วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

มมร.ร้อยเอ็ด จัดการแข่งขันการขับร้องทำนองสรภัญญะเพื่อการอนุรักษ์ประเพณีอีสานและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

มมร.ร้อยเอ็ด จัดการแข่งขันการขับร้องทำนองสรภัญญะเพื่อการอนุรักษ์ประเพณีอีสานและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 8 กันยายน 2556  นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ประเพณีขับร้องทำนองสรภัญญะ ประจำปี 2556 ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด

ผู้ช่วยศาสตราจารย์  ดร.สุรพันธ์  สุวรรณศรี  ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ อนุรักษ์ส่งเสริมประเพณีขับร้องทำนองสารภัญญะให้คงอยู่ตลอดไป, สนับสนุนการมีส่วนร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยกับคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนประชาชนในท้องถิ่น ร่วมสืบสานประเพณีขับร้องทำนองและการประกวดสรภัญญะและเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอีสานให้เป็นวัฒนธรรมของชาติในโอกาสต่อไป

นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้นับว่าเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม  ข้าราชการประชาชน นักเรียน นักศึกษา ในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2556 เพื่อเป็นปัจจัยในการพัฒนาประเทศให้เหมาะสมกับสภาพของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปและยกระดับคุณธรรมจริยธรรมให้สูงขึ้น สมควรที่ทุกภาคส่วนให้การร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจัง

กิจกรรมในวันนี้ มีการประกวดร้องทำนองสรภัญญะ ประเภทประชาชนทั่วไป, ประเภทนักเรียน นักศึกษาและการประกวดแข่งขันกลองยาวพื้นบ้าน  นอกจากนี้ยังมีการออกบูธโชว์ รูปแบบบ้านเรือนและความเป็นอยู่แบบแบบโบราณ  การดำรงชีวิตการทำงานภายในครัวเรือน ของราษฎรชาวอีสานเหนือ,อีสานใต้  และชาวผู้ไท อีกด้วย จัดกิจกรรมโครงการระหว่างวันที่ 7 – 8 กันยายน 2556 ณ  มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด




คมกฤช  พวงศรีเคน  ข่าว/ภาพ
กมลพร  คำนึง  บก.ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด  043-527117

ทีมเซปัคตะกร้อหญิง จ.ร้อยเอ็ด แชมป์ตัวแทนภาค 3 เข้าชิงสุพรรณบุรีเกมส์

ผู้จัดการทีมเซปัคตะกร้อหญิง เผยทีมเซปัคตะกร้อหญิง จ.ร้อยเอ็ด ได้แชมป์ กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์” เตรียมเข้าชิงการแข่งขันกีฬาฯ "สุพรรณบุรีเกมส์” ต้นเดือนมกราคม ศกนี้

นายชูศักดิ์  ปะภาศรี ผู้จัดการทีมเซปัคตะกร้อหญิง จ.ร้อยเอ็ด/ผู้อำนวยการโรงเรียนสุวรรณภูมิวิทยาลัย อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ระบุว่า การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 คัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์” ระหว่างวันที่ 2 – 12 กันยายน 2556 ที่ จ.ร้อยเอ็ด ครั้งนี้ ปรากฏว่าทีมเซปัคตะกร้อหญิง ได้แชมป์เหรียญทอง เป็นตัวแทนภาค 3 ของ 20 จังหวัดภาคอีสาน เข้าชิงการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 "สุพรรณบุรีเกมส์”  ที่ จ.สุพรรณบุรี 5 – 15 มกราคม ศกนี้ แน่นอน ซึ่งทีมเซปักตะกร้อหญิงดังกล่าว เป็นลูกหลานชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และคาดหวังว่าทีมเซปักตะกร้อหญิงร้อยเอ็ดแชมป์การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ "สุพรรณบุรีเกมส์” แน่นอน

ทีมเซปักตะกร้อหญิง จ.ร้อยเอ็ด นายสิทธิ์ แก้วคำไสย์ เป็นโค้ช และนายวันฉัตร ชาติประเสริฐ ผู้ช่วยโค้ช และนายชัยรัตน์ อิสรากุล ผู้ควบคุมทีม ทีมดังกล่าวเคยชนะการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประเภททีมเดี่ยว 5 สมัยติดต่อกัน มีนักกีฬาที่เป็นตัวโดดเด่น น.ส.ปริมประภา แก้วคำไสย์ น.ส.สุวนันท์ แก้วคำไสย์ และน.ส.ธัญญารัตน์ สีน้ำคำ และสนามแข่งขันที่ จ.ร้อยเอ็ด เคยสร้างนักกีฬาทีมชาติ คือ น.ส.นิตินัดดา แก้วคำไสย์  เซปักตะกร้อ อดีตทีมชาติไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดร้อยเอ็ดและประเทศไทย หรือฉายาเพชรฆาตเงียบ




กมพล คำนีง/ข่าว
8 ก.ย. 56

โคราชยังครองเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 “ร้อยเอ็ดเกมส์” 52 เหรียญทอง ตามด้วยอุบลราชธานี 27 เหรียญทอง ร้อยเอ็ดเจ้าภาพรั้งอันดับที่ 5 ได้ 9 เหรียญทอง

วันนี้ (8 ก.ย. 56) เวลา 09.10 น. ณ ศูนย์บริการสื่อมวลชน การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด นายปราโมทย์  เอกก้านตรง ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด  ร่วมกับ ดร.พรชัย ผาดไธสง รองอธิการมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ได้ร่วมแถลงข่าวสรุปผลการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์”  โดยผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด ได้สรุปตารางเหรียญการแข่งขันฯ ประจำวันที่ 7 กันยายน 2556 ตามลำดับปรากฏว่า จังหวัดนครราชสีมายังคงเป็นจังหวัดเจ้าเหรียญทอง ได้ 52 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รวม 83 เหรียญ ลำดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ 27 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน 19 เหรียญทองแดง รวม 59 เหรียญ ลำดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ 13 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง รวม 41 เหรียญ และจังหวัดขอนแก่น ลำดับที่ 4 ได้ 10 เหรียญทอง 20 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง รวม 56 เหรียญ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ 9 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 13 เหรียญ จังหวัดมหาสารคาม 8 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รวม 31 เหรียญ อำนาจเจริญ 7 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง รวม 17 เหรียญ จังหวัดสกลนคร 7 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง รวม 15 เหรียญ จังหวัดอุดรธานี   6 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 11 เหรียญทองแดง รวม 26 เหรียญ จังหวัดสุรินทร์  6 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง รวม 23 เหรียญ จังหวัดเลย 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ จังหวัดหนองคาย 5 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 13 เหรียญ จังหวัดชัยภูมิ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ จังหวัดยโสธร 1 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 15 เหรียญทองแดง รวม 24เ เหรียญ จังหวัดบุรีรัมย์ 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 9 เหรียญ จังหวัดบึงกาฬ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 4 เหรียญ จังหวัดกาฬสินธุ์ 1 เหรียญทอง รวม 1 เหรียญ จังหวัดหนองบัวลำภู 4เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ จังหวัดนครพนม 4 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 6 เหรียญ จังหวัดมุกดาหาร ยังไม่มีเหรียญ

ดร.พรชัย  ผาดไธสง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด กล่าวด้วยว่า ตามที่ได้มีฝนตกหนักในคืนที่ผ่านมา ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพของสนามการแข่งขันกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันกีฬากลางแจ้งแต่อย่างใด




วิมล  เร่งศึก/ข่าว
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
8 ก.ย. 58

โคราชยังนำโด่งในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 “ร้อยเอ็ดเกมส์” ได้ 46 เหรียญทอง ร้อยเอ็ดเจ้าภาพ อันดับ 4 ได้ 9 เหรียญทอง

วันที่ 7 ก.ย.56  เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการสื่อมวลชน การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์”  นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด และนายปราโมทย์  เอกก้านตรง ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด ได้สรุปเหรียญการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 รอบคัดเลือกตัวแทน ภาค 3 "ร้อยเอ็ดเกมส์”  ประจำวันที่ 6 กันยายน 2556    โดยสรุปเหรียญการแข่งขันตามลำดับ ดังนี้  จังหวัดนครราชสีมา ได้  46 เหรียญทอง 19 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 69 เหรียญ,  จังหวัดอุบลราชธานี ได้ 21 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 15 เหรียญทองแดง รวม 46 เหรียญ, จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดศรีสะเกษ 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง รวม 39 เหรียญ จังหวัดร้อยเอ็ด 9 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 12 เหรียญ  จังหวัดขอนแก่น  7 เหรียญทอง  เงิน 18 เหรียญเงิน  22 เหรียญทองแดง รวม 47 เหรียญ จังหวัดมหาสารคาม 7 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง รวม 27 เหรียญ  จังหวัดสกลนคร 7 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 14 เหรียญ จังหวัดสุรินทร์ 6 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รวม 22 เหรียญ จังหวัดอุดรธานี 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รวม 19 เหรียญ  จังหวัดเลย 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ จังหวัดชัยภูมิ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 5 เหรียญ จังหวัดยโสธร 1 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 15 เหรียญทองแดง รวม 24 เหรียญ จังหวัดบุรีรัมย์ 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 9 เหรียญ จังหวัดบึงกาฬ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 4 เหรียญ จังหวัดอำนาจเจริญ 1 เหรียญทอง รวม 1 เหรียญ จังหวัดกาฬสินธุ์ 1 เหรียญทอง รวม 1 เหรียญ  จังหวัดหนองบัวลำภู 4 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ จังหวัดนครพนม 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 4 เหรียญ  จังหวัดหนองคาย 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 2 เหรียญ จังหวัดมุกดาหาร ยังไม่มีเหรียญ

นายสมศักดิ์  ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด แถลงด้วยว่า ชาวจังหวัดร้อยเอ็ดให้ความสนใจเดินทางไปชมการแข่งขันกีฬาทุกประเภท ทำให้บรรยากาศของการแข่งขันของแต่สนามเป็นไปด้วยความคึกคัก สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจังหวัดเจ้าภาพของการแข่งขันอยู่ในลำดับที่  4 ของการแข่งขัน ได้ 9 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 12 เหรียญ  เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้





วิมล  เร่งศึก/ข่าว
กมลพร  คำนึง/บก.ข่าว
7 ก.ย. 56

การฝึกซ้อมค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยประจำปี 2556 “SAREX2013”

กองทัพอากาศ เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยประจำปี 2556 "SAREX2013” เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการสร้างความเชื่อมมั่นแก่ประชาชน ดังคำขวัญที่ว่า"เราฝึกเพื่อความพร้อม เราซ้อมเพื่อช่วยชีวิต”

ที่โรงเก็บไทแอม กองบิน 23 เช้าวันนี้ ( 7 ก.ย.56 ) นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานคณะกรรมการแห่งชาติ ในการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือประสบภัย เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย SEARCH AND RESCUE EXERCIS หรือ SAREX 2013 ครั้งที่ 33 โดยมีนายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พลตรีสิทธิ จันทร์สมบูรณ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่24 หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ร่วมงาน

พลอากาศตรีสุรศักดิ์ ทุ่งทอง เสนาธิการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ กองทัพอากาศ กล่าวว่า การฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย ได้จัดเป็นประจำทุกปีหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ในปีนี้กองทัพอากาศได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ จึงมีพันธะกรณีของประเทศที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ตลอดจนอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยของชีวิตทางทะเล จึงมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัยแห่งชาติ เพื่อเป็นหน่วยกลางในการอำนวยการ และประสานงานในภารกิจนี้ การจัดฝึกซ้อมในปีนี้ มีหน่วยงานต่างๆ ร่วมในการฝึกซ้อม อาทิ กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองบัญชาการกองทัพไทย,กรมการบินพลเรือน,กรมฝนหลวงและการบินเกษตร,สำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ,กรมประชาสัมพันธ์ ,การท่าเรือแห่งประเทศไทย ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,สถานบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ , สถาบันการบินพลเรือน ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม ,บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ,บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน),บริษัท ท่อากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) ,สำนักงบประมาณ,กรมเจ้าท่า ,กรมการปกครอง ,กรมกงศุล ,กรมอุตุนิยมวิยา ,กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,การท่าอากาศยานอุดรธานี ,บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน),สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ,สมาคมกีฬาการบิน(ประเทศไทย) ,สมาคมสโมสรการบินพลเรือน,สมาคมนักวิทยุอาสาสมัคร,มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยฯ และจังหวัดอุดรธานี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในระบบการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย ทั้งการวางแผน การประสานงาน การอำนวยการ การควบคุมและการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดทักษะความพร้อมความชำนาณ อีกทั้งยังเป็นการทบทวนการปฏิบัติตามแผนค้นหาและช่วยเหลือแห่งชาติ เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ ขีดความสามารถ ศักยภาพ ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้รับทราบและเข้าใจถึงขั้นตอนการสนับสนุนการช่วยเหลือเมื่อมีอากาษยานประสบภัย โดยแบ่งการฝึกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นเตรียมการ ขั้นทดสอบข่ายการติดต่อสื่อสาร และการฝึกภาคทฤษฎี ขั้นการฝึกปฏิบัติจริงและขั้นการประเมินผลการฝึกซ้อมฯ เพื่อทำให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีความมั่นใจในการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์เร่งด่วน พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆตลอดจนประเทศข้างเคียงที่เข้าร่วมสังเกตุการณ์ฝึกซ้อม เพื่อจะนำมาประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากที่สุด พร้อมกันนี้ในการฝึกซ้อมฯครั้งนี้ยังจัดให้มีการจัดแสดงนิทรรศการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่เข้าร่วมการฝึก การจัดแสดงภาพ อุปกรณ์เกี่ยวกับอากาศยาน เรือ เครื่องมือเครื่องใช้ บริภัณฑ์ต่างๆ ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบัย รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆด้วย

สำหรับการฝึกซ้อมฯในครั้งนี้มีการจำลองเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศกรณีเครื่องบินโบร์อิ่ง 747 ขอลงฉุกเฉินเนื่องจากไฟไหม้เครื่องยนต์และตัวเครื่อง ขณะร่อนลงเครื่องไถล่ ออกนอกลันเวย์ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ต้องทำการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุ คัดแยกผู้ป่วย และการส่งต่อผู้ป่วยทางพื้นราบหรือทางรถ และการเคลื่อนย้ายผู้ปล่อยทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนครั้งนี้เป็นการบูรณาการของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในสถานการณ์จริง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุหน่วยงาน จะได้มีการบูรณาการทำงานอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ ซึ่งในการฝึกซ้อมใหญ่ครั้งนี้เป็นการฝึกซ้อมใหญ่ที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เป็นการจัดฝึกซ้อมตามแผนของคณะอนุกรรมการแห่งชาติที่ดูแลเรื่องนี้ ทั้งนี้ประชาชนมั่นใจได้หากเกิดภัยทางอากาศยาน เรือ ที่ประสบภัยทุกหน่วยงานมีความพร้อมที่ปฏิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศและทุกสถานการณ์




ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ 

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ส่งมอบบ้านโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดอุบลราชธานี (ห้วยคุ้ม) จำนวน ๔๓๙ หน่วย ให้ผู้สั่งจอง

วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๖ ณ บริเวณที่ตั้งโครงการ (ห้วยคุ้ม) นายชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานมอบส่งมอบบ้านโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดอุบลราชธานี (ห้วยคุ้ม) จำนวน ๔๓๙ หน่วยสำหรับผู้ที่สั่งจอง โดย การเคหะแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี (ห้วยคุ้ม) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถนนชยางกูร ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จัดสร้างบนพื้นที่ประมาณ ๙๒.๒๒ ไร่ ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ๒ ชั้น ๒ ห้องนอน ๑ ห้องน้ำ ๑ ห้องนั่งเล่น ขนาดที่ดินต่อหลังประมาณ ๒๑ ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอย ๕๕ ตารางเมตร จำนวน ๔๓๙ หน่วย พร้อมระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการครบครัน อาทิ ถนน ทางเท้า ระบบบำบัดน้ำเสีย ศูนย์ชุมชน สวนหย่อม สนามเด็กเล่น ลานกีฬาชุมชน และลานค้าชุมชน เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ การก่อสร้างโครงการเสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งมอบให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัย และมีประชาชนให้ความสนใจจองเต็มโครงการแล้ว ทั้งนี้ ภายหลังการส่งมอบการเคหะแห่งชาติจะเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการชุมชนของตนเอง และเป็นชุมชนที่เข้มแข็งน่าอยู่น่าอาศัยอย่างยั่งยืน สำหรับในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินการพัฒนาและจัดสร้างที่อยู่อาศัย โครงการบ้านเอื้ออาทร รวมทั้งสิ้นจำนวน ๒,๕๑๙ หน่วย ประกอบด้วย บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี ๑ (ห้วยคุ้ม) ๔๙๐ หน่วย, บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี ๒ (ม.ราชธานี) ๓๓๔ หน่วย, บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี ๓ (วารินชำราบ) ๔๓๔ หน่วย, บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี (ตระการพืชผล) ๓๗๕ หน่วย, บ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี (ช่องเม็ก) ๔๔๖ หน่วย และบ้านเอื้ออาทรอุบลราชธานี ๔ (ห้วยคุ้ม) ๔๓๙ หน่วย

กรมค้าภายในจัดงานธงฟ้าราคาประหยัดกระตุ้นเศรษฐกิจ ระดับภาค ครั้งที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน และเลือกซื้อสินค้าราคาถูก

(7 ก.ย. 56) นางนภา ศกุนตนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  เป็นประธานเปิดงานธงฟ้าราคาประหยัดกระตุ้นเศรษฐกิจระดับภาค ครั้งที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี โดยกรมการค้าภายในจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10  กันยายน 2556 เริ่มจำหน่ายตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น. – 21.00 น.  ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี (หลังเก่า) มีร้านค้ากว่า 100  ร้านจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและผู้ประกอบการในจังหวัดอุบลราชธานี   นำสินค้า ประเภทสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นแก่การครองชีพมาจำหน่าย ในราคาประหยัดต่ำกว่าท้องตลาด  เช่น น้ำมันพืช ปริมาณ 1 ลิตร ราคาขวดละ 27   บาท ,ไข่ไก่ ถาดละ  70 บาท  น้ำตาลทรายขาว  กิโลกรัมละ 19  บาท นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือการเกษตร, สินค้าโอท๊อป เสื้อผ้า และอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งนี้รัฐบาลได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงได้มีนโยบายเร่งด่วนให้หน่วยงานราชการทุกกระทรวงดำเนินมาตรการลดรายจ่ายในครัวเรือนของประชาชน  เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพ แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

สุรินทร์จัดงานมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ 2556 ส่งเสริมให้เยาวชนได้พัฒนา และแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

จังหวัดสุรินทร์ โดย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชน จังหวัดสุรินทร์ จัดงานมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ 2556 เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้พัฒนา และแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

วันที่ 7 ก.ย.56 เวลา.11.00 น. ที่ห้องริมธารา สวนป่ารีสอร์ท อำเภอเมืองสุรินทร์ นายสมพร สันทัด ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เล็งเห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชน และยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชน ให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านต่างๆ พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตอาสา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์มีวินัยเสียสละซื่อสัตย์มีความรับผิดชอบ และเพื่อเป็นการเสริมสร้างให้เด็กมีความรู้ทักษะชีวิตด้านต่างๆและมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดการแก้ปัญหาในสังคม มีจิตสาธารณะ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีเวทีแสดงออกในเชิงบวก สามารถแสดงความรู้ความสามารถของตนเองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความรักสามัคคี และที่สำคัญยังช่วยให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป

กิจกรรมมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย นักเรียนนักศึกษาจากสถานศึกษาของรัฐและเอกชน สภาเด็กและเยาวชนอำเภอทุกอำเภอ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชน และประชาชนทั่วไป ประมาณ 800 คน เข้าร่วมแสดงออกและเรียนรู้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยมีการการมอบโล่ให้แก่เยาวชน องค์กร และเครือข่ายดีเด่นจังหวัดสุรินทร์ประจำปี 2556

สำหรับกิจกรรมภายในงาน การจัดเวทีวิเคราะห์สะท้อนปัญหาเด็กและเยาวชน ที่ชัดเจนคือปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และแสดงแนวความคิดทางการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนชม การแสดงดนตรีลูกทุ่ง การเต้น COVER ชมการแสดง B-BOY การแสดงผลงานของสภาเด็กและเยาวชนอำเภอ และหน่วยงาน ชมการแสดงรำศิลปะพื้นบ้าน จากโรงเรียนเขวาสินรินทร์ มีการแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน และตอบปัญหาชิงรางวัลและของที่ระลึกอีกมากมาย




กำชัย วันสุข ส.ปชสงสุรินทร์ ภาพ/ข่าว

เยาวชนจากค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” มหาสารคาม จุดเทียนอุดมการณ์ ปวารณาตนเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

กลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ในค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกันจุดเทียนอุดมการณ์ ปวารณาตนเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำความดี ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ภายในหอประชุมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วนกลุ่มเยาวชนจำนวน 50 คน จากค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” หัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 25 สถานี และ วิทยากรกระบวนการเอาชนะยาเสพติด ร่วมกันจุดเทียนอุดมการณ์ ปวารณาตนเอง ทำความดี พร้อมมุ่งมั่นที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และน้อมนำแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในท้องถิ่น เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ได้จุดเทียน แล้วจุดต่อให้กับผู้ร่วมอบรม อันเป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่กลุ่มเยาวชนในนาม "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” และผู้เกี่ยวข้อง ได้ถวายสัจจะวาจาในการอาสาทำความดีเพื่อแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ค่าย "สุภาพบุรุษพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม -8 กันยายน 2556 รวมระยะเวลา 20 วัน โดยตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนจากการคัดกรองของอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดมหาสารคาม รวม 50 คน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง มาเข้ารับการอบรม โดยใช้สถานที่ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เป็นสถานที่ฝึกอบรม มุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เป็นผู้มีบุคลิกที่สง่างาม มีวินัย มีความสามัคคี สามารถที่จะปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมให้เป็นผู้มีจิตอาสา พร้อมให้การช่วยเหลือสังคม ให้ความร่วมมือในการช่วยกันพัฒนาสังคมให้เกิดความสุข และเมื่อผ่านการอบรมครบตามหลักสูตรแล้ว จะมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มอาสาพลังแผ่นดิน ในระดับจังหวัดและอำเภอต่อไป




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพอใจผลงาน จ.มหาสารคาม 1 ใน 10 เมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์

รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาพอใจผลงาน ของจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะ "เมืองแห่งการเรียนรู้ สู่การพัฒนาชุมชน” ซึ่งเป็น 1 ใน 10 เมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพร้อมผลักดันให้เป็นเมืองต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา

นางดวงพร รอดพยาธิ์ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานในโอกาสที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้พิจารณาคัดเลือกให้จังหวัดมหาสารคาม "เมืองแห่งการเรียนรู้ สู่การพัฒนาชุมชน” เป็น 1 ใน 10 เมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพิจารณาให้เป็นเมืองต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมจำนวน 1 ล้าน โดยมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะทำงานเมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดมหาสารคาม ร่วมต้อนรับและนำเสนอผลการดำเนินงาน

จังหวัดมหาสารคาม ได้ดำเนินกิจกรรมสำคัญ ในการเป็นเมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมเป็นเมืองต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ใน 5 กิจกรรม คือ การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ชั้นที่ 1 อาคารอุทยานการเรียนรู้มหาสารคาม (MK Park) กิจกรรมการพัฒนาเสื่อกก ภายใต้แนวคิด "เสื่อกก เสื่อชีวิต เสื่อเศรษฐกิจ เสื่อบ้านแพง” กิจกรรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรผู้เพาะพันธุ์ปลา กิจกรรมข้าวอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และกิจกรรมการจัดทำและพัฒนาเวบไซต์ www.Mahasarakham Creative City.com ซึ่งจะนำกิจกรรมทั้งหมด พร้อมภาพพาโนลามาสถานที่จริง เผยแพร่ให้ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปได้รับทราบและเรียนรู้      
รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า พอใจกับกิจกรรมของจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งได้พัฒนาให้เป็นเมืองต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา อย่างไรก็ตามคณะทำงานจะต้องมีการจัดเก็บรายละเอียด ความน่าสนใจ มาถ่ายทอดผ่านสื่อเวบไซต์ที่ได้มีการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น ให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลแก่ผู้สนใจทั่วไปก่อนลงสถานที่จริง




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว

ทุกภาคส่วนในจังหวัดมหาสารคามร่วมเวทีโสเหล่ เสียงพลเมืองเปลี่ยนมหาสารคาม

ทุกภาคส่วนในจังหวัดมหาสารคาม ร่วมเวทีเสวนา "โสเหล่เข้มข้นคนมหาสารคาม : เสียงพลเมืองเปลี่ยนมหาสารคาม” พร้อมอยากเห็นจังหวัดมหาสารคามเป็นเมืองสุขภาวะที่ดี พลเมืองมีจิตสาธารณะ

ในการจัดเวทีเสวนา "โสเหล่เข้มข้นคนมหาสารคาม : เสียงพลเมืองเปลี่ยนมหาสารคาม” ในงานมหกรรม โฮมแฮง ฮักแพง เบิ่งแงง คนมหาสารคาม ที่สภาฮักแพง เบิ่งแงง คนมหาสารคาม ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-6 กันยายน 2556 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งวันสุดท้าย ในภาคบ่าย ได้มีการรวมพลังภาคประชาชน เพื่อร่วมกันแสดงความเห็นต่อการพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม โดยมีนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ร่วมระดมความเห็น

นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า แนวทางของการพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม ในฐานะผู้ดูแลนโยบาย พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการผลักดันให้จังหวัดมหาสารคาม เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองแห่งการศึกษา ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะปรับพื้นที่บางส่วนที่ไม่สามารถปลูกข้าวได้ ให้เป็นแหล่งปลูกอ้อย เพื่อป้อนสู่โรงงาน โดยหวังให้จังหวัดมหาสารคาม เป็นแหล่งผลิตพืชเกษตรเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค

ทั้งนี้ในเวที "โสเหล่เข้มข้นคนมหาสารคาม : เสียงพลเมืองเปลี่ยนมหาสารคาม” ผู้ร่วมเสวนา อยากเห็นจังหวัดมหาสารคามเป็นเมืองสุขภาวะที่ดี พลเมืองมีจิตสาธารณะ มีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดมหาสารคาม




ส.ปชส.มหาสารคาม/ข่าว