วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คณะทำงานคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท) อุบลราชธานี ร่วมคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 1,046 คน ที่ตกหล่น เพื่อตรวจสอบประวัติพิจารณาให้การช่วยเหลือครอบครัว ส่งเสริมสนับสนุนในการประกอบอาชีพ

วันนี้ (12 มิ.ย. 56) ที่ห้องประชุม กองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในจังหวัดอุบลราชธานี คณะทำงานคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท) ได้ดำเนินการ คัดกรองกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีคณะกรรมการคัดกรอง 4 ฝ่ายประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ หน่วยงานปกครอง และอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย รวม 10 คนโดยมี พ.อ.เวิน จำปา รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในจังหวัดอุบลราชธานี (ฝ่ายทหาร) เป็นประธานกรรมการคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย( ผรท.)

การคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย( ผรท.) ของจังหวัดอุบลราชธานี กองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในจังหวัดอุบลราชธานี( กอ.รมน.) ได้ดำเนินการคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย( ผรท.).ที่ยื่นแบบคำร้องขอความช่วยเหลือ 1,406 คน ต้องเกิด ในปี พ.ศ.2509 หรือก่อนและมีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีผู้แสดงตนเป็นทหารกองกำลังติดอาวุธ จำนวน 80 คนเพื่อขอรับเข้าการคัดกรองเบื้องต้นนั้นโดยมีการตรวจสอบประวัติ จากนั้นจะให้ ผรท.สาบานตนว่าจะให้ข้อมูลที่เป็นจริง และคณะกรรมการทำการตรวจสอบคัดกรองโดยคำถามที่ต่างกันไป สำหรับแนวทางการช่วยเหลือครอบครัวที่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย กองกำลังติดอาวุธที่ตกหล่นเท่านั้น หากไม่พบหลักฐานที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์จะพิจารณาแยกกลุ่มให้การช่วยเหลือในรูป แบบอื่นโดยทางรัฐบาลซึ่งอยู่ระหว่างหาแนวทางการปฏิบัติ ทั้งนี้เริ่มคัดกรองตั้งแต่วันที่ 11 -25 มิถุนายน 2556 และในวันนี้ พล.ต.ชาญชัย ภู่ทอง รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน คณะทำงานคัดกรองผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) อุบลราชธานี และเชื่อมั่นการให้ความช่วยเหลือต้องถูกต้อง มีความยุติธรรม และโปร่งใส.



จักรกฤษณ์ มาลาสาย /ข่าว

ทองปัก ทวีสุข/ภาพ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ จัดแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย Young DPR AwardS ปีที่ 3

เมื่อวันที่ 12 มิถุนยาน 2556 เวลา 10.00 น ณ หอประชุมวัฒนธรรมจังหวัดสรีสะเกษ นายพินิจ วงษ์โสภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานจัดการแข่งขันตอบปัญหาประชาธิปไตย Young DPR AwardS ปีที่ 3 ระดับจังหวัด ตามโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประจำปี 2556 ของกรมประชาสัมพันธ์ โดยมีสถานศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ ส่งทีมนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทีมละ3 คน เข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 9 โรงเรียน ผลปรากฏว่า ทีมชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนกันทรารมย์ ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณ รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่โรงเรียนสตรีศิริเกศ. ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณและรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนขุขันธ์ ได้รับ เงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณ การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชน ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนตามระบอบประชาธิปไตย และกระตุ้นจิตสำนึกในการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น รวมถึงการแสดงออกตามวิถีทางในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง เหมาะสม สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขให้แก่เยาวชนและประชาชน และเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เพื่อการประชาสัมพันธ์ระบอบ ประชาธิปไตยไปสู่กลุ่มเป้าหมายวัยเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย นอกจากนี้ทีมชนะเลิศยังจะได้เป็นตัวแทนของจังหวัดศรีสะเกษ ไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับเขต ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี อีกด้วย 

โรงเรียนเลยพิทยาคม ต้อนรับภาคีเครือข่ายโรงเรียนมัธยมบุนเลย์ ประเทศสิงคโปร์

ที่โรงเรียนเลยพิทยาคม จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 เลย-หนองบัวลำภู นายไพโรจน์ พรมสอน รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 นายธวัช มูลเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนเลยพิทยาคม นายโกศล บุญไชย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน เลยพิทยาคม ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา นายกสมาคมครูและผู้ปกครอง นายกสมาคมนักเรียนเก่า ผู้มีเกียรติ ครู นักเรียนโรงเรียนเลยพิทยาคม ร่วมให้การต้อนรับ Mr.Victor Giam Chong Guan ผู้อำนวยการโรงเรียน Boon Lay Secondary School ประเทศสิงคโปร์ และคณะครู นักเรียน จำนวน 25 คน ในโอกาสที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการจัดการศึกษาและวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน 2556 ในการนี้ได้มีการจัดพิธีรับครู นักเรียนโดยตัวแทนนักเรียน English program (EP) และนักเรียนห้องเรียนพิเศษ ร่วมกันขับร้องเพลงมาร์ทเลยพิทย์ ทั้งภาคภาษาไทย ภาคภาษาอังกฤษ และเพลงอาเซียน ขณะเดียวกัน Mr.Victor Giam Chong Guan ผู้อำนวยการโรงเรียน Boon Lay Secondary School ประเทศสิงคโปร์ เดินนำคณะครู นักเรียน ขึ้นไปหย่อนหินใส่ขวดโหล ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการศึกษาและวัฒนธรรมร่วม กัน โรงเรียนเลยพิทยาคมได้จัดเตรียมกำหนดการเพื่อต้อนรับ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการจัดการศึกษา และวัฒนธรรมไว้มากมาย การเข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองเลย สักการะศาลเจ้าพ่อกุดป่อง สักการะพระธาตุศรีสองรักษ์ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เที่ยวชมสวนสาธารณและทิวทัศน์รอบตัวเมืองเลย ชมความงามของวนอุทยานแห่งชาติภูเรือ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย,สวนหินผางาม อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย, ถนนคนเดินถนนชายโขง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สุสานหิน จังหวัดหนองบัวลำภู ฝึกทักษะทำพานไหว้ครูและร่วมไหว้ครูร่วมกับนักเรียนโรงเรียนเลยพิทยาคม เยี่ยมครอบครับของคู่บัดดี้ นักเรียนเลยพิทยาคมที่คอยอำนวยความสะดวก เป็นต้น

อำเภอด่านซ้ายปลูกป่า 300 ไร่ วันสิ่งแวดล้อมโลก

นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พร้อมด้วยนายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเลย, พ.ต.อ.จักรภพ ท้าวฤทธิ์ ผกก.สภ.ด่านซ้าย, พ.ต.ท.จำเนียร จันทร์ค้ำ ผบ.ตชด.247 กรมทหารพรานที่ 21 หน่วยรักษาป่าด่านซ้าย อส.ที่ 7 อำเภอด่านซ้าย นำเจ้าหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านน้ำพุง ตำบลป่ง อำเภอด่านซ้าย ร่วม 300 คน ร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันสิ่งแวดล้อมโลกในโครงการปลูกป่าแหล่งน้ำชะนาแป ถวายในหลวง ประปาน้ำทรัพย์ บ้านน้ำพุง หมู่ 3 ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย ฯ กว่า 300 ไร่ โครงการปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติฯ ในวันสิ่งแวดล้อมโลกในโครงการปลูกป่าแหล่งน้ำชะนาแป ถวายในหลวง ให้กับชุมชน ร่วมกันดูแลรักษา เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการทำการเกษตร แก้ไขปัญหาความแห้งแล้ง เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า ที่มีสภาพเสื่อมโทรมให้ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ และเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่สาธารณะในเขตชุมชนท้องถิ่น เพื่อปลูกฝังจิตรสำนึกให้ราษฎรในท้องถิ่น มีใจรักต้นไม้ รักป่า หวงแหนทรัพยากรป่าไม้และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยในวันนี้ภาครัฐร่วมกับชาวบ้านร่วมกันปลูกป่ากว่า 300 ไร่ นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเลย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ โครงการ 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี ส่วนในประเทศไทยฤดูกาลฟ้าฝนได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากสภาพป่าถูกทำลายบุกรุกมาก จึงได้มีโครงนี้เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดเลยมีการปลูกป่าฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ 6,337 ไร่ ซึ่งโครงการนี้ได้มีการสำรวจพื้นที่ปลูกป่าในพื้นที่จังหวัดเลยเกือบทุก อำเภอ โดยมีหน่วยงานของกรมป่าไม้ ได้รับมอบหมายในการดำเนินการปลูกป่า 3,000 ไร่ และกรมอุทยานแห่งชาติรับผิดชอบปลูกป่า 3,000 ไร่ ในพื้นที่ป่าที่เสื่อมโทรม และเร่งปลูกป่าให้คืนตามธรรมชาติดังเดิม ในวันนี้จึงได้ร่วมกับอำเภอด่านซ้ายและชาวบ้าน ร่วมกันปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจำนวนกว่า 300 ไร่ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้คงความสมบูรณ์ตลอดไปด้วย

ประกาศติดตามบุคคลสูญหาย

บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดยโสธร ประกาศติดตามบุคคลสูญหาย คือ
นายสมควร เวียงอินทร์ อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 10 ม.8 ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เลขบัตรประจำตัวประชาชน 1 4808 00011 54 1 เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2527 รูปร่างท่วม ส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 65 กิโลกรัม สีผิวดำแดง ลักษณะผมตรง รูปหน้าค่อนข้างกลม มีอาการป่วยทางจิตและมีความหวาดระแวงกลัวถูกทำร้าย ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2556 จนถึงขณะนี้ยังไม่กลับบ้านและไม่สามารถติดต่อได้

หากผู้ใดมีข้อมูล เบาะแส หรือพบเห็นบุคคลดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม หมายเลขโทรศัพท์ 042-512376 ได้ทุกวันเวลาราชการ



ส.ปชส.ยโสธร / ปิยะนุช 12 มิ.ย.56

ยโสธรเสริมความรู้บุคลากรด้านการท่องเที่ยว

จังหวัดยโสธรอบรมเพิ่มศักยภาพให้บุคลากรด้านการท่องเทียว ที่โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค แกรนด์ จังหวัดยโสธร นายชัยภัทร หิรัญยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/เครือข่ายท่องเที่ยว/อาสาสมัครด้านการท่องเที่ยว เข้าร่วมรับการอบรม จำนวนกว่า 250 คน โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธร ดำเนินการจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยว และเพิ่มขีดความสามารถ ศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ระยะเวลาในการอบรม ระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายน 2556 ณ โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค แกรนด์ จำนวน 250 คน

จังหวัดมุกดาหารพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ OTOP แหล่งท่องเที่ยวนำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุม การจัดทำโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๖ งบกลาง ในอำนาจของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน Thailand Seven Wonder Provinces บูรณาการร่วมกับโครงการ Thai Festival : Japan : ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำหนดจัดขึ้นประมาณเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ณ ประเทศญี่ปุ่น     

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทาง การดำเนินโครงการต่อรองนายกรัฐมนตรี เป็นโครงการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเที่ยวและสินค้า OTOPที่มีศักยภาพโดดเด่นของจังหวัด กลุ่มจังหวัด ให้เป็นที่รู้จักของคนไทย และคนต่างประเทศ ซึ่งจังหวัดมุกดาหารคณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือก ผ้าหมักโคลน แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการเกษตรโฮมสเตย์บ้านภู และวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง โดยในเบื้องต้น นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดจะได้นำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล)ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ ทำเนียบรัฐบาล
 

 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมเตรียมพร้อมจัดงาน “คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด”เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖)

วันนี้ (๑๒ มิ.ย. ๒๕๕๖) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดงาน "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด”จังหวัดมุกดาหาร ประจำปี ๒๕๕๖ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร โดยจะมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนร่วมแสดงพลังรณรงค์ภายใต้แนวคิด "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” และคำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน โดยใช้สัญลักษณ์สวมเสื้อขาว ร่วมกิจกรรม ซึ่งรัฐบาลกำหนดนโยบายให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดงานดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมเดินรณรงค์เพื่อแสดงพลังต่อต้านยาเสพ ติด จากกลุ่มพลังมวลชน นักเรียน นักศึกษา การจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด และขอเชิญพลังมวลชนจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกิจกรรมรณรงค์ยาเสพติด ในวันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้ง ชาติต้องร่วมมือกัน
 

 

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารเชิญชวนสมาชิก TO BE NUMBER ONE และประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินคนละ ๑ บาท เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สำนักงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ได้ดำเนินโครงการครบ ๑๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ซึ่งทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งตั้งมูลนิธิขึ้น เพื่อจัดหาทุนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ และช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อน

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมโครงการ TO BE NUMBER ONE จึงขอเชิญชวนสมาชิกและพี่น้องประชาชนชาวจังหวดมุกดาหาร ร่วมกันบริจาคเงินคนละ ๑ บาทขึ้นไป โดยสามารถรวบรวมเงินและแสดงความประสงค์ได้ ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ภายในวันที่ ๑๕ กรกฏาคม ๒๕๕๖ หรือรวบรวมเงินนำเข้าบัญชี TO BE NUMBER ONE ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี ๓๑๙-๒๙๒๔๕๕-๘

สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มุกดาหาร/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารจัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผู้เสพ/ผู้ติดยา

นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานจุดเทียนอุดมการณ์ ตามโครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานคืน 1 ท้องถิ่น 1 ค่ายพัฒนาศักยภาพพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอำเภอนิคมคำสร้อย ณ ศูนย์ฝึกร้อย ตชด.234 วันที่ 11 มิถุนายน 2556 เวลา 19.00 น. โดยมีกลุ่มผู้ป่วยยาเสพติดสมัครใจเข้าฝึกอบรมทั้งสิ้น 56 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่าจังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินโครงการ ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานคืน 1ท้องถิ่น 1ค่ายพัฒนาศักยภาพพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (1 อำเภอ 1ท้องถิ่น 1 ค่าย) โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดระดับอำเภอ ทั้ง 7อำเภอ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำหมู่บ้าน ชุมชน จัดกิจกรรมค่ายพัฒนาศักยภาพพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยการเชิญชวนกลุ่มผู้เสพยาเสพติดในแต่ละพื้นที่เข้ารับการฝึกอบรมโดยสมัคร ใจ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดให้สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติ เลิกข้องเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิดอย่างเด็ดขาด แล้วกลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งภาพรวมระดับจังหวัดได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยา ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการฯไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 18 รุ่น รวม 1,010 คน และโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองฝ่ายปกครองดำเนินการฝึกอบรม จำนวน 2 รุ่น รวม 125 คน ซึ่งจากการดำเนินงานโครงการอย่างจริงจังและเข้มข้นส่งผลให้ผู้เสพ/ผู้ติดยา เสพติดสมัครใจเข้าร่วมฝึกอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมทั้งสิ้น 1,135 คน โดยขณะนี้ยังไม่สิ้นสุดโครงการ



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว

จังหวัดมุกดาหารมอบโคให้ราษฎรยืมเลี้ยงตามโครงการธนาคาร โค-กระบือฯ

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานมอบโค จากการไถ่ชีวิต ตามโครงการธนาคาร โค-กระบือ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ หมู่ที่ 1และ 2 ตำบลชะโนดน้อย อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 74 ราย นำไปเลี้ยงเพื่อการผลิตลูก

พิธีรับมอบโคจากการไถ่ชีวิต เพื่อดำเนินงานตามโครงการธนาคาร โ-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเกษตรกรที่มีฐานะยากจนในพื้นที่หมู่ที่ 1 และ 2 ตำบลชะโนดน้อย อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 74 คน ได้ยื่นแบบแสดงความจำนงขอรับการช่วยเหลือสัตว์ของโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ จากกรมปศุสัตว์ และกรมปศุสัตว์ได้ส่งมอบโคแม่พันธุ์ จำนวน 74ตัว ราคาตัวละ 20,000 บาทโดยประมาณ ให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหารดำเนินการส่งมอบให้เกษตรกรดังกล่าว เมื่อวันที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2556 ให้นำไปเลี้ยงเพื่อผลิตลูกและส่งลูกโคตัวแรกคืนโครงการฯ โดยลูกตัวต่อ ๆ ไปพร้อมแม่โคจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยง ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีแก่เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง



สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว 

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจัดโครงการอบรมครู อาจารย์เน้นใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจัดอบรมครู อาจารย์ตามโครงการรู้จัก รู้รักษ์ พิทักษ์ปิโตรเลียม เพื่อให้ครู อาจารย์ นำความรู้ไปเผยแพร่ต่อยังเยาวชน ชุมชนและบุคคลใกล้ชิดให้รู้และเข้าใจเรื่องพลังงาน

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมตักสิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม นาย นพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "รู้จัก รู้รักษ์ พิทักษ์ปิโตรเลียม” สำหรับครู อาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นโครงการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านปิโตรเลียมของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

นางสาววรรณาภรณ์ สวัสดิมงคล รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการดูแลและรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของ ประเทศ ได้เร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศและ ต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมซึ่งได้ดำเนินการมาแล้ว 20 ครั้ง ส่งผลให้ประเทศไทยมีแหล่งผลิตน้ำมันดิบทั้งสิ้น จำนวน 34 แหล่ง มีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ จำนวน 20 แหล่ง โดยปีนี้จะมีการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 จำนวน 22 แปลง ประกอบด้วยพื้นที่บนบก 17 แปลง แบ่งเป็นภาคเหนือและภาคกลาง 6 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 แปลง อ่าวไทยจำนวน 5 แปลง รวมพื้นที่ 45,955 ตารางกิโลเมตร โดยในส่วนของภาคอีสานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีศักยภาพเพียงพอในการที่จะ ดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น จะมีการเปิดสัมปทานรอบใหม่ทั้งหมด 13 จังหวัดประกอบด้วย อุดรธานี , หนองคาย , สกลนคร , กาฬสินธุ์ , หนองบัวลำภู , ขอนแก่น , บุรีรัมย์ , ยโสธร , มุกดาหาร , ร้อยเอ็ด , นครราชสีมา , อุบลราชธานี และมหาสารคาม


การจัดโครงการอบรมครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องปิโตรเลียมแก่ครู อาจารย์ ในการเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้การดำเนินการสำรวจและการพัฒนา ปิโตรเลียมเป็นไปอย่างราบรื่น และต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะครู-อาจารย์ ที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับไปยังสังคมในระดับท้อง ถิ่นอย่างแท้จริงโดยโครงการนี้ มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครู อาจารย์ที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ นำความรู้ที่ได้รับเผยแพร่ไปยังเยาวชน ชุมชน ตลอดจน บุคคลใกล้ชิดให้รับรู้และเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องด้านพลังงานเพิ่มมากขึ้น สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 57 คน ซึ่งเป็นครู อาจารย์ในจังหวัดมหาสารคามทั้งหมด



สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/ข่าว

มหาสารคาม เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเตรียมพัฒนากลไกเชิงพื้นที่ในการเฝ้าระวังเด็กและเยาวชน

มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนองค์กรกลุ่มต่างๆ เด็กและเยาวชน เพื่อเตรียมเสริมสร้างและพัฒนากลไกเชิงพื้นที่ในการเฝ้าระวังเด็กและเยาวชน ในจังหวัดมหาสารคาม

(12-06-56) ที่ศูนย์ประชุมแก่งเลิงจาน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม นายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและเวทีรับฟังความคิดเห็น โครงการเสริมสร้างและพัฒนากลไกเชิงพื้นที่ในการเฝ้าระวังเด็กและเยาวชน จังหวัดมหาสารคาม โดยบูรณาการจากกลุ่มสหวิชาชีพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนคุ้มครองเด็ก สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ทำงานด้านเด็ก และเยาวชน ให้สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนากลไกการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเด็กและเยาวชนให้ มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในการปฏิบัติจริงได้อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมในการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนทุก มิติ เพื่อให้เด็กและเยาวชนปลอดจากปัญหาความรุนแรง อบายมุข และสิ่งเสพติดทุกชนิด โดยมีองค์กรเครือข่าย เด็กและเยาวชนในจังหวัดมหาสารคามเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 13 อำเภอ จำนวนกว่า 300 คน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดมหาสารคาม สภาเด็กและเยาวชนจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอที่ร่วมโครงการศูนย์พึ่งได้ (OSCC) และเครือข่ายเยาวชนในจังหวัดมหาสารคาม

สำหรับจังหวัดมหาสารคาม ในปี 2555 จากข้อมูลสถิติการให้บริการของเครือข่ายศูนย์พึ่งได้ กลุ่มจังหวัด "ร้อยแก่นสารสินธุ์” พบว่า มีเด็กถูกทำร้ายทางร่างกาย 21 คน ผู้ใหญ่ 37 คน ทางเพศ เด็ก 77 คน ผู้ใหญ่ 64 คน ทางจิตใจ เด็ก 11 คน ผู้ใหญ่ 11 คน ถูกละเลยทอดทิ้ง เด็ก 6 คน ผู้ใหญ่ 3 คน ล่อลวง บังคับ แสวงหาผลประโยชน์ เป็นเด็ก 4 คน และตั้งครรภ์ไม่พร้อม เป็นเด็ก 66 คน รวม 300 คน


 

ส.ปชส.มหาสารคาม / ข่าว / ภาพ

จังหวัดนครราชสีมา เตรียมจัดเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย ครั้งที่ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาข้อเสนอที่สร้างสรรค์ในการยุติความขัดแย้ง หลังการเสวนาเวทีแรกได้รับความสนใจจากประชาชนกว่า1,000 คน

จังหวัดนครราชสีมา เตรียมจัดเวทีเสวนาหาทางออกประเทศไทย ครั้งที่ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาข้อเสนอที่สร้างสรรค์ในการยุติความขัดแย้ง หลังการเสวนาเวทีแรกได้รับความสนใจจากประชาชนกว่า1,000 คน
 

วันนี้(12มิย56) เวลา 10.00 น ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมซักซ้อมแนวทางการขับเคลื่อนโครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ครั้งที่ 2 (พูดจาหาทางออกประเทศไทย) โดยการเสวนาในเวทีแรก ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 มิย 56 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจาก ทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ผู้นำศาสนา นักการเมือง องค์กรภาคเอกชนและ สื่อมวลชน ร่วมงานกว่า 1,000 คน สำหรับการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย)ของจังหวัดนครราชสีมา กำหนดจัดขึ้นจำนวน 3 เวที โดยในครั้งที่2 และ 3 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19 -20 มิย 56 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาที่สนใจเข้าร่วมเวทีประชา เสวนาหาทางออกประเทศไทย (พูดจาหาทางออกประเทศไทย) สมัครเข้าร่วมเวทีได้ที่ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

กระทรวงมหาดไทย เตรียมเปิดร้านโอทอปชุมชนยิ้ม ที่ จังหวัดนครราชสีมา 2 สาขา

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันจัดทำโครงการตลาดเครือข่ายร้านโอทอปชุมชนยิ้ม ถือเป็นการหนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แบบบูรณาการ

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา บอกว่า การสร้างร้านโอทอปชุมชนยิ้ม ได้มุ่งให้เป็น "องค์กรแห่งปัญญา ด้านการค้าในชุมชน” สามารถสร้างช่องทางการตลาดใหม่ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการในชุมชน เพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าจำพวกผลิตภัณฑ์ชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์โอทอป ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ยกระดับสินค้าเกษตร และสินค้าโอทอปให้มีมาตรฐาน ซึ่งการดำเนินโครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย ภายใต้โครงการยกระดับผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แบบบูรณาการ
 
สำหรับจังหวัดนครราชสีมา องค์การตลาด ได้จัดตั้งร้านโอทอปชุมชนยิ้มแล้ว 2 สาขา คือ สาขาโคกกลางและสาขาด่านเกวียน และได้กำหนดการเปิดร้านโอทอปชุมชนยิ้ม ตามวัน เวลา ดังนี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556 เวลา 13.35 น. ที่ ร้านโอทอปชุมชนยิ้มสาขาโคกกลาง ตำบลโคกกลาง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2556 เวลา 09.30 น. ที่ ร้านโอทอปชุมชนยิ้มสาขาด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
 
จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการเปิดร้านโอทอปชุมชนยิ้ม และเลือกซื้อสินค้าของชุมชน

ตามกล่าวข้างต้น

รู้จักโคราช จาก “โต๊ะโคราช”

ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา รายงาน ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แนะนำอาหารพื้นบ้านนครราชสีมา หรือเรียกสั้นๆเป็นที่เข้าใจทั้งชาวไทยและต่างประเทศว่า "โคราช" เมื่อรู้จัดอาหารคนโคราชแล้ว จะทำให้รู้จักโคราชอย่างเข้าใจ และ เข้าถึงทีเดียว

ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา บอกว่า "โต๊ะโคราช” คือ การจัดอาหารในลักษณะโต๊ะจีน แต่เป็นอาหารพื้นบ้านของจังหวัดนครราชสีมา หรือ อาหารของชาวโคราช เกิดจากการบูรณาการความคิดในการจะอนุรักษ์ ประเพณี วัฒนธรรมอาหารของจังหวัดนครราชสีมา ความปลอดภัยและความเป็นมาตรฐานของอาหารชาวโคราช การบริการอาหารที่สะดวกสบาย เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันของสังคมไทย โดยการใช้วัตถุหรือวัตถุดิบที่หาง่ายในท้องถิ่น เช่น ใบตองกล้วยประดิษฐ์พับร้อยห่อเป็นชุดอาหาร หรือใช้กาบหมากเป็นภาชนะใส่อาหาร ใช้กระด้ง (กระโล่) ที่มำด้วยไม้ไผ่แทนถาดใส่อาหาร ตั้งบนโต๊ะให้หมุนได้ ผ้าปูโต๊ะเป็นผ้าฝ้ายทอลายหางกระรอกโคราชแท้ที่ทอด้วยฝีมือชาวบ้านอำเภอบัว ลาย จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งบริกรผู้เสิร์ฟอาหารจะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองโคราช เป็นแบบฉบับที่ลงตัว และเป็นเอกลักษณ์ของชาวโคราชที่ไม่เหมือนใคร หัวใจสำคัญของการจัด โต๊ะโคราช คือ อาหารท้องถิ่นโคราชโดยแท้ อาหารท้องถิ่นโคราชโดยแท้ ประกอบไปด้วย

ขั่วหมี่โคราช หรือ ผัดหมี่โคราช เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของคนโคราช นิยมขั่วหมี่เลี้ยงในงานบุญต่างๆ ขั่วหมี่โคราชสามารถทำได้ง่าย รสชาติอร่อย รับประทานคู่กับส้มตำเข้ากันได้อย่างดี โดยใช้เส้นหมี่ที่ผลิตขึ้นมาเองที่นครราชสีมา แหล่งผลิตเส้นหมี่โคราชที่สำคัญได้แก่ หมี่ตะคุ อำเภอปักธงชัย หมี่พิมาย อำเภอ พิมาย หมี่จักราช อำเภอจักราช หมี่กระโทก อำเภอโชคชัย หมี่กุดจิก อำเภอสูงเนิน และหมี่น้ำฉ่ำ อำเภอ ขามทะเลสอ

ส้มตำโคราช ขนาน แท้และดั้งเดิมจะต้องใส่ขิงและปลาป่น มีส่วนผสมที่สำคัญ ได้แก่ มะละกอสับ ถั่วฝักยาว มะเขือลาย มะเขือเปรี้ยว / มะเขือสีดา พริกขี้หนูสวน พริกขี้หนูแห้ง กระเทียม กุ้งแห้งไม่มีสี ถั่วลิสงคั่วเอง น้ำปลาอย่างดี น้ำตาลปี๊บแท้ น้ำมะนาว ปลาร้าที่ต้มนัว ปูนานึ่ง ไม่ใส่ผงชูรส ที่สำคัญต้องปรับปรุงให้สะอาดและปลอดภัย

ไก่ย่างโคราช เป็น ไก่ย่างที่มีชื่อเสียงมายาวนานและที่กำลังพัฒนาขึ้นมาใหม่ อายุสายพันธ์ของไก่มีความสำคัญโดยจะหมักด้วยเครื่องปรุงจนได้ที่ ย่างด้วยไฟพอเหมาะ จนได้เนื้อไก่ที่มีลักษณะเหนียวนุ่ม แห้งกำลังดี รสชาติอร่อยกลมกล่อม กลิ่นหอมชวนรับประทาน

ไส้กรอกโคราช เป็นอาหารโคราชที่ทำได้ไม่ยาก และนิยมรับประทาน โดยจะรับประทานเคียงกับขิง หอมแดง พริกขี้หนูสด กล่ำปลี แตงกวา

ลาบปลาดุก ลาบปลาดุก เป็นอาหารที่นิยมในสำรับโต๊ะโคราช รับประทานเคียงกับผักโคราชหลายชนิด อาทิ ผักลืมผัว พริกม้า ผักกาดเขียว ผักคันซ้อน หูปลาช่อน ฯลฯ

ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน อาหารพื้นบ้านโคราชจะรสชาติจัดจ้านทำง่ายมีรสเปรี้ยวเฉพาะตัวของใบมะขามอ่อน น้ำต้มยำร้อนๆ เมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้อาหารไม่ติดคอ เป็นอีกรายการหนึ่งที่มีบนโต๊ะโคราช

น้ำพริกปลาผง เป็น สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในตู้กับข้าวของคนโคราช เพราะเป็นต้นตำหรับอาหารที่มีมายาวนาน ช่วง ที่มีปลามากชาวบ้านจะนำปลามาตากแดด ย่างและนำมาโขลกเป็นผงผสมกับพริกขี้หนูคั่วป่น รับประทานกับ ผักริมรั้ว ผักสวนครัวปลอดสารพิษ ทำให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืน และนิยมรับประทานกับผักเสี้ยนดอง หอมดองผักกาดดอง

ห่อหมกหน่อไม้ไผ่ทองสยาม เป็น อาหารพื้นบ้านโคราชอีกหนึ่งตำหรับที่ได้จากการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติ (หน่อไม้) มาแปรรูปประกอบเป็นอาหาร และ นิยมทำห่อหมกหน่อไม้ใส่ปลาฉลาด ใส่ไก่ หรือหมูสามชั้น รองด้วยใบยอ นำไปนึ่ง ให้สุก หรือห่อหมกใส่กระทงใบตองจะสะดวกในการรับประทาน

ข้าวเหนียวนึ่ง เมื่อ พูดถึงไก่ย่างก็ต้องคู่กับข้าวเหนียว และ ข้าวนึ่งต้องมีความเหนียว อ่อนนุ่ม ใช้เทคนิคหรือเคล็ดลับในการนึ่งข้าวเหนียวที่จะทำให้อ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง รับประทานอร่อยห่อด้วยใบตองสวยงามและเก็บไว้ได้นาน

ลอดช่องไทยหน่อไม้ไผ่ทองสยาม เป็น อีกหนึ่งรายการที่เป็นอาหารหวานโคราช ซึ่งจะส่งท้ายอาหารคาวเป็นของดีที่อยากให้ลิ้มลองคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสีสันสวยงาม กลิ่นเทียนอบของน้ำกะทิ จะหอมหวานชวนรับประทาน


ขนมจีนน้ำยาประโดก เป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น กว่า 200 ปี จนกลายเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่รู้จักกันทั่วไป ปัจจุบันการทำขนมจีนน้ำยาบ้านประโดกได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับชุมชนจนสามารถสร้างเป็นอาชีพ พร้อมได้รับการยอมรับว่าเป็น"หมู่บ้านขนมจีน” ประจำจังหวัดนครราชสีมา

มติ ครม.เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน”

ครม. มีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา "พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

สาระสำคัญ
 
1. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ปวงชนชาวไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะ ทั้งในพระราชอิสริยยศที่ทรงเป็น สมเด็จพระบรมราชินีนาถของไทย ทรงเป็นคู่พระบารมี คู่พระราชหฤทัยแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภาระ ด้วยทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะสืบทอดพระราชภารกิจของสมเด็จพระบุรพมหากษัตริ ยาธิราชเจ้า ในการที่จะเป็นที่พึ่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านการศึกษา ที่ทรงเห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่จะช่วยขจัดความไม่รู้ และความด้อยโอกาสให้ลดน้อยลง ทรงเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยพัฒนาชีวิต สังคม และประเทศชาติ และทรงพระกรุณาดำเนินการเพื่อการศึกษาของราษฎรหลายรูปแบบ เช่น ทรงเป็นครูของผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ทรงอุปถัมภ์เยาวชนผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาพระราชทานพระราชทรัพย์เป็น ทุนการศึกษาแก่เยาวชนจากครอบครัวที่ยากจน
 
2. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ความสำคัญแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองและพัฒนางานที่รับผิดชอบ เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์เป็นส่วนรวม ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำริและพระราชทานสิ่งของต่างๆ แก่มูลนิธิที่ส่งเสริมการศึกษาและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ด้วย นอกจากนี้ทรงสนับสนุนการก่อตั้งและขยายโรงเรียนที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนสร้างโรงเรียน พระราชทานอุปกรณ์การเรียน และทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์
 
3. พระอัจฉริยภาพด้านการศึกษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นที่ประจักษ์ทั่วไป ทั้งในประเทศและนานาประเทศ ทรงเป็น "ครู” ของพระราชโอรสและพระราชธิดา โดยทรงอบรมสั่งสอนและทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่าง พระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์จึงทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทใฝ่พระราช หฤทัยในการศึกษา และทรงสงเคราะห์ประชาชนด้านการศึกษานานัปการ นอกจากนี้ ยังทรงเป็นครูของผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ทรงส่งเสริมการศึกษาแก่ราษฎรผู้ด้อยโอกาส โดยทรงสอนหนังสือแก่ราษฎรด้วยพระองค์เองในโอกาสที่โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดาร ทรงสอดแทรกความรู้ทางพุทธศาสนา จริยศึกษา และสุขศึกษา ตลอดจนความรักชาติ รักแผ่นดินถิ่นกำเนิดของตนด้วย ซึ่งเป็นแบบฉบับของการสอนแบบบูรณาการ นับว่าทรงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบโรงเรียนให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น และเป็นพระมหากรุณาแก่ผู้ด้อยโอกาส ด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันบริสุทธ์ มิได้ทรงเลือกที่รักมักที่ชังแก่ผู้ใด กลุ่มใด ทรงมีแต่ "ให้” อันเป็นคุณลักษณะเด่นแห่งความเป็นครู จึงทรงเป็น "ครู” เป็น "สิริ” เป็น "ศรี” แผ่นดินไทยโดยแท้ ควรอย่างยิ่งที่ครูทั้งหลายจะได้ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดำเนินตามรอยพระยุคลบาทด้วยความมุ่งมั่นทำหน้าที่ของครูให้สมบูรณ์ เพื่อร่วมกันสร้าง "มนุษย์” ที่สมบูรณ์ต่อไป 

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนำชาวอำเภอชุมแพประกาศเจตนารมณ์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานมอบนโยบายชาวขอนแก่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้กับหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านกลุ่มพลังสตรี กลุ่ม อสม.และครัวเรือนสีขาวในอำเภอชุมแพที่หอประชุมอำเภอ นายปยิน ตลับนาค นายอำเภอชุมแพกล่าวว่าอำเภอชุมแพทั้ง 12 ตำบล ได้จัดตั้งอาสาสมัครเป็นเวรยามหมู่บ้านครบทั้ง135 หมู่บ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสยาเสพติดให้เหมือนกับตา สับปะรดอยู่ที่ไหนก็เห็นพฤติกรรมผู้ค้าผู้เสพยาเสพติด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ย้ำกับตัวแทนที่มาร่วมปฏิญาณตนอำเภอชุมแพไม่ ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดว่าการร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดทั้งจังหวัดเราต้อง สร้างกระแสให้ต่อเนื่องทำกันทุกชุมชนทุกหมู่บ้าน วัด โรงเรียนต้องทำพร้อมกันถึงจะสำเร็จแม้จะไม่ปลอดยาเสพติด 100 % แต่ก็ให้มันลดน้อยลงหรือไม่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเพราะยาเสพติดตอนนี้มันเข้า ไปสร้างปัญหาในทุกชุมชนแล้ว หากเราช่วยกันปัญหาก็จะลดน้อยลงและที่สำคัญอำเภอชุมแพเป็นจุดเชื่อต่อภาค อีสานกับภาคเหนือถือเป็นจุดเสี่ยงที่จะมีการนำยาเสพติดมาพักไว้ดังนั้นทุกคน ต้องเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่เมื่อพบเห็นผู้ค้า ผู้เสพรีบแจ้งเบาะแสโดยด่วนเพื่อให้ยาเสพติดไม่มาเป็นปัญหาของสังคมเราอีก        

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปิดโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหลังรัฐบาลสร้างประตูระบายน้ำกั้นลำน้ำช่วยเกษตรกร 2 จังหวัด

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟู แหล่งน้ำที่บ้านสองคอน ตำบลนาฝาย อำเภอภูผาม่าน หลังราษฎรตำบลนาฝาย อำเภอภูผาม่านและชาวตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิร้องผ่านตัวแทนรัฐบาลให้มาช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาน้ำท่วม และทางเชื่อมระหว่าง 2 จังหวัดเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันและทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ทางสำนัก ทรัพยากรน้ำภาค 4 ขอนแก่นมาศึกษาและสำรวจรวมทั้งเสนอแผนโครงการโดยมีผู้บริหารท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดและทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นร่วมเห็นชอบและ ผลักดันโครงการเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนจะได้ร่วมกันบริหารน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภค รวมทั้งป้องกันปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วมได้ที่สำคัญราษฎรสองจังหวัดมีถนนเชื่อมไปมาหากันได้ ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้มีการดำเนินการก่อสร้างประตูน้ำ 5 ช่อง ด้านบนเป็นสะพานข้ามลำน้ำเชิญกว้าง34 เมตร ยาว 43 เมตรใช้งบก่อสร้าง 41.85 ล้านบาทและชาวบ้านสองฝั่งบริจาคที่ดินด้านอำเภอภูผาม่านได้รับบริจาคจากครอบ ครัวนายเฮง ทองแท่งไทยและทางฝั่งอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมินาย บึง มากดี เป็นผู้บริจาคที่ดิน ทำให้ทางสำนักทรัพยากรน้ำภาค 4 ได้ลงมือก่อสร้างจนสำเร็จตามนโยบายการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ของรัฐบาลและช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านทั้ง 2 จังหวัดได้โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแห่งนี้จะเปิดประโยชน์อย่างยิ่งกับ เกษตรกรทั้งสองจังหวัดให้มีน้ำใช้ทำการเกษตรในช่วงหน้าแล้งได้จะทำให้ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยและต่อไปราษฎรทั้งสองฝั่งก็สามารถเดินทาง ติดต่อกันได้สะดวกยิ่งขึ้นและปัญหาภัยแล้งภัยน้ำท่วมก็จะลดน้อยลงด้วย      

ชาวกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ผนึกกำลัง เปิดเวทีหาทางออกประเทศไทย 15- 16 มิ.ย. นี้ ที่ มหาวิทยาลัย ราชภัฎกาฬสินธุ์ หวังสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ

นายพงษ์ศักดิ์ ทิสานนท์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ หัวหน้าวิทยากรกระบวนการเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทยจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า "ความขัดแย้งทางการเมืองไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสร้างความเสียหายต่อ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เป็นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ประชาชนคนไทยจะต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อร่วมฟื้นฟูความสงบสุขและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นต่อประชาชนคนไทย และนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับคืนมา

คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ (คอป.) , ร่วมกับ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และ สถาบันพระปกเกล้า ทำการศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาปัจจัยและแนวทางที่จะทำให้ความปรองดองแห่งชาติ ประสบความสำเร็จได้ สรุปประเด็นปัญหาความขัดแย้งใน 10 ประเด็น ได้แก่ ความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน , ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรม , ตุลาการภิวัฒน์การแทรกแซงองค์กรอิสระ , การรัฐประหารและบทบาทของทหารในการจัดการความขัดแย้ง , ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม , การขยายตัวของสื่อการเมืองและสื่อบุคคล , การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง , สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการความขัดแย้งและสันติวิธี , ความขัดแย้งแบบเดิมพันสูง

ดังนั้น จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดขอนแก่น จึงได้กำหนดจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทยขึ้นครั้งแรก ที่ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ในวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน และวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2556 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้แทนจากภาคเกษตรกร , แรงงาน , ข้าราชการ , ธุรกิจ , ผู้ประกอบการ , แพทย์ , พยาบาล , นักเรียนนักศึกษา , กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง , นักวิชาการ , ผู้นำชุมชน , องค์กรเอกชน , ผู้นำทางศาสนา , สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป จำนวนทั้งสิ้น 1,200 คน โดยจัดเวทีแบบเปิดโอกาสให้ผู้เข้ากิจกรรม ได้พูดจาในประเด็นหลัก 10 ประเด็นดังกล่าว เพื่อทีมวิทยากรจะได้นำข้อมูลรายงานต่อ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ คอป.) ต่อไป”
 



วิภาดา รัตนโรจนา

จ.กาฬสินธุ์เตรียมขุดลอกแก้มลิงหนองเลิงเปลือยแก้น้ำแล้งและน้ำท่วมซ้ำซาก

จังหวัดกาฬสินธุ์ ประชุมคณะกรรมการอำนวยการและทีมปฏิบัติการโครงการแก้มลิงหนองเลิงเปลือย เพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมซ้ำซากให้กับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอร่องคำและ อำเภอกมลาไสย

วันนี้ 12 มิถุนายน 2556 ที่ห้องประชุม 4/1 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอุดม สมรส รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการและทีมปฏิบัติการโครงการแก้มลิงหนองเลิงเปลือย เพื่อเตรียมพร้อมในการขุดลอกหนองเลิงเปลือย ตำบลเหล่าอ้อย อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นแก้มลิงรับน้ำในช่วงน้ำหลาก และเก็บกักน้ำไว้ให้เกษตรกรใช้ทำการเกษตรกรในหน้าแล้ง ซึ่งหนองเลิงเปลือยแห่งนี้มีพื้นที่รับน้ำฝน 203.98 ตารางกิโลเมตร พื้นที่หนองเลิงเปลือย 887 ไร่ มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,275 มิลลิเมตรต่อปี และมีปริมาณน้ำไหลเข้าหนองเลิงเปลือย 57.50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ปัจจุบันหนองเลิงเปลือยตื้นเขินทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ตำบลโพนงาม อำเภอกมลาไสย และตำบลเหล่าอ้อย อำเภอร่องคำเป็นประจำทุกปี ส่วนหน้าแล้งก็ไม่สามารถ เก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเดิมหลองเลิงเปลือยเก็บกักน้ำได้ 3.50 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เมื่อขุดลอกตามแผนที่ วางไว้จะทำให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 6.85 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ปลูกข้าวได้รับประโยชน์ในหน้าฝนจำนวน 5,200 ไร่ และในหน้าแล้ง จำนวน 2,000 ไร่ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งได้ด้วย
 



สุวรรณ์ ศรีอาภรณ์ ข่าว

สุรินทร์ร่วมใจรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือด เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน 15 มิถุนายน นี้

เทศบาลเมืองสุรินทร์เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออก  เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน วันที่ 15 มิถุนายน นี้  โดยผนึกกำลังเยาวชนจากสถาบันการศึกษา อสม. และประชาชนในจังหวัดสุรินทร์เข้าร่วมกิจกรรม

นายวรรธนินทร์ ตั้งวีสิทธิ์  นายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์  เปิดเผยว่า   กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ  ได้แก่ ไทย กัมพูชา  บรูไน มาเลเซีย  ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย  และสิงคโปร์  ได้มีมติร่วมกันในการแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออก  ซึ่งเป็นปัญหาระดับภูมิภาค  โดยกำหนดให้วันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปี  เป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน (Asean dengne day) ประกอบกับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น   ทั้งนี้จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค  นับตั้งแต่เดือนมกราคม –28 พฤษภาคม 2556 จังหวัดสุรินทร์พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวน 1,137 ราย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์พบผู้ป่วย 14 ราย  เสียชีวิต 1 ราย  เทศบาลเมืองสุรินทร์จึงร่วมกับโรงพยาบาลสุรินทร์ ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ สถาบันการศึกษาในจังหวัดสุรินทร์   และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  จัดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออกเนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลาย  และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านเรือน  ชุมชน  และสถานศึกษาทุกแห่งอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอครอบคลุมทุกพื้นที่   โดยกำหนดจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องการป้องกันโรคไข้เลือดออกในวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน  2556  เวลา 08.30 น. กล่าวเปิดงานและปล่อยขบวนเดินรณรงค์โดยนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์   จากนั้นเคลื่อนขบวนแห่พร้อมแจกเอกสารความรู้เรื่องการป้องกันโรคไข้เลือดออกและแจกทรายอะเบท  ตามเส้นทางที่กำหนด   จากบริเวณสำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์ ผ่านถนนสายต่าง ๆ และสิ้นสุดขบวนที่สำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์  โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษา โรงเรียนสุรวิทยาคาร  โรงเรียนสิรินธร  โรงเรียนอนุบาลสุรินทร์   โรงเรียนเมืองสุรินทร์  โรงเรียนวาณิชย์นุกูล  โรงเรียนเทศบาล 1 “สุรินทร์วิทยาคม”  โรงเรียนเทศบาล 2 “วิภัชศึกษา”โรงเรียนเทศบาล 3 “เทศบาลอนุสรณ์” วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์   วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ ส่งนักเรียนร่วมกิจกรรม

นายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์  กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันไข้เลือดออกอาเซียนวันที่ 15 มิถุนายน นี้ เทศบาลเมืองสุรินทร์ขอเชิญประชาชนร่วมรณรงค์ ป้องกันภัยไข้เลือดออก โดยใช้ มาตรการ 5 ป 1 ข  คือ  ป  เปลี่ยน เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำ ทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง ป ปิด  ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักใช้น้ำทุกครั้งเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่
ป ปล่อย ปล่อยปลาหางนกยูง หรือปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร ป ปรับปรุง ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง  โล่ง สะอาด อากาศถ่ายเท  ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย  ป ปฏิบัติ ปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย และ 1 ข  ขัดไข่ยุงลาย การขัดไข่ยุงลายในภาชนะ เพื่อให้ไข่ยุงลายแห้งตาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก



กรรณิการ์  รอไธสง  /ข่าว
สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / เรียบเรียง

ผลการเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียม YPT-2 ในเขตอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ไม่พบปิโตรเลียมและได้ดำเนินการปิดหลุมเจาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติแจ้งผลการเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียม YPT-2 ซึ่งเป็นหลุมเจาะตามข้อผูกพันการสำรวจที่กำหนดไว้ในสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจหมายเลข L31/50 ของบริษัทซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลียม (กรุ๊ป) จำกัด ว่าไม่พบปิโตรเลียมและได้ดำเนินการปิดหลุมเจาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางสาวกัญญรัตน์  เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์   เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ว่า บริษัทซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลียม (กรุ๊ป) จำกัด ได้เริ่มเจาะสำรวจปิโตรเลียมหลุม YPT-2 บริเวณหมู่ 15 บ้านโคกกลาง อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 จนถึงความลึกสุดท้าย 4,150 เมตร เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 ผลการเจาะไม่พบปิโตรเลียมในชั้นหินปูนที่เป็นเป้าหมาย ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการอุดหลุมด้วยซีเมนต์ 2 ช่วง คือ ช่วงก้นหลุมลงซีเมนต์หนา 270 เมตร ระหว่างความลึก 3,570 – 3,840 เมตร และช่วงปากหลุมลงซีเมนต์หนา 80 เมตรจนถึงผิวดิน แล้วเสร็จในวันที่ 6 มิถุนายน 2556 โดยในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานเป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเคลื่อนย้ายแท่นเจาะออกจากพื้นที่ในเดือนกรกฎาคม 2556 เมื่อเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงแล้ว และจะดำเนินการปรับสภาพพื้นที่ก่อนคืนให้เจ้าของที่ดินต่อไป



ประชาสัมพันธ์  กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  /ข้อมูล  / ข่าว
สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ /เรียบเรียง

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ระบุ ปี 2556 สุรินทร์ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก 1,137 ราย ตายแล้ว 3 ราย

นายสอาด วีระเจริญ  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม –28 พฤษภาคม 2556 งานระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวนทั้งสิ้น 1,137 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 82.18 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ 2 ราย อำเภอสังขะ 1 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกสูงสุดคือกลุ่มอายุ 10-14 ปี ป่วยจำนวน 411 ราย รองลงมาอายุ 5-9 ปี ป่วยจำนวน 294 ราย อายุ 15-24 ปี ป่วยจำนวน 237 ราย อายุ 0-4 ปี ป่วยจำนวน 106 ราย

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์  กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์อาชีพที่มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงสุด  คือ นักเรียนป่วยจำนวน 785 ราย รองลงมาคืออาชีพเกษตรกรรมป่วยจำนวน 57 ราย อาชีพรับจ้าง 40 ราย นักบวช 4 ราย ข้าราชการ 3 ราย พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนมีนาคม จำนวน 279 ราย โดยมีรายงานผู้ป่วยเดือนมกราคม 223 ราย กุมภาพันธ์ 207 ราย มีนาคม 279 ราย เมษายน 253 ราย พฤษภาคม 175 ราย ส่วนอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ อำเภอโนนนารายณ์อัตราป่วยเท่ากับ 218.35 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคืออำเภอลำดวน อำเภอท่าตูม อัตราป่วยต่อประชากรแสนคนเท่ากับ 184.47 และ 137.67 ตามลำดับ



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร

นายนิรันดร์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ด้วยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ จัดทำโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ปี 2556 เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับเยาวชน ประชาชน ได้ทราบถึงแนวทางในการลดปริมาณขยะ รวมทั้งการนำขยะหรือของเหลือใช้มาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ก่อนนำไปกำจัด โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีเวทีในการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ให้ทันสมัยตลอดจนใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น โดยกำหนดส่งผลงานและจัดการประกวดระดับจังหวัด ในวันที่ 16 สิงหาคม 2556 ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางสาวกัญญาวีร์ บุ้งทอง โทรศัพท์ 044-713473 เบอร์โทรศัพท์มือถือ 083-3652727 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.deqp.go.th



สุจิตรา สีคำ ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน

การค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ จำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าให้แก่ผู้บริโภค

นายวิรัตน์  นามวงษา การค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาไข่ไก่ได้ปรับสูงขึ้น ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน  เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค  สำนักงานการค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ จึงจำหน่ายไข่ไก่ธงฟ้าให้แก่ผู้บริโภค เป็นประจำทุกวันอังคารของเดือนมิถุนายน 2556 รวม 3 ครั้ง โดยเริ่มจำหน่ายครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 มิถุนายน 2556 ส่วนครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 มิถุนายน 2556 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 25 มิถุนายน 2556 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 เป็นต้นไป ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ถนนเทศบาล 4 เขตเทศบาสลเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยจำหน่ายไข่ไก่เบอร์ 3 ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-4451-3454



ศริณภาพร  จันทสุข ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน

การประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุรินทร์ แจ้งประชาชนน้ำที่ขุ่นขาวเริ่มดีขึ้นแล้ว

นายคมสัน  บุญเอี่ยม ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุรินทร์ กล่าวว่า ตามที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุรินทร์  แจ้งเตือนประชาชนในช่วงนี้อาจพบน้ำขุ่น  สืบเนื่องจากที่ฝนตกอย่างต่อเนื่องนั้น ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุรินทร์ ได้เร่งแก้ไขปัญหาและทำการเร่งตะกอนออกจากเส้นท่อแล้ว ทำให้น้ำประปากลับสู่ภาวะปกติ จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน



กัญญรัตน์  เกียรติสุภา  ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน

สวท.สุรินทร์ เตรียมถ่ายทอดเสียงเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์ ทางระบบ เอฟ.เอ็ม. 93.5 MHz. วันที่ 22-23 มิถุนายน นี้

นายโกศล เผือกผล  รักษาการผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  จังหวัดสุรินทร์ (สวท.สุรินทร์) เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย 2 เวที ณ โรงแรมเพชรเกษม อำเภอเมืองสุรินทร์ โดยเวทีที่ 1 จัดในวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 ส่วนเวทีที่ 2 จัดในวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2556 โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วมเวทีเป็นตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ได้แก่ ภาคเกษตร ภาคแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม การบริการ และการค้า เจ้าหน้าที่ของรัฐ แพทย์ พยาบาล นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ ผู้นำชุมชน องค์กรภาคประชาชน ภาคการเมือง ผู้นำศาสนา สื่อมวลชน จำนวน 1,600 คน

รักษาการ ผอ.สวท.สุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย ครั้งนี้ สวท.สุรินทร์ ได้สนับสนุนการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์  โดยจะทำการถ่ายทอดเสียงการจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทยทั้ง 2 เวที ทาง สวท.สุรินทร์ F.M.93.5 MHz. ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. และเชิญตัวแทนแต่ละกลุ่มสรุปข้อคิดเห็นแต่ละกลุ่มย่อย และเชิญวิทยากรสรุปความคิดเห็นผู้ร่วมเวทีเสวนาเวลาประมาณ 15.00-17.00 น. วันที่ 22-23 มิถุนายน 2556 นอกจากนั้น ยังสนับสนุนการผลิตข่าวประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผ่านสื่อในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ทั้ง เว็บไซด์ Facebook รวมทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ด้วย



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ ประชุมเตรียมการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย

วันนี้ (12 มิ.ย. 56) นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดโครงการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ที่ห้องประชุมสุรินทร์ภักดี ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย 2 เวที ณ โรงแรมเพชรเกษม อำเภอเมืองสุรินทร์ โดยเวทีที่ 1 จัดในวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 ส่วนเวทีที่ 2 จัดในวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2556 โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วมเวทีเป็นตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ได้แก่ ภาคเกษตร ภาคแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม การบริการ และการค้า เจ้าหน้าที่ของรัฐ แพทย์ พยาบาล นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ ผู้นำชุมชน องค์กรภาคประชาชน ภาคการเมือง ผู้นำศาสนา สื่อมวลชน จำนวน 1,600 คน โดยในช่วงเช้าจะมีการฉายวีดีทัศน์สร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้เข้าร่วมเวที ซึ่งมีวิทยากรเกริ่นนำความสำคัญของการพูดคุยกันในสังคม เพื่อแลกเปลี่ยน รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนนำมาสู่ข้อเสนอที่เป็นทางออกของประเทศ และภาคบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อย เพื่อให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ

ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่สร้างสรรค์  อันจะเป็นทางออกของประเทศไทย  เพื่อนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งยังมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมกันเผยแพร่แนวคิดที่จะช่วยกันสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวาง เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเวทีพูดคุย (dialogue) เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในสังคม เกิดสังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมเวทีสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหรือสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทุกแห่ง



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ แจ้งเตือนฝนตกหนัก ขอให้ประชาชนระวังพายุในช่วงนี้

นายวิเชียร  จันทรโณทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง  เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง  ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ในช่วงวันที่ 12 – 14 มิถุนายน 2556 ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ทั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์  จึงขอเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง โดยเฉพาะระบบเบรก ต้องสามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย ยางรถยนต์ ต้องสามารถรีดน้ำและยึดเกาะถนนได้ดี พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว ไม่เปลี่ยนช่องทางหรือหยุดรถกะทันหัน ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด กรณีฝนตกหนักจนทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ไม่ควรจอดรถพักใกล้ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการโค่นล้มทับ ทำให้ได้รับอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัย ให้จอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น จุดตรวจ จุดพักรถริมข้างทาง สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้หากประสบอุบัติเหตุ หรือรถเสียระหว่างการเดินทาง สามารถติดต่อแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ที่ 1669 และขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป



กัญญรัตน์  เกียรติสุภา  ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน

ประชาชนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) กว่า 3 ล้านบาท

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ประจำจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงตรวจเยี่ยมการดำเนินงานหน่วยแพทย์ พอ.สว. จังหวัดสุรินทร์ ที่โรงเรียนห้วยจริงวิทยา อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ประชาชนจังหวัดสุรินทร์ได้ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยแพทย์ พอ.สว. จังหวัดสุรินทร์ เป็นเงินมากถึง 3,251,757 บาท

สำหรับปัจจุบันหน่วยแพทย์  พอ.สว. จังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วย แพทย์ 57 คน ทันตแพทย์ 80 คน เภสัชกร 56 คน พยาบาลวิชาชีพ 328 คน อาสาสมัครสายแพทย์และสาธารณสุขประเภทอื่นๆ 752 คน อาสาสมัครสายสนับสนุน 265 คน รวมทั้งสิ้น 1,538 คน ได้ดำเนินการปฏิบัติงานหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. 12 หมู่บ้าน 24 ครั้ง มีผู้ป่วยมารับบริการจำนวน 3,840 ราย รวมทั้งขอเป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ จำนวน 25 ราย ให้การรักษาผู้ป่วยเฉพาะโรค ได้แก่ ตาต้อกระจก จำนวน 1,961 ราย ปากแหว่ง-เพดานโหว่ จำนวน 12 ราย ฟันคุด จำนวน 21 ราย ใส่แขน-ขาเทียม จำนวน 9 ราย โรคหัวใจ จำนวน 194 ราย ทั้งนี้มีการจัดกิจกรรมทันตกรรมเคลื่อนที่มีผู้มารับบริการ จำนวน 624 ราย และจัดกิจกรรมเฝ้าระวังทางทันตสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 6 โรงเรียน มีนักเรียนได้รับบริการทันตกรรม 640 ราย



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ / รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ เตรียมจัดพิธีถวายพระพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์  โดย ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา จังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดพิธีถวายพระพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 เวลา 10.00 น. ที่อาคารอเนกประสงค์ หมู่บ้านทับทิมสยาม 04 หมู่ที่ 10 ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ โดยจะมีการทำบุญตักบาตร การวางพานพุ่มสักการะ การกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ร่วมร้องเพลงเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์

นอกจากนี้ ยังมีการปลูกหญ้าแฝกและปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่ส่วนกลางโครงการทับทิมสยาม 04 และการปล่อยพันธุ์ปลา ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสน เป็นต้น ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงจัดตั้งหมู่บ้านทับทิมสยาม 04 จังหวัดสุรินทร์ โดยมีพระประสงค์เพื่อช่วยเหลือราษฎร ให้มีที่อยู่และที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง เพื่อยกฐานะราษฎรให้มีรายได้ดีขึ้น ยุติการบุรุกตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำลำธาร กระตุ้นให้ราษฎรเกิดความรู้สึกหวงแหนแผ่นดินบ้านเกิด และร่วมพัฒนาความมั่นคงตามแนวชายแดน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน

จังหวัดสุรินทร์ มอบบ้านอยู่สุข 80 พรรษาบรมราชินีนาถ 80 ปี ยูนิลีเวอร์

นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท  ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย  ได้จัดทำโครงการบ้านอยู่สุข 80 พรรษา บรมราชินีนาถ 80 ปี ยูนิลีเวอร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ รวมถึงการแสดงความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา แห่งองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และเพื่อมอบบ้านให้กับผู้ยากไร้หรือผู้ได้รับผลกระทบทางวิกฤติต่าง ๆ ในพื้นที่ทุกภูมิภาค 30 จังหวัด จำนวน 80 หลัง

ทั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ 2 หลัง งบประมาณหลังละ 4 แสนบาท ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้พิจารณาคัดเลือกราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย เข้ารับมอบบ้านอยู่สุข 80 พรรษา บรมราชินีนาถ 80 ปี ยูนิลีเวอร์ จำนวน 2 ราย คือ นางสุมณทา แก้วประเสริฐ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 148 หมู่ที่ 8 บ้านยางบ่อภิรมย์ ตำบลนาหนองไผ่ อำเภอชุมพลบุรี และ นางหมั่น พลโททอง อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 8 บ้านหนองไม้งาม ตำบลโนน อำเภอโนนนารายณ์



สมทรง เผือกผล  ส.ปชส.สุรินทร์ /  รายงาน