พ.ต.ท.ทวนทวง ถิตย์ฉาย สวญ.ด่าน ตม.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ได้ร่วมกับพ.ต.ท.บรรชิด หวังแววกลาง สวฯ ร.ต.ต.ประเสริฐ สุขอำไพวรรณ รอง สว.ฯ พร้อมชุดสืบสวนฯ ได้สกัดกั้นขบวนการขนแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย จำนวน 30 คน หลังจากสืบทราบมาว่า ระยะนี้มีชาวกัมพูชาจำนวนมากหนีภัยแล้งจากบ้านเกิด ลักลอบเข้ามาหางานทำในประเทศไทย ทำให้แก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนเริ่มมีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก บริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ โดยคาดว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนจาก บริเวณตะเข็บแนวชายแดน อ.กาบเชิง พนมดงรัก และอ.บัวเชดเพื่อไปส่งขายแรงงานใน กทม.และเขตปริมณฑล
ปรากฏว่าการตรวจค้นพบชาวกัมพูชาทั้ง 30 คนกำลังโดยสารมากับรถบัสประจำทาง สายกรุงเทพ-ศรีสะเกษ สีฟ้า-ขาว ป. 1หมายเลขทะเบียน 10-7438 กรุงเทพฯ ผ่านที่บริเวณศาลาที่พักริมทางบ้านพาชื่น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง จึงแสดงตนสกัดดั้น โดยการเรียกรถบัสคันดังกล่าวให้หยุดรถ แล้วทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่มีหลักฐานใดๆที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ จึงได้แจ้งต่อตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงว่า มีคนติดต่อให้ไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพ ให้ค่าแรงวันละ 200 บาท จึงพากันหนีความแห้งแล้งและยากจน เดินเท้าจาก ต.โอรเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา กว่า 80 กม. เพื่อมาขึ้นรถที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวแรงงานชาวกัมพูชาทำประวัติตำหนิรูปพรรณ และคัดแยกเหยื่อเพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พร้อมสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการและนายทุนขบวนการค้าแรงงานเถื่อนต่อไป
ปรากฏว่าการตรวจค้นพบชาวกัมพูชาทั้ง 30 คนกำลังโดยสารมากับรถบัสประจำทาง สายกรุงเทพ-ศรีสะเกษ สีฟ้า-ขาว ป. 1หมายเลขทะเบียน 10-7438 กรุงเทพฯ ผ่านที่บริเวณศาลาที่พักริมทางบ้านพาชื่น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง จึงแสดงตนสกัดดั้น โดยการเรียกรถบัสคันดังกล่าวให้หยุดรถ แล้วทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่มีหลักฐานใดๆที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ จึงได้แจ้งต่อตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงว่า มีคนติดต่อให้ไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพ ให้ค่าแรงวันละ 200 บาท จึงพากันหนีความแห้งแล้งและยากจน เดินเท้าจาก ต.โอรเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา กว่า 80 กม. เพื่อมาขึ้นรถที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวแรงงานชาวกัมพูชาทำประวัติตำหนิรูปพรรณ และคัดแยกเหยื่อเพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พร้อมสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการและนายทุนขบวนการค้าแรงงานเถื่อนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น