นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการสัมมนาและมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (กธจ.) จากทั่วประเทศในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสไร้ทุจริต
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมาที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดสัมมนาเพื่อมอบนโยบายของรัฐบาลให้แก่คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและมอบนโยบายดังกล่าว ให้แก่ ก.ธ.จ. ชุดที่ 2 ที่เพิ่งได้รับการสรรหาเข้ามาทำหน้าที่ โดย ก..จ. ชุดแรกดำรงตำแหน่งครบวาระ 3 ปี แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. มีความชัดเจน และเพื่อพัฒนาให้ ก.ธ.จ. เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนให้แก่หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดปฏิบัติงานโดยใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
จากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ทุกภาคส่วนได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเสริมสร้างธรรมาภิบาล ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีความตื่นตัวและคาดหวังในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น หรือมีการออกกฎระเบียบ และสร้างกลไกขึ้นมา เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในภาคส่วนต่างๆ แต่ในสภาพความเป็นจริง การบริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชนยังมีปัญหาในเรื่องการขาดธรรมาภิบาล และความโปร่งใส ก.ธ.จ. ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนภาคประชาสังคม ภาคสมาชิกสภาท้องถิ่น และภาคธุรกิจเอกชน จึงถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้น ความสำเร็จในการทำงานของ ก.ธ.จ. จะสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายภาคประชาชน ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการสอดส่อง และเสนอแนะหน่วยงานภาครัฐให้ปฏิบัติภารกิจด้วยความโปร่งใส มีความคุ้มค่า และสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดจะเป็นกลไกสำคัญในการทำให้เกิดความสำเร็จของการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งความสำเร็จนี้จะก่อให้เกิดการสร้างระบบธรรมาภิบาลขึ้นในหน่วยงานภาครัฐ อันจะส่งผลถึงการสอนองตอบต่อความต้องการและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีกทางหนึ่ง
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมาที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดสัมมนาเพื่อมอบนโยบายของรัฐบาลให้แก่คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและมอบนโยบายดังกล่าว ให้แก่ ก.ธ.จ. ชุดที่ 2 ที่เพิ่งได้รับการสรรหาเข้ามาทำหน้าที่ โดย ก..จ. ชุดแรกดำรงตำแหน่งครบวาระ 3 ปี แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. มีความชัดเจน และเพื่อพัฒนาให้ ก.ธ.จ. เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนให้แก่หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดปฏิบัติงานโดยใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
จากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ทุกภาคส่วนได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเสริมสร้างธรรมาภิบาล ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีความตื่นตัวและคาดหวังในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น หรือมีการออกกฎระเบียบ และสร้างกลไกขึ้นมา เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในภาคส่วนต่างๆ แต่ในสภาพความเป็นจริง การบริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชนยังมีปัญหาในเรื่องการขาดธรรมาภิบาล และความโปร่งใส ก.ธ.จ. ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนภาคประชาสังคม ภาคสมาชิกสภาท้องถิ่น และภาคธุรกิจเอกชน จึงถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้น ความสำเร็จในการทำงานของ ก.ธ.จ. จะสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายภาคประชาชน ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการสอดส่อง และเสนอแนะหน่วยงานภาครัฐให้ปฏิบัติภารกิจด้วยความโปร่งใส มีความคุ้มค่า และสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดจะเป็นกลไกสำคัญในการทำให้เกิดความสำเร็จของการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งความสำเร็จนี้จะก่อให้เกิดการสร้างระบบธรรมาภิบาลขึ้นในหน่วยงานภาครัฐ อันจะส่งผลถึงการสอนองตอบต่อความต้องการและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีกทางหนึ่ง
สมพงษ์ ปัตตานี/ข่าว ศิรินทรา แก้วบุญเรือง/พิมพ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น