ชนะการแข่งขัน



 ประกาศิต  สุวะทอง/ข่าว/ภาพ



 

จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดฝึกอบรมหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง(อพป.) บ้านโนนสำราญ อำเภอชานุมาน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศาลากลางบ้าน บ้านโนนสำราญ ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ  นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอชานุมาน เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง หรือ อพป. เพื่อทบทวนความรู้ และพัฒนาศักยภาพของกรรมการหมู่บ้านให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยมีผู้เข้าอบรมจำนวน 50 คน

สำหรับโครงการอาสาพัฒนาและป้องกันตนเองแห่งชาติ เป็นโครงการพัฒนาเสริมความมั่นคงที่มี พรบ. จัดระเบียบบริหารหมู่บ้าน อพป. พ.ศ. 2522 รองรับการดำเนินการ โดยมุ่งผลที่จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชน คือ 1. ประชาชนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีบทบาทในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน   2. ประชาชนมีความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา  และการทหาร เพียงพอที่จะวิเคราะห์แก้ไขปัญหาพื้นฐานได้   และ 3. ประชาชนมีความสามารถที่จะบริหาร ปกครอง ป้องกัน หมู่บ้านของตนเองจากภัยคุกคามได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่กำลังท้องถิ่นจะเข้าไปช่วยได้ทันเมื่อจำเป็นและพัฒนาตนเองให้มีฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม ช่วยเหลือตนเอง

นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอชานุมาน กล่าวว่า โครงการอาสาพัฒนาและป้องกันตนเองแห่งชาติ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 จนถึงปัจจุบันและมีพระราชบัญญัติจัดระเบียบหมู่บ้าน อพป. พ.ศ. 2522 รองรับการดำเนินงานของหมู่บ้าน อพป. โดยเน้นการดำเนินการให้หมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเองเป็นเครื่องมือในการป้องกันตนเองในระดับหมู่บ้าน เน้นให้ประชาชนได้เข้าร่วมเป็นกำลังในการต่อต้านและป้องกันภัยคุกคามต่างๆ ด้วยการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ระบบการพัฒนาการบริการหมู่บ้าน และการบริหารงานหมู่บ้าน เพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศ ตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน เพื่อให้สมาชิกอาสาพัฒนาและป้องกันตนเองในหมู่บ้านมีความรู้ความสามารถในการป้องกันและพัฒนาหมู่บ้าน นำไปพัฒนาศักยภาพความรู้ความสามารถและเสริมสร้างประสบการณ์ อันนำไปสู่การปฏิบัติอย่างป็นรูปธรรมเกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาหมู่บ้านและป้องกันหมู่บ้านต่อไป

                   
สุรพล บุตรวงศ์ ปชส.อจ./บก.ข่าว




 

วัดหนองเชียงทูน จัดพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล 80 ปี พระครูศาสนกิจวิมล เจ้าคณะตำบลหนองเชียงทูน

วันที่่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ที่วัดหนองเชียงทูน ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล 80 ปี พระครูศาสนกิจวิมล หรือฉายาหนูพันธ์ อิสสโร เจ้าอาวาสวัดหนองเชียงทูน เจ้าคณะตำบลหนองเชียงทูน โดยในงานนี้มีนายประที ป กีรติเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ พระเทพวิสุทธิโมลี รองเจ้าคณะภาค 10 ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชกิตติรังสี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าคณะอำเภอต่างๆ ส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน พุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์เข้าร่วมงาน
ด้วยหลวงปู่ถ้ำ ธมมิโก เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาชะอางโอง จังหวัดชลบุรี ได้ปรารถนาจัดพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล ครบ 80 ปี ถวายแด่พระครูศาสนกิจวิมล หรือฉายาหนูพันธ์ อิสสโร เจ้าอาวาสวัดหนองเชียงทูน เจ้าคณะตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ เพื่อแสดงออกซึ่งกตัญญูกตเวทิตาคุณ โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดหนองเชียงทูน ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ

และในงานนี้นายประทีป กีรติเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ได้ถวายสักการะ พระครูศาสนกิจวิมลและรับของที่ระลึกจากทางวัดหนองเชียงทูน
                                                     


ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/พิมพ์

อาสาสมัครจราจรร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ” ประจำปี 2557 ด้วยการเพิ่มพูนทักษะ สร้างองค์ความรู้ สร้างเครือข่าย และร่วมดำเนินการลดความเสี่ยงภัย ป้องกันและควบคุมความเสียหาย

จังหวัดศรีสะเกษ เร่งส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพแก่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.) ตามโครงการ "อาสาสมัครจราจรร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ” ประจำปี 2557 ด้วยการเพิ่มพูนทักษะ สร้างองค์ความรู้ สร้างเครือข่าย และร่วมดำเนินการลดความเสี่ยงภัย ป้องกันและควบคุมความเสียหาย

วันที่ (4 กุมภาพันธ์ 2557) ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุม โครงการ "อาสาสมัครจราจรร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ” ประจำปี 2557 โดยมีนายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และอาสาสมัคร อปพร. ให้การต้อนรับ จังหวัดศรีสะเกษ โดย การบูรณาการของหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, ตำรวจภูรจังหวัด, สำนักงานขนส่งจังหวัด,สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด, บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาศรีสะเกษ และอำเภอทุกอำเภอ จัดทำโครงการอาสาสมัครจราจร ร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนขึ้น โดยมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพแก่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ด้วยการเพิ่มพูนทักษะ สร้างองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายเป็นส่วนหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่ สมารถสนับสนนุการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยทางถนน และรวมดำเนินการลดความเสี่ยงภัย ป้องกันและควบคุมความเสียหาย อีกทั้งสามารถถ่ายทอดสู่เพื่อนร่วมงาน ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ซึ่งด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน อุบัติเหตุทางถนนนับเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิติ การบาดเจ็บความพิการ ทรัพย์สินของประชาชนทั้งในระดับนานาชาติ และประเทศไทย อีกทั้งมีแนวว่าปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น องค์การสหประชาชาติ จึงได้ประกาศให้ปี ค.ศ. 2011 – 2020 เป็นศตวรรษการปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีให้ความเป็นชอบ กำหนดให้ปี 2554 – 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน เพื่อบูรณาการการดำเนินงานจากทุกภาคส่วน โดยให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจัดทำแผน และกำหนดทิศทางการดำเนินงาน ให้ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อลุดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากอุบัติเหตุทางถนน ให้อาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน(อปพร.) ได้เพิ่มพูนทักษะ ความรู้ด้านกฎหมาย วินัยจราจรเพิ่มขึ้น ให้อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.) สามารถสนับสนุนการปฏิบติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน และลดอุบติเหตุทางถนนได้อยางถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างเครือข่ายในการดูแลป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้าน สมารถนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่สู่ชุมชน และการณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวงนิรภัยในการเป็นแบบอย่างที่ดี

สำหรับการจัดกิจกรรมโครงการอาสาสมัครจราจรร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2557 ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด กำหนดวัด เวลา ในการอบรมของแต่ละอำเภอ โดยแบ่งการฝึกอบรม จำนวน 41 รุ่น ๆละ 80 คน ไม่เกิน 140 คน ต่อรุ่น โดยรุ่นที่ 1 มีสมาชิก อปพร. จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ในพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ จำนวนทั้งสิ้น 120 นาย เข้าร่วมอบรม โดยการจัดฝึกอบรมฯ หลักสูตร 2 วัน ดำเนินการในรูปแบบการบรรยาย และแบ่งกลุ่มดำเนินกิจกรรม และฝึกปฏิบัติ
                                           



ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/พิมพ์

ศรีสะเกษ เร่งขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30

ศรีสะเกษ เร่งขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "ศรีสะเกษเกมส์”

วันที่ (4 กุมภาพันธ์ 2557) ณ ห้องปฎิบัติการรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายสนิท ขาวสอาด รองผู้ว่ารากชารจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการฝ่ายสิทธิประโยชน์ การจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ปี 2557 "ศรีสะเกษเกมส์” ประกอบด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ ปลัดจังหวัด, นายทวีศักดิ์ สิงห์ดง พัฒนาการจังหวัด, นายวีระพงษ์ สืบค้า พาณิชย์จังหวัด พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานที่ดิน วัฒนธรรม แรงงาน และตัวแทนผู้ประกอบการภาคธุรกิจเอกชน ทั้งนี้ เพื่อเร่งขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ปี 2557 "ศรีสะเกษเกมส์” ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเกียรติจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 (พ.ศ.2557) "ศรีสะเกษเกมส์” ระหว่างวันที่ 13 – 23 มีนาคม 2557 โดยกำหนดจัดการแข่งขัน รวม 38 ชนิดกีฬา และใช้สนามแข่งขันภายในจังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง 37 ชนิดกีฬา และอีก 1 ชนิดกีฬา คือกีฬากอล์ฟ กำหนดแข่งขันที่สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับการพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพแทนจังหวัดพิจิตรที่ถอนตัวไปด้วยเหตุอุทกภัยร้ายแรงทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการในการจัดการแข่งขันได้ ดังนั้น จังหวัดศรีสะเกษ จึงเตรียมการจัดการหางบประมาณไว้รองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 .ในปี 2557 นี้ โดยได้เตรียมงบประมาณเพื่อไว้ใช้ในการจัดการแข่งขัน จำนวน 60 ล้านบาท ซึ่งจะได้จากการกีฬาแห่งประเทศไทยสนับสนุนงบประมาณ จำนวนทั้งสิ้น 35 ล้านบาท และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 10 ล้านบาท และการจัดหารายได้จากภาคเอกชนในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ และในขณะนี้งบประมาณของจังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่เพียงพออีกจำนวนมาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ ที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 (พ.ศ. 2557) จึงพยายามดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จึงได้เร่งขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้พิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณตามหลักเกณฑ์ที่จังหวัดได้กำหนดไว้
                                             



 ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ

ศรีสะเกษ ประชุมคณะกรรมการเตรียมความพร้อมพิธี เปิด - ปิด การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ

ศรีสะเกษ ประชุมคณะกรรมการเตรียมความพร้อมพิธี เปิด - ปิด การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ปี 2557 "ศรีสะเกษเกมส์”

วันที่ (4 กุมภาพันธ์ 57) ณ ห้องประชุมศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษ นายวิศิษฐ คูรัตนเวชรองผู้ว่ารากชารจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุมร่วมกับคณะกรรมการฝ่ายพิธีเปิด-ปิด การจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ปี 2557 "ศรีสะเกษเกมส์” ประกอบด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ ปลัดจังหวัด, นายวีระพงษ์ สืบค้า พาณิชย์จังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม และรับทราบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานพิธีเปิด – ปิด การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ปี 2557 "ศรีสะเกษเกมส์” ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเกียรติจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 (พ.ศ.2557) "ศรีสะเกษเกมส์” ระหว่างวันที่ 13 – 23 มีนาคม 2557 โดยกำหนดจัดการแข่งขัน รวม 38 ชนิดกีฬา และใช้สนามแข่งขันภายในจังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง 37 ชนิดกีฬา และอีก 1 ชนิดกีฬา คือกีฬากอล์ฟ กำหนดแข่งขันที่สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

ซึ่งในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "ศรีสะเกษเกมส์” ในวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557 ณ สนามศรีนครลำดวน สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตศรีสะเกษ มีการแสดงพิธีเปิด ชุดที่ 1 "เปิดเมืองศรี นครสีเผ่าเล่าตำนาน” ชุดที่ 2 อลังการเกียรติยศปรากฏฟ้า” ชุดที่ 3 "ไมตรีจิตรสกิตใจใฝ่กีฬา” และชุดที่ 4 "ศรีสะเกษเกมส์ สืบคุณค่าสู่สากล”

ส่วนในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "ศรีสะเกษเกมส์” กำหนดวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2557 มีการแสดง ชุดที่ 1 "จุดไฟฝันพลังกีฬาคนรุ่นใหม่” ชุดที่ 2 "ส่งมอบใจจากครั้งนี้ สู่ครั้งนั้น” "กีฬาเยาวชนสืบสานปฏิญญา” "มิตรภาพตราบดินฟ้าสถาพร” พร้อมกับพิธีส่งมอบธงการแข่งขันให้กับจังหวัดจันทบุรี เจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 31 และการแสดงของจังหวัดจันทบุรี เจ้าภาพครั้งต่อไป
                                           


ฉัตรชัย พรหมมาศ/ข่าว/ภาพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารเปิดงานวันคนพิการสากล จังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๖ภายใต้หัวข้อการจัดงาน “ขจัดอุปสรรคเปิดโอกาส...สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน”

วันนี้ (๔ ก.พ.๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาสร้างสุข ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ ๔๒ อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการบูรณาการจัดงานวันคนพิการสากล จังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๖ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร มีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการอำเภอ พ่อค้า ประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก การจัดงานดังกล่าวถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนพิการทุกประเภท ได้ร่วมแสดงพลังแห่งการสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน นำไปสู่สังคมแบบบูรณาการ  ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาครอบครัวคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ ซึ่งคนพิการทุกคนจะมีโอกาสได้รับรู้สิทธิประโยชน์อันพึงจะได้รับอย่างเท่าเทียมในสังคม

นายกาวี บุรัตน์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่าองค์การสหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ ๓ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล ประเด็นหลัก (Theme) สำหรับปี ๒๕๕๖ คือ "ขจัดอุปสรรค เปิดโอกาส...ทั้งมวลเพื่อเสริมสร้างสังคมบูรณาการสำหรับทุกคน”  โดยกำหนดให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันคนพิการสากล ปี ๒๕๕๖ ในหัวข้อ "ขจัดอุปสรรคเปิดโอกาส...สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” โดยมีกิกรรมเสวนา กิจกรรมนันทนาการคนพิการ การแสดงผลงานนวัตกรรมคนพิการจากศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดมุกดาหาร การมอบเกียรติบัตรแก่คนพิการดีเด่น รวมบุคคลที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ และมอบเงินทุนกู้ยืมสำหรับคนพิการเป็นทุนประกอบอาชีพ มอบอุปกรณ์และเครื่องช่วยความพิการ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวภายหลังพิธีเปิดงานวันคนพิการสากลว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนพิการ ที่ได้รับทราบถึงสวัสดิการต่างๆ อันพึงมีพึงได้ จากภาครัฐที่ให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกับคนในสังคม และชื่นชมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ทำงานและให้การสนับสนุนคนพิการจังหวัดมุกดาหารอย่างต่อเนื่อง
                                                     


                                                                               สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว
                                                                        พิพัฒน์ เพชรสังหาร สุระณรงค์ อ่อนสนิท/ภาพ

ตชด. 234 มุกดาหาร ตรวจยึดรถบรรทุก ลักลอบขนไม้พะยูง 65 ท่อน

วันนี้  4 กุมภาพันธ์ 2557 พ.ต.ท. เทิดฤทธิ์ สุวรรณประทัง ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 มุกดาหาร  ได้รับรายงานจากสายว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบขนไม้พะยูง โดยใช้รถบรรทุก โดยใช้เส้นทาง ถนนอำนาจเจริญ - นิคมคำสร้อย – มุกดาหาร  จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.ภาสกร หนุดตะแสง ผู้บังคับหมวดกองร้อง ตชด.234 มุกดาหาร  เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการ จึงได้ประชุมวางแผน และแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด

เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 ได้ไปดักซุ่มที่บ้านเตาถ่าน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร  และได้พบรถ บรรทุก  สีน้ำเงิน ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ต-5062 ชลบุรี ปกคุมด้วยผ้าใบ  ตามที่สายรายงาน วิ่งมาตามถนน สาย นิคมคำสร้อย – มุกดาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและให้สัญญาณจอด แต่รถคันดังกล่าวกับเร่งความเร็วหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตามไป และได้วิทยุ แจ้ง เจ้าหน้าที่ ชุดที่ 2 ช่วยสกัด  จนกระทั้ง ถึง แยกไฟแดง ถนนเลี่ยงเมือง คนขับรถบรรทุกได้จอดรถทิ้งไปข้างถนนและหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นรถ บรรทุกคันดังกล่าว  พบไม้พะยูงอยู่หลังกระบะรถบรรทุก  จำนวน 65 ท่อน/เหลี่ยม คิดมูลค่าไม้พะยูง ประมาณ 1 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไม้พะยูงและรถบรรทุก จึงได้ตั้งข้อกล่าวหามีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) ไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร พร้อมนำไม้และรถบรรทุกส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร และติดตามตัวเจ้าของรถบรรทุก มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
                                           


พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มุกดาหาร
ไอลดา สุทธิประภา นักศึกษาฝึกประสบการณ์/ข่าว

มุกดาหาร ส่งเกษตรกรเข้าประกวดเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม

ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯมุกดาหาร นำคณะกรรมการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ระดับประเทศ จากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าตรวจประเมินผลงานเกษตรกรดีเด่น ที่บ้านบะ ตำบลกกแดง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหารมุกดาหาร
 ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯจังหวัดมุกดาหาร โดยนายโสภณ ยอดพรหม ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯมุกดาหาร  ได้นำคณะกรรมการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ระดับประเทศ จากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งนำคณะโดย นายวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ลงพื้นที่ ที่บ้านบะ หมู่ที่ 5 ตำบลกกแดง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหารมุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านของนายทองคำ สายโรจน์ เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยเป็นเกษตรกรที่ผ่านการคัดเลือกระดับเขตมาแล้ว ที่ทางจังหวัดได้ส่งเข้าเป็นตัวแทนคัดเลือกในครั้งนี้ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และชาวบ้านบะ ตำบลกกแดง ให้การต้อนรับคณะกรรมการคัดเลือก

นายวิโรจน์ แก้วเรือง ประธานกรรมการ ได้กล่าวว่า  เนื่องจากกรมหม่อนไหม มีนโยบายให้ดำเนินการประกวดคัดเลือกเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับประเทศ ประจำปีของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างขวัญกำลังใจแก้ผู้มีผลงานดีเด่น และผู้ได้รับการคัดเลือกระดับประเทศจะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชทานพิธีมลคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ พลับพลาที่ประทับมนฑลพิธีสนามหลวง
ซึ่งการเดินทางมาคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศครั้งนี้ จากการที่ นายทองคำ สายโรจน์  เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  เป็นตัวแทนของจังหวัดมุกดาหาร เข้าร่วมคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ในระดับประเทศ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกระดับประเทศจากกรมหม่อนไหมจะต้องมาดำเนินการเก็บข้อมูลและประเมินผลงานแปลงกิจกรรมปลูกหม่อเลี้ยงไหมเพื่อนำไปพิจารณาต่อไป

                                           

                          พิพัฒน์ เพชรสังหาร ส.ปชส.มห/ไอลดา สุทธิประภา นักศึกษาฝึกประสบการณ์/ข่าว
                          สุระณรงค์ อ่อนสนิท ส.ปชส.มห/เนตรนภา ไยสาร นักศึกษาฝึกประสบการณ์/ข่าว

กกต.มหาสารคาม สรุปผลการเลือกตั้ง ส.ส. มีผู้มาใช้สิทธิ์กว่าร้อยละ 56

กกต.มหาสารคาม สรุปผลการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 3 เมื่อเวลา 01.22 น. (4 ก.พ. 57) โดยจังหวัดมหาสารคาม มี 5 เขตเลือกตั้ง 1,737 หน่วย จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 744,304 คน มาใช้สิทธิ์ 423,062 คน คิดเป็นร้อยละ 56.84 ภาพรวมของการจัดการเลือกตั้งทั่วไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือการขัดขวางการเลือกตั้ง

นายสาโรช ไพเราะ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 5เขต จำนวน 1,737 หน่วยเลือกตั้ง ในพื้นที่ 13 อำเภอ ของจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้ง แต่ผลการนับคะแนนยังไม่สามารถรวบรวมและประกาศได้ว่าผู้ใดได้รับเลือกตั้ง เนื่องจาก จะต้องรอรวมผลคะแนนในการเลือกตั้งล่วงหน้า สำหรับจังหวัดที่ไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 โดยการเลือกตั้งล่วงหน้าดังกล่าว จะมีขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557

ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการเลือกตั้ง ส.ส.จากการรวมคะแนน ครั้งที่ 3 เมื่อเวลา 01.22 น. (4 ก.พ. 57) จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ของจังหวัดมหาสารคาม มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 423,062 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 744,304 คน คิดเป็นร้อยละ 56.84 จาก โดยแยกเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต มีบัตรดี 355,140 บัตร คิดเป็นร้อยละ 83.95 บัตรเสีย 31,908 บัตร คิดเป็นร้อยละ 7.54 และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 36,014 บัตร คิดเป็นร้อยละ 8.51

ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีบัตรดี มีบัตรดี 371,607 บัตร คิดเป็นร้อยละ 87.84 บัตรเสีย 19,650 บัตร คิดเป็นร้อยละ 4.64 และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 31,805 บัตร คิดเป็นร้อยละ 7.52



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

มหาสารคาม ออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ หมายเลข 02683 เป็นรถเก๋งวีออส

คืนสุดท้ายของการจัดงานบุญเบิกฟ้าและกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2557 มีการหมุนวงล้อออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ โดยมีรางวัลใหญ่ เป็นรถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส ซึ่งได้แก่หมายเลข 02683

เมื่อคืนที่ผ่านมา (3-2-57) นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยนางพูลทรัพย์ สิงห์ศักดา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ส่วนราชการ ภาคเอกชน ตลอดจนนางสาวมหาสารคาม กุลธิดามหาสารคาม สาวผู้ดีศรีมหาสารคาม และMISS MAHASARAKHAM ประจำปี 2557 ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการหมุนวงล้อออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ ซึ่งจัดขึ้นในคืนสุดท้ายของงานบุญเบิกฟ้าและกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2557 รถยนต์โตโยต้า วีออส 1.5 J A/T จำนวน 1 รางวัล ซึ่งผลการออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ ในงานบุญเบิกฟ้าและกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2557 เป็นดังนี้

                รางวัลที่ 1 รถยนต์โตโยต้า วีออส 1.5 J A/T จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ หมายเลข 02683
                รางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ALL NEW FINO 3 รางวัล ได้แก่ หมายเลข 33450 32396 44024
                รางวัลที่ 3 โทรศัพท์ IPHONE 5s 4 รางวัล ได้แก่หมายเลข 26642 08999 53837 29321
                รางวัลที่ 4 เครื่องแท็บแล็ตซัมซุง GALAXY TAB NOTE 10.1 (2014 Edition) 2 รางวัล ได้แก่หมายเลข 30188 57617
                รางวัลที่ 5 โทรทัศน์สี LED จอภาพ 32 นิ้ว 12 รางวัล ได้แก่ หมายเลข 55314 26978 11049 07335 53212 00790 35631   54229 34644 28554 39002 09310
                รางวัลที่ 6 เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ความจุ 8.0 kg. 15 รางวัล ได้แก่หมายเลข 16452 44281 38512 34496 36249 03133 04071 15909 52723 20903 32554 30346 59127 25999 46394
                รางวัลที่ 7 ตู้เย็น 1 ประตู ขนาด 5.5 Q 15 รางวัล ได้แก่หมายเลข 47392 49015 55033 26700 18497 05509 09427 45057 24699 1055911989 54522 26639 51257 10913

และรางวัลเลขท้าย 3 ตัวหมุน 1 ครั้ง เป็นทองคำมูลค่า รางวัลละ 1,000 บาท มี 60 รางวัล ได้แก่ หมายเลข 518

ท่านสามารถติดต่อขอรับรางวัลได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดมหาสารคาม ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม โทร 043 777360 โดยนำสลากที่ถูกรางวัล พร้อมแสดงบัตรประชาชน และมารับด้วยตนเอง ภายในวันที่ 30 เมษายน 2557 นับแต่วันที่ออกรางวัล หากไม่มาติดต่อภายในวันระยะเวลาที่กำหนดถือว่าสละสิทธิ์ และจังหวัดจะมอบสิ่งของให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคามเพื่อการกุศลต่อไป



ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ร้านมัจฉากาชาด มหาสารคาม สรุปยอดจำหน่ายตลอด 10 วัน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว


ร้านมัจฉากาชาด ในงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2557 สรุปยอดจำหน่ายบัตรตลอด 10 วัน รวมทั้งสิ้น 3,408,520 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มียอดรวม 2,985,060 บาท เพิ่มขึ้น 423,460 บาท ขณะที่นายกเหล่ากาชาด ขอบคุณประชาชนที่มาร่วมกันทำบุญ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส

จังหวัดมหาสารคาม โดยสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม สรุปยอดจากการจำหน่ายบัตรในร้านมัจฉากาชาด ในงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2557 ที่กำหนดจัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 25 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม โดยตลอด 10 วัน มีรายได้จากการจำหน่ายบัตรรวมทั้งสิ้น 3,408,520 บาท โดยเฉพาะในคืนสุดท้าย (3 กพ.57) มียอดจำหน่ายถึง 744,100 บาท สูงกว่าปี 2556 ที่ผ่านมา ที่มียอดรวม 10 วัน เป็นเงิน 2,985,060 บาท โดยเพิ่มจากปีที่แล้ว 423,460 บาท

นางพูลทรัพย์ สิงห์ศักดา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม กล่าวขอบคุณประชาชนที่ได้มาร่วมทำบุญ เสี่ยงโชคในร้านมัจฉากาชาด โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะได้นำไปช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส ผู้ประสบสาธารณภัย และช่วยเหลือกิจกรรมสาธารณะกุศล ต่อไป


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

เทศบาลตำบลโคกพระ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เชิญเที่ยวงานบุญเดือนสาม นมัสการพระพุทธมิ่งเมือง

เทศบาลตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เชิญเที่ยวงานบุญเดือนสาม นมัสการพระพุทธมิ่งเมือง ฟูเฟื่องเรื่องอาหารปลอดภัย 12-14 กุมภาพันธ์ นี้ ณ สนามกีฬาอำเภอกันทรวิชัย

(4-2-57) ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยนายแสงประทีป บุญน้อม นายอำเภอกันทรวิชัย และนายธวัชชัย ฉัตรานุสรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลโคกพระ ร่วมกันแถลงข่าวจัดงาน บุญเดือนสาม นมัสการพระพุทธมิ่งเมือง ฟูเฟื่องเรื่องอาหารปลอดภัย ประจำปี 2557 โดยกำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สนามกีฬาอำเภอกันทรวิชัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า งานบุญเดือนสาม นมัสการพระพุทธมิ่งเมือง ฟูเฟื่องเรื่องอาหารปลอดภัย ประจำปี 2557 นี้ ชาวตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย ได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามที่ได้สืบทอดกันมายาวนาน อย่างบุญเดือนสาม หรือบุญข้าวจี่ ที่ในสมัยพุทธกาล เล่าต่อกันมาว่า นางทาส ชื่อ ปุณณทาสี นำแป้งข้าวจี่ไปถวายพระพุทธเจ้า ชาวบ้านที่เห็นจึงทำตามบ้าง จึงได้ร่วมกันตักบาตรข้าวจี่ ทุกวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 3 จึงเรียกกันติดปากว่าบุญข้าวจี่ นอกจากนี้ ในงานดังกล่าวยังได้ร่วมกันนมัสการพระพุทธมิ่งเมือง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอกันทรวิชัย และกระตุ้นการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย (FOOD SAFETY) ของประชาชน

นายอำเภอกันทรวิชัย กล่าวว่า พระพุทธมิ่งเมือง ที่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอกันทรวิชัย มี 2 องค์ คือ พระพุทธมิ่งเมือง (วัดสุวรรณาวาส) และพระพุทธมงคลเมือง (วัดพุทธมงคล) โดยทั้งสององค์นี้ ชาวบ้านมักนิยมเรียกกันว่า "หลวงพ่อพระยืน” ปางสรงน้ำ มีความสูงตลอดองค์ประมาณ 8 ศอก กว้าง 2 ศอก พระเนตรและเนื้อองค์พระสร้างด้วยศิลาแลงอย่างดีเป็นพระพุทธรูปที่นิยมสร้าง ในสมัยขอม ก่อนยุคสุโขทัย หลวงพ่อพระยืนทั้งสององค์ผินพระพักตร์ไปทางทิศใต้ และอยู่ห่างกันประมาณ 1.250 เมตร

นายกเทศมนตรีตำบลโคกพระ กล่าวว่า กิจกรรมภายในงาน ระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2557 ประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้า OTOP การประกวดอาหารปลอดภัย ประกวดส้มตำ ประกวดสาวงามกันทรวิชัย สาวงามประเภทสอง การแสดงดนตรีพื้นที่ และมหรสพสมโภชตลอดงาน ในวันสุดท้ายของงานซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ยังได้จัดให้มีขบวนแห่กลองยาว สวดสรภัญญะและร่วมเวียนเทียนสักการะพระพุทธมิ่งเมือง ด้วย


ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ผบ.กองกำลังสุรนารี รับมอบฝายกักเก็บและชะลอน้ำห้วยคลองยาง จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ชุมชน

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มอบฝายกักเก็บและชะลอน้ำ ห้วยคลองยาง ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ ธกส. ให้กับชุมชนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำ ดิน และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งร่วมกันปล่อยพันธ์ปลา

พลตรี ธรากร ธรรมวินธร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นประธานในการรับมอบฝายกักเก็บและชะลอน้ำ ห้วยคลองยาง ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ในกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ ธกส. โดยมีนาย ส ธนกฤต เพชรชนะ ผู้จัดการธกส. สาขาละหานทราย เป็นตัวแทนส่งมอบ เพื่อให้กับชุมชนในท้องถิ่นได้ร่วมกันดูแล และใช้ร่วมกัน เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำ ดิน และสิ่งแวดล้อม ให้มีความสมบูรณ์ สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน และเพื่อประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาว

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ เพื่อคืนสู่ธรรมชาติ เป็นแหล่งอาหารให้กับเกษตรกรในชุมชนดังกล่าว และร่วมกันปลูกหญ้าแฝก จำนวน 5,000 กอ ด้วย

ด้านนาย ส ธนกฤต เพชรชนะ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาละหานทราย กล่าวว่า การมอบฝายกักเก็บและชะลอน้ำห้วยคลองยาง ให้กับชุมชนในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างฝายกักเก็บและชะลอความชุ่มชื้นตามแนวพระราชดำริ จำนวนทั้งสิ้น 4 ฝาย ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2557 แบ่งเป็นฝายชะลอความชุ่มชื้นห้วยลำนางรอง จำนวน 2 ฝาย และห้วยคลองยาง 2 ฝาย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาว และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนกับ ธกส. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอดจนภาคีเครือข่าย ที่ทางสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้จัดทำขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง

ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์

ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมคณะ นำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์

พลตรี ธรากร ธรรมวินธร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อม พันเอก กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 พันเอก ทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 26 และคณะ นำผ้าห่มกันหนาวของกองทัพบก จำนวน 100 ผืน ไปมอบให้กับราษฎรและคนชราในพื้นที่ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีฐานะยากจน และได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็น เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่องให้ได้รับความอบอุ่น โดยมีนายสุวิทย์ พุกกะเวส นายอำเภอโนนดินแดง ให้การต้อนรับ จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างทหารกับประชาชน

ขณะเดียวกันจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ราษฎรที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของกองทัพบก โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติทั้งอุทกภัย ภัยหนาว และวาตภัย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นให้กับราษฎรที่ยากไร้ขาดแคลน

บุรีรัมย์ - ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 เปิดจุดตรวจสายยุทธศาสตร์ รับอาเซียน

ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 เปิดจุดตรวจเส้นทางสายยุทธศาสตร์ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ดร.กิติวัฒน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการชายแดน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดจุดตรวจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 ที่บริเวณจุดตรวจเส้นทางสุริยะวิถี บ้านราษฎร์รักแดน ม.9 ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ทั้งนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันและรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ป้องกันปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด การตัดไม้ทำลายป่า การหลบหนีเข้าเมือง การค้าอาวุธสงคราม ลักลอบหลบหนีศุลกากร การโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ข้ามแดน ตลอดจนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมสำคัญที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ อีกทั้งเป็นการเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558

ซึ่งตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 ได้รับมอบพื้นที่ต่อจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และได้ตั้งฐานปฏิบัติการติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 5 ฐาน ปฏิบัติการในพื้นที่ ตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับฐานปฏิบัติการถนนสุริยะวิถีนอกจากต้องรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังมีภารกิจเป็นจุดตรวจจุดสกัดเส้นทางที่เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และ อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว โดยในช่วงเวลาปกติเส้นทางดังกล่าวจะเป็นเส้นทางปิดห้ามยานพาหนะสัญจร เนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคงหากจะเปิดใช้เส้นทาง ทางหน่วยต้องได้รับอนุมัติจาก กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และจะเปิดให้ในเฉพาะช่วงเวลากลางวันเท่านั้น

พ.ต.อ.สนธยา แจงเจริญ ผกก.ตชด.21 กล่าวว่า จุดตรวจเส้นทางสายสุริยะวิถี เป็นเส้นทางทางยุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของประเทศ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ โดยในปี 2558 จะมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน พื้นที่แนวชายแดนจึงมีความสำคัญทั้งในมิติทางการค้า การดูแลด้านความมั่นคง การอำนวยความเป็นธรรมของสังคมในพื้นที่ชายแดน และดำเนินภารกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนในการดำเนินการจาก เทศบาลตำบลหนองแวง และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา

ศพของ 2 ทหารกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่จังหวัดปัตตานี เดินทางถึงจังหวัดนครราชสีมา ก่อนญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดต่อไป

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 57) เวลา 14.00 น. ที่กองบิน 1 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พลโท ชวลิต ชุนประสาน แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นประธานในพิธีรับศพ จ่าสิบเอก ทศพร โชติกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 และศพจ่าสิบโท รุ่งเรือง กล้ารบ สังกัด กองพันซ่อมบำรุงที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ที่ถูกกลุ่มก่อความไม่สงบลอบวางระเบิด หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่จุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านอยู่ในจุดตรวจเมื่อคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้น นายจักตรา พรหมแก้ว ปลัดอำเภอโคกโพธิ์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ได้จุดชนวนระเบิดรถยนต์ของนายจักตราขณะเดินทางกลับ แล้วกราดยิงซ้ำทำให้นายจักตราฯเสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้นำกำลังเข้าสมทบ ระหว่างเดินทางคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง ทำให้จ่าสิบเอก ทศพรฯ และจ่าสิบโท รุ่งเรืองฯ เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้าของผู้บังคับบัญชา เพื่อนข้าราชการทหารและบรรดาญาติพี่น้องที่มาร่วมในพิธี สำหรับศพของจ่าสิบเอก ทศพรฯ จะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสุทธจินดา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ส่วนศพของจ่าสิบโท รุ่งเรืองฯ ญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดกัลยาณมิตราราม บ้านหนองยาง ตำบลลำไทร อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์

ผู้ว่าฯขอนแก่น เยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ที่บริษัทฟินิค พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  และคณะเยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ที่บริษัทฟินิค พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด  เพื่อรับทราบปัญหา  และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับเอกชน

นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  ได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานประกอบการ  โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษที่บริษัทฟินิค  พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทปูนซีเมนต์ไทย (SCG) ที่หมู่ที่  3 ตำบลกุดน้ำใส  อำเภอน้ำพอง  จังหวัดขอนแก่น  โดยมี  นายอำนวย  ผลพืช  ผู้จัดการใหญ่ให้การต้อนรับ  และบรรยายสรุปกระบวนการผลิตกระดาษ  และเยื่อกระดาษของบริษัทฟินิค พัลพ แอนด์ เพเพอร์  จำกัด  ผู้ผลิตกระดาษไอเดีย  ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งด้านอากาศ และน้ำจากกระบวนการผลิต  ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงาน

จากนั้น  คณะของผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการไร่นา สวน  ผสม  ของบริษัทที่นำน้ำที่ได้จากการบำบัดน้ำเสียแล้วมาใช้ในการปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์  โดยผ่านการตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีสารเคมีตกค้าง



สมพงษ์  ปัตตานี/ข่าว/อารมย์/พิมพ์

ขอนแก่นเตรียมพร้อมการป้องกันไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้งปี 2557


นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่าในช่วงหน้าแล้งของทุกปีระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน มักประสบกับปัญหาไฟป่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาวิกฤติมลพิษหมอกควันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต สุขภาพอนามัยของประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 65 จังหวัด และจังหวัดขอนแก่นเป็น 1 ใน 25 จังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าสูงเพื่อให้การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันปี 2557 ขอนแก่นจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัดโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์อำนวยการฯ ในระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่ และมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนชุมชน ภาคประชาชน องค์กร มูลนิธิร่วมเป็นกรรมการในทุกระดับ รณรงค์ ขอความร่วมมือ และควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชนและเขตเกษตรกรรม โดยให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดระบบการจัดเก็บ คัดแยก จัดการขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี และควบคุมการเผาขยะมูลฝอยในเขตชุมชน และห้ามการเผาหญ้าในบริเวณริมทางโดยเด็ดขาด รวมทั้งส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์แทนการเผา ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภัย เช่น การใช้วัตถุไวไฟ การเผาในที่โล่ง การปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลสำคัญตามประเพณีของแต่ละ พื้นที ตลอดจนชี้แจงเกษตรกรในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกด้วยวิธีไถกลบวัชพืชแทนการเผา. ดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ และจัดเตรียมเครื่องมือ ยานพาหนะ อุปกรณ์การดับเพลิงและกู้ภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น พร้อมทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่าใกล้ชิด ขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ให้งดเว้นการจุดไฟใกล้บริเวณแนวป่าโดยเด็ดขาด รวมทั้งรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการป้องกัน การปฏิบัติตนเมื่อเกิดไฟป่า และผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม



ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น