เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2557 เวลา 09.00 น. นายธวัชชัย รักขนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนพระเจดีย์พุทธชยันตี ณ วัดจันทราราษฎร์ บ้านโนนไพศาล ตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬและมีพระประภัสสรมุนี เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมากและมีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ให้เกียรติ เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
นายจีระพันธ์ บุณยะมัต นายอำเภอบุ่งคล้า ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการสร้างพระเจดีย์พุทธ ชยันตีเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ว่าสืบเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 กรมการศาสนาร่วมกับคณะสงฆ์ ได้กราบบังคมทูลสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้แก่วัดอันเป็นที่ตั้งของเจ้าคณะอำเภอทั่วประเทศ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นศิริมงคลและเป็นพุทธานุสรณ์ในการน้อมรำลึก ถึงพระพุทธคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ สืบไปภายภาคหน้า ที่ทำการปกครองอำเภอบุ่งคล้า ร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอบุ่งคล้า และพุทธศาสนิกชนไทย – ลาว ได้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินกองทุนศรัทธาสร้างพระเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ งบประมาณการก่อสร้าง 2,000,000 บาท ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดย นายสุระพันธ์ ผ่านสำแดง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ตรงกับวันมาฆบูชา ได้ทำพิธียกฉัตรยอดพระเจดีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2556 ตรงกับวันแรม 5 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง จากนั้นดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมาจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐาน บนพระเจดีย์ในวันนี้ สำหรับนามพระเจดีย์นั้นเป็นศิริมงคลอย่างยิ่ง ที่ท่านพระครูสันติปัญญาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬได้ประทานนาม ให้ว่า "พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตี” สำหรับเงินบริจาคกองทุนศรัทธาสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,614,244.60 บาท หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างแล้ว เงินที่เหลือนายอำเภอบุ่งคล้า ประธานจัดหารายได้ในการดำเนินการก่อสร้าง จะได้ส่งมอบให้คณะกรรมการทำนุบำรุง รักษา พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตี เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการ เพื่อทำนุบำรุง พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตีให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
นายจีระพันธ์ บุณยะมัต นายอำเภอบุ่งคล้า ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการสร้างพระเจดีย์พุทธ ชยันตีเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ว่าสืบเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 กรมการศาสนาร่วมกับคณะสงฆ์ ได้กราบบังคมทูลสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้แก่วัดอันเป็นที่ตั้งของเจ้าคณะอำเภอทั่วประเทศ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นศิริมงคลและเป็นพุทธานุสรณ์ในการน้อมรำลึก ถึงพระพุทธคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ สืบไปภายภาคหน้า ที่ทำการปกครองอำเภอบุ่งคล้า ร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอบุ่งคล้า และพุทธศาสนิกชนไทย – ลาว ได้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินกองทุนศรัทธาสร้างพระเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ งบประมาณการก่อสร้าง 2,000,000 บาท ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดย นายสุระพันธ์ ผ่านสำแดง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ตรงกับวันมาฆบูชา ได้ทำพิธียกฉัตรยอดพระเจดีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2556 ตรงกับวันแรม 5 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง จากนั้นดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมาจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐาน บนพระเจดีย์ในวันนี้ สำหรับนามพระเจดีย์นั้นเป็นศิริมงคลอย่างยิ่ง ที่ท่านพระครูสันติปัญญาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬได้ประทานนาม ให้ว่า "พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตี” สำหรับเงินบริจาคกองทุนศรัทธาสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,614,244.60 บาท หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างแล้ว เงินที่เหลือนายอำเภอบุ่งคล้า ประธานจัดหารายได้ในการดำเนินการก่อสร้าง จะได้ส่งมอบให้คณะกรรมการทำนุบำรุง รักษา พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตี เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการ เพื่อทำนุบำรุง พระธาตุเจดีย์พุทธชยันตีให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น